25 พฤศจิกายน 2567, 21:45:45
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 129 130 [131]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 925311 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3250 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 07:31:27 »

มีการฝึกในห้องเรียน




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3251 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 07:35:29 »

ฝึกโขนตัวยักษ์ มีกระบอง



ฝึกโขนตัวพระหน้ากระจก  โปรดสังเกต นิ้วมือเด็กสวย




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3252 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 11:03:31 »

พลังศรัทธา! พระสงฆ์ 2,375 รูป สวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ หน้าองค์พระปฐมเจดีย์

                        




เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม  บริเวณลานปูนหน้าวิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ ทิศเหนือองค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร  พระธรรมปริยัติเวที  เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 15 เป็นประธานนำคณะสงฆ์2,375 รูป จากจังหวัดราชบุรี  จ.เพชรบุรี  จ.สมุทรสงคราม  และประจวบคีรีขันธ์  ในเขตปกครองภาค 15 เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและเฉลิมพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 82 พรรษา  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร  ทรงเจริญพระชนมพรรษา 62 พรรษา...ข่าวมติชน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3253 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 11:52:58 »

ด้วยพระบารมี ฝน ลมไม่มี ทุกอย่างเสร็จด้วยดี
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3254 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 12:47:55 »

ต่อจากบทความเสือป่า และมีปรากฎในหนังสือ"นายใน"

การปะทะระหว่างเสือป่ากับคณะ ร.ศ. 130

คณะทหาร ร.ศ. 130 กลุ่มข้าราชสำนักมหาดเล็กส่วนพระองค์ที่เป็น “เสือป่ารักษาพระองค์” หรือ “กองเสือป่าหลวง” เปรียบเสมือนขั้วตรงข้ามโดยสิ้นเชิง นับตั้งแต่พ.ศ. 2452 ตามบันทึกของ ร.ต. เหรียญ ศรีจันทร์ และ ร.ต. จรูญ ษตะเมษ เชื่อว่า “มหาดเล็กสมเด็จพระบรม” 2คน ใช้ไม่รุมตีหัวนายดาบกรมทหารราบที่แต่งกายพลเรือนอกมาเที่ยว จนต้องหนีเข้ากรมทหาร ซึ่งบรรดามหาดเล็กก็วิ่งตามไปยืนท้าทายหน้ากรมทหาร จึงถูกนายทหารรวม 5 คนวิ่งไล่ตีไปจนถึงหน้าประตูวังปารุสก์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพิโรธอย่างมาก ทรงถือว่าเป็นการกระทำอุกอาจถึงหน้าประตูวังพระรัชทายาท แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น พระองค์ทรงกดดันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยการยืนกรานที่จะสละพระอิศริยยศพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร หากไม่ทรงลงพระอาญานายทหารผู้ที่ทำร้ายมหาดเล็กของพระองค์ด้วยการเฆี่ยนหลัง ซึ่งรูปแบบการเฆี่ยนหลังตามจารีตนครบาล ผู้ที่ถูกเฆี่ยนต้องนั่งเหยียดขาเข้าขื่อคา
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3255 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 12:57:10 »

สังคมชายล้วนของพระองค์นำไปสู่ค่าใช้จ่ายจำนวนมากนับตั้งแต่ยังไม่ได้ทรงขึ้นครองราชย์ เช่นการก่อสร้างปรับปรุงตบแต่งภายในพระตำหนักและที่พักของสมาชิกสังคมชายล้วนในพระราชวังทั้งในพระนครและหัวเมือง (สำนักงานราชเลขาธิการ, แฟ้มที่ 111 “พระบรมโอรสาธิราชขอรับเงิน”) แม้จะใช้จ่ายจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แต่นำไปสู่การติดหนี้สินห้างร้านหลายแห่งจนต้องทรงขอยืมเงินจากพระคลังข้างที่จำนวนมาก และได้สร้างความกังวลพระทัยต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างมากว่าสถาบันกษัตริย์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงและนำมาสู่ความพินาศอับจนของประเทศ (หจช., ร.5 ค. 9.2/34 “ร่างพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช” 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2452) ขณะเดียวกัน บรรดาสมาชิกในสังคมชายล้วนก็ทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกิตติศัพท์เกี่ยวกับอิทธิพลและอำนาจบารมีเป็นที่กล่าวขวัญและยำเกรงของผู้คนทั่วไปทั้งชาวบ้านและชาววัง เพราะไม่เพียงเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด แต่ยังทำหน้าที่ระแวดระวังตรวจตราผู้ที่จะเข้าเฝ้า มีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรให้เข้าเฝ้าหรือไม่ และสามารถกีดกันหากเห็นว่าไม่เหมาะสมตั้งแต่บุคคลธรรมดาสามัญไปจนถึงเจ้านายในพระราชวงศ์ มหาดเล็กแม้แต่ชั้นผู้น้อยจึงมีอำนาจและเป็นที่ยำเกรงกันทั่วไป (Sarasas, Pra, 1956, p. 138)
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3256 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 13:02:33 »

เหตุการณ์ ร.ศ. 130 นำไปสู่ความเข้าใจพอที่จะสันนิษฐานได้ว่าระยะเวลาประมาณ 8 ปีที่ทรงดำรงสถานะพระยุพราช และประมาณ 2 ปีที่ทรงเป็นกษัตริย์ พระองค์กับสังคมชายล้วนของพระองค์ไม่ได้เป็นที่รักใคร่และชื่นชอบมากนักอย่างน้อยที่สุดกับนายทหารชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมชายล้วนแบบเสือป่า ที่แม้จะเป็นกิจกรรมที่เล่นสนุกกันเฉพาะมหาดเล็กพระสหายหนุ่ม แต่มีการโปรดฯให้พระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงร่วมกิจกรรมด้วย โดยโปรดฯให้มีอำนาจและยศต่ำกว่าบรรดาข้าราชบริพารมหาดเล็ก เช่นเจ้าพระยารามราฆพที่ไม่มีความรู้ด้านทหารเป็นนายกองโทและนายกองเอกในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่บรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เช่น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมกลวงจันทบุรีนฤนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ที่รับราชการฝ่ายทหาร เช่น สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ได้รับการโปรดฯให้เป็นนายกองตรี ประเภทสมาชิกพิเศษซึ่งได้รับการถวายพระยศเพื่อเป็นเกียรติเท่านั้น ย่อมนำไปสู่ความไม่พอพระทัยและความไม่พอใจอย่างมากต่อบรรดานายทหารคณะร.ศ. 130 ที่ต่างเป็นลูกศิษย์สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ (อัจฉราพร กมุทพิสมัย, 2524, น. 138-139)

ในการฝึกซ้อมเสือป่าประจำวัน ที่ผู้นำซ้อมเป็นนายกองเสือป่าซึ่งมักเป็นมหาดเล็กข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดเป็นการส่วนพระองค์และไม่มีความรู้ด้านการทหาร ได้สร้างความไม่พอใจให้กับทหารอาชีพและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่สมัครเสือป่าและมียศเสือป่าต่ำกว่า ขณะเดียวกันเมื่อเสือป่าต้องการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ทว่าจำนวนไม่เพียงพอต่อการฝึกหัดพระองค์จึงทรงมีพระบรมราชโองการสั่งซื้ออาวุธจากกระทรวงกลาโหมทั้งๆที่ไม่ได้มีไว้เพื่อขายเพราะเป็นกำลังของแผ่นดินและเป็นของหลวงที่สำคัญ (อัจฉราพร กมุทพิสมัย, 2524, น. 147, 149-150) และแม้พระองค์ทรงอ้างว่าการฝึกหัดเสือป่าเป็นเพียงการฝึกหัดกำลังกายและวินัยพลเรือนที่เป็นอาสาสมัคร ให้มีความรักกษัตริย์ ชาติ ศาสนา (เสทื้อน ศุภโสภณ, 2504. น. 13) แต่ถึงกระนั้นกิจกรรมเสือป่ากลับต้องมาก่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เพียงมีพระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดีในฐานะนายพลเสือป่าว่าเดือนกุมภาพันธ์ถือว่าเป็นเดือนประลองยุทธ ไม่ให้กำหนดงานลงไปในเดือนนี้ (อมรดรุณารักษ์, 2511 ก, น. 55) จึงต้องงดงานราชการและตามเสด็จซ้อมรบเสือป่า  ซึ่งการซ้อมรบก็ไม่ได้ซ้อมจริงจัง เป็นเรื่องเล่นๆ อย่างเช่น ยิงปืนด้วยปาก แต่ทำให้เหนื่อยเปล่าเพราะต้องออกไปไกลถึงนครปฐม อดหลับอดนอนเหน็ดเหนื่อยกลับมาทำงานไม่ไหวเช่นเดียวกับการฝึกเสือป่าต้องฝึกทุกวันซึ่งส่วนใหญ่เพียงเดินไปเดินมาเหนื่อยเปล่าไม่ได้เกิดประโยชน์และเปลืองแรง (หจช., ร.6 บ. 17/12 “เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ กราบบังคมทูล” 8 มีนาคม พ.ศ. 2455)

จบ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3257 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2557, 19:25:42 »

เผยต่างชาติฮิตเมนูน้ำตกหมู-ไก่ของไทย

สถาบันอาหารได้สำรวจกลุ่มอาหารไทยยอดนิยมของลูกค้าต่างชาติในปีนี้ พบว่า อาหารไทยที่ได้รับความนิยมสูงมากคือ น้ำตกหมู ที่เป็นเมนูอาหารที่ลูกค้าชาวยุโรปชื่นชอบมาก


 

ข่าวโพสต์ทูเดย์
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3258 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2557, 15:40:31 »

งานวันที่ศิษย์เก่ามาเจอกัน ครบรอบโรงเรียน ๑๑๙ ปี



โรงเรียนครบรอบ 119 ปี งานเลี้ยงศิษย์เก่าโรงเรียนทวีธาภิเศก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานมูลนิธิโรงเรียนทวีธาภิเศก เป็นประธานเปิดงาน มอบโล่ศิษย์เก่าดีเด่น และมอบเงิน 200,000 บาท ให้แก่โรงเรียนฯ ในคืนสู่เหย้าชาวทวีธาภิเศก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2557 ที่โรงเรียนทวีธาภิเศก จัดโดย สมาคมศิษย์เก่าทวีธาภิเศก

                  

                  
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3259 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2557, 18:21:02 »

 


พระปฐมปาฎิหาริย์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระราชวังสนามจันท์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้เกิดปรากฎการณ์พระปฐมปาฎิหาริย์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ ๒๔ ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๘ พ.ศ.๒๔๕๒ เมื่อเวลา ๒ ยาม ๕๕ นาที (๐๐ : ๕๕ น.) พระยาคทาธรธิบดี - เทียบ อัศวรักษ์ ขณะดำรงตำแหน่ง นายวรการ (หนึ่งใรนายใน ที่ทรงโปรดฯ) กราบทูลให้ทรงทอดพระเนตรพระปฐมเจดีย์ พบว่ามีแสงสว่างโพลงไปทั้งองค์ มีสีคล้ายหิ่งห้อยอยู่จนถึงเวลา ๗ ทุ่ม ๑๒ นาที ( ๐๐ : ๑๒ น.) เป็นเวลานานถึง ๑๗ นาที รัศมีตั้งแต่ยอดมงกุฎจรดปล้องไฉนจึงหายวูบไป ต่อมาอีกราวครึ่งนาที แสงคอระฆังจึงหายไปเป็นอัศจรรย์ จึงทรงกราบพระปฐมเจดีย์และสวดบทอิติปิโส ครั้งนั้นมีพระองค์และข้าราชบริพารอยู่ในเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก โปรดฯให้จดรานามผู้เห็นเหตุมหัศจรรย์ครั้งนี้พร้อมกันกับพระองค์ได้ ๖๘ ราย นอกจากนี้แล้วยังมีราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยอีกหลายราย วันรุ่งขึ้น โปรดฯให้ฉลองพระปฐมเจดีย์ และเดินเวียนเทียน (จดหมายเหตุรายวัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, หน้า ๒๐ - ๒๕)

ทรงกราบบังคมทูลเล่าเหตุการณ์ครั้งนี้ให้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงทราบ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเล่าว่าพระองค์ทรงเคยเห็นพระปฐมปาฎิหาริย์ด้วยพระองค์เองถึง ๒ ครั้ง ในเวลายามหนึ่ง คือประมาณ ๓ ทุ่ม (๒๑ : ๐๐ น.) มักเกิดในระหว่างเดือน ๑๑ เดือน ๑๒ และเดือนยี่ และเวลาที่ทรงทอดพระเนตรเห็นนั้น ข้าราชบีิพารเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมากกว่านี้ (เรื่องพระปฐมเจดีย์, หน้า ๒๒๙)

นอกจากนี้ ย้อนไปถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงบูรณปฎิสังขรพระปฐมเจดีย์อยู่นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินไปสักการะ และสมโภชพระปฐมเจดีย์ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๐ ทรงทอดพระเนตรเห็นดวงรัศมีสีขาวย้อยออกมาตามซุ้มคูหาด้านตะวันออก ตกลงมาหายไปที่หลังวิหารพระไสยาสน์เก่า ซึ่งปัจจุบันคือวิหารหลวง มีผู้เห็นเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก (เรื่องพระปฐมเจดีย์, หน้า ๒๒๙)

นอกจากเหตุการณ์พระปฐมปาฎิหาริย์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพระเนตรพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสามพระองค์แล้ว ยังมีบันทึกไว้ว่าในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๙ มีผู้เห็นดวงไฟสว่างออกมาทางซุ้มคูหาทิศเหนือ และวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๙ มีผู้เห็นรัศมีส่องไปทางองค์พระปรางค์เหมือนแสงดอกไม้เทียบจับอยู่ที่องค์พระ

กล่าวกันว่า พระปฐมปาฎิหาริย์เกิดขึ้นทุกปีๆละสองครั้งบ้าง สามครั้งบ้าง เมื่อสมโภชเวียนเทียนคราวใดเป็นได้เห็นทุกคราว

นอกจากพระปฐมปาฎิหาริย์แล้ว ยังมีบันทึกครั้งโบราณที่กล่าวถึงพระธาตุปาฎิหาริย์อีกหลายครั้ง เช่น พระเกศาธาตุที่มหิยังคนเจดีย์ กรุงลังกา, พระธาตุปาฎิหาริย์ที่เมืองบางจา เป็นต้น ( ชินการลมาลีปกรณ์, หน้า ๑๐๖ - ๑๑๑ : ตำนานมูลศาสนา, หน้า ๑๙๕ - ๑๙๖ : พงศาวดารโยนก, หน้า ๒๙๒ - ๒๙๗)

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ดปรดฯให้สร้างเหรียญที่ระลึก พระปฐมปาฎิหาริย์ เป็นเหรียญกลม ขนาดผ่าศูนย์กลาง ๒.๖๕ เซนติเมตรมีหูเชื่อม เนื้อเงิน
ด้านหน้าเป็น พระธรรมจักร
ด้านหลัง เป็นตัวอักษร
แบบแรก : วันอาทิตย์    ที่ ๒๔ ตุลาคม    ร,ศ, ๑๒๘ เดือน ๑๑ ขึ้น    ๑๐ ค่ำ เวลา ๒ ยาม ๕๕ นาที  พระปฐมปาฎิหาร
แบบที่สอง : พุทธสาสนายุกาล  ล่วงแล้วได้ ๒๔๕๒ พรรษา  วันที่ ๒๔ ตุลาคม  ร,ศ, ๑๒๘  เวลา ๒ ยาม ๑๕ นาที  พระปฐมปาฎิหาริย์

หมายเหตุ : มีการตรวจสอบในภายหลังพบว่า เวลา ๒ ยาม ๑๕ นาที ในแบบที่สองผิดพลาด จึงโปรดฯให้จะดทำเหรียญแบบแรกออกมาแจกจ่ายให้ผู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นเป็นที่ระลึก


ปัจจุบันเป็นเหรียญที่หายากมากที่สุด เพราะจัดสร้างตามจำนวนผู้ร่วมเห็นในเหตุการณ์ในคืนนั้น และเวลาผ่านมา ๑๐๕ ปีแล้ว ส่วนหนึ่งสูญหายไปเพราะทายาท และไม่พบเห็นมาหลายปีแล้วครับ


ข้อมูล : พิพิธภัณฑ์เหรียญที่ระลึกไทย http://www.thaimedals.com/web/2452_5.php
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3260 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2557, 18:32:31 »

ขอบพระคุณมากในความรู้ที่มาแบ่งปัน. เจดีย์นี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชทีเผยแผ่ถึงสุวรรณภูมิ เป็นพระเจ้าอโศกที่เผยแพร่พุทธศาสนาในอินเดียโดยสร้างเสาสิงห์ไว้ทุกแห่งที่ดำเนินการเสร็จ ซึ่งต่อมาคือเสาอโศก พีีสิงห้ถ่ายภาพมาสวยด้วยครับเสาอโศกที่กล่าวถึง
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3261 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2557, 18:37:39 »

เหรียญพระราชทานให้ท่านที่อยู่ในเหตการณ์ จึงมีน้อยมาก
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3262 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2557, 18:50:44 »

น่าจะเป็นเช่นนั้น
เคยถามรุ่นพี่ที่ รร.พระปฐมวิทยาลัยคนหนึ่ง ซึ่งปู่ (มียศเป็นหลวง) เคยทำงานอยู่ที่พระราชวังสนามจันท์
และปัจจุบันบ้านเดิมยังอยู่ตรงข้ามพระราชวังสนามจันท์
บอกเคยเห็นเหรียญนี้ตอนเป็นเด็ก แต่ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เหรียญนี้ ตกไปอยู่กับใคร
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3263 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2557, 08:56:41 »

ไปกาญจนบุรีวันนี้กลับวันศุกร์ ฝนแบบนี้ป่าน่าจะสวย   สินค้าชุมชน เห็ด หน่อไม้  ท่าจะดีด้วย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3264 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2557, 09:25:20 »

น้องเริง พูดถึงเห็น กำลังคิดถึง "เห็ดโคน" อยู่พอดีเลย ไมี่รู้ว่าจะมีออกมาแล้วหรือยัง ??
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3265 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2557, 20:30:30 »

ผ่านร้านค้าริมทางน่าจะมีแล้ว 

ผมผ่านทางเส้นไปศรีสวัสดิ์

หากไปเส้นไทรโยค ทองผาภูมิ น่าจะมีมาก
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3266 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2557, 23:52:50 »

มาพักแถวลาดหญ้า ในสมัยก่อนเคยเป็นหนึ่งพื้นที่ของเส้นทางทัพพม่าในสงครามเก้าทัพ......นานมาแล้ว
 
จะมีภาพและเรื่องราวตามมา. เป็นวีรกรรมของนักรบผู้กล้าทึ่ทุ่งลาดหญ้า
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3267 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2557, 13:06:32 »

มีอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ. ที่ด่านช่องสะเดาเพื่อ าสะกัดพม่าก่อนจะมาถึงกาญจนบุรี(เมืองเก่าอยู่ใกล้ตรงนี้  ก่อนที่จะย้ายมาปากแพรกที่เป็นเดี๋ยวนี้)ด้วย ที่น่าสนใจมากเลย

ทั้งหมดนี้ วันศุกร์ครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #3268 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2557, 15:42:36 »

อุทยานฯห่างจากลาดหญ้า 25 กม.และก่อนถึงจะผ่านสถานฝึกรด.เขาชนไก่ซึ่งเคยฝึกมาแล้วครั้งเรียนรด.ปีสาม
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 129 130 [131]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><