22 พฤศจิกายน 2567, 17:16:34
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "ปฏิทินธรรม-ปฏิทินกรรม"  (อ่าน 5797 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 06:13:12 »




          คู่มือเปิด "ปฏิทินธรรม-ปฏิทินกรรม"
เปลว สีเงิน 23 มกราคม 2553 - 00:00

         "...นั่นแหละ ดีแล้ว ต้องขอบใจท่านทักษิณ และพวกเสื้อแดงเขาให้มาก อย่าไปว่าเขา เพราะมีพวกเขา จึงทำให้พวกเราได้สติคิดถึงบ้าน-ถึงเมือง"

         รึว่าไม่จริง?

         ท่านเข้าใจคำว่า "ธรรมะ" อย่างไร ส่วนใหญ่จะเข้าใจกันว่า อะไรที่ดีๆ อย่าง คิดดี-พูดดี-ทำดี การทำอย่างนั้นแหละเรียกว่าธรรมะ ผมอยากจะบอกว่า...ก็ใช่

         แต่อะไรที่ คิดชั่ว-ทำชั่ว-พูดชั่ว อย่างนั้น ก็เรียกว่าเขาเหล่านั้นปฏิบัติธรรมะเช่นกัน!

         เพราะคำว่า "ธรรมะ" เป็นคำกลางๆ ใช้เรียกกับทุกอย่าง

         อะไรที่เป็นด้านดี ทำแล้วไม่เป็นโทษ ไม่เบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น เรียก ธรรมเช่นนี้ว่า "กุศลธรรม" คือธรรมด้านดี ด้านบุญ

         แต่อะไรที่เป็นด้านตรงข้าม ทำแล้วเป็นโทษ เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น เรียกธรรมเช่นนี้ว่า "อกุศลธรรม" คือธรรมด้านเลว ด้านบาป

         แล้วก็ดูซี สิ่งที่ทักษิณและเสื้อแดงทำ เป็นโทษมั้ย-คำตอบคือ เป็น เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นมั้ย-คำตอบคือเบียดเบียน เรียกว่าทั้งทักษิณและเสื้อแดงกำลังประกอบอกุศลกรรม คือกรรมด้านเลว กำลังทำบาปต่อบ้าน-ต่อเมืองอยู่ใช่มั้ย-คำตอบคือ...ใช่!

         ฉะนั้น คำตอบตรงนี้ก็คือ สูตรมีอยู่ว่า

         "ใครทำอย่างไร ต้องได้รับผลจากการกระทำอย่างนั้น"

         ดังนั้น ผลจากการกระทำของทักษิณกับคณะเสื้อแดงที่เขาจะได้รับ คือ สิ่งเลว-สิ่งบาป

         บทพิสูจน์เฉพาะหน้า ทุกข์ เร่าร้อน ทุรนทุราย ใกล้จะลงหม้อไฟนรกอยู่ขณะนี้นั่นไง!

         ส่วนคนที่ไม่ได้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอย่างทักษิณกับคณะเสื้อแดง ผลจากการประพฤติปฏิบัติตนไม่เป็นโทษ-ไม่เบียดเบียน สังคมชาติบ้านเมือง สิ่งที่จะได้รับคือ สิ่งดี-สิ่งบุญ

         บทพิสูจน์เฉพาะหน้า สุข สงบ เย็น เหมือนเปิดหน้าต่างยามเช้าแล้วเย็นจากหยาดน้ำค้าง-ค้างฟ้าโชยมาลูบ!

         แต่มีคนแย้งว่า ไม่เห็น สุข-สงบ-เย็น เลย มีแต่ร้อนรุ่มกลุ้มใจ ยิ่งได้ยินพวกเสื้อแดงประกาศว่า "จะไปล้อมศิริราช" ก็เหมือนมีไฟสุมอก ผมขอบอกว่า ก็นั่นไง..คิดไม่ดีต่อเขาใช่มั้ย การคิดอย่างนั้น-เป็นบาป ก็ต้องเสวยผลบาป "ร้อนรุ่ม" เป็นธรรมดา

          ตั้งสติคิดใหม่ คิดให้เป็นกุศลซีครับ แล้วประเทศไทย-คนไทยจะนั่งลุกสุขสบายทุกทิวาราตรีกาล

         ปฏิทินนั้น ต้องเปิดทีละแผ่น-ทีละวัน ใจร้อนเปิดล่วงหน้า วันเวลานัดหมาย "เห็นได้" แต่จะให้มาถึงตามใจในวันที่เปิดล่วงหน้านั้นหาได้ไม่ เพราะถึงอย่างไร

         กาลเวลานั้นมันก็ต้องมา "ทีละแผ่น-ทีละวัน" ตามปฏิทินกรรม ไม่มีอะไรจะมาตาม "เวลาพยาบาท" ได้หรอก

คัดมาเฉพาะบางส่วน จะอ่านทั้งหมด คลิกไปอ่านต้นฉบับข้างล่าง น.ส.พ.แนวหน้า วันเสาร์ ที่ 23 ม.ค. 2553

http://www.thaipost.net/news/230110/16829

          รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
opas
Hero Cmadong Member
***


โอภาส 3211 สิง1207 1212 2813
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2534
คณะ: Architecture
กระทู้: 1,754

« ตอบ #1 เมื่อ: 26 มกราคม 2553, 07:19:02 »

มาอ่านครับ
      บันทึกการเข้า

ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ...มีชีวิตกลางแดดและคลื่นลม
จะจูบอำลาสังคม........แสงสีในเมืองนภา
เบื่อชีวิตในเมือ.ง........งึม งำ  งึม งำ........................
.........................ตามฉันมาเป็นชาวเกาะเอย ย  ย   ย
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2553, 08:22:24 »


[narongsak.com] เรื่องกรรม อีกมุมที่น่าสนใจ‏
From:    narongsak@yahoogroups.com on behalf of furnt hormy (furnt09@gmail.com)
Sent:   Friday, July 09, 2010 10:47:11 PM
To:   narongsak@yahoogroups.com and You



กรรม วิบาก กิเลส
ภาพในวงกลม (ตรงจุดศูนย์กลาง ของ วงกลมใหญ่) วงกลมเล็กในสุดนี้ มีรูปสัตว์ สามตัว
กำลังกัดกินหาง ของกันและกัน มีหมูกัดหางงู งูกัดหางไก่ และ ไก่กัดหางหมู หมุนวนไปอย่างนี้
ปริศนาธรรม ภาพนี้ ท่านอาจารย์พุทธทาส อธิบายย่อๆว่า
หมู คือ ตัวกิเลส งู คือ ตัวกรรม และ ไก่ คือ วิบาก หรือ ผลของกรรม
หมูกัดหางงู งูกัดหางไก่ ไก่จิกกัดหางหมู คือ ปริศนาธรรม ของ กิเลส - กรรม - วิบาก
จิกติดพัน เกี่ยวเนื่องกันอยู่ อย่างนั้น จิกไม่ยอมปล่อย เพราะ ติดในรสอร่อย เช่นเดียวกับ
กิเลสตัณหา กรรม และ วิบาก นี่คือ ผลเกี่ยวเนื่อง อันเกิดจาก ความอยาก เมื่อมีความอยาก
ก็ลงมือกระทำ เมื่อกระทำไปแล้ว ก็บังเกิดผล ของการกระทำนั้น ตามมาไม่สิ้นสุด

http://www.buddhadasa.com/patija/exp_cir1.html

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

อ่านเรื่องข้างล่างนี้แล้วอาจดูเหมือนนิทานชาดก หรือนิยายไซไฟที่แต่งขึ้น
จะจริงหรือไม่จริง ไม่ใช่ประเด็น แต่เขาให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า


ทำไมพวกเราจึงมาเจอกัน รักกัน ชอบกัน เกลียดกัน และต้องส่งเมล์เรื่องนี้ถึงกัน และ
คงไม่ทุกคนที่เราส่งให้เปิดอ่านเมล์นี้ แล้วไปพบกัน



วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กรกฏาคม นี้ เวลาบ่ายโมง ชั้น ๒๒ อัมรินทร์พลาซ่า ณ. หอประชุมพุทธคยา

มีเพื่อนที่เคยไปฟังท่านภาสกรพูดเรื่องกรรมมาแล้ว ส่งคอมเม้นท์มายืนยันตามนี้
เคยไปร่วมฟัง ท่านเทศน์เป็นภาษา อังกฤษ ให้ชาว ตปท กลุ่ม littlebang
พระอาจาร์ย บัญฑิต  ที่สนใจในพุทธศาสนา หัวข้อนี้ น่าทึ่ง และ น่า สนใจ พร้อมฉายวีดีทัศน์
มีหลักวิทยาศาสตย์ ภพ จักรวาล ต่าง ๆ  ได้อย่างลงตัว ประกอบ น่าสนใจมาก  
อย่าลืม โยมบิดา ท่านอาจารย์ เป็นนักวิทยาศาสตย์ และ ดาราศาสตร์ทีมีชื่อเสียงชั้นแนวหน้า  



ศ ดร ระวี ภาวิไล
                                  
 gek gek gek  
                                      
มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก  คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย  ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน

 so sad so sad so sad

ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า  คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ  ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว  เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน  ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

 sorry sorry sorry
  
เวลาผ่านไป  ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น  มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน  แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า  เป็นพระ  จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า

หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต
ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย  อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา  ก็เข้ามา!
  
เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว  ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ

เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา  พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ

ชายคนนั้น  นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี  จึงกล่าวว่า  
โทรมมากเลยนะ ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ  ลองมองที่กระจกสิ

ชายคนนั้นไม่สนใจ  แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็น

ภาพของคนที่รักอยู่ในนั้นไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไปกลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล
ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะมองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น

เขาพบว่า  มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ  แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา  เขามองเห็นศพนั้น เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมา
คลุมร่างของหญิงคนนั้น  แล้วเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่  จึงเปิดออกดู  
เมื่อพบว่า  เป็นศพ ด้วยใจสงสาร  จึงจะฝังให้เรียบร้อย  แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น  
พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป
  
จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็น
ภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป  เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก
  
 รักนะ รักนะ รักนะ

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า  ทีนี้เข้าใจรึยัง  ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ  
ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา

ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน
  
เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า  โยมรอดแล้ว  
เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว

ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด .....
  
คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ,แม่,พี่,น้อง,ญาติ,เพื่อน,ศัตรู,คนรัก ฯลฯ
ไม่ใช่ของเลื่อนลอย เมื่อมีวาสนา  ไม่ต้องเรียกร้อง  ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา  ก็ต้องจากกัน  รั้งยังไงก็ไม่อยู่

ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้    คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน  
ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า  ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า
เพราะไม่มีใครรู้ว่า  เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่


 win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><