Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องธรรมะ...สาธุ.... => ข้อความที่เริ่มโดย: Samrotri2517 ที่ 03 มกราคม 2554, 09:26:26



หัวข้อ: ทำบุญง่าย ๆ ตามภาษาคน (ไม่ค่อย) มีเวลา‏
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 03 มกราคม 2554, 09:26:26
                     
                 ทำบุญง่าย ๆ ตามภาษาคน (ไม่ค่อย) มีเวลา

                                โดย.....ติกฺขปญฺโญ      

             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/lefc7o-4f0296.jpg)

                       (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/lefcfr-5ffbc7.jpg)

จุลสาร “แสงธรรม” ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จ.ขอนแก่น สาขาของวัดอัมพวัน ...

                  ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๑๕ มิถุนายน – ธันวาคม ๒๕๔๕

          พูดถึงเวลาถ้าเราจะทำบุญ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง การตักบาตรพระ หรือ เข้าวัดทำบุญ

เป็นส่วนมาก แต่ถ้าหากว่าเราไม่ค่อยมีเวลาก็เลยเสียโอกาสในการ สะสมบุญของเรา

           วันนี้จึงมีเรื่องมาเล่าให้ทุก ๆ คนได้อ่านพิจารณากัน เผื่อจะได้แง่มุมใหม่ ๆ ในการสร้างบุญ

สร้างกุศลสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ถ้าเราทำอย่างที่บอกต่อไปนี้ เราจะได้อะไรบ้าง

          เชื่อว่าที่บ้านของทุกคนจะต้องมีหิ้งพระบูชาหรือโต๊ะหมู่บูชา แต่ถ้าไม่มีให้หารูปพระมาติด

ไว้ที่ผนังบ้านก็ได้ จากนั้นให้เราหาขัน หรือกระปุกออมสิน หรือบาตรพระพลาสติก

         ทุกวันให้เราทุกคนสละเวลาเพียงวันละประมาณ ๒๐–๓๐ นาที สวดมนต์ไหว้พระ เวลาไหน

ก็ได้ที่เราว่าง เราสบายใจ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอนก็ได้

          โดยเริ่มสวดจากบท

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบ)

                           ต่อไปก็ตั้ง

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

          ระหว่างที่ตั้งนะโม ก็ให้เราเอาเงินมาจบไว้ที่มือจะกี่บาทก็ได้ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท หรือ

จะมากกว่านั้นก็ได้ตามศรัทธา จากนั้นก็เริ่มสวด

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

          ต่อจากนั้นก็เริ่มสวด

บทพระพุทธคุณ (อิติปิ โส ภะคะวา ฯลฯ)

บทพระธรรมคุณ (สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ฯลฯ)

บทพระสังฆคุณ (สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ฯลฯ)

          ถ้ามีเวลา ให้สวดบท

พาหุง มหากา ฯลฯ

         จบแล้วให้กลับมาสวด

พระพุทธคุณ บทเดียว ๙ จบ หรือเท่าอายุบวกหนึ่ง

          ถ้าไม่มีเวลา ให้กลับมาสวดบท

พระพุทธคุณ บทเดียว ๙ จบ หรือเท่าอายุบวกหนึ่ง

          ต่อจากนั้น

          ตั้งสมาธิจิตสักระยะหนึ่งแล้วเอาเงินที่จบไว้ที่มือใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้

เสร็จแล้วแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลทุกครั้ง ถ้าทำได้ให้ทำอย่างนี้ทุกวันอย่าให้ขาด

          ถามว่าเราจะได้อะไรจากการปฏิบัติอย่างนี้ ?

๑. ถามว่า ขณะที่เราสวดมนต์อยู่นั้นเราสวดมนต์บูชาใคร ?

ตอบ บูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขณะที่สวด จิตเราก็น้อมอยู่กับคุณพระรัตนตรัย

๒. ถามว่า อาการที่จิตสำรวม มีความตั้งใจในการสวดนั้น เป็นอาการของอะไร ?

ตอบว่า เป็นอาการของสมาธิ ได้แล้วสมาธิเบื้องต้น

๓. ถามว่า อาการที่คอยนึกถึง ระวังไม่ให้หลงลืมในบทสวดนั้นเป็นอาการของอะไร ?

ตอบ เป็นอาการของสติ ได้ฝึกสติในการสวดมนต์ไปในตัว

๔. ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จตั้งจิตเป็นสมาธิอธิษฐานจิต เอาเงินที่จบใส่ลงไปในภาชนะ

ที่ได้เตรียมไว้เป็น ทานบารมี อธิษฐานบารมี ซึ่งก็วกมาเข้าเรื่องของบารมี

          บารมี แปลว่าอะไร ความดีที่ควรบำเพ็ญ ซึ่งประกอบด้วย

๑. ทานบารมี

๒. ศีลบารมี

๓. เนกขัมมะบารมี

๔. ปัญญาบารมี

๕. วิริยะบารมี

๖. ขันติบารมี

๗. สัจจะบารมี

๘. อธิษฐานบารมี

๙. เมตตาบารมี

๑๐. อุเบกขาบารมี

          ถ้าจะถามว่า การที่เราสวดมนต์เพียงไม่กี่นาทีตรงนี้ เราจะได้บารมีอะไรบ้าง ?

๑. ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จ เราทำทาน คือ เอาเงินที่จบใส่ในขัน ฯลฯ เป็น ทานบารมี

๒. ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ในขณะนั้น เราไม่ได้ทำบาปกรรมกับใคร มีศีลอยู่ในขณะที่สวดเป็น ศีลบารมี

๓. ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ จิตเราปราศจากนิวรณ์มารบกวนใจ ถือว่าเป็นการบวชใจเป็น เนกขัมมะบารมี

๔. การที่เราสวดมนต์ไหว้พระ เราทำด้วยความงมงายหรือไม่ ?

ตอบ ไม่ ทำด้วยศรัทธา ทำด้วยปัญญาที่เห็นว่าช่วยฝึกจิตฝึกใจให้เกิดสติมีสมาธิเป็น ปัญญาบารมี

๕. ถ้าเราไม่มีความเพียร เราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความเพียรเป็น วิริยะบารมี

๖. มีความเพียรแล้ว ไม่มีความอดทน ความเพียรก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เป็น ขันติบารมี

๗. มีความเพียรมีความอดทนแล้ว ต้องมีสัจจะในการกระทำ เป็น สัจจะบารมี

๘. เมื่อเราสวดมนต์เสร็จทำสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐาน การอธิษฐานเป็น อธิษฐานบารมี

๙. ใส่บาตรเสร็จก็ต้องแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตาเป็น เมตตาบารมี

๑๐. ขณะที่แผ่เมตตา วางจิตให้เป็นอุเบกขาเป็น อุเบกขาบารมี (คืออุเบกขาที่ทรงด้วยพรหมวิหาร)

          เห็นไหมครับ เพียงแค่เราสวดมนต์เพียงไม่กี่นาทีต่อวัน เราก็ได้บารมีครบถ้วน และ

สิ่งเหล่านี้เองก็จะสะสมในใจของเราทีละเล็กละน้อย  แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็จะไม่ได้อะไรเลย

แล้วเงินที่เราหยอดทุกวัน ก็เหมือนกับเราได้ใส่บาตรทุกวัน โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน

          เมื่อมีโอกาสเข้าวัด เราก็เอาเงินนั้นแหละไปทำบุญ หยอดตู้บริจาค ซื้อของถวายพระสงฆ์

ใส่ซองผ้าป่า หากมีการสร้างพระ สร้างหนังสือธรรมะหรืออะไรต่าง ๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์

ก็เอาเงินที่เราหยอดทุกวันนั้นแหละไปทำบุญ ได้อานิสงส์มาก

แล้วจิตของเราก็จะติดอยู่กับกุศลทุกวัน เมื่อถึงเวลามันก็จะรวมเข้าในจิตของเราเป็นหนึ่งเดียว

                           emo4:)) emo4:)) emo4:))

          มีหลายคนที่แนะนำให้ไปทำ ปรากฏว่า ทำแล้วจิตมีสมาธิมากขึ้น มีสติดีขึ้น จากคนที่ใจร้อน

ก็ทำให้จิตใจมีอารมณ์เยือกเย็นขึ้น จะคิดทำอะไรก็รู้สึกว่าคล่องตัวมีคนช่วยเหลือ

ก็ฝากไว้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับ คนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำบุญตักบาตรพระ หรือ เข้าวัด

ถ้าท่านเห็นว่ามีประโยชน์ ก็พยายามเจริญศรัทธาให้มาก ปฏิบัติให้ได้ทุกวัน แล้วท่านจ

ะเห็นผลได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย

                          emo26:D emo26:D emo26:D