Cmadong Chula

 emo41::

ปฐมบทจากการที่น้องหยีคนสวย
จะเดินทางไปพำนักอยู่ที่ ลิสบอนนานถึง 4 ปี
พลพรรคที่สนิทสนม เลยคิดโครงการจะไปเยี่ยมเยียน
และท่องเที่ยวไปในดินแดนอันสวยงามนี้ด้วย
จึงวางแผนจะเดินทาง ระหว่าง 14-24 ตุลาคม 2554
โดยมีสมาชิก ริเริ่ม และร่วมโครงการ ดังนี้
1.ตะวัน 15
2.อ้อย 17
3.ตุ๊กกี้ 22
4.หนุน 21+ครอบครัว
5.แหลม 22+มาดาม
6.ยา 27+มาดาม
7.?????
ควรมีสมาชิก มากสุดแค่ 12 คนเท่านั้น

น้องหนุน แหลม ยา อ้อย เจตน์ หยี และแฟนคลับทั้งหลายเข้ามาคุยกันได้ในเรื่อง ทัวร์วณิพกนี้ได้
ใครมีไอเดียอย่างไร ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วย
เพื่อช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอ เพื่อทำให้ทัวร์ของเราสมบูรณ์แบบที่สุด
ถือว่าเป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือ
จะช่วยให้ยุ่ง หรือช่วยให้เจ๋ง ก็ว่ากันปาย..แบบหนุกๆหนานๆ

		อ้างถึง			ข้อความของ เจตน์ เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:26:24
	emo41::

ตกลงน้องเจตน์ ขายเขาได้แล้วหรือยัง..ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ

อยากถามว่า น้องยา แหลม หนุน
ใครขับรถ พวงมาลัยซ้าย ที่ยุโรปได้บ้างครับ

 emo4:)) ถ้าผมไปด้วยก็เกิน 12 คนสิครับพี่ตะวัน

ตอนนี้ 10 คนแล้ว ถ้ารวม ผม+น้องนักศึกษาอีก 2 คน

รวมเป็น 13 คน...เกินเลยที่นี้....

จะไล่พี่อ้อยออกจากขบวน

ก็กลัวแกจะน้อยใจ..แอบใส่ยาเบื่อหนูในกาแฟ ให้ตะวันกิน แย่เลยนะครับคราวนี้   emo20:)):)

โฮะ โฮะ .. ถึงกับเปิดกระทู้ใหม่เลยหรือคะ
เรื่องราวจะไปกันใหญ่แว้ววววววว


โฮะ โฮะ      emo20:)):)

		อ้างถึง			ข้อความของ เจตน์ เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:44:04
	emo4:)) ถ้าผมไปด้วยก็เกิน 12 คนสิครับพี่ตะวัน ตอนนี้ 10 คนแล้ว ถ้ารวม ผม+น้องนักศึกษาอีก 2 คน รวมเป็น 13 คน...เกินเลยที่นี้.... จะไล่พี่อ้อยออกจากขบวน ก็กลัวแกจะน้อยใจ..แอบใส่ยาเบื่อหนูในกาแฟ ให้ตะวันกิน แย่เลยนะครับคราวนี้   emo20:)):)

เอ๊ะสงสัย น้อง นศ.ฝึกงาน นี้ เป็นใคร ถ้าเป็นสาวสวย เพิ่มเป็น 13 คนก็ได้ครับ

ถ้าที่นั่งไม่พอ .. รับรองมีคนเสนอให้นั่งตักกันเป็นแถว      emo20:)):)

สาธารณรัฐโปรตุเกส
  เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด) ลิสบอน


 โปรตุเกส (Portugal) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐโปรตุเกส (Portuguese Republic) (โปรตุเกส: República Portuguesa)
 เป็น สาธารณรัฐซึ่งมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ตั้งอยู่ในภาคตะวันตก
และตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรไอบีเรียทางตอนใต้ของทวีปยุโรป
และถือว่าเป็นประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกมากที่สุดในบรรดาประเทศในทวีปยุโรปทั้งหลาย
(ยกเว้นหมู่เกาะบริเตนใหญ่และหมู่เกาะใกล้เคียง)
โปรตุเกสมีพรมแดนติดกับประเทศสเปนในทางทิศเหนือและทิศตะวันออก
 และอยู่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกในทางทิศตะวันตกและทิศใต้
นอกจากนี้ โปรตุเกสยังประกอบไปด้วยอาณาเขตหมู่เกาะอยู่หลายหมู่เกาะด้วยกันในมหาสมุทรแอตแลนติก
 อาทิเช่น อาโซเรช (Azores หรือ Açores)
 และเกาะมาเดราและโปร์ตูซันตู (รวมถึงหมู่เกาะซาเวจด้วย)

ประวัติศาสตร์
โปรตุเกสคือดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมแตกต่างกันไปอย่างต่อเนื่องในช่วง 3,500 ปีที่ผ่านมา
 ทั้งอารยธรรมของชาวไอบีเรีย (Iberians) ชาวเซลต์ (Celts) ชาวฟีนีเชีย (Phoenicians)
 และชาวคาร์เทจ (Carthaginians) ชาวกรีก (Greeks) ชาวโรมัน (Romans) ชาวเผ่าเยอรมัน (Germanic tribespeople)
รวมถึงอารยธรรมของชาวอาหรับ (Arabians) ล้วนเคยเหยียบย่ำบนแผ่นดินโปรตุเกสมาแล้วทั้งสิ้น
 ในชื่อ "โปรตุเกส" นั้นก็บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์สมัยโบราณส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไปแล้ว
เนื่องจากรากศัพท์ของคำว่าโปรตุเกสนั้น คือชื่อที่ชาวโรมันตั้งให้ชื่อว่า "Portus Cale"
 อาจเป็นไปได้ว่าคำนี้จะมาจากการสมาสคำระหว่างภาษากรีกและภาษาละตินซึ่งมีความหมายว่า "ท่าเรือที่สวยงาม"
 ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ คริสต์ศตวรรษที่ 16 นั้นโปรตุเกสคือประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม
 โดยจักรวรรดิโปรตุเกสนั้นแผ่ขยายอำนาจของตนไปทั่วโลก
 เมื่อหลังจากที่ประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ พัฒนาขึ้นในด้านการล่าอาณานิคมแล้ว โปรตุเกสจึงเสื่อมถอยลงไป

ประเทศโปรตุเกสในปัจจุบันนี้มีรากฐานมาจากการปฏิวัติเรียกร้องประชาธิปไตย
 ที่ทำการล้มล้างระบอบการปกครองแบบเผด็จการ (หรือการบริหารแบบพรรคเดียว)
ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2469(ค.ศ. 1926) จนถูกโค่นล้มในปี พ.ศ. 2517(ค.ศ. 1974)
จากนั้นในภายหลังจึงเข้ามาเป็นสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจยุโรป
หรือ European Economic Community (สหภาพยุโรปในปัจจุบัน) ในปี พ.ศ. 2529(ค.ศ. 1986)
ประเทศโปรตุเกสพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของตนขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาในคริสต์ศตวรรษที่ 20

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:52:46
	ถ้าที่นั่งไม่พอ .. รับรองมีคนเสนอให้นั่งตักกันเป็นแถว      emo20:)):)

น้องหยี ดูให้ดีๆ คนที่ให้นั่งตักได้ มีพี่เพียงคนเดียว
คนอื่นๆหมดสิทธิ์ เพราะมีผู้คุมไปด้วย

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:59:55
	อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:52:46 ถ้าที่นั่งไม่พอ .. รับรองมีคนเสนอให้นั่งตักกันเป็นแถว      emo20:)):) น้องหยี ดูให้ดีๆ คนที่ให้นั่งตักได้ มีพี่เพียงคนเดียว คนอื่นๆหมดสิทธิ์ เพราะมีผู้คุมไปด้วย

สวัสดีครับพี่ตะวัน พี่หยี น้องเจตน์

เก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ตัวใหญ่ครับ พอจะรับน้ำหนักได้ 2 คน   emo21:):):

ความแตกต่างเรื่องเวลา: เวลาของโปรตุเกสจะช้ากว่าของประเทศไทยประมาณ 7 ชั่วโมง

สภาพอากาศ: โปรตุเกสมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบยุโรปใต้
 อากาศจะร้อนจัดในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28-36 องศาเซลเซียส
 ถ้าเป็นฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 0-12 องศาเซลเซียส
สำหรับฤดูใบไม้ผลิ คือช่วงเวลาระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-18 องศาเซลเซียส

อาหารท้องถิ่น: อาหารโปรตุเกส ได้ชื่อว่ามีรสชาติอร่อยถูกปาก ที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป
 ชาวโปรตุเกสนิยมบริโภคปลาเป็นอาหารหลัก อาหารขึ้นชื่อของประเทศนี้คือ บาคัลเยา (Bacalhau) หรือ ปลาคอดดองเกลือ
 นอกจากนี้ ได้มีโอกาสไปเยือนถึงถิ่น โปรตุเกสกันแล้ว หากไม่ไปแวะชิมขนมหวานของเขา ก็ดูจะเสียเที่ยว
 หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า ประเทศโปรตุเกสนี่แหละ ที่เป็นผู้เข้ามาถ่ายทอดวิธีทำขนมหวาน ให้กับบรรพบุรุษของเรา
 จนได้นำมาประยุกต์เป็นขนมหวานแบบไทยๆ มาถึงทุกวันนี้ เช่นพวก ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง นั่นเอง
 ของหวานของชาวโปรตุเกสที่เด่นๆ ยกตัวอย่างเช่น Pastel de Mata, Ovos Moles อันนี้ทั้งอร่อยและแพงที่สุดอีกด้วย
 ขนมหวานเหล่านี้ สามารถหาทานได้ง่ายๆเลย เพราะมีขายอยู่ทั่วไปตามภัตตาคาร ร้านอาหารในโปรตุเกส โดยเฉพาะในเมืองลิสบอน

		อ้างถึง			ข้อความของ lor30 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 14:02:49
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:59:55 อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:52:46 ถ้าที่นั่งไม่พอ .. รับรองมีคนเสนอให้นั่งตักกันเป็นแถว      emo20:)):) น้องหยี ดูให้ดีๆ คนที่ให้นั่งตักได้ มีพี่เพียงคนเดียว คนอื่นๆหมดสิทธิ์ เพราะมีผู้คุมไปด้วย สวัสดีครับพี่ตะวัน พี่หยี น้องเจตน์ เก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ตัวใหญ่ครับ พอจะรับน้ำหนักได้ 2 คน   emo21:):):

น้องชัย..ลูกสาวยืนอยู่ข้างหลังนะครับ

แว๊กกก   พี่ตะวันรู้ทัน   emo29:P:

 emo21:):): emo21:):):

 แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ มีพลเมืองไม่มาก และมีเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่โตหวือหวาเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
  โดยทั่วไปในสหภาพยุโรป แต่ก็มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ มาก

     กล่าวคือเป็นประเทศยุโรปแห่งแรก ที่ส่งกองเรือเดินทางสำรวจทางทะเล เพื่อค้นหาดินแดนใหม่ๆ ที่ชาวยุโรปในยุคนั้น
    ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยการสนับสนุนทุนทรัพย์อย่าง แข็งขัน โดยราชสำนักโปรตุเกสในสมัยโน้น ...

     องค์ความรู้ด้านการต่อเรือ การเดินเรือ การทำแผนที่ การใช้เข็มทิศ ฯลฯ ที่ชาวโปรตุเกสสั่งสมและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนี่เอง
    ที่เป็นรากฐานให้แก่การค้นพบครั้งสำคัญที่ ส่งผลสะเทือนต่อประวัติศาสตร์โลก
    ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินเรืออ้อมแหลมกู้ดโฮปสู่อินเดีย และต่อเนื่องถึงดินแดนตะวันออกไกล ของวาโก ดา กาม่า
     หรือแม้กระทั่งการเดิน เรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสู่แผ่นดินอเมริกาของคริสโตเฟอร์

     นอกเหนือจากความเก่งในเรื่องของการต่อเรือแล้ว
     โปรตุเกสยังมีความเจริญทางด้านของสถาปัตยกรรมที่มีแบบแผนเป็นของตัวเอง
      สมควรแก่การชื่นชมยิ่งนัก

กรุงลิสบอน(Lisbon) เมืองหลวงอันเก่าแก่มี ประวัติยาวนานกว่า 800 ปี
 เมืองได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
 ทำให้ลิสบอนมีความสวยงามและเอกลักษณ์เป็นของ ตนเอง 
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ev41-61cc35.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ev5u-29e19d.jpg)
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ev71-d9120f.jpg)
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ev7y-6fd84b.jpg)
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ev8u-d43ce6.jpg)

ขอเข้ามาติดตามด้วยคนครับ

 ดีแล้วค่ะ  พี่ตะวัน..ร่ายไปเลย น้องจะติดตามทำความเข้าใจ..

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 15:51:00
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:39:55 อยากถามว่า น้องยา แหลม หนุน ใครขับรถ พวงมาลัยซ้าย ที่ยุโรปได้บ้างครับ สำหรับผม.......นอกจากไม่ถนัดแล้ว ยังไม่มี International Licence ด้วยครับ

พี่แหลมคะ .. ไม่ยากเลยค่ะ
หากมีใบขับขี่เมืองไทย  ขอเชิญไปที่กรมการขนส่งทางบก
ใช้เวลา 20 นาที เงิน 505 บาท
และรูปถ่าย 2 นิ้วอีก 2 ใบ
เนี่ย !! ได้เป็นเล่มกลับมาเลย ..


หนูมีแว้วววววว .. ไปทำมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. นี้เองค่ะ    emo9:huhu:


(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6fcps-ae76de.jpg)

		อ้างถึง			ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 19:25:07
	ดีแล้วค่ะ  พี่ตะวัน..ร่ายไปเลย น้องจะติดตามทำความเข้าใจ..

น้องต้องเป็นแม่ครัวทำอาหารหย่อยๆให้พี่ทาน
ระหว่างอยู่ในรถ ก็ต้องร้องเพลงเพราะให้พี่ฟังด้วย
นี่หมายรวมถึง น้องตุ๊กกี้ด้วยนะครับ
ตกค่ำ ต้องคอยบีบนวดพี่ให้หายปวดเมื่อยจากการขับรถ
ทำได้หรือเปล่าจ๊ะ..งานเบาๆๆ

		อ้างถึง			ข้อความของ Khun28 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 18:23:26
	ขอเข้ามาติดตามด้วยคนครับ

แล้วจะตามไปถึงกรุงลิสบอน ด้วยหรือเปล่าครับน้องขุน

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 15:51:00
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:39:55 อยากถามว่า น้องยา แหลม หนุน ใครขับรถ พวงมาลัยซ้าย ที่ยุโรปได้บ้างครับ สำหรับผม.......นอกจากไม่ถนัดแล้ว ยังไม่มี International Licence ด้วยครับ

ตกลงไม่ถนัด...ก็ไม่เป็นไร
ช่วยล้างรถ เช็ดกระจกรถก็แล้วกัน
ส่วนนักศึกษาของเจ้าเจตน์ ก็ให้นั่งตักพี่แล้วกัน ..5555

หยีมาติดตามอ่าน  ได้ความรู้ติดตัวแถมไปด้วย
เป็นประโยชน์กับการทำงานของตนเองอย่างยิ่ง

ขอบคุณพี่ตะวันนะคะ      emo30:sorry:

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 20:42:31
	อ้างถึง ข้อความของ Leam เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 15:51:00 อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:39:55 อยากถามว่า น้องยา แหลม หนุน ใครขับรถ พวงมาลัยซ้าย ที่ยุโรปได้บ้างครับ สำหรับผม.......นอกจากไม่ถนัดแล้ว ยังไม่มี International Licence ด้วยครับ พี่แหลมคะ .. ไม่ยากเลยค่ะ หากมีใบขับขี่เมืองไทย  ขอเชิญไปที่กรมการขนส่งทางบก ใช้เวลา 20 นาที เงิน 505 บาท และรูปถ่าย 2 นิ้วอีก 2 ใบ เนี่ย !! ได้เป็นเล่มกลับมาเลย .. หนูมีแว้วววววว .. ไปทำมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. นี้เองค่ะ    emo9:huhu: (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6fcps-ae76de.jpg)

พี่หยีครับ  แล้วมันใช้ได้นานแค่ไหนครับ 

1 ปีค่ะ ..      emo42

ขอบคุณครับ  จะได้ไปทำบ้าง

เผื่อมีโอกาสใช้ในพม่า หรือเวียดนาม

หลักฐานมีมากกว่านี้อีกนิดหน่อยนะน้องหลอ ..      emo43


http://www.holidaythai.com/board/1/4/91

http://www.oknation.net/blog/PickIdea/2010/01/25/entry-1

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 21:44:02
	อ้างถึง ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 19:25:07 ดีแล้วค่ะ  พี่ตะวัน..ร่ายไปเลย น้องจะติดตามทำความเข้าใจ.. น้องต้องเป็นแม่ครัวทำอาหารหย่อยๆให้พี่ทาน ระหว่างอยู่ในรถ ก็ต้องร้องเพลงเพราะให้พี่ฟังด้วย นี่หมายรวมถึง น้องตุ๊กกี้ด้วยนะครับ ตกค่ำ ต้องคอยบีบนวดพี่ให้หายปวดเมื่อยจากการขับรถ ทำได้หรือเปล่าจ๊ะ..งานเบาๆๆ

   โหย...สบาย.....ถ้าใจสบาย...ทำได้ทุกอย่างที่พี่บอกแต่ต้องมีติ๊ปด้วยนะ...๕๕๕

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 21:49:42
	หยีมาติดตามอ่าน  ได้ความรู้ติดตัวแถมไปด้วย เป็นประโยชน์กับการทำงานของตนเองอย่างยิ่ง ขอบคุณพี่ตะวันนะคะ      emo30:sorry:

เปิดห้องไว้อ่อยเหยื่อ ไว้น้องหยีไปอยู่ที่โนน่
 คงมีข้อมูลการท่องเที่ยวเยอะๆแล้วเอามาลงให้พวกเราได้รู้กัน
ก็ช่วยๆกันไปนะครับ

ตามรอยต้นตำรับ 'ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง'




ขนม ไทยแท้ๆ นั้น จากการศึกษาพบว่า
 ส่วนประกอบหลักของขนมไทยมักหนีไม่พ้นของสามสิ่ง
 คือ แป้ง น้ำตาล และ มะพร้าว
 นำมาคลุกเคล้าผสมผสาน ดัดแปลงตามสัดส่วนที่เหมาะสมด้วยวิธีต่างๆ
เช่น นึ่ง ต้ม ทอด จี่ ผิง ก็จะได้ขนมไทยมากมายหลายชนิด

คนไทยสมัย โบราณไม่ได้กินขนมทุกวัน
หากแต่จะได้กินก็ต่อมีงานนักขัตฤกษ์ หรืองานบุญสำคัญเท่านั้น
 ขนมไทยที่มักพบกันบ่อยที่กินกับน้ำกะทิ และทำเลี้ยงแขกเสมอ
 คือ ขนมสี่ถ้วย ซึ่งหมายถึง ไข่กบ (เม็ดแมงลัก) นกปล่อย (ลอดช่อง)
 มะลิลอย (บัวลอย) และอ้ายตื้อ (ข้าวเหนียวน้ำวุ้น)
 ส่วนขนมอื่นๆ มักใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมกง
ขนมสามเกลอ ขนมปุยฝ้าย เป็นต้น ฯลฯ

ในงาน "นิทรรศการขนมนานาชาติ"
 ซึ่งจัดโดยภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2541
 ได้จำแนกกลุ่มขนมหวานของไทยที่ได้รับอิทธิพลจาก วัฒนธรรมโปรตุเกส คือ ทองหยิบ
 ฝอยทอง ทองหยอด บ้าบิ่น ลูกชุบ ขนมผิง ทองม้วน ขนมหม้อแกง ขนมไข่

มีรากฐานพบว่า ในโปรตุเกส ขนมที่ชื่อ ตรูซูช ดาช กัลดัช (Trouxos das caldas)
 คือ ต้นตำรับของขนม ทองหยิบ และขนม Fios de Ovos
 คือ ขนมฝอยทอง ส่วนขนม เกลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา (Queijadas de Coimbra)
 เป็นต้นตำรับ ขนมบ้าบิ่น ของไทย ซึ่งใช้เนยแข็ง แต่ในบ้านเราใช้มะพร้าวแทน

สำหรับ ลูกชุบ เป็นขนมประจำถิ่นโปรตุเกส
 แพร่หลายมาถึงย่านเมดิเตอร์เรเนียนแถบฝรั่งเศสตอนใต้
เพราะอยู่ใกล้บ้าน เช่น เมืองนีซ เมืองคานส์ ก็มีขนมลูกชุบมากมายทั้งเมือง

ลูกชุบใน ภาษาโปรตุเกส เรียกว่า Massapa'es เป็นขนมประจำถิ่นของ แคว้นอัลการ์วิ (Aigaeve)
 โดยโปรตุเกสใช้เม็ด อัลมอนด์ เป็นส่วนผสมสำคัญ
 แต่บ้านเราไม่มี จึงต้องคิดด้วยการใช้ ถั่วเขียว แทน

เนื่องจากขนมโปรตุเกสจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ความชำนาญพิเศษ
 จึงจะได้ขนมหวานที่รสชาติดีออกมาสีสันสวยงาม

ดัง นั้น แม้ทุกวันนี้ ขนมฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด
 ยังเป็นขนมยอดฝีมือที่ผู้ทำต้องมีความชำนาญ และได้รับการยกย่อง
 หากทำขนมประเภทนี้ได้รสชาติดี สวยงาม ประณีต

ในรัชสมัยแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
 บาทหลวงฝรั่งเศส เดอโลลีเยร์ บันทึกรายงานถึงระดับความมีหน้ามีตา
 และรสนิยมการบริโภคขนมหวานของชาวโปรตุเกสในสมัยกรุงศรีอยุธยา
 กระทั่งราชสำนักสยามถึงกับต้องเกณฑ์ขนมหวานจาก หมู่บ้านโปรตุเกส เข้าไปในพระราชวัง
เนื่องในโอกาสนักขัตฤกษ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ดังความตอนหนึ่งว่า

"พวกเข้ารีตบางครัว ต้องถูกเกณฑ์ให้ทำของหวานแก่พระเจ้าแผ่นดิน
 ในวันนักขัตฤกษ์ ในวันชนิดนี้พระเจ้ากรุงสยามก็มีรับสั่งให้พวกเข้ารีตนี้ ทำของหวานเป็นอันมาก
 อ้างว่าสำหรับงานนี้งานนั้น เป็นต้นว่า สำหรับพิธีล้างศีรษะช้าง
ซึ่งถือว่าเป็นพระองค์หนึ่ง หรือสำนักงานไหว้พระพุทธบาทดังนี้"

อาจด้วยเป็นพระราชประสงค์ที่มี รับสั่งตรงมาจากราชสำนักสยาม
 ทำให้ มาดามดอนญา มาเรีย กิอูมาร์ เดอ ปินา ภรรยาเจ้าพระยาวิชเยนทร์ฟอลคอน
 ซึ่งรับหน้าที่แม่บ้านหัวเรือใหญ่จัดอาหารเลี้ยงรับรองราชอาคันตุกะต่าง ประเทศ
ที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยามากมาย
ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ท้าวทองกีบม้า (เพียนจาก 'กิอูมาร์')
 ตำแหน่งวิเศสกลาง ถือศักดินา 400 เป็นผู้กำกับการพนักงานของหวานในพระราชวัง

อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน ชาวตะวันตกอีกผู้หนึ่ง
ที่บันทึกการเดินทางเกี่ยวกับเรื่องของ ท้าวทองกีบม้า ว่า

"ข้าพเจ้า ได้เห็นท่านผู้หญิงของฟอลคอนในปี พ.ศ.2262
 เวลานี้ท่านได้รับเกียรติเป็นต้นห้องเครื่องหวานาของพระเจ้าแผ่นดิน
 ท่านเกิดในกรุงสยามในตระกุลอันมีเกียรติ และในเวลานั้นท่านเป็นที่ยกย่องนับถือแก่คนทั่วไป...

ท่านท้าวทอง กีบม้าผู้นี้ เป็นต้นการสั่งสอนให้ชาวสยามทำของหวาน
 คือ ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมทองโปร่ง ทองพลุ ขนมผิง
 ขนมฝรั่ง ขนมผิง ขนมไข่เต่า ขนมทองม้วน ขนมสัมปันนี ขนมหม้อแกง
 เป็นต้นเหตุเดิมที่ท้าวทองกีบม้าทำและสอนให้ชาวสยาม"

นี่เป็นหนึ่ง ในสาเหตุที่มีการยอมรับวัฒธรรมขนมหวานจากชาวโปรตุเกส
 ซึ่งมักนิยมนำมาจัดเลี้ยงในงานพิธีมงคลต่างๆ
 ตั้งแต่สมัยอยุธยาในครั้งกระนั้นสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันในทุกวันนี้

เรื่องราวเล่าขานตำนานขนมหวานโปรตุเกส

ชาว แขกมัวร์ซึ่งเป็นแขกมุสลิมเป็นผู้สอนให้ชาวโปรตุเกส
ได้รู้จักขนมหวานประเภท ไข่แดงในน้ำเชื่อม ทั้งหลายนี้
 โดยที่แขกมัวร์เข้ามาครอบครองโปรตุเกสในยุคโบราณถึงประมาณห้าร้อยกว่าปี
 จึงสลัดแอกออกได้หมดแผ่นดิน แต่อาหารการกินยังคงฝังแน่นอยู่มาถึงปัจจุบัน

ล่วง มาถึงสมัยยุคกลาง ทั้งสำนักชีคอนแวนต์และโบสถ์คริสต์ทั้งหลาย
กลายเป็นแหล่งมั่งคั่งด้วยโภคทรัพย์ เพราะมีผู้ทำบุญกันมากมายในแต่ละปี
 ครอบครัวฐานะดีที่มีความประสงค์จะให้ลูกสาวได้รับการอบรมบ่มนิสัยที่ดีงาม
ก็ มักจะส่งมาให้อยู่ในความดูแลของคอนแวนต์ โดยมีทรัพย์สินมากมายติดตัวมาด้วย
 รวมทั้ง 'ไก่อีกหลายฝูง' เพื่อใช้ไข่รับประทานระหว่างที่อยู่ในคอนแวนต์
ผู้เช่าที่ดินของวัดหรือคอนแวนต์เป็นผู้เลี้ยงไก่
 เมื่อไก่มีจำนวนมากก็มีปริมาณไข่ไก่มากเป็นเงาตามตัว
 จึงเกิดความคิดว่าจะนำไข่ไก่มาทำอาหารใดให้อร่อยและมิให้ของเหลือ
 การใช้ไข่แดงทำขนมในน้ำเชื่อมจึงเกิดขึ้นในคอนแวนต์
 และขยับขยายกลายเป็นขนมอื่นๆ อีกมากมาย
 รวมทั้งไข่ขาวที่เหลือก็พัฒนาแตกตัวออกไปเป็นขนมหลายอย่างในปัจจุบัน

ต้องขอบคุณพี่ตะวัน ที่หาข้อมูลมาให้อ่านอุ่นเครื่องกัน
เรียกน้ำย่อยล่วงหน้านามมากเลยครับ
ดีเหมือนกัน มีเวลาเตรียมตัวนานดี
ฮ่า ฮ่า

 emo6::))

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 01 สิงหาคม 2553, 22:01:11
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553, 13:39:55 อยากถามว่า น้องยา แหลม หนุน ใครขับรถ พวงมาลัยซ้าย ที่ยุโรปได้บ้างครับ ถึงคราวจำเป็น ผมขับก็ได้ครับ แล้วจะมีใครมานั่งรึปล่าวเนี่ย เหอ เหอ เหอ ขับได้ครับ

ส่วนผม..ตอนนี้ก็ขับรถพวงมาลัยขวา..ไม่ค่อยถนัดนะครับ  emo49:))

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 01 สิงหาคม 2553, 22:08:29
	ต้องขอบคุณพี่ตะวัน ที่หาข้อมูลมาให้อ่านอุ่นเครื่องกัน เรียกน้ำย่อยล่วงหน้านามมากเลยครับ ดีเหมือนกัน มีเวลาเตรียมตัวนานดี ฮ่า ฮ่า  emo6::))

ผมขออนุญาตแนะนำพี่ตะวันให้รีบสมัคร Phd ภาควิชา Europe Study : Portugal

จบ Trip นี้ ได้ปริญาเอกแน่ๆ เลยครับ

ชอบครับ... emo6::))
 

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 01 สิงหาคม 2553, 10:59:34
	ตามรอยต้นตำรับ 'ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง' ขนม ไทยแท้ๆ นั้น จากการศึกษาพบว่า........... ในรัชสมัยแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช.........  อาจด้วยเป็นพระราชประสงค์ที่มี รับสั่งตรงมาจากราชสำนักสยาม  ทำให้ มาดามดอนญา มาเรีย กิอูมาร์ เดอ ปินา ภรรยาเจ้าพระยาวิชเยนทร์ฟอลคอน  ซึ่งรับหน้าที่แม่บ้านหัวเรือใหญ่จัดอาหารเลี้ยงรับรองราชอาคันตุกะต่าง ประเทศ ที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยามากมาย ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ท้าวทองกีบม้า  (เพียนจาก 'กิอูมาร์')  ตำแหน่งวิเศสกลาง ถือศักดินา 400 เป็นผู้กำกับการพนักงานของหวานในพระราชวัง.......  .........ตั้งแต่สมัยอยุธยาในครั้งกระนั้นสืบทอดมาถึงยุคปัจจุบันในทุกวันนี้

อยากให้รู้จักเธอมากขึ้น ครับ........

ท้าวทองกีบม้า  .........สตรีผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย และชีวิตดั่งนิยายของเธอ  

บั้นปลายชีวิต
แม้ท้าวทองกีบม้าจะมีชีวิตในระยะแรกๆ ค่อนข้างลำบาก สามีถูกประหาร ต้องมีชีวิตระหกระเหิน ถูกส่งตัวไปเป็นคนรับใช้ แต่ด้วยความสามารถ และอุปนิสัยดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ บั้นปลายชีวิตของเธอจึงสุขสบายและได้รับการยกย่องตามควร ท้าวทองกีบม้ามีอายุยืนถึง 4 รัชกาล คือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา สมเด็จพระเจ้าเสือและสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ มีหลักฐานบ่งว่าท้าวทองกีบม้าถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 66 ปี

ขนมที่เชื่อว่าท้าวทองกีบม้าทำขึ้น
ท้าวทองกีบม้า เมื่อเข้าไปรับราชการในพระราชวังได้สร้างสรรค์ขนมหวานหลายชนิด โดยดัดแปลงมาจากตำรับอาหารโปรตุเกส ให้เป็นขนมหวานของไทย และเผยแพร่ไปโดยทั่วไป ท้าวทองกีบม้าจึงได้ชื่อเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย" โดยขนมที่เชื่อว่าท้าวทองกีบม้าได้ดัดแปลงเป็นขนมหวานของไทยนั้น มีดังต่อไปนี้คือ  กะหรี่ปั๊บ,ขนมหม้อแกง,ทองม้วน,ทองหยอด,ทองหยิบ,ฝอยทอง,สังขยา และขนมผิง


ขอบคุณ ที่มา : wikipedia

ขอบใจมากน้องแหลม
รู้ใจจริงๆ กำลังว่าจะไปดูข้อมูลท้าวทองกีบม้าพอดี
ก็มีคนรู้ใจเอามาป้อนให้พอดี
ขอบใจหลายๆเด้อ..น้องแหลม

 สวัสดีค่ะพี่ๆเข้ามาเที่ยวด้วยค่ะได้ความรู้แยะเลยค่ะพี่ตะวัน....

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 02 สิงหาคม 2553, 13:12:39
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 02 สิงหาคม 2553, 12:50:28 ขอบใจมากน้องแหลม รู้ใจจริงๆ กำลังว่าจะไปดูข้อมูลท้าวทองกีบม้าพอดี ก็มีคนรู้ใจเอามาป้อนให้พอดี ขอบใจหลายๆเด้อ..น้องแหลม พี่น้องกันแค่นี้เรื่องสิวๆครับ.......พี่ตะวัน

ขอบคุณมาก น้องเสี่ยแหลม
อ่านเพลินเลย
ท้าวทองกีบม้า

เดี๋ยวพี่จะมีเรื่องสิวหัวช้าง มาถามต่อครับ
ฮ่า ฮ่า

 emo43 emo43

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 04 สิงหาคม 2553, 07:54:22
	"ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ไปถึง" (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6lrxg-e002ad.jpg) ชอบมากครับพี่ตะวัน ขอบคุณมาก เลยเอากาแฟมาฝากตั้งแต่เช้าเลย ฮี่ ฮี่  emo6::)) emo6::))

ชอบเหมือนกันเลยค่ะพี่...

		อ้างถึง			ข้อความของ Kaimook เมื่อ 04 สิงหาคม 2553, 21:24:20
	อ้างถึง ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 04 สิงหาคม 2553, 07:54:22 "ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ไปถึง" (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6lrxg-e002ad.jpg) ชอบมากครับพี่ตะวัน ขอบคุณมาก เลยเอากาแฟมาฝากตั้งแต่เช้าเลย ฮี่ ฮี่  emo6::)) emo6::)) ชอบเหมือนกันเลยค่ะพี่...

หวัดดียามดึกครับ น้องๆ

ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง
ความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ไปถึง

แต่เมื่อเดินทางกลับมาบ้าน .. ต้องซักผ้าอื้อ !!      emo20:)):)

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 04 สิงหาคม 2553, 23:57:49
	ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ไปถึง แต่เมื่อเดินทางกลับมาบ้าน .. ต้องซักผ้าอื้อ !!      emo20:)):)

ท่าทางจะซักยากนะ ไอ้ผ้าอื้อนี่..มันเป็นผ้าแบบไหนนะน้องหยี

            สวัสดีพี่ๆ ทุกท่านค่ะ  ไนซ์ 27 ค่ะ  อยากร่วมทริปมั่งจัง น่าสนุก  ตัวไปไม่ได้จะตามอ่านแทนแล้วกันค่ะ

สวัสดียามบ่ายครับ...........พี่ตะวัน..พี่หนุน..น้องหยี..น้องอ้อย..น้องไนซ์..น้องเจตน์ และพี่น้องทุกท่าน

มีสมาชิกวนิพกพเนจรเพิ่มอีก......พี่ตะวันคงเป็นปลื้มครับ.........น้องไนซ์
 

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 09 สิงหาคม 2553, 13:43:37
	สวัสดียามบ่ายครับ...........พี่ตะวัน..พี่หนุน..น้องหยี..น้องอ้อย..น้องไนซ์..น้องเจตน์ และพี่น้องทุกท่าน มีสมาชิกวนิพกพเนจรเพิ่มอีก......พี่ตะวันคงเป็นปลื้มครับ.........น้องไนซ์

ยินดีครับน้องไนซ์ ทุกๆคนก็คงปลื้มเหมือนๆกัน เพราะเป็นกรุ๊ปทัวร์ของพวกเราทุกคน
พี่เป็นเพียงคนบริหารจัดการที่ตั้งอยู่บนความสุขของน้องพี่ซีมะโด่ง
ใครชอบสนุกสนานก็แวะเข้ามาคุยกัน
มีโอกาส ก็ไปพเนจรกันนะครับ

ว่าแต่น้องแหลม กล่อมมาดามสำเร็จหรือยัง
ส่วนท่านผอ.ก็คุยเบื้องต้นกับท่านไปก่อน
เพราะมีเวลาอีกเยอะ ไม่รู้ว่าใครจะเปลี่บนแปลงอย่างไรบ้าง
ถึงเวลาสรุปสุดท้าย ก็ค่อยมาว่ากันนะครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 09 สิงหาคม 2553, 16:48:44
	อ้างถึง ข้อความของ Leam เมื่อ 09 สิงหาคม 2553, 13:43:37 สวัสดียามบ่ายครับ...........พี่ตะวัน..พี่หนุน..น้องหยี..น้องอ้อย..น้องไนซ์..น้องเจตน์ และพี่น้องทุกท่าน มีสมาชิกวนิพกพเนจรเพิ่มอีก......พี่ตะวันคงเป็นปลื้มครับ.........น้องไนซ์   ยินดีครับน้องไนซ์ ทุกๆคนก็คงปลื้มเหมือนๆกัน เพราะเป็นกรุ๊ปทัวร์ของพวกเราทุกคน พี่เป็นเพียงคนบริหารจัดการที่ตั้งอยู่บนความสุขของน้องพี่ซีมะโด่ง ใครชอบสนุกสนานก็แวะเข้ามาคุยกัน มีโอกาส ก็ไปพเนจรกันนะครับ ว่าแต่น้องแหลม กล่อมมาดามสำเร็จหรือยัง ส่วนท่านผอ.ก็คุยเบื้องต้นกับท่านไปก่อน เพราะมีเวลาอีกเยอะ ไม่รู้ว่าใครจะเปลี่บนแปลงอย่างไรบ้าง ถึงเวลาสรุปสุดท้าย ก็ค่อยมาว่ากันนะครับ

สำหรับผมไม่ต้องกล่อมใครเลยครับ
พอรู้ว่าจะไป ไชโย...กันใหญ่
ชั่งไม่รู้เลยว่า...
กระผ๊มต้องหยอดกระปุกเพิ่มขึ้นอย่างไร
เหอ เหอ เหอ

 emo29:P: emo29:P:

 emo6::)) emo6::))

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6y2cy-c0d741.jpg)


(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6y2dl-045956.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6y2uz-bf9edd.jpg)


(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6y2vq-9753c4.jpg)

ฝีมือขั้นเทพจริงๆ น้องแหลม
อย่างนี้ ต้องชนกันหลายจอกแน่นอน ในวันที่ 19 นี้
ไม่เมาไม่เลิกลา

ถึงเมาเหล้า เช้าสายหายไปเลย
แต่เมาเคย นี้ประจำทุกค่ำคืน

ถามคำแปลกับ น้องเจตน์แล้วกันนะครับ

น้องเจตน์ พี่จะให้การบ้านไปทำต่อนะครับ
ว่างๆก็ searchไปเรื่อย ไม่ต้องหักโหมนะครับ
มีอีก 3เมืองที่สวยงาม
 
เมืองเอสโตริล (Estoril)
เมืองคาสเคส (Cascais)
เมืองซินทร้า (Sintra

สวัสดีครับ.....พี่ตะวัน..พี่หนุน และพี่น้องทุกท่าน

เอ้า!!!!!!......แกล้งชมกันเข้าไป.(ยังไงก็จะคิดค่าแรง...แรงๆครับ)


การเสริมแรงทางบวก....เป็นเทคนิคหนึ่งที่ทำให้ได้งาน?

เนื้อหานำหน้าไปก่อน
เดี๋ยวน้องแหลม เขาค่อยเอาภาพมาประกอบทีหลังครับ

เมืองคาสเคส (Cascais) ที่ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญมาก
 มีการสร้างทางรถไฟขนส่งสินค้าเป็นเส้นทางแรกในโปรตุเกส
 ปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียง เต็มไปด้วยสีสัน เช่นเดียวกับเมืองเอสโตริล
 พระเจ้าอุมแบร์โตแห่งอิตาลี, กษัตริย์คารอลที่ 2 แห่งโรมาเนีย
และเจ้าชายฮวนแห่งสเปน แม้กระทั่วเชื้อพระวงศ์ฮับสเบิร์ก
 ล้วนแต่เคยหลบลี้ภัยมาประทับที่นี่เช่นเดียวกัน
เดินเที่ยวชมความน่ารักของเมือง
 และไปถ่ายภาพกับพระราชวังเก่าที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
และสนามสู้วัวกระทิง
 ก่อนจะออกเดินทางสู่แหลมโรก้า (Capo Da Roca) จุด ตะวันตกสุดของยุโรป
 ชายฝั่งทะเลมีหมู่บ้านชาวประมงเรียงราย
 เมืองต่างๆเหล่านี้มีโบราณสถานและโบราณวัตถุจำนวนมาก
 ล้วนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทั้งสิ้น

โอว .. พี่แหลมจ๋า ..
แต่ละภาพที่นำมาลง  สวยจนน้ำหมากหก ..

อยากไป ๆ ๆ ๆ ๆ    emo45:(    emo45:(

สวัสดีครับ พี่ตะวัน....มารายงานตัวครับผม

หายหน้าไปเก็บเงินเพื่อไป..โปรตุเกส

ตอนนี้เก็บเงินค่าเดินทางได้ครบแล้วครับ

......ไปพร้อมพี่หยีเลยดีมั้ยครับ...

หมันใส้ไม๊ครับพี่....... emo48:) emo48:)

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 12 สิงหาคม 2553, 15:59:23
	โอว .. พี่แหลมจ๋า .. แต่ละภาพที่นำมาลง  สวยจนน้ำหมากหก .. อยากไป ๆ ๆ ๆ ๆ    emo45:(    emo45:(

เอ๋...ตกลงใครจะไปเยี่ยมใครครับนี่... emo47

รูปสวยงามมาก

คนที่เราจะไปเยี่ยมก็..สวย....

เข้ากัน...เข้ากัน

หวัดดีครับพี่แหลม

ได้พักบ้างครับ..เพิ่งจะมีเวลาทำ Bill ของเดือนที่แล้ว ส่งให้ลูกค้านะครับ

เสร็จประมาณเที่ยง ไปกินข้าวร้าน Ottoya คนเดียว

กินกาแฟเสร็จ ก็กลับมานี่ละครับ

ยังครับพี่แหลม..จะทำต่อคืนนี้ครับ

พรุ่งนี้จะได้สบายๆหน่อยครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 12 สิงหาคม 2553, 17:18:21
	สุขภาพก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ....อย่าลืม......อย่าหักโหมมากเกินไป มีสุภาษิตจีนว่า..........ยามเยาว์วัยใช้ร่างกายหาทรัพย์ เมื่อสูงวัยต้องใช้ทรัพย์รักษาร่างกาย.

ขอบคุณครับ..พี่แหลม.

สวัสดีตอนบ่าย ครับพี่ตะวันและพลพรรครักการท่องเที่ยว
ยังติดใจรูปที่น้องเสี่ยค้นมาไม่หาย

เข้ามาเผื่อได้ชมลูกแถมอีก
เหอ เหอ

 emo20:)):) emo20:)):)

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 14:54:27
	สวัสดีตอนบ่าย ครับพี่ตะวันและพลพรรครักการท่องเที่ยว ยังติดใจรูปที่น้องเสี่ยค้นมาไม่หาย เข้ามาเผื่อได้ชมลูกแถมอีก เหอ เหอ  emo20:)):) emo20:)):)

อ้าว น้องแหลมทำงาน อย่าอู้..แฟนคลับมารอกันตรึม
ขืนช้า จะถูกตัดขาดจาดกองมรดก นะครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 09:35:52
	อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 12 สิงหาคม 2553, 17:00:14 สวัสดีครับ พี่ตะวัน....มารายงานตัวครับผม หายหน้าไปเก็บเงินเพื่อไป..โปรตุเกส ตอนนี้เก็บเงินค่าเดินทางได้ครบแล้วครับ ......ไปพร้อมพี่หยีเลยดีมั้ยครับ... หมันใส้ไม๊ครับพี่....... emo48:) emo48:) อ้าว เหรอ พี่คิดว่า ไปโปรตุเกส กลับมาแล้ว......55555

น้องยาเขาพูดให้เราหมั่นไส้ค่ะ พี่ตะวัน      

เขาทำงานกับลูกค้ารายเดียว
ใช้เวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์  รับทรัพย์ในจำนวนหย่อนล้านนิดหน่อย
ก็เลือกรับแต่ลูกค้าต่างชาติ Brand ดัง ๆ ทั้งน้านนนนน


.. หมั่นไส้จริง ๆ ..   emo35:()

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 15:30:10
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 09:35:52 อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 12 สิงหาคม 2553, 17:00:14 สวัสดีครับ พี่ตะวัน....มารายงานตัวครับผม หายหน้าไปเก็บเงินเพื่อไป..โปรตุเกส ตอนนี้เก็บเงินค่าเดินทางได้ครบแล้วครับ ......ไปพร้อมพี่หยีเลยดีมั้ยครับ... หมันใส้ไม๊ครับพี่....... emo48:) emo48:) อ้าว เหรอ พี่คิดว่า ไปโปรตุเกส กลับมาแล้ว......55555 น้องยาเขาพูดให้เราหมั่นไส้ค่ะ พี่ตะวัน        เขาทำงานกับลูกค้ารายเดียว ใช้เวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์  รับทรัพย์ในจำนวนหย่อนล้านนิดหน่อย ก็เลือกรับแต่ลูกค้าต่างชาติ Brand ดัง ๆ ทั้งน้านนนนน .. หมั่นไส้จริง ๆ ..   emo35:()

น้องหยี..แก้หมั่นไส้ ด้วยการล้มทับ ที่ลิสบอน ซะเลย น่าจะดี...แค้นนี้ต้องล้างด้วย ไวน์

เดี๋ยวเย็นนี้จะไปล้มทับที่ โพลาโพล่า เป็นการอุ่นเครื่อง
ไม่รู้ยอมอ๊ะป่าว
เหอ เหอ

 emo20:)):) emo20:)):)

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 16:09:59
	อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 15:30:10 อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 13 สิงหาคม 2553, 09:35:52 อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 12 สิงหาคม 2553, 17:00:14 สวัสดีครับ พี่ตะวัน....มารายงานตัวครับผม หายหน้าไปเก็บเงินเพื่อไป..โปรตุเกส ตอนนี้เก็บเงินค่าเดินทางได้ครบแล้วครับ ......ไปพร้อมพี่หยีเลยดีมั้ยครับ... หมันใส้ไม๊ครับพี่....... emo48:) emo48:) อ้าว เหรอ พี่คิดว่า ไปโปรตุเกส กลับมาแล้ว......55555 น้องยาเขาพูดให้เราหมั่นไส้ค่ะ พี่ตะวัน       เขาทำงานกับลูกค้ารายเดียว ใช้เวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์  รับทรัพย์ในจำนวนหย่อนล้านนิดหน่อย ก็เลือกรับแต่ลูกค้าต่างชาติ Brand ดัง ๆ ทั้งน้านนนนน .. หมั่นไส้จริง ๆ ..   emo35:() น้องหยี..แก้หมั่นไส้ ด้วยการล้มทับ ที่ลิสบอน ซะเลย น่าจะดี...แค้นนี้ต้องล้างด้วย ไวน์

อืม...ล้มทับด้วยไวน์...ถือว่าไม่กระเทือนแม้แต่ปลายเส้นผมเลยครับพี่  emo6::)) emo6::)) emo6::))


โอ๊ย..อยากไปเร็วๆ จังเลยครับ...

Lisbon, Porto, Madrid, Barcelona

แค่คิดก็สุขแล้ว....



....หมั่นใส้ภาค2  ไหมครับ....คริคริ  emo48:)

น้องยา น้องหนุน มาเพิ่มความอยาก
นอกจากเมืองดังกล่าวแล้ว
ขอเสนอเมืองดังอีกเมือง

เที่ยวตามรอย สตรีหมายเลข 1 ของUSA..เมืองเกรนาดา
มิเชล โอบามา ได้ไปพักผ่อนที่สเปน กับลูกสาว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เกรนาดา เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เธอไปเที่ยวชม

เมืองเกรนาดา แห่งแคว้นอันดาลูเซีย เคยปกครองโดยแขกมัวร์
แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก้องโลก คือ พระราชวังอัลฮามบร้า
เคยเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ชาวมัวร์
และเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมรดกทางประวัติศาสตร์ของมุสลิม ยิว และคริสต์
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งสถาปัตยกรรมมุสลิมกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

มาส่งการบ้านครับ........

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 11 สิงหาคม 2553, 09:52:47
	เดินทางเลาะเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก  ผ่านเมืองเล็กๆ น่ารักแถบชานเมืองลิสบอนสู่เมืองเอสโตริล (Estoril)  ที่ได้รับสมญานามร่วมกับอีกสองเมือง คือ คาสเคส และซินทร้า ว่าเป็น Golden Triangle เมือง ตากอากาศที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ไม้ดอก  และแนวต้นปาล์ม  แลดูคลาสสิคด้วยรีสอร์ทตากอากาศสีพาสเทล  ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กษัตริย์ทั่วยุโรปได้หลบลี้ภัยมาประทับอยู่ที่นี่ คฤหาสน์บางหลังเป็นมรดกตก ทอดจากราชวงศ์นั้นๆ ได้กลายเป็นแห่งท่องเที่ยวชายทะเลที่โด่งดัง จนได้รับฉายา นามว่า ปอร์ตุกีส ริเวียร่า เลยทีเดียว

เมืองเอสโตริล (Estoril)
เป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรประมาณ 25,000 คน
นอกจากจะเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่โด่งดังแล้ว
เอสโตริลยังมี สนามกอล์ฟ, สนามแข่งรถ และสถานคาซิโน ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอีกด้วย

เมือง Cascais และ Sintra ขอยกยอดไปก่อนนะครับ.......

สำหรับเมือง Sintra.....แค่สืบค้นข้อมูลเบื้องต้น ก็รักเธอเข้าเต็มเปาแล้ว.  

น้องแหลม
ให้คะแนนการบ้านครับ

AAAAA+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 14 สิงหาคม 2553, 20:54:31
	5A กับอีก 921+........... อาจารย์ตะวันใจดีจังครับ.........

บวกยาวไปถึงดวงตะวันโน่นเลยค่ะ ..     emo6::))

ตื่นเต้นจริง ๆ ค่ะ ..
ตอนแรกรู้สึกไม่อยากไป 
ตอนนี้รอวันเดินทางแทบไม่ไหวแล้วค่ะ


(คิดถึงลูก)     emo6::))

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 14 สิงหาคม 2553, 23:27:52
	กลัว Search ไปเรื่อยๆแล้วจะต้องไปเปิด บ.ทัวร์ โปรตุเกส - สเปน นะซิครับพี่.

ดีครับพี่แหลม..จะได้สมัครเป็น MEMBER

ว่าแต่เอาจริงปล่าว...จะขอหุ้นด้วยครับ emo6::))

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 14 สิงหาคม 2553, 23:27:52
	กลัว Search ไปเรื่อยๆแล้วจะต้องไปเปิด บ.ทัวร์ โปรตุเกส - สเปน นะซิครับพี่.

ว่าแต่..ทริปนี้ แค่ 10 วันจะพอหรือเปล่า เพิ่มเติมได้นะครับ

ส่วนบริษัททัวร์ ให้พี่เป็นไกด์แล้วกันนะครับ....ชอบเที่ยว

เอาสัก 2 weeks แล้วกันครับ..กำลังดี

ให้หยีเป็น local staff คอยทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน     emo20:)):)

 

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 14 สิงหาคม 2553, 23:19:19
	ตื่นเต้นจริง ๆ ค่ะ .. ตอนแรกรู้สึกไม่อยากไป  ตอนนี้รอวันเดินทางแทบไม่ไหวแล้วค่ะ (คิดถึงลูก)     emo6::))

การบ้านพี่แหลมเยอะดีค่ะ  ภาพสวยๆค่ะ
แม่ยอดยาหยีจ๋าาาาความรู้สึกเช่นนี้(คิดถึงลูก)น้ำอ้อยรู้จักดีเลยค่ะ ดีใจด้วยนะคะจะได้พบลูกๆแล้วค่ะขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ...

		อ้างถึง			ข้อความของ Kaimook เมื่อ 15 สิงหาคม 2553, 22:07:31
	อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 14 สิงหาคม 2553, 23:19:19 ตื่นเต้นจริง ๆ ค่ะ .. ตอนแรกรู้สึกไม่อยากไป  ตอนนี้รอวันเดินทางแทบไม่ไหวแล้วค่ะ (คิดถึงลูก)     emo6::)) การบ้านพี่แหลมเยอะดีค่ะ  ภาพสวยๆค่ะ แม่ยอดยาหยีจ๋าาาาความรู้สึกเช่นนี้(คิดถึงลูก)น้ำอ้อยรู้จักดีเลยค่ะ ดีใจด้วยนะคะจะได้พบลูกๆแล้วค่ะขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ...

ขอบคุณค่ะ  น้ำอ้อย .. มีโอกาสก็แวะไปเยี่ยมกันบ้างนะจ๊ะ      emo9:huhu:

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 15 สิงหาคม 2553, 22:13:21
	อ้างถึง ข้อความของ Kaimook เมื่อ 15 สิงหาคม 2553, 22:07:31 อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 14 สิงหาคม 2553, 23:19:19 ตื่นเต้นจริง ๆ ค่ะ .. ตอนแรกรู้สึกไม่อยากไป  ตอนนี้รอวันเดินทางแทบไม่ไหวแล้วค่ะ (คิดถึงลูก)     emo6::)) การบ้านพี่แหลมเยอะดีค่ะ  ภาพสวยๆค่ะ แม่ยอดยาหยีจ๋าาาาความรู้สึกเช่นนี้(คิดถึงลูก)น้ำอ้อยรู้จักดีเลยค่ะ ดีใจด้วยนะคะจะได้พบลูกๆแล้วค่ะขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ... ขอบคุณค่ะ  น้ำอ้อย .. มีโอกาสก็แวะไปเยี่ยมกันบ้างนะจ๊ะ      emo9:huhu:

จ้าาาาา...คิดถึงๆๆๆๆๆๆนะคะ...คงต้องหยอดกระปุกกันนานนนนค่ะ

เราตามสตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา ต่อไปครับ

สตรีหมายเลข 1 คนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่มีรสนิยมไม่น้อย เธอเลือกไปพักผ่อนที่เมืองมาร์เบลลา
 เมืองชายทะเลในมาลาก้าทางตอนใต้ของสเปนที่มีชายหาดอันสวยงาม
 

มาร์เบลลา ซึ่งเคยเป็นเมืองชาวประมงตั้งอยู่ใจกลางชายฝั่งโคสต์ เดล โซล
ในแคว้นปกครองตนเองอันดาลูเซียจึงทำให้อากาศร้อนและมีแดดตลอดปี
 เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศที่เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนอาบแดด
และพวกชอบเล่นกีฬาที่ส่วนใหญ่ชอบพักผ่อนบนชายหาด เพราะมีชายหาดถึง 24 แห่ง
 นักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดและอยากให้ผิวเป็นสีแทนทั้งตัว
 สามารถใช้บริการได้ที่ชายหาดสำหรับชาวนู้ดโดยเฉพาะซึ่งมีอยู่หลายหาด
 ชายหาดด้านตะวันตกชื่อ เปอร์โต บานัส
 เป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ของเศรษฐีที่ชอบนำเรือยอชท์หรูและสปีดโบตมาจอด
 

มาร์เบลลา เป็นเมืองที่พวกคนรวยและคนดังๆ ชอบไปพักผ่อน
 แม้ว่าภาพของเมืองเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยโรงแรม กาสิโน เรือยอชท์และรถหรูเฟอร์รารี่
แต่เมืองนี้ก็ยังมีมุมที่เป็นเมืองเก่าที่ยังคงมีกลิ่นอายของสเปนดั้งเดิมหลงเหลืออยู่
 ทั้งๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากสถานที่พักผ่อนหรูหราไม่มากแต่บรรยากาศกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
 ตึกเก่าสมัยศตวรรษที่ 16 หรือเก่ากว่านั้นยังคงอยู่ในสภาพเดิมๆ
 ร้านค้าเล็กๆ ร้านกาแฟและแกลลอรีเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง
 ที่จัตุรัสเล็กๆ มีบาร์และต้นส้มที่ช่วยสร้างบรรยากาศในอดีต
และเป็นที่พักใจก่อนจะกลับไปสู่โลกที่ทันสมัย
 

สตรีหมายเลข 1 ยังได้ไปเที่ยวชมเมืองกรานาดาแห่งแคว้นอันดาลูเซีย
 กรานาดาเป็นเมืองที่เคยปกครองโดยแขกมัวร์
 แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก้องโลกคือ พระราชวังอัลฮามบร้า
 ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ชาวมัวร์
และเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมรดกทางประวัติศาสตร์ของมุสลิม ยิว และคริสต์
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งสถาปัตยกรรมมุสลิมกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
 

อัลฮามบร้ามีรากศัพท์มาจากภาษาอารบิกที่แปลว่า ปราสาทแดง หรือป้อมปราการแดง
อาจเป็นเพราะมีหอคอยและกำแพงสีแดง
 พระราชวังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาของเซียร์รา เนวาดา
 ภายในเขตพระราชวังประกอบขึ้นด้วยส่วนที่เป็นป้อมปราการ พระราชวังของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์
 มีท้องพระโรง โรงนอนของเจ้าหน้าที่ โรงอาบน้ำและมัสยิด
 รวมถึงสวนสวยและสนามหญ้าที่ถูกขนาบด้วยทางเดินลอดซุ้ม เสาและน้ำพุ
 ที่เชิงเขาของพระราชวังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารประจำเมือง
ซึ่งเป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอนและพระราชินีอิซาเบลล่าแห่งคาสไตล์

เนินเขาที่อยู่ตรงข้ามพระราชวังอัลฮามบร้าคือ อัลไบซิน
 เมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ของชาวมัวร์
 มีลักษณะเด่นคือมีถนนและทางเดินแคบๆ ที่เลี้ยวลดคดเคี้ยว
 และบ้านกำแพงสีขาวตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางสวน
 จัตุรัสซาน นิโคลัสซึ่งตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของอัลไบซินเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงมาก
 ส่วนเนินเขาซาโครมอนเต้ทางตอนเหนือของเมือง
ในอดีตเป็นชุมชนใหญ่ของยิปซีที่อาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นถ้ำซึ่งมีชื่อเสียงมาก

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l7aye6-c4377e.jpg)

  พระราชวังแสนสวย

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:15:33
	สวัสดีครับพี่ตะวัน วันก่อนผมดูข่าว สตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา ยังตื่นเต้นตามไปด้วยเลยครับ อีก 14 เดือนเองนะครับพี่ เหอ เหอ

ได้มีเวลาหยอดกระปุก..แล้วเมื่อไหร่ จึงจะไป นอรเวย์ ละครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:48:31
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:17:48 อ้างถึง ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:15:33 สวัสดีครับพี่ตะวัน วันก่อนผมดูข่าว สตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา ยังตื่นเต้นตามไปด้วยเลยครับ อีก 14 เดือนเองนะครับพี่ เหอ เหอ ได้มีเวลาหยอดกระปุก..แล้วเมื่อไหร่ จึงจะไป นอรเวย์ ละครับ น่าจะเป็นประมาณช่วง เมษา ปีหน้าครับพี่

ต้องเตรียมเสื้อฝนไปด้วยนะครับ ต้องเจอฝนแน่ๆ...และอากาศหนาวได้ดั่งใจ

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 18 สิงหาคม 2553, 09:05:34
	อ้างถึง ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:48:31 อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:17:48 อ้างถึง ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:15:33 สวัสดีครับพี่ตะวัน วันก่อนผมดูข่าว สตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา ยังตื่นเต้นตามไปด้วยเลยครับ อีก 14 เดือนเองนะครับพี่ เหอ เหอ ได้มีเวลาหยอดกระปุก..แล้วเมื่อไหร่ จึงจะไป นอรเวย์ ละครับ น่าจะเป็นประมาณช่วง เมษา ปีหน้าครับพี่ ต้องเตรียมเสื้อฝนไปด้วยนะครับ ต้องเจอฝนแน่ๆ...และอากาศหนาวได้ดั่งใจ

พี่ตะวันหมายถึงที่ไหนครับพี่

นอร์เวย์ มีฝนเดือนเมษายน?

		อ้างถึง			ข้อความของ YA เมื่อ 18 สิงหาคม 2553, 09:08:45
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 18 สิงหาคม 2553, 09:05:34 อ้างถึง ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:48:31 อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:17:48 อ้างถึง ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 สิงหาคม 2553, 22:15:33 สวัสดีครับพี่ตะวัน วันก่อนผมดูข่าว สตรีหมายเลข 1 ของอเมริกา ยังตื่นเต้นตามไปด้วยเลยครับ อีก 14 เดือนเองนะครับพี่ เหอ เหอ ได้มีเวลาหยอดกระปุก..แล้วเมื่อไหร่ จึงจะไป นอรเวย์ ละครับ น่าจะเป็นประมาณช่วง เมษา ปีหน้าครับพี่ ต้องเตรียมเสื้อฝนไปด้วยนะครับ ต้องเจอฝนแน่ๆ...และอากาศหนาวได้ดั่งใจ พี่ตะวันหมายถึงที่ไหนครับพี่ นอร์เวย์ มีฝนเดือนเมษายน?

ใช่แล้วน้องยา เดือนเมษา เป็นฤดูใบไม้ผลิ ฝนชอบตก
ปีก่อนโนน้ ขนาดพี่ไปเดือน สค. ฝนยังตกอยู่เลย น้องเอ๋ย
และอากาศยังหนาวอยู่เลย ขนาดปลายฤดูร้อน บนเขายังมีหิมะ
มีเมฆ และหมอก เต็มไปหมด ขับรถบนที่สูง อันตรายมาก
หมอกหนาทึบ มองไม่เห็นอะไรเลย

มา UP DATE ข้อมูล
มีสมาชิกไป เยี่ยมน้องหยี อีก 1 ราย คือ
น้องชัยอัครญาณ 28   
ลงทะเบียนไปเรียบโร้ย..เมื่อคืนนี้

โมร็อกโกมนต์เสน่ห์แห่งมาเกร็บ
21 สิงหาคม 2553 Posttoday online 30สค.2010

ทะเลทรายซาฮาราอันกว้างใหญ่ไพศาล ทิวเขาแอตลาสที่ทอดยาวสุดสายตา
 ศิลปะแขกมัวร์อันเก่าแก่และสวยงาม จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก โมร็อกโก

โดย...ปวีณา สิงห์บูรณา

ทะเลทรายซาฮาราอันกว้างใหญ่ไพศาล ทิวเขาแอตลาสที่ทอดยาวสุดสายตา ศิลปะแขกมัวร์อันเก่าแก่และสวยงาม จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก โมร็อกโก
และเป้าหมายปลายทางของ โลก 360 องศา ในครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่าเรามาจรดองศากันที่ดินแดนที่เรียกได้ว่า สุดขอบทวีปแอฟริกาตอนเหนือเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องบอกว่านี่คืออีกหนึ่งประเทศที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว


ชื่อของประเทศโมร็อกโกนั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาอาหรับที่ว่า “อัลมักริบ” (AlMaghrib) ซึ่งแปลว่า ทิศตะวันตก และหากจะมองจากแผนที่ควบคู่กันไปแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่าประเทศโมร็อกโกนั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ทางด้านทิศตะวันตกนั้นติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ทอดตัวยาวไปจรดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยผ่านช่องแคบยิบรอนตาร์ ส่วนทางด้านทิศตะวันออกนั้นมีเทือกเขาแอตลาสที่ทอดตัวยาวจากเหนือลงสู่ใต้ และทะเลทรายซาฮาราที่แห้งแล้งและกว้างใหญ่สุดสายตา

หากเอ่ยถึงภาพยนตร์เรื่อง Casablanca นั้น เชื่อเหลือเกินว่าใครที่มีอายุหน่อย ก็น่าจะรู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือภาพยนตร์ที่สามารถกวาดรางวัลตุ๊กตาทองได้ถึง 3 รางวัล ในปี 1943 และทำให้เมืองคาซาบลังกานั้นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในฐานะเมืองตากอากาศที่สวยงามและโรแมนติก

ในปัจจุบันนี้ คาซาบลังกาคือเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโมร็อกโก และยังเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่และจำนวนประชากรหนาแน่นที่สุด จึงทำให้ใครหลายคนนั้นอาจเข้าใจผิดคิดว่าคาซาบลังกานั้นคือเมืองหลวงของประเทศโมร็อกโก แต่แท้จริงแล้วเมืองหลวงของโมร็อกโกก็คือ กรุงราบัต

ในความเจริญที่ทวีขึ้นอย่างรวดเร็วในคาซาบลังกานั้นก็มิอาจทำให้มนต์เสน่ห์ของคาซาบลังกาเสื่อมคลายลงแต่อย่างใด ที่นี่นั้นยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงามให้ได้ชื่นชมกัน อย่างที่มัสยิดกษัตริย์ฮัสซันที่ 2

ความพิเศษของมัสยิดแห่งนี้ก็คือ การเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโมร็อกโก และมากไปกว่านั้น นี่คือมัสยิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว และอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่นั้นก็คือ การมีหอกระจายเสียง หรือที่เรียกเป็นภาษาอาหรับว่า มินาเร่ (Mineret) ที่สูงถึง 210 เมตร ภายในมัสยิดนั้นสามารถจุคนได้ถึง 2.5 หมื่นคน และหากจะนับรวมกับพื้นที่ด้านนอกแล้วนั้น ก็ต้องบอกว่าสามารถรองรับคนได้ถึง 8 หมื่น คนเลยทีเดียว


หากจะวิเคราะห์ถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศโมร็อกโกนั้น ก็ต้องบอกว่านี่คือจุดเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งหากจะย้อนไปในประวัติศาสตร์นั้น ที่นี่คือเส้นทางการค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นการค้าทาส และยังรวมไปถึงการเข้ามาของชนชาติยุโรปและอาหรับ ที่นำมาซึ่งอิทธิพลต่างๆ ที่ยังคงปรากฏให้เราเห็นได้จนถึงปัจจุบันนี้

ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานสักเพียงใด แต่ที่ประเทศโมร็อกโกนั้นก็ยังมีอีกหนึ่งวัฒนธรรมที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น นั้นก็คือวัฒนธรรมของชาวเบอร์เบอร์ (Berber Tribe) ซึ่งตามบันทึกทางประวัติศาสตร์นั้นได้บันทึกไว้ว่า ชาวเบอร์เบอร์นั้นคือชนกลุ่มแรกที่ตั้งรกรากอยู่ในดินแดนแถบนี้ แม้จะผ่านการรุกรานและการเข้ามาของชนกลุ่มต่างๆ หากแต่ว่าก็ไม่อาจทำให้วัฒนธรรมของชาวเบอร์เบอร์นั้นสาบสูญไปแต่อย่างใด สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างนั้น หากจะมีก็เป็นเพียงแต่การนับถือศาสนาและภาษาที่ใช้สื่อสารเท่านั้น แต่สิ่งที่ยังคงดำเนินจากอดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและพอเพียง ที่ไม่ว่ากระแสของสังคมจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด แต่ชาวเบอร์เบอร์ส่วนมากก็ยังคงพอใจในวิถีชีวิตของตน

ประเทศโมร็อกโกนั้นได้รับเอกราชจากประเทศฝรั่งเศสในปี 1946 และได้สถาปนาราชอาณาจักรโมร็อกโกขึ้นในสมัยของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 แห่งราชวงศ์อลาวี (Alawi) และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมีกษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6

ส่วนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโมร็อกโกและประเทศไทยนั้น ก็มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน แต่ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการนั้นก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว เมื่อทั้งสองประเทศได้มีการจัดตั้งสถานทูตและมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตระหว่างกัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็ดำเนินมาด้วยดีตลอด 

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l7zxux-03fd91.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l7zxvz-3fdca5.jpg)

โปรแกรมสเปน - โปรตุเกส
ช่วงก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะขยายพื้นที่ไปทางเหนือ
กะตีฝ่าด่านไปถึงฝรั่งเศสโน่นนน..

มาตามอ่านมุมมองด้านทิศใต้
ชื่อของ คาซาบลังกา โมร็อกโก
จะทำให้อยากกระโดดข้ามช่องแคบๆ..!!!..??
ยิบรอลต้า ไปเยี่ยมสักหน่อยมั๊ยครับพี่ตะวัน
ได้เที่ยว 2 ทวีปเลยนะครับ

อิ อิ

 emo26:D emo26:D

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 01 กันยายน 2553, 07:51:08
	โปรแกรมสเปน - โปรตุเกส ช่วงก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะขยายพื้นที่ไปทางเหนือ กะตีฝ่าด่านไปถึงฝรั่งเศสโน่นนน.. มาตามอ่านมุมมองด้านทิศใต้ ชื่อของ คาซาบลังกา โมร็อกโก จะทำให้อยากกระโดดข้ามช่องแคบๆ..!!!..?? ยิบรอลต้า ไปเยี่ยมสักหน่อยมั๊ยครับพี่ตะวัน ได้เที่ยว 2 ทวีปเลยนะครับ อิ อิ  emo26:D emo26:D

ต้องเข้า ครม.การท่องเที่ยวนะ น้องหนุน
ว่าเราจะไปไหนบ้าง
รอให้น้องหยีตั้งตัวได้ จะให้การบ้าน
ไป เซอร์เวย์ว่าทีใด้บ้างจะเหมาะกับวณิพกอย่างพวกเรา

อีกอย่างพี่ไม่รู้ว่า ต้องทำวีซ่าต่างหาก เพื่อเข้า มอรอคโค
ที่จริงก็อยากเหมือนกัน
ไปทวีป อาฟริกา..เท่ไม่เบา

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 01 กันยายน 2553, 07:51:08
	โปรแกรมสเปน - โปรตุเกส ช่วงก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะขยายพื้นที่ไปทางเหนือ กะตีฝ่าด่านไปถึงฝรั่งเศสโน่นนน.. มาตามอ่านมุมมองด้านทิศใต้ ชื่อของ คาซาบลังกา โมร็อกโก จะทำให้อยากกระโดดข้ามช่องแคบๆ..!!!..?? ยิบรอลต้า ไปเยี่ยมสักหน่อยมั๊ยครับพี่ตะวัน ได้เที่ยว 2 ทวีปเลยนะครับ อิ อิ  emo26:D emo26:D

คองโก ซิมบาบเว มาลี โซมาเลีย ด้วยก็ได้นะพี่หนุน ..

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 20 สิงหาคม 2553, 15:36:04
	มา UP DATE ข้อมูล มีสมาชิกไป เยี่ยมน้องหยี อีก 1 ราย คือ น้องชัยอัครญาณ 28   ลงทะเบียนไปเรียบโร้ย..เมื่อคืนนี้

ของผม 1 ที่นั่งครับ...ลงทะเบียนเลย
แต่ไม่กลับด้วยนะครับ...จะเที่ยวต่ออีกสัก 1 week
ผ่านช่องแคบยิบรอลต้าไป Morrocco

หมั่นใส้ไม๊ครับ..พี่หนุน emo49:))

		อ้างถึง			ข้อความของ YA เมื่อ 15 กันยายน 2553, 11:37:53
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 20 สิงหาคม 2553, 15:36:04 มา UP DATE ข้อมูล มีสมาชิกไป เยี่ยมน้องหยี อีก 1 ราย คือ น้องชัยอัครญาณ 28    ลงทะเบียนไปเรียบโร้ย..เมื่อคืนนี้ ของผม 1 ที่นั่งครับ...ลงทะเบียนเลย แต่ไม่กลับด้วยนะครับ...จะเที่ยวต่ออีกสัก 1 week ผ่านช่องแคบยิบรอลต้าไป Morrocco หมั่นใส้ไม๊ครับ..พี่หนุน emo49:))

ไปด้วยยยยย.....
ให้เมียกับลูกกลับก่อน...ได้ป่าว
โหดไปมั๊ยนี่    เหอ เหอ

 emo20:)):) emo20:)):)

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 16 กันยายน 2553, 07:52:17
	อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 15 กันยายน 2553, 11:37:53 อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 20 สิงหาคม 2553, 15:36:04 มา UP DATE ข้อมูล มีสมาชิกไป เยี่ยมน้องหยี อีก 1 ราย คือ น้องชัยอัครญาณ 28    ลงทะเบียนไปเรียบโร้ย..เมื่อคืนนี้ ของผม 1 ที่นั่งครับ...ลงทะเบียนเลย แต่ไม่กลับด้วยนะครับ...จะเที่ยวต่ออีกสัก 1 week ผ่านช่องแคบยิบรอลต้าไป Morrocco หมั่นใส้ไม๊ครับ..พี่หนุน emo49:)) ไปด้วยยยยย..... ให้เมียกับลูกกลับก่อน...ได้ป่าว โหดไปมั๊ยนี่    เหอ เหอ  emo20:)):) emo20:)):)

กำลังสนใจอยู่เหมือนกันครับ
เพราะถ้าไปกันตามกำหนดเดิม 14-24ตค.54
อาจพ่วงไปด้วยคน   emo28:win: emo28:win:

คาซาบลังกา...เสน่ห์แห่งแสงและสี
17 กรกฎาคม 2553 www. posttoday.com
...ร้อยตะวันพันดาว

ไม่รู้ว่าเพราะที่นั่งบนเจ้านกเหล็กลำนี้สบายเกินเหตุ อาหารเครื่องบินรสชาติดีเกินไป หรือจอทีวีตรงหน้ามันใหญ่ผิดหูผิดตากันแน่ ทำให้เวลาเกือบหกชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ถึงอาบูดาบีถูกละลายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเครื่องบินลอยกลางฟ้าได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงประกาศจากกัปตันว่า ได้เวลาร่อนลงแตะรันเวย์กันอีกรอบ




สองชั่วโมงถัดมา เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนสาวเท้าขึ้นไปนั่งประจำที่ แม้เครื่องลำนี้เล็กกว่าลำเดิมมาก แต่เวลานี้คือเวลานอน ฉะนั้นเหมือนร่างกายรู้หน้าที่โดยอัตโนมัติ พอขึ้นเครื่องปุ๊บ ปิดสวิตช์ปั๊บ ไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น



อีกเจ็ดชั่วโมงต่อมา รู้สึกตัวอีกที นี่เรายืนอยู่ที่สนามบินโมฮัมเหม็ดที่ 5 แห่งเมืองคาซาบลังกา (Casablanca) ประเทศโมร็อกโกแล้วเหรอ? อารมณ์มึนๆ เหมือนคนโดนสะกดจิตเดินผ่านประตูพ้นจากสนามบินออกมา แสงแดดร้อนแรงก็จริง แต่สายลมที่หอบความเย็นพัดกรูไปทั่วหน้าปลุกให้ตื่นจากการง่วงหงาว

แม้แรกทักทายคาซาบลังกาเป็นไปแบบเบลอๆ แต่เธอก็ดูมีเสน่ห์ในสายตาฉันทีเดียว



บอกตามตรง ฉันไม่ใช่คนโรแมนติก ไม่ได้ปลื้มสีฟ้า และไม่ได้ชอบอะไรที่มันขาวโพลน พอมาเห็นบ้านสีขาวจัดตัดกับผืนฟ้าสีน้ำเงินเข้มของ

คาซาบลังกา หัวใจยังอดร้องว้าวขึ้นมาไม่ได้


เพื่อนบอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เมืองนี้ไม่ใช่เมืองเก่า เป็นเมืองใหม่ที่ฝรั่งมังค่า สร้างขึ้นมา คงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสาแก่ใจคนเดินทางกันสักเท่าไหร่ แต่สิบปาก (เพื่อน) ว่าคงไม่เท่าตา (ตัวเอง) เห็น ความเป็นเมืองใหม่ของคาซาบลังกานี่เองที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางต่างอารมณ์ในโมร็อกโก เหมือนกับว่าถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมแบบอิ่มๆ ต้องไปลิ้มลองกันที่มาราเกซ แต่ถ้าอยากชมและช็อปมาร็อกแบบทันสมัย ที่นี่ล่ะใช่เลย...คาซาบลังกา

คาซาบลังกา มีรากคำมาจากภาษาสเปน คาซา (casa) แปลว่า บ้าน ส่วน บลังกา (blanca) หมายถึง สีขาว สองคำนี้นำมารวมกันก็น่าจะหมายถึงบ้านสีขาว ซึ่งในภาษาอาหรับเรียกว่า dar beida หลังจากกวาดสายตาไปรอบเมืองละเอียดยิบ ขับรถวนดูโน่นชมนี่ เสน่ห์แห่งสีขาวของตึกรามตัดกับสีครามของผืนฟ้าน่าจะกลายเป็นมนตราที่คาซาบลังกาโปรยใส่หัวใจคนเดินทางให้หยุด ดู ดม ชมกลิ่นอายของเมืองนี้สักคืนสองคืนว่าเธอเองก็มีดีเหมือนกัน

ตัวเมืองตั้งอยู่ทางฟากตะวันตกของโมร็อกโกริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก มีดีกรีเป็นถึงเมืองใหญ่สุดของโมร็อกโกอีกด้วย คุณสาวิตรี สุวรรณสถิต ผู้เขียนพ็อกเกตบุ๊กเรื่อง “โมร็อกโก อาณาจักรสุดแดนตะวันตก” เล่าเรื่องเมืองนี้ไว้ในหนังสือของเธอว่า คาซาบลังกาเป็นเมืองท่าสมัยใหม่ที่มีการออกแบบวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ โดยสถาปนิกนักวางผังเมืองชาวฝรั่งเศสชื่อ อองรี พรอสต์ เขาได้สร้างเขตที่อยู่อาศัยใหม่สำหรับครอบครัวเดียวในบริเวณชานเมือง และให้มีเขตดาวน์ทาวน์แบบอเมริกา อันเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจสำคัญๆ เท่านั้น เมืองจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งวิลลาสไตล์โมร็อกโกของคนมีอันจะกินก็ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด


ในขณะที่คนยากจนของเมืองยังคงอยู่ในเขตเมืองเก่า ซึ่งกลายเป็นย่านอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยว ถ้าไม่ระวังตัวเองให้ดี ความที่มีตรอกซอกเล็กซอกน้อยในเมดิน่า หรือเมืองเก่าเลื้อยพันกันจนวุ่น ทำให้เป็นทางเหมาะๆ ให้พวกวิ่งราววิ่งหนีไปหลบซ่อนตัวหลังก่อการได้แล้ว การเดินเล่นในซู้ค หรือตลาดเมืองเก่าควรไปกันหลายๆ คน และที่สำคัญต้องมีสติเป็นยันต์กันขโมยติดตัวไว้ตลอดเวลา

นอกจากเสน่ห์ของท้องฟ้าและบ้านสีขาว คาซาบลังกายังได้ทะเลมาเป็นตัวช่วยสร้างสีสันขึ้นมาเป็นกอง ลองตระเวนไปบนถนนสายเลียบมหาสมุทรของเมืองนี้ สีสันของความเป็นเมืองร้อนปรากฏให้เห็นทันตา ร่มสีสดวางเรียงราย เตียงผ้าใบวางกระจายเป็นจุดๆ หอมกลิ่นอาหารปิ้งย่างตามสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนเสิร์ฟพร้อมกับโต๊ะนั่งชมวิวทะเล ซึ่งยามนี้มีคลื่นลูกโตโถมซัดฝั่งแรงกว่าปกติ แต่ความน่ากลัวของเกลียวคลื่นกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว เพราะทุกคนกลับเริงร่ากับไอแดดและลมทะเลได้อย่างไม่รู้เบื่อ

		อ้างถึง			ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 16 กันยายน 2553, 14:17:13
	แปะโป้งก่อนคะพี่ฝรั่ง! เดี๋ยวมาเก็บ.. ล่วงหน้าไปเลยพี่ อย่าอู้! (ดูมันทาเลิ่ง พี่เชื้อไม่มีเกรง!)

แปะนานๆเดี๋ยวแกะไม่ออกนะจ๊ะ คนสวย

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 กันยายน 2553, 12:38:00
	คาซาบลังกา...เสน่ห์แห่งแสงและสี 17 กรกฎาคม 2553 www. posttoday.com ...ร้อยตะวันพันดาว ไม่รู้ว่าเพราะที่นั่งบนเจ้านกเหล็กลำนี้สบายเกินเหตุ อาหารเครื่องบินรสชาติดีเกินไป หรือจอทีวีตรงหน้ามันใหญ่ผิดหูผิดตากันแน่ ทำให้เวลาเกือบหกชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ถึงอาบูดาบีถูกละลายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเครื่องบินลอยกลางฟ้าได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงประกาศจากกัปตันว่า ได้เวลาร่อนลงแตะรันเวย์กันอีกรอบ . . .

อ่านจบปั๊บ...เกิดกิเลสมหาศาลเลยครับพี่
ทำไงดี
ฮือ ฮือ

 emo20:)):) emo20:)):)

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 กันยายน 2553, 14:06:33
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 กันยายน 2553, 12:38:00 คาซาบลังกา...เสน่ห์แห่งแสงและสี 17 กรกฎาคม 2553 www. posttoday.com ...ร้อยตะวันพันดาว ไม่รู้ว่าเพราะที่นั่งบนเจ้านกเหล็กลำนี้สบายเกินเหตุ อาหารเครื่องบินรสชาติดีเกินไป หรือจอทีวีตรงหน้ามันใหญ่ผิดหูผิดตากันแน่ ทำให้เวลาเกือบหกชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ถึงอาบูดาบีถูกละลายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเครื่องบินลอยกลางฟ้าได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงประกาศจากกัปตันว่า ได้เวลาร่อนลงแตะรันเวย์กันอีกรอบ . . . อ่านจบปั๊บ...เกิดกิเลสมหาศาลเลยครับพี่ ทำไงดี ฮือ ฮือ  emo20:)):) emo20:)):)

ทำงัยดี ก็
1.เก็บตังค์ไว้เยอะๆ
2.กล่อมเมียและลูกให้กลับก่อน
แค่นี้ก็สบายๆๆๆๆๆหายห่วง

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ab-3237c6.jpg)

                                                         Casablanca

โอย .. หัวใจละลาย
ไปด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ..


emo19:((:

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ez-8f1966.jpg)

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 25 สิงหาคม 2553, 09:46:30
	เจ้าบ้านไปรอต้อนรับแล้ว มี รัยสวยๆ ก็นำมาล่อน้ำลายบ้างนะครับน้องหยี

ตอนนี้มีทองหยิบกับฝอยทองมาวางรอไว้แล้วค่ะ     emo9:huhu:

		อ้างถึง			ข้อความของ YA เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:47:30
	(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ez-8f1966.jpg)

Like Like Like มาก ๆ ๆ ๆ      emo9:huhu:

		อ้างถึง			ข้อความของ YA เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:44:45
	(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ab-3237c6.jpg)                                                          Casablanca

โอ้ สวรรค์ หรือไรนั่น ข้าไม่เคยได้เห็น

สวัสดีครับพี่น้องพี่ตะวัน พี่อ้อย พี่หนุน พี่แหลม และ The wanderers ทุกท่าน

รวมทั้งพี่หยีด้วยครับ

บัดนี้เหลือเวลา 12 เดือนนะครับ (อีก 1 เดือนมีไว้สำหรับเตรียมตัวเดินทาง-ไม่นับ)

ทำไมมันนานจัง...........ไปเดือนหน้าเลยดีไม๊

กำลังเข้าหน้าหนาวพอดีเลย..................

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 18 กันยายน 2553, 09:44:11
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 กันยายน 2553, 23:32:20 อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:44:45 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ab-3237c6.jpg)                                                          Casablanca โอ้ สวรรค์ หรือไรนั่น ข้าไม่เคยได้เห็น อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:49:30 อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:47:30 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ez-8f1966.jpg) Like Like Like มาก ๆ ๆ ๆ      emo9:huhu: พี่ตะวันครับ หาทาง ต่อๆๆๆๆๆ ไปได้มั๊ยครับ สัก 2 - 3  วันก็ได้ สวยมาก เดี๋ยวกลับไปขายที่ เหอ เหอ

พี่นะไปทั้งเดือน ยังได้เลย
จะอยู่กี่วันอยู่ที่ บักแหลม ว่าจะลางานได้เท่าไหร่?
น้องหนุน ต้องไป ตะล่อม บักแหลมนั่นแหละ
ส่วนพี่รับได้ทุกท่า.....แฮะๆ ทุกกระบวนท่าน่ะครับ
ไม่ใช่อย่างที่คิดสส์์์์์ๆๆๆๆๆๆ

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 18 กันยายน 2553, 09:44:11
	อ้างถึง ข้อความของ seree_60 เมื่อ 17 กันยายน 2553, 23:32:20 อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:44:45 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ab-3237c6.jpg)                                                          Casablanca โอ้ สวรรค์ หรือไรนั่น ข้าไม่เคยได้เห็น อ้างถึง ข้อความของ swsm เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:49:30 อ้างถึง ข้อความของ YA เมื่อ 17 กันยายน 2553, 18:47:30 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8w3ez-8f1966.jpg) Like Like Like มาก ๆ ๆ ๆ      emo9:huhu: พี่ตะวันครับ หาทาง ต่อๆๆๆๆๆ ไปได้มั๊ยครับ สัก 2 - 3  วันก็ได้ สวยมาก เดี๋ยวกลับไปขายที่ เหอ เหอ

พี่ตะวันครับ..อยู่แค่เอื้อม
สักอาทิตย์หนึ่ง..กำลังดี

พี่หนุนครับ...สองสามวันไม่ค้มขายที่หรอกครับ

โมร็อกโก"เสน่ห์แห่งแอฟริกาตะวันตก    
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
       โดย : ป้าแพร
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xdxa-1d3b40.jpg)

บ้านเรือนในเมดิน่า
       ถ้าใครคิดถึงประเทศที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรมได้อย่างลงตัวมากที่สุดอีกประเทศหนึ่ง ก็คงจะไม่พ้นประเทศ "โมร็อกโก" ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ติดต่อกับทั้งทะเลเมดิเตอเรเนียน และมหาสมุทรแอตแลนติก และยังห่างจากประเทศสเปน ที่อยู่ในทวีปยุโรปเพียง 14 กิโลเมตรเท่านั้น จึงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
      
       ชื่อเต็มๆ ของประเทศนี้คือ "ราชอาณาจักรโมร็อกโก" (Kingdom of Morocco) ซึ่งในภาษาอาหรับแปลว่าประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตก ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีภาษาอารบิกเป็นภาษาราชการ และอีกสองภาษาที่ผู้คนนิยมใช้สื่อสารกันด้วยคือ ภาษาเบอร์เบอร์ ของชนพื้นเมืองเดิม และภาษาฝรั่งเศส เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสเคยเข้ามาปกครองโมร็อกโกในช่วง ค.ศ.1912
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xe2q-c08cd2.jpg)

สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 ในสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโก
       สำหรับผู้ที่อยากจะสัมผัสความเป็นโมร็อกโกที่แท้จริง ก็ต้องเข้าไปทำความรู้จักกับ "เมดิน่า" (Medina) เสียก่อน เพราะทุกเมืองใหญ่ในโมร็อกโกนั้นจะต้องมีเมดิน่าอยู่เสมอ เมดิน่าเป็นรูปแบบวิถีชีวิตของคนเมืองในแอฟริกาเหนือ ที่ถูกออกแบบให้เป็นบ้านเรือนที่แออัดหนาแน่น มีทางเดินแคบๆ คดเคี้ยวไปทั่วทั้งเมือง ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงหนา มีประตูเมืองแข็งแรง แต่ตกแต่งประดิดประดอยอย่างสวยงาม
      
       ทีนี้ก็มาทำความรู้จักกับเมืองหลวงของโมร็อกโกกันบ้าง "กรุงราบัต" (Rabat) เป็นเมืองหลวงของประเทศในปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตจากประเทศต่างๆ เหตุนี้จึงไม่ควรพลาดสถานที่สำคัญอย่าง "พระราชวังหลวง" ที่ไม่ได้เป็นเพียงที่ประทับของกษัตริย์เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการบริหารประเทศด้วย และถึงแม้จะไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปชมภายใน แต่ก็สามารถที่จะชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมจากภายนอกได้
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xe5u-63f3c5.jpg)

เมดิน่า ที่ป้อมไอดูยะ ในกรุงราบัต
       สิ่งน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง "สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5" (Mausolee Mohammed V) ที่ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรก ภายหลังโมร็อกโกได้รับอิสระภาพในปีค.ศ. 1957 ถูกสร้างด้วยหินอ่อนอิตาลีสีขาวสะอาดด้วยสถาปัตยกรรมโมร็อกโก ทุกประตูของสุสาน จะมีทหารยามยืนเฝ้าด้วยท่าทางที่สง่างาม สุสานแห่งนี้ เปิดให้คนทุกชาติทุกภาษาเข้าไปทำความเคารพพระศพได้
      
       หรือจะเป็นที่ "ป้อมไอดูยะ" (Kasbah des Oudaias) ป้อมปราการขนาดมหึมา ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติค บริเวณที่ปากแม่น้ำบรรจบกับมหาสมุทร ตัวป้อมมี 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นลานกว้างบนหน้าผาสูง ส่วนชั้นที่ 2 เป็นพื้นที่กว้างตั้งอยู่บนชั้นแรกอีกที ทัศนียภาพกว้างไกล มองเห็นออกไปได้รอบทิศทาง ด้านหลังป้อมเป็นเมดิน่า หรือย่านเมืองเก่า ที่บ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าสดใส เหมาะแก่การเดินเล่นชมเมืองเป็นอย่างยิ่ง
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xe7c-c1f566.jpg)

คาซาบลังกา เมืองแห่งบ้านสีขาว
       อีกเมืองที่มีชื่อเสียงของโมร็อกโกก็คือ "คาซาบลังกา" (Casablanca) คำว่า "คาซาบลังกา" ในภาษาสเปน แปลว่า "บ้านสีขาว" แม้ไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่ก็เป็นเมืองท่าสำคัญ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในทวีปแอฟริกา (รองจากเมืองไคโร ในอียิปต์) และรู้จักไปทั่วโลกจากภาพยนตร์ชื่อ "คาซาบลังกา" ซึ่งออกฉายในปีค.ศ.1942
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xeci-25b764.jpg)

สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2
       มาถึงคาซาบลังกา ก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปชม "สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2" (Hassan II Mosque) สถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโกที่มีเอกลักษณ์ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สร้างขึ้นในวาระครบ 60 ชันษา ของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 (รองจากที่เมกกะและเมดิน่า ในซาอุดิอาระเบีย) ตัวสุเหร่าปูหินอ่อนสีไข่ไก่ สลักลายสวยงาม หลังคาเป็นกระเบื้องสีเขียว มีหอขานละหมาดรูปจัตุรัสตั้งทำมุมกับตัวสุเหร่า ส่วนโถงที่ใช้ทำพิธีละหมาดนั้น จุคนได้ถึง 100,000 คน หลังคาด้านบนก็สามารถเปิดรับสายลมแสงแดดได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xeci-25b764.jpg)

มาร์ราเกซ เมืองสีชมพูเชิงเขาแอตลาส
       ย้ายมาที่เมือง "มาร์ราเกซ" (Marrakech) กันบ้าง เมืองนี้ได้ชื่อว่า "The Pink City" เนื่องจากบ้านของชาวพื้นเมืองดั้งเดิมสร้างขึ้นจากดินสีแดง หรือฉาบด้วยปูนสีออกแดงๆ ส้มๆ และในส่วนที่เป็นตึกสร้างขึ้นมาใหม่ ทางรัฐบาลก็กำหนดให้ทาสีสันคล้ายๆ กัน
      
       "มาร์ราเกซ" ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มเท็นซิฟท์ (Oued Tensift) เชิงเขาของเทือกเขาไฮแอตลาส ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงในช่วงศตวรรษที่ 11 สมัยราชวงศ์อัลโมราวิด เป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าและที่พักของกองคาราวานอูฐในทะเลทราย แต่ในปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยือนมากที่สุดใน โมร็อกโก

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xek3-4bc57a.jpg)
เจมาเอลฟนา ลานกว้างกลางเมดิน่า ในมาร์ราเกซ
       หัวใจของเมดิน่าในมาร์ราเกซอยู่ที่ "เจมาเอลฟนา" (Jemaa el Fna) เป็นลานกว้างอยู่กลางเมือง ศูนย์กลางในการชุมนุมผู้คนของเมืองนี้ อาคารโดยรอบส่วนมากจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร นักท่องเที่ยวจะนิยมมาที่นี่ โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำ ที่จะรวบรวมเอาบรรยากาศของการพักผ่อนหย่อนใจ การแสดงต่างๆ มาไว้ที่นี่
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xell-b558ef.jpg)

ซูค ในมาร์ราเกซ
       และอีกที่ในมาราเกซที่ไม่ควรพลาดคือ "ซูค" (Souks) หรือตลาด นั่นเอง โดยจะแบ่งประเภทสินค้าเป็นย่าน เช่น ย่านที่ขายเสื้อผ้า ก็จะมีแต่เสื้อผ้า ย่านที่ขายพรม ก็จะมีแต่พรม บรรยากาศในซูคจะคึกคัก มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยผู้คนเดินที่มาจับจ่าย ทั้งคนท้องถิ่นเอง และนักท่องเที่ยวที่แวะผ่านมา

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xemm-52a5e5.jpg)

เมืองวาซาเซต ฉากหลังของหนังดังหลายเรื่อง
       เมืองต่อมาคือ "วาซาเซต" (Ouarzazate) ประตูสู่ทะเลทรายซาฮารา ตั้งอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่บนเขาแอตลาส วาซาเซตมาจากภาษาของชาวเบอร์เบอร์ มีความหมายว่า "ปราศจากเสียงและความวุ่นวาย" เมืองนี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังอยู่หลายเรื่อง อาทิ Lawrence of Arabia, Alexander, Kingdom of Heaven, Gladiator และยังถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ด้วยการจัดกิจกรรมผจญภัยต่างๆ ในทะเลทราย เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ ขี่อูฐ เป็นต้น
      
       มาที่วาซาเซท ก็ต้องไปที่ "ป้อมทาเริท" (Kasbah Taourirt) ที่อยู่ไม่ไกลจากกลางใจเมือง เป็นหมู่อาคารขนาดใหญ่ ประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่ เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาตามหมู่อาคารที่เบียดเสียดกัน ภายในป้อมยังเป็นพระราชวังของตระกูลกลาวี อดีตผู้ปกครองเมืองมาร์ราเกซ ลวดลายบนผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไปในรูปแบบของชาวเบอร์เบอร์ ซึ่งเหมาะกับความเป็นอยู่ในอดีต ที่มีคนงานและคนรับใช้จำนวนมาก
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xenu-b17ac4.jpg)

บ่อย้อมหนังสีสันสดใส ในเมดิน่าของเมืองเฟส
       ส่วนเมืองสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ คือ "เฟส" (Fes) อดีตเมืองหลวงแห่งแรกของโมร็อกโก ที่มีอายุนับพันปี ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีบรรยากาศของเมืองโบราณให้นักท่องเที่ยวได้เขามา สัมผัสอยู่โดยทั่วไป
      
       ภาพที่เห็นได้บ่อยจนเป็นเอกลักษณ์ของเฟส คือภาพบ่อย้อมหนังสีสันสดใสเตะตา ภายในเมดิน่าในเฟส ซึ่งเป็นเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในโมร็อกโก เส้นทางสัญจรภายในคดเคี้ยวเลี้ยวลด ทั้งแคบและลาดชัน ชวนให้ผู้คนที่ไม่คุ้นเคยหลงทางเอาได้ง่ายๆ ตลาดในเมดิน่ามีร้านรวงต่างๆ มากมาย อย่างร้านขายเครื่องทองเหลือง เครื่องเหล็ก โรงทอผ้า หรือพรม โดยเฉพาะโรงฟอกย้อมหนังสัตว์ ที่ยังใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ใช้แรงงานคนในการทำงาน โดยที่ไม่มีเครื่องจักรกลเข้ามาผ่อนแรง
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xeot-1161eb.jpg)

สุเหร่าไคราวิณี ศูนย์กลางความรู้
       และอย่าลืมแวะมาที่ "สุเหร่าไคราวิณี" (Kairawine Mosque) ที่ตั้งอยู่ในใจกลางตลาดของเมือง ซึ่งนอกจากจะเป็นสุเหร่าแล้ว ยังได้ขึ้นชื่อว่า เป็นศูนย์กลางมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ของโลกอาหรับ เป็นแหล่งวิชาการ แหล่งความรู้ ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
      
       นอกจากเมืองต่างๆ ที่ว่ามาแล้ว ในโมร็อกโกก็ยังมีสถานที่ที่น่าไปสัมผัสอีกหลายแห่ง ด้วยการผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ วัฒนธรรมที่มีความหลากหลายก็รวมกันได้อย่างกลมกลืน ทำให้มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโก ยังคงดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เสมอมา

      

มาดริด"เมืองมากเสน่ห์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
       โดย:มะเมี้ยะ
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xm7j-49b18d.jpg)

                                    ลานน้ำพุบริเวณ Puerta del sol ณ หลักกิโลเมตรที่ศูนย์

       หากพูดถึงแดนกระทิงดุ พูดถึงระบำฟลาเมนโก แดนนี้คงจะเป็นที่อื่นไม่ได้ นอกจากประเทศสเปน หนึ่งในประเทศน่าเที่ยวของยุโรป ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความ นิยมมากเป็นอันดับ 2 ของโลกในปี พ.ศ. 2550
      
       สเปน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรีย ร่วมกับโปรตุเกสและอันดอร์รา คนไทย เรียกสเปนว่า Spain แต่เขากลับเรียกตัวเองว่า "เอสปันญ่า" (Espana)หรือ เอสปันญ่อล แตกต่างกันออกไปตามสำเนียงของแต่ละท้องถิ่น
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xm9d-c8ba63.jpg)

                           Placa de Espana

       สเปนมี กรุงมาดริด (Madrid) เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยเหตุนี้กรุงมาดริดจึงเป็นเมืองหลวงที่มากไปด้วยเสน่ห์สีสันอีกแห่งหนึ่ง ของโลก อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีสถานที่น่าท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลายแห่งด้วย กัน
      
       สำหรับสถานที่แรกที่ฉันจะขอนำไปรู้จักในวันนี้ ตั้งอยู่ที่บริเวณจุดศูนย์กลางของกรุงมาดริด มีชื่อว่า "Puerta del sol" จัดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของถนนทุกสาย หรือหมายความว่ามี กม. 0 อยู่ตรงนี้ ซึ่งตั้งอยู่หน้าตึกที่ทำการไปรษณีย์ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน "El puerta del sol" อันเป็นที่เดียวกันกับย่านที่ขายสินค้ามากมาย
      
       เป็นสถานที่ที่ไม่เคยหลับใหล มีผู้คนมากมายที่วนเวียนเดินเล่นกันอยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางของการจัดงานสำคัญๆประจำปีต่างๆอย่างงาน คริสต์มาสและงานปีใหม่ ของชาวสเปนและชาวเมืองมาดริด
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmba-9a0706.jpg)

                       ชาวมาดริดกับกิจกรรมยามว่างนั่งจิบเบียร์อ่านหนังสือ


       บริเวณนี้ยังมีตึกสูงตระหง่าน คือ ตึก "Torre de Madrid" ตึกนี้ สร้างในปี ค.ศ. 1957 ชาวสเปนเขาตั้งฉายาให้ตึกนี้ว่า ตึกยีราฟ เพราะมีความสูงมาก และยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ถ่ายรูปยอดนิยม อย่างคนขี่ม้า คือ ดอน ฆิโอเต และคนขี่ลา คือ ซานโช ปานชา ตัวละครที่ดังมากในนวนิยาย เป็นเรื่องราวการผจญภัย ของคู่ผจญภัย มีวีรกรรมทั้งเรื่องการต่อสู้ ความรักของทั้งสองอัศวิน
      
       นอกจากนี้ยังมีห้างตั้งอยู่ คือ ห้างที่มีชื่อว่า "El corte ingress"ตั้ง อยู่ที่ด้านต้นทางและปลายทาง เป็นแหล่งช้อปปิ้งทั้งของชาวสเปนและนักท่องเที่ยว ที่มีกะตังค์เพราะข้าวของส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์ดังทั้งสิ้น
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmcy-5c833c.jpg)


                       ตึกยีราฟ "Torre de Madrid"แห่งมาดริด


       จากนั้นขอพาไปเที่ยวที่ "Placa de Espana" ซึ่งเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง บริเวณใกล้เคียง ก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ เป็นจุดถ่ายรูปที่สำคัญมีนักท่องเที่ยวชื่นชอบ
      
       อ้อ..เตือนใจให้ระวังไว้นิด มามาดริดอย่างหนึ่งที่ต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ คือ เรื่องการล้วงกระเป๋า เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมตัวกันของนักล้วงมืออาชีพจากทั่วโลกทีเดียว
      
       คนสเปนอันเป็นชนชาติหนึ่งในยุโรปนั้น เขาก็ไม่ได้มีกิจวัตรที่แตกต่างจากชนชาวยุโรปประเทศอื่นมากนัก เราจะสังเกตได้จากกิจกรรมยามว่าง มักจะนั่งกินกาแฟกลางแจ้ง พบปะนั่งคุยกัน นั่งกินข้าว จิบเบียร์ช่างเป็นกิจกรรมที่เพลินดีจริงๆ
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmet-2f2268.jpg)


                         Palacio Real พระราชวังที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของสเปน ตั้งอยู่ที่เมืองมาดริด


       รู้จักกิจวัตรชาวสเปนแล้ว ชมสถาปัตยกรรมของมาดริดกันดีกว่า เข้าไปเที่ยววังกันบ้างที่ "Palacio Real"พระราชวัง ที่มีความยิ่งใหญ่อันดับสอง ตามประวัติสร้างโดย พระเจ้าเฟลิเป ที่ 5 ทรงสร้างขึ้นมา โดยศิลปินชาวอิตาเลียน เป็นผู้ออกแบบ ภายในเป็นที่เก็บอาวุธทั้งดาบ ชุดเกราะ ล้วนแต่เก็บรักษาไว้อย่างดี ในตู้กระจก การเข้าไปชม ขอแอบกระซิบดังๆว่าต้องต่อแถวยาวมาก ต้องผ่านการตรวจกระเป๋า เพื่อความปลอดภัย แต่ก็นั้นละสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญก็ต้องละเอียดเป็นธรรมดา
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmfu-406623.jpg)


                        Parque Del Retiro สวนสาธารณะที่ใหญ่มากของมาดริด


       และถ้าใครไม่ชอบเที่ยววังแล้วละ ก็แนะนำให้ไปที่นี่ "Parque Del Retiro" สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ในมาดริด ที่นี่เคยเป็นสวนฯของกษัตริย์มาก่อน แต่ตอนนี้ ก็เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้บริการ
      
       เที่ยวกันมาถึงบรรทัดนี้เห็นไหมว่ามาดริดมีดีเยอะแค่ไหน ขอพาเที่ยวต่อเลยล่ะกันที่ "Plaza de Cibeles"เป็นที่ทำการไปรษณีย์เป็นสถานที่ สวยงาม เป็นที่ดึงดูดมากที่สุด อยู่ใกล้ๆกับ "Gran Via" ที่คึกคักจอแจเพราะเป็นย่าน ช้อปปิ้งแห่งมาดริด รวมของทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการ
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmgq-4b9b9e.jpg)


                Gran Via แหล่งช้อปปิ้งเลื่องชื่อในมาดริด


       Gran Via มีร้านค้าต่างๆมากมาย ทั้งสินค้าแฟชั่น โรงภาพยนตร์ ร้านหนังสือ ร้านอาหาร มากมายและอีกด้านก็ติดกับด้าน Old Town คนสเปน เรียกเล่นๆว่า ตึก " Wedding Cake " ด้วยรูปทรงเหมือนขนมแต่งงาน สร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1905 เสร็จปีค.ศ. 1917 และในปีค.ศ. 2008 จะปรับเป็น ศาลาว่าการเมืองมาดริดแห่งใหม่
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmhq-0c88f3.jpg)


                 Plaza de Cibeles ที่ทำการไปรษณีย์อันสวยงาม


       นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามและมีชื่อเสียงต่างๆแล้ว อีกหนึ่งอรรถรสการเที่ยวในสเปนด้วยรถไฟความเร็วสูง รถไฟด่วนพิเศษเส้นทางสายมาดริด-มาลากาเปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2550 โดยให้บริการทุกวัน วันละ 22 เที่ยว ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 30 นาที
      
       เส้นทางสายมาดริด-บาร์เซโลนา โดยใช้เวลาเดินทางระหว่างสองเมืองหลักของสเปนเพียง 2 ชั่วโมง 38 นาที และให้บริการวันละ17เที่ยวทุกวันซึ่งหลังจากเที่ยวมาดริดเสร็จสิ้นก็สามารถ นั่งรถไฟความเร็วสูงนี้เที่ยวต่อยังเมืองอื่นได้ทันที
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xmiu-7e32a0.jpg)


                   รถไฟฟ้าความเร็วสูงของประเทศสเปน

       อ้อ...สำหรับใครที่ต้องการชมการต่อสู้ของวัวกระทิงแห่งสเปนละก็แนะนำไปที่สเปน ตอนใต้ แถวๆ "Cordoba" ว่ากันว่าตั๋วเข้าชมแพงระยับ ถ้าไม่ตั้งใจไปดูวัวล่ะก็เที่ยวประเทศสเปนเที่ยวแค่เมืองมาดริดเมืองเดียวก็แสนจะคุ้มแล้ว
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       การเดินทางมาประเทศสเปน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้วต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าจากสถานทูตก่อน เวลาในประเทศสเปนช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง ในหน้าร้อนและช้ากว่า 6 ชั่วโมง ในหน้าหนาว มีสายการบินไทยบินตรงไปลงที่กรุงมาดริด ใช้สกุลเงินยูโร

โอ๊ย โย้ย โหย .....
ทำไงดีค้าบบบบบบบบ
ดูไงก็สวยไปหมด อีกปีนึง
ทำงาน ๆๆๆๆๆๆ  เก็บตังค์ ๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วเราจะไป เที่ยวววววววววววววววว...

 emo29:P: emo29:P:

ไปด้วยยยยยยยยยยยยยยยยย ..     emo19:((:

น้องแหลม กลับมาทำงานต่อนะครับ อู้มานานแล้ว
ช่วยหาภาพประกอบด้วยนะครับ

กรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส
 ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตอนใต้บนคาบสมุทรไอบีเรียเมืองหลวงอันเก่าแก่
มีประวัติ ยาวนาน กว่า 800 ปี เมืองได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
 ทำให้ลิสบอนมี ความสวยงามและเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

 แหล่งที่น่าชมมหาวิหารจอโรนิโม อยู่ใน เขตเบเล็ม
 ชมโบสถ์สไตล์มานูเอลไลน์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยกษัตริย์มานูเอลที่ 1 จากเงิน ทองที่ได้มาจากดินแดนโพ้นทะเล
ปัจจุบันเป็นที่เก็บพระศพของบรรดากษัตริย์องค์ สำคัญๆของโปรตุเกส
 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วาสโก ดากามา
และการเดินทางสู่ อินเดียเป็นผลสำเร็จในปี 1498 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 70 ปี
 ได้รับการยกย่องจากยูเนส โก้ว่าเป็นมรดกโลก
ในอาณาเขตบริเวณเดียวกันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่ง ชาติ
, พิพิธภัณฑ์การเดินเรือ และท้องฟ้าจำลอง

 จากนั้นก็มีหอคอยเบเล็ม
 หอคอยที่ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลิสบอน
 สร้างขึ้นในปี 1515 เดิมสร้างไว้กลางน้ำ เพื่อเป็น ป้อมรักษาการณ์ ดูแลการเดินเรือเข้าออก
 และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไป สำรวจ
และค้นพบโลกของวาสโก ดากามา
 และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส

  อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ หรืออนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อเฉลิม พระชนมายุครบ 500 ปี
 ของเจ้าชายเฮนรี่เดอะเนวิเกเตอร์
 และยกย่องนักเดินเรือสำรวจ รอบโลก
 ใกล้ๆกันเป็นที่ตั้งของพระราชวังเบเล็ง ที่พำนักอย่างเป็นทางการของ ประธานาธิบดี

 จากนั้นไปเที่ยวย่านไบร์โร อัลโต
 เคยเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อค้ามากว่า 400 ปีที่เข้ามาค้าขายกับโปรตุเกส

 ย่านชีอาดู่ แหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ร้านกาแฟ
 แหล่งนัดพบของศิลปิน และนักเขียน

 นั่งรถรางขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมวิว ทิวทัศน์ของกรุงลิสบอนจากมุมสูง
 และวิวทิวทัศน์ของปราสาทเซนต์จอร์จในเขตเมืองเก่า
 ย่านอัลฟามา อันเป็นย่านเก่าแก่ของลิสบอน

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l9651h-89f048.jpg)

                                                     Spain: Flamingo Dance

ร้าน  Antiga Confeitaria de Belem
 

          Antiga Confeitaria de Belem ซึ่งเป็นชื่อร้านกาแฟที่เก่าแก่ของประเทศโปรตุเกส
 ได้ทำการเปิดตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 17
ร้านนี้จะเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าด้วยถ้วยกาแฟกระเบื้องสีน้ำเงินและขาวแบบโบราณ
 เหตุที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวมานั่งจิบกาแฟในกรุงลิสบอน
 ก็เพราะว่าโปรตุเกสเป็นแหล่งค้ากาแฟระหว่างยุโรปกับประเทศในแถบลาตินอเมริกามาเป็นเวลาหลายร้อยปี
 จึงเป็นตลาดค้ากาแฟขนาดใหญ่ของยุโรป
และเมื่อจิบกาแฟแล้วต้องทานขนมพื้นเมืองคือ คัสตาร์ด ทาร์ต
 ที่เป็นขนมพื้นเมืองที่ทำกันมานานของเมืองแห่งนี้ด้วย
 
กาแฟมี 4 แบบ
1.O garoto  กาแฟใส่นมนิดหน่อย
2.O galao     ใส่นมมากขึ้นกว่าแบบแรก
3.A bica      กาแฟดำแบบเข้มข้น แต่ไม่มากเท่าแบบที่ 4 เสิร์ฟ ปริมาณ ครึ่งแก้วเท่านั้น
4.A itaiana  คือ Expresso นั่นเอง เข้มข้นมาก และเสิร์ฟ 1/4 ของแก้วขนาดเล็กเท่านั้น

เอามาเก็บไว้เป็นข้อมูล

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l9lia9-549666.jpg)

  ขนม ทาร์ต ที่อร่อย ของโปรตุเกส+กาแฟ เลิศรส

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l9lifz-16efe8.jpg)


Mosteiro dos Jerónimos ได้รับยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l9lii1-87f05d.jpg)

  วิวด้านหน้า

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l9lilm-74daf9.jpg)

  มุมชมวิว อย่างดี