หัวข้อ: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 27 เมษายน 2553, 08:31:56 เผย10คณะยอดฮิต520สาขาเด็กไม่เลือก (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1im5a-345a63.jpg) ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยผลการประชุม ทปอ.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ตนได้รายงานข้อมูลการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือ แอดมิชชั่นกลาง ประจำปีการศึกษา 2553 ซึ่งปีนี้มีผู้สมัคร และชำระเงิน 91,590 คน ลดจากปี 2552 เกือบ 2 หมื่นคน โดยคณะ/สาขาวิชา ของมหาวิทยาลัยรัฐ 23 แห่ง มีผู้สมัครมากที่สุด 10 อันดับแรก ดังนี้ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3,409 คน คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ม.บูรพา 2,740 คน คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารม.เชียงใหม่2,134คน คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาบัญชี ม.เกษตรศาสตร์ 2,121 คน คณะบริหารธุรกิจ ม.เชียงใหม่ 1,789 คน คณะสังคมศาสตร์ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยวและการโรงแรม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ 1,629 คน คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์(พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบ)ม.ศิลปากร1,580คน สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ (คอมพิวเตอร์ เคมี เครื่องกล ไฟฟ้า โยธา ยานยนต์ สิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม) ม.เทคโนโลยีสุรนารี 1,569 คน คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา ม.ขอนแก่น 1,558 คน และ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการ ม.เกษตรศาสตร์ 1,555 คน “สำหรับรหัส/สาขาวิชาที่ไม่มีผู้เลือกเลย มีถึง 520 รหัส/สาขาวิชา ทั้งที่เป็นสาขายอดฮิต เช่น คณะรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ซึ่งอาจเป็นเพราะคณะดังกล่าวกำหนดให้ต้องสอบการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/ วิชาการ หรือ PAT ภาษาต่าง ๆ ด้วย เช่น เยอรมัน อาหรับ ภาษาบาลี ภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทปอ.ไปดูว่าสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร” ศ.ดร.ประสาท กล่าว ศ.ดร.ประสาท กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้ มีมติเห็นชอบลดค่าสมัครสอบทดสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT และ PAT จากวิชาละ 200 บาท เป็นวิชาละ 150 บาท โดยเริ่มได้ตั้งแต่การสมัครสอบครั้งที่ 2/2553 สอบเดือน ก.ค.นี้ รวมทั้งให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ดำเนินการสมัครและสอบ GAT และ PAT ตามปฏิทินเดิม คือ สอบเดือน ก.ค. ต.ค. และ มี.ค. นอกจากนี้ ทปอ.ยังยืนยันมติองค์ประกอบและค่าน้ำหนักแอดมิชชั่น ประจำปีการศึกษา 2554 ยังคงใช้เหมือนปี 2553 คือ ใช้คะแนนผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ GPAX 20% คะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานหรือ O-NET 30% คะแนน GAT 10-50% และคะแนน PAT 0-40%. ขอขอบคุณ น.ส.พ.เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 26 เม.ย.2553 http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=42&contentID=61919 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=42&contentID=61919) emo26:D emo26:D emo26:D นำมาให้พวกเราได้ทราบแนวโน้มการเรียนต่อของ เด็กวัยอุดมศึกษา emo28:win: emo28:win: emo28:win: หัวข้อ: Re: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: เย่อ-ซีมะโด่ง70 ที่ 28 เมษายน 2553, 09:26:45 emo26:D ดีครับ...ได้ความรู้ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 28 เมษายน 2553, 11:56:58 "ครูเอกชนเฮ" ครม.เพิ่มเงินค่าครองชีพ ครม. อนุมัติให้การอุดหนุนเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว แก่ครูโรงเรียนเอกชน กว่า 8.7 หมื่นคน เดือนละ 1,500 บาท มีผล พ.ค.นี้ ตัดงบเอสพี 2 อาชีวะตกกว่า 1,300 ล้าน... (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1kp1j-24ac8e.jpg) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ว่า มีมติอนุมัติให้อุดหนุนเงินเพิ่ม การครองชีพชั่วคราว แก่ครูโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญและอาชีวศึกษา จำนวน 87,816 คน โดยครูที่ได้รับเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 11,700 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวเดือนละ 1,500 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนแล้วต้องไม่เกินเดือนละ 11,700 บาท กรณีจำนวนเงินที่ได้รับดังกล่าวรวมกันแล้วไม่ถึงเดือนละ 8,200 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนอีกจนถึงเดือนละ 8,200 บาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ในส่วนของงบกลาง และให้มีผลตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้เป็น ต้นไปจนถึงเดือน ก.ย.2553 จากนั้นให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในปีงบฯต่อไปแทน. ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพุธ ที่ 28 เม.ย. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thairath.co.th/content/edu/79522 (http://www.thairath.co.th/content/edu/79522) emo6::)) emo6::)) emo6::)) หัวข้อ: Re: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 28 เมษายน 2553, 20:07:56 แอดมิชชั่น 53 “ครุศาสตร์ จุฬาฯ”คว้าคณะสุดฮิต /ม.เกษตร,มช. ยังติดยอดนิยม ขอขอบคุณ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000058619 (http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000058619) (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1l7t6-90312e.jpg) ย่างเข้าสู่แอดมิชชั่นปี 53 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเหล่านักเรียนชั้น ม.ปลาย ซึ่งต่างก็เริ่มทยอยกันเลือกคณะที่ตนเองใฝ่ฝันอยากเข้าศึกษา โดยล่าสุดความนิยมในการเลือกคณะ 23 มหาวิทยาลัยรัฐฯเปลี่ยนแปลงไปจากสถิติปีก่อนๆ “ครุศาสตร์ จุฬาฯ”พลิกโผคว้าอันดับ 1 คณะสุดฮิต มียอดคนสมัครเข้าศึกษามากสุด เมื่อความสนใจของเหล่าว่าที่เฟรชชี่เปลี่ยน ไลฟ์ ออน แคมปัสไม่พลาด ที่จะควบม้าไปตามสถิติใหม่ ด้วยการพูดคุยกับตัวแทนคณะ สาขา หรือบุคคลต่างๆที่คร่ำหวอดในสาขายอดนิยม ปี 53 อันดับแรกเริ่มต้นที่“ครุศาสตร์ จุฬาฯ”คณะยอดนิยมอันดับ 1 ท่ามกลางข่าวคราววงการครูที่มักมีปัญหาประเด็นหนี้ ความยากจน และถูกกล่าวหาว่าเป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าทางการศึกษา แต่ความนิยมในหน้าที่การงานอาชีพนี้ก็ไม่ลดน้อยลง มีผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อมากถึง 3,409 คน และมีสัดส่วนการแข่งขันอยู่ที่ 9 ต่อ 1 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1l879-256e08.jpg) ศ.ดร.ศิริชัย กาญจนาวาสี คณบดีคณะครุศาสตร์ บอกว่าสาเหตุที่ความสนใจด้านครุศาสตร์มีเพิ่มขึ้นอาจอาจเป็นเพราะ ปีนี้รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญสนับสนุนการพัฒนาครูเพิ่มมากขึ้น และ เอื้อถึงตำแหน่งงานครูที่ในอนาคตจะมีเพิ่มขึ้น นักเรียนจึงสนใจอยากเป็นครู ส่วนเรื่องข่าวคราวแง่ลบที่มีอยู่เรื่อยๆนั้น อาจเป็นเหตุให้เขาเลือกที่จะเรียนสถาบันชั้นนำอย่างจุฬาฯ เพราะ มีบัณฑิตที่จบไปแล้วมีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเป็นตัวการันตี รวมทั้งบัณฑิตที่นี่ทุกคนมีความรู้ทางวิชาการที่อัดแน่น มีทักษะการสอน มีการปลูกฝังจิตวิญญาณความเป็นครูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตสาธารณะ ขณะเดียวกันหลักสูตรก็จะบ่มเพาะให้ผู้เรียนเป็นครูพันธุ์ใหม่เรียนรู้เทคโนโลยีการสอนต่างๆ emo4:)) emo4:)) emo4:)) “เราค่อนข้างที่จะตื่นตัวในเรื่องของเทคโนโลยี นักเรียนที่สนใจเข้าศึกษาคณะนี้ ที่จะรับปีละ 400 คน ในอนาคตจะต้องเป็น ครูพันธุ์ใหม่ที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้ e-learningอย่างล้ำยุค พร้อมกับ มีจรรยาบรรณความเป็นครู โดยคนที่อยากเข้าศึกษานั้นก็อาจจะต้องการในการเรียนการสอนครูที่ไม่ใช่ระบบเดิมแต่เป็นการเรียนรู้เรื่องของสื่อ และเทคโนโลยีที่น่าจะให้ความสนใจ อีกส่วนหนึ่งคือส่วนของ การบริหารครุศาสตร์จุฬาฯค่อนข้างที่จะเป็นแกนนำหลักในการพัฒนาผู้บริหาร 40,000 โรงเรียน ด้วยเราอยากจะพัฒนาระบบการศึกษาไปด้วย ตลอดทั้งการสนับสนุนของรัฐฯจึงอาจจะทำให้เป็นแรงจูงใจให้คนเก่งคนดีอยากมาเป็นครูกันมากขึ้นและเลือกคณะดังกล่าวในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีศิษย์เก่าเป็นตัวการันตีคุณภาพความสำเร็จ” ทั้งนี้นอกจากปัจจัยความน่าสนใจหลายด้านดังกล่าวจะเป็นตัวส่งผลให้เกิดผู้สนใจเข้าศึกษาแต่อย่างไรก็ตามเรื่องของการประชาสัมพันธ์และสื่อดึงดูดใจก็มีผลช่องทางหนึ่งที่สะท้อนภาพสาขาคณะ สถาบันตลอดทั้งเข้าถึงตัวผู้เรียนอย่างตรงประเด็น เช่น การทำแบบสอบถามผ่านช่องทางการติดต่อยอดนิยมของวัยรุ่น อย่าง Facebook โดยตั้งหัวข้อ Quiz ว่า คุณเหมาะจะเรียนครุศาสตร์จุฬาแค่ไหน emo28:win: emo28:win: emo28:win: หัวข้อ: Re: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: Begita ที่ 29 เมษายน 2553, 09:44:08 ผมเองอยู่ในวังวนของแวดวงการศึกษา มานับตั้งแต่เรียนจบ
ถ้าสังคมเราจะมีครูที่ดีๆ เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมิใช่น้อยครับ ^^ หัวข้อ: นักเรียนชั้นหัวกระทิของจังหวัดต่างๆ หันมาสมัครเรียนวิชาชีพครูกันตามข่าว เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 01 พฤษภาคม 2553, 21:56:49 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1qw5k-99f47c.jpg) ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งในปีนี้ (พ.ศ. 2553) พบว่า นักเรียนชั้นหัวกะทิของจังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลันราชภัฏนั้นหันมาสมัครสอบเข้าเรียนสาขาวิชาชีพครูกันมาก เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่มีคะแนนผลการเรียนดีของโรงเรียนและสอบข้อสอบคัดเลือกได้คะแนนสูงมาก นอกจากนั้นยังมีจำนวนผู้สมัครมากกว่าสาขาวิชาอื่น ๆ ที่เคยเป็นที่นิยมอีกด้วย ตัวอย่างเช่นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นักศึกษาทำคะแนนสอบเข้าสูงสุดได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และคะแนนต่ำสุดที่สามารถผ่านเข้าไปในสาขาวิชาชีพครูได้นั้นอยู่ที่เกือบ ๆ 70 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงคนที่ได้ 60 เปอร์เซ็นต์กว่า ๆ นั้นสอบไม่ติดสาขาวิชาชีพครู หรือ คณะศึกษาศาสตร์ และมีอัตราการแข่งขันสูง เช่น มหาวิทยาลัยสามารถรับนักศึกษาครูได้เต็มที่ 60 คน แต่มีคนเลือกสาชาวิชาชีพครูอันดับหนึ่งกว่า 600 คน หรือ มีอัตราส่วนประมาณ 1 : 10 ในขณะที่บางสาขาวิชา มีคนเลือกน้อยกว่าจำนวนที่เปิดรับด้วยซ้ำ ทำไมเลือกเรียนครูที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ เด็กเก่ง ๆ เหล่านี้เลือกเรียนครูที่มหาวิทยาลัยราชภัฏแทนที่จะเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยที่เคยมีชื่อเสียงด้านการผลิตครูในอดีต เช่น คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่มีพัฒนาการมาจากวิทยาลัยวิชาการศึกษา และโรงเรียนฝึกหัดครู หรือ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นแหล่งผลิตครูและนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงมายาวนาน นักศึกษาต่างจังหวัดเหล่านี้เลือกที่จะเรียนครูในมหาวิทยาลัยราชภัฏใกล้บ้านในท้องถิ่นของตนเอง จากการสอบถามผู้ปกครองและนักเรียนที่มาสมัครเรียนครูที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีได้คำตอบดังนี้ 1. ที่มาสมัครเรียนครู เพราะครูเป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ และเป็นข้าราชการ ซึ่งในอนาคตจะมีตำแหน่งงานให้บรรจุเป็นครูจำนวนมาก 2. การเรียนในปัจจุบันนี้ที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะได้เงินเดือนและสิทธิต่าง ๆ เหมือนกัน อีกทั้งครูส่วนมากในปัจจุบันก็จบจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นส่วนมาก มีครูจำนวนน้อยที่จบจากมหาวิทยาลัยอื่น ครูของพวกเขาก็จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นส่วนมากเช่นกัน 3. มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นวิทยาลัยครูมาก่อน ได้รับความเชื่อถือในเรื่องของการผลิตครู 4. เรียนที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏค่าใช้จ่ายไม่แพง ใกล้บ้าน ถ้าไปเรียนไกลๆ ค่าใช้จ่ายแพงแล้วไกลบ้าน คิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อน ๆ เพราะส่วนมากเพื่อน ๆ ก็เรียนใกล้บ้านกัน 5. จบแล้วก็เหมือนกัน ไม่เห็นแตกต่างกัน ส่วนมากก็กลับมาทำงานที่บ้านเหมือนกัน และก็เป็นครูที่อยู่สบาย ๆ ไม่ต้องไปสู้กับใครมาก อยากจะก้าวหน้าก็ขยันทำผลงานแข่งกับตัวเอง จากเหตุผลที่รวบรวมได้พอทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมอาชีพครูกำลังเป็นที่นิยมให้หมู่นักเรียนที่กำลังเลือกเรียนสาขาวิชาที่จะออกไปประกอบอาชีพ และเป็นนิมิตหมายที่ดีว่า เราจะได้คนเก่ง ๆ มาเป็นครูอีกครั้ง หลังจากที่คนเก่งว่างเว้นเลือกเรียนครูมายาวนานในอดีต คนที่เก่งเท่านั้นจึงจะสามารถสอบเข้าวิทยาลัยครูได้ มีการแข่งขันกันสูง และส่วนมากจะได้เป็นนักเรียนทุนกันทุกคน หมายถึง เมื่อจบแล้วมีงานทำ แน่นอน แต่ในระยะต่อมาสถานภาพของอาชีพครูตกต่ำเพราะถูกแย่งชิงไปเป็นฐานอำนาจทางการเมือง ถูกย้ายสังกัดหลายครั้ง เงินเดือนน้อย ไม่มีเงินเพิ่มพิเศษเหมือนข้าราชการอื่น ถูกใช้งานมาก โดนหน่วยงานอื่นในอำเภอหรือจังหวัดขอให้ช่วยทำงาน (ขอร้องแกมบังคับ) ทำการสอนหนักเพราะขาดครู เผชิญกับเด็ก ๆ ในสภาพที่มีปัญหาและเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ครูไม่มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้คุณภาพของเด็กและประชาชนต่ำไปด้วย จนทำให้ไม่สามารถพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันหรือพัฒนาทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ได้ประเทศเพื่อนบ้านที่เคยล้าหลังกลับนำหน้าประเทศไทย หลังจากยอมรับว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากคุณภาพของการศึกษา จึงจำเป็นต้องหันมาพัฒนาอาชีพครูขึ้น เริ่มมีการปฏิรูปการศึกษา ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และให้ความสำคัญกับคุณภาพของครู ความก้าวหน้าในอาชีพครู รวมทั้งรายได้ของครู พรรคการเมืองที่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยเหลียวแลอาชีพครูเริ่มกลับมาสนใจครูเพื่อต้องการฐานเสียงในระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งเป็นสำคัญ จึงทำให้ทิศทางค่านิยมเลือกเรียนครูเริ่มกลับมาอีกครั้ง รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์ http://www.krismant.com/ (http://www.krismant.com/) ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันจันทร์ ที่ 5 เมษายน 2553 http://www.thairath.co.th/content/edu/74954 (http://www.thairath.co.th/content/edu/74954) จน โง่ เจ็บ อะไรที่สำคัญ ที่ควรแก้ไขก่อน ถ้าไม่โง่ มีความรอบรู้ ฉลาด จะมีความสามารถแก้ปัญหา แก้ จน แก้ เจ็บ ได้ เรื่อง โง่ จึงควรเป็นอันดับแรกที่ต้องแก้ไขเหมือน เวียดนาม ฯลฯ มุ่งแก้ก่อนจริงไหมพวกเรา emo28:win: emo28:win: emo28:win: หัวข้อ: Re: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: Kaimook ที่ 07 พฤษภาคม 2553, 14:26:57
หัวข้อ: Re: "คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ เป็นทอปเทนของคณะที่มีคนเลือกเรียนมากที่สุด" เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 18 พฤษภาคม 2553, 19:01:39 สสวท.จับมือ9สถาบันราชภัฏ เพิ่มศักยภาพห้องเรียนพิเศษ ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยโพสต์ การศึกษา-สาธารณสุข 17 พฤษภาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thaipost.net/news/170510/22287 (http://www.thaipost.net/news/170510/22287) (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2m69u-e502ed.jpg) นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) เปิดเผยว่า สสวท.ได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 9 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม, มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา, มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก เพื่อช่วยพัฒนาและส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของ นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษตามนโยบาย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ที่ต้องการเปิดสอนห้องเรียนพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับพัฒนาและส่งเสริม นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้ สสวท.ทำหน้าที่พัฒนาครูผู้สอนในโครงการดังกล่าว ด้วยการจัดอบรมสาระวิชาใน หลักสูตรห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2550-2552 ซึ่งในปี พ.ศ.2553 นี้ สพฐ.ได้เพิ่มจำนวนโรงเรียนในโครงการจาก 95 โรงเรียน เป็น 207 โรงเรียน ในระยะแรกนี้ สสวท.ได้เชิญมหาวิทยาลัยราชภัฏ9แห่งซึ่งเป็นเครือข่ายระดับอุดมศึกษาของ โครงการเข้ามีส่วนร่วม ในการดำเนินงานพัฒนาการเรียนการสอนโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ทั้งด้านการเป็น เครือข่ายแกนนำจัดอบรมครูของโรงเรียนในโครงการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ การจัดค่ายวิทยาศาสตร์ โครงงานวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ห้องปฏิบัติการ วิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเพื่อฝึกฝนสร้างทักษะกระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง และรองรับงานบริการวิชาการทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะมีขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเสริมความเข้มแข็งให้นักศึกษาที่จะเป็น ครูคณิตศาสตร์ในอนาคตเนื้อหาเรื่องการสำรวจพีชคณิตและการสำรวจ Precalculusด้วยโปรแกรม The Geometer's Sketchpad (GSP) ซึ่งเป็นเรื่องยากให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น และเรียนรู้ด้วยการสืบเสาะ สำรวจโดยใช้สื่อการสอน ที่มีศักยภาพสูงช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ. OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO emo28:win: emo28:win: emo28:win: นำการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพเพื่อแก้วงจรอุบาทว์โง่แล้วแก้จนกับแก้เจ็บจะตามมาเอง emo43 emo43 emo43 |