หน้าแรกเว็บบอร์ด
แนะนำตัว
เพิ่ม/แก้.ข้อมูลส่วนตัว
ห้องโถงรวมรุ่น
Webสมาคมฯ
ปฏิทินนัดหมาย
สมัครสมาชิก
22 พฤศจิกายน 2567, 17:59:32
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน
[สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A
A
A
A
ระเบียบปฎิบัติ
Entire Forum
This board
This topic
Members
Entire Site
Languages
Cmadong Chula
|
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
|
ห้องธรรมะ...สาธุ....
| หัวข้อ:
"นักโทษประหาร"
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: "นักโทษประหาร" (อ่าน 6366 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
"นักโทษประหาร"
«
เมื่อ:
11 สิงหาคม 2552, 18:07:00 »
พบบทความในลานธรรมดอทเนต ขอนำมาให้พวกเราได้อ่านกัน
เพื่อหาทางออกจากการเป็น
นักโทษประหาร
ปัญหาและคำตอบในเรื่อง
"นักโทษประหาร"
1. เรือนจำใหญ่ได้แก่ อะไร ทำไมจึงเรียกว่า เรือนจำ
ตอบ เรือนจำใหญ่ได้แก่โลกนี้ทั้งโลก ถ้าพูดอย่างกว้าง หมายถึงภพทั้งสามภพ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ซึ่งเป็นดินแดนตายของสัตว์ เหตุที่ได้ชื่อว่าเรือนจำก็เพราะเป็นที่กักขังสัตว์ไว้ มิให้บรรลุถึงพระนิพพาน
2. นักโทษประหารหมายถึงใคร ทำไมจึงเรียกว่านักโทษประหาร
ตอบ นักโทษประหารหมายถึง สัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม เหตุที่เรียกว่านักโทษประหารก็เพราะว่า สัตว์ทั้งหลายในสามภพ ไม่ว่าจะเกิดในกำเนิดต่ำหรือสูง จะต้องตายทั้งสิ้น
3. ข้อที่ว่า นักโทษไม่รู้ว่าตัวเป็นนักโทษถูกขังอยู่ในเรือนจำนั้นหมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายความว่าสัตว์ที่เกิดในสามภพ หารู้สึกตัวไม่ว่าตนติดอยู่ในห้วงทุกข์ และจะต้องตาย แต่มัวสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่ในภพนั้น ๆ จนลืมตัว
4. ข้อที่ว่านักโทษในเรือนจำรวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ช่วยเหลือกันและกัน แสวงหาสมาชิกมาเข้ากลุ่ม และมีการเฉลิมฉลองเมื่อมีสมาชิกใหม่นั้น หมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายความว่า คนในโลกรวมกันอยู่เป็นครอบครัว เมื่อมีคนเกิดขึ้นในครอบครัวก็ดีอกดีใจ ถ้าไม่มีก็พยายามที่จะให้มีทุกวิถีทาง
5. ตำรวจที่นำนักโทษมาส่งเรือนจำหมายถึงอะไร
ตอบ หมายถึงชาติหรือความเกิด ซึ่งส่งให้สัตว์มาเกิดในภพทั้งสาม
6. กำแพงทั้งสามชั้นที่ล้อมเรือนจำไว้หมายถึงอะไร
ตอบ กำแพงอิฐชั้นใน หมายถึงกรรมดีและชั่ว ที่เป็นเหตุให้สัตว์เกิดในสามภพ กำแพงหินชั้นกลางหมายถึงกิเลสหยาบ เช่น โลภ โกรธ หลง อันเป็นเหตุให้สัตว์ทำกรรม กำแพงเหล็กชั้นนอกหมายถึงอวิชชา ซึ่งเป็นกิเลสละเอียดทำลายได้ยาก แม้เกิดในพรหมโลกก็ยังมีอวิชชา
7. ขวานหิน ขวานเหล็ก ขวานเพชร สำหรับทำลายกำแพงอิฐ กำแพงหินและกำแพงเหล็กหมายถึงอะไร
ตอบ ขวานหิน หมายถึง ศีล สำหรับควบคุมกายวาจาให้เรียบร้อย
ขวานเหล็ก หมายถึง สมาธิ สำหรับปราบกิเลสหยาบ
ขวานเพชร หมายถึง ปัญญา ซึ่งใช้สำหรับทำลายกิเลสละเอียด คืออวิชชา
8. นักโทษที่กำลังแหกคุก โดยใช้ขวานทำลายกำแพงอิฐ กำแพงหิน และ กำแพงเหล็กหมายถึงใคร
ตอบ หมายถึง พุทธบริษัททั้งสี่ ผู้เห็นภัยในวัฏฏะ ปฏิบัติตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อทำลายกรรม กิเลสหยาบและกิเลสละเอียด เพื่อความเป็นอิสระจากวัฏฏะ
นักโทษที่กำลังทำลายกำแพงอิฐมีมาก เปรียบเหมือนคนที่ปฏิบัติขั้นศีลได้มีมาก
นักโทษที่กำลังใช้ขวานเหล็กทำลายกำแพงหินมีน้อยลง เปรียบเหมือนพุทธบริษัทขั้นสมาธิมีน้อย
นักโทษที่ใช้ขวานเพชรทำลายกำแพงเหล็กมีน้อยที่สุด เปรียบเหมือนพุทธบริษัทที่เข้าถึงปัญญามีน้อย
9. ทางเรือนจำไม่ห้ามป ราม นักโทษที่คิดจะแหกคุก และถ้าแหกคุกได้สำเร็จยังได้รับสิทธิพิเศษให้เข้าออกเรือนจำได้ ทุกเวลา ให้ชักชวนนักโทษอื่น ๆ ให้แหกคุกได้หมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายความว่า วัฏฏะไม่เคยกีดกันผู้ที่จะปฏิบัติตามศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อบรรลุพระนิพพานเมื่อบรรลุพระนิพพานแล้ว จะเทศนาสั่งสอนให้สัตว์ทั้งหลายทำลายวัฏฏะเสีย ก็อาจทำได้
10. บุรุษผู้ยืนโฆษณาชักชวนให้นักโทษแหกคุกและแจกขวานหิน ขวานเหล็ก ขวานเพชรหมายถึงใคร
ตอบ หมายถึงพุทธบริษัทผู้เห็นภัยในวัฎฎะ ปฏิบัติตามศีลสมาธิปัญญาจนบริสุทธิ์หลุดพ้นด้วยตนเอง แล้วสั่งสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติตาม การที่นักโทษไม่ค่อยสนใจ เปรียบเหมือนมนุษย์ในโลกที่มัวเพลิดเพลินอยู่กับอารมณ์ของโลก ไม่สนใจในพระศาสนา ไม่ปฏิบัติตามศีลสมาธิปัญญา
11. การที่ "ข้าพเจ้า" เข้าไปเยี่ยมเรือนจำ แล้วก็พลอยถูกจับกลายเป็นนักโทษประหารไปด้วยหมายความว่าอย่างไร
ตอบ หมายความว่า ใคร ๆ ก็ตามที่ไปเกิดในภพทั้งสามแล้วจะต้องตายทั้งสิ้น
12. เจ้าหน้าที่ทั้งสามของเรือนจำที่ควบคุม "ข้าพเจ้า" อยู่ทุกฝีก้าวนั้นหมายถึงอะไร
ตอบ เจ้าหน้าที่ทรมานสัตว์โดยการค่อย ๆ ตัดอวัยวะต่าง ๆ ออกทีละน้อย หมายถึงชรา ความแก่ เจ้าหน้าที่ ปล่อยสัตว์ร้ายกัดนักโทษให้ตาย หมายถึงพยาธิ ความเจ็บป่วย เพชฌฆาตผู้ประหารชีวิตนักโทษโดยตรง หมายถึงมรณะ ความตาย.
http://larndham.net/index.php?showtopic=17802
............................................ จบ ............................................
บันทึกการเข้า
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
Re: "นักโทษประหาร"
«
ตอบ #1 เมื่อ:
28 พฤษภาคม 2553, 11:25:56 »
นอกจากพวกเราเป็น
นักโทษประหาร
แล้วพวกเรายังมีกรรมเป็นของตนเองด้วยโดย
เป็นทั้ง ผู้จองเวร และ ถูกจองเวรด้วย
จึงขอนำเนื้อหาเรื่องการขออโหสิกรรมที่พบมาให้พวกเราได้อ่านด้วย เพื่อให้พิจารณา
[narongsak.com]
From:
narongsak@yahoogroups.com
on behalf of ........
Sent: Friday, May 28, 2010 10:30:22 AM
To: .......
ขอให้ผู้เจริญใน ธรรมทุกท่านมีความสุข กาย สุขใจปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ
ในวันวิสาขะบูชา
เป็นการสั่งสมบุญบารมีต่อ ๆ ไป..สาธุ..อนุโมทนา ค่ะ
~เหตุแห่งกรรมจะระงับลงได้นั้นย่อมมีสาเหตุที่สำคัญเพียง 2 ประการเท่านั้น~
1.กรรมนั้นให้ผลเต็มที่แล้วจึงยุติ ไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะรอให้ผลถึงที่สุดจึงยุติ
2.การให้อโหสิกรรม ก่อนที่กรรมจะให้ผลเต็มที่
ดังนั้นถ้าพิจารณากันจริง ๆ แล้วจะเห็นว่าวิธีการที่เหมาะสมที่สุด คือ
การให้อโหสิกรรมต่อกัน ปัญหามีอยู่ว่า เราขออโหสิกรรมได้
แต่เจ้ากรรมนายเวรจะยอมรับหรือเปล่าเท่านั้น เพราะความอาฆาตรพยาบาทมันมีมาก
ก็จะทำให้เกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ คือไม่ยอมรับและให้อโหสิกรรมแน่นอน
พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ท่านยังหนีกรรมไม่พ้นเลย แล้วพวกเราปุถุชนคนกิเลสยังหนา
จะพ้นได้อย่างไร
ในที่นี้จึงไม่อาจใช้คำว่า "ตัดกรรม" แต่จะขอใช้คำว่า "แก้ไขวิบากกรรม"
หมายถึง แก้ไขให้ดีขึ้นหรือหมดไป โดยอาศัยหลักธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลัก
ในการแก้ไข มิใช่ไสยศาสตร์ดังเช่นที่บางคนคิด ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นขอให้ท่านติดตามต่อไป
แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป
1.ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
ที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ
เพื่อให้ดวงวิญญาณนั้นเห็นว่า เรามีความตั้งใจจริงและสำนึกในผลกรรมที่ได้กระทำลงไป เช่น
การทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ถวายผ้าไตร ไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ
แล้วตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวของเราเท่านั้น
แต่ท่านต้องเข้าใจเสียก่อนว่านี่เป็นเพียงทานกุศล เป็นกุศลเบื้องต้นที่ยังหยาบอยู่ซึ่งอาจจะ
ไม่พอเพียงสำหรับการไถ่โทษฑัณฑ์ที่ได้กระทำผิดไว้กับเจ้ากรรมนายเวรตนนั้นก็ได้
2.การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ตามเพศสภาวะ
ส่วนจะเป็นการบวชกี่วันย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เมื่อบวชแล้ว
ควรสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้า-เย็น เจริญสมาธิภาวนาให้มาก เพราะเป็นกุศลที่ละเอียดสูง
กว่าการให้ทานข้างต้น เพราะการบวชชีพราหมณ์หรือการถือศีล 8 เป็นระดับของบุญที่สูงกว่า
การให้ทาน นอกจากจะมีโอกาสทำวัตรเช้าเย็น ก็ยังได้นั่งสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่เป็น
ทิพย์ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย หรือ ถ้าเป็นกรรมหนักและเป็นผู้ชายก็อาจบวชพระ
เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรก็ยิ่งดีมาก
3.เจริญสมาธิภาวนา
แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม
เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ เพราะ
บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นกุศลที่ละเอียดมากและสูงที่สุด ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของ
ทุกดวงจิดดวงวิญญาณ เพราะ
ผู้มีกายทิพย์หรือกายละเอียดย่อมอยากได้บุญที่ละเอียดเช่นกัน อีกประการหนึ่ง
จะเป็นการคลายขันธ์หรือปรับปรุงธาตุขันธ์ให้ผ่อนคลายระงับ เบญจขันธ์อันประกอบด้วย
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ กรรมเล็ก กรรมน้อย จะถูกขับผ่อนคลายออกจากขันธ์ได้
ทำให้ดีขึ้นและเกิดปิติสุขตามมา ให้จิตแน่วแน่มั่นคง จนจิตดิ่งวูบจนเกิดความสงบและสุขในใจ
แล้วแผ่เมตตาให้ดวงจิตดวงวิญญาณนั้นมาอนุโมทนา และให้เป็นอโหสิกรรมต่อกัน เพราะ
องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวว่า
หากเราทำจิตให้นิ่งสงบได้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ย่อมสามารถปิดอบายภูมิได้ คือ
ทำความดีหนีความชั่ว
ดังนั้นแม้ไม่อาจจะไปบวชชีพราหมณ์ได้ ก็อยู่ปฏิบัติเอาเองที่บ้านก็ได้ แต่ขอให้ทำจริงเท่านั้น
4.การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน
ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย
วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี
หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที
ดังนั้นหากเจ้ากรรมนายเวรใดปรากฏตนต่อหน้าในขณะนั้น ก็พึงประกาศขออโหสิกรรมกันทันที
หากแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอม กรรมนั้นก็ย่อมดำเนินการส่งผลต่อไป
ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำบุญแล้วให้กรวดน้ำแผ่เมตตา ระบุถึงเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า หรือ
ที่ติดตามข้าพเจ้า ให้มาอนุโมทนาในส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้นี้ และ
กรรมอันใดที่ได้กระทำไปโดย เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจที่จะอุทิศให้แก่เขาจริง ๆ และด้วยความสำนึกผิด
5.ขอร้องไกล่เกลี่ย
เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัวไม่ดีขึ้น
ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้
ดังนั้น
“พระสงฆ์”ผู้ทรงศีล จึงเป็นทางออกที่ดี
เพราะท่านเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และ
มีศีล 227 ย่อมมีวิธีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ เพราะเราเป็นจำเลย แต่วิญญาณที่อาฆาตเป็นโจทก์
ดังนั้นถึงแม้เราจะพยามสร้างบุญสร้างกุศลทุกรูปแบบแล้ว เจ้ากรรมนายเวรอาจจะยังไม่ยอมก็ได้
เพราะความโกรธยังมีอยู่จึงไม่ยอมฟังเสียงร้องขอของเรา
จึงจำเป็นต้องอาศัยคนกลางที่เป็นที่เคารพนับถือหรือเกรงใจกันไกล่เกลี่ยให้
โดยอาศัยจิตสำนึกในบาปบุญที่ได้กระทำมา และสร้างกุศลอยู่เสมอเป็นสำคัญ
ประกอบด้วยพระสงฆ์ที่มีบุญฤทธิ์และเมตตาจิตที่แผ่เมตตาโปรดสัตว์ผู้ทุกข์ยากทั้งหลาย
ให้เกิดปัญญาดวงตาเห็นธรรม จนยอมละวางและให้อโหสิกรรมต่อกัน
เจ้ากรรมนายเวร ก็คือ ดวงจิตดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทกันมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน
จะมากหรือน้อยก็ย่อมขึ้นอยู่กับ บุพกรรม ของแต่ละคน บางดวงจิตดวงวิญญาณ
หากมาจุติเป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็จะคอยจองล้างจองพลาญ หาทางทำลายเราในทุกโอกาส
ทุกสถานที่ในรูปแบบต่าง ๆ กัน ต่างกรรมต่างวาระ
จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเราแปรเปลี่ยนไป หมุนเวียนกันไป ดีบ้างแย่บ้าง
สุดแท้แต่กรรมดีหรือกรรมชั่วจะส่งผล
ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท เราจึงควรสั่งสมบุญไว้ หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา
เอาบุญเป็นตัวนำ เพื่อถ่วงดุลความชั่วให้ส่งผลช้าหรือไม่สามารถให้ผลได้ทัน
เพราะน้ำหนักบุญมากกว่าน้ำหนักบาปนั่นเอง
XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
อย่างไรก็ตาม การทำดี ละเว้นชั่ว ทำใจให้ผ่องใส ตามแก่นพระพุทธศาสนา
เป็นการสร้างกรรมดี ทำให้กรรมไม่ดีที่สร้างไว้ไม่มีโอกาศจะแสดงผลได้
ดังนั้น พวกเราจึงควรต้องเร่งปฏิบัติตามแก่นแท้ศาสนาข้างต้นกัน
บันทึกการเข้า
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
yc
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 557
Re: "นักโทษประหาร"
«
ตอบ #2 เมื่อ:
29 พฤษภาคม 2553, 09:00:15 »
สาธุ
บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
กระทู้: 1,300
Re: "นักโทษประหาร"
«
ตอบ #3 เมื่อ:
29 พฤษภาคม 2553, 12:19:34 »
ขอบคุณ หมอสำเริงมาก
ทีโพสต์ บทความที่ดีๆ มีประโยชน์ มาให้อ่านกัน
บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
Re: "นักโทษประหาร"
«
ตอบ #4 เมื่อ:
29 พฤษภาคม 2553, 17:29:04 »
อ้างถึง
ข้อความของ
สมชาย17
เมื่อ 29 พฤษภาคม 2553, 12:19:34
ขอบคุณ หมอสำเริงมาก
ทีโพสต์ บทความที่ดีๆ มีประโยชน์ มาให้อ่านกัน
ขอบคุณสมชายเช่นกันที่ติดตามอ่าน เป็นงานอดิเรกที่ผมชอบที่จะค้นหา
ความรู้เมื่อได้มาแล้วไม่มีที่เก็บที่ดีเท่าเวบซีมะโด่งของพวกเราเก็บไ้ว้ค้นหาและ
ยังเป็นด้านที่ 1 ของสามเหลี่ยมเพื่อเผยแพร่่ความรู้ให้พวกเรามีชีวิต เป็นชีวิตแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
บันทึกการเข้า
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
Cmadong Chula
|
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
|
ห้องธรรมะ...สาธุ....
| หัวข้อ:
"นักโทษประหาร"
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
"กิจกรรมสมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
-----------------------------
=> ข่าวประชาสัมพันธ์ของสมาคม
=> ข่าวประกาศทั่วไป
=> งานคืนสู่เหย้า ๒๕๕๗
=> โครงการรินน้ำใจเพื่อหอพักนิสิตจุฬาฯ
=> กิจกรรมเพื่อสังคม
=> กิจกรรมวิชาการ
=> กิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์
=> กิจกรรมชาวหอ
=> กิจกรรมแกนนำและกิจกรรมรุ่น
=> ข้อบังคับสมาคม และกฎ ระเบียบ
=> การประชุมของสมาคม
-----------------------------
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
-----------------------------
=> เรื่องนี้มีพี่บอก
=> โบราณคดี Cmadong
=> ปฏิทินนัดหมายชาวหอ
=> ห้องซีมะโด่งสัมพันธ์
=> ซีมะโด่งเพื่อสังคม
=> ห้องสนทนาประสาพี่น้อง
=> ห้องชาวค่ายหอ
=> ห้องชมรมแสงเสียง
=> ห้องธรรมะ...สาธุ....
=> ห้องวิชาการ ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม
=> ห้องแสงทองของชีวิต
=> ห้องสุขภาพและความงาม
=> ห้องท่องเที่ยวไร้พรมแดน
=> ห้องซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน
-----------------------------
เรือนประจำรุ่น อบอุ่นทุกสมัย
-----------------------------
=> รุ่น 2507
=> รุ่น 2510
=> รุ่น 2511
=> รุ่น 2513
=> รุ่น 2514 รุ่นนี้มหาอำนาจ
=> รุ่น 2515
=> รุ่น 2516
=> รุ่น 2517
=> รุ่น 2518
=> รุ่น 2519
=> รุ่น 2520
=> รุ่น 2521
=> รุ่น 2522
=> รุ่น 2523
=> รุ่น 2524
=> รุ่น 2525
=> รุ่น 2526
=> รุ่น 2527
=> รุ่น 2528
=> รุ่น 2529
=> รุ่น 2530
=> รุ่น 2531
=> รุ่น 2532
=> รุ่น 2533
=> รุ่น 2534
=> รุ่น 2535 ซี้ปึ๊ก
=> รุ่น 2536
=> รุ่น 2537
=> รุ่น 2538
=> รุ่น 2539
=> รุ่น 2540
=> รุ่น 2541
=> รุ่น 2542
=> รุ่น 2543
=> รุ่น 2544
=> รุ่น 2545
=> รุ่น 2546
=> รุ่น 2547
=> รุ่น 2548
=> รุ่น 2549
=> รวมรุ่น 90-96 รหัส 2550-2556
-----------------------------
ข่าวประกาศ
-----------------------------
===> Countdown งานคืนสู่เหย้า 94 ปีซีมะโด่ง : เสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
===> "รวมภาพงาน" ผูกพัน วันเก่า ๙๔ ปี ซีมะโด่ง
สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><
กำลังโหลด...