Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องสนทนาประสาพี่น้อง => ข้อความที่เริ่มโดย: phraisohn ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553, 22:50:26



หัวข้อ: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: phraisohn ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553, 22:50:26
สวัสดีครับพี่น้องทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะเปิดประเด็นการแชร์ความรู้กันครับ
ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวหอทุกคนต่างก็อ่านหนังสือกันเป็นประจำ อาจจะเป็นหนังสือ
วิชาการ หนังสือธรรมะ หนังสือก๊อดซิบ จิปาถะ และเชื่อว่า ในหนังสือที่
เราๆ่อ่านกัน ต้องมีสักเรื่องที่เราชอบ ใช่ไหมคับ

อีกประการหนึ่งก็คือ เว็บของเราเป็นที่รวมตัวกันของ บุคลากร ที่สำคัญๆเลยครับ
มีหลากหลายอาชีพ จึงเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องเราจะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์
การทำงานคับ

วันนี้เลยอยากจะเชิญชวนทุกท่านมาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆที่ได้รับจากการอ่านหนังสือกัน
และการทำงานกันนะครับ
เผื่อว่า จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนครับผม


 emo30:sorry: emo30:sorry:


หัวข้อ: "การทำใจ ให้ถูกต้อง หรือ โยนิโสมนสิการ"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553, 19:22:05

         ผมเป็นประธานชมรมจริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม คิดทำกิจกรรมต่อเนื่องอย่างหนึ่ง คือ

ฟังธรรมะวันอาทิตย์ ช่อง 7 สี ทุกเช้าวันอาทิตย์ แล้วจดเนื้อหามาโพสต์ที่บล็อกชมรมฯ

         วันอาทิตย์นี้ มีเรื่อง การทำใจ ผมฟังแล้ว ใช่เลย พระพุทธองค์ สอนให้เราทำใจให้ถูก

แล้วจะพ้นทุกข์ ได้ จึงนำเรื่อง นี้ มาโพสต์บอกพวกเรา

         "การทำใจให้ถูกต้อง หรือ โยนิโสมนสิการ"

ธรรมะวันอาทิตย์ช่อง ๗ สี

วันอาทิตย์ ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เวลา ประมาณ ๖.๐๐ น.

                           (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/3.jpg)

                 พระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

         เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร,เจ้าคณะภาค 2

         อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,

         ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ

         คณะเลขานุการของคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

         ..........................................................................

         ขอความสุขสวัสดี ความเจริญ จงมีต่อท่านสาธุชนทั้งหลาย

         การทำใจ ในทางพุทธศาสนา เป็นหลักคิด ทำให้พ้นทุกข์

         หลักคิดนี้ นำมาจากความจริงขั้น ปรมัตถ ไม่ใช่ สมมติ ว่า

         ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ โลกธรรม ๘ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ

เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ทุกข์ และ นินทา

         ทุกโลกธรรม ที่เกิดขึ้นนั้น เราบังคับให้เกิดตามใจไม่ได้

แต่เราสามารถเปลี่ยนวิธีคิด หรือ ทำใจ ให้ถูก ไม่ทำใจผิด ได้

ตัวอย่างที่ ๑ ถูก ด่า

         ทำใจผิด โกรธ จะหาทางแก้แค้น จะหาทางเอาชนะ คนด่า

ให้ได้ ทำให้ใจได้รับความทุกข์

         ทำใจถูก วางเฉย เห็นเป็นธรรมดาของโลก แล้ว

ใช้สติ ปัญญา พิจารณา ว่า เพราะ อะไร แล้วแสดงออก

ให้ถูกต้อง เช่น ถ้าผิดขอโทษ ถ้าไม่ผิด ชี้แจง ให้ทราบ

ตัวอย่างที่ ๒ ถูก กิเลส โลภ โกรธ หลง ครอบงำ

         ทำใจ ผิด เห็นว่า ตายแล้วสูญ ไม่ต้องรับกรรมชั่ว ถ้าไม่มี

คนเห็น ทำตามกิเลส ได้ ชาติหน้าไม่มีตายแล้วจบกัน

แต่ความลับไม่มีในโลก สักวันหนึ่งความชั่ว ที่ทำย่อม

ปรากฏ ต้องรับผลกรรมในที่สุด ในชาตินี้

         ทำใจ ถูก เห็นว่า มีชาตินี้ ชาติหน้า มี บาป บุญ นรก สวรรค์

ต้องรับผลกรรมที่ทำ จึงทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่ว

         ผลจากการทำ ดังกล่าว จิตใจ จะแจ่มใส

ทำความดี ชาตินี้ ก็จะได้รับผลกรรมดี ที่ได้สร้างไว้

         ถ้า มีชาติหน้าจริง ก็จะได้รับผลกรรมดี เป็นของแถม

เป็นต้น

         ธรรมะ เหมือน เลนส์แว่นตา เอาไว้มองโลกให้ถูกต้อง

เพื่อทำใจได้ถูกตามที่เห็น มีธรรมะที่ ให้ไว้มากมาย

เพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ได้

         จึงขอให้ ทุกท่าน จงทำใจให้ถูกต้อง หรือ เรียกว่า ทำโยนิโสมนสิการ

ด้วยหลักธรรม เพื่อพ้นทุกข์ได้โดยทั่วหน้ากัน

ขอความสุขสวัสดี จงมีต่อสาธุชนทั้งหลาย

          emo43 emo43 emo43

นำมาจากบล็อก จริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม ผมโพสต์ไว้ทุกสัปดาห์

ทางด้านซ้ายมือคลิกเลือกได้่ เลยครับ เป็นเหมือน อาหารใจ

ถ้าใจเราได้อาหารใจ ที่ดี ใจก็จะดี ทำให้ กายแสดงออก เป็นคนดี

ถ้าตรงกันข้าม ได้อาหารใจที่ไม่ดี ใจก็จะไม่ดี กายแสดงออกเป็นคนไม่ดีได้

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham)

         emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: It is pre-programmed in your Brain !
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 29 มีนาคม 2553, 07:15:01
http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00ok8-6f773e.jpg[/img]](http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00ok8-6f773e.jpg) (http://[img width=576 height=1098)

                   emo4:)) emo4:)) emo4:))


หัวข้อ: ภาพ 3D เหมือนจริง หลอกตาเราได้
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 29 มีนาคม 2553, 07:54:44
ยังจำคนที่วาดภาพ 3D ได้มัย นี่คือผลงานล่าสุดของเขา

             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00q6s-6d50e1.jpg)

             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00q7r-2e3af6.jpg)
 
             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00q8r-fdbf80.jpg)

             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00q9u-726245.jpg)

             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l00qba-7ea2e7.jpg)

             ได้รับมาจาก อีเมลล์ส่งมา ครับผม


                      emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: พ่อ เข้าใจเปรียบเทียบการเมืองให้ ลูก เข้าใจง่าย ๆ ขำดี
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 30 มีนาคม 2553, 18:12:18

                                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l03dpx-060305.jpg)

                ....เอามาฝาก พ่อสอนการเมืองลูก ... โดนใจจริงๆ.....

        เป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งมีครอบครัวที่อบอุ่นซึ่งในครอบครัวมีด้วยกัน ทั้งหมด 5 คน

        วันนึงขณะที่เด็กน้อยนั่งกินข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะอาหาร เด็กน้อยมองเห็นคุณพ่อดูข่าว TV เกี่ยวกับการ เมือง '

        พ่อ...การเมืองคืออะไรอ่ะ ' เด็กน้อยถามพ่อด้วยความสงสัย

        พ่อทำท่าทางคิดหนักก่อนจะตอบกลับไปว่า

' อืม...มันก็ไม่ยากหรอกลูกเปรียบเทียบง่ายๆนะลูก '

- เปรียบ พ่อเป็น พ่อค้านายทุน ก้อคอยหาเงินไง

- เปรียบ แม่เป็น รัฐบาล ก็คอยเอาเงินจากพ่อมาบริหารไง !

- เปรียบ ตัวลูกเองเป็น ประชาชน ที่ต้องมีรัฐบาลคอยดูแล

- เปรียบ น้องชายของลูกเป็น อนาคตของชาติ

- เปรียบ พี่แจ๋ว (พี่เลี้ยงของเด็กในบ้าน) เป็นชนชั้นแรงงาน

         เด็กน้อยทำหน้า งง ก่อนจะปล่อยให้ ความสงสัยนั้นอยู่ในหัวตลอดทั้ง-วันจนเมื่อถึงเวลาตกดึกของวันนั้น

         ขณะเด็กน้อยกำลังหลับ ' แงๆๆๆๆๆ ' เสียงน้องชายตัวน้อยของเค้าร้องดังขึ้น เด็กน้อยเดินไปดูที่เปลจึงได้รู้ว่าน้อยชายของเค้า ขี้แตก

         เด็กน้อยรู้ทันทีว่าต้องไปตามแม่มาดูน้อง ขณะเดินไปตามแม่เด็กน้อยได้ยินเสียงออกมาจากห้องของ พี่แจ๋วพี่เลี้ยงคนสวย ด้วยความสงสัยจึงแง้ม ประตูดูพบว่า พ่อเค้ากำลังอยู่บนตัวของพี่แจ๋ว  

         เด็กน้อยจึงเดินไปที่ห้องของแม่พบว่าแม่ของเค้ากำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ เด็กน้อยพยายามปลุกแต่ก็ ไม่ยอมตื่น   เด็กน้อยท้อใจเดินกลับห้องนอนและหลับไปหลังจากคิดอะไรได้มากมาย

         ตื่นตอนเช้าขณะลงมาจากห้องเพื่อกินข้าวเช้า เด็กน้อยเห็นพ่อของเค้า

         ' พ่อๆ ผม รู้แล้วละว่าการเมืองเป็นยังไง '

         เด็กน้อยยิ้มที่ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่เข้าใจ

         ' แล้วมันเป็นยังไงละไหนบอกพ่อสิลูก ' พ่อถามด้วยความอยากรู้ '

         การเมืองก็ คือ

.... การที่พ่อค้าหรือนายทุนกดขี่ชนชั้นแรงงาน!!

ในขณะที่รัฐบาลก็หลับหูหลับตาไม่สนใจประชาชน

แม้ว่าประชาชนจะเรียกร้องยังไงก็ตาม!!

.....โดยทิ้งอนาคตของชาติให้จมบนกองขี้!!

           emo26:D emo26:D emo26:D

         ได้มาจากฟอเวอร์ดเมลล์ เห็นว่า พ่อ เข้าใจเปรียบเทียบการเมืองให้

ลูก เข้าใจง่าย ๆ ขำดี จึงนำมาให้พวกเราอ่านว่า

          การเมืองเป็นอย่างเด็กเข้าใจหรือเปล่า

         emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)


หัวข้อ: ทำได้ เพื่อรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 02 เมษายน 2553, 12:51:36

                 ร.11 นักบัญชีสาวบอกรักทหารหนุ่ม
ขอขอบคุณ สนุกดอทคอม วันศุกร์ ที่ 2 เม.ย. 53 และ (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l08is1-f644bc.jpg) สนับสนุนเนื้อหา
          http://news.sanook.com/%E0%B8%A3.11%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A11-918039.html (http://news.sanook.com/%E0%B8%A3.11%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A11-918039.html)

                  (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l08iup-196c46.jpg)

         ราบ 11 ชื่นมื่น ทีมงาน รายการศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ นำ นักบัญชีสาวสระบุรี บอกรักทหารหนุ่มเพชรบูรณ์ หลังปฏิบัติหน้าที่ จนไม่สามารถกลับไปถ่ายรูปแต่งงานได้

        ความเคลื่อนไหวที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ รายการ ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ เข้ามาถ่ายทำรายงาน ในช่วง Will you marry me โดยพา น.ส.กาญจนา ศรีสวยสกุล พนักงานสำนักงานบัญชี จ.สระบุรี มาเพื่อพบบอกรัก สิบเอกณัฐพงศ์ชุมวงศ์ กองพลทหารม้าที่ 1 จ.เพชรบูรณ์ แฟนหนุ่มที่มาปฏิบัติหน้าที่ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จึงทำให้ สิบเอกณัฐพงศ์ ไม่สามารถเดินทางกลับไปถ่ายรูป ในวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่จะใช้ในงานแต่งงาน วันที่ 16 เม.ย.ที่จะถึงนี้ได้ ทั้งนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น เพื่อนทหารที่มาร่วมเป็นสักขีพยานต่างพากันปรมมือ แสดงความดีใจให้กับบุคคล ทั้ง 2 โดยรายการดังกล่าว จะออกอากาศ ในวันที่ 6 เม.ย.ทาง สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เวลา 23.00 น.

                  (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l08iwb-a54e14.gif)



หัวข้อ: ระลึกถึงพระคุณของ พระอรหันต์ ในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 04 เมษายน 2553, 08:40:06

                                ความจริงที่ไม่ปฎิเสธ

ได้รับส่งต่อมาจากอีเมลล์ นำมาให้พวกเราได้ระลึกถึงพระคุณของพระอรหันต์ในบ้าน

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bvos-736a1f.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bvq2-e8435b.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bvrx-bf2a2a.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bvtk-ea335f.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bvuo-988f88.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bvwc-d7f56a.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwb9-3cb817.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwcq-f9ed49.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwdt-c2df30.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwr4-d43996.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwg2-0b4774.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwgx-ace1db.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0bwj1-5cdbab.jpg)

                  emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: ถ้าแตกความสามัคคี เมื่อใด จะเป็นภัยร้ายต่อชาติ ได้
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 04 เมษายน 2553, 13:56:53

         ฟังธรรมะวันอาทิตย์ ช่อง 7 สี ทุกเช้า   emo4:))   วันอาทิตย์ นี้ เป็น เรื่อง

                   "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์" จะพาชาติรอดจากภัยได้

จึงนำเรื่อง นี้ มาโพสต์บอกพวกเรา

         "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์"

ธรรมะวันอาทิตย์ช่อง ๗ สี วันอาทิตย์ ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ประมาณ ๖.๐๐ น.

                           (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/3.jpg)

                 พระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร,เจ้าคณะภาค 2

อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,

ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ

คณะเลขานุการของคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

 ..........................................................................

         ขอความสุขสวัสดี ความเจริญ จงมีต่อท่านสาธุชนทั้งหลาย

         "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์" นี้เป็นคำถามที่ดีมาก

จะแสดงให้เห็นประโยชน์ของความสามัคคี เรื่องเป็นดังนี้

         วัสสการพราหมณ์เป็นปุโรหิตพระเจ้าอชาตศัตรูเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ

ในเวลานั้นมีแคว้นที่ยิ่งใหญ่อยู่แคว้นหนึ่ง มีระบอบการปกครองแบบ

                  "สามัคคีธรรม"

         คือ ปกครองเป็นหมู่คณะ เรียกว่า เหล่ากษัตริย์ "ลิจฉวี" โดย

มีการประชุมเพื่อเลือกกษัตริย์ ขึ้นมาบริหารประเทศ ผ่าน รัฐสภา

คณะผู้บริหารอยู่เป็นวาระ ครบวาระแล้วก็เลือกตั้งกันใหม่ ชื่อ แคว้นวัชชี มีเมืองหลวง ชื่อ ไพศาลี

มีความยิ่งใหญ่มั่งคั่งมากมาย พระเจ้าอชาตศัตรู ประสงค์จะครอบครองเมืองไพศาลี ยกทัพเข้าตี

หลายครั้งไม่สำเร็จสักที จึงรับสั่งให้.......

         วัสสการพราหมณ์ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ให้ไปเล่าถึงความแข็งแกร่งของแคว้นวัชชีของ

กษัตริย์ลิจฉวี ให้พระพุทธองค์ทรงทราบ แล้วคอยกำหนดจดจำว่าพระพุทธองค์จะรับสั่งอย่างไร

พูดง่าย ๆ อยากไปขอคำปรึกษา โดย ไม่บอกวัตถุประสงค์

         วัสสการพราหมณ์ได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า พระเจ้าอชาตศัตรูโจมตีแคว้นวัชชีอย่างไร

ก็ไม่สามารถจะตีแตกได้ เข้มแข็งเหลือเกิน

         พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสตอบ แต่ทรงหันไปตรัสกับ พระอานนท์ ว่า เคยรู้จัก

                  เรื่อง กษัตริย์ ลิจฉวี หรือไม่

         พระอานนท์กราบทูลว่าเคยได้ยินว่ากษัตริย์ลิจฉวีนั้นมี

                 อปริหานิยธรรม ๗ ประการ ที่ประพฤติอยู่เป็นประจำ ทำให้มีความสามัคคีกัน

จึงเข้มแข็งสร้างบ้านแปลงเมืองได้ยิ่งใหญ่

         วัสสการพราหมณ์เป็นคนฉลาด พอได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ได้คิดว่า ที่พวกกษัตริย์ลิจฉวีเข้มแข็ง

ข้าศึกศัตรูไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะ

         มีความสมัครสมานสามัคคีกัน ทางเดียวที่จะตีแตกได้ต้องหาทางทำลาย

ความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี  รีบขอกลับทันที

         หลังจากวัสสการพราหมณ์จากไปแล้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดง

         อปริหานิยธรรม - หลักแห่งความไม่เสื่อม

๑) หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์

๒) พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม

พร้อมเพรียงกันทำกิจที่จะต้องทำ

๓) ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

๔) ให้เคารพอาวุโสทั้ง วัยวุฒิ และ คุณวุฒิ เชื่อฟังคำตักเตือน

๕) ไม่ลุอำนาจตัณหาที่เกิดขึ้น ไม่ตกอยู่ในอำนาจความทะยานอยาก

เพราะ จะชักจูงให้ออกนอกทำนองคลองธรรมได้

๖) ยินดีในความสันโดษ พอใจในสิ่งที่ควรมีควรได้ แต่ไม่เกียจคร้าน

๗) ตั้งสติระลึกเสมอว่า ยินดีต้อนรับเพื่อนร่วมโลกทุกคน

         เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรู้ ทราบจากวัสสการพราหมณ์ แล้ว จึงวางแผน แกล้งลงโทษ

วัสสการพราหมณ์ เฆี่ยนตี และ ขับไล่ออกจากเมือง วัสสการพราหมณ์ จึงสามารถเข้าไปอยู่

ยังกรุงไพศาลี ได้ เมื่อเข้า ไปอยู่ ก็ยุแหย่ ใ้ห้กษัตริย์ลิจฉวี ระแวงกัน จนเลิกการปฏิบัติตาม

อปริหารธรรม  เมื่อ พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาโจมตี กษัตริย์ลิจฉวี ก็ไม่ร่วมประชุมกัน

แตกแยกกัน ไม่ร่วมคิด ต่อสู้ศัตรูเหมือนเก่า กรุงไพศาลี จึงแตก เสียเมืองไพศาลีไป ในที่สุด

          ขอเจริญพร

                   emo43 emo43 emo43

         ธรรมะเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความสามัคคี คือ พลัง ร่วมสร้างชาติได้

ถ้าแตกความสามัคคี เมื่อใด จะเป็นภัยร้ายต่อชาติ ได้ทันที

                   emo28:win: emo28:win: emo28:win:

         นำมาจากบล็อก จริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม ผมโพสต์ไว้ทุกสัปดาห์

ทางด้านซ้ายมือคลิกเลือกได้่ เลยครับ เป็นเหมือน อาหารใจ

         ถ้าใจเราได้อาหารใจ ที่ดี ใจก็จะดี ทำให้ กายแสดงออก เป็นคนดี

ถ้าตรงกันข้าม ได้อาหารใจที่ไม่ดี ใจก็จะไม่ดี กายแสดงออกเป็นคนไม่ดีได้

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=panomsarakham)

         emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: โรงเรียนโมโลตู่ ดอยอินทนน์ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 04 เมษายน 2553, 15:10:58
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cep8-e46c39.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ceq0-c2c299.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cerk-69b032.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cet6-45cb85.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ceuf-ab3275.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cffz-7ccc99.jpg)

         ได้รับมาจากอีเมลล์ สนใจสอบถามตามเบอร์ ที่แจ้งมาในภาพ ครับผม

                             emo26:D emo26:D emo26:D





หัวข้อ: แนวคิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป‏ ความจริงแท้ กับ ความจริงสมมติ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 04 เมษายน 2553, 17:05:36

                  แนวคิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป‏

From:    narongsak@yahoogroups.com on behalf of .....
Sent:   Thursday, April 01, 2010 11:16:19 PM
To:   narongsak@yahoogroups.com

                              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ci1r-6205f3.jpg)

                             พิษณุ นิลกลัด
    
          สัปดาห์สุดท้ายของปี 2548 ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย  81 ปีที่ผมรู้จักเขามา

ยาวนาน   30   ปี ไม่ใช่ญาติ แต่สนิทนักรักใคร่เสมือนญาติ

          ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่าสวด3วันเผา

ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้

         ทุกคนต้องมีวันนี้ เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อนแล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง 3 วันเผา

งานสวด 3 คืนมีคนฟังพระสวดคืนละ14คน คือ เมีย ลูก หลาน  เขย สะใภ้ และ ผมซึ่งเป็นคนนอก

                      (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ckx8-0bee25.jpg)
    
         เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด  วันเผามีเพิ่มเป็น   17   คน

สามคนที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น คนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้ว

ไม่มีสตังค์จ่ายเลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่ง และคนสุดท้าย

เป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผาเคราะห์ดีที่แวะไป

เยี่ยมที่โรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน

         หลังฌาปนกิจ พระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรม

แล้วหรือยัง พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก
  
         จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่

ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แต่ด้วยความที่รักและศรัทธา  อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์

อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติ จึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน - แม้กระทั่งวันตาย
  
         ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม ที่

เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้

         พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา  การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับ

เขาตามวาระโอกาสตลอด   30 ปีทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต

         วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา4แสนกว่าบาทเขาปลอบใจผมว่า   '

ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา  แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขา

คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์ '

         เขามีวิธีคิด' เท่ๆ ' แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่า

                        (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cllg-c0c0b0.jpg)

         สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา  อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร

คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข

         ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และ ไต

ทำงานเพียง  5 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่น แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวใน

วันหยุดสุดสัปดาห์โดยที่ตัวเองต้องหิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลาเนื่องจากไตไม่ทำงาน

ปัสสาวะเองไม่ได้

       6 เดือนสุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวันนอนบ้านสี่วันสลับกันไป

เวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล

        เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที แต่ 10 นาทีที่พูดมีแต่เรื่องสนุกสนานเรียก

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไปเยี่ยมไข้ ทุกคนพูดตรงกันว่า

        ' คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม '
      
        พอแขกกลับ ลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า  

        ' ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก '
  
        เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่บ่อยครั้งที่

นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงิน

ตามมิเตอร์ !
  
         4 เดือนสุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์นจนกระทั่ง

เป็นหัวหน้าแผนกแนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรงแล้วค่อยกลับบ้าน แต่อยู่ได้4วัน

เขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน  หมอซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม

         เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า ' ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง

คุณหมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร  เพราะ พอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน '
      
         หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้านแต่กำชับให้มาตรวจตรง

ตามเวลานัดทุกครั้ง

         1 เดือนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด

เคลื่อนไหวได้อย่างเดียว คือ กะพริบตา  แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก  เวลาลูก เมีย

พูดคุยด้วยต้องบอกว่า 'ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที'  เขากะพริบตาสองทีทุกครั้ง

         เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย  เขายังรับรู้ แต่พูดไม่ได้ นี่กระมังที่เรียกว่า

                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cl6w-615e86.jpg)

                       ถูกขังในร่างของตนเอง
  
         สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า   ' พ่อสู้นะ '
  
เขาไม่กะพริบตาซะแล้วทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า   ' สู้ '
 
         เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค สู้ชนิดที่หมอออกปากว่า

                    ' คุณลุงแกสู้จริงๆ '
  
         ตอนที่วางดอกไม้จันทน์  ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อ สี่เดือนก่อนว่า
 
         ' โรคภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว   อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย '
  
' แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป '  สอนให้เรารู้ว่า...

         เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์ และมันสมองมหัศจรรย์ ที่จะสามารถเรียนรู้ แยกแยะ

เรื่องดีๆและสิ่งร้ายๆในชีวิต

                     (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0cleu-c40266.jpg)

         จงใช้โอกาสดีๆที่ร่างกายและจิตใจของเรา ยังทำอะไรๆได้อย่างที่สมองสั่งจงเรียนรู้ และ

สร้างประโยชน์สุข ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ

หากทุกๆครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม เราพลาด.อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางทีแม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที

แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป  ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป

เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม ใช้ชีวิตทุกๆวันให้มีความสุขนะ  สุขต้องมาจากภายในจิตใจจริงๆ

          หัดที่จะเป็นผู้ให้บ้างอย่าเป็นแต่ผู้รับอย่างเดียว

                emo30:sorry: emo30:sorry: emo30:sorry:




หัวข้อ: คนจนผู้ยิ่งใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 05 เมษายน 2553, 08:23:56

                                                   เรื่องเล่าดีดี...

                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0dqlq-1f3c72.gif)
  
         มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชาย วัยห้าขวบของเขากำลังจะได้

เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น ที่เข้าได้

         โดยส่วนตัวของเขาเอง ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลก ควบคู่ไปกับ

การสอนทฤษฏีในโรงเรียน

         ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไป ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ แล้ววันหนึ่ง

เขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง

                  ”ความยากจน”

        เพราะเขามีความเชื่อว่า ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพอลูกชายไปเยี่ยม

ครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน

         เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่า ลูกชายได้อะไรบ้าง

จากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน

         ลูกชายตอบคำถามบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนา

และพักแรมที่นั่น ซึ่งทำ ให้เขาได้พบว่า....

         ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง

แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลา

รอบๆบริเวณบ้านโดย ไม่ต้องซื้อหา เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อน คุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

พ่อแม่ลูก

         ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหาร กับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตร และ มีเก้าอี้

ว่างเปล่าทั้งสองด้าน

         ลูกชาวนา ที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา ต้องกอดเอวพ่อให้แน่น เพื่อจะได้ไม่ตก

จากจักรยาน

         แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต อยู่ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่

         ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟ ส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดย

ไม่ขาดแคลน

         แต่เขา ก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน .........

         ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพง

บล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่

         ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็น จิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน

         แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า.....

                 จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก

         ปล.อ่านแล้วรู้สึกดีส่งต่อนะ ได้มาจากอีเมลล์

                     emo26:D emo26:D emo26:D


 


หัวข้อ: สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เพื่อป้องกันไม่ให้ โดดให้รถไฟทับเพื่อฆ่าตัวตาย
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 05 เมษายน 2553, 13:46:51

                                (http://img100.imageshack.us/img100/979/58053666.png)

          คนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง หนึ่งในวิธียอดนิยมคือการกระโดดให้รถไฟทับตาย

          แต่รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล เพราะถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่งเพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟและต้องสูญเสียรายได้ ( จะตายทั้งที ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า)

             นำมาจากอีเมลล์ ที่ส่งต่อมาให้  

          เป็นตัวอย่างในการใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เพื่อป้องกันไม่ให้โดดให้รถไฟทับเพื่อฆ่าตัวตาย

                emo19:((: emo19:((: emo19:((:
 
 
  

 


หัวข้อ: วันไหน เวลาไหน สำคัญที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 05 เมษายน 2553, 14:25:14

                  วิธีคิด วิธีทำงาน ในวันนี้

                         (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ec96-6f7a23.jpg)

         ในวันนี้ ฉันจะเป็นมิตรกับทุกคนที่ทำงานด้วยให้มากที่สุด

จะปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าคนเหล่านั้นมีส่วนให้ฉันได้ทำงานที่นี่ต่อไป

และขอขอบคุณที่มีพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน

         ในวันนี้ ฉันจะไม่ทำตัวเป็นคนช่างตำหนิติเตียน

จะพยายามมองเห็นข้อดีในทุกสถานการณ์ และ หาข้อดีมาชมเชยทุกคนในที่ทำงานด้วย

         ในวันนี้ ฉันจะไม่ยืนกรานว่าทุกสิ่งฉันทำ จะต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม

จะไม่พยายามทำลายสถิติความเร็วใดๆ จะทำงานทุกอย่างตรงหน้าเต็มกำลังความสามารถ

แต่ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกบีบคั้นจนทุกข์ทรมาน

         ในวันนี้ ฉันคิดว่าตนเองมีความสามารถพอที่จะทำงานในความรับผิดชอบ

จะไม่มัวมาตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้นว่า มีตำแหน่งที่เหมาะสม และได้รับคุ้มค่าเหนื่อยแล้วหรือ

         ในวันนี้ ฉันจะรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้อยู่ในสังคมและยุคสมัย

ที่ไม่ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ในสภาพอันโหดร้ายทารุณ

และขอบคุณที่ได้อยู่ในประเทศเสรี ที่ไม่มีใครมากะเกณฑ์ใช้งานได้

         ในวันนี้ ฉันจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงาน และ สุขกายสบายใจที่ไม่ต้องออกไปต่อสู้

ในสนามรบ หรือเจ็บป่วยจนต้องรอเข้าห้องผ่าตัด

                  วิธีคิด วิธีทำงาน ในวันนี้

         ในวันนี้ ฉันจะไม่คาดหวังให้ใครมาทำดีกับฉัน จะไม่เปรียบเทียบรายได้หรือสถานภาพ

ของตนเองกับผู้อื่น จะพอใจอย่างที่ฉันเป็นอยู่

         ในวันนี้ ฉันจะไม่คอยเป็นห่วงว่า “แล้วฉันจะได้อะไรจากงานนี้” จะคิดเพียงว่า วันนี้ฉัน

จะเข้าไปมีส่วนช่วยในเรื่องต่างๆได้อย่างไรบ้าง

         ในวันนี้ เมื่อฉันออกจากที่ทำงานฉันจะไม่มัวครุ่นคิดว่าได้ทำงานไปมากแค่ไหนหรือยัง

ทำอะไรไม่เสร็จ แต่จะนึกถึงเวลาค่ำที่รออยู่ และรู้สึกขอบคุณสำหรับงานที่ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

หมายเหตุ : เป็นบทแปลและเรียบเรียงจากข้อเขียนของ นอร์แมน วินเซนต์ พีล

             จากหนังสือเรื่อง “ความคิดเชิงบวก”      

                      emo26:D emo26:D emo26:D      


หัวข้อ: วัดผลการปฏิบัติธรรม จากอะไร โดย หลวงปู่ดู่
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 05 เมษายน 2553, 21:37:32

                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0eqxt-68e3d6.jpg)

         หลวงปู่ท่านมิได้ให้วัดผลการปฏิบัติที่ว่า ใครจดจำธรรมะได้มากกว่ากัน หรือ ใครรู้เห็น

ภายในได้พิสดารกว่ากัน

         ท่านพูดซ้ำ ๆ แต่ว่า "โลภ โกรธ หลง ลดลงไหม หากลดลงจึงจะใช้ได้"

เพราะแม้มีความรู้มากมาย และ พิสดารล้ำลึกเพียงใด แต่กิเลสในใจ...

                  ไม่กระเทือนเลย ก็ยังใช้ไม่ได้

จึงว่าฟังธรรม ศึกษาธรรม ต้องมุ่งให้มัน

                   "ถึงใจ" มิใช่แค่ความ "เข้าใจ"

         http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,452.0.html (http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,452.0.html)

                   emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: ดื่มชาซอง สดชื่น ไม่อ้วน ต้านอนุมูลอิสระ และ มะเร็งรังไข่ในสตรีได้ ตามงานวิจัย
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 08:40:00

                                           (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l04pjf-e2e712.jpg)

                  น้ำชากลายเป็นเครื่องดื่มมิตรของสตรี ป้องกันมะเร็งรังไข่

         สตรีควรจะดื่มชาไม่ว่าชาเขียวหรือชาดำเอาไว้ประจำ วันละ 1–2 ถ้วย จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งของรังไข่ลงได้ ตั้งครึ่งหรือมากกว่านั้น

         นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งวอชิงตัน ของสหรัฐฯ สังเกตพบจากการศึกษากับผู้หญิง 2,000 คน ว่า สามารถหนีห่างโรคมะเร็งรังไข่ได้ตั้งร้อยละ 54 ชั่วการดื่มชาเขียวประจำวันละ 1-2 ถ้วย

         ขณะที่สถาบันการแพทย์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ก็ศึกษาพบว่า สตรีที่ดื่มชาดำวันละอย่างต่ำ 2 ถ้วย จะลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งรังไข่ ลงได้เกือบร้อยละ 50

         การศึกษาทั้งสองแห่ง ได้ ยืนยันสรรพคุณของชาดำและชา เขียวในการป้องกันมะเร็ง นอกจากที่เคยสังเกตพบว่า ช่วยบำรุงหัวใจ สมองและลดปริมาณไขมันเลวในเลือดลงได้.

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพุธ ที่ 31 มีนาคม 2553

         http://www.thairath.co.th/content/life/73844 (http://www.thairath.co.th/content/life/73844)

         emo4:)) emo4:)) emo4:))

         คนจีน และ ญี่ปุ่น มีอายุยืน นักวิจัย วิจัยหาสาเหตุ พบว่า เนื่องจากการดื่มชา แทนน้ำ ทำให้ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะ พบว่าในน้ำชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้เซลล์ต่างๆ เสียหาย เป็นสาเหตุ ของโรคต่าง ๆ

         ผม ดื่มชาซองยี่ฮ้อหนึ่ง นำมาใส่น้ำดื่มธรรมดา คนอื่นๆ ใช้น้ำร้อน แต่ผมว่า การใช้น้ำร้อนจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในช่องปาก และ หลอดอาหาร เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่พบว่า คนจีน และ ญี่ปุ่น เป็นเนื้องอกร้ายแรงทางเดินอาหารกันมากกว่าชาติอื่นจากดื่มชาร้อน ๆ
 
          emo6::)) emo6::)) emo6::))

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ขอนแนะนำ ชาซอง มีคุณภาพ และ ไม่แพง ผมใช้อยู่ 100 ซอง 165 บาท ซองละไม่ถึง 2 บาท

                    ลิปตันผู้นำเครื่องดื่มประเภทชาระดับโลก

          เมื่อพูดถึงชาคุณภาพชั้นดีที่ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า คุณจะนึกถึงชาลิปตัน

                             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0fl4r-5f522d.jpg)
          
         ลิปตันถือเป็นตราสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ยี่ห้อหนึ่งในโลก ทั้งนี้เนื่องมาจาก ภาพลักษณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญเครื่องดื่มที่ผลิตจากชาคุณภาพชั้นดี อันได้แก่ ชาประเภทชาใบ ชาฝรั่งประเภทถุง ชาพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค

                   หัวใจของตราสินค้าลิปตัน

         คือ พลังธรรมชาติแห่งชีวิตที่มอบให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจาก 3 องค์ประกอบหลัก

1.ผลิตภัณฑ์ชาลิปตัน ซึ่งเป็นชาธรรมชาติแท้ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากแหล่งต้นกำเนิดชา เพื่อประสบการณ์การดื่มอันสมบูรณ์แบบของผู้บริโภค

2.คุณประโยชน์ของชาลิปตันคุณภาพที่ให้ความสดชื่น และ

3.ส่งเสริมสุขภาพอันดี

         กล่าวได้ว่า ไม่มีอะไรเทียบได้กับชาสักถ้วยที่ให้ทั้งรสชาติกลมกล่อม กำลังดี และคุณสมบัติสารต่อต้านอนุมูลอิสระของชาที่ส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจ และชลอความแก่

         ทัศนคติในแง่บวกที่ลิปตันต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภคมองโลกในแง่ดีผ่านการดื่มด่ำชาลิปตัน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุข            
                  
                   จุดเด่นลิปตัน

         ชาลิปตันเป็นชาที่เป็นที่นิยมสูงสุดยี่ห้อหนึ่งของโลก ลิปตันเป็นผู้นำทางการตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทชา โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ถึง 3 เท่า มีจำหน่ายในกว่า 110 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นตราสินค้าที่เป็นที่นิยมอย่างมากในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชีย รวมถึง ประเทศไทย
            
                   เครื่องดื่มที่ให้มากกว่าความสดชื่น

         ลิปตันเป็นตราสินค้าตัวแทนของผลิตภัณฑ์ชาคุณภาพ โดยคุณสมบัติของชาลิปตัน นอกจากจะทำให้ร่างกายและจิตใจมีความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกมากมาย อาทิเช่น

         โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าและความเครียดต่างๆ ในแต่ละวัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความสมดุลย์ของส่วนประกอบต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสารทีนีน คาเฟอีน และ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้ชาลิปตันแตกต่างจากเครื่องดื่มอื่นๆ ในตลาด เช่น กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือแม้กระทั่งน้ำเปล่า

         โดยผลิตภัณฑ์หลักที่เราทำการตลาดและจัดจำหน่าย คือ ชาลิปตันฉลากเหลือง ซึ่งเป็นชาคุณภาพมาตรฐานที่คัดสรรมาอย่างดี ทำจากใบชาแท้จากธรรมชาติ 100% ทั้งนี้การออกแบบถุงชาเป็นรูปแบบเฉพาะพิเศษ ที่ทำให้น้ำร้อนผ่านสู่ใบชาได้สะดวกเต็มที่ จึงให้กลิ่นหอมกรุ่นจากใบชาแท้ และรสชาติที่เข้มข้น รับรองมาตรฐานโดยสูตรอินเตอร์แนลชั่นนัล เบลน ที่ให้รสชาติที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

         สินค้าในกลุ่ม
 
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 100 ซอง  
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 50 ซอง  
ชาผงซองฉลากสีเหลือง ขนาดบรรจุ 25 ซอง  

         นำมาจาก

         http://www.unilever.co.th/brands/foodbrands/lipton.aspx (http://www.unilever.co.th/brands/foodbrands/lipton.aspx)

         นำมาโพสต์ จากประสบการณ์ ที่ใช้ดื่มมานานกว่า 1 ปี แล้ว ได้ผลจริง ทำงานได้ไม่ง่วง สะดวกเวลาใช้ ไม่ต้องแติมน้ำตาล คอฟฟี่เมต เพียงใช้น้ำเปล่า 1 แก้ว จะร้อน หรือ น้ำดื่มธรรมดา ชาก็ละลายออกได้ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อ ชา หรือ กาแฟ ราคาแพง มาดื่ม ดื่มชาซอง นี้แทน ดื่มแล้วสดชื่น ไม่มีแคลอรี่ ไม่อ้วน ต้านมะเร็ง รังไข่ ในสุภาพสตรีได้ด้วยจากงานวิจัย

         นำมาจาก กระทู้สุขภาพและความงาม

         http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1882.msg373000.html#msg373000 (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1882.msg373000.html#msg373000)

                    emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: ร่วมรณรงค์ให้"คนไทยรักกัน คิดต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 11:31:32

                  ร่วมส่งเสียงสมานฉันท์คิดต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง
                   น.ส.พ.โพสต์ทูเดย์ วัน อังคาร ที่ 23 มีนาคม 2553
        
http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/18280/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87 (http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/18280/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87)
 
         ขอเชิญชวนผู้อ่านเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ดอทคอม ร่วมส่งเสียงแห่งความสมานฉันท์ เพื่อรณรงค์ให้

                    "คนไทยรักกัน คิดต่างได้แต่ไม่ใช้ความรุนแรง"

                              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0fth5-dd1b8e.jpg)

               นี่คือโลโก้ welovethai คนออกแบบคือ horseman

         เขานิยามตัวเองว่า เป็นคนตัวเล็กๆ ในสังคม cyber ผู้นั่งหลังจอ อยากทำอะไรบ้างเพื่อประเทศของเรา

         “แต่คนตัวเล็กๆ ทำอะไรได้ กลัวก็ใช่ ขี้อายก็ใช่ ออกไปสู้กับใครก็ไม่เป็น รู้จักใครใหญ่โตก็ไม่รู้จัก ทำอะไรใหญ่โตก็ไม่มีปัญญา”

         เขาเลยทำ logo นี้ขึ้น เขาว่า ใครที่คิดเห็นเหมือนกัน จะสีไหน หรือไม่มีสี ให้มาช่วยกันส่งเสียงเล็กๆ นี้ไปทุกที่ จะ copy ส่งกันในออนไลน์ จะเอาไปทำเข็มกลัด ทำเสื้อยืด ทำสติกเกอร์ติดรถ ทำอะไรก็ได้

         “ให้เสียงเล็กๆ ของเราแต่ละคนดังขึ้น ดังขึ้น จนกึกก้องกลบทุกเสียงที่เรียกร้องความรุนแรง ตะโกนบอกเขาว่าเราคนไทย ไม่ใช้ความรุนแรง”

         คนทำเพื่อบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องรู้จักใครใหญ่โต โพสต์ทูเดย์จะเป็นหนึ่งแรงที่จะช่วยเปล่งเสียงนี้ออกไป

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO        

                               นำมาให้พวกเราได้ ร่วมรู้ ร่วมเข้าใจ และ ร่วมพัฒนา

                                             emo26:D emo26:D emo26:D

 


หัวข้อ: อาลัย คุณประสิทธิ์ พยอมยงค์ ศิลปินแห่งชาติ ปี 2532 ผู้ประพันธ์เพลง หนี้รัก ฯลฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 13:49:30

                            "หนี้รัก"

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0fzon-16a834.jpg)

ประสิทธิ์ พยอมยงค์ เสียชีวิตด้วยอาการระบบทางเดินหายใจและระบบเลือดล้มเหลว
  ขอขอบคุณสนุกดอทคอม จันทร์ที่ 5 เม.ย. 53 และ   (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0fzhc-2b9a76.jpg)  

http://news.sanook.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD-919048.html (http://news.sanook.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD-919048.html)

         นางวรวรรณี ริ้วบำรุง บุตรสาวของ นายประสิทธิ์ พยอมยงค์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - เรียบเรียง) ปี 2532 เปิดเผยว่า

         นายประสิทธิ์ ได้เสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจและระบบเลือดล้มเหลว เมื่อวันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 18.00 น. ที่สถานพยาบาลศุขเวช เนอร์สซิ่งโฮม รวมอายุ 84 ปี โดยจัดพิธีตามศาสนาคริสต์

         กำหนดสวดอธิษฐาน 3 วัน ระหว่างวันที่ 5-7 เมษายน เวลา 19.00 น. ณ วัดแม่พระลูกประคำ เขตสัมพันธ์วงศ์ และ

         จัดพิธีฝังส่งวิญญาณ ในวันที่ 8 เมษายน เวลา 11.00 น. ณ สุสานศานติคาม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม สำหรับ

         นายประสิทธิ์ ถือเป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นทางด้านศิลปะดนตรีไทยสากล เป็นนักดนตรี นักแยก และเรียบเรียงเสียงประสาน เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ร่วมแต่งเพลง

         "ภูมิแผ่นดิน" "นวมินทร์มหาราชา" "เพลงฆ่าฉันให้ตายดีกว่า " "คนเดียวในดวงใจ "

         "หนี้รัก" "ข้าวนอกนา "

         ได้รับพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำด้านแยกและเรียบเรียงเสียงประสานยอดเยี่ยม รางวัลการประพันธ์เพลงไทยสากล พร้อมทั้งได้รับพระราชทานโล่เกียรติยศในฐานะนักดนตรีตัวอย่าง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางดนตรี และเป็นกรรมการตัดสินเพลงให้สมาคมดนตรีและสถาบันต่างๆ

         ลิงค์ฟังเพลงหนี้รัก ได้ที่

http://daraoke.gmember.com/idxplaymv.do?mv_id=0400673801 (http://daraoke.gmember.com/idxplaymv.do?mv_id=0400673801)

                     emo30:sorry: emo30:sorry: emo30:sorry:



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 14:33:45

                        ผิดคำสาบานถึงกาลวิบัติ
คอลัมภ์   กวนใจให้สะอาด ตาโป๋เป่าปี่ น.ส.พ.แนวหน้า วันที่ 6/4/2010

                             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0g1ob-833a75.jpg)

         " ข้าพระพุทธเจ้า (ออกชื่อผู้ถวายสัตย์สาบาน) ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณสาบานตัวต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทย เฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระสยามเทวาธิราช เทพยดาผู้รักษาราชอาณาจักรไทยมาตลอด ณ ท่ามกลางมหาสันนิบาตนี้ว่า

          ข้าพระพุทธเจ้าจะมั่นอยู่ในความกตัญญูกตเวทีต่อผืนแผ่นดินไทยเหนือสิ่งอื่นใด จะมุ่งถือความสงบสุขสวัสดีของผองไทยเป็นหลัก เหนือประโยชน์ส่วนบุคคลหรือหมู่คณะใดๆ จะปฏิบัติหน้าที่ทุกประการด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ที่พร้อมจะเสียสละทุกสิ่งเพื่อความมั่นคงเจริญไพบูลย์ของผืนแผ่นดินไทย และความปลอดภัยของปวงประชาส่วนใหญ่เป็นสำคัญ

          ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษาคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ด้วยเกียรติศักดิ์ศรีของสมาชิกแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ตราบเท่าที่ชีวิตร่างกายจะหาไม่

          หากเมื่อใดข้าพระพุทธเจ้าสำนึกรู้ว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ ฝ่าฝืนคำสัตย์ปฏิญาณนี้ ขอความวิบัติจงเกิดแก่ข้าพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น โดยฉับพลันทันทีอย่าให้มีความสุขสวัสดีด้วยประการใดๆ

          หากข้าพระพุทธเจ้าดำรงมั่นในสัตย์ปฏิญาณนี้ยั่งยืนไป ขออานุภาพพระรัตนตรัยและเทพยดาอารักษ์ มีพระสยามเทวาธิราช เป็นต้น จงบันดาลความสุขสวัสดีแก่ข้าพระพุทธเจ้าทุกเมื่อ ให้ข้าพระพุทธเจ้ามีความเจริญในหน้าที่ราชการ เป็นกำลังทะนุบำรุงประเทศชาติสืบไปได้สมตามปณิธานปรารถนาจงทุกประการ "

                      emo4:)) emo4:)) emo4:))

          คำถวายสัตย์ปฏิญาณสาบานตนในพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี กระทำในพระอุโบสถวัดพระแก้ว โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประธานในคำถวายสัตย์ปฏิญาณถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

                     (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0g1kj-8bf729.jpg)

          น้ำพิพัฒน์สัตยามีหอกดาบจำนวนมากแช่อยู่ในภาชนะใบใหญ่ มีพราหมณ์เป็นผู้ประกาศโองการแช่งน้ำ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสาบานนั้น

ขอขอบคุณ น.ส.พ.แนวหน้า วันจักรี อังคาร ที่ 6 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

          http://www.naewna.com/news.asp?ID=206231 (http://www.naewna.com/news.asp?ID=206231)

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

         นำมาโพสต์เืพื่อให้พวกเราได้รู้ว่า ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์  จะต้องทำตาม

       คำสาบาน นี้ เพื่อประโยชน์สุขของชาติไทย ถ้าไม่ทำตามจะเป็นไปตามคำถือน้ำพิพัฒน์สัตยานี้

                                     emo28:win: emo28:win: emo28:win:



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 15:27:08

                         วางระเบิดริมรั้วจุฬาฯสร้างสถานการณ์โชคดีกู้ทัน
                ขอขอบคุณสุทธิชัยหยุ่นดอทคอม วันอังคาร ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553
                          http://www.suthichaiyoon.com/detail/1553 (http://www.suthichaiyoon.com/detail/1553)
                      (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0g49r-ea4969.jpg)

         ในวันนี้ (6 เม.ย.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.มีคำสั่งด่วนแจ้งทางวิทยุสื่อสารถึง ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยในสังกัด ให้ทุก สน.จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลพื้นที่ที่มีจุดเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะ ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีความเห็นขัดแย้ง

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่สายตรวจสน.ปทุมวัน ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด บริเวณทางใกล้ทางเข้าประตูใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท แขวงและเขตปทุมวัน กทม.

         เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ที่เกิดเหตุบริเวณฟุตปาทเจ้าหน้าที่เก็บขยะของกทม. เป็นผู้แจ้งว่า พบวัตถุดังกล่าวอยู่ในถุงพลาสติกวางอยู่ใกล้เก้าอี้เหล็กสาธารณะของกทม. ห่างจากประตูจุฬาฯ ประมาณ 10 เมตร

         จากการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องใช้ขวดอลูมิเนียมขนาดประมาณ 5 ลิตร ภายในบรรจุปุ๋ยยูเรีย ไฟแช็คแก๊ส 5 อัน น้ำมันโซล่า นอกจากนี้ยังมีเชือประทุไฟฟ้า สายไฟจำนวน 1 ชุด และดินระเบิด หรือฝักแคระเบิด ลักษณะระเบิดมีการจุดชนวนมีรอยไหม้ แต่ยังไม่ระเบิดเนื่องจากอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ นำส่งพฐ.ตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง

         เบื้องต้นตำรวจคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หลังจากมีการชุมนุมกลุ่มเสื้อสีชมพูที่บริเวณลุมพินีเมื่อวันก่อน

         OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
         ดู ดู่ พวกก่อการร้าย  emo26:D แม้แต่ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ก็ไม่เกรงกลัว มาวางระเบิดได้ ไม่เว้น นิสิต นักศึกษา หรือ คณาจารย์ ที่เป็นทรัพยากรบุคคลของชาติ อาจโชคร้ายได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือ พิการได้

                           emo7:(: emo7:(: emo7:(:



หัวข้อ: คนเดินขบวนเขาก็รู้ว่าเศรษฐกิจมันจะเจ๊ง แต่นั่นเป็นเจตนาของเขาที่ต้องการให้เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 15:55:45

                          (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0g5e3-290701.jpg)
          ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
          ขอขอบคุณเวบสุทธิชัยหยุ่น  emo4:)) คอลัมภ์ Quote of the day วันอังคารที่ 6 เมษายน 2553

          http://www.suthichaiyoon.com/quotes (http://www.suthichaiyoon.com/quotes)

               (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0g6a9-a65bd5.jpg)

         คนเดินขบวนเขาก็รู้ว่าเศรษฐกิจมันจะเจ๊ง แต่นั่นเป็นเจตนาของเขาที่ต้องการให้เจ๊ง เพื่อบีบรัฐบาลให้ยอม หากรัฐบาลจะแก้ไข ก็ต้องใช้กำลัง แต่คนอีกส่วนหนึ่งเขาก็ไม่เห็นด้วย บอกว่าคนไทยด้วยกัน อย่าใช้ความรุนแรง รัฐบาลเหมือนอยู่ระหว่างเขาควาย มีคนจำนวนหนึ่งที่ใจร้อนต้องการให้รัฐบาลใช้อำนาจจัดการกับผู้ชุมนุม แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ได้ รัฐบาลต้องไม่ใช้ความรุนแรง ขณะนี้ถือว่ารัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

                                                                            ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
                                                                     รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
         พวกเรา emo4:)) ต้องร่วมหาทางส่งกำลังใจให้รัฐบาลสามารถ อดทน อดกลั้น ตัดสินใจ ให้ผ่านวิกฤต ร้ายแรงนี้ ไปให้ได้

             emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 17:01:33

                                                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/Politic/images29.jpg)

                          โอบาม่าใช้ปากกา 22 ด้าม ลงนามในร่างกฏหมาย Health care
                        ขอขอบคุณเวบสุทธิชัยหยุ่นดอทคอม ที่เอื้อเฟื้อข่าว  รายงานพิเศษ
                                            วันพุธ ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

                                 http://www.suthichaiyoon.com/detail/1215 (http://www.suthichaiyoon.com/detail/1215)

                         (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0g7ee-556eeb.jpg)

          หลังจากใช้เวลาในการต่อสู้มากกว่า 1 ปี ในที่สุด ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ก็ได้นั่งที่โต๊ะทำงานในห้องตะวันออก ของทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพื่อลงนามในร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ที่มีชื่อแล้วว่า

                              " 2010 Patient Protection and Affordable Care "หรือ
          กฎหมายปี 2010 ว่าด้วยการคุ้มครองและการดูแลผู้ป่วยเท่าที่พวกเขาจะมีปัญญาจ่าย ค่าเบี้ยประกัน

          แต่ไม่น่าเชื่อว่า อุตส่าห์ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้ ท่านประธานาธิบดีดันมาตกม้าตาย ก็อีตอนจรดปากกาเซ็นชื่อนี่เอง เพราะดันเขียนไม่ออกเอาดื้อ ๆ พอเปลี่ยนด้ามใหม่ก็เขียนไม่ออกอีก และด้ามที่ 3 ก็ไม่ออกอีก เชื่อหรือไม่ว่า การลงนามในร่างกฎหมายฉบับประวัติศาสตร์นี้

          โอบาม่า ใช้ปากกาถึง 22 เพื่อร่างกฎหมายมูลค่า 938,000 ล้านดอลล่าร์ หรือราว 32 ล้านล้านบาท ไม่รู้ว่าประธานาธิบดีไม่ได้ลองปากกาก่อน หรือถึงเวลาที่ทางทำเนียบขาวต้องยกเครื่อง...เครื่องใช้สำนักงานใหม่เสียแล้วกระมัง แม้ภายหลังจะออกมาแก้เกี้ยวว่า

         ที่ใช้ปากกาหลายด้าม ก็เพราะจะแจกให้บรรดารัฐมนตรีแต่โอบาม่าไม่ใช่คนแรกที่ใช้ปากกาหลายด้ามลงนามในร่างกฎหมายสำคัญ เพราะ

         ในยุคของอดีตประธานาธิบดีแฟรงคลิน รูสเวลต์ เขาก็ใช้ปากกาหลายด้ามเหมือนกัน มันเป็นตำนานไปแล้ว ที่ปากกาที่ประธานาธิบดีใช้ลงนามในร่างกฎหมายสำคัญ จะกลายเป็นของสำคัญทางประวัติศาสตร์ไปด้วย ยิ่งใช้มากก็ยิ่งทำให้ประธานาธิบดีมีของขวัญไปแจกจ่ายให้คนที่ช่วยสร้างผลงานในประวัติศาสตร์ได้ด้วยกันกัน ทำเนียบขาวมักจะสลักปากกา เพื่อทำเป็จของสะสมให้ทั้งผู้ต่อต้านและผู้สนับสนุนคนสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนั้น ๆ

          emo28:win: emo28:win: emo28:win:

         นำข่าวมาเสนอพวกเรา ว่า การใช้ระบบประกัน เพื่อเหมาจ่ายเบี้ยประกันให้ดูแลสุขภาพ ไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาอีก รัฐบาลไทย ตามรัฐธรรมนูญ ต้องดูแลขั้นพื้นฐานฟรี ได้ผ่าน  พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545  ไปแล้ว
         http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2545 (http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2545)

         กระทรวงสาธารณสุข สามารถเลือกสถานพยาบาล ที่ให้ข้อเสนอที่ยุติธรรม เป็น ร.พ.ที่รับการพัฒนาและรับรองเป็น ร.พ.คุณภาพ แล้ว มารับประกัน เพื่อให้ประชาชนได้มีสถานพยาบาลคุณภาพดูแล และ ยังสามารถส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดีด้วย สุขบัญญัติ 10 ประการของกรมอนามัย

                    http://www.thaigoodview.com/node/1946 (http://www.thaigoodview.com/node/1946)

         ถ้าประชาชนไม่ดูแลสุขภาพ ตามสุขบัญญัติ 10 ประการข้างต้น จะป่วยบ่อย ทำให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 20 % ทุกปี เป็นปัญหาให้ กระทรวงการคลัง ต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย ไม่ให้เบิกค่ารักษาบางอย่าง ที่ควรเบิกได้แต่ต้องจ่ายเพื่อมาชดเชยค่ารักษาที่เพิ่มขึ้นนี้ ซึ่งไม่ควรมาใช้วิธีนี้

         ควรเรียก เก็บ 20 % ของค่ารักษาจากผู้มีน้ำหนักเกินมาตรฐานจ่ายแทน โดยใช้รอบเอว เป็นเกณฑ์ โดยให้แพทย์พิจารณาเซ็นต์ฟรีได้ เพื่อให้ประชาชนอ้วน ได้ตะหนักในการดูแลสุขภาพ ด้วย

         ถ้าไม่อยากร่วมจ่ายต้องร่วมมือลดความอ้วน ตามที่ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพ ตำบล และ อำเภอ จะต้องจัดให้มีขึ้นสำหรับคนมีปัญหาเรื่อง อ้วน ฟรี

         ประเทศอเมริกา ให้ผู้ที่ไม่ดูแลสุขภาพ ต้องเสียค่าเบี้ยประกันสุขภาพ แพงขึ้น ทำแล้ว ตามที่ นายกแพทยสภา ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ไปดูงานมา ตามเวบ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=06-2007&date=24&group=1&gblog=11 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&month=06-2007&date=24&group=1&gblog=11)

          สามารถใช้ตัวชี้วัดความอ้วนได้ง่ายๆ ให้ประชาชนตรวจเองได้ ด้วยการวัดรอบเอว ระดับสะดือ ปล่อยเอวตามสบาย

ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 ซม. ผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 ซม.

          ผลจากการออกกฏกระทรวงสาธารณสุข นี้ จะทำให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพ ตามสุขบัญญัติ 10 ประการของกรมอนามัย เมื่อสุขภาพแข็งแรง จะไม่ป่วยง่าย ไม่ป่วยบ่อย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ในราคาถูก ค่าใช้จ่ายแทนที่จะเพิ่มขึ้น 20 % อาจกลายเป็นลดลงได้

                         emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 18:01:11

                    “ผาสุก”ผ่าม็อบแดงแฝงสงครามชนชั้น
                          วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553
ขอขอบคุณเวบสุทธิชัยหยุ่นดอทคอม http://www.suthichaiyoon.com/detail/1151 (http://www.suthichaiyoon.com/detail/1151)

         คนชนบท "จับใจ" นโยบายประชานิยมในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งตระหนักในแนวทาง รัฐสภาประชาธิปไตย ว่ามีความหมายกับตัวเอง

                  (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0gbv6-2937ae.jpg)

         ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฏการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทยวันนี้ จะเรียกว่า

                                            "สงครามชนชั้น"

         มีทั้งใช่และไม่ใช่ เนื่องจากมีหลายเงื่อนไข หลากปัจจัยที่ทับซ้อนกันอยู่ในขบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะหากตกผนึกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ มาจากปัญหาทางชนชั้นด้วย

         ย่อเป็นโจทย์ใหญ่ให้ "รัฐไทย" ต้องคิดหาทางออกให้มากกว่าข้อสรุปว่าเป็น "ม็อบเติมเงิน"

                                         emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 20:17:47

                            ข้าวโพดต้มสุกกับ มะเร็ง

                                 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0glm4-975bb2.jpg)

        กินข้าวโพดต้มสุกให้เยอะๆๆๆ เลย ตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้จะหาย
เริ่มจะทานอาหารได้ เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวันไปเหมาจาก Supermarket ทุกweek
แล้วเค้าก็ฟื้นตัวเร็วมาก ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลงทานได้แต่ผักกะผลไม้
และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน

        การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้ นักวิจัยของ
มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า

         ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด
เขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อนว่า

         ผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไปสู้กินดิบๆ ไม่ได้
แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป

         เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง115 องศาเซลเซียส ในเวลานาน
ต่างกัน 10,25 และ 50 นาที

         พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น22,44และ53 เปอร์เซ็นต์
ตามลำดับ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ
ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ

         ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่น ต้อกระจก และ
โรคสมองเสื่อมอีกด้วย

         คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้ม หรือ ปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก
อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวก
พฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเป
รวมอยู่กับอย่างอื่น

         การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น

หากท่านอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาส่งต่อให้กับคนที่ท่านรักต่อไป...

                                       ได้มาจากอีเมลล์  

           ค้นหาเพิ่มเติมพบเวบสภากาชาดไทย เรื่อง ข้าวโพดต้มกับมะเร็ง

         http://www.redcross.or.th/pr/pr_news.php?db=3&naid=490 (http://www.redcross.or.th/pr/pr_news.php?db=3&naid=490)

                                    emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: เปลีี่ยนการการะทำตามใจตนเอง มาเป็นทำตามเอกสารที่ได้รับการรับรองคุณภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 เมษายน 2553, 22:25:36

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0gn4c-359c19.jpg)

         โรงพยาบาลพนมสารคาม เข้ารับประทานประกาศนียบัตร ผ่านการรับรองกระบวนการคุณภาพ และการสร้างเสริมสุขภาพ จาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันอังคารที่ 9 มีนาคม 2553 (Hospital Reaccreditaton)  

         ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและทีมงานทุกคน ที่ช่วยกันพัฒนาคุณภาพจนประสบความสำเร็จ

         ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการ นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์(เคนเหลา) ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุน และให้กำลังใจเสมอมาในทุกๆเรื่อง และใหโอกาสเป็นตัวแทนเข้ารับประทานประกาศนียบัตรในครั้งนี้

         ท้ายนี้ ขอให้พวกเรา(เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล) ทุกคน จงช่วยกันทำงานต่อไป เพื่อพัฒนาตัวเราเอง พัฒนาหน่วยงาน ให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วย ต่อหน่วยงาน และต่อตัวเราเองต่อไป

                                                                             พี่อ๋อย
                                                                ประธานระบบคุณภาพ HA.

                                                                  emo28:win: emo28:win: emo28:win:

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

                   (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0he5a-141992.jpg)

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/OD26-3-53/01826_30.jpg)

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/OD26-3-53/01826_17.jpg)

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/OD26-3-53/01827_7.jpg)

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/OD26-3-53/01827_29.jpg)

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/OD26-3-53/01826_65.jpg)

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/OD26-3-53/01826_34.jpg)

         นำภาพมาจาก กิจกรรม พัฒนาองค์กร ที่ อ.หัวหิน จาก เวบบอร์ด ร.พ.พนมสารคาม สื่อองค์กรแห่งการเรียนรู้ ที่่

http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=thecrow&id=1824 (http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=thecrow&id=1824)

         เข้าชม กิจกรรม ร.พ. ได้ทาง เวบบอร์ด ร.พ.พนมสารคาม ที่

http://www.cco.moph.go.th/p/page/page1.htm (http://www.cco.moph.go.th/p/page/page1.htm)

         ขอร่วมภูมิใจ กับ น.พ.นำพล แดนพิพัฒน์ ผอก.ร.พ.พนมสารคาม ซีมะโด่ง รหัส เข้าปี 27 รุ่น 67 ในรูปแรก ยืน ที่ฟันฝ่าอุปสรรคจนได้ป้าย ร.พ.คุณภาพ จาก สรพ.มาประกาศ และ มีประโยชน์อย่างไร ต่อระบบสาธารณสุข ของประเทศ ดังต่อไปนี้...

         ได้พบกระทู้  "ทางดีไม่มีคนเดิน" ในเวบ  

http://www.budpage.com/forum/index.php

                    มีเนื้อหาว่า "ทางดี" หรือ คำสอนที่มุ่งให้

         "เสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ของคนส่วนรวม

        เพื่อให้การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียนกัน"  

         มีในทุกศาสนา แต่ยังไม่สามารถทำให้เกิดเป็นจริงได้ ยังมีการเบียดเบียนเอาเปรียบกัน
ดังคำที่ว่า

           (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/DecoratedCartoon/bfun22.jpg)

                        "ปลาใหญ่ กิน ปลาเล็ก"

         จึงมีผู้คิด แนวทางเพื่อทำให้คนต้องปฏิบัติตามแนวทาง

                        "ทางดีที่ไม่มีคนเดิน"

         ให้เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้จริง โดย มี 2 แนวคิด คือ

แนวคิดที่ 1 เรื่อง "วงจรคุณภาพของเดมมิงส์" และ

แนวคิดที่ 2 เรื่อง ”การมีป้ายรับรองคุณภาพ”

                        emo47 emo47 emo47

แนวคิดที่ 1 วงจรคุณภาพของเดมมิงส์ นำเสนอโดย

                             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0gnsg-b1210a.jpg)

William Edwards Deming  October 14, 1900–December 20, 1993
                was an American statistician, college professor  

         ดูประวัติของท่านได้ที่

http://en.wikipedia.org/wiki/W._Edwards_Deming

         ดู เรื่องวงจรคุณภาพที่ เวบ Balanced Scorecard Institute ที่

http://www.balancedscorecard.org/bkgd/pdca.html

        เป็นกุศโลบายที่จะทำให้การดำเนินการมีคุณภาพ โดย มี

         ขบวนการ ดำเนินตามวงจรคุณภาพ ดังนี้

                         (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0gny3-78230e.jpg)

1. การวางแผน PLAN ต้องหา...ข้อมูล บุคคล ความรุ้ และ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำมาร่วมวางแผน

2. การดำเนินการตามแผน DO

3. การประเมินผลระหว่างดำเนินงาน CHECK และ  

4. การแก้ไข ACT เมื่อไม่เข้าเป้าหมายของแผน เช่น มีอุปสรรค มีความรู้ใหม่ มีความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการ ฯลฯ เพื่อแก้ไขแผน เพื่อให้เข้าสู่เป้าหมายคุณภาพ  

         วงจรคุณภาพนี้ เปรียบ เป็น

ทางดี ที่ไม่มีคนเดิน จะทำให้มีีคนเดินได้ด้วย.....  

แนวคิดที่ 2 เรื่อง ”การมีป้ายรับรองคุณภาพ”

โดย มีองค์กรอิสระภายนอก มาพัฒนา และ ให้ป้ายรับรอง เป็น ร.พ.คุณภาพ องค์กรนั้น คือ  

         สถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ.หรือ สรพ.  

สามารถเข้าเวบสถาบันรับรองคุณภาพ ร.พ. หรือ สรพ. ได้ที่

http://www.ha.or.th/

    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0go1t-68e212.gif)

         ทำไม ร.พ.ต้องมีป้ายรับรองคุณภาพ  

1.เพื่อให้ได้รับเงินงบประมาณ จาก สำนักงานประกันสุขภาพ แห่งชาติ : สปสช.ได้ เพราะ  
สปสช.จะให้ประชาชนมาใช้บริการ ฟรีได้ ใน ร.พ.ที่ได้ป้ายประกาศการเป็น ร.พ.คุณภาพเท่านั้น  

2.เพื่อให้มาตรฐาน ร.พ.คงที่แน่นอน เพราะ มีแนวทางดำเนินการ ตามเอกสารอ้างอิงคุณภาพ แม้บุคลากร ที่ทำงานไม่อยู่ การทำงาน ของ ร.พ.ก็จะยังคงคุณภาพ เหมือนเดิม ตามเอกสารอ้างอิงคุณภาพ จาก สรพ.ตลอดไปที่มีป้ายรับรองประกาศอยู่

3. เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความพึงพอใจในบริการ โดยเขียนแสดงคุวามคิดเห็น ลงตู้แสดงความคิดเห็นซึงความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่ ร.พ.ที่ได้ป้ายรับรองจะต้องมีเพื่อนำข้อคิดเห็นที่ดี นำมาพิจารณา ร่วมกับ สรพ.เพื่อแก้ไขเอกสารอ้างอิงคุณภาพ ให้ประชาชนพึงพอใจมากขึ้นได้

                   (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/DecoratedCartoon/mananddog.gif)  

4.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ร.พ.มีแนวทางที่แน่นอนในการทำงานโดยมีเอกสารคุณภาพ เป็นเส้นทางให้เดิน  

5. เมื่อมีการฟ้องร้อง ผู้ตัดสินการฟ้องร้อง จะได้ใช้เอกสารคุณภาพ ของ ร.พ.คุณภาพ มาใช้ตรวจสอบ ว่าทำตามแนวทางหรือไม่ เพื่อให้คำตัดสิน

         แนวทางการรักษาคุณภาพนี้ จึง เปรียบเป็น เสื้อเกราะปัองกันผู้ปฏิบัติงาน ที่ยึดมั่นแนวทางคุณภาพ

                            emo4:)) emo4:)) emo4:))

สรุป : ทางดีที่ไม่มีคนเดิน สามารถทำให้คนเดินได้ โดย ระบบคุณภาพ มีองค์กรภายนอก สรพ.มาพัฒนา และ รับรองคุณภาพองค์กรให้ ทำให้ทุกคนต้องเดินตามทางดี ที่เขียนเป็นเอกสารอ้างอิงอย่างเคร่งครัด  
        
ระบบคุณภาพ และ การได้ ใบประกาศรับรองคุณภาพ มาแสดง จะทำให้ทางดีที่ไม่มีคนเดิน เป็นทางที่จำเป็นจะต้องเดินเพื่อให้คงได้รับป้ายรับรองคุณภาพ ไว้ไม่ถูกยึดคืนนั่นเอง


                                         emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: เพื่อไม่ให้เกิดนองเลือด จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 07 เมษายน 2553, 18:53:53

                                (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0i8as-133737.jpg)

                  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

         เมื่อเวลา 18.05 น.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแลและผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
       .
        นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ตั้งแต่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นมารัฐบาลพยายามใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในการดูแลการชุมนุม แต่ยังไม่สามารถระงับยั้บยั้งการชุมนุมได้ จนพัฒนาเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาประชาคมโลก แม้รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายอย่างถึงที่สุดแต่ยังมีการขัดขืน และเคลื่อนไหวผิดกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะ 2 วันที่ผ่านมา และวันนี้ยังได้บุกรุกสถานที่สำคัญคือรัฐสภา

         จึงได้เชิญ ครม.มาประชุมกรณีพิเศษวันนี้ และมีมติให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงขึ้น

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.ผู้จัดการ วันพุธ ที่ 7 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048547

                  emo26:D emo26:D emo26:D

         รอดูการตัดสินใจของรัฐบาล จะทำอย่างไร ให้ไม่เกิดนองเลือด การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง นี้
         ขอปรบมือให้ (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/DecoratedCartoon/triamudom35_clapping.gif) ว่าจะหยุดยั้งความรุนแรงได้ ให้หันมาใช้สันติวิธี ด้วยการเจรจากัน ทั้งใน และ นอกสภา เพื่อให้ได้ข้อยุติ ชนะ-ชนะ กันในทุกฝ่าย

                      emo28:win: emo28:win: emo28:win:



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 07 เมษายน 2553, 19:38:24

                  “เครือข่ายจุฬาฯ” สุดทนม็อบแดง ร่อนอีเมลปลุกพลังเงียบแสดงพลัง 9 เม.ย.     

                                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0iauk-a16056.jpg)
       
       ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรมนำประชาธิปไตย (จคป.) และผู้ประสานงานเครือข่ายพลังเงียบ กล่าวว่า จากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตนทราบดีว่า ทุกคนคงมีความอึดอัดมาก และเกิดความเดือดร้อนกันอย่างถ้วนหน้า จึงประสงค์ที่จะรวมคนที่มีแนวคิดเดียวกันอย่างเป็นกลุ่มก้อน เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านการยุบสภา และไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่สร้างความเดือดร้อนต่างๆ ให้กับประชาชน
       
       “การเริ่มต้นครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวสืบเนื่องมาจากวันที่ 2 เมษายน จากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อสีชมพู ซึ่งเราก็ได้เจอกันแล้ว พูดคุยแสดงความคิดเห็นต่อกัน ซึ่งประจวบกับที่ผมก็กำลังรวบรวมรายชื่อคัดค้านการยุบสภาอยู่พอดี และก็ได้กลุ่มของอาจารย์ ตรีดาว อภัยวงศ์ มาช่วยกัน เลยตั้งใจจะจัดเป็นเวทีในการออกแสดงความคิดเห็นที่เป็นภาคประชาชน และก็เริ่มการติดต่อเพื่อชักชวนพลังเงียบที่สนใจโดยการส่งอีเมล และมันก็เป็นลูกโซ่ออกไป ให้คนอ่านที่สนใจได้ลองมาคุยกันถึงความเดือดร้อนจากการชุมนุม ความไม่เห็นด้วย ตลอดจนความอึดอัดต่างๆ ที่น่าจะปรับเปลี่ยนเป็นทิศทางแก้ไขโดยเราจะจัดเตรียมเวทีเครื่องเสียงไว้ให้ได้แสดงเสียงกันอย่างเต็มที่ ส่วนกระบวนการต่อไปก็อาจจะเป็นการรวบรวมเสียงให้เป็นกลุ่มก้อน หรืออาจะแถลงการณ์ความต้องการต่อไป”
       
       ทั้งนี้ เนื้อหาในอีเมลพลังเงียบฉบับดังกล่าวมีดังนี้ พลังเงียบทั้งหลาย ท่านกำลังมีอาการ อึดอัด เครียด วิตก กินไม่ได้ นอนไม่หลับมองไม่เห็นอนาคตของชาติ ขอเชิญมารวมตัวกันในงานชุมนุม
       
       “เราจะไม่เงียบอีกต่อไป ณ สวนจตุจักร ในวันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป (สีอะไรก็ได้ แต่งด สีแดง)"

      ขอขอบคุณ  ASTVผู้จัดการออนไลน์   7 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048349 (http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048349)   

                   emo26:D emo26:D emo26:D



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 07 เมษายน 2553, 21:14:40

                  สธ.หวั่นโรคสมัยใหม่คุกคามคนเมือง ชู 7 เมษา วันอนามัยโลก “พลิกชีวิต-พัฒนาเมือง”

                                                 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0if6e-8c07cc.jpg)

                                 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

       กระทรวงสาธารณสุข จัดกิจกรรมเนื่องในวันอนามัยโลก ปี 2553 ตั้งเป้าพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองรองรับการขยายตัวของประชากรในเขตเมือง พร้อมหวังลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคสมัยใหม่ที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
       
       วันนี้ (7 เม.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในพิธีเปิด การจัดกิจกรรมเนื่องในวันอนามัยโลก ปี 2553 ณ ห้องประชุมไพจิตร ปวะบุตร อาคาร 7 ชั้น 9 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า

       ทุกวันที่ 7 เมษายนของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็น “วันอนามัยโลก” และในปี 2553 นี้ ประเด็นที่ได้รับความสนใจและถูกกำหนดเป็นเนื้อหาสำคัญของวันอนามัยโลกคือเรื่องความเป็นเมืองกับสุขภาพ โดยกำหนดการรณรงค์ภายใต้หัวข้อ

                  “สุขภาพเขตเมืองเป็นเรื่องสำคัญ” (Urban Health Matters)

       เพราะปัจจุบันความเป็นเมืองกำลังขยายตัวไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันพบว่า

ประชากรทั่วโลกที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองมีมากกว่าร้อยละ 50 หรือประมาณ 3,300 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 67 หรือประมาณ 5,000 ล้านคน ในปี 2573

       โดยประชากรโลกประมาณ 2 ใน 3 อยู่ในเขตเมือง และในจำนวนนี้มีแนวโน้มอยู่ในชุมชนแออัดร้อยละ 28 โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ความเป็นเมืองมีการขยายตัวมากขึ้นตามลำดับ และไม่ได้จำกัดเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเมืองปริมณฑล และเทศบาลเมืองต่างๆ เพราะจากข้อมูลปี พ.ศ.2552 ประเทศไทย มีประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองประมาณร้อยละ 36 ของประชากรทั้งประเทศหรือประมาณ 22 ล้านคน และคาดว่าในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็นร้อยละ 38 หรือประมาณ 25 ล้านคน
       
       นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า การเคลื่อนย้ายประชากรจากชนบทสู่เมืองทั้งเพื่อการประกอบอาชีพและการศึกษาพบว่ายังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อความพร้อมด้านการจัดหาและให้บริการสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ขั้นพื้นฐาน อีกทั้งก่อให้เกิดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมและปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และคนยากจน เสี่ยงต่อการเกิดโรคสมัยใหม่ เพราะความเป็นเมืองทำให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ขาดการออกกำลังกาย บริโภคอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ก่อเกิดโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น รวมทั้งเกิดปัญหาสังคม เช่น อาชญากรรม และยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัย ด้วยการเร่งพัฒนายุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพประชาชนเขตเมือง ทั้งในด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเขตเมือง การป้องกันและควบคุมโรค การพัฒนาคุณภาพระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับเพื่อลดช่องว่างและความไม่เป็นธรรมด้านสุขภาพของประชาชน โดยกำหนดให้วันที่ 7 เมษายน วันอนามัยโลก เป็นวันเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมือง
       
       “พร้อมทั้งจัดทำโครงการ 1,000 เมือง 1,000 ชีวิต พิทักษ์คุณภาพชีวิตคนเมือง เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการจัดการเมืองของเทศบาลต่าง ๆ เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการสรรหาเมืองดีเด่นเข้าร่วมกิจกรรม

       โดยความเป็นเมืองดีเด่นต้องครอบคลุมใน 6 มิติ ได้แก่

ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข และ ด้านสังคม

       ซึ่งขณะนี้มีเทศบาลเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 51 เมือง และกำลังเตรียมการเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มเติมจำนวน 16 เมือง รวม 67 เมือง และมีบุคคลตัวอย่างที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตจนที่ประจักษ์แล้วจำนวน 9 คน ที่จะร่วมรณรงค์และดำเนินการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมยกระดับสภาพแวดล้อมชุมชนแออัดเขตเมือง และพัฒนาภูมิทัศน์และพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเพื่อการพักผ่อนและการออกกำลังกาย เพื่อให้ประชาชนในเขตเมืองอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย เอื้อต่อการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม

       ทั้งนี้ เมืองที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับประกาศเกียรติคุณเป็นเมืองต้นแบบของโลกในที่ประชุมระดับโลก (Global Forum) ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนพฤศจิกายน 2553 ต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในที่สุด

       ขอขอบคุณ  ASTVผู้จัดการออนไลน์   7 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048554   

                  emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 08 เมษายน 2553, 14:45:54

                          พายาไปหาหมอ ข้อที่คนไข้ควรรู้
 
                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0jrx7-a9edd7.jpg)
  
                                 ผศ.ดร.ภูรี อนันตโชติ   
 
       จั่วหัวแบบนี้ หลายคนคงอุทาน “อะไรฟะ พายาไปหาหมอ ? ? ? ” พร้อมกับหน้างงๆ แกมสงสัย ว่าทำไมต้องพา “ยา” ไปหาหมอ เพราะปกติมีแต่เมื่อป่วยแล้วต้องพา “ตัวเอง” ไปหาหมอเพื่อจะไปเอา “ยา” งานนี้ ผศ.ดร.ภูรี อนันตโชติ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะกรรมการมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา (วพย.) มีคำตอบมาให้หายสงสัยกัน
      
       “ส่วนใหญ่พฤติกรรมคนไข้โดยมากแล้ว คือ เมื่อเกิดอาการป่วย จะมาพบแพทย์แล้วก็รับยากลับบ้าน พอกินยาไปได้สักพักจนอาการป่วยหาย คนไข้มักเลิกกินยา ยาที่ได้รับไปก็จะเหลืออยู่ในบ้าน เป็นแบบนี้หลายๆ หน ยาก็จะเหลือเยอะ กรณีแรกที่เราจะได้หากเราเอายาที่เรามีไปพบแพทย์ หรือจำชื่อยาว่าเรามียาอะไรบ้าง แพทย์ก็จะไม่ต้องจ่ายยาที่เรามี เราก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่ายา หรือถ้าเป็นประกันสังคมหรือบัตรทอง ประเทศก็สามารถประหยัดงบประมาณเรื่องยาไปได้มาก”
      
       ประการสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของคนไข้โดยตรงที่อาจารย์เภสัชคนเก่งรายนี้ให้ความกระจ่างก็คือ กรณีของคนไข้บางคน โดยเฉพาะคนไข้สูงอายุ ที่ป่วยด้วยโรคมากกว่า 1 โรค อาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์มากกว่า 1 ราย มากกว่า 1 โรงพยาบาล และได้ยารักษาโรคมาหลายชนิด
      
       “ยาบางชนิดหากกินคู่กัน ฤทธิ์ยาจะขัดแย้งกันเอง กินคู่กันไม่ได้ ในขณะที่ยาบางชนิดหากกินคู่กันจะเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน หากกินคู่กันคนไข้อาจจะได้รับฤทธิ์ของยามากเกินจำเป็น เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด กับยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Non Steroidal Anti-inflamatory Drugs) หรืออาจทำงานแล้วลดประสิทธิภาพของยาตัวใดตัวหนึ่งให้ลดลง เช่นรับประทานยาคุมกำเนิด และยาปฏิชีวนะร่วมกัน ทำให้ยาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพลดลง และอาจจะตั้งครรภ์ได้
      
       ผศ.ดร.ภูรี อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ในกรณีที่คนไข้เปลี่ยนหมอ ในบางครั้งคนไข้จำชื่อยาไม่ได้หรือเรียกชื่อยาผิดพลาดไม่ถูกต้อง ก็อาจทำให้แพทย์และเภสัชกรไม่ทราบว่าคนไข้ใช้ยาอะไรอยู่ก่อน และยากต่อการวางแผนการรักษาและให้ยา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความต่อเนื่องกับแผนการรักษาเดิม

                 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0js0g-91cc4b.jpg)
 
       “คือแพทย์เองก็ไม่มีเวลาซักประวัติคนไข้มากนัก อาจจะด้วยเพราะเวลาน้อย ตรวจคนไข้ตลอดทั้งวัน เวลาเฉลี่ยในการตรวจต่อคนคงมีไม่มากนัก แล้วบางครั้งคนไข้ก็อธิบายไม่เก่ง ไม่กล้าคุยกับแพทย์ การเอายาที่กินอยู่เป็นประจำ หรือยาที่ได้มาจากการรักษาก่อนหน้านี้ไปด้วย จะช่วยในการวินิจฉัยและเลือกแนวทางการรักษารวมถึงการตัดสินใจให้ยาของแพทย์ได้มากขึ้นในเชิงของข้อมูล หรือหากมียาเยอะมาก ก็สามารถใช้วิธีจดลิสต์ชื่อยามาให้แพทย์ดูก็ได้ แต่ต้องจดให้ละเอียดและถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นชื่อยารวมถึงปริมาณขนาดของยานั้น เพราะยาแต่ละชนิดก็มีปริมาณขนาดไม่เท่ากันเพื่อให้แพทย์เลือกสั่งจ่ายตามอาการของคนไข้ที่มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป”
      
       กรรมการมูลนิธิ วพย.รายนี้ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การให้ข้อมูลเรื่องยาแก่แพทย์ผู้รักษาหรือ “ปฏับัติการพายาไปหาหมอ” นั้นสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำกันเพราะไม่ค่อยตระหนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งนี้คือความปลอดภัยและประโยชน์ของคนไข้โดยตรง เพราะในทางทฤษฎีแล้ว การกินยาคู่ที่ไม่ควรกินด้วยกัน ถ้ากินติดต่อกันนานๆ ก็มีสิทธิ์อันตรายถึงชีวิตได้
       
       “แม้ในทางปฏิบัติการกินยาคู่ที่ออกฤทธิ์ซึ่งกันและกันเมื่อคนไข้รู้สึกผิดปกติหรือไม่สบายตัวด้วยอาการข้างเคียงต่างๆ ก็จะมาพบแพทย์เพื่อให้แพทย์เปลี่ยนยาให้ แต่อย่างไรก็ตาม การให้ข้อมูลแก่แพทย์ให้มากที่สุดก็เป็นประโยชน์และสวัสดิภาพของคนไข้โดยตรงที่ควรใส่ใจ

ขอขอบคุณ  ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 เมษายน 2553

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048612 (http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000048612)

          emo26:D emo26:D emo26:D
 


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ดร.มนตรี ที่ 08 เมษายน 2553, 15:34:38
ตอนนี้ชอบ linkedin.com ครับ ... ย่อโลกทั้งใบ ไว้แค่ในจอคอมพิวเตอร์ ...


คล้าย FB ... แต่จะนำมาใช้เพื่อการทำงาน เช่น นัดหมาย  สัมมนา (Webinar) ฯลฯ


http://th.linkedin.com/pub/dr-montri-charoensri/13/155/a13

(http://img90.imageshack.us/img90/9308/52680045.jpg)




หัวข้อ: ต้องปฏิรูปที่จิตสำนึก
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 08 เมษายน 2553, 18:58:13

                   ต้องปฏิรูปที่จิตสำนึก

                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0k2w0-8577d3.jpg)

         วันนี้ ไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟอาชีพหมายเลข 1 ของโลก จะลงแข่งขันกอล์ฟในรายการ "เดอะ มาสเตอร์" เมเจอร์แรกของปีนี้ ที่ สนามออกัสต้า เนชั่นแนล กอล์ฟคลับ หลังหยุดไป 5 เดือน เพราะจากถูกภรรยาจับได้ว่ามีกิ๊ก เพื่อเยียวยาปัญหาในครอบครัว เยียวยาจิตใจตนเองเรื่องเพศสัมพันธ์

         เรื่องที่ ไทเกอร์มีกิ๊ก แม้จะเป็น "เรื่องส่วนตัว" เป็นปัญหาในครอบครัว แต่ สังคมอเมริกัน กลับถือเป็น "เรื่องส่วนรวม" ที่ยอมรับกันไม่ได้

         ห้าเดือนที่ผ่านมา ไทเกอร์ วูดส์ ถูกสังคมอเมริกันลงโทษอย่างรุนแรง การนอกใจเมีย การโกหกสังคมว่าเป็นคนดี เป็นสิ่งที่ สังคมประชาธิปไตยอเมริกันยอมรับไม่ได้ แม้แต่ "สปอนเซอร์" ก็ยังถอนจนหมดสิ้น แต่ สังคมไทย กลับเห็นเรื่องนี้เป็น เรื่องธรรมดา เพราะในสังคมไทยทำกันปกติ แม้แต่เรื่อง การทุจริตคอรัปชันของนักการเมือง ก็ยังเห็นเป็น เรื่องธรรมดา

                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0k33g-ad3a19.jpg)

         เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึง "จิตสำนึก" ของ สังคมอเมริกัน ได้พัฒนาไปถึงขั้นสูงแล้ว มองเห็นเรื่องการนอกใจภรรยา การโกหกสังคมเป็นเรื่องร้ายแรงที่ให้อภัยไม่ได้ แม้ไม่มีกฎหมายลงโทษ แต่สังคมก็ช่วยกันลงโทษแทน แม้แต่สปอนเซอร์ก็ยังต้องถอน เพราะละอายใจตัวเองที่จะต้องฝืนความรู้สึกของสังคม

         ก่อนลงแข่งขัน ไทเกอร์ วูดส์ ให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกหลังซ้อมที่สนามออกัสต้า เริ่มต้นด้วยการขอโทษทุกฝ่ายที่ตัวเองโง่เขลาทำผิดเรื่องนี้ ขอโทษแม่ ขอโทษครอบครัว (ภรรยาและลูก) ขอโทษทุกคน และประกาศว่า จะพยายามทำให้ตัวเองดีขึ้น เข้มแข็งขึ้นต่อไป

         แม้จะโดนสื่อถามคำถามหนักๆ ไทเกอร์ก็ตอบด้วยความใจเย็น ยอมรับในคำพิพากษาของสังคม ไทเกอร์บอกสื่อว่า คุณรู้ไหม ผมไม่เพียงโกหกหลอกลวงคนจำนวนมาก ผมยังหลอกลวงตัวเองด้วย สิ่งที่ผมทำไว้ ผมต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่

         ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังก็เพื่อจะบอกกับ ประเทศไทย และ สังคมไทย ว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ประเทศไทยและสังคมไทยจะต้อง

                    "ปฏิรูปจิตสำนึกคนไทย"

         กันอย่างเร่งด่วน ก่อนจะถดถอยยิ่งกว่านี้ แทนที่จะ ปฏิรูปการเมือง หรือ ปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่อง "ปลายเหตุ" แต่ "จิตสำนึก" คือ "ต้นเหตุ" ที่แท้จริง

         ประเทศไทย ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประชาธิปไตย ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ มา 78 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 จนถึงวันนี้เราได้แค่ "การเลือกตั้ง" อย่างเดียว แถมยังมีการ "ซื้อเสียง" ที่ไม่ต่างไปจาก 5-60 ปีก่อน เพียงแต่เปลี่ยนจาก สิ่งของ อาหารการกิน เช่น ปลาทู มาเป็น "เงิน" เท่านั้น

         แต่ "จิตสำนึก" คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึง "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ทำให้รู้จักแต่ "สิทธิตัวเอง" แต่ไม่รู้จัก "สิทธิของคนอื่นในสังคม" ไปจนถึง "หน้าที่ของพลเมือง" ที่ทุกคนพึงมีในระบอบประชาธิปไตย

         การ "ปฏิรูปจิตสำนึก" ไม่ใช่เรื่องนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ ผมว่าง่ายกว่าการปฏิรูปการเมืองเพื่อให้ ส.ส.ในสภามีจิตสำนึกเสียอีก

         เวลานี้ก็มี ภาคเอกชนไทย  มากมายที่กำลังช่วยกัน "ปฏิรูปจิตสำนึกในสังคม" เพื่อ "สร้างจิตสำนึกใหม่" ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เช่น การสร้างจิตสำนึกเรื่อง CSR เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่กำลังฮิตมากๆ การสร้างจิตสำนึกเรื่องการปลูกป่า เพื่อลดภาวะโลกร้อน เป็นต้น

         เมื่อการปลูกฝังเรื่อง จิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคม จิตสำนึกการปลูกป่า เรายังทำได้ แล้วเรื่องการปลูกฝัง จิตสำนึกประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เพื่อให้คนไทยมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมมากขึ้น ซึ่งเป็น "จิตสำนึกสาธารณะ" เหมือนกัน ทำไมเราจะทำไม่ได้ ผมเชื่อว่าเราสามารถทำได้ รัฐบาลไม่ทำ เอกชนก็ควรช่วยกันทำ เพื่อประเทศชาติของเรา สังคมของเรา

         ประชาธิปไตย ต้องยึด "ชาติ" เป็นหลัก อย่าง อเมริกา ก่อนเริ่มแข่งขันกีฬานัดสำคัญทุกครั้งเขาจะต้อง "ร้องเพลงชาติ" เพื่อแสดงความ "รักชาติ" และการปราศรัยใหญ่ของ "ประธานาธิบดี" ทุกครั้ง ผู้นำสหรัฐฯ จะต้องบอกว่า เขาทำเพื่อประเทศสหรัฐฯและประชาชนชาวอเมริกัน ผมอยากเห็นวันหนึ่งในอนาคตจะมีนักการเมืองไทยสักคนที่กล้าลุกขึ้นมาประกาศ "จิตสำนึก" ของตัวเองว่า ผมรักชาติ และ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อประเทศไทยและคนไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง.

                                                                                                 "ลม เปลี่ยนทิศ"

 ขอขอบคุณ ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดี ที่ 8 เมษายน 2553

http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/75411 (http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/75411)

                   emo4:)) emo4:)) emo4:))      

         ในทรัพยากร 3  M ได้แก่ Man , Money และ Management นั้น M  Man นั้นสำคัญที่สุด ในภาวะขาดแคลนทรัพยากรอื่น แต่ถ้ามี M Man มนุษย์ที่่ดี มีคุณภาพ มีจิตสำนึกทำเพื่อส่วนรวม ก็สามารถปรับทรัพยากรที่ไม่พอเพียงให้เกิดประโยชน์ได้

         ประเทศไทย จึงสมควรต้องมุ่งพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ ได้พบข่าว เรื่อง สวัสดิการสังคม พบว่า ประชาชนอยากได้

                          ด้านการศึกษา เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา เป็นด้านสุขภาพ

         เราปฏิรูปสิ่งภายนอก แต่ไม่มุ่งปฏิรูปทรัพยากรมนุษย์ พลเมือง ยังคง จน โง่  เจ็บ ทำให้นักการเมืองที่ไม่มีจิตสำนึก เข้ามาทำธุรกิจการเมือง ลงทุนซื้อเสียง ให้ได้รับเลือกเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สส.  เพื่อเข้ามกอบโกยจากการได้อำนาจให้ออกกฏหมาย ทุจริตเชิงนโยบาย ให้เห็นกันอยู่  
  
                          จนประเทศไทยติดอันดับมีคอรัปชั่นสูงประเทศหนึ่งในโลก

                                                 emo26:D emo26:D emo26:D


        


หัวข้อ: เครือข่ายจุฬาฯ ยกเลิกชุมนุม 9 เม.ย.
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 08 เมษายน 2553, 22:20:23

                          เครือข่ายจุฬาฯ ยกเลิกชุมนุม 9 เม.ย.

                       (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0kd0t-97c07f.jpg)

         วันนี้ (8 เม.ย.) ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายจุฬาฯ กล่าวว่า เดิมเครือข่ายจุฬาฯ จะนัดชุมนุม “เราจะไม่เงียบอีกต่อไป” ณ สวนจตุจักร ในวันศุกร์ที่ 9 เม.ย.2553 เวลา 16.00 น. แต่เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และไม่อยากให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้เป็นข้ออ้างว่า รัฐบาลปล่อยให้คนกลุ่มอื่นมาชุมนุม ดังนั้น เครือข่ายจุฬาฯ ยกเลิกการชุมนุมดังกล่าว.

ขอขอบคุณ น.ส.พ.เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 08 เมษายน 2553

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentID=58951 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentID=58951)

         นำมาบอกพวกเราว่ายกเลิกชุมนุมแล้ว หลังประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง แล้ว จะนำความสันติ หันหน้าเข้ามาคุยกัน เพื่อให้ได้ชนะ ชนะ ได้ทุกๆ ฝ่าย

                           emo4:)) emo4:)) emo4:))



หัวข้อ: เหลืองมาแล้วกดดันให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มเสื้อแดง
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 09 เมษายน 2553, 16:12:14

                              เหลืองมาแล้ว  
 
       (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0lqoy-397333.gif)
 
             พล.ต.จำลอง ศรีเมือง  แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)และคณะ ร่วมกันกดดันให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มเสื้อแดง เพราะถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและส่อเค้านำไปสู่ความรุนแรง  
 
             ขอขอบคุณ น.ส.พ.แนวหน้า วันศุกร์ ที่ 9/4/2010  ที่เอื้อเฟื้อข่าว
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=206702

                   emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: "แผนที่อุบัติเหตุ" และ "นาฬิกาอุบัติเหตุ" ลดการเกิดอุบัติเหตุได้
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 09 เมษายน 2553, 16:29:26

                           (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0lrdd-1ee6cb.jpg)
 
         นับจากนี้เหลืออีกไม่กี่อึดใจก็จะถึง "วันปีใหม่ไทย" วันมหาสงกรานต์ปี 2553 ตรงกับ วันพุธ "นางสงกรานต์" มีนามกรว่า "มณฑาเทวี"ทรงพาหุรัด ทัดดอกจำปา ขี่ลา ถือเหล็กแหลมมีไม้เท้าเป็นอาวุธ กินนมเนยเป็นอาหาร โบราณท่านว่า... ข้าวของจะแพง เกิดความเดือดร้อนเจ็บไข้ !

         ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่เกิดควบคู่กับเทศกาลสงกรานต์ทุกปีคือ "อุบัติเหตุจราจร" ผู้คนนับ ร้อย นับพันต้องจบชีวิตลงบนท้องถนน

          ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ บนท้องถนนที่นำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรง และเสียชีวิตจำนวนมาก ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ที่แม้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ จะร่วมมือกันรณรงค์ หามาตรการต่างๆมาใช้เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุอย่างไร ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะได้ผลสำเร็จ จำนวนตัวเลข ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในแต่ละปี ยังคงสูงอยู่มาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ตำรวจ" เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทหลัก ในการดูแลความปลอด ภัย ของประชาชนบนท้องถนน แต่ก็ต้องยอมรับว่า การทำงานของตำรวจที่ผ่านมา ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน โดยเฉพาะการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ปัญหา และนำมาใช้ในงานป้องกันอุบัติเหตุ ที่ต้องเร่งแก้ไข

          เมื่อเร็วๆนี้ในงานสัมมนาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายจราจรเพื่อลดอุบัติทางถนน จัดโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร่วมกับศูนย์วิชาการความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ที่โรงแรมอิมพีเรียล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร จัง หวัดนครราชสีมา ได้นำเสนอเครื่องมือช่วยลดอุบัติเหตุ นั่นคือ

                      "แผนที่อุบัติเหตุ" และ "นาฬิกาอุบัติเหตุ"

         ซึ่งเป็นเครื่องมือใช้ในการรวบรวม จัดระบบ และนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุที่มีอยู่กระจัดกระจาย เพื่อนำมาใช้ในงานป้องกันอุบัติเหตุ

         เป็นเครื่องมือที่เริ่มนำมาใช้ ใน โครงการ 365 วันอันตราย หยุดการตายด้วยวินัยจราจร โดย พ.ต.อ.วณัฐ บอกว่า เครื่องมือทั้ง 2 นี้ มีวิธีทำงานคือ

         การจดบันทึกสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งในเชิงพื้นที่ และในเชิงเวลา เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการทำ งานลดการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่ง ศูนย์อุบัติเหตุจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดราชสีมา ได้นำมาใช้และพบว่า สถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงเป็นอย่างมาก

          เขาบอกว่า เนื่องจาก จ.นครราชสีมาเป็นเมืองท่าที่มีรถผ่านจำนวนมาก เมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง จะทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณเนิน ดังนั้นทางศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ จึงได้จัดทำแผนที่และทำสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ไว้ใช้ โดยมีลักษณะทำเป็นตาราง ครอบคลุมพื้นที่ถนนทั้งหมดในโคราช ที่มีความยาว ถึง 8,000 กว่ากิโลเมตร เป็นทางหลวงแผ่นดิน 2,400 กิโลเมตร ทางหลวงชนบท 1,400 กิโลเมตร ถนนตามตำบล หมู่บ้าน อีก 5,000 กว่ากิโลเมตร

          นอกจากนี้ยังมีถนนย่อยในหมู่บ้านจำนวนมาก ใน 32 อำเภอ มี 3,000 กว่าหมู่บ้าน และมีสถานีตำรวจ 50 กว่าสถานี ซึ่ง

          แผนที่อุบัติเหตุดังกล่าว จะทำให้ทราบว่าจุดไหน เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด และอยู่ในความรับผิดชอบของโรงพักใด
          
          ขณะที่นาฬิกาอุบัติเหตุ พ.ต.อ.วณัฐ อธิบายว่า คือการบันทึก เพื่อทำให้เห็นช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ส่งผลให้มีการกำหนดจุดและเวลาตั้งด่านตรวจได้ดีขึ้น

         " ในส่วนของสถิติต่างๆ ที่เก็บรวบรวมไว้ ยังถูกนำมาวิเคราะห์ โดยมีการตั้งกรรมการที่บูรณาการภาครัฐ , เอกชน, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาดำเนินการ่วมกัน กรรมการ จะนำแผนที่มาดู เพื่อกำหนดจุดเสี่ยงต่างๆ แล้วหามาตรการแก้ไข เช่น

         การตั้งจุดตรวจเพื่อคุมเข้มวินัยจราจร ซึ่งมีผลพลอยได้ ให้เจ้าหน้าที่จับคนขนยาเสพติด ได้จำนวนมาก เรียกได้ว่านอกจากช่วยลดอุบัติ เหตุ แล้วยังช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมอีกด้วย" พ.ต.อ.วณัฐว่าอย่างนั้น

         อย่างไรก็ตาม การกวดขันจับกุมเพียงอย่างเดียว คงไม่อาจนำไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะหลายกรณีของการเกิดอุบัติเหตุ ก็มีสาเหตุมาจากสภาพถนน สภาพแวดล้อม หรือปัจจัยอื่นๆ จึงต้องมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มาวิเคราะห์แล้วหามาตรการป้องกันร่วมกัน

         พ.ต.อ.วณัฐ ย้ำว่าหัวใจสำคัญในงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรคือ เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องตระหนักว่า

         เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็เหมือนเกิดการ "ฆ่ากันตาย" พนักงานสอบสวนจะต้องรายงานผู้บังคับ บัญชาทางวาจาทันทีจากที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นให้ส่งรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร วิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ แล้วจะมีการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ ในเชิงภาพรวมอีกครั้ง ก่อนจะส่งกลับไปยังโรงพักแต่ละแห่ง เพราะถ้าไม่รู้สาเหตุจริงๆ ก็จะป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไม่ได้

         "ปีก่อนหน้านี้ จังหวัดนครราชสีมากวดขันวินัยจราจรและมีการจับกุมผู้ขับขี่ที่ผิดกฎไป 3.4 แสนราย แต่เมื่อมีโครงการ 365 วันฯ ปรากฏว่ามีการจับกุมเพิ่มขึ้นกว่า 5 แสนกว่าราย ในจำนวนนั้น มีเยาวชนอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก" พ.ต.อ.วณัฐ กล่าวและว่าสิ่งที่ตามมาคือ อุบัติเหตุจราจร ลด ลงอย่างเห็นได้ชัด

                   "แผนที่อุบัติเหตุ" และ"นาฬิกาอุบัติเหตุ"

         เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ในการจัดระบบและ วิเคราะห์ข้อมูล ในการช่วยลดอุบัติเหตุ ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังนำไปสู่การสร้าง การมีส่วนร่วมกับฝ่ายต่างๆ ในการป้องกันอุบัติเหตุ และในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ สถานีตำรวจภูธรหลายพื้นที่ก็จะนำเครื่องมือนี้มาใช้อีกครั้ง เพื่อเป็นตัวช่วยในการทำงานลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

ขอขอบคุณ SCOOP@NAEWNA.COM  วันที่ 9/4/2010

http://www.naewna.com/news.asp?ID=206692 (http://www.naewna.com/news.asp?ID=206692)

             emo28:win: emo28:win: emo28:win:

         วิธี นาฬิกา และ แผนที่อุบัติเหตุนี้ เป็นการนำข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ มาวิเคราะห์ เพื่อใช้ในการวางแผนป้องกัน    emo4:)) ที่ทำกันอยู่นั้น ร.พ.มีหน้าที่บันทึกข้อมูลอุบัติเหตุให้ จังหวัด แต่รับไปแล้ว ก็ไม่มีการนำมาทำเป็นรูปธรรมให้เห็นจริง

         ต่อไปนี้ นาฬิกา และ แผนที่อุบัติเหตุ จะต้องนำมาใช้ เป็นนิมิตรหมายอันดี ที่ จะลดอุบัติเหตุ ได้ถูกจุด  เกาถูกที่คันได้จริง ๆ
 
                            emo28:win: emo28:win: emo28:win:

 


หัวข้อ: "พระยาพลเทพ" แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 09 เมษายน 2553, 17:55:40

                                   "พระยาพลเทพ" แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
                                         เปลว สีเงิน 8 เมษายน 2553

                                                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0lvi4-999c4c.jpg)

         วันที่  ๗  เมษายน  ย้อนหลังกลับไป  ๒๔๓  ปี  จะเป็นวันที่  ๗  เมษายน  พ.ศ.๒๓๑๐  คือวันที่  "ไทยเสียกรุงศรีอยุธยา"  แก่พม่า  ครั้งที่  ๒  ณ  สมัยแห่งพระเจ้าเอกทัศน์นั่นเอง

        "พระมหาบุญโฮม ปริปุณณสีโล" วัดท่าไทร สุราษฎร์ธานี ท่านเรียบเรียงไว้ในเว็บไซต์ของท่านว่า

        วันอังคารเดือน   ๕  ขึ้น  ๙  ค่ำ  ปีกุน  (จ.ศ.๑๑๒๙)  ตรงกับวันที่  ๗  เมษายน  พ.ศ.๒๓๑๐  เวลาประมาณบ่ายสามโมง  พม่าจุดไฟสุมรากกำแพงเมืองตรงหัวรอที่ริมป้อมมหาชัย  และยิงปืนใหญ่ระดมเข้าไปในพระนครจากบรรดาค่ายที่รายล้อมทุกค่าย  พอเพลาพลบค่ำกำแพงเมืองตรงที่เอาไฟสุมทรุดลง  เวลา  ๒  ทุ่ม  แม่ทัพพม่ายิงปืนเป็นสัญญาณให้ทหารเข้าพระนครพร้อมกันทุกด้าน   ทหารอยุธยาที่รักษาหน้าที่เหลือกำลังจะต่อสู้  พม่าก็สามารถเข้าพระนครได้ในเวลาค่ำวันนั้นทุกทาง  นับเวลาตั้งแต่พม่ายกมาตั้งล้อมพระนครได้  ๑  ปี  กับ  ๒  เดือน  จึงเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าข้าศึก

                                                     .............................

        สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เสียกรุงมาจาก   "คนทรยศ"  ตามคำให้การของชาวกรุงเก่า  หน้า  ๑๗๔  บอกว่า  "...มีคนไทยชื่อ  

                พระยาพลเทพ  ข้าราชการในกรุงศรีอยุธยาเอาใจออกห่าง   ลอบส่งศาสตราวุธเสบียงอาหารให้แก่พม่า  

        สัญญาว่าจะเปิดประตูคอยรับเมื่อพม่าเข้าโจมตี  และ ประตูที่พระยาพลเทพเปิดให้ก็เป็นประตูเมืองทางทิศตะวันออก  เข้าใจว่าคงเป็นบริเวณหัวรอ  หรือจะห่างจากบริเวณนี้ก็ไม่เท่าใด  ซึ่งพม่าก็ได้ระดมเข้าตีปล้นกรุงศรีอยุธยามาทางนี้  ตามที่พระยาพลเทพนัดหมายไว้  โดยเข้าไปได้ในเวลากลางคืน  ส่วนวันตามคำบอกของชาวกรุงเก่านั้น  ตรงกับวันที่กรุงแตกดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเหล่านี้  เป็นเรื่องที่เชลยไทยได้เห็นในขณะนั้น..."

        การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้   เป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงของชาติไทย  ทหารพม่าไล่ฆ่าฟันผู้คนล้มตายเป็นอันมาก   ทรัพย์สินสมบัติสูญเสียถูกทำลาย  ถูกขุดค้นไปทั่วทุกแห่งหน  โดยตั้งใจจะไม่ให้ไทยมีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่  แม้แต่วัดวาอารามอันวิจิตรงดงาม  เป็นที่เคารพในพระพุทธศาสนา  ซึ่งเป็นศาสนาเดียวกับพม่า  พม่าก็เอาไฟเผาและเอาไฟสุมพระพุทธรูปพระศรีสรรเพ็ชรดาญาณ   เพื่อให้ทองคำหุ้มองค์ละลาย  เก็บเอาทองคำที่หุ้มองค์พระพุทธรูปหนัก  ๒๘๖  ชั่ง  (๒๓๘.๓๓  กิโลกรัม)  ไปใช้ประโยชน์ที่เมืองพม่า  อีกทั้งได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลยและทาสยังเมืองพม่า  พม่าเอาไฟเผาบ้านเรือนทำลายข้าวของต่างๆ  อยู่  ๑๕  วัน

         ครับ...ก็จับตากันต่อไปว่า   กรุงรัตนโกสินทร์   พ.ศ.๒๕๕๓  ณ  วันนี้-ยุคนี้  ยังจะมี  

                "พระยาพลเทพ"  อยู่หรือไม่  หรือฝากเชื้อเนื้อหน่อไว้กับใคร  

         ในความหมายไส้ศึกชอนไชไทยประเทศให้เป็นที่เทวษอาดูร  ประดุจดั่งกรุงศรีอยุธยาคราดับสูญ  เพราะคนในชาติเชื้อเนื้อตระกูลข้าราชการ...ทหาร-ตำรวจ  และ นักการเมือง!?

                                   emo26:D emo26:D emo26:D

ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยโพสต์ วันพฤหัสบดี ที่ 8 เมษายน 2553

          http://thaipost.net/news/080410/20519 (http://thaipost.net/news/080410/20519)

                          emo46 emo46 emo46


หัวข้อ: กทม.ผุดไอเดีย 'ให้ขุดถนนเฉพาะกลางคืน กลางวันกลบมิด'
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 09 เมษายน 2553, 19:10:32

         กทม.ผุดไอเดีย 'ให้ขุดถนนเฉพาะกลางคืน กลางวันกลบมิด' เริ่ม 1 ก.ค.
                                              
                               (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0lyqo-875525.jpg)

         นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)  เปิดเผยว่า

         ในฐานะกำกับดูแลสำนักการโยธา ที่มีโครงการก่อสร้างทั้งสะพาน อุโมงค์ ถนนและโครงการปรับปรุงต่าง ๆ ที่ผ่านมา เมื่อมีการก่อสร้างปรับปรุงในแต่ละจุดแม้จะมีประโยชน์ในระยะยาวเพราะปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือมีการก่อสร้างโครงการใหม่เพื่อแก้ไขปัญหา

         แต่ก็สร้างผลกระทบให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง เช่น การปรับปรุงสะพานข้ามทางแยก 13 แห่งที่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ตนจึงมีนโยบายจะดำเนินโครงการ

                   “ก่อสร้างกลางคืน”

         เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างที่ต้องมีการปิดการจราจรหรือทำให้ช่องทางการจราจรลดน้อยลง ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยต่อไปในการก่อสร้างทุกโครงการทั้งสะพานข้ามทางแยก อุโมงค์ทางลอด สะพานข้ามคลอง  การปรับปรุงโครงการต่าง ๆ ที่ กทม.ดำเนินการเองหรือให้ผู้รับเหมาดำเนินการต้องให้มีการเสนอแผนก่อสร้างเฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น

         โดยสามารถก่อสร้างได้ตลอดคืนและปิดการจราจรได้เต็มที่แต่มีการเสนอทางเลือกให้ประชาชนสามารถสัญจรได้บางช่องทาง และ

         เมื่อถึงตอนกลางวันตั้งแต่ช่วงเช้าต้องคืนผิวจราจรเช่นเดิมหรือมีการใช้แผ่นเหล็กปิดหรือกลบให้สนิทเพื่อคืนผิวจราจรเช่นเดิม

         ยกเว้นการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่หรือก่อสร้างบ้านให้เป็นไปตามระเบียบเดิมที่ ห้ามก่อสร้างหลัง 22.00 น. เพราะอยู่ใกล้บ้านเรือนประชาชนหากให้ก่อสร้างกลางคืนจะมีผลกระทบต่อการพักผ่อน  
    
         นายพรเทพ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายให้สำนักการโยธาเสนอรายละเอียดโครงการทั้งหมดที่ยังไม่ก่อสร้างในปี 2553-2555 รวมทั้งแผนระยะยาวมาให้พิจารณาเพื่อจะให้สำนักการโยธาไปจัดทำแผนงานดำเนินการใหม่เพื่อให้ก่อสร้างในช่วงกลางคืนเท่านั้น ส่วนโครงการที่ได้จัดแผนไปแล้วหรือมีการลงนามในสัญญาไปแล้วก็ให้ดำเนินการตามแผนเดิม โดยคาดว่าโครงการก่อสร้างกลางคืนน่าจะเริ่มได้ราวกลางปีนี้คือราววันที่ 1 ก.ค. นี้ คาดว่าโครงการนี้จะทำให้ประชาชนพอใจ

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 09 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อ ข่าว

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=354&contentID=59034 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=354&contentID=59034)

                                           emo43 emo43 emo43

         เส้นผมบังภูเขา รถมาก กลางวัน กลางคืน รถน้อย ก็ก่อสร้าง กลางคืน อากาศก็ไม่ร้อน ทำงานสบาย ก่อนเลิกงาน ก็กลบให้ใช้งานได้ตอนกลางวัน แล้วก็ไปนอนพักตอนกลางวัน เปิดแอร์นอน ให้เย็นฉ่ำ นอนพักเอาแรง สบายใจเฉิบ กลางคืน ค่อยทำงาน

         คิดได้ง่าย ๆ แต่ทำไมคิดไม่ออกกันนะ พวกเรา

                                           emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)


หัวข้อ: เร่งยกสถานีอนามัย9.7พันแห่งเป็น รพ.สต.คุ้มครองสุขภาพ ของประชาชนในหมู่บ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 09 เมษายน 2553, 21:40:44

         "จุรินทร์"เร่งยกสถานีอนามัย9.7พันแห่งเป็น รพ.สต.คุ้มครองสุขภาพ ของประชาชนในหมู่บ้าน

                                (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0m5y0-9dc0a6.jpg)

        พณฯ ท่าน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.)ดำเนินการจัดทำแผนเร่งรัดในการยกระดับสถานีอนามัย (สอ.) 9,770 แห่ง เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยจะประสานสำนักงบประมาณเพื่อของบประมาณในส่วนของ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 เพิ่มเติมอีก 8,200 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงกายภาพของ สอ. พัฒนาบุคลากรและความพร้อมในส่วนอื่นๆ

         นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า การยกระดับแบ่ง สอ.เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

1.รพ.สต.เดี่ยว  มี 2,800 แห่ง จะมีบุคลากรหลัก 4 ตำแหน่ง คือ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน นักวิชาการสาธารณสุขชุมชน แพทย์หรือพยาบาลเวชปฏิบัติหรือพยาบาลวิชาชีพ และสหวิชาชีพ วิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่ง เช่น เภสัชกร เป็นต้น และ

2.รพ.สต.เครือข่าย ซึ่ง 1 เครือข่ายจะประกอบด้วย รพ.สต. 2-3 แห่ง  รวม 2,700 เครือข่าย ภายใน รพ.สต.จะมีบุคลากรเพิ่มจาก 4 ตำแหน่งแรกอีก 3 ตำแหน่ง เป็นสหวิชาชีพต่างๆ ส่วน รพ.สต.ที่นำร่องในปี 2552 ทั้ง 1,000 แห่ง อยู่ระหว่างการประเมินผล

         “กรณีรถพยาบาล 829 คัน ที่เดิมจะใช้งบ พ.ร.ก.ที่อนุมัติ 1,400 ล้านบาทในการจัดซื้อใช้ใน รพ.สต.นั้น

                                 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0m8ld-df4a8c.jpg)

         นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กำลังดำเนินการทบทวนว่าควรจะยกเลิกหรือไม่” นายจุรินทร์กล่าว

                                 (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0m61x-90435f.jpg)

        ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ. กล่าวว่า งบไทยเข้มแข็งในส่วนของ พ.ร.ก.ที่จะขอเพิ่มจะใช้ยกระดับ สอ.เป็น รพ.สต.ในปี 2553 แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1.สอ.ที่รับผิดชอบประชากรต่ำกว่า 3,000 คน จัดสรรแห่งละ 5 แสนบาท มี 2,800 แห่ง

2.รับผิดชอบ 3,001-7,000 คน แห่งละ 7 แสนบาท มี 5,470 แห่ง และ

3.มากกว่า 7,000 คน แห่งละ 9 แสนบาท มี 1,500 แห่ง และ

4.สอ.ที่เป็นอาคารชั้นเดียวและก่อสร้างใหม่ 400 แห่ง จัดสรรแห่งละ 4,050,000 บาท

        อนึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดสรรงบประมาณในส่วนของ พ.ร.ก.เพื่อปรับปรุง สอ.เป็น รพ.สต. เพียง 2,000 แห่ง แห่งละ 1.35 ล้านบาท จาก สอ.ทั้งหมด 9,770 แห่ง

         ขอขอบคุณ น.ส.พ.คมชัดลึก วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2553

                 http://www.komchadluek.net/detail/20100405/54932/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A29.7%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%AA%E0%B8%95.%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html (http://www.komchadluek.net/detail/20100405/54932/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A29.7%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%AA%E0%B8%95.%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html)

                                     emo26:D emo26:D emo26:D

         สถานพยาบาลใกล้บ้าน ที่่มีคุณภาพ เข้าถึงง่าย เป็นไปตามตัวชี้วัดตัวที่ 3 และ 4 ของ การสาธารณสุขมูลฐาน ที่จะทำให้ประชาชนสุขภาพดี ดูแรื่อง สาธาณสุขมูลฐาน ที่ประเทศสมาชิกของ องค์การอนามัย ร่วมกันคิด ให้เกิดสุขภาพดีถ้วนหน้าของชาวโลก ตั้งแต่ปี 2529 ผ่านมา ปี 2553 เป็นเวลา 24 ปี มาแล้ว แต่ตัวชี้วัด 4 ตัวชี้วัด ก็ยังไม่สำเร็จ ข่าวที่นำมาลงนี้ มีนโยบายที่จะให้ สถานีอนามัยที่มีอยู่ทุกตำบลแล้ว พัฒนาเป็น ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล จะทำให้สุขภาพดีถ้วนหน้าของพลโลก ในประเทศไทย ใกล้เป็นจริงได้ ดู เพิ่มเติมได้ที่

                        http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html)

                                     emo4:)) emo4:)) emo4:))



หัวข้อ: เงินภาษีบาปตั้งสถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน สสส.การศึกษา
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 10 เมษายน 2553, 11:24:22

                              เงินภาษีบาปตั้ง สสส.การศึกษา

                                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0n80u-2392ed.jpg)

           เดินหน้าตั้ง  สสส.ทางการศึกษา  ดึงเงินภาษีบาปจากเหล้าบุหรี่  50,000-200,000  ล้าน  ตั้งเป็นกองทุนพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยรศ.ธงทอง  จันทรางศุ  เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการจัดตั้ง  พ.ร.บ.จัดตั้งสถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน  หรือ  (สสส.ทางการศึกษา)  ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว  อยู่ในระหว่างการนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป

                                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0n83f-bc9a87.jpg)
    
           ด้าน  รศ.ดร.สมพงษ์  จิตระดับ  ซีมะโด่ง รหัสเข้าจุฬาฯ 15 อาจารย์คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ในฐานะคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษา  ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน  กล่าวถึงสาระสำคัญของร่าง  พ.ร.บ.ดังกล่าว  หรือที่รู้จักกันดีว่า  สสส.ทางการศึกษา  ใช้หลักการเดียวกันกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  หรือ  สสส.  คือ  จะมีสำนักงานและคณะกรรมการบริหารที่มีความเป็นอิสระ  คล่องตัว  ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรี  มีนโยบายสำคัญในการแก้ปัญหาทรัพยากรทางการศึกษาที่ใช้ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน  ครู  และบุคลากรทางการศึกษา  เนื่องจากงบประมาณแผ่นดินด้านการศึกษาในแต่ละปีมากกว่าร้อยละ  80  เป็นงบฯ  เงินเดือนครู  ส่วนงบฯ  ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษามีเพียงร้อยละ  0.81  ดังนั้น  สสส.ทางการศึกษา  จะเป็นหน่วยงานที่จะช่วยสนับสนุนงบฯ  ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน  ครู  บุคลากรทางการศึกษา  ซึ่งสามารถคิดริเริ่มโครงการต่างๆ  และเสนอมาของบฯ  จาก  สสส.การศึกษาได้
    
           สำหรับแหล่งเงินของสถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ฯ  นั้นจะนำมาจากภาษีเหล้า   บุหรี่  ซึ่งเป็นแหล่งเงินเดียวกันกับ  สสส.ได้รับ  โดยในส่วนของสถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ฯ  จะนำมาใช้ร้อยละ  1  หรือประมาณปีละ  1,200-1,500  ล้านบาท  ดังนั้นโรงเรียนต่างๆ  ก็จะมีงบประมาณที่จะนำมาพัฒนาผู้เรียน  หรือครูสามารถคิดโครงการต่างๆ  ซึ่งเดิมขาดเงินสนับสนุน  ก็สามารถขอมาที่สถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ฯ  ได้  คาดว่าจะได้ในวงเงิน  50,000-200,000  บาท  และขณะนี้ร่าง  พ.ร.บ.ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีและเข้าสู่การพิจารณาของสภา  โดยส่วนตัวคาดหวังว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ  เกิดขึ้นในช่วงนี้  เพราะงานปฏิรูปการศึกษากำลังเดินหน้าไปด้วยดี

            เมื่อถามว่าแหล่งที่มาของเงินภาษีเหล้า  บุหรี่  จะทำให้เกิดความเห็นขัดแย้งต่อที่มาของเงินที่จะนำมาพัฒนาเด็กและเยาวชนหรือไม่  รศ.ดร.สมพงษ์กล่าวว่า  จุดเริ่มต้นของ  สสส.ก็มีความขัดแย้งเรื่องภาษีบาปเช่นกัน  แต่ภายหลังการทำงานก็ใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า   งบฯ  ที่  สสส.สนับสนุนด้านสุขภาพนั้นได้ผล  การวิพากษ์วิจารณ์ก็เงียบไป  

           ดังนั้นในส่วนของการศึกษาก็เป็นห่วงว่าจะถูกวิจารณ์เช่นกัน  แต่ตนเชื่อว่าปัญหาคุณภาพของผู้เรียนเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขและมีความพยายามแก้ไขมานาน  และส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาเรื่องเงิน  แต่หากโครงการต่างๆ  สามารถทำให้คุณภาพผู้เรียนดีขึ้น  ก็เชื่อว่าการวิจารณ์หรือความเห็นคัดค้านก็จะหมดไป.

            ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยโพสต์ การศึกษา วันเสาร์ ที่ 10 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

                                      http://thaipost.net/news/100410/20619 (http://thaipost.net/news/100410/20619)

                                                 emo4:)) emo4:)) emo4:))

           สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ด้านที่สาม หลังจากทำให้มีด้านที่ 1 คือ ความรู้ ว่า โง่ เป็น 1 ในวงจรอุบาทว์ หรือ วงจรแห่งความเสื่อม จน โง่ เจ็บ   มี การรวมตัวกันของผู้ที่ได้รับความรู้ เป็นด้านที่ 2 จนเกิดด้านที่ 3 ด้านการเมือง เพื่อสนับสนุนด้วย

                              ทั้งเชิงบวก และ เชิงลบ ให้เกิดการกระทำตามขึ้น ด้วยการ ออก

           พ.ร.บ.จัดตั้งสถาบันส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน:สสส.ทางการศึกษา

                                                 emo28:win: emo28:win: emo28:win:


 


หัวข้อ: คาถาแก้ทุกข์และสุข
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 10 เมษายน 2553, 19:51:14

                             คาถาแก้ทุกข์และสุข
    
              ขอขอบคุณเวบพระจันทร์ดอทคอม วันที่ : 7 ก.พ. 53   
 
        http://www.prajan.com/webboard/view.php?id=13015 (http://www.prajan.com/webboard/view.php?id=13015)    
    
                จากหนังสือ “โชคดี” โดย

                       (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0nulh-dd6cf5.jpg)

               พระอาจารย์มิตสุโอะ คาเวสโก

                   แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป

                         (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0nv46-319c33.jpg)

           ในอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรฮีบรู พระนามว่า โซโลมอน พระราชาได้สั่งให้เจ้าเมืองทุกเมืองทำของวิเศษให้อย่างหนึ่งโดยของสิ่งนั้นต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ..........

           ของสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกของพระราชาได้ “หากมีความทุกข์ก็จะหายจากทุกข์ หากมีความสุขอยู่ก็จะคลายความสุขลง ไม่ว่ากำลังร้องไห้หรือหัวเราะอยู่ก็จะสามารถหยุดอารมณ์ทั้งสองอย่างนั้นได้”

           เมื่อครบกำหนด เจ้าเมืองใหญ่เมืองใดๆก็ไม่สามารถหาของตามที่พระราชาต้องการได้ แต่มีเจ้าเมืองเล็กๆอยู่เมืองหนึ่งได้บอกว่ามี

                       (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0nvcm-5a8d33.jpg)

                          แหวนวิเศษ

           มีคุณสมบัติอย่างที่พระราชาต้องการมาถวาย พระราชาจึงรีบให้มาเข้าเฝ้า เมื่อพระราชาได้เห็นแหวนวงนั้นแล้ว ปรากฏว่าเป็นเพียงแหวนทองธรรมดาเรียบๆวงหนึ่งเท่านั้น พระราชาก็สงสัยว่าแหวนนี้จะมีความวิเศษได้อย่างไรกัน เมื่อพระราชานำไปใช้ก็ปรากฏว่าแหวนวงนี้สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของพระองค์ได้จริงๆ ไม่ว่าพระองค์กำลังมีความทุกข์หรือความสุขอยู่ก็ตาม เพียงแหวนวงนี้มีข้อความสั้นๆสลักไว้ว่า

                         “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป”

           ยามใดที่พระราชามีความสุข ความยินดี หรือมีความทุกข์ ความโกรธ ความกังวลไม่สบายใจใดๆก็ตาม เมื่อมองไปที่แหวนนี้ซึ่งเตือนสติพระองค์ว่า

           “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป” ทำให้พระองค์เข้าใจว่า สิ่งที่พระองค์กำลังประสบอยู่ไม่ว่าสุขไม่ว่าทุกข์ มันไม่จีรังยั่งยืน เกิดขึ้นมาแล้วก็จากไป นับแต่นั้นมาพระราชาก็ไม่คิดที่จะนำความทุกข์มาเป็นกังวล มีความสุขก็ไม่ได้ยึดติดกับความสุขนั้น ทำให้พระราชาสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้อย่างถูกต้องและตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อประชาชนของพระองค์จนได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักใคร่ของประชาชน

                            emo4:)) emo4:)) emo4:))

           ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องประสบกับโลกธรรม ๘ คือ ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เป็นธรรมดา หากเราสามารถเตือนสติตนเองได้ว่า “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป” ก็จะช่วยให้เราทำใจเป็นกลาง ทำใจเป็นปกติได้เมื่อความรู้สึกต่างๆเกิดขึ้น เช่น หงุดหงิด โกรธ น้อยใจ เสียใจ ขี้เกียจ วิตกกังวล หรือมีความรู้สึกตื่นเต้น ยินดีพอใจก็ตาม

          ให้เรามีสติ ปรับปรุงลมหายใจยาวๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้เกิดความรู้สึกตัว รักษาใจเป็นกลางๆ ทำใจสงบ และทำใจปล่อยวางว่า

                              “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านไป”

           เมื่อมีทุกข์ ทุกข์นั้นไม่จีรังยั่งยืน ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะนำทุกข์มากังวล เมื่อมีสุข สุขนั้นก็ไม่จีรังยั่งยืนเช่นกัน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
                          
          นำบทความธรรมะ มาให้พวกเราอย่าไป ทุกข์ กับเหตุการณ์รุนแรง ระหว่าง เสื้อแดง นปช.กับ รัฐบาล ให้ถือ อุเบกขา ทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มความสามารถ ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ให้ใช้ คาถาแก้ทุกข์และสุขว่า

                               “แล้วสิ่งนั้นจะผ่านพ้นไป”

                                  emo42 emo42 emo42
    


หัวข้อ: จำเป็นต้องทำเพื่อรักษากฎหมาย ไม่เช่นนั้นต่างชาติจะมองว่าอ่อนแอ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 11 เมษายน 2553, 08:14:21

                           (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0otr4-228ba5.jpg)

           พณฯ ท่่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์พิเศษ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จำเป็นต้องทำเพื่อรักษากฎหมาย ไม่เช่นนั้นต่างชาติจะมองว่าประเทศอ่อนแอ ยันต้องพิสูจน์ผลการเสียชีวิตด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม โดยพร้อมอยู่ทำหน้าที่ต่อเพื่อรักษาบ้านเมืองให้สงบ...

           เมื่อเวลา 23.45 น.วันที่ (10 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์พิเศษผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยกล่าวว่า  

           ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ในเหตุการณ์ เมื่อช่วงค่ำของวันนี้  นับตั้งแต่มีปัญหาเรื่องการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ทางการเมืองที่มีบุคคลเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในประเทศและมีความเห็นแตกต่างอย่างรุนแรง  

           โดยรัฐบาลพยายามบริหารสถานการณ์โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศโดยเฉพาะการรักษาระบบและกฎหมาย ซึ่งเห็นว่าตลอดระยะเวลาการชุมนุม รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธข้อรียกร้องของผู้ชุมนุมเลยแต่ประสงค์เพื่อการพูดคุยโดยใช้เหตุและผลเพื่อหาข้อยุติกันทุกฝ่าย เป็นครั้งแรกที่นายกฯมาเจรจากับแกนนำเป็นระยะเวลาถึง 2 วัน

           นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า  ในที่สุดการเจรจาก็ไม่บรรลุผล รวมทั้งการชุมนุมก็นำไปสู่การละเมิดกฎหมาย เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองหรือรองรับได้  ปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดคือในด้านหนึ่งผู้ชุมนุมพยายามยกระดับการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ อีกด้านสังคมอยากให้รัฐบาลพยายามบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุม แม้ว่าตลอดระยะเวลารัฐบาลใช้วิธีอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด ถูกตำหนิว่าอ่อนแอไม่บังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะกับกลุ่มที่ได้รับความเดือนร้อนที่ต้องการให้การชุมนุมยุติลง เพราะหลายฝ่ายต้องการให้การชุมนุมยุติลง เนื่องจากมีผู้พยายามพร้อมใช้ความรุนแรง และก่อให้เกิดวินาศกรรมหลายครั้ง

           “สถานการณ์ใน 2- 3 วันที่ผ่าน ทำให้รัฐบาลไม่มีทางเลือก จึงต้องแสดงแดงออกด้วยการบังคับใช้กฎหมาย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของผู้ชุมนุมกระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นว่า ของประชาชนทั่วไปว่ากฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบกับสถาบันที่สำคัญในการปกป้องอธิปไตยและสถาบันหลักของชาติ ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการใดเลยจะสะท้อนความอ่อนแอ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

           นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุผลนี้ จึงต้องแสดงออกการบังคับใช้กฎหมาย โดยเลือกขอพื้นที่บางส่วนเพื่อคืนกับประชาชนทั่วไป รัฐจึงต้องแสดงออกด้วยการบังคับใช้ กฎหมาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ที่ชัดเจน คือ โดยเฉพาะการกำหนดแนวทางที่ใช้จะกระสุนจริง คือ มีสองกรณีคือยิงขึ้นฟ้าและเจ้าหน้าที่ปกป้องตัวเองจากอันตรายอย่างจวนตัว โดยตลอดเวลาช่วงบ่ายจนค่ำ

           จากข่าวสารพบว่า การชุมนุมและการพยายามขอคืนพื้นที่ประสบปัญหาอุปสรรคต่างๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าพบภาพของอาวุธ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการใช้อาวุธ เอ็ม 79 ซึ่งทำให้ทหารเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง  ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะต้องการทำการพิสูจน์ว่าเสียชีวิตที่ไหน อย่างไร เมื่อไร สาเหตุใด การสูญเสีย ทั้งนี้ขอร้องว่าขณะนี้ไม่ควรหยิบยกประเด็นโดยกล่าวหาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของฝ่ายใด

           นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กรณีความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องดำเนินการพิสูจน์เพื่อให้ความจริงเกิดขึ้นในสังคม ตนและรัฐบาลยังมีหน้าที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ต่อไปและพยายามทำทุกทาง ที่จะให้บ้านเมืองสงบและอยู่ในความถูกต้อง ขอให้คำมั่นว่าการดำเนินการของรัฐบาลจะตรงไปตรงมา โปร่งใส เป็นธรรม คิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ประชาชนสูงสุด ประชาชนเป็นหลัก  จะไม่ยึดผลประโยชน์ของตัวเองแม้แต่น้อยนิด

           ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ ที่ 11 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

                            http://www.thairath.co.th/content/pol/76137 (http://www.thairath.co.th/content/pol/76137)

                                            emo30:sorry: emo30:sorry: emo30:sorry:
  


หัวข้อ: ควรยุติธรรม กดดันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช้ความรุนแรง
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 11 เมษายน 2553, 11:01:35

                 บุญยอดหวั่นไพร่แดงลำพองวอนปชช.อย่ากดดันแต่รัฐบาล

                 ขอขอบคุณ ASTVผู้จัดการออนไลน์   11 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

                 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000050440 (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000050440)

                             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0p1q5-98c107.jpg)

                “บุญยอด” รู้ประชาชนผิดหวัง ยืนยันรัฐทำงานตามหลักสากล ให้เด็ดขาดเพื่อสะใจคงไม่ได้ วอนสังคมอย่ากดดันรัฐบาลฝ่ายเดียวเพราะทำให้แกนนำแดงลำพองใจ
      
                 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังถูกประชาชนจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เด็ดขาดต่อการจัดการกับกลุ่มเสื้อแดง แต่ตนมองว่า ประชาชนกำลังหลงประเด็น และควรจะหันไปกดดันแกนนำนปช. มากกว่า เพราะเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมากมาย โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณถนนราชประสงค์และสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการประท้วงเช่นนี้
      
                “ยอมรับว่าประชาชนคาดหวังกับการทำงานของรัฐบาลมาก แต่การตัดสินใจทำอะไรก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความถุกต้องตามหลักสากล จะให้เด็ดขาดสะใจมันก็ไม่ได้ แต่ในเมื่อเราเห็นชัดเจนว่ากลุ่มเสื้อแดงมีการทำผิดอย่างนี้แล้วทำไมสังคมไม่ช่วยกันออกมากดดันเรียกร้องให้พวกเขาหยุดกันบ้าง ควรแสดงพลังให้คนพวกนั้นเห็นว่าสังคมเริ่มไม่พอใจมากขึ้นทุกที และต้องการให้บ้านเมืองมีความสงบกลับคืนมาโดยเร็ว ไม่ควรจะนิ่งเฉย หรือ มากดดันกับรัฐบาลฝ่ายเดียว ยิ่งทำให้กลุ่มเสื้อแดงยิ่งได้ใจและลำพองจนมากขึ้น”

                                            emo4:)) emo4:)) emo4:))

             พวกเราคิดว่าอย่างไร ควรยุติธรรม กดดันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่กดดันเฉพาะ รัฐบาล ควรกดดันฝ่ายแกนนำเสื้อแดง ให้เข้าสู่โต๊ะเจรจาตามที่ รัฐบาลต้องการ ให้บ้านเมืองสงบด้วยสันติวิธี แทน

                                             emo26:D emo26:D emo26:D



หัวข้อ: แทรกเรื่องปัญหาท้าทายให้ตอบนี้ ไว้ให้ผ่อนคลาย
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 11 เมษายน 2553, 16:23:39

              ปัญหาท้าทาย ช่วยชาวนาใช้ยักษ์ทำงาน แทรกเรื่องนี้ไว้ให้ผ่อนคลาย emo20:)):)

           มีชาวไร่คนหนึ่งไปไถไร่เป็นประจำ วันหนึ่งไปไถโดนโถวิเศษที่ฝังอยู่ในดินแตกไป
ปรากฎว่ามียักษ์ตัวโตโผล่มา จากนั้นบอกว่า

           จะยอมเป็นทาส ให้ชาวไร่ใช้งานทุกอย่างได้ตลอดเวลา แต่มีข้อแม้ว่าหากไม่ใช้เขา
ปล่อยให้เขาว่าง เขาจะทำร้ายชาวไร่ทันที

           ชาวไร่จึงบอกให้ยักษ์ไปสร้างบ้าน 3 หลัง ขุดบ่อ 3 บ่อ ยักษ์สร้างเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
หมดงานแล้วยักษ์ก็จะทำร้ายชาวไร่

                                (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0pgng-d69f93.jpg)

           ชาวบ้านก็พยายามหางานให้เรื่อยๆ แต่ยักษ์ก็ทำเสร็จหมดทุกอย่าง

           สุดท้ายชาวบ้านบอกให้ยักษ์สร้างม้าที่มีฝีเท้าดีกว่ายักษ์ให้ 1 ตัว แล้วชาวไร่ก็รีบขี่ม้าไปหา
ฤาษีที่เป็นพระอาจารย์ เพื่อให้ช่วยแนะนำว่า ควรจะหางานอะไรให้ยักษ์ทำจะได้ไม่ว่าง โดยมียักษ์
ตามมาติดๆ แต่ไล่ไม่ทันเพราะม้าฝีเท้าเร็วกว่า

          ฤาษีมีปัญญาดี จึงบอกชาวไร่ให้ใช้ยักษ์..........

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

          นำมาให้พวกเราคิดว่าถ้าเป็นฤาษีปัญญาดีจะบอกชาวไร่ให้ใช้ยักษ์ทำอะไรที่ไม่มีทางเสร็จ

                            ???????????????????????????????????????????????????????????????????????????

                                                ดูเฉลยที่ข้างล่่าง
           อย่าิเพิ่งดูคำเฉลย ลองคิดดู emo47 ให้ทำอะไร ที่ไม่มีทางเสร็จ จะได้ไม่ถูกยักษ์ทำร้าย















































                                (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0pglw-19ea1d.jpg)

           ให้ใช้ยักษ์ให้สร้างเสาสูงๆ ขึ้นหนึ่งต้น และให้ยักษ์ปีนขึ้นไปบนเสาและปีนลงมา
แล้วปีนขึ้นไป ปีนขึ้นปีนลงอย่าได้หยุด ยักษ์ก็เลยมีงานทำตลอด

           ไม่มารบกวนหรืออยากทำร้ายชาวไร่อีกต่อไป

             นำมาจาก Another Side Lifestyle Blog

 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anotherside&month=04-2010&date=05&group=1&gblog=308 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anotherside&month=04-2010&date=05&group=1&gblog=308)

                               emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)




หัวข้อ: รัฐบาลไทยต้องตัดสินใจระหว่าง นิติธรรมกับการเมืองบนท้องถนน
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 12 เมษายน 2553, 08:10:41

                               (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0qnxx-f49ebd.jpg)

          นายฮานส์ แวน บาเลน ประธานลิเบอรัลอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งมี 107 พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยเข้าร่วมเป็นสมาชิกทั่วโลก ได้แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า

           รัฐบาลไทยจะต้องตัดสินใจระหว่างหลักนิติธรรมกับการเมืองบนท้องถนน  ซึ่งเป็นการตัดสินใจระหว่างระบอบประชาธิปไตยในรัฐสภากับการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นประชาธิปไตยบนท้องถนน ซึ่งวันนี้แม้ตนจะไม่ได้พบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯแต่ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งทางเราก็เป็นห่วงและติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด และอยากให้เมืองไทยสงบไม่แตกแยก ไม่แยกสีเสื้อ และ

           สนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้การที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงมาบุกล้อมรัฐสภานั้น สิทธิในการแสดงออกถือเป็นสิทธิของประชาชน แต่ต้องไม่ละเมิด คุกคาม รุนแรงกับผู้อื่น ตนมีความกังวลกับการชุมนุมที่เกิดขึ้นที่ไกลเกินกว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนด

                               (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0qokn-32d744.jpg)        

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่มี การแถลงข่าวดังกล่าวเป็นช่วงที่กลุ่มเสื้อแดงกำลังบุกเข้ามายังภายในรัฐสภา ทำให้การแถลงข่าวต้องหยุดลงกลางคัน และต่างรีบแยกย้ายกันออกจากห้องแถลงข่าวทันที

          ขอขอบคุณ น.ส.พ.เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 12 เม.ย.2553

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=627&contentID=58740 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=627&contentID=58740)

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

           นำข่่าว องค์กรระดับโลก ลิเบอรัลอินเตอร์เนชั่นแนล มีประเทศสมาชิก 107 พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยเข้าร่วมเป็นสมาชิกทั่วโลก เสนอให้

           รัฐบาลไทยจะต้องตัดสินใจระหว่างหลักนิติธรรมกับการเมืองบนท้องถนน  ซึ่งเป็นการตัดสินใจระหว่างระบอบประชาธิปไตยในรัฐสภา กับ การเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นประชาธิปไตยบนท้องถนน

                                           emo4:)) emo4:)) emo4:))



หัวข้อ: มาร์คชี้"ก่อการร้าย"ป่วน 10 เม.ย. หวังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 12 เมษายน 2553, 15:48:38

                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0r9ku-724851.jpg)

             มาร์คชี้"ก่อการร้าย"ป่วน 10 เม.ย. หวังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ขอขอบคุณ น.ส.พ.ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJM01UQTFOemN6TlE9PQ== (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJM01UQTFOemN6TlE9PQ==)

           เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า  ขณะนี้เริ่มเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบุคคลจำนวนหนึ่งซึ่งถือเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งอาศัยผู้ชุมนุมบริสุทธิ์มาเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือก่อความไม่สงบในบ้านเมืองหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปัญหานี้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ จนถึงศอฉ.กำหนดที่จะต้องดำเนินการต่อไป โดยมุ่งหมายเพื่อแยกแยะกลุ่มก่อการร้ายออกจากผู้บริสุทธิ์

           จึงขอเรียกร้องประชาชนว่าอย่าได้เข้าร่วมกระบวนการนี้ เมื่อแยกแยะชัดเจนก็จะกำหนดมาตรการต่อไปเพื่อแก้ไขสถานการณ์ไม่สงบ ส่วนปัญหาข้อเรียกร้องเรื่องความไม่ยุติธรรม ปัญหาประชาธิปไตยต้องแก้โดยฝ่ายการเมือง ทั้งนี้ตนและพรรคร่วมได้หารืออย่างต่อเนื่องนำข้อเสนอที่ใช้ในการเจรจากับแกนนำนปช.มาเร่งรัดปรับให้เป็นทางออกแก้ปัญหาการเมืองต่อไป การดำเนินการ 2 ส่วนนี้คือจำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนกับกลุ่มบริสุทธิ์และกลุ่มผู้ก่อการร้าย และการแก้ปัญหาการเมืองต้องทำอย่างคู่ขนาน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานต่างๆ พรรคร่วมดำเนินอย่างเป็นเอกภาพเพื่อมุ่งไปสู่การแก้ปัญหาไม่สงบทั้งหมด  

           เหตุการณ์ปัญหาในวันที่ 10 เม.ย. จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องมีผู้แสดงความรับผิดชอบ ซึ่งรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์เหมือนช่วงหลัง เม.ย. ปีที่แล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือกับองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงและคณะกรรมการที่เป็นอิสระอย่างเช่นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ยืนยันว่าการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต้องทำอย่างต่อเนื่องทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ รวมถึงปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าสะสางอย่างเร็วที่สุด  

           OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

นำเหตุการณ์ประวัติศาสตร์มาบันทึกไว้และร่วมเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯพาชาติผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้

                                                     emo26:D emo26:D emo26:D  


                                                      


หัวข้อ: แทรกเรื่อง ภัยที่ต้องระวัง แบงค์ 1,000 ปลอม มุกใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 เมษายน 2553, 08:25:16

                                       มุกใหม่แบงค์ 1,000 ปลอม

                      (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0sjhf-608e0c.jpg)

              วันก่อนไปกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านเล็ก ๆ ริมถนนใน จ.ปราจีนบุรี   ไปกินกัน  5  คน    กินเสร็จก็สั่งเก็บเงิน ยอมรวม  280  บาท        เพื่อนผมจ่ายแบ็งค์  1,000  บาทให้ไป      แม่ค้าก็รับไปแล้วเดินไปจะทอนเงิน 

              สักพักเดินกลับมาโวยวายว่า แบ็งค์  1,000  บาท ที่จ่ายให้ไปนั้น เป็น " แบงค์ปลอม "      แม่ค้าตะโกนว่าโต๊ะผมเสียงดังมาก  แล้ววางแบงค์ปลอม  1,000  บาท ลงบนโต๊ะ  ตอนนั้นคนในร้านมีอยู่  3 - 4 โต๊ะ ก็เริ่มมอง ๆ มาที่โต๊ะผม

              เพื่อนผมเพิ่งจะกดเงินมาจากตู้เอทีเอ็ม  เป็นแบงค์ใหม่หมด   เลขในแบงค์ก็เรียงกัน    แต่ใบที่แม่ค้าเอามาวางคืนให้เป็นแบงค์เก่า    ก็เลยเถียงกันไปเถียงกันมา   แม่ค้าก็ยังไม่ยอม   เพื่อนผมมันจึงแกล้งบอกว่า จำเลขในแบงค์ได้  แม่ค้าก็ไม่ยอม

              พอดีมีสายตรวจมาซื้อของที่ร้านข้าง ๆ ก็เลยเดินไปเรียกตำรวจมา  บอกให้ช่วยค้นตัวแม่ค้า ดูว่า มีแบงค์ 1,000 บาท ใบอื่นหรือไม่    แม่ค้าไม่ยอมให้ค้นตัว    แต่เดินไปหยิบทอนมาให้  800  บาท ( ทอนเกิน ) แล้วบอกตำรวจว่า ไม่มีอะไร  ( ตำรวจไม่ยอมโวยวาย )         

              เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนะครับ  อยากจะเตือนทุกคนให้ระมัดระวังมุกใหม่นี้ด้วย   จ่ายแบงค์  1,000  บาท จริง    แต่ถูกหาว่าเป็นแบงค์ปลอม      ทางที่ดีก่อนจ่ายแบงค์ 1,000 บาท     ควรจำหมายเลขในแบงค์ไว้บ้างนะครับ เพื่อความปลอดภัย

                                        ช่วยส่งต่อๆกันให้มาก ๆ นะครับ

ได้มาจากอีเมลล์นำมาบอกพวกเรา ให้ระวังด้วย จำเลขหมายแบงค์ 1,000 ที่จ่ายไปด้วยเพื่อกันเผื่อมีปัญหา
 
                                           emo28:win: emo28:win: emo28:win:


 


หัวข้อ: "Happy Songkran Day 2010"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 เมษายน 2553, 09:10:18

                                                    "Happy Songkran Day 2010"

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slgh-61a3c4.jpg)

             สิบสาม เมษามหาสงกรานต์ เราชาวไทย เบิกบาน ทั่วทุกหน
ทำบุญใส่ บาตรเช้า เอามงคล สรงน้ำพระ สุขล้น แสนยินดี

             พอสายรด น้ำดำหัว ท่านผู้ใหญ่ พ่อแม่ครู อวยไชย ให้สุขศรี
มอบมะลิ บูชา บุพการี แล้วชวนเพื่อน น้องพี่ เล่นน้ำกัน

             อากาศร้อน ผ่อนคลาย ได้เย็นฉ่ำ แสนสดชื่น เช้าค่ำ ต่างสุขสันต์
หยอกกระเช้า เศร้าหาย มลยพลัน ครอบครัวพร้อม สรวลสรร อ ิ่มเอมใจ

             เป็นโอกาส  แสนดี ปีละหล ลูกหลานครบ ทุกคน ร่วมปีใหม่
สืบสาน ประเพณี แบบบบไทยไว้ ยิ้มระรื่น สดใส ในสงกรานต์

              ปีใหม่ไทย หวังให้ ประสบโชค คลายความทุกข์ เศร้าโศก สุขหฤหรรษ์
ขอมวลมิตร ทุกท่าน จงสำราญ ทุกทิวา ราตรีกาล ตราบนานเนา!

              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slix-5b65f7.gif)

              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slke-b04a75.gif)

              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slm0-50cdd9.gif)

              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slq4-3b152f.gif)

              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slrt-dff010.gif)

     (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0slth-c67d9a.gif)

                                            emo43 emo43 emo43





หัวข้อ: "มหาประชาชนเท่านั้น ที่ "ชาติต้องการ"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 เมษายน 2553, 10:25:50

                                "มหาประชาชนเท่านั้นที่"ชาติต้องการ"

         ท่านผู้อ่านที่มีความเจ็บปวดต่อสถานการณ์ "ไทยทรยศแผ่นดินไทย" กันเองทั้งหลาย เวลานี้ ไม่จำเป็นต้องถามกันแล้วว่า "อะไรเกิดขึ้นต่อชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักของเรา" และก็ไม่ต้องถามด้วยว่า

         " เราควรจะทำกันอย่างไร" ณ ขณะนี้ ท่านยังจำประโยคอมตะประโยคหนึ่งได้ใช่ไหมที่ว่า " พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ" ผมค้นพบแล้วว่า ผู้ที่ประเทศชาติต้องการแท้จริง และตลอดกาล ไม่ใช่ใคร ที่ไหน คือ

                                ประชาชนมือเปล่า เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายนี่เอง

         จงกุมสติกันให้มั่น อย่าถาม-อย่าโทษใครทั้งนั้น ทั้งหลายทั้งปวงมันพิสูจน์ด้วยตัวมันเองชัดแจ้งแล้วว่า กลียุคบ้านเมืองขณะนี้ ไม่ใช่จากน้ำมือของพี่น้องประชาชนเสื้อแดง แต่มันมาจากบุคคลคนหนึ่งที่ทรยศต่อชาติบ้านเมือง ต่อพี่น้องประชาชนทุกคน วางแผน-สั่งการ-ซ่องสุมและจัดตั้ง

                      (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/Politic/daeecbkiibj7kbejgig75.jpg)

                        "กองกำลังทรยศชาติ" มันคนนั้นคือ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"

         อ้างมาทวงประชาธิปไตย หลอกใช้พี่น้องประชาชนตามจังหวัดต่างๆ สวมเสื้อแดงมารวมตัวกันชุมนุมเรียกร้อง แล้วใช้กองกำลังทรยศชาติที่ผ่านการฝึกและเพาะเลี้ยงมาแล้วอย่างดี แทรกซึมปะปนเข้ามา ทำทีเป็นว่าร่วมชุมนุมกับพี่น้องเสื้อแดง สงบ-สันติ ด้วยซื่อบริสุทธิ์

         แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ มันแฝงเข้ามาพร้อมแผนก่อการจลาจล-ยึดประเทศ และรออาณัติสัญญานจากตัวการใหญ่ที่จะสั่งผ่านวิดีโอลิงค์ โดยอาศัยคราบพี่น้องประชาชนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันอย่างบริสุทธิ์ใจบังหน้า ลุกขึ้นก่อการจลาจล เผาบ้านเผาเมืองหวังยึดครองประเทศแล้วสถาปนาอำนาจเถื่อนเป็นประชาธิปไตยระบอบเจ้ามูลเมือง แล้วอัญเชิญกบฏแผ่นดิน

         "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ให้กลับเข้ามา สถาปนาอำนาจใหม่ตาม "ต้นแบบ" ที่มันแอบฝังใจ

         นั่นคือ "การปฏิวัติประชาชน ๑๔ กรกฎา" ล้มสถาบันกษัตริย์ แล้วสถาปนาอำนาจใหม่ ดังที่รู้จักกันทั่วไปว่า "ปฏิวัติฝรั่งเศส"

         ทักษิณจงใจใช้วันที่ ๑๔ กรกฎาตั้งพรรคไทยรักไทย หลายคนเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง เมื่อมีนักวิชาการที่ร่วมงานตั้งพรรคครั้งนั้นออกมาแฉเบื้องหลัง แต่ถึง ณ วันนี้ จาก ๘-๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ปอกเปลือก-เปลือยตัวเองให้เห็นเนื้อใน "ไอ้บกฏแผ่นดิน" ล่อนจ้อน ทรยศชาติ ประชาชน ออกมาบัญชาการปล้นบ้าน-ชิงเมือง อันเห็นประจักษ์ตา และเป็นที่สิ้นความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ กันไปแล้ว

         ท่านผู้อ่านและประชาชนผู้รักชาติ รักบ้านรักเมืองทั้งหลาย ผมเยิ่นเย้อเพราะต้องการย้ำให้ท่านเข้าใจว่า

         กลียุคบ้านเมืองครั้งนี้ อย่ามองฉาบฉวยเฉพาะหน้า จงใช้สติมองด้วยแยกแยะ อย่าเหมาโทษพี่น้องเสื้อแดงทั้งหมด เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าเมื่อพี่น้องเสื้อแดงที่หลงเข้าใจผิดตามคำปลุกปั่น-ยุยงทักษิณแต่แรก เห็นธาตุแท้ทักษิณ และทราบความจริงแล้วว่า ถูกทักษิณหลอกมาเป็น

         "ประชาชนทักษิณ" ประกอบฉากเผาบ้าน-ชิงเมือง-ล้มสถาบันเบื้องสูง ไม่มีอะไรที่เรียกว่า
                                            "ประชาธิปไตย" ตามที่กล่าวอ้างเลย

         จากหลายหมื่น-ถึงเรือนแสนของพี่น้องเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมแต่แรก เมื่อเห็น "หางแดง" ทักษิณโผล่ ได้พากันทยอย ถอยตัวออกห่างจากวงชุมนุมไปเรื่อยๆ ถอดเสื้อแดงทิ้งแล้วกลับบ้าน ไม่ยอมถูกหลอกใช้เป็นสะพานไปล้มสถาบัน-ปล้นบ้านชิงเมืองอีก จากเรือนหมื่น-เรือนแสนที่ว่านั้น เหลือเรือนพันหรือแค่หมื่นต้นๆ และนั่นคือ

         " กองกำลังทรยศชาติ" ส่วนหนึ่งที่แฝงเข้ามาด้วยจงใจเจตนาลงมือก่อ! จลาจล โค่นล้มสถาบันบ้านเมือง ดังจะเห็นได้จากรูปแบบ

         การยึดสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ รูปแบบการก่อการทั้งหมด กระทั่งอาวุธสงครามที่นำมาใช้ไม่ใช่ความคิดความอ่าน และยิ่งไม่ใช่ระดับปฏิบัติการของชาวบ้านสวมเสื้อแดงธรรมดาซึ่งไม่มีขีดสามารถและประสบการณ์ระดับนั้น หากแต่ว่า เป็นปฏิบัติการของผู้ผ่านการฝึกด้านศึกสงครามทั้งด้านยุทธการ และด้านยุทธิวิธีอย่างที่

                                        "นักรบป่า" ฝึกอบรมกันมาชนิดช่ำชอง

        จึงเป็นที่สรุปได้ว่า จลาจลยึดประเทศครั้งนี้ เกิดจากแกน "กองกำลังทักษิณ" กบฏแผ่นดินฝ่ายเดียว ประชาชนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ ไม่ร่วมมือ ไม่เป็นใจ ไม่เอาด้วย กับการ

                        กบฏแผ่นดินของทักษิณ เพื่อทักษิณ และโดยทักษิณ โดยแจ้งชัด

         ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมบอกแต่ต้นแล้วว่า ประชาชนเต็มขั้นอย่างเราๆ

                         ท่านๆ เท่านั้นที่ "ชาติต้องการ-ตลอดกาล"

         อย่าปัดว่าธุระไม่ใช่เอาแต่โยนใส่บ่าตำรวจ-ทหาร-ข้าราชการงานเมืองฝ่ายเดียว อย่าโทษใคร อย่าเกี่ยงใคร ในภาวะที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน จงร่วมมือกับรัฐบาล กับกองกำลังตำรวจ-ทหารที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อันมีพลเอกทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญช! าการทหารสูงสุด
เป็นผู้กำกับดูแล

         และจงให้กำลังใจ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี ผู้ทำหน้าที่ผู้นำด้วยกำลังใจที่พิสูจน์แล้วว่า แกร่งกล้า อดทนและยืนหยัดอยู่ได้ในขณะที่ใครต่อใครอีกหลายคนต่างอยู่ในลักษณะ "ถอดใจให้โจร"

         แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงจะผิด-จะถูกขนาดไหน ในภาวะชาติเผชิญภัย ยังสามารถยืนหยัดเป็นหลักใจ ไม่หันหลังหนีภัยทิ้งให้ประเทศชาติ-ประชาชนต้องเผชิญชะตากรรมเดียวดาย เหมือนขอนไม้ในคลื่นสึนามิ สู้เพื่อชาติ พลาดอย่างอาชาไนย ถึงตาย-เกียรติยศก็ยังดำรงไว้ จงภูมิใจเถอะ

         อย่าให้ความเสียใจมาดับไฟนักสู้ในหัวใจท่านเลย ผมขอเป็นกำลังใจ และยืนอยู่เคียงข้างการทำหน้าที่ผู้นำชาติยามวิกฤติของท่าน

        และข้อสำคัญ ท่านจงฟังและปรึกษาหารือคนอื่นๆ นอกจากที่อยู่รอบตัวไม่กี่คนให้มากเข้าไว้ ไม่มีใครรู้และเจนจบได้ในทุกเรื่อง อย่างกรณีนี้เช่นกัน งานบู๊กันเป็นของฝ่ายปฏิบัติการ ก็ควรฟังทหาร-ตำรวจเขาอะไรที่เป็นงานบุ๋น คือนโยบายบริหาร นั่นจึงเป็นงาน "กลั่นกึ๋น" ของท่านสั่งการออกไป

        เหตุการณ์ครั้งนี้ บ้านเมืองยับเยิน-ย่อยยับยิ่งนัก ไม่ต้องพูดกันแล้วเรื่องจีดีพีเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความเชื่อมัน ความสำคัญทั้งหมดสรุปรวมอยู่ตรงหน้านี้ว่า จะควบคุมสถานการณ์ และยุติกบฏเผาบ้าน-ยึดเมืองนี้ ได้แบบไหน อย่างไร และ..วันไหน ?

         ลูกผู้ชาย-วันนี้ ไม่ต้องไปโทษใคร ความชอบถ้ามี จงแจกจ่ายและยกย่องเขา ส่วนความผิด เมื่อเสร็จภารกิจกู้สถานการณ์แผ่นดิน ท่านต้องเตรียมคำตอบอันเป็นการ " ตัดสินใจ" ที่สาสมกับความสูญเสียของประเทศชาติครั้งใหญ่จากการบริหารในฐานะผู้นำของท่าน

         เสียลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข เสียไปเถอะครับ ถ้าการเสียนั้นเป็นการเสียเพื่อดำรง "ศักดิ์ศรีแห่งผู้นำ" บอกตรงๆ เห็นหน้าท่านออกทีวีตอนสองยามคืนก่อนท่ามกลาง ผบ.เหล่าทัพที่ก้มหน้า ซ่อนแววตาสงบนิ่ง

         ในบรรยากาศที่เหมือนแถลงอยู่บนขั้วโลกคนเดียว แต่ท่านนายกฯ ยังสามารถรักษาบุคลิกภาพผู้นำ เพื่อไม่ให้ผู้ตามคือประชาชนอย่างพวกผมพลอยถอดใจ วูบหนึ่ง ผมสงสารท่านสุดขั้วใจจริงๆ

         ท่านผู้อ่าน และประชาชนผู้รักบ้านรักเมือง และรักสถาบันทั้งหลาย ณ เวลานี้ เรากำลังถูกกบฏแผ่นดินคุกคามย่ำยีทุกด้าน อย่าแตกแยก อย่าแตกใจ และอย่านิ่งดูดาย เอาแต่เรียกร้องและร้องหาแต่ความ! ช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร และรัฐบาลอย่างเดียว สิ่งสำคัญเฉพาะหน้า เรา-ประชาชน ต้องผนึกแขนงไม้เป็นกอไผ่ รวมพลังต้านภัย ช่วยกันรักษาบ้าน-รักษาสถาบันไว้ไห้จงได้

         อย่าเอาแต่นั่งพูด นั่งด่า อวดวิชาการแก่กล้า โชว์วิสัยทัศน์ด้วยการ "ด่าทุกมาตรการ" ที่ตำรวจ-ทหารและรัฐบาลนำออกมาใช้ ผมบอกได้คำเดียวว่า ถ้ามัวแต่แคร์กระแสโลก กระแสสื่อกลุ่มทุนอย่าง CNN ปล่อยให้โจรฆ่าประชาชน เผาเมือง ล้มสถาบัน โดยตำรวจ-ทหาร-รัฐบาลเอาแต่ "พับเพียบปราบ"

         เพราะเหตุนี้ผมจึงขอย้ำ "ประชาชนคือคนที่ชาติต้องการ-ตลอดกาล" ถ้าประชาชนไม่รวมตัว-รวมใจ
เห็นที ประเทศไทยจะราบคาบ "กบฏไทยผสมเทศ" จะเข้ามายึดครองต้องตามคำว่า " ถิ่นกาขาว"
พวกเรา..ไม่เอากันอย่างนั้นมิใช่หรือ ?

                                           รักนายกฯและจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป

                                                               เปลว สีเงิน

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

           ได้มาจากอีเมลล์ เห็นว่า ควรนำมาให้พวกเรา ได้อ่านด้วย

           เพื่อร่วมเป็น ประชาชน คือ คนที่ชาติต้องการ-ตลอดกาล
 
                                            emo28:win: emo28:win: emo28:win:



หัวข้อ: "ที่ประชุม กรรมการการเลือกตั้ง:กกต.มีมติ ยุบ พรรคประชาธิปัตย์"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 เมษายน 2553, 11:33:06

                                        ที่ประชุมกกต.มีมติ ยุบ ปชป.
               ขอขอบคุณที่เื้อื้่อเฟื้อข่าว น.ส.พ.เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 12 เมษายน 2553

                         http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=627&contentID=59696 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=627&contentID=59696)

“กกต.”มีมติยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค258ล้านเตรียมแจ้ง อสส.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

                                (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ss9q-f6f2e3.jpg)

           เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ  แถลงผลการประชุม กกต.วาระพิเศษ กรณีคดีเงินบริจาค จำนวน 258 ล้านบาท และ เงินกองทุนสนุบสนุนพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาท ที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาอาจกระทำการเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ทั้งนี้ ที่ประชุม กกต.พิจารณาใน 2 ข้อกล่าวหา โดย

ข้อกล่าวหาแรก กรณีพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านทางบริษัท เมซไซอะ บิสิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เป็นจำนวนเงิน 258 ล้านบาท โดยทำสัญญาสื่อว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆเป็นนิติกรรมอำพลาง  เพื่อหลักเลี่ยงการรายงานการรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 66 (2) (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 94 (3) (4) (5) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดย

           ที่ประชุมมีมติคะแนนเสียงข้างมากให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ตามาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550

ข้อกล่าวหาที่สอง กรณีมีผู้แจ้งข้อกล้าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่ได้รับจากเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองจากสำนักงานกกต.ให้เป็นไปตามบทบัญญัติตามกฎหมายและการจัดทำการใช้จ่ายและการจัดทำการรายงานใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงที่ยื่นต่อ กกต.อันเป็นการเข้าข่ายตามมาตาม มาตรา62 และ65 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 และมาตรา 82 และ 93 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 โดย

           ที่ประชุม กกต. มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้มติเสียงข้างมากแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามมาตรา 95 ของพ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
    
           นายธนิศร์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนจากนี้ทางกกต.ได้มอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดตามความเห็นแจ้งต่ออัยการสูงสุด

           เมื่ออัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วจะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอก็ต้องแจ้งกลับมายังนายทะเบียนเพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกัน แต่หากเห็นว่ายังไม่ได้ข้อยุติ นายทะเบียนพรรคการเมืองก็สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง

           ทั้งนี้การพิจารณาของนายทะเบียนครั้งนี้ใน2ประเด็นก็เห็นว่า คดีดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญจึงส่งให้ที่ประชุมกกต.พิจารณา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็น.

                       OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

                      นำข่าวมาเก็บไว้ให้พวกเรา ได้ศึกษาเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้

                                               emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: "นิทานตลกขำไม่ออก สำหรับนักการเมือง จะเป็น รัฐบุรษ หรือ ทรราชย์"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 เมษายน 2553, 12:11:55

                   เรียนรู้ เข้าใจ เข้าถึง และ ร่วมพัฒนา การเมืองของประเทศเรา

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0stvm-ee41a3.gif)

ขอขอบคุณ น.ส.พ.เดลินิวส์ วัน อังคาร ที่ 13 เมษายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=425&contentId=59667 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=425&contentId=59667)

           จินตนาการใหม่จำได้ว่าเมื่อราว 20 ปีก่อน เหลียวมองประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมีเพียงสิงคโปร์ชาติเดียว ที่ความเจริญยังขี่ไทยเราได้ ซึ่งเราก็พยายามไล่จี้ตามติดอยู่อย่างสูสีมาโดยตลอด..
    
           เผลอไม่นาน มาวันนี้ไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์ที่เรียกตัวเองได้ว่า ประเทศพัฒนาแล้ว อย่างเต็มภาคภูมิ ยังมีมาเลเซียเพื่อนบ้านทางใต้ของเรา ที่ย่องเงียบแซงหน้าห่างไทยออกไปเรื่อย ๆ ..
    
           ส่วนอินโดนีเซียก็ไล่จี้ตามมารดต้นคอไม่ห่าง ขณะที่หลายคนกำลังพูดถึงเวียดนาม ซึ่งทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ทำเลที่ตั้ง และที่สำคัญคือทรัพยากรมนุษย์ ที่ไม่อาจประมาทได้แม้แต่น้อย
    
           ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย ประกาศแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่เรียกว่า  โมเดลใหม่ทางเศรษฐกิจ ตั้งเป้ายกระดับพยัคฆ์เหลืองให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2020 โดยจะทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียเติบโตปีละ 6.5% ในอีก 10 ปีข้างหน้า
    
           ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เวียดนามก็กำลังเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ Mega Project มูลค่าถึงกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าสนามบินนานาชาติประมาณ 10 แห่ง โดยเฉพาะสนามบินแห่งใหม่ที่ลองแถ่ง ซึ่งยิ่งใหญ่เทียบเท่า หรืออาจจะยิ่งกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ
    
           รถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ ฮานอย-โฮจิมินห์  โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดินในนครโฮจิมินห์  โรงไฟฟ้านิวเคลียร์  ท่าเรือน้ำลึก  และโครงการสาธารณูปโภคอื่น ๆ กว่า 10 โครงการ
    
           แม้แต่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อนบ้านริมฝั่งโขงของเรา ก็วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้าเช่นกันว่า ประการแรก จะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศในด้านอุตสาหกรรม ประการที่สอง คือให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7%  และประการที่ 3 ต้องให้ประเทศหลุดพ้นจากสถานะประเทศด้อยพัฒนา หลุดพ้นจากความเป็นประเทศยากจน ในปี 2020 ภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่เรียกว่า  จินตนาการใหม่

           เหลียวมองรอบบ้านแล้ว ก็ย้อนกลับมาดูตัวเองบ้าง ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
อีก 10 ปีข้างหน้าเมืองไทยจะเป็นอย่างไร..?

           มีนิทานตลกขำไม่ออกที่เคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตเรื่องหนึ่ง เล่าว่า..
    
           กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระเจ้าผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในโลกได้ตระเวนไปเยือนดินแดนต่าง ๆ ที่พระองค์สร้างไว้ โดยมีถุงสองใบติดตัวไปด้วย
    
           เมื่อไปถึงสหรัฐ อเมริกา พระองค์ทรงใช้ของในถุงสีขาว สร้างให้อเมริกาเป็นชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ทรงใช้ของในถุงสีดำ ทำให้อเมริกามีศัตรูอยู่ทั่วทุกหัวระแหง และยังเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงแทบทุกปี ไม่ว่าพายุหิมะ ทอร์นาโด เฮอริเคน และแผ่นดินไหว
    
           เมื่อไปถึงญี่ปุ่น พระเจ้าให้ชาวอาทิตย์อุทัยเป็นผู้ที่มีมันสมองฉลาดล้ำเลิศ มีความเพียรมุมานะพยายาม และมีวินัยสูงยิ่ง แต่ก็ทรงทำให้ญี่ปุ่นเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ที่ประชาชนต้องอยู่กันอย่างแออัด และต้องประสบภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวร้ายแรงนับครั้งไม่ถ้วน
    
           ที่ประเทศจีน ทรงสร้างผู้คนที่มีความเชี่ยวชาญทำธุรกิจการค้า ทรงให้แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล แต่ก็มีจำนวนประชากรมากมาย แถมพื้นที่แถบเหนือและตะวันตกยังเป็นทะเลทราย แห้งแล้งกันดาร และหนาวเย็น  รวมทั้งเกิดอุทกภัยและภัยธรรมชาติรุนแรงอื่น ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
    
           ในตะวันออกกลาง ดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลทรายร้อนระอุ ข้างใต้นั้นกลับอุดมด้วยทรัพยากรน้ำมันอันมีค่า
    
           ที่ยุโรป พระเจ้าสร้างผู้คนที่มีรูปร่างหน้าตาสวยหล่อสง่างาม มีมันสมองชาญฉลาด แต่ต้องอาศัยในดินแดนที่หนาวเย็น และเป็นจุดกำเนิดสงครามโลกถึงสองครั้ง
    
           ที่แอฟริกา มีแต่พื้นที่ทุรกันดาร ผู้คนล้าหลังด้อยพัฒนา แต่กลับเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า ทั้งเพชรนิลจินดา และทองคำ
    
           ทุกหนทุกแห่งที่พระเจ้าไปเยือน จะทรงใช้สิ่งของในถุงสองใบสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นเสมอ

           แต่เมื่อครั้งที่มายังดินแดนขวานทอง พระเจ้าทรงใช้แต่ของในถุงสีขาวสร้างให้เป็นพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวงดงาม ไม่เคยปรากฏภัยพิบัติรุนแรง
    
           พระเจ้าทรงลืมใส่ของจากถุงสีดำไว้ ณ ดินแดนแห่งนี้ ปล่อยให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจงาม มาช้านาน....
    
           จนวันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าทรงนึกขึ้นได้ว่าคงจะไม่เป็นธรรมกับดินแดนอื่น จึงกลับมายังแผ่นดินสุวรรณภูมินี้อีกครั้ง พร้อมกับนำถุงสีดำใบเล็ก ๆ มาทิ้งไว้  สิ่งของในถุงนั้นมีอยู่เพียงอย่างเดียว คือ มนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่ง ที่เรียกว่า....
           นักการเมือง.

                                         คุณนายทอม (khunnaitom@gmail.com)

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

           นำมาให้พวกเราต้อง เรียนรู้ เข้าใจ เข้าถึง และ ร่วมพัฒนา การเมืองของประเทศเรา ให้ได้นักการเมืองที่มีจริยธรรม ทำเพื่อประโยชน์ประเทศ เป็นที่หนึ่ง ส่วนตัวเป็นที่สอง เพื่อให้ประเทศเจริญ แล้ว ลาภยศจะตกมาสู่ นักการเมืองนั้น ได้เป็น
           รัฐบุรุษ emo28:win: แทน เป็น ทรราชย์  emo5:( จารึกไว้ในแผ่นดิน

                                        emo28:win: emo28:win: emo28:win:
                


หัวข้อ: "ตัวชี้ความสำเร็จของการศึกษา 4 ตัวชี้วัด ??"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 14 เมษายน 2553, 10:13:48

           สกศ.ตั้งธงตัวชี้ความสำเร็จการศึกษา ชงซุปเปอร์ 4 เรื่องสำคัญ ให้ครม.ทราบ

                                     (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ujh2-624267.jpg)

           รศ.ดร.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา ( สกศ.) เปิดเผยถึงตัวชี้ความสำเร็จของการศึกษา ซึ่งได้มีการเลื่อนประชุม มาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

           ตัวชี้วัดความสำเร็จ หรือ เป้าหมายหลักของการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 ที่ สกศ.จะเสนอสู่การพิจารณานั้นจะเป็นซุปเปอร์ตัวชี้วัดที่จะมีผลนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่อการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาสถานศึกษาครั้งใหญ่ ในการปฏิรูปการศึกษา ทศวรรษที่ 2 โดยจะเสนอเพียง 4 ประเด็น คือ

ตัวชี้วัดที่ 1. ภายหลังจากปฏิรูปการศึกษารอบ 2 แล้ว อันดับของไทยเรื่องการศึกษาในเวทีโลกต้องดีขึ้น เช่น

           ในการจัดอับดับการศึกษาทั่วโลกของ IMD (International Institute For Management Develop )

           ปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 40 กว่า จากประเทศที่ร่วมจัดอันดับทั้งหมดประมาณ 50 ประเทศ  emo2:) แต่เมื่อมีการปฏิรูปรอบ 2 แล้ว จะต้องขยับมาอยู่ในอันดับที่สูงขึ้น emo28:win: ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายฯ จะต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่า จะให้ขยับมาอยู่ในอันดับที่เท่าใด

ตัวชี้วัดที่ 2 คือ ต้องทำให้เด็กไทยใฝ่รู้ใฝ่เรียนมากขึ้น เช่น ผลักดันสนับสนุนให้เด็กสนใจอยากรู้ อยากเรียนทั้งในโรงเรียนและแหล่งเรียนรู้

ตัวชี้วัดที่ 3 ต้องทำให้เด็กไทยใฝ่ดี คือ สร้างให้เด็กเป็นคนที่มีจิตอาสา มีคุณธรรม จริยธรรม และ

ตัวชี้วัดที่ 4 ต้องทำให้เด็กไทยคิดเป็น วิเคราะห์

           อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดที่ 2 ถึง 4 นั้น จะต้องสร้างระบบวัดขึ้นมา เพื่อสะท้อนออกมาปัจจุบัน เราอยู่ที่ตรงไหน และเป้าหมายข้างหน้าจะเดินไปตรงไหน

           สกศ.จะไม่เสนอให้มีตัวชี้วัดหลายตัว เพราะจะทำให้สับสนอีกทั้งเป้าหมายบางเรื่อง ควรตั้งเป็นตัวชี้วัดระดับหน่วยงานมากกว่าตัวชี้วัดในภาพรวม ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการนโยบายฯต้องกำหนดตัวชี้วัด 4ตัวนี้ให้ชัดเจน คาดว่า หลังประชุมเสร็จแล้ว จะมีความชัดเจนมากขึ้น

             ขอขอบคุณ น.ส.พ.แนวหน้า วันพุธ ที่ 14/4/2010

           http://www.naewna.com/news.asp?ID=207258 (http://www.naewna.com/news.asp?ID=207258)

                                  emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: ร่วมมือกันทำตามกฏหมายดื่มไม่ขับและง่วงไม่ขับเป็นกฏให้ไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 15 เมษายน 2553, 16:46:52

                           (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0ww3o-200d56.jpg)

          ร่วมมือกันทำตามกฏหมาย ดื่มไม่ขับ และ ง่วงไม่ขับ
                  เป็นกฏให้ไม่เดือดร้อนตนเอง และ ผู้อื่น
        
          นายอุทัยรัตน์ ชัยประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม กล่าวย้ำเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน หากตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ จะดำเนินคดีปรับขั้นสูงสุด

          ผู้กระทำความผิดมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตลอดจนถูกสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ รวมถึงคุมประพฤติโดยให้ทำงานบริการทางสังคม ตลอดจนเข้ารับอบรมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายใต้การดูแลของพนักงานคุมประพฤติ

           ส่วนกรณีเมาแล้วขับและทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต มีโทษจำคุก 3 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท รวมทั้งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

           สำหรับผู้ที่ขับหรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และ กรณีผู้ขับขี่ที่ยอมให้ผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัย จะถูกปรับเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนด

           ขอให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อเป็นของขวัญแก่คนในครอบครัว
    
           ข้อมูลข่าวและที่มา ผู้สื่อข่าว : ขนิษฐา ลือสัตย์    Rewriter : พรภัสสร ปิ่นสกุล
                   สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ วันที่ข่าว : 15 เมษายน 2553
                           http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255304150064&tb=N255304&showpic=1&position=14490&pn=Hotnews-255304150064.jpg (http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255304150064&tb=N255304&showpic=1&position=14490&pn=Hotnews-255304150064.jpg)

                                         emo4:)) emo4:)) emo4:))

      ร่วมมือกันทำตามกฏหมายและแนะนำเพื่อนๆ เพื่อลดการสูญเสีย ทั้งทรัพย์สิน และ ชีวิตได้

                                         emo30:sorry: emo30:sorry: emo30:sorry:

           เมื่อมีผู้บาดเจ็บจากถูกยิง หรือ แทงมา เป็นหน้าที่ ที่ ร.พ.ต้องแจ้งตำรวจ เข้ามาสอบสวน แต่เมื่อคนเมาแล้วอุบัติเหตุ เข้ามารักษา ตำรวจไม่เคยมา ตามผลเลือดว่า เมาหรือเปล่าเลย ร.พ.จึงไม่กล้าตรวจเลือดหาแอลกอฮอล์ให้กลัวโดนฟ้องละเมิดสิทธิผู้ป่วย  

หมายเหตุ พวกเราที่ได้รับความรู้ เห็นดีด้วย สามารถติดต่อ พณฯ ท่าน ร.ม.ต.ว่าการกระทรวงยุติธรรมได้

                                                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0wypu-47d4e4.png)                                      

                         รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พณฯ ท่าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

           ช่วยเสนอ เป็นกฏกระทรวงฯ ประกาศทางสื่้อสารมวลชน ให้ประชาชนทราบว่า เป็นหน้าที่ ที่ ร.พ.ที่รับการรักษา มีหน้าที่ ที่จะต้องเจาะเลือดส่งตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด เพื่อประโยชน์ในการรักษา ว่าอาการทางสมอง ที่ตรวจพบจากเลือดออกในสมอง หรือ จากการได้รับแอลกอฮอล์มากเกินไป และ ยังได้ประโยชน์ในทางบังคับใช้เรื่อง เมาแล้วขับด้วย

            ร.พ.สามารถเจาะเลือด ส่ง นิติเวช ใน ร.พ.ที่ีมีหน่วยงานนี้ เมื่อผลออกมา เป็นประโยชน์ต่อแพทย์ในการให้การรักษา และ ถ้าเกิน 50 มิลลิกรัม % ผิดกฏหมาย หลังรักษาหายดีแล้ว ต้องแจ้งให้ตำรวจมาดำเนินคดี เมาแล้วขับด้วย จะทำให้ประชาชนไม่กล้าดื่มแล้วขับได้

            ถือเป็นด้านที่  3 ของสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา เพื่อ ให้เกิดการกระทำตามกฏหมาย ได้ทั้งเชิงบวก เพื่อสังเกตุอาการ และ เชิงลบ ให้ผู้กระทำผิด ต้องถูกลงโทษด้วย ดีไหมพวกเรา จะได้ไม่ดื่มแล้วขับเป็นภัยต่อตนเอง และ ผู้อื่่นด้วย

                                                    emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: พกบัตร ปชช.เที่ยวสงกรานต์ฉุกเฉินเข้ารพ.ฟรีได้ทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 17 เมษายน 2553, 20:44:42

                  พกบัตร ปชช.เที่ยวสงกรานต์ฉุกเฉินเข้ารพ.ฟรี

                                       (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0k69z-a5383f.jpg)        

         นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)แนะพกบัตรประชาชน เที่ยวสงกรานต์ เพื่อใช้สิทธิเข้ารักษาตัว ใน โรงพยาบาลฟรี กรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยให้ข่าวว่า

         ระหว่างวันที่ 10-18 เม.ย. 2553 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งหลังจากที่ รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนไทยมีบัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียวที่สามารถใช้ในการรับบริการสาธารณสุขจากหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น

         สำหรับประชาชนที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่จำเป็นต้องพกบัตรทองแล้ว และหากเกิดกรณีเจ็บป่วยกระทันหันหรือฉุกเฉิน รวมทั้งประสบอุบัติเหตุ ผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากว่า 47 ล้านคน สามารถเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ หรือ โรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด เพื่อช่วยชีวิตหรือช่วยผ่าตัดเร่งด่วน ก่อนส่งตัวกลับไปรักษาพยาบาลที่หน่วยบริการประจำต่อไป

         และหากพบเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ ให้โทรแจ้งที่ 1669 ทั่วประเทศเพื่อขอรับความช่วยเหลือภายใน 30 นาที ทั้งนี้การใช้สิทธิการเจ็บป่วยฉุกเฉินดังกล่าวนั้น ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ขึ้นอยู่กับความจำเป็น ซึ่งเป็นผลมาจากมติของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ยกเลิกการจำกัดความคุ้มครองการเจ็บป่วยฉุกเฉิน จากเดิมไม่เกินปีละ 2 ครั้งเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยสามารถใช้บริการนอกหน่วยบริการที่กำหนดได้ตามความจำเป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นอย่างแท้จริง

         เลขาธิการ สปสช. กล่าวด้วยว่า สำหรับการเข้ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้น ต้องมีข้อบ่งชี้ว่าโรค หรืออาการของโรคมีลักษณะรุนแรง ต้องรักษาเป็นการเร่งด่วน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือทุพพลภาพหรืออาจจะเป็นอันตรายต่อผู้อื่นได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมทั้งโรคที่ต้องผ่าตัดด่วนหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งโรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ป่วยบัตรทองสามารถเบิกค่ารักษาได้จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามจริงแต่ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยจากเรื่องดังกล่าว สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช.โทร. 1330 ตลอดเวลา

นำมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพฤหัสบดี ที่ 8 เมษายน 2553

http://www.thairath.co.th/content/edu/75646 (http://www.thairath.co.th/content/edu/75646)

                                     emo4:)) emo4:)) emo4:))

         นำข่าวมาบอก พวกเราว่า ในกรณีฉุกเฉิน ใช้บัตรประชาชน เข้า ร.พ.ได้ทุกแห่งที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าเอกชนก็เข้าได้ ซึ่งใช้ได้ในตลอดทุกเวลา ไม่เฉพาะสงกรานต์ เท่านั้น เป็นมาตรการของรัฐ ที่จะช่วยให้ประชาชนทุกคนเมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน เข้ารักษาได้ทุกที่ ที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่า ใช้สิทธิบัตรอะไรก็ตาม บัตรประกันสุขภาพ หรือ เดิมเรียก บัตรรักษาฟรี 30 บาท  บัตรประกันสังคม บัตรข้าราชการ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ใช้ได้ทั้งหมด

         ในอนาคตถ้ามีการเชื่อมข้อมูลระหว่าง ร.พ.ทั่วประเทศ ด้วยระบบอินเตอร์เนต จะเกิด ร.พ.ออนไลน์ เหมือน ธนาคาร ที่ทำออนไลน์ ดูข้อมูลปัจจุบัน ของลูกค้าได้ไม่ว่าไปทำธุรกรรมสาขาใด ก็จะบันทึกรวมในแฟ้มเดียวกัน จึงทำให้สามารถใช้สิทธิรักษาได้ทั้งประเทศ

         ทุก ร.พ.ที่ให้บริการสามารถรู้ประวัติว่าไปรักษาที่ใด ได้ยาอะไร ใช้บัตรประชาชน ร่วมกับลายนิ้วมือ หรือ แล้วแต่จะกำหนดในอนาคต เพื่อเก็บรักษาประวัติการเข้าถึงข้อมูลต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของประวัติ ผลจากการเข้าดูประวัติการรักษาได้ทุกที่ จะทำให้แพทย์สามารถประเมินผลการรักษาที่เคยได้ เพื่อให้การรักษาต่อเนื่องได้ทันที ประหยัดยา ช่วยแพทย์ให้ดูการรักษาของ ร.พ.อื่น เป็นการเรียนรู้ทางการแพทย์ระหว่างแพทย์ด้วยกัน  ผู้ป่วยก็สะดวกในการเข้าถึงบริการ รักษาที่ใดก็ได้ ฟรี ทั่วประเทศตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข

                                     emo28:win: emo28:win: emo28:win:    

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 16 เมษายน 2553, 08:13:56
คุณหมอสำเริงคะ

เมื่อไรจะรักษาได้ โดยไม่ต้องใช้สิทธิ ฉุกเฉินคะ

                           prapasri AH
               Hero Cmadong member

                                                     (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l0yq05-00bef4.jpg)

             จะรักษาได้ โดยไม่ต้องใช้สิทธิฉุกเฉิน เมืื่่่่อ ร.พ.ทุกแห่งใช้คอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูล

แล้วส่งทางอินเตอร์เนตให้ สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. ทำการตรวจสอบข้อมูล

             แล้วจ่ายใ้ห้ตามระบบการวินิจฉัยกลุ่มโรคร่วม หรือ Diagnosis Related Groups : DRG

และ ตามผลการรายงานว่าสมบูรณ์มากน้อยเท่าไร  ซึ่งเป็นวิธีคิดการจ่ายเงินของ สปสช.

             ถ้าข้อมูลที่ส่งให้ไป ไม่ครบถ้วนจะถูกตัดเป็น % จนกว่า ข้อมูลที่ส่งไปดี ก็จะจ่ายครบ

เป็นการจูงใจให้ทำข้อมูลให้สมบูรณ์ ตามที่เป็น มาตรฐาน ของ สปสช. ต้องการให้ทำ

หมายเหตุ ที่ สปสช.ทำระบบนี้เพื่อให้การจ่ายเงินกับสถานพยาบาล ที่ผู้ป่วยเลือกไปรักษาจริงแทน
ระบบเดิมที่เหมาจ่ายล่วงหน้าตามหัวประชากรที่อาศัยอยู่ใกล้ ร.พ. emo22:(

           ทำให้ประชาชนไม่ต้องถูกบังคับไปรักษาเฉพาะ ร.พ.ที่ได้รับเงินล่วงหน้า ซึ่งเป็นการ

ผูกขาด ขัดกับ ระบบเสรี ที่ต้องให้ประชาชนเลือก ร.พ.ได้ตามความพอใจ

ผลดีที่จะได้ต่อระบบสุขภาพ คือ ทำให้ทุก ร.พ.ต้องพัฒนาคุณภาพ ให้ประชาชนพึงใจ

เพื่อให้มีคนไข้มากขึ้นมีผลต่อรายได้สะท้อนผลต่อเงินเดือนและโบนัสของเจ้าหน้าที่ ร.พ.ครับ

                                        emo26:D emo26:D emo26:D

 "เลิกผูกขาด ระบุ ร.พ. มาเป็นเลือกเข้ารักษา ร.พ.ได้เสรีตามความพอใจ ที่ได้รับบริการ"

      http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3999.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3999.0.html)

                                   emo28:win: emo28:win: emo28:win:






      


หัวข้อ: ไทยเตรียมเปิดขายคาร์บอนเครดิตในวงประชุมโลกร้อนระดับชาติ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 20 เมษายน 2553, 07:09:12

                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l15eiz-c2e474.jpg)

           องค์การก๊าซเรือนกระจก เตรียมเปิดขาย "คาร์บอนเครดิต" วงประชุมโลกร้อนครั้งแรกในโลก ชี้ผู้ร่วมประชุม 3,000 ราย ต้องถูกตรวจสอบปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่เริ่มจนจบการประชุม

          นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน ) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้ทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ในวงกว้าง โดยพบว่าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกสูงขึ้นราว 1 องศาเซลเซียส และนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า หากยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไปเรื่อย ๆ เชื่อว่าในอนาคตอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้น 1.04-6.5 องศาเซลเซียส

           สำหรับประเทศไทยยังอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่ได้มีพันธกรณีในการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้พิธีสารเกียวโต แต่ที่ผ่านมาได้มีมาตรการหลายด้านในการลดโลกร้อน ทั้งเรื่องการทำโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด (ซีดีเอ็ม) ซึ่งปัจจุบันได้ให้การรับรองกับ 107 โครงการแล้ว และมี 35 โครงการ ที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การสหประชาชาติ เพื่อขายคาร์บอนเครดิตได้

          ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม 20 เม.ย. 53 และ  (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l15ejx-1bffb5.jpg)

 http://news.sanook.com/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-923281.html


                        emo4:)) emo4:)) emo4:))


                       (http://img4.imageshack.us/img4/5818/images28e.jpg)

             กรีนพีซขอขอบคุณท่านที่ลงชื่อ มีส่วนร่วมในการผลักดันการปกป้องสภาพภูมิอากาศ

ซึ่งผู้นำโลกจะร่วมประชุมสุดยอดของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ​​

ในเดือนธันวาคม 2552 ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก​

           ​การประชุมครั้งนี้มีผลกระทบกับพวกเราทุกคน  ผลการประชุมอาจทำให้โลกติดอยู่ในการ

เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายและ ย้อนกลับคืนไม่ได้อีก เราอยากให้ผู้นำโลก นั่นคือ

                     (http://img27.imageshack.us/img27/6769/images29p.jpg)

           ประธานาธิบดีโอบามาเข้าร่วมการประชุมนี้เพื่อผลักดันให้มีการตัดสินใจซึ่งจะ​

 ‘เปลี่ยนแปลง’ทิศทางอนาคตของมนุษยชาติ และ อนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้​ ​

ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ล่อแหลมมากที่สุดในการรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ​

                     YoU-Turn the Earth!

เชิญให้เพื่อนๆ คุณลงชื่อที่ Twitter แบ่งปันจดหมายเรียกร้องนี้ที่ Facebook
 
                    Chang(e) is Coming!
            มีอีกหลายวิธีที่คุณมีส่วนร่วมได้ emo6::))

                         emo28:win: emo28:win: emo28:win:

  เข้ามีส่วนร่วมได้ด้วยการรับข่าวสารจากกรีนพีซและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนกรีนพีซที่่

http://www.greenpeace.org/seasia/th/newsletter/supporters-e-news/090602

                          emo28:win: emo28:win: emo28:win:                    

          นำข่าวความก้าวหน้า เรื่อง การลดโลกร้อน........ ประเทศไทยเรา ไม่ีมีพันธกรณีในการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้พิธีสารเกียวโต แต่มีสิทธิเรื่องขายคาร์บอนเครดิตได้ และ กำลังเร่งขายคาร์บอนเครดิต ช่วยลดโลกร้อนได้โดยรับเงิน จากประเทศที่ทำให้เกิด ต้องมาจ้างเราลดให้  

                        emo28:win: emo28:win: emo28:win:




หัวข้อ: สันติวิธีแม้ถูกด่าถูกเข้าใจผิดแต่หากให้ผู้คนโกรธเกลียดกันน้อยลงก็นับว่าคุ้มค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 20 เมษายน 2553, 18:20:05

                      (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l169n5-135aeb.jpg)

           การทำงานสันติวิธีท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนแรง แบ่งฝักฝ่าย และเต็มไปด้วยความกลัว-โกรธ-เกลียดนั้นย่อมหนีไม่พ้นที่จะถูก

           โจมตีจากทุกฝ่าย เช่น ถูกกล่าวหาว่าดิสเครดิตผู้ชุมนุมบ้าง

           เข้าทาง-อวยประโยชน์แก่ผู้ชุมนุมบ้าง

           เป็นอีแอบบ้าง ฯลฯ

           นักสันติวิธีควรอดกลั้น ไม่ตอบโต้ เพราะทุกวันนี้มีการตอบโต้แรง ๆ กันมากจนเกินพอแล้ว....

           ไม่ว่าจะถูกกระทำอย่างไร ขอให้นึกถึงสันติสุขของบ้านเมือง แล้วจะรู้สึกเลยว่า สิ่งที่กระทบกับเรานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก

           ทำงานนี้แล้วแม้ถูกด่าถูกเข้าใจผิด แต่หากช่วยให้ผู้คนโกรธเกลียดกันน้อยลง ทำร้ายกันน้อยลง หรือช่วยไม่ให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟได้ ก็นับว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งแล้ว

           นำมาจาก http://www.visalo.org/    

                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l169yq-313028.gif)(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l169yq-313028.gif)(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l169yq-313028.gif)                                   


หัวข้อ: คนไทยควรจะทำใจอย่างไรในสถานการณ์ขัดแย้ง ขณะนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 21 เมษายน 2553, 07:05:06

                         มองให้เห็นถึงรากเหง้าของปัญหา

                         (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l178qr-4e8ad9.jpg)  (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1797f-32550c.jpg)

                          สัมภาษณ์พระไพศาล วิสาโล
              โดยสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
                             วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๓

             พิธีกร คนไทยควรจะทำใจอย่างไรในสถานการณ์ขณะนี้

             พระไพศาล อยากจะให้มองว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา เป็นธรรมดาของโลก เป็นธรรมดาของบ้านเมือง โดยเฉพาะความขัดแย้งที่เกิดจากความแตกต่างทางความเชื่อหรือเพราะผลประโยชน์ขัดแย้งกันก็ตาม ยิ่งในระบบประชาธิปไตยด้วยแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องขัดแย้งกัน แต่ตราบใดที่ยังใช้วิธีการที่สันติ ทั้งสองฝ่ายคือเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช้ความรุนแรง ผู้ชุมนุมก็อยู่ในสันติวิธี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทุกข์ร้อนอะไร

             เราก็จับตาดูไป อะไรที่เห็นว่าดีก็ควรสนับสนุน อะไรที่เห็นว่าไม่ดีก็ควรแนะนำตักเตือน

                 ขอขอบคุณ เวบวิสาโล และ อ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดได้ที่  
             http://www.visalo.org/columnInterview/peace530317.htm

                                    emo26:D emo26:D emo26:D



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 21 เมษายน 2553, 18:41:12

                                            มองประเทศไทยในแง่ดี (9)
                          ทหารไม่ได้พ่ายแพ้ แต่ยอมรับว่าปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ

                                                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l18398-5c81ee.jpg)

                                             พล.อ.สายหยุด  เกิดผล    
      
                        ผู้ที่ติดตามเหตุการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 53  เมื่อทางรัฐบาลโดยคณะกรรมการ ศอฉ. สั่งการให้กองกำลังทหาร สนับสนุนด้วยกำลังตำรวจ และพลเรือน  เข้ายึดพื้นที่คืนให้ประชาชนจากผู้ชุมนุมเสื้อแดง  เพื่อเป็นของขวัญในวันสงกรานต์ เป็นการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ฉุกเฉิน  อันเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล  และก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามคำเรียกร้องของประชาชนทั่วไป  และฝ่ายผู้ชุมนุมก็คาดอยู่แล้วว่าจะมีการใช้กำลัง

                        การปฏิบัติการครั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี และโฆษกคณะกรรมการ ศอฉ. ก็ได้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า

หนึ่ง รัฐบาลไม่ได้ทำการสลายผู้ชุมนุม  หมายความว่า สิทธิ์การชุมนุมตามรัฐธรรมนูญนั้นยังอยู่  แต่ขณะนี้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน,

สอง รัฐบาลจะใช้กำลังปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล 7 ขั้นตอน  จากเบาไปหาหนัก  และ

สาม รัฐบาลห้ามทหารใช้ความรุนแรงเกินมาตรฐานสากลนี้โดยเด็ดขาด  เพื่อมิให้ทหารถูกกล่าวหาว่า ทำการปราบปรามประชาชน เพราะทหารเป็นของประชาชน

                        ถ้าพิจารณาดูให้ดีจะเห็นว่าทางทหารได้ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลโดยเคร่งครัด  และในตอนต้นก็ปรากฏว่าได้ผล  เพราะสามารถยึดพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คืนมาจากผู้ชุมนุม  

                        แต่ต่อมาได้มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น  ก็เพราะปรากฏจากหลักฐาน ว่ามีกองกำลังติดอาวุธของบุคคลในชุดสีดำ ปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง  ได้ใช้อาวุธสงคราม M.79 ลูกระเบิดขว้าง อาวุธปืนเล็กยาว ยิงเข้าสู่ทหาร  

                        ซึ่งเมื่อปรากฏเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเช่นนี้  น่าที่ทหารจะถอนตัวเร็วกว่านี้  แต่ทหารก็ยังยึดมั่นในภารกิจโดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น  ทั้งผู้บังคับบัญชาชั้น ผบ.พล., ผบ.กรม, เสนาธิการกองพล  เสนาธิการกรม คงเดินหน้าเคียงข้างทหารเพื่อมุ่งปฏิบัติการตามภารกิจให้สำเร็จ  

                        จึงเกิดการสูญเสียที่น่าสลดใจขึ้น  เมื่อมีลูกระเบิดตกลงมาในกลุ่มทหาร จนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย  ต่อมาจึงได้รับคำสั่งให้ถอนตัวยุติการปฏิบัติการ

                        ดังนั้น คนทั่วไป แม้แต่ทางฝ่ายรัฐบาลได้ยอมรับกับประชาชน ว่าเป็นความพ่ายแพ้ของทหารฝ่ายรัฐบาล  

                        แต่ประชาชนบางส่วนเห็นว่า

หนึ่ง ทหารไม่ได้พ่ายแพ้ เป็นแต่ปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ ที่ปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ เพราะสถานการณ์ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนแปลงไป จากการไม่ใช้อาวุธมาเป็นมีกองกำลังใช้อาวุธสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม  

สองทหารได้แสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบวินัย และความกล้าหาญ ปฏิบัติการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา  แม้แต่ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตก็ตาม  และ

สาม ประชาชนทั่วไปย่อมยืนยันได้อีกครั้งหนึ่งว่า ทหารนั้นเป็นของประชาชนตามที่เขียนไว้หน้าค่ายทหารทุกแห่ง  และจะไม่มีวันใช้อาวุธปราบปรามประชาชนที่ไม่ถืออาวุธเป็นอันขาด  นอกจากกองกำลังผู้ก่อการร้าย ซึ่งถือว่าไม่ใช่ผู้ชุมนุมตามสิทธิ์ในรัฐธรรมนูญ

                        แต่ถึงอย่างไร ก็อยากขอวิงวอนให้ประชาชน รวมทั้งรัฐบาล ได้พิจารณาในการใช้กำลังทหารครั้งต่อไปให้ดี  เพราะทหารเป็นเครื่องมือสุดท้าย  และก็เป็นความหวังสุดท้ายของประชาชนด้วย  

                        ถ้ามีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ผมขอเรียนว่า ในขั้นนั้น การปฏิบัติการของทหารจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าทหารแพ้ บ้านเมืองก็คงโกลาหล ไม่มีขื่อ ไม่มีแปร  ทหารจะแพ้ไม่ได้ ก็ต่อเมื่อทหารสามารถใช้อาวุธและพลังอำนาจที่มีอยู่ทั้งสิ้น เข้าปฏิบัติการ  และประชาชนให้การสนับสนุน  

                        ผมเชื่อในพลังอำนาจของทหาร ขอให้การบังคับบัญชาแน่นแฟ้นตามสายการบังคับบัญชา  ย่อมจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จแน่นอน  ส่วนความเสียหายใดๆ ที่จะเกิดขึ้น และตามมานั้น  ผู้สั่งการและประชาชนที่สนับสนุนจะต้องรับผิดชอบด้วย  ซึ่งผมหวังว่าคงจะไม่ถึงขั้นนี้นะครับ !

                        ผมและประชาชนที่เป็นกลางทั่วไป ขอสนับสนุนให้รัฐบาลประชาธิปไตย ภายใต้การนำของนายกอภิสิทธิ์ แม้ว่าจะไม่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นรัฐบาลที่เลวน้อยกว่ารัฐบาลบางรัฐบาลที่ผ่านมา  

                        ในระยะนี้ ขอให้ท่านอดทนอยู่ปฏิบัติการในการแก้ปัญหาต่อไป ด้วยการสนับสนุนของประชาชน  ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ  

                        ถ้าท่านยังยึดถือกฎหมายของบ้านเมืองในการแก้ปัญหา  เพราะ

                        การ “ยุบสภา” และการ “ลาออก” ในยามนี้  ในสายตาประชาชนที่เป็นกลางทั่วไป ไม่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาใดๆ ได้ นอกจากจะเพิ่มความวุ่นวายในการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองเพิ่มขึ้น  โดยไม่มีใครรับผิดชอบต่อบ้านเมืองใดๆ  ขอให้ท่าน กรุณาอดทน อย่าได้หลงเชื่อคำเสนอแนะที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ทางการเมือง  ขอให้ยึดถือเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ  ท่านอาจกลายเป็น “ผู้นำ” ที่ประชาชนทั่วไปจะจดจำไปอีกนาน ผู้นำที่แท้จริงคือ “ผู้เสียสละ-จริงใจ และกล้าหาญ” ครับ!

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ได้รับมาจากอีเมลล์ขอให้ส่งต่อให้ชาวเนตได้อ่านกันมากๆจึงนำมาโพสต์บอกพวกเราที่เวบซีมะโด่งนี้ด้วย

                                                      emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 21 เมษายน 2553, 19:39:29

                     ink Dots - this is wild! Something to drive you crazy...‏
                From: Charoenchai Taitilanunt (charoenchai.t@thaiairways.com)
                         Sent:   Wednesday, April 21, 2010 1:37:52 PM
                                         To:......1 attachment
                                       Image.1.3...gif (37.7 KB)

                    (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l187yr-464cb8.gif)

              Subject: Pink Dots - this is wild! Something to drive you crazy...

                 If your brain  works normally  this is neat.
 
This is another example of an amazing illusion!!! The last sentence is so true..  

If your eyes follow the movement of the rotating pink dot, the dots will remain only one color, pink.  

                                             emo4:)) emo4:)) emo4:))

However if you stare at the black ' + '  in the center, the moving dot turns to green.

Now, concentrate on the black '  +  ' in the center of the picture. After a short period,

all the pink dots will slowly disappear, and you will only see only a single green dotrotating.  

It's amazing how our brain works. There really is no green dot, and the pink ones really

don't disappear.This should be proof enough,we don't always see what we think we see .  

                         Send this to all of your friends and amaze them.    

                                             emo6::)) emo6::)) emo6::))

น้องชาย ส่งมาให้เป็นชาวหอซีมะโด่ง วิศวะ  รหัส 23 ทำงานไทยแอร์เวย์ จึงส่งมาให้พวกเราดูด้วย

                               มีอีเมลล์แอดเดรสข้างบน เพื่อนร่วมรุ่นเชิญติดต่อกันได้

                                               emo4:)) emo4:)) emo4:))




หัวข้อ: กระทรวงสาธารณสุข มุ่งพัฒนาการบริหารด้วยการปั้นนักยุทธศาสตร์มือโปร
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 25 เมษายน 2553, 10:15:36

                                  สธ.ปั้นนักบริหารยุทธศาสตร์มือโปร
                    
           สธ.ปั้นนักวิชาการระดับชำนาญการ  เป็นนักบริหารยุทธศาสตร์มืออาชีพ  รู้ทันโลกเหตุการณ์ปัจจุบัน  เชื่อสนองนโยบายรัฐได้  ฟุ้งเป็นแห่งแรกยังไม่มีหน่วยราชการแห่งไหนทำมาก่อน

                                              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1ff55-a7dc98.jpg)

           เมื่อวันที่   23  เม.ย.  นพ.เสรี  หงษ์หยก  รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  (สธ.)   เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์  รุ่นที่  1  จำนวน  26  คน  ประกอบด้วยนักวิชาการระดับชำนาญการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบริหารนโยบายและยุทธศาสตร์ของหน่วยงานต่างๆ   ได้แก่  สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์  จำนวน  10   คน   สถาบันพระบรมราชนก  จำนวน  1  คน  กรมต่างๆ  ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข   จำนวน  9  คน  จากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด  จำนวน  6  คน
    
           นพ.เสรีกล่าวว่า  สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์  กระทรวงสาธารณสุข  มีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นองค์กรนำในการบริหารยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพภายในปี  2556  โดยวางแผนพัฒนาระบบและกลไกการบริหารยุทธศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพด้วยวิทยาการสมัยใหม่  เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม  ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน
    
           ทั้งนี้แนวทางในการพัฒนาดังกล่าว  กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์  จัดทำหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์  แบ่งเป็น  3  ระดับ  เพื่อให้เหมาะสมตามระดับความเชี่ยวชาญของกลุ่มเป้าหมาย  ได้แก่  

1.หลักสูตรประกาศนียบัตรนักบริหารยุทธศาสตร์  สำหรับนักวิเคราะห์นโยบายและแผนระดับชำนาญการ  

2.หลักสูตรวุฒิบัตรนักบริหารยุทธศาสตร์  เพื่อพัฒนาขีดสมรรถนะของนักวิเคราะห์นโยบายและแผนระดับเชี่ยวชาญ  และ  

3.หลักสูตรระดับปริญญาโท  สาขาการบริหารยุทธศาสตร์  

           โดยเริ่มนำร่องอบรมรุ่นแรกในหลักสูตรประกาศนียบัตรนักบริหารยุทธศาสตร์  ซึ่งเป็นระดับจูเนียร์  (Junior)  ในปี  2553  โดยคัดเลือกเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับด้านแผนนโยบายยุทธศาสตร์ของหน่วยงานจากส่วนกลางและภูมิภาค  26  คน  ใช้เวลาอบรม  28  วัน  โดยอบรมระหว่างปฏิบัติงาน  เมื่อจบหลักสูตรแล้ว  จะเป็นนักบริหารยุทธศาสตร์ทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขไปสู่ความสำเร็จ
    
           ด้าน  นพ.ขวัญชัย  วิศิษฐานนท์  รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์  กล่าวว่า   เนื้อหาการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรนักบริหารยุทธศาสตร์  ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ   4  วิชา  ได้แก่  

กระบวนการกำหนดและทบทวนยุทธศาสตร์  

การแปลงยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ  

การจัดการความรู้และระบบข้อมูลข่าวสารสนเทศ   และ

การกำกับติดตามและประเมินผล    

           มีการฝึกปฏิบัติงานโดยใช้ประสบการณ์การปฏิบัติงานจริงหรือกรณีศึกษา  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การอนามัยโลก  คณะกรรมการความร่วมมือพัฒนานักบริหารยุทธศาสตร์  มั่นใจว่า

          ต่อจากนี้ไปบุคลากรสาธารณสุขจะเป็นนักบริการยุทธศาสตร์ที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น  เป็นผู้รอบรู้เชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน  เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ของโลกปัจจุบันและอนาคต  ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาลสู่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะยังไม่เคยมีการดำเนินการในหน่วยงานใดมาก่อน.

                                                 emo4:)) emo4:)) emo4:))

                    ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยโพสต์ การศึกษา-สาธารณสุข วินเสาร์ที่ 24 เมษายน 2553
                                http://www.thaipost.net/news/240410/21217 (http://www.thaipost.net/news/240410/21217)

                                                 emo26:D emo26:D emo26:D

           นำมาให้พวกเราทราบว่า ในการบริหาร ต้องใช้ 3 M Man Money และ Management นอกจาก Man มนุษย์เป็นทรัพยากร ที่สำคัญที่สุด นอกจากเป็นทรัพยากรที่ ดี เห็น ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ส่วนตนแล้ว

          มนุษย์ ยังต้องมีแนวทางบริหารจัดการที่ดี หรือ Good Governance ธรรมาภิบาล นั่นเอง

           กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ปั้นนักบริหารยุทธศาสตร์มือโปร มาทำให้ ทรัพยากร มนุษย์ M มีแนวทางบริหารที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ที่ต้องบริหารให้สำเร็จดีที่สุด อย่างมีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล เป็นแห่งแรก ในการพัฒนาการบริหาร ขึ้น

                                                  emo48:) emo48:) emo48:)


หัวข้อ: ถ้าแตกความสามัคคี เมื่อใด จะเป็นภัยร้ายต่อชาติ ได้ทันที
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 25 เมษายน 2553, 11:27:40

                    "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์"

                              ธรรมะวันอาทิตย์ช่อง ๗ สี

            วันอาทิตย์ ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ประมาณ ๖.๐๐ น.

                           มีคำถามอยากรู้เรื่อง เกี่ยวกับ

                    "วัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์"

                            (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1ezcm-0a34fa.jpg)

                 พระธรรมโกศาจารย์ (ศ.ดร.ประยูร ธมฺมจิตฺโต)

            เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร,เจ้าคณะภาค 2

            อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,

 ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ

    คณะเลขานุการของคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

         ....................................................................

           ขอความสุข ความเจริญ จงมีต่อท่านสาธุชนทั้งหลาย

เรื่องวัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้า นี้เป็นคำถามที่ดีมาก

จะแสดงให้เห็นประโยชน์ของความสามัคคี เรื่องเป็นดังนี้

           วัสสการพราหมณ์เป็นปุโรหิตพระเจ้าอชาตศัตรูเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ

ในเวลานั้นมีแคว้นที่ยิ่งใหญ่อยู่แคว้นหนึ่ง มีระบอบการปกครองแบบ

                                "สามัคคีธรรม"

          คือ ปกครองเป็นหมู่คณะ เรียกว่า เหล่ากษัตริย์ "ลิจฉวี" โดย

มีการประชุมเพื่อเลือกกษัตริย์ ขึ้นมาบริหารประเทศ ผ่าน รัฐสภา

คณะผู้บริหารอยู่เป็นวาระ ครบวาระแล้วก็เลือกตั้งกันใหม่

          ชื่อ แคว้นวัชชี มีเมืองหลวง ชื่อไพศาลี มีความยิ่งใหญ่มั่งคั่งมากมาย

พระเจ้าอชาตศัตรู ประสงค์จะครอบครองเมืองไพศาลี ยกทัพเข้าตี

หลายครั้งไม่สำเร็จสักที จึงรับสั่งให้.......

           วัสสการพราหมณ์ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ให้ไปเล่าถึงความแข็งแกร่ง

ของแคว้นวัชชีของกษัตริย์ลิจฉวี ให้พระพุทธองค์ทรงทราบ

แล้วคอยกำหนดจดจำว่าพระพุทธองค์จะรับสั่งอย่างไร

พูดง่าย ๆ อยากไปขอคำปรึกษา โดย ไม่บอกวัตถุประสงค์

          วัสสการพราหมณ์ได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า พระเจ้าอชาตศัตรู

โจมตีแคว้นวัชชีอย่างไรก็ไม่สามารถจะตีแตกได้ เข้มแข็งเหลือเกิน

พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสตอบ แต่ทรงหันไปตรัสกับ พระอานนท์ ว่า

            เคยรู้จัก เรื่อง กษัตริย์ ลิจฉวี หรือไม่

พระอานนท์กราบทูลว่าเคยได้ยินว่ากษัตริย์ลิจฉวีนั้นมี

อปริหานิยธรรม ๗ ประการ ที่ประพฤติอยู่เป็นประจำ ทำให้มี

ความสามัคคีกัน จึงเข้มแข็งสร้างบ้านแปลงเมืองได้ยิ่งใหญ่

           วัสสการพราหมณ์เป็นคนฉลาด พอได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ได้คิดว่า

ที่พวกกษัตริย์ลิจฉวีเข้มแข็งข้าศึกศัตรูไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะ

มีความสมัครสมานสามัคคีกัน ทางเดียวที่จะตีแตกได้ต้องหาทางทำลาย

ความสามัคคีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี จึงรีบขอกลับทันที

หลังจากวัสสการพราหมณ์จากไปแล้ว

พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดง อปริหานิยธรรม - หลักแห่งความไม่เสื่อม

๑) หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์

๒) พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม

พร้อมเพรียงกันทำกิจที่จะต้องทำ

๓) ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

๔) ให้เคารพอาวุโสทั้ง วัยวุฒิ และ คุณวุฒิ เชื่อฟังคำตักเตือน

๕) ไม่ลุอำนาจตัณหาที่เกิดขึ้น ไม่ตกอยู่ในอำนาจความทะยานอยาก

เพราะ จะชักจูงให้ออกนอกทำนองคลองธรรมได้

๖) ยินดีในความสันโดษ พอใจในสิ่งที่ควรมีควรได้ แต่ไม่เกียจคร้าน

๗) ตั้งสติระลึกเสมอว่า ยินดีต้อนรับเพื่อนร่วมโลกทุกคน

          เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรู้ ทราบจากวัสสการพราหมณ์ แล้ว จึงวางแผน

แกล้งลงโทษ วัสสการพราหมณ์ เฆี่ยนตี และ ขับไล่ออกจากเมือง

วัสสการพราหมณ์ จึงสามารถเข้าไปอยู่ ยังกรุงไพศาลี ได้ เมื่อเข้า

ไปอยู่ ก็ยุแหย่ ใ้ห้กษัตริย์ลิจฉวี ระแวงกัน จนเลิกการปฏิบัติตาม

อปริหารธรรม เมื่อ พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาโจมตี กษัตริย์ลิจฉวี

ก็ไม่ร่วมประชุมกัน แตกแยกกัน ไม่ร่วมคิด ต่อสู้ศัตรูเหมือนเก่า

กรุงไพศาลี จึงแตก พระเจ้าอชาตศัตรู เข้ายึดเมืองได้ในที่สุด

                      ขอเจริญพร

นำมาจาก เวบจริยธรรม ร.พ.พนมสารคาม

         http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=panomsarakham&month=04-2010&date=04&group=14&gblog=45 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=panomsarakham&month=04-2010&date=04&group=14&gblog=45)

                     emo6::)) emo6::)) emo6::))

          ธรรมะเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความสามัคคี คือ พลัง ร่วมสร้างชาติได้

ถ้าแตกความสามัคคี เมื่อใด จะเป็นภัยร้ายต่อชาติ ได้ทันที

                   emo28:win: emo28:win: emo28:win:

 


หัวข้อ: ถ้าไร้แผ่นดินไม่สุข 'ฟ้าหญิง' เตือนสติประชาชน/เผยในหลวงทรงรู้ทุกเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 25 เมษายน 2553, 12:02:44

           ถ้าไร้แผ่นดินไม่สุข 'ฟ้าหญิง'เตือนสติประชาชน/เผยในหลวงทรงรู้ทุกเรื่อง

                        (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1f1j3-3f9af1.jpg)

           "ฟ้าหญิง"  ทรงเตือนสติคนไทย  อะไรดีที่สุดสำหรับแผ่นดินเกิดก็ควรทำ  อย่าปล่อยให้ล่มสลาย  จะไม่มีใครสุขเลย  "ในหลวง"  พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้  "ประธานศาลฎีกา"  นำคณะผู้พิพากษา  101  คนเข้าเฝ้าฯ  จันทร์ที่  26  เม.ย.นี้  "ดร.สุเมธ"  เผยทรงทราบทุกเรื่อง  ทรงพระราชวินิจฉัยเองว่าจังหวะใดควรทำเรื่องใด  บอกไม่เคยเห็นศัตรูต่างชาติ  มีแต่ไทยฆ่าไทยกันเอง 

                                 เศร้า!  ประเทศยึดรองบ๊วยโกง  แพ้แม้แต่  "เขมร"

            เมื่อวันศุกร์  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ  เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์  อัครราชกุมารี  ได้ตรัสกับคนไทยในประเทศเยอรมนี   ตอนหนึ่งว่า   การปลูกฝังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   และสมเด็จพระราชินี  ทรงสอนตลอดว่า  ถ้าไม่มีประชาชนก็ไม่มีพวกเรา  เราเกิดมาได้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน  คนเขาเคารพกราบไหว้  ก็ควรทำประโยชน์  ทำตัวให้เหมาะสมกับที่เขาเคารพนับถือ   ท่านสอนอย่างนี้เสมอ  ข้าพเจ้าก็ทุ่มสุดตัวที่จะทำสำหรับประเทศไทย  อะไรที่ดีกับไทยก็ทำ  อยากให้ทุกท่านคิดเหมือนกันว่า 

           อะไรที่ดีที่สุดสำหรับแผ่นดินแม่  เราก็ควรทำ  ถ้าไม่มีแผ่นดินไทย  ไทยล่มสลาย  จะไม่มีใครมีความสุขได้เลย

           วันเดียวกัน  นายสนอง  บูรณะ  รองราชเลขาธิการ  ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ  ได้ทำหนังสือแจ้งมายังนายวิรัช  ชินวินิจกุล  เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม  เรื่อง  พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้พิพากษาเข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ปฏิญาณ  ความว่า

           "ตามที่ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา  ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสบโชค  สุขารมณ์  ประธานศาลฎีกา  นำผู้พิพากษาประจำศาล  สำนักงานศาลยุติธรรม  จำนวน  101  คน  เข้าเฝ้าฯ  เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่  และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นายวิรัช  ชินวินิจกุล  เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม,  นายไพโรจน์  นวานุช  ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา,  นายวรวุฒิ  ทวาทศิน  เลขาธิการประธานศาลฎีกา  และนายสราวุธ  เบญจกุล  รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม  เฝ้าฯ  ร่วมด้วยนั้น  ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว  พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ปฏิญาณ   ก่อนเข้ารับหน้าที่ในวันจันทร์ที่  26  เม.ย.นี้  เวลา  17.30  น.  ณ  อาคารเฉลิมพระเกียรติ  โรงพยาบาลศิริราช

           ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ   ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา  กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง  การเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อสังคมไทยใสสะอาด  ตอนหนึ่งว่า  ทำไมประเทศมาถึงจุดนี้ได้  เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่รู้คำตอบดี  เพราะคนสมัยนี้ไม่ได้คิดถึงความดี  เรื่องจริยธรรมกินไม่ได้  แบบนี้ดีกว่าเรื่องเงินทอง  ได้เห็นทันตา  หากลองสังเกตมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งในโลก 

          ไม่ใช่แค่ไทยอย่างเดียวที่เกียรติยศก็ซื้อได้  ตำแหน่งซื้อได้ความดียังซื้อได้เลย

          "เวลานี้โลกถูกครองด้วยระบบเดียว  คือ  บริโภคนิยม  เป็นต้นตอของทุกสิ่ง  และเป็นต้นตอหายนะของโลก  โลกกำลังแตกดับอยู่  เพราะทุกสิ่งที่เราใช้ล้วนระดมจากทรัพยากรที่มีในโลก"   ดร.สุเมธกล่าว  และว่า  ต้นตอคือกิเลสตัณหาที่พระพุทธเจ้าสอนมา  2,553  ปีแล้วยังไม่ชนะ  นี่คือต้นตอทำลายจริยธรรมคุณธรรมทั้งหมด  ซึ่งคนมีจริยธรรมคุณธรรมได้ต่อเมื่อควบคุมกิเลสตัณหาได้    ตราบใดที่มนุษย์ควบคุมกิเลสตัณหาไม่ได้  อย่ามาพูดเรื่องคุณธรรมจริยธรรม   หรือพูดสั้นๆ   คือ  ความดี  อย่าพูดเลย  เพราะคนทำไม่ได้   อย่ามาเลี่ยงบาลีกัน  นำคำโน้นคำนี้อ้างฟังดูดี  ประชาธิปไตย  สิทธิ  แต่ใจจริงๆ  ใช่หรือไม่

           เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาระบุว่า    เราหลงละเลิงตั้งแต่วางแผนพัฒนาเอาจีดีพีเป็นที่ตั้ง  ขายหมดทุกอย่างในแผ่นดิน  แล้วดีใจว่าเรารวยแล้ว  แต่ลืมว่าความร่ำรวยไม่เหมือนการสร้างบ้าน  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งเหมือนสร้างบ้านไม่ได้ตอกเสาเข็ม  รวยจากการขายที่ดิน  ขายน้ำ  สุดท้ายต้องขายคน  เราเผชิญทุกปัญหาที่เกี่ยวกับคน  ดังนั้น  เราเผชิญวิกฤตการณ์วัฒนธรรม  เยาวชน  ยาเสพติด  และวิกฤตการณ์การเมืองมาจากคนอีก  ทั้งนี้  ล่าสุดประกาศตำแหน่งอันทรงเกียรติ  ประเทศไทยเป็นรองแชมป์คอรัปชั่น

           "อุตส่าห์ทำประเทศไทยใสสะอาดสะสมคะแนนมานาน  ช่วงเวลาไม่ถึง  2  ปี  กลับตกมารองอันดับสุดท้ายของคอรัปชั่น   เราชนะแค่อินโดนีเซีย  แต่แพ้เขมร  สังเวชใจอายหรือไม่  เมื่อก่อนประเทศอื่นในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้หลายประเทศตามหลังเรามา  แต่ตอนนี้ชนะเราไปได้อย่างไร  เราไม่อายหรือ  ต้นตออยู่ที่ใด  มีใครพยายามหาหรือไม่  อย่าบอกว่าไม่รู้  แต่ถูกกลืนกินหมดแล้วเรื่องจริยธรรม  พอขาดจริยธรรม  จนทำให้ในหลวงรับสั่งแช่งว่า  ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป   โดยที่พระองค์ท่านยังรับสั่งด้วยว่า  พูดแบบนี้หยาบคาย  ทั้งๆ  ที่ท่านรู้ยังทนไม่ไหว  เพราะเกิดทุกหย่อมหญ้า  ทุกองค์กรและซึมเข้ามาในชีวิตพวกเรา  ดังนั้นเห็นแล้วน่าเศร้า"

           เขากล่าวว่า   ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำอะไร  โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งคือ  ความดี  ว่าการทำดีนั้นยากและเห็นผลช้า  แต่จำเป็นต้องทำ  เพราะหาไม่ความชั่วที่ทำได้ง่ายกว่าจะเข้ามาแทนที่  พอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทันรู้สึกตัว  แต่ละคนต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดี   รับสั่งตั้งแต่ปี  พ.ศ.2525  ผ่านมากี่ปีแล้ว   พระราชกระแสนั้นยังใช้ได้อยู่หรือไม่  เพราะความชั่วไม่ใช่ศัตรูที่ปราบได้ง่าย  ต้องเพียรพยายามให้สุดกำลัง

           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งเมื่อ   2532  ว่าการมุ่งสอนให้คนเก่งนั้น  อาจทำให้จุดบกพร่องต่างเกิดขึ้นได้  ดังนั้นเราจึงพยายามเดิมคำที่  2  ด้วยว่าเก่งแล้วต้องดีด้วย  คนเก่งและดีหายาก   เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร  หากเก่งอย่างเดียวจะเกิดข้อบกพร่องอย่างไรบ้าง   ในหลวงรับสั่ง

ประการที่  1  คนเก่งจะบกพร่องในความคิดพิจารณาที่รอบและกว้างไกล  เพราะใจร้อนอยากทำให้เสร็จเร็วๆ   ทำให้ผิดพลาดล้มเหลวได้ง่าย  เพราะคนเก่งเชื่อมั่นจิตใจสูง   ดูถูกคนแก่ 

2.บกพร่องในความนับถือและเกรงใจผู้อื่นเพราะถือตนเป็นเลิศ  ดูถูกคน  มองข้ามความสำคัญบุคคลอื่น  ก่อให้เกิดความขัดแย้ง  ทำลายไมตรีจิต  หาเพื่อนยาก 

3.บกพร่องในบกพร่องในความมัธยัสถ์  มุ่งให้ตัวเองโดดเด่น  อยากก้าวหน้าเร็ว  จึงเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น   และ   

4.บกพร่องในจริยธรรมและรู้จักรับผิดชอบชั่วดี  มุ่งหาประโยชน์เฉพาะตัว  พลิกแพลงจนจับไม่ได้  ยิ่งเก่งแล้วเกิดไม่ดี  สลับสับซ้อนยากที่คนธรรมดาจะตามได้

           ดร.สุเมธระบุว่า   พูดเท่าไรไม่พอ  แต่เราจะยอมแพ้ไม่ได้  ในหลวงรับสั่งให้รักษาคุณธรรม  4  ประการ   

1.ให้รักษาความสัจจะ  เปิดทีวีจะเห็นว่าโกหกทุกนาที  จะเอาความสัจจะมาจากไหน  คนจีนรักษามาก   พูดแบบใดต้องรักษาคำพูด  ตัวอย่าง  สันติ  อหิงสา  กี่คนแล้ว   อย่าไปเทียบเหตุการณ์ปัจจุบัน 

2.ให้รู้จักข่มใจ  ฝึกใจตนเองให้ปฏิบัติอยู่ในความสัตย์  ต้องมีความเพียร  ต้องมีหิริโอตตัปปะ  ต้องมีความเข้มแข็งในจิตใจต่อสู้กิเลสตัณหา  เพราะต้องมีหิริโอตตัปปะ   เผลอไม่ได้ 

3.ความอดทนอดกลั้นและอดออม  ความอดทนคือความสำคัญ  แม้ใครจะเจอเรื่องใด  แต่สุดท้ายก็รอดไม่ต้องแก้  ให้เวลาแก้ไขจัดการเอง  เหตุการณ์จะคลี่คลายเหมือนรอพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า  แต่ต้องผ่านความทุกข์ก่อนถึงพบ

           "ในหลวงทรงเป็นต้นแบบของความอดทน  เคยรับสั่งว่าทรงนั่งอยู่สูงสุดบนยอดพีระมิด  สูงสุดอยู่บนยอด  แต่ประเทศไทยเป็นพีระมิดหัวกลับ  ทุกสิ่งทุกอย่างเทใส่ท่านหมด  ซึ่งพยายามเททุกอย่างใส่ท่าน  บ้านเมืองนี้พูดได้แค่นี้  ต้องอดทน  ทุกครั้งพอเหตุการณ์วิกฤติชีวิตคนเราธรรมดา  มีแดดออกต้องมีพายุ  แล้วจะมีฟ้าสดใส  ไม่มีสุขหรือทุกข์ตลอด"

4.ละความชั่ว   ให้รู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม  สละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประเทศอยู่รอด  ไม่ใช่เพื่อใคร  แต่เพื่อตัวเราเอง  จะได้อยู่บนแผ่นดินไทยไม่ใช่ฐานะผู้อพยพในประเทศอื่น  แค่บริจาคเพียง  1  ใน  62  ล้านคน  แต่นี่ไม่ช่วยกันหยอดแล้วยังทำลาย  ไม่เห็นคนไทยฆ่ากันมานานแล้ว  พูดแบบนี้เดี๋ยวโดนด่าอีก  ในชีวิตไม่เคยเห็นศัตรูต่างชาติสักคน  แต่ยังจะเดินซ้ำรอยอดีตอีก  เสียของเรื่องเล็ก  แต่เสียชีวิตคนคำนวณไม่ได้

           สุดท้ายจึงขอให้ยึดมั่นในทศพิธราชธรรม  10  ข้อของในหลวง  โดยคำว่า 

                         อวิโรธนะ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถือมากเรื่องนี้ 

           ไม่ยอมทำผิดประการใดทั้งสิ้น  ไม่ยอมทำผิดนี้ไม่ใช่ผิดหรือถูกกฎหมายเท่านั้น  แม้ขนบประเพณีวัฒนธรรม  จะทรงปฏิบัติอย่างไร   เรื่องใดนั้น

           "พระองค์ท่านจะทรงวินิจฉัยเอง  แม้เราจะดูไม่ออกว่าท่านทำไมไม่ทำแบบนั้นหรือทำแบบนี้  นั้นเราคิดตื้นๆ  ไม่มีเหตุผล  แต่ความจริงพระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์ทำผิดไม่ได้  แต่จังหวะใดท่านจะทำอะไร  พระองค์ท่านจะทรงพระวินิจฉัยเอง  พูดได้แค่นี้  ไปคิดต่อได้  หากพูดแค่นี้ไม่เข้าใจอีก  ตามสะดวก  ผมขันติไม่รู้สึกอะไรชาด้านหมดแล้ว"  ดร.สุเมธกล่าวทิ้งท้าย.

                         emo4:)) emo4:)) emo4:))

          ข่าวหน้า 1 น.ส.พ.ไทยโพสต์ วันเสาร์ 24 เมษายน 2553

             http://www.thaipost.net/news/240410/21239 (http://www.thaipost.net/news/240410/21239)

                        emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: prapasri AH ที่ 25 เมษายน 2553, 17:50:24
นำมาให้อ่านค่ะ

(http://img227.imageshack.us/img227/4382/90175106.jpg)


หัวข้อ: "อินเตอร์เนต ครบ รอบ 40 ปี เมื่อวันทีี่ 29 ต.ค.2552"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 25 เมษายน 2553, 19:20:50

           อินเทอร์เน็ต ซึ่งทำโลกใบนี้แคบลงมาอยู่เพียงปลายนิ้วมือ

             เพิ่งมีอายุครบ 40 ปีไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้เอง

                             คมชัดลึก : 31 ต.ค.2552

    (http://img217.imageshack.us/img217/2044/inventernet.jpg)

           อินเทอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นเมื่อ เลียวนาร์ด เคลนร็อค และ คณะนักวิจัยของ ม.แคลิฟอร์เนีย

วิทยาเขตลอสแองเจลิส (ยูซีแอลเอ)

           ทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งของยูซีแอลเอสามารถ "คุย" กับ คอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่

สถาบันวิจัยแห่งหนึ่งได้ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2512

           อย่างไรก็ตาม เคลนร็อค ซึ่งตอนนี้อายุอานามปาเข้าไป 75 ปีแล้ว มองว่าอินเทอร์เน็ต

เพิ่งเข้าสู่วัยรุ่น และ ยังต้องเติบโตอีกไกล แต่ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับแอพพลิเคชั่น

ใหม่ๆ อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ที่คนนำเอาอินเทอร์เน็ตไปต่อยอดพัฒนาเป็นอย่างมาก

          เคลนร็อคพูดถึงอินเทอร์เน็ตราวกับพูดถึงลูกๆ โดยบอกว่า

           ถึงแม้จะมีความประพฤติแบบผีเข้าผีออกอยู่สักหน่อย แต่อินเทอร์เน็ตก็สร้าง

ความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากให้แก่พ่อแม่ แล้วก็สังคม

          เคลนร็อคบอกว่าเขาเชื่อมาโดยตลอดว่าคอมพิวเตอร์ถูกกำหนดมาให้คุยกันได้

แล้วเครือข่ายที่เกิดขึ้นตามมาก็ควรจะใช้งานง่ายเหมือนโทรศัพท์ แล้วก็บอกว่า

ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าแม่ วัย 99 ปี ของเขาจะได้เล่นอินเทอร์เน็ตกับเขาด้วยเหมือนกัน

            สำหรับอนาคตของอินเทอร์เน็ตนั้น เคลนร็อคมองว่า

จะแทรกซึมเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่าง และก้าวเข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง

เคลนร็อคได้ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ว่า หากเขาเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

ห้องนั้นจะรับรู้ว่าตัวเขาอยู่ที่นั่น แล้วก็จะพูดคุยกลับมา

          ขอขอบคุณ น.ส.พ.คมชัดลึก ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.komchadluek.net/detail/20091031/35074/4%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95.html (http://www.komchadluek.net/detail/20091031/35074/4%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95.html)

                  emo43 emo43 emo43


หัวข้อ: 'Social network' อาวุธสื่อสารโลกออนไลน์
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 25 เมษายน 2553, 19:22:16
 
                      'Social network' อาวุธสื่อสารโลกออนไลน์

           ปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่า "Social network" (การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันใน ทิศทางใดทิศทางหนึ่ง)

          สังคมบนโลกออนไลน์กลายเป็นอาวุธลับร้ายแรงยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูไปแล้ว  เพราะตอนนี้ "Social network" ไม่ได้จำกัดเฉพาะการใช้สื่อใหม่มาทำการตลาดเท่านั้น ยังขยายวงการเชื่อมต่อไปยังโลกการเมือง

           โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ "วันวิปโยค 10 เม.ย. 2553" จนทำให้คนไทยต้องบาดเจ็บนับร้อยและเสียชีวิตถึง 25 คน  แต่ก็ไม่ได้ทำให้วิกฤติทางการเมืองยุติลง สถานการณ์ความแตกแยกขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทยยังคงดำเนินต่อไป และในปัจจุบัน "สังคมออนไลน์" ก็กำลังกลายเป็นอีกเวทีสื่อสารในเรื่องนี้อย่างเข้มข้น
 
           ***ใช้เฟชบุ๊กเป็นสื่อ รวมตัวต้านการเมือง เพราะตอนนี้กลุ่มเสื้อหลากสีโดยการรวมตัวของ

                      (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1fipj-f90afa.jpg)

          น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติ รวมตัวกันออกมาต่อต้านเรียกร้องให้คนเสื้อแดงคืนพื้นที่แยกราชประสงค์ให้คนกรุงเทพฯ และให้กำลังใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ต่อไป อย่ายุบสภา อย่าลาออก พร้อมทั้งแจกสติกเกอร์เขียนข้อความไม่ยุบสภา แจกใบปลิว และล่ารายชื่อถอดถอน ส.ส.จำนวน 3 คน คือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ,นายการุณ โหสกุล และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

           ที่สำคัญไปกว่านั้นการรวมตัวของกลุ่มเสื้อหลากสีไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่เพียงการระดมพลเท่านั้น แต่ทว่า น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ยังใช้  Social network ทั้งเฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ เป็นสื่อแสดงเพื่อความสันติภาพ และ ยุติความรุนแรง

           ว่ากันว่าการรวมตัวในวันที่ 15 เมษายน 2553 ที่ผ่านมาของกลุ่มเสื้อหลากสี และ การใช้สื่อผ่านเฟชบุ๊กรวบรวมได้ประมาณ 1 พันคนออกมาต่อต้านคัดค้านกลุ่มคนเสื้อแดง นอกเหนือจากนี้ยังมีสมาชิกเฟชบุ๊กอีกจำนวน 300,000 คน

           ทั้งนี้ข้อเรียกร้องของกลุ่มเสื้อหลากสีเรียกร้องต่อคนเสื้อแดงดังนี้

1.หยุดล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ และที่ปรึกษาของพระองค์

2.หยุดการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงและอาวุธสงครามที่ก่อให้เกิดการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์

3.หยุดการใช้ความเท็จหลอกหลวงผู้ชุมนุมให้เกิดความแตกแยก

4.หยุดการข่มขู่ บังคับผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดให้ชุมนุมต่อ และ

5.หยุดการชุมนุมที่กีดขวางการจราจรที่สำคัญโดยเฉพาะบริเวณสี่แยกราชประสงค์

           นายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัณฑิต เซ็นเตอร์ จำกัด และ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.kapook.com เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า

           ขณะที่บรรดานักการเมืองเกือบทุกพรรคก็ยังพึ่งช่องทางของ เฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ ในการติดต่อสื่อสารตัวอย่างที่ชัดเจนและโดดเด่นทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงกับเปิดเว็บไซต์ภายใต้ชื่อ www.abhisit.org ไม่นับรวม เว็บไซต์ของสื่อต่างๆ และพรรคการเมืองต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อยที่เปิดให้ประชาชนติดตามเนื้อหา ความเคลื่อนไหวด้านต่างๆในเว็บไซต์ของตน

           เรียกได้ว่าตอนนี้ Social network หรือ สังคมเสมือนจริงสามารถเชื่อมต่อโลกให้แคบลงได้ถนัดตา และ ถือว่าเป็นอาวุธร้ายแรงบนโลกไซเบอร์ หรือ ว่าไม่จริง!!!

                      emo4:)) emo4:)) emo4:))

          ขอขอบคุณ น.ส.พ.ฐานเศรษฐกิจ  22 - 24  เมษายน พ.ศ. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

           http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=28489:social-network-&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=494 (http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=28489:social-network-&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=494)

          เวบซีมะโด่งของเราก็เป็นหนึ่งใน 'Social network' ที่เชื่อมโยงให้ออนไลน์ติดต่อกัน เป็นการระดมความคิด จากหลากหลายสาขา มาร่วมกันคิด คิดต่างได้ แต่ไม่ใช้ความรุนแรง

                     emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: "ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้สังคมไทยแตกแยกเพราะขาดคุณธรรม"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 29 เมษายน 2553, 08:23:31

                          ผู้ตรวจชี้สังคมไทยแตกแยกเพราะขาดคุณธรรม
          ไม่รู้อะไรถูก ผิด วอนทุกภาคส่วนช่วยเยียวยา-นำความสุขสงบกลับคืนสู่สังคม

           เมื่อวันที่ 28 เม.ย. น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้จัดประชุม

          “การบริหารจัดการโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมสำหรับผู้บริหาร”

                        การดำเนินกิจกรรมและสรุปผลการศึกษาดูงาน ณ

          มูลนิธิพุทธฉือจี้ ประเทศไต้หวันในโครงการพัฒนาคุณธรรมความดี

                  รุ่นที่ 2 ณ ห้องประชุม 901 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

                             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1l9q1-45c9ae.jpg)                             (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1l9t1-2b3fbf.jpg)

          โดยมีนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ และศาสตราจารย์ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุม มีคณะศึกษาดูงานที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 40 คนเข้าร่วม ประกอบด้วย

           พระสงฆ์ ผู้พิพากษาสมทบ กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน อาจารย์ ผู้บริหารบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

           “ที่ประชุมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในสถานศึกษา และหน่วยงานของตนเอง โดยทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่า

           สังคมที่เสื่อมคุณธรรมจริยธรรม เหมือนร่างกายที่อ่อนแอ การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน จึงควรเริ่มปลูกฝังตั้งแต่วัยแด็กในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ ให้มีคุณธรรมความดีงามเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ”ผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าว

           ด้านศาสตราจารย์ ศรีราชา กล่าวว่า การไปศึกษาดูงานที่มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวัน ได้เห็นสิ่งสำคัญคือกระบวนการสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้ดำรงอยู่ในใจของคนไต้หวันเกือบจะทั้งประเทศได้ ซึ่งอาศัยเวลาที่ยาวนานพอสมควร การส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมต้องขับเคลื่อนทั้ง 2 ระดับได้แก่ การปลูกฝังคุณธรรมใน

           เด็กและเยาวชนโดยเริ่มจากสถานศึกษาและครอบครัว ควบคู่ไปกับการปลุกจิตสำนึกของ

           คนในวัยทำงานจนถึงผู้สูงอายุ เพื่อลดช่องว่าง อย่างเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองปัจจุบัน เพราะ

           คนขาดคุณธรรม ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาของประเทศที่ต้องแก้ไขเยียวยาอย่างเร่งด่วน

         “สำหรับการสร้างจิตอาสาในแนวทางของฉือจี้เป็นการสร้างคุณธรรมที่ยั่งยืน เพราะเมื่อคนเรารู้จักที่จะเป็นผู้ให้ ไม่เห็นแก่ตัว เสียสละเพื่อส่วนรวมได้ คุณธรรมความรับผิดชอบจะเกิดและเมื่อความสุขเกิดขึ้นในใจ

           ถ้าเราสามารถปลูกให้คนมีสำนึกที่ดีในด้านคุณธรรมจริยธรรม เขาจะสามารถนำไปใช้เป็นกรอบในดำเนินชีวิตและประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกต้อง ไม่มั่วสุมในสิ่งที่ไม่ดี นำพาสิ่งดีๆมาสู่ตนเอง ครอบครัวและสังคม

           ดังนั้นทุกภาคส่วนของสังคมต้องร่วมมือกัน ยิ่งทำได้เร็วก็จะยิ่งช่วยให้สังคมกลับคืนสู่ความสงบสุขได้เร็วขึ้น ส่วนการขับเคลื่อนในระดับสถานศึกษาเชื่อว่าผู้รับผิดชอบ ต่างมีแนวคิดที่ดีและพร้อมจะดำเนินการอยู่แล้ว เห็นได้จากการส่งเสริมการทำความดีงามหรือการช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนและความภาคภูมิใจในตนเอง”ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว

                      ขอขอบคุณ น.ส.พ.คมชัดลึก วันพุธ ที่ 28 เม.ย. 2553                 http://www.komchadluek.net/detail/20100428/57279/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.html (http://www.komchadluek.net/detail/20100428/57279/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.html)

                                             emo6::)) emo6::)) emo6::))

                                        นำมาให้พวกเราได้ทราบ ว่า

        สังคมดีไม่มีขาย อยากได้สังคมดี พวกเราทุกคนต้องร่วมกันสร้างสังคมดีด้วย

                                          (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1lesk-4cb233.jpg)

                สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ที่เสนอโดย ท่าน ศ.น.พ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน เพื่อนำมาทำในสิ่งที่ยาก ๆ ๆ ๆ ได้แ่ก่  

ด้านที่ 1 การให้ความรู้ว่า คุณธรรม มีประโยชน์ต่อสังคม มากอย่างไร มีศาสนาทุกศาสนาสอน

ด้านที่่ 2  กลุ่มคนที่ได้รับความรู้ นำมาสร้างวัฒนธรรม สร้างสังคมของศาสนิกชนแต่ละศาสนา

ด้านที่ 3  เรามีศาสนาเป็นด้านที่ 1 สอนแล้ว มีศาสนิกชนเป็นด้านที่ 2 แล้วแต่โลกก็ยังคงวุ่นวาย

             ต้องมีด้านที่ 3 คือ ด้านการทำให้เกิดขึ้น

ด้วยด้านบวก ทำตามแล้วได้ประโยชน์

ด้วยด้านลบ ไม่ทำตาม จะเสียประโยชน์ หรือ ถูกลงโทษ จึงจะสร้างสังคมที่ดีได้

ด้านที่ 3 นี้เป็นด้านบริหาร ที่ผู้บริหารต้องสร้างกลวิธีเชิงบวก หรือ เชิงลบ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติขึ้น เพื่อสร้างจริยธรรม สร้างสังคมที่ดีได้


                                           emo28:win: emo28:win: emo28:win:



หัวข้อ: การสาธารณสุขมูลฐาน ทำให้รายจ่าย สุขภาพเหลือ 1 % จริง
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 05 พฤษภาคม 2553, 08:52:05

สปสช.โวบัตรทอง ช่วยลดรายจ่าย สุขภาพเหลือ1%
ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยโพสต์ วันจันทร์ ที่ 3 พฤษภาคม 2553

http://www.thaipost.net/news/030510/21634 (http://www.thaipost.net/news/030510/21634)

สปสช.เผย ผลการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพ 8 ปี พบ
ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนไทยลดลงจากร้อยละ 8 ในปี 45 เหลือเพียงร้อยละ 1 ในปี 52

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1x97h-12e116.jpg)

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า

ขณะนี้พบว่ามีประชาชนกว่า 47 ล้านคนเข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น
นับจากเริ่มโครงการในปีแรก 2545 จนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 8 พบว่า

ที่ผ่านมารัฐบาลในแต่ละสมัยได้จัดงบฯ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีอัตราเพิ่มขึ้น 224%
จากข้อมูลการเงินหน่วยบริการ กลุ่มประกันสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

พบว่า

มีแนวโน้มเงินสดคงเหลือของ รพ.สังกัด สธ. ปี 2545-2552 สูงขึ้นเรื่อยๆ
จากปี 2545 มีเงินสดคงเหลือ 14,605 ล้านบาท และในปี 2552 มีคงเหลือ
42,968 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่หนี้สินของ รพ.เหล่านี้ปี 2552 พบประมาณ 16,000 ล้านบาท เมื่อหักลบแล้ว
ยังนับว่าสอดคล้อง

สะท้อนให้เห็นว่า

การมีระบบหลักประกันสุขภาพ

ไม่ได้ทำให้ รพ.ทั้งระบบเป็นหนี้และประสบภาวะล้มละลาย
เนื่องจากมีเงินเข้าระบบมากขึ้น แม้จะมีรายจ่ายมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถจัดการได้

เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า

ในส่วนของประชาชนนั้นจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า

ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนลดลง

โดยก่อนมีระบบหลักประกันสุขภาพในปี 2533-2544
ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนเทียบกับรายได้ครัวเรือนสูงถึงร้อยละ 8.17

แต่หลังมีระบบในปี 2545-2549 ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพลดลงเหลือร้อยละ 1.27 เท่านั้น

โดยสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งสำรวจตั้งแต่ปี 2546-2552

โดยในปี 2552 ในส่วนของผู้รับบริการมีความพึงพอใจร้อยละ 89.3
เพิ่มจากปี 2545 ที่มีความพึงพอใจร้อยละ 83

สำหรับผู้ให้บริการมีความพึงพอใจร้อยละ 60.3
เพิ่มจากปี 2545 ที่มีความพึงพอใจร้อยละ 45.6

สำหรับจำนวนการใช้บริการผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น
ซึ่งในปี 2552 มีการใช้บริการผู้ป่วยนอก 140.7 ล้านครั้ง
เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ในอัตราร้อยละ 32 และ

จำนวนการใช้บริการผู้ป่วยในปี 2552 จำนวน 5.21 ล้านครั้ง
เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ในอัตราร้อยละ 23

แสดงว่าประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น.

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

เนื้อหาจากข่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า

ตัวชี้วัดสุขภาพดีถ้วนหน้า 4 ตัวชี้วัด
ของสาธารณสุขมูลฐาน คือ

ตัวที่ 1 การมีสิ่งจำเป็นพื้นฐาน(จปฐ.)ถ้วนหน้า
ตัวที่ 2 ประชาชนมีส่วนร่วมในการมีสุขภาพดี
ตัวที่ 3 การเข้าถึงบริการได้สะดวก และ
ตัวที่ 4 สถานพยาบาลที่ให้บริการมีคุณภาพ

จากการดำเนินการของสปสช.มีผลจากการประเมินผลได้ดีขึ้นจริง
ต้องทำต่อเนื่องให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

โดยกระทรวงสาธารณสุข กำลังจัดการให้มี

โรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.)ที่พัฒนามาจาก
สถานีอนามัยเดิม อยู่ใกล้บ้าน โดยมีแพทย์ ร.พ.อำเภอรับผิดชอบประจำ
ทั้งมาด้วยตนเอง หรือ ทางเทคโนโลยี่การสื่อสาร

จะทำให้ตัวชี้วัดตัวที่ 3 สถานพยาบาลใกล้บ้าน และ
ตัวที่ 4 บริการอย่างมีคุณภาพ  ทำได้สำเร็จ
จะสามารถลดรายจ่าย สุขภาพที่น้อยกว่า 1 % ลงได้อีก
เช่น เป็นหวัด ได้รับการรักษาทันที  จะลดการเกิดโรคแทรกซ้อนปอดอักเสบ
ค่ารักษาแพง และ อาจเสียชีวิตได้ด้วย
การสาธารณสุขมูลฐานจึงเป็นหนทางให้เกิดสุขภาพดีถ้วนหน้าตามOttawa Charterจริง emo4:))พวกเรา

ดู การสาธารณสุขมูลฐาน ได้ที่กระทู้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html)

 emo43 emo43 emo43



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 05 พฤษภาคม 2553, 10:06:10

มาร์ติน วีลเลอร์ บัณฑิตเกียรตินิยม อันดับหนึ่ง เคมบริดจ์
" คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก
ทั้ง ๓ อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ "
ได้มาจากอีเมลล์ ที่ได้รับมา

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xebl-5b3a4d.jpg)

นิยามความรวยกับความจน

มันเป็นเรื่องแปลกนะที่ประเทศไทยคนยากจนมีหนี้สินเยอะ  

ที่อังกฤษมีแต่คนรวยที่มีหนี้สิน  

คนจนไม่มีหนี้เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน   เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์มีหนี้สิน  

แต่คนรวยยืมเงินได้  

คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่

ที่ขอนแก่น เขาว่าผมบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงิน

แต่ผมบอกว่าไม่ใช่ ผมรวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไง ผมบอกว่า

๑ . ผมมีบ้าน  

ผมทำบ้านเล็ก ๆ เป็นกระท่อมน้อย ๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา ชาวบ้านเรียกว่าเถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก

ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผม ไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับ

มันกันแดด - กันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว

๒ . มีที่ดินแค่ ๖ ไร่เท่านั้นเอง  

ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอกมีนิดเดียว แต่สำหรับฝรั่งมันเยอะมาก

จริง ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ   เป็นพื้นฐานของชีวิต  

เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านาย

เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา  

ถ้าเราไม่มีเงินเขาก็ไล่เราออก   เราไม่มีที่อยู่นะ  

เพราะฉะนั้นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อน

ซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผมจะต้องมีบ้านแน่ ๆ ด้วย

เรื่องเกษตรผมทำไม่เก่ง

แต่ที่ทำได้ง่าย คือปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน  

ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก  แค่ ๒๕ - ๓๐ ปี ตัดได้แล้ว

ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปีได้เท่านี้เอง เพราะอากาศเย็น  

เป็นเรื่องแปลกที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย ... มันร้อน ๆ

ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี แสงแดดเยอะจะทำการเกษตรได้ตลอดเวลา ๑ ปี ทำได้ทุกวัน

แต่คนไทยจะบ่นว่าร้อน ๆ ไม่เอา .. ไม่เอา .. อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า

แต่คนอังกฤษเขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน  เพราะว่าไม่มีปัญญาจะไปเมืองนอก

ซึ่งกลับกันเลย แม้แต่พ่อของผมเขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน

ให้ดูเป็นแบบคนมีสตางค์ แต่คนไทยกลับอยากมีผิวขาว

วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์

ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑

สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเรา คือ

๑ . ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองให้ได้   จึงจะถือว่าชีวิตประสบความสำเร็จ

๒ . ต้องมีงานทำทุกวัน  ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้มีงานทำทุกวัน ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า

วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่าลูกมีงานทำ คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น

ผมคิดว่าคนชนบทจริง ๆ  ใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน

เว้นแต่คนขี้เกียจ ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะแต่ไม่ยอมทำ

ถ้าเราสั่งสอนให้ลูกรู้จักทำมาหากินเขาก็ไม่ตกงาน

ผมถือว่างานที่อิสระและมีประโยชน์มากที่สุด คืองานเกษตร ซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน

คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ  ผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร  

อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย

กินอาหารที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้แต่อิ่มทุกวัน

เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร   ลูกของผมก็จะรวยที่สุด ... ฯลฯ

จุดอ่อน - จุดแข็งของคนไทย

ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยหมด

คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน

ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยมนานแล้ว เช่น อังกฤษ, สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก

แต่คนไทยก็คิดว่าเมืองนอกดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ  

คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจประเทศไทย

ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม

ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม อันนี้เป็นจุดอ่อนนะ

แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

แผ่นดินประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มาก ๆ  

มีดินเยอะมาก   น้ำเยอะมาก   แสงแดดเยอะมาก   ทำเกษตรอยู่รอดแน่  

เป็นพลังแผ่นดิน ใคร ๆ ก็อยากได้ประเทศไทย

ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่

คนไทยโชคดีมาก ๆ ที่ได้ในหลวงเป็นผู้นำ  

พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมากเพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้  

จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้  

ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง   แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง

พระองค์ท่านบอกมา ๒๗ ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง

แต่คนไทยก็ไม่รู้จักพอเพียง เอาอย่างเดียว

ถึงยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิตไม่ได้ทำตามในหลวง

ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน

ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริง ๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้

เพราะความคิดของในหลวง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยพลังแผ่นดิน

ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะเศรษฐกิจพอเพียง

ที่อื่นทำไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย

พวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดี ๆ   ได้ผู้นำ ( ในหลวง ) ที่ดีด้วย

และเรื่องที่ ๓ เรื่องศาสนา  

ผมคิดว่า ศาสนาพุทธมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับคนไทย

ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ แค่นั้นไม่พอ

แต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วยนะ มักน้อย สันโดษ พอเพียง  

ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่าย ๆ   พึ่งตนเองก็ได้  

ปรัชญาของศาสนาพุทธทำได้นะ แต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ  

จริง ๆ แล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับคนบ้านนอก

ให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติโดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

อยากบอกอะไรคนไทย

คุณโชคดีมาก ๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์

ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมันจากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น

ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก

อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง

คนไทยส่วนมากนิสัยดีจริง ๆ   คนไทยมีน้ำใจ หายากนะ

คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก ทั้ง ๓ อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้

ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป คือชีวิตที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้

ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จแต่มั่นใจว่า จะทำได้แน่ในอนาคต

ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ

ทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย

พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก

พยายามรักษาสิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

ขอขอบคุณข้อมูลจาก chaiyo.com

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xebl-5b3a4d.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xegj-4cc7b0.jpg)

หน้าบ้าน หลังเก่าของเขา เมื่อครั้งมาอยู่ใหม่ๆ

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xei9-357b9f.jpg)

แทบทุกเช้าที่เขาและครอบครัว ใส่บาตรพระด้วยความศรัทธา

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xei9-357b9f.jpg)

กว่าจะถึงวันนี้ ที่ความภาคภูมิใจของชีวิต
แล้วสามารถโชว์ความดีงามให้ประจักษ์ แก่บัณฑิต และบุคคลสาธารณะ
 
(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xekn-c3eb0f.jpg)

ท่ามกลางสวนป่าของเขา   ที่สักวันมันคือสมบัติอันล้ำค่าของเขาครอบครัวและสมบัติของแผ่นดิน

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xelz-ddbad9.jpg)

นิสิต นศ . มาดูงานและชื่นชมเขาและครอบครัวอยู่เสมอ

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xena-522ee7.jpg)

มาติน กำลังพาหลวงพ่อสังคม ชื่นชมผลงานเกษตรพอเพียงของเขา

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xeoj-722f48.jpg)

Martin and Family in England

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l1xeq4-1dd8f1.jpg)
 
ถ้าหากท่านผู้อ่าน ตาสว่าง ขึ้นมาแล้ว ( ทั้งก่อนอ่าน หรือ หลังอ่าน ) โปรดส่งต่อๆ กันไป ให้คนไทยเราได้อ่านกันนะครับ

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียง มีชีวิตที่พอมีพอกิน มีความสุข กว่า
มีชีวิตที่ต้องต่อสู้เพื่อแสวงหา และสะสมหาทรัพย์สมบัติส่วนเกินของชีวิต

 emo26:D emo26:D emo26:D
 


หัวข้อ: บึงกาฬ' จังหวัดน้องใหม่ ความปลื้มใจของชาวหนองคาย
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 08 พฤษภาคม 2553, 07:57:11

                    บึงกาฬ' จังหวัดน้องใหม่ ความปลื้มใจของชาวหนองคาย

           ประเทศไทยเวลานี้มีจังหวัดด้วยกันทั้งสิ้น 76 จังหวัด แต่อีกไม่นานนักเราจะมีจังหวัดที่ 77 เกิดขึ้นนั่น คือ

                                         "จังหวัดบึงกาฬ"

           กระทรวงมหาดไทยจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอเป็นพ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัด หลังจากที่มีการร้องขอมาตั้งแต่ปี 2537  ตามข้อเสนอของ นายสุเมธ พรมพันห่าว ส.ส.พรรคเสรีธรรม จ.หนองคาย

           ข่าวนี้สร้างความดีใจให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชาวบึงกาฬ เพราะพวกเขาเหล่านั้นรอคอย และตั้งความหวังมานาน เนื่องจากสภาพพื้นที่อยู่ไกล กันดาร ความเจริญยังเข้าไม่ถึง แต่ต่อไปนี้ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ !!!

          นายเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ นายอำเภอบึงกาฬ  จ.หนองคาย เปิดใจกับ "ไทยรัฐออนไลน์" เป็นเรื่องที่น่ายินดีแทนพี่น้องชาวบึงกาฬ และอำเภอใกล้เคียง ที่จะได้มารวมตัวกันเป็นจังหวัดใหม่ เพราะจะทำให้สิ่งต่างๆ ในการอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น สาธารณูปโภค ถนนหนทาง การคมนาคม ที่สำคัญคือเรื่องเศรษฐกิจ จะเข้ามามากขึ้น และจะมีความมั่นคงและเจริญมากขึ้นกว่าตอนที่เป็นแค่อำเภอ

           ส่วนเรื่องความคิดเห็นของชาวบ้านนั้น 95% ของชาวบ้านทั้งหมดก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ เพราะก่อนที่จะมีการเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ก่อนชาวบ้านในทุกภาคส่วนก็เห็นด้วย รวมทั้งภาคเอกชนก็ให้การสนับสนุน ประชาชนส่วนใหญ่ในอ.บึงกาฬ 95% ล้วนแต่เป็นสัญชาติไทยทั้งสิ้น ถึงพื้นที่ส่วนหนึ่งของเราจะติดกับประเทศลาวก็ตาม ไม่ได้มีปัญหาเรื่องของคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง เพราะทางเราจะมีมาตรการจัดการอยู่แล้ว

          "คิดว่าพอได้เป็นจังหวัดแบบเต็มตัว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งในเรื่องของความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เรื่องของเศรษฐกิจ จะมีความเจริญมากขึ้น เพราะโดยส่วนมากการกระจายความเจริญจะมาจากจังหวัด และมาสู่อำเภอ ก่อนส่งต่อไปสู่หมู่บ้านต่างๆ เพราะฉะนั้นการที่จะได้เป็นจังหวัดนี้ มันจึงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ"

          "บึงกาฬ" เป็นอำเภอหนึ่งของจ.หนองคาย มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง มีน้ำตก มีภูเขา เป็นอำเภอที่มีเขตพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง และฝั่งตรงข้ามแม่นำ้โขงจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว) มีการคมนาคมที่สะดวก

           มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงคือ

ทิศเหนือติดกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
ทิศตะวันออกติดกับอำเภอบุ่งคล้า
ทิศใต้ติดกับอำเภอเซกา อำเภอศรีวิไล อำเภอพรเจริญ และอำเภอโซ่พิสัย
ทิศตะวันตก ติดกับอำเภอปากคาด

           ก่อนหน้านี้ทางจ.หนองคายได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 366,903 คน ปรากฏว่า

ประชาชน 98.83% เห็นด้วยในการจัดตั้งจ.บึงกาฬ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 126 แห่ง 96.04% เห็นด้วย
หัวหน้าส่วนราชการในอำเภอและจังหวัดเห็นด้วย 100%

           ซึ่งได้มีการจัดแบ่งอำเภอ จากเดิมทั้งหมด 17 อำเภอ ออกเป็น

           อำเภอที่อยู่ในจ.หนองคาย เหลือ 9 อำเภอ ประชากร 506,343 คน ประกอบด้วย อ.เมือง, ท่าบ่อ, โพนพิสัย,ศรีเชียงใหม่, สังคม, สระใคร, เฝ้าไร่, รัตนวาปี และโพธิ์ตาก

           ส่วนอำเภอที่จะอยู่ในจ.บึงกาฬ มี 8 อำเภอ ประชากร 399,233 คน ประกอบด้วย อ.บึงกาฬ, เซกา, โซ่พิสัย, พรเจริญ, ปากคาด, บึงโขงหลง, ศรีวิไล และบุ่งคล้า ซึ่งในส่วนของอ.บึงกาฬ ได้มีสถานที่ราชการสำคัญหลายแห่งตั้งอยู่ เพื่อรองรับการเป็นจังหวัดอยู่ก่อนแล้ว เช่น ศาลจังหวัดบึงกาฬ, อัยการจังหวัด, เรือนจำจังหวัดบึงกาฬ เป็นต้น

             ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐออนไลน์ ที่เอื้อเฟื้อข่าว
                      วันเสาร์ ที่ 8 พฤษภาคม 2553
          http://www.thairath.co.th/content/region/81547 (http://www.thairath.co.th/content/region/81547)

                          emo26:D emo26:D emo26:D

        ขอแสดงความยินดีกับชาวหอฯ จาก จ.บึงกาฬ ด้วยครับ

                          emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)




หัวข้อ: "เรื่อง โง่ วิธีสร้างผู้นำในระบบราชการที่ผลการปฏิบัตินำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 09 พฤษภาคม 2553, 08:37:24

ภาพบรรยากาศ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้รับเกียรติให้เป็นวิทยากรในหลักสูตร
การบริหารงานยุติธรรมระดับสูง ของสำนักงานกิจการยุติธรรม
โดยมีคุณศิวากร คูรัตนเวช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
และคณะต้อนรับ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม 2553 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ

บรรยากาศของผู้เข้ารับการอบรม และการทำ Workshop

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l24msw-934f6c.gif)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l24mu3-162cf7.gif)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l24mvj-6cd1be.gif)

ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว ก่อนออกจากห้องมี นายตำรวจระดับพันเอกพิเศษ บอกผมว่า
เขาไม่ชอบใจที่พิธีกรแนะนำว่า ผมจบ Ph.D ที่ไหน เขาบอกว่า

ดร.จีระ จบ Ph.D จากมหาวิทยาลัย ชีวิต

จึงเป็นความพึงพอใจที่ผมได้รับฟังว่าความรู้ผมมีประโยชน์และสร้างโอกาสกระตุ้นให้
ลูกศิษย์ C9 ทั้ง 36 คนได้ความรู้ที่แท้จริงและไปปรับ พฤติกรรมของตัวเอง ค้นหาตัวเอง

ในการทำ Workshop ผมถามว่า

ถ้าจะพัฒนาผู้นำทุกระดับในกระบวนการยุติธรรมจะทำอย่างไรให้ได้ผล ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะ
ที่ผ่านมาระดับอธิบดีหรือปลัดกระทรวงมักจะมอบให้

ฝ่ายบุคคลหรือฝ่าย HR ทำ

แต่ความจริง

ผู้นำสูงสุดขององค์ต้องนำและทำด้วย

และ

ข้อเสนอของกลุ่มได้วิเคราะห์ว่า จะทำสำเร็จได้ต้อง

* ผู้นำระดับสูงจะต้องเอาจริง หมายความว่าระดับอธิบดีหรือปลัดกระทรวงต้องเอาจริงกับการสร้างผู้นำ ซึ่งผมภูมิใจมากเพราะข้าราชการที่เรียนกับผม อีก 2 - 3 ปี ก็จะขึ้นไปเป็นระดับสูงและเขาคงเห็นความสำคัญของการสร้างผู้นำในองค์กรของเขา

* และผู้นำระดับสูงต้องเป็น แมวมอง ว่ามีใครบ้างอายุไม่เกิน 35 ลงมาที่มีแววผู้นำ

* ให้เขาเหล่านั้นได้สำรวจศักยภาพของเขาว่าจุดอ่อน จุดแข็ง เป็นอย่างไรและให้มีการพัฒนาอย่างจริงจัง ไม่ใช่ แค่ ฝึกอบรม ต้องให้เขามีทั้งบุคลิก มีทักษะ มี Vision มี Trust มีประสบการณ์แบบ Mentoring เพื่อให้เดินหน้าสำเร็จ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จระบบเกียร์ว่างของตำรวจมะเขือเทศ และทหารแตงโมก็คงไม่เกิดเพราะ ทุกคนจะรู้หน้าที่ที่สำคัญของตัวเองและผมเชื่อว่า ถ้าเขาเหล่านั้นเป็นเกียร์ว่างจะสำนึกผิดได้

ซึ่งวิธีการแบบนี้ เรียกว่า เป็น

ทฤษฎีของ Ram Charan เรียกว่า Apprenticeship Model
ซึ่งผมได้สรุปตารางมาให้ดู

วิธีการพัฒนาผู้นำแบบเก่า
Conventional Leadership Development

เน้นที่สิ่งที่ใส่เข้าไป (inputs) เช่น ชั่วโมงเรียน จำนวนเงินที่ใช้
ส่วนใหญ่ใช้เงิน
ใช้ทรัพยากรแบบกระจายไปทุกกลุ่ม
เป็นหน้าที่ของ HR
มีการกำหนดคุณลักษณะและสมรรถนะของผู้นำแบบ กว้าง ๆ และคล้าย ๆ กันสำหรับผู้นำทุกระดับ
การเพิ่มขึ้นมีลักษณะเป็นขั้นเป็นตอน
เน้นการฝึกอบรมในห้องเรียน
พัฒนาไปเรื่อย ๆ ไม่มีการเปลี่ยนงาน

วิธีการพัฒนาผู้นำแบบใหม่
Apprenticeship Model

เน้นที่ผลลัพธ์ (output) คือ เราได้ผู้นำที่เราต้องการหรือไม่ (ทั้งปริมาณและคุณภาพ)
ส่วนใหญ่ใช้ความสนใจ เอาใจใส่ และความรู้สึกของผู้นำ
ใช้ทรัพยากรอย่างมีเป้าหมาย
เป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงขององค์กร โดยมี HR เป็นผู้ช่วย
มีการกำหนดลักษณะและสมรรถนะของผู้นำเป็นรายบุคคลโดยดูจากทักษะ สมรรถนะ ความสามารถ พรสวรรค์ ฯลฯ
การเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว อาจเพิ่มขึ้นพร้อมกันในหลายระดับ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
เน้นการฝึกปฏิบัติจริง และฝึกจากการจำลองสถานการณ์
เมื่อรู้ศักยภาพของผู้นำแล้ว ก็อาจจะสร้างหรือออกแบบงานใหม่ที่เหมาะสม

สรุปก็คือ ช่วงความปรองดองของคุณอภิสิทธิ์จะต้องพัฒนาผู้นำในวงการราชการและข้าราชการฝ่ายความมั่นคง ซึ่ง Roadmap คงไม่ใช่แค่วันที่ 14 พฤศจิกายน แค่เลือกตั้งต้องไกลกว่านั้น

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
dr.chira@hotmail.com
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์0-2273-0181

ขอขอบคุณ น.ส.พ.แนวหน้า วันเสาร์ ที่ 8 พ.ค.53 และ อ่านบทความทั้งหมด ได้ที่
http://www.naewna.com/news.asp?ID=210278 (http://www.naewna.com/news.asp?ID=210278)

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

ขอนำข่าวมาให้พวกเรา ที่เป็นผู้นำองค์กร หรือ ว่าที่ผู้นำ ได้นำไปคิดเป็นแนวทางการนำที่ดี

 emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 พฤษภาคม 2553, 09:17:34

นิทานเรื่อง....เเม่มด ถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน ดีมาก ๆ ...อ่านให้จบนะได้รับมาจากอีเมลล์

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2c6mk-b2483e.jpg)

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..... อาเธอร์ถูกจับและจะถูกประหารชีวิต

แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ ถ้าหากเขาสามารถตอบ ปัญหาแสนยากข้อหนึ่ง ได้ถูกต้อง
อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้ เขาก็จะถูกประหาร ' คำถามนั้นคือ ....

สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?'

ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง
เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและ เริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน
แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2c5gy-bfdd11.jpg)

คนส่วนมาก แนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ
แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพง แล้ววันสิ้นปีก็มาถึง อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น

แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อนนังต้องการแต่งงานกับ

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2c5th-de009a.jpg)

กาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของเหล่าอัศวินโต๊ะกลมและเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์

อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ เพราะยายแก่หลังโกง มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนโถส้วม
ชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน

ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้นเขายอมแต่งงาน
เพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม

และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์

' สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือ การได้เป็นตัวของตัวเอง '

ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และ
อาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง

 emo26:D emo26:D emo26:D

แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติ
ทั้งสุภาพอ่อนน้อม ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ
ทั้งเรอ ทั้งตด ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และ แล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง

กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยอง

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2c6cw-7b686a.jpg)

เขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์ ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอง!!!! หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่
เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า กาเวนงุนงง ??? สาวแสนสวยเฉลยว่า

เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน ( เมื่อยามเป็นแม่มด)ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน
เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่า รังเกียจส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้

กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน ? เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!!

กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง

หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง
แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด ?

หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน
แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี ??

เป็นคุณหล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร ???

( กรุณาหยุดคิดสักนิดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ค่อย scroll ลงไปอ่านนะ )





























เอาละ.. เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่ ข้างล่างนี้ กาเวนตอบว่า

' เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง '

เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอ จึงประกาศก้องว่า

เธอจะสวยตลอดเวลา เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง

นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...

1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่
นั้นขึ้นอยู่กับ ความประพฤติของผู้ชาย

อย่าลืมส่งต่อนะ

ส่งมากกว่า 2 คน....
ขอให้พบรักแท้... สาธุ!!!!!!!

 emo6::)) emo6::)) emo6::))



หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 13 พฤษภาคม 2553, 10:21:29

เอาล่ะสิ.....น้ำมันพืช…  อันตรายระดับชาติ !!!

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2c9ao-4b233d.jpg)
  
คนไทยตาสว่างเสียที… เลิกเสียเงินซื้อยาฝรั่ง  ต้นเหตุเพียงแค่น้ำมันพืชเคลือบระบบดูดซึม
    
อดีตเมื่อก่อน 30 ปีที่แล้ว คนไทยใช้น้ำมันมะพร้าว และ น้ำมันหมูทำกับข้าว  
จู่ ๆ โฆษณาฝรั่ง มากล่าวโทษวิถีไทยเดิม ๆ อ้างว่าน้ำมันมะพร้าว และ น้ำมันหมู
ทำให้คลอเลสเตอรอลสูง เพราะจับตัวเป็นไข   วิธีแก้คือ การใช้น้ำมันพืช
  
ปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้น้ำมันพืช เพราะความเชื่อที่ถูกฝรั่งฝังหัวมา
แต่ปรากฏว่าอัตราการเป็นโรคต่างๆไขมันในเลือดสูง,โรคหัวใจ,โรคไต,ภูมิแพ้ เป็นต้น มากขึ้น
  
วงการสุขภาพของตะวันตก เพิ่งจะมาตาสว่างเมื่อค้นพบโทษของน้ำมันพืช  
สหรัฐ ฯ ได้ออกมาตรการลด ละ เลิก ใช้ น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี(transfat oil) ในหลาย ๆ รัฐ

ท่านสามารถอ่านข่าวเหล่านี้ได้  เช่น

อาร์โนลด์ ชวาชเนกเกอร์ ผู่ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กับการแบนการใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี  
 โดยกล่าวว่า “การใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ…”
http://gov.ca.gov/press-release/10291/ (http://gov.ca.gov/press-release/10291/)
  
รัฐเท็กซัส…พระราชบัญญัติ ขจัดน้ำมันพืชแปรรูปให้หมดจากร้านอาหาร ภายใน สิงหาคม 2553  
http://dallas.bizjournals.com/dallas stories/2009/05/04/daily72.html (http://dallas.bizjournals.com/dallas stories/2009/05/04/daily72.html)
  
KFC เริ่มเห็นโทษของน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี  ออกเมนูไร้น้ำมันพืช Transfat
 http://abcnews.go.com/Health/OnCall/story?id=2615217< /FONT> (http://abcnews.go.com/Health/OnCall/story?id=2615217< /FONT>)
  
McDonald ประกาศเริ่มใช้น้ำมันชนิดอื่น แทนน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีเมื่อปี 2007
http://www.msnbc.msn.com/id/16873869/ (http://www.msnbc.msn.com/id/16873869/)
  
Dunkin Donut ประกาศเลิกใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีตั้งแต่ปี 2550
https://www.dunkindonuts.com/aboutus/press/PressRelease..aspx?viewtype=current&id=100102  (https://www.dunkindonuts.com/aboutus/press/PressRelease..aspx?viewtype=current&id=100102)
  
เว๊บไซท์ ต่อต้าน transfat  http://www.bantransfats.com/  (http://www.bantransfats.com/)
  
โรคที่มากับน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี…

ระบบเผาผลาญอาหารเสื่อม, เบาหวาน,  ธัยรอยด์, เสื่อสมรรถภาพทางเพศ, โรคหัวใจ, โรคอ้วน
http://transfatdisease.com/why.html (http://transfatdisease.com/why.html)
  
อาหารที่พบอยู่ทั่วไป มีน้ำมันพืชเสมอ… ก๋วยเตี๋ยว, ผัดไท, หอยทอด, ราดหน้า, ผัดผักทุกชนิด,
ไก่ทอด, ปาท่องโก๋, ข้าวผัด ขนมอบ เบเกอรี่…สรุปรวมว่าอาหารทุกชนิดที่ใช้กะทะ (ผัด ทอด)
ใช้น้ำมันพืชทั้งนั้น

น้ำมันพืชเกือบทุกชนิด ใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบ ซึ่งราคาถูก แต่ขวางระบบดูดซึม
น้ำซึมผ่านไม่ได้  หากใช้วัสดุอื่นตามที่โฆษณาจริง เหตุใดจึงยังขายได้ในราคาถูกเช่นนั้น
  
อย่าให้คำว่า ‘ไม่เป็นไข’ มาหลอกท่านได้อีก

น้ำมันพืชเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศา จะดูสวยงาม ไม่เป็นไข ผิดกับน้ำมันหมู
ที่เมื่อยู่ในอุณหภูมิต่ำ จะเป็นไข  

แต่เมื่อน้ำมันพืชเข้าไปอยู่ในร่างกาย อุณหภูมิ 37 องศา จะกลายเป็นกาวเหนียว เกาะติดลำไส้
ตั้งแต่ลำคอลงมาถึงลำไส้ใหญ่   ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยพืชผักที่เราทานเข้าไป และ
ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำชาธรรมดา

แต่น้ำมันจากสัตว์ และ น้ำมันมะพร้าว เมื่ออยู่ในอุณหภูมิร่างกาย จะไม่มีทางเป็นไข และ
จะละลายกับน้ำได้  สารอาหารต่าง ๆ ยังซึมเข้าร่างกายได้

หากท่านลองนำน้ำมันพืช ใส่ภาชนะ แล้วไปตั้งทิ้งไว้กลางแดดสัก 10 นาที  
อุณภูมิจะประมาณ 30 กว่าองศา ใกล้เคียงร่างกายมนุษย์

ท่านเช็ดน้ำมันพืชออกได้ยากมาก  เหมือนกับที่เขม่ากาวติดกะทะ เครื่องครัว  
เขม่ากาวเหนียวนั่นคือผลของน้ำมันพืชโดนความร้อน จำเป็นต้องใช้กรดมาล้างเท่านั้น

แต่หากท่านลองใช้น้ำมันหมู หรือ น้ำมันมะพร้าว ใส่ภาชนะแล้วตากแดด
จะพบว่าล้างออกได้โดยง่าย

เมื่อน้ำมันพืชเคลือบระบบดูดซึมท่านทั้งหมด  น้ำก็จะไม่เข้าร่างกายท่าน
เมื่อท่านทานน้ำ น้ำไม่ได้ถูกดูดซึมเข้าไปใช้ในอวัยวะต่าง ๆ เลย

เมื่อน้ำซึมเข้าตัวไม่ได้  วิตามินที่มากับน้ำ เช่น วิตามินบี และ ซี ก็จะไม่เข้าร่างกายท่าน  
ขาดวิตามินบี ทำให้สมองมีปัญหา เฉื่อยชา ความจำสั้น

หากหญิงกำลังตั้งครรค์ มีโอกาสทำให้ลูกคลอดมาเป็นออทิสติค  ขาดวิตามินซี
ทำให้ภูมิคุ้นกันมีปัญหาเป็น ภูมิแพ้ หวัด ไวรัส

เมื่อภูมิคุ้มกันมีปัญหา  ท่านก็จะติดโรคอื่น ๆ ได้ง่ายมาก  จบลงด้วยการเสียเงินซื้อยาฝรั่ง  
เงินทองไหลออกนอกประเทศ  เพราะเพียงแค่ท่านหลงเชื่อว่าน้ำมันพืชสมัยใหม่ไม่เป็นอันตราย
  
น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ

- ฟอกสี (bleached) เพื่อให้สีดูสวย สดใส
- แต่งกลิ่น (deodorized) เพื่อให้ไม่มีกลิ่นหื มีกลิ่นตามที่ต้องการ
- ใส่ไฮโดรเจน (hydrogenated)
        
กระบวนการเหล่านี้ ทำให้สารเคมีเปลี่ยน เมื่อทานเข้าไปแล้ว เป็นพิษต่อร่างกายโดยตรง

เมื่อใดที่เห็นข้างกล่องผลิตภัณฑ์ว่า มีน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี
ขอให้รู้ว่านั่นคือยาพิษ โยนทิ้งขยะทันที …

…Trans fats do not exist in nature. They are laboratory-designed and have adverse health consequences. They interfere with the body’s production of beneficial fatty acids and promote heart disease. As trans fatty acids offer no benefits and only clear adverse metabolic consequences, when you see the words partially hydrogenated on the side of a box, consider it poisonous and throw it in the trash. (Ascherio, A., and W. C. Willett. 1997. Health effects of trans fatty acids.. Am. J. Clin. Nutr. 66 (4 supp.): 1006S–10S.)
http://www.diseaseproof.com/archives/hurtful-food-dunkin-donuts-kills-trans-fat.html
  
ท่านอย่าเพิ่งเชื่อบทความใน e mail นี้ จนกว่า ท่านจะได้หาข้อมูลเพิ่มเติมใน
search engine (google) ต่าง ๆ ด้วยตนเอง  โดยพิมพ์ key word ต่อไปนี้ (พิมพ์ครั้งละ 1 คำ)

Transfat, transfat bill, vegetable oil bad health, hydrogenated oil, ละกอ, อันตราย น้ำมันพืช

 emo26:D emo26:D emo26:D

  
 


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 14 พฤษภาคม 2553, 08:14:56

สธ.ประกาศ ส.ค.นี้ได้ฤกษ์ยกระดับสถานีอนามัยทั่วประเทศเป็น รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล
ขอขอบคุณสนุกดอทคอม และ (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2chyp-f06990.jpg) วันพฤหัสบดีที่13 พ.ค.53 สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-931405.html (http://news.sanook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1-931405.html)

คณะรัฐมนตรี ผ่านงบไทยเข้มแข็งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ซึ่งจะทำให้ไทยมี

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2cje5-f56c55.jpg)

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2,000 แห่งแน่ในปีนี้

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2cixf-f5067c.jpg)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณไทยเข้มแข็งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับใช้พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานในระบบบริการสุขภาพแล้ว

ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงเตรียมเดินหน้าในการ

ยกระดับสถานีอนามัยทั้งหมด ขึ้นเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

เริ่มเดินหน้าตั้งแต่เดือน สิงหาคมนี้ นำร่อง 2,000 แห่ง ในปีนี้
ด้วยงบประมาณไทยเข้มแข็ง 1,500 ล้านบาท

ส่วนที่เหลืออีก 4,000 แห่ง จะดำเนินการในปี 2554 ด้วยงบประมาณประจำปี
ของกระทรวงสาธารณสุขรวม 6,000 ล้านบาท

เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพให้ทั่วถึงประชาชนทุกพื้นที่
พร้อมเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังเตรียมพัฒนาโรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศเป็นโรงพยาบาลยุคใหม่ เป็น

รพ. 3S ด้วยการยกระดับ

คุณภาพการรักษา การมีส่วนร่วม และคุณภาพบริการ

ด้วยการกำหนดให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องมี

พนักงานต้อนรับ คอยให้บริการข้อมูลแก่ผู้มาใช้บริการ โดยจะให้มีชุดฟอร์มเดียวกัน
ซึ่งขณะนี้สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการออกแบบชุด
คาดว่าจะเริ่มปรับปรุงทุกโรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาล 3S ได้ภายในเดือน กรกฎาคมนี้

 emo6::)) emo6::)) emo6::))

ได้พบข่าวดีนี้ จึงนำมาบอกพวกเรา ให้รู้ว่า การเข้าถึงบริการสุขภาพ อย่างมีคุณภาพ เข้าถึงได้สะดวก
กำลังเป็นจริงแล้ว ไม่น่าเกินปี 2555 จะได้หัวเราะ emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):) กับ ระบบสุขภาพ 3 S กัน

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

 3  เอส  (S)  ได้แก่  

1.ปรับปรุงโครงสร้างกายภาพ  (Structure)  พื้นที่การให้บริการ ให้สะอาด สะดวก ไม่แออัด ปรับภูมิทัศน์ของโรงพยาบาล

2.การให้บริการ (Service) เช่น มีพนักงานต้อนรับ และมีชุดแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกันทั่วประเทศ
มีมุมพักผ่อน มีโทรทัศน์ มีน้ำดื่มบริการ

3.ระบบการบริการ (System)  เน้นธรรมมาธิบาล  กระจายอำนาจ  และการมีส่วนร่วมของสังคม   โดยให้มีคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล  เชิญองค์กรปกครองท้องถิ่น  ภาคเอกชน ประชาชน  ผู้รับบริการ  
รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นคณะกรรมการ  
emo43 โดยจะเปิดตัวโรงพยาบาล  3  เอส  อย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย.53 นี้  emo43


ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันศุกร์ ที่ 14 พ.ค. 53 สนับสนุนข่าว โรงพยาบาล  3  เอส

http://www.thairath.co.th/content/edu/82824 (http://www.thairath.co.th/content/edu/82824)


emo6::)) emo6::)) emo6::))



หัวข้อ: หวั่นวิกฤติแพทย์ล้น หลังรัฐเร่งผลิตเกิน แนะให้ทำเป็นรูปเครือข่าย
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 17 พฤษภาคม 2553, 20:46:24

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l2kf8g-82632b.jpg)

ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา

เปิดเผยสถานการณ์การผลิตแพทย์ ว่า ปัจจุบันมีการเร่งผลิตแพทย์จำนวนมาก
โดยมีแพทย์จบใหม่ปีละประมาณ 2,500 คน จากเดิมผลิตเพียงปีละ 200 คน

ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันจันทร์ ที่ 17 พ.ค.2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

http://www.thairath.co.th/content/edu/83416 (http://www.thairath.co.th/content/edu/83416)

ในขณะที่มีประชากรเกิดใหม่น้อยลงเหลือเพียงปีละ 7-8 แสนคน จากเดิมที่มีปีละประมาณ 1 ล้านคน
หากเป็นเช่นนี้ในอีก 15 ปี อาจส่งผลให้แพทย์มีจำนวนล้น และแพทย์ ที่จบใหม่อาจจะตกงาน
เหมือนกับหลายประเทศ เช่น

ทวีปยุโรปที่แพทย์ต้องไปขับรถแท็กซี่  หรือประเทศอินเดียที่ต้องส่งแพทย์ออกไปต่างประเทศ
ถึงปีละ 6 หมื่นคน และว่านโยบายเกี่ยวกับการผลิตแพทย์ควรที่จะมองไปข้างหน้า 15 ปี
จะทำให้มองเห็นภาพว่าแพทย์ที่ผลิตในปัจจุบันขาดหรือเกิน หรือไม่ได้ขาดแคลน

แต่ปัญหาอยู่ที่การกระจายแพทย์ไม่ดี โดยส่วนตัวเห็นว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีจำนวนแพทย์มาก
แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดกลับมีจำนวนแพทย์น้อย

แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีปัญหาในเรื่องของการกระจายแพทย์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง

ควรพัฒนาโรงพยาบาลในรูปแบบเครือข่าย โดยให้แพทย์ประจำอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ  หรือ
โรงพยาบาลประจำจังหวัด  และจัดเวรหมอประจำการตลอด  24  ชั่วโมง 

ส่วนในพื้นที่ชุมชน ควรมีเพียงคลินิกหรือศูนย์สุขภาพชุมชนขนาดไม่ใหญ่
โดยแต่ละแห่งเป็นเครือข่ายของโรงพยาบาล และพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยที่ดี
ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น  

ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.)
เตรียมเปิดคณะแพทยศาสตร์

ขณะนี้ยังไม่มีมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งใดเสนอเรื่องมายังแพทยสภาเพื่อขออนุมัติ
หลักสูตรแพทยศาสตร์ มีเพียงมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งส่งจดหมายแจ้งให้ทราบว่า
ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการร่างหลักสูตรแล้ว และ
การที่แพทยสภาจะรับรองหลักสูตรแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งใด
จะพิจารณาตามเกณฑ์มาตรฐานเป็นสำคัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีโรงพยาบาลรองรับให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติ และ
หากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองหลักสูตร แต่จัดการเรียนการสอนไม่ได้มาตรฐาน
แพทยสภามีสิทธิ์ที่จะยุบคณะแพทยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยแห่งนั้นได้

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

ผมมองว่า น่าจะให้แพทย์ทั่วไปจบใหม่ มาประจำ ร.พ.อำเภอ เพราะ คนไข้เมื่อป่วย นั้น 90%
นั้นเพิ่งเริ่มป่วย รักษาได้ด้วยแพทย์จบใหม่ เรียน 6 ปีสามารถให้การดูแลได้

ส่วนแพทย์เฉพาะทาง ที่ไม่สามารถตั้งแผนกให้ตรวจเฉพาะทางได้ ต้องทำงาน
ตรวจคนไข้ทุกคนที่มารักษา ทำให้แพทย์ทำงานไม่ตรงสาขาที่เรียนมาทำให้เครียดกัน

ถ้าทำเป็นรูปเครือข่าย ที่อาจารย์ ศ.นพ.สมศักดิ์ เสนอ น่าจะเป็นรูป

ร.พ.อำเภอ ใช้แพทย์ทั่วไป ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นแพทย์สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว
ทำงานได้แบบองค์รวมในกิจกรรมสาธารณสุข 4 คือ

ส่งเสริมสุขภาพ ป้ัองกัน รักษา และ ฟื้นฟูสุขภาพ

ส่วนแพทย์เฉพาะทางควรให้ไปรวมกันที่ ในแผนกเฉพาะที่ ร.พ.จังหวัด หรือ ร.พ.ศูนย์
พร้อมนำเครื่องมือเฉพาะทางราคาแพง ที่นำมาใช้คนเดียวที่ ร.พ.อำเภอนำไปใช้ร่วมกันในแผนก
จะเป็นการใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า และ

ใช้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เนต สร้างเครือข่ายสาธารณสุข ให้ทุก ร.พ.เชื่อมโยงในเครือข่าย
แพทย์สามารถล็อกอินเข้าไปที่ ร.พ.ใดก็ได้ในเครือข่ายจะทำให้คนไข้เกินความสามารถของ
แพทย์ทั่วไป หรือ แพทย์ครอบครัว ที่มีอยูน้อยเพียงไม่ถึง 10 %

สามารถพบแพทย์เฉพาะทางที่ ร.พ.อำเภอ หรือ ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล ที่ต้องการให้พบได้
โดยให้รักษาโดยแพทย์สามารถล็อกอินเข้ามาดูประวัติ และสั่งการรักษาได้ โดยไม่ต้องเดินทาง
มาพบกันได้ เป็นการอำนวยความสะดวกประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งของประชาชน และ ของรัฐบาลด้วย

หมายเหตุ  ถ้ามีเครือข่ายสาธารณสุขเกิดขึ้นจริง สถานีอนามัย ยกฐานะเป็น
ร.พ.สร้างเสริมสุขภาพตำบล มีแพทย์จาก ร.พ.อำเภอ ในอำเภอนั้นรับผิดชอบ ให้คำปรึกษา และ
มาช่วยรักษาทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์

โดยให้พยาบาลเวชปฏิบัติอย่างน้อย 2 คนอยู่ประจำ เพื่ออยู่เวรได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ทำหน้าที่
วัดความดัน ซักประวัติอาการนำ แล้วให้แพทย์เข้ามาตรวจทางเทคโนโลยี่สารสนเทห์ เช่น
โทรศัพท์มือถือ/ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุข

Virtual Private Network:VPN
  
แพทย์ที่เป็นสมาชิกจะเข้าเครือข่ายได้ต้องได้รับอนุญาต จากกระทรวงฯได้รับ Password/User name
สามารถจะล็อกอินเข้าไปที่ใดก็ได้ในเครือข่าย

ทำให้สามารถกระจายความสามารถการรักษาพยาบาลออกไปได้ทุกแห่งในเครือข่าย
อยากพบแพทย์เฉพาะทางด้านใด

ก็เรียนเชิญแพทย์ท่านนั้นล็อกอินเข้ามาใน ร.พ.ที่ผู้ป่วยอยู่ได้
จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดบุคลกร ทำให้เกิดการเรียนรู้เรื่องการรักษาจากการ
ดูวิธีของแพทย์เฉพาะทางได้ เมื่อมารักษาให้ที่ ร.พ.แล้วจะให้การรักษาต่อได้ทันที
มีปัญหาสามารถเรียนเชิญแพทย์เฉพาะทางเข้ามาตรวจรักษาให้ทางเครือข่ายได้ทันที

พวกเราคิดว่าอย่างไร ใช้เครือข่าย วางคนให้ตรงกับงาน และ ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ร่วมด้วย
จะทำให้เกิดสุขภาพดีถ้วนหน้าตาม Ottawa Charter เมื่อปี 2529 เกิดขึ้นได้จริงไม่เกินปี 2555

emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)

ดู สุขภาพดีถ้วนหน้าตาม Ottawa Charter เมื่อปี 2529 ปีนี้ 2553 ผ่านมา 24 ปีแล้ว ที่

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3394.0.html)

 emo28:win: emo28:win: emo28:win:


หัวข้อ: พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบช.ภาค 9 กับการ ป้องปราบการพนัันบอลล์โลก
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 21 มิถุนายน 2553, 08:27:47

ตร.ภ.9ลั่นจับเจ้ามือโต๊ะบอลได้งดประกัน
ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอมและ(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l4cbva-66a958.jpg)วันจันทร์ 21 มิ.ย. 53 07.45 น. ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/944231-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%A0.9%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%8A%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99.html (http://news.sanook.com/944231-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%A0.9%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%8A%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99.html)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l4cgen-700d9d.jpg)

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบช.ภาค 9

รองผู้บัญชาการ ตร. ภูธรภาค 9 ขึ้นป้าย

หนี้ฟุตบอลไม่ต้องจ่าย ใครทวงหนี้ผิดกฎหมาย

ทั่วเมืองสงขลา ลั่นจับเจ้ามือได้ไม่ให้ประกันตัวแน่

รายงานข่าวจาก จ.สงขลา ว่า ได้มีแผ่นป้ายไวนิลขนาด 1 คูณ 1.50 เมตร ติดตามสี่แยก
ในเมืองหาดใหญ่ และเมืองใหญ่ทั่วพื้นที่รับผิดชอบภาค 9 ประกาศเตือน

"หนี้พนันฟุตบอลไม่ต้องจ่าย"

ใครทวงหนี้ ผิดกฎหมาย ถูกข่มขู่แจ้ง

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบช.ภาค 9 หรือ

พ.ต.อ.สุรนาท วรรณวรรค รอง ผบก. รรท.ผกก.สภ.หาดใหญ่

ที่หมายเลข 0-7425-8444 0-7425-7990
และ 0-7431-3802

ข้อความสุดท้าย

จับเจ้ามือจะไม่ให้ประกันตัว

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รอง ผบช.ภาค 9 เปิดเผยว่า

ตนยอมรับว่าในช่วงเทศกาลบอลโลก มีการเปิดแทงพนันฟุตบอลทั้งรายเล็ก รายใหญ่
มีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนมากๆ ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบแรก ยังไม่มีปัญหา

เข้ารอบ 2 และ 3 จะมีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อไม่มีเงินจ่ายหนี้
เจ้ามือพนันฟุตบอลจะส่งลูกน้องทวงหนี้ มีการข่มขู่เกิดขึ้น
สุดท้ายมูลเหตุของปัญหาอาชญากรรมตามมา
คนที่เป็นหนี้พนันบอลต้องไปลัก ปล้น จี้ ชิงทรัพย์ ขายทรัพย์สิน และ
ขายตัว เพื่อหาเงินมาใช้หนี้พนันฟุตบอล

พล.ต.ต.วิสุทธิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจสามารถจับกุม
เจ้ามือพนันฟุตบอลได้แล้ว 6 ราย

ตนกำชับตำรวจไม่ให้ประกันตัวทุกราย ส่วนผู้เล่นพนันฟุตบอลถูกข่มขู่
ให้ไปแจ้งความไว้ ที่ สภ. ไหนก็ได้ พร้อมให้บอกว่า

แทงพนันฟุตบอลที่ไหน มีใครเป็นเจ้ามือ ขอให้เอาโพยมาให้ตำรวจ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จะกันผู้แจ้งไว้เป็นพยาน หากตำรวจคนใดไม่รับแจ้งความ ขอให้แจ้งมายังตน
จะดำเนินการตั้งกรรมการสอบตำรวจคนนั้นทันที

 emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ดร.มนตรี ที่ 22 มิถุนายน 2553, 09:02:14
Work-life balance is a broad concept including proper prioritizing between "work" (career and ambition) on one hand and "life" (pleasure, leisure, family and spiritual development) on the other. Related, though broader, terms include "lifestyle balance" and "life balance".

Ref: http://en.wikipedia.org/


(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l4e89r-ef5d40.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l4e8ao-432803.jpg)

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l4e8bj-dcc311.jpg)







หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 24 กรกฎาคม 2553, 12:24:54

FW: ‏มองโลกในแง่ดี และปฏิบัตดี ด้วยการขอบคุณสำหรับ...ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว...ซึ่งดีเสมอ
From: sumit_snj@hotmail.com
Sent: Saturday, July 24, 2010 10:52:16 AM
To: Cmadong member and You

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l61qmk-22932f.jpg)

ชายคนหนึ่งโกรธ และ ลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขา เพราะนำเงินไปซื้อ

กระดาษห่อของขวัญสีทองม้วน หนึ่งซึ่งมีราคาแพง
   
ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขา

นำกระดาษสีทองราคาแพงนั้น มาห่อกล่องของขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส
   
แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น

และพูดว่า ' นี่สำหรับพ่อค่ะ '
   
พ่อของเธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้
   
แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเมื่อ
   
เขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่องเปล่า เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า
   
' ลูกไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร ต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย ? '
   
เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา และพูดว่า
   
' โอ...พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม '
   
ชายคนนั้นสะอึก ตัวชาด้วยความเสียใจ เขาทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น
 
เขาขอให้ลูกสาวยกโทษให้เขา กับท่าทางโกรธเกรี้ยวเกินเหตุของเขา
   
ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูก สาวของชายคนนั้นไป
   
และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้น ไว้ข้างเตียงตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว
   
และเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบนี้
   
เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ แล้วรำลึกถึง

ความรักของลูกน้อย ที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา
 
ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่ง

บรรจุด้วยความรัก ที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจาก ลูกๆ และจากครอบครัวของเรา 
   
ไม่มีสมบัติใด ล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้ว

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

มองโลกในแง่ดี และปฏิบัตดี ด้วยการขอบคุณสำหรับ...ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว...ซึ่งดีเสมอ
   
สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน

เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น
   
สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่

เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน
   
สำหรับภาษีที่ต้องเสีย

เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ
   
สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้

เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง
   
สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป

เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีกิน
   
สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน

เพราะนั่นหมายถึงฉัน กำลังได้รับแสงแดด
   
สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด

เพราะนั่นหมายถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา
   
สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ

เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้  และฉันมีรถ
   
สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด

เพราะนั่นหมายถึง ฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่
   
สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน

เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้
   
สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า

เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่
   
 emo20:)):) emo20:)):) emo20:)):)


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 08 สิงหาคม 2553, 07:57:43


(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6t6jw-04bfc2.jpg)
 
Fw: วิธีช่วยฟื้นชีวิต แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คจาก1ชม.ให้กลับมา2-3ชม.เหมือนเดิม‏

ด้วยการทำ calibrate แบตเตอรี่
 
นี่คือคำตอบ ที่ได้มาจากฝ่ายสนับสนุนฮาร์ดแวร์ของบริษัท แอบเปิ้ล

ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ชื่อดัง และโทรศัพท์ iPhone

เครื่องเล่นเพลงอย่าง iPod แนะนำมาอย่างนี้ครับ
 
การปรับแต่งแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

เพื่อยืดอายุให้นานวันและมีพลังเพียงพอในการทำงานเสมอ

(โดยเฉพาะแบตเตอรี่ยุคใหม่ที่เป็น Lithion) ควรจะทำการ calibrate

ตามขั้นตอนดังนี้
 
1. เสียบปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ให้ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็ม100%.

2. ปล่อยให้มีการชาร์ทต่อไปอีกสัก 2 ชั่วโมง ซึ่งคุณยังสามารถใช้อุปกรณ์ได้ตามปกติ.

3. ถอดปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ แล้วใช้งานไปตามปกติจนกระทั่งแบตเตอรี่หมด

4. จนกระทั่งแบตเตอรี่หมดจริงๆ และเครื่องเข้าสู่ภาวะหลับ (sleep)
 
5. ปิดเครื่องหรือปล่อยให้มันหลับไป ทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมงหรือมากกว่า

6. ครบ 5 ชั่วโมงแล้วเชื่อมต่อเพาเวอร์อะแดปเตอร์อีกครั้ง ทำการชาร์ทไฟให้เต็มที่อีกครั้ง

แบตเตอรี่ของคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง.
 
Tip: วิธีการนี้ผมลองทดสอบกับเครื่องโน้ตบุ๊คที่ใช้งานมาประมาณปีเศษ

จากที่เคยใช้งานได้นานสามชั่วโมงก็จะเหลือเพียงชั่วโมงเศษๆ เลยใช้วิธีการนี้ดูบ้าง

ปรากฏว่าทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เกือบสองชั่วโมง

เลยทำการ calibrate ซ้ำไปสี่ห้าครั้ง เรื่องไม่น่าเชื่อก็บังเกิด

แบตเตอรี่ก้อนนั้นสามารถกลับมาจ่ายประจุได้สามชั่วโมงอีกครั้งหนึ่ง

ทดลองดูซิครับ อาจจะไม่ต้องเสียเงินห้าหกพันสำหรับแบตเตอรี่ก้อนใหม่ก็ได้นะครับ
 
จะทดลองทำดู....มันก็ไม่เสียหายอะไร มิใช่หรือครับ
 
 emo26:D emo26:D emo26:D   


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 12 สิงหาคม 2553, 08:45:58

FW:กินรังนก34ขวด=3800บาทมีคุณค่าทางอาหารเท่ากับนม1กล่อง=10บาท...แล้วจะกินเพื่อ..!!??‏

(http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l70ngq-28792f.jpg) (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l70nh7-643eec.jpg)

อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน......
 
ดูโฆษณารังนก แล้วเครียดมาก ครีเอทีฟ เปลี่ยนจุดขายได้ไหม

รักแม่มาก ซื้อรังนกเนื้อทองเกรดเอ ให้แม่ยกกระเช้า...กตัญญูรู้คุณ อยากตอบแทน

....ความจริง.....

ส่วนประกอบของรังนก โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยพบว่า

ประกอบด้วย  น้ำ 5.11% โปรตีน 60.9% แคลเซียม 0.58% โปแตสเซียม 0.03%

สำหรับรังนกสำเร็จรูปพร้อมบริโภคที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งประกอบไปด้วย

รังนก 1% น้ำตาลกรวด 12% นั้น เมื่อสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า

ถ้ามองในแง่โภชนาการแล้ว ผลจากการวิเคราะห์สารอาหารของรังนกสำเร็จรูปทั้ง 2 ขนาด

ที่มีขายในท้องตลาด จะเห็นว่าพลังงานที่ได้จากรังนกสำเร็จรูปนี้ได้จากน้ำตาลทรายกรวด

ที่เติมลงไป และมีปริมาณน้อยกว่าไข่ไก่ 1 ฟอง หรือประมาณ 1 ใน 3 ของนม 1 กล่อง

ในแง่ของโปตีน ถ้าต้องการให้ได้โปรตีนเท่ากับไข่ไก่ 1 ฟอง ต้องกินรังนกถึง 26 ขวด

หรือ ถ้าจะให้ได้เท่ากับนม 1 กล่อง ต้องกินรังนกถึง 34 ขวด หรือ

อีกนัยหนึ่งมีโปรตีนในรังนกสำเร็จรูป 1 ขสด (70-75 มล.) เท่ากับนมสด 1/2 ช้อนโต๊ะ

หรือ ในถั่วลิสง 2 เมล็ด หรือ 1/4 ฟอง ของไข่นกกระทา

...............................

อ้าว....ให้แต่น้ำตาลกะโปรตีนกับแม่นิ เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคหรือไม่....!!???

แพงเว่อร์มาก ก็แค่น้ำลายนกผสมน้ำตาล...รังนกทั้งกระเช้ายังไม่เท่าไข่ฟองเดียว!!?? เวรกรรม..!!!

คิดสักนิด ซื้อมากินเอง คุ้มไหม ซื้อให้ใคร คนรับได้อะไร !!!??

  emo26:D emo26:D emo26:D

ของแพงก็ไม่ได้ดีเสมอไปอย่าติดกับดักมายา ความโก้หรู ความเชื่อ..กินแล้วดี..ที่เขาโฆษณาให้ดู

อย่างว่า..ของกิน..ของ..คนมีเงิน..คนจนอย่างเราจะมาโวยวายทำไม!!??

ก็อิชั้น สงสารนกนี่ค่ะ มีคนมา..พังบ้านคุณ.. คุณโกรธไหมล่ะ

น้องนกเขา..สำรอกน้ำลาย..มาสร้างนะ ไม่ได้เทปูน..!!

แงะรื้อบ้านเขามามาผสมน้ำตาลเอามาขายแพงๆ

ทำนาบนรังนก..ภูมิใจไหมค่ะ..คุณพี่!!??
 
คนซื้อบาป กินก็ไม่ได้ประโยชน์ เปลืองเงินโดยใช่เหตุ แต่คนขายรวย..!!

emo26:D emo26:D emo26:D
 


หัวข้อ: Re: มาร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ จากสิ่งที่ได้อ่าน+การทำงาน กันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 12 กันยายน 2553, 15:42:08

         วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 15:03:55 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
         http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1284278449&grpid=02&catid=no (http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1284278449&grpid=02&catid=no)

                           (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8mm7j-d9d54a.jpg)

                 เปิดหัวใจดวงแกร่ง"เจ๊เกียว"สุจินดา เชิดชัย
                      ธุรกิจ เงินตรา ลิขิตฟ้า และบุญคุณ !

          เปิดใจ "เจ๊เกียว" 53 ปีบนเส้นทางต่อสู้ จากเงิน 121 บาท กลายมาเป็นเศรษฐีพันล้าน เสียภาษีปีละร้อยล้าน เชื่อหรือไม่ว่า ไม่มี พระอาทิตย์ตกดินในอาณาจักรเชิดชัย เงินงอกตลอด 24 ชั่วโมง อยากรู้เคล็ดลับเศรษฐี ต้องอ่าน

         ในแวดวงธุรกิจเดินรถ  ไม่มีใครไม่รู้จัก  "เจ๊เกียว"  สุจินดา เชิดชัย  เจ้าของสัมปทานรถทัวร์รายใหญ่และกิจการในเครือเชิดชัยกรุ๊ป อย่างแน่นอน  จนหลายคนเรียกเธอว่า "เจ้าแม่รถทัวร์"  
        
         "เจ้าแม้บ้าอะไรขับรถเอง บอดี้การ์ดสักคน  ก็ไม่มี " เจ๊เกียว หลานย่าโม  ตอบชัดเจน
        
         เชื่อหรือไม่  จากเงินลงทุนเพียง  121 บาท เจ๊เกียว สร้างอาณาจักรเชิดชัย ให้ยืนหยัดและมั่งคงมากว่า 53 ปีแล้ว  ขณะที่เธอกลายเป็นเศรษฐีนีภูธร ผู้มีบารมี และคอนเน็กชั่นรอบด้าน ตั้งแต่เด็กขายกาแฟ นักการเมือง ไปจนถึงเจ้าสัวใหญ่ในเมืองไทย
        
        ทุกวันนี้  เจ๊เกียว ในวัย 73 กะรัต ยังคงทำงานหนักไม่ยอมเหน็ดเหนื่อย  เธอนอนแค่วันละ 6 ชั่วโมง   แถมยังขับรถเดินสายดิวส์ธุรกิจและพบปะสังสรรค์ผู้คนด้วยตัวเอง              
        
        ยานพาหนะคู่ใจของเจ๊เกียว   ไม่ใช่รถเบนซ์ หรือ BMW  ป้ายแดง แต่เป็น ฮอนด้า ซีอาร์วี รุ่นล่าสุด  ที่ดูโทรมมากแล้ว
        
        ใครอยากรู้ว่า   "เจ๊เกียว" ใช้ชีวิตสนุกและมันส์แค่ไหน หรือ มีรสนิยมแบบใด
      
 "ประชาชาติธุรกิจ" ชวนเจ๊เกียว สนทนาว่าด้วยชีวิตหลากมิติของเธอ ที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้ ...

       ---------------------------
  
@ ทำไมต้องมีรูปเจ๊เกียวติดข้างรถทัวร์ด้วยครับ
      
         ก็อยากจะให้เขารู้ว่า เชิดชัย  บริหารโดยเจ๊เกียว    ตอกย้ำแบรนด์ แต่ไม่ถูกนะนั่นน่ะ รูปละ 3 หมื่น  แล้วก็มีเวอร์ชั่นถ่ายกับหลาน เป็นเวอร์ชั่นที่ไปเดินแฟชั่นโชว์กับหลาน  ก็เลยนำมาติดไว้ด้วย ฉันเป็นคนชอบถ่ายรูป

@ ทุกวันนี้ ธุรกิจหลักของอู่เชิดชัยมีแต่รถยนต์ หรือแตกไลน์ไปอย่างอื่นด้วย                  
 
         ที่มีแตกไลน์ออกมาก็คือ   บริษัทรับจัดไฟแนนซ์รถยนต์  เช่น อีซูซุ วอลโว่ และรถเอนกประสงค์ต่างๆ  หรือคุณขอมาฉันก็จะซื้อให้ แล้วก็ทำเรื่องเงินกู้ แต่ต้องเกี่ยวกับรถยนต์(นะ)    

@ แล้วมีกลยุทธ์สู้กับรถตู้ยังไงบ้าง
        
         ฉันกลับไม่อยากสู้(นะ)  อยากให้เขาทำมาหากินไป เพราะเขาก็มีครอบครัว มีญาติพี่น้องที่ต้องดูแล ฉะนั้น เราก็ทำรถใหญ่ของเราไป คงไม่ไปต่อสู้ ถ้าไปต่อสู้ ก็ไปเจอลูกกระสุน เอาชีวิตไปตาย แล้วเราสมควรตายเหรอ ชีวิตเรายังน่ารื่นรมย์จะตาย มีความสุขออก
 
@ แล้วมีวิธีปรับกลยุทธิ์รับมือกับธุรกิจสายนี้อย่างไรบ้าง
          
         เราก็ทำรถให้ดี เดินรถตรงเวลา รถสะอาด มีบริการที่ดี  ทำมาตรฐานให้สูง  มีคนขับรถดี อย่ามีอุบัติเหตุ ถ้ามีอุบัติเหตุก็ต้องดูแลเขาให้จบ  ฉันยังอุตส่าห์ขอทางการ ขอประกัน ประกันหัวละ 10 บาท  แล้วใช้ล้านนึงเวลาตาย  แต่ตอนหลังเห็นเขาตัดออก  วันละ 5 บาท   แต่เอาอย่างฉันนี่แหละ   ขึ้นรถทีนึงขอเก็บ 10 บาท  มาทำประกัน แต่ต้องเก็บทั้งหมดนะ เก็บไม่ทุกบริษัทไม่ได้  แต่ก็อาจจะสำเร็จยาก แต่ก็ต้องพยายามสร้างมาตรฐานไปเรื่อยๆ  

@ เรียกเจ๊เกียวเป็นเศรษฐีนีพันล้านได้มั๊ย             
 
         ฉันไม่เคยคิดว่าตัวฉันเป็นเศรษฐี เพราะฉันเกิดมาลงทุนด้วยเงิน 121 บาท  ลงทุนเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2501 คือวันแต่งงานฉัน แล้วฉันก็สร้างเนื้อสร้างตัวของฉันมาตลอด  ถามว่าวันนี้ฉันมีกี่พันล้าน ก็คงไม่คิด เพราะฉันไม่เคยไปคำนวณ  ฉันคิดแต่ว่า วันหนึ่งถ้าเงินไม่พอใช้ ฉันก็จะไปบอกแบงก์กรุงเทพ เอาเงินแบงก์กรุงเทพมาทำธุรกิจ  เป็นพันธมิตรหลักเลย  ฉันทำงานแล้วก็ผ่อนไปเรื่อยๆ  จนหมด  พอมีโครงการใหม่ก็ไปขออีก

              (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8mn70-f0aeb6.jpg)
 
@ บอกเคล็ดลับการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จกับลูกๆหลานๆหน่อยจะได้มั๊ย
 
         คนเราต้องใช้หลักชีวิต 3 หลัก  

1. ขยัน

2. ประหยัด และ

3. มีคุณธรรม  

         สามอย่างแค่นั้นเองอย่าไปเอามากหลาย  ไม่ต้องไปทำอะไรผิด ไม่ต้องไปมีเรื่องกับใคร ไม่ต้องไปกลัวใคร เพราะเราไม่ได้ทำผิด  

         แล้วก็สอนลูกเราให้ถือศีล 5  เพราะถ้าทำได้ก็เลิศแล้ว   ศีล 8 ก็เยอะไป  แล้วชื่อเจ๊เกียวก็อยู่คู่ฟ้าเมืองไทยนี่แหละ ทำธุรกิจอู่เชิดชัยมา  53 ปี  ตอนนี้อายุฉัน 73 แล้ว   สำหรับเชิดชัยฉันเคยตั้งปณิธานไว้ว่า  จะไม่มีตะวันตกดินที่เชิดชัย   เพราะกลางวันได้รายรับจากอู่  ส่วน 6 โมงเย็นถึงตี 4 ถึงสว่าง ก็ได้เงินจากการเดินรถ มันเลยไม่มีตะวันตกดินที่เชิดชัย ได้เงิน 24 ชั่วโมง

@ เลือกตั้งครั้งต่อไป ลูกๆก็ยังอยู่เพื่อไทยเหมือนเดิม
          
         อยู่เพื่อไทยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง   เพราะฉันถือบุญคุณเป็นหลัก
  
@ แล้วถ้ามีคนถามเจ๊ว่า เจ๊ใส่เสื้อสีอะไรล่ะ
          
         ฉันนะเหรอ  ฉันจะไม่ตอบ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในใจเราเอง ฉันจะไม่บอกใครเลย เพราะบอกไปแล้วก็มีทั้งบวกและลบ
    
         ฉะนั้น สิ่งที่บวกและลบจะไม่พูด อย่างเขาบอกว่า ให้ช่วยเอารถไปขนเสื้อแดง  ฉันบอกว่า ฉันขนไม่ได้หรอก  ถึงจ้างฉันก็ไปไม่ได้   เพราะว่ารถฉันมีหน้าที่วิ่งโดยสาร ไปไหนไม่ได้  แล้วอีกอย่าง ฉันไม่สามารถไปทำในสิ่งที่ ตัวเองต้องเดือดร้อน ฉันเป็นผู้หญิงนะ ใครจะคุ้มครองฉันล่ะ

         ฉะนั้นฉันจะไม่บวกไม่ลบ ฉันก็จะ 50: 50
 
@ ได้ข่าวว่า เจ๊เป็นคนเชื่อในเรื่องโชค
      
         ฉันเชื่อในเรื่องโชค  เวรกรรม ฟ้าลิขิต   ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว  

         ฉะนั้น ถ้าอยากรวยก็ต้องทำดี แต่ส่วนหนึ่งฉันว่าอยู่ที่การกระทำของเรา ฉันไม่ได้แขวนพระอะไรเลย  แต่ตอนเช้า ฉันก็จะกรวดน้ำ สวดมนต์  แต่บทสวดฉันก็จะแต่งตั้งขึ้นมาเอง  มีคาถาลับ  (หัวเราะ) จากหลวงพ่อที่เดินธุดงค์บ้าง  แต่ฉันไม่ได้วิ่งไปหาหลวงพ่อนะ แต่ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน  เพียงแต่ฉันชอบดูหมอ ฉันมีหมอประจำตัวคู่บุญเจ๊เกียว ดูฤกษ์ยามให้ทุกอย่าง ยกหูกริ๊งเดียว  ชื่อ หมอดูไพศาล  ( ปราโมทย์ ปิตตะพันธุ์)
 
@ เศรษฐีพันล้านอย่างเจ๊เกียว ใช้จ่ายวันละเท่าไหร่
        
         บางวันไม่ได้ใช้เงินเลย เพราะกับข้าวที่บ้านมีเยอะ  บางวันก็ 400-500 บาท
 
@ โกรธหรือไม่สบายใจหรือเปล่า เวลาที่มีใครมาเรียกว่า มาเฟียบ้าง เจ้าแม่บ้าง
          
         อย่ามาเรียกฉัน  ฉันไม่ใช่เจ้าแม่  เจ้าแม่บ้าอะไรขับรถเอง   แล้วก็ไม่เห็นมีใครเดินตามเลย เพราะฉันไม่ชอบ   ที่ขับรถเอง เพราะฉันชอบ มันส์ดี รถฉันใครอย่ามาซื้อต่อนะ โทรมน่าดูเลย  แล้วเวลาขับ ตรงไหนสะพานสูงๆ ที่จำได้ ฉันจะเร่งเครื่องไม่เบรกเลย   แล้วกระแทกให้ไปตกตรงกลางสะพาน  แล้วเด้งสัก 3 เด้ง แต่ถ้าได้ 5 เด้ง เก่งที่สุดเลย  ตึง ตึง ตึง
 
@ ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขมั๊ยครับ
          
          เกินจะสุข  อายุ 73 กำไรแล้ว   ตื่นเช้ามา ก็ทำงาน แล้วก็นอนตี 3  บางทีช่วงค่ำ ก็ขับรถไปดูหนัง อย่างบุญชู ฉันไปดูมาแล้วนะ   ขับรถไปเอง ไปซื้อตั๋ว เอาขนมใส่กระเป๋าไปกิน  ใช้ชีวิตสนุกมาก หรือสักอาทิตย์หนึ่ง ฉันก็ไปตลาดสี่มุมเมือง  ไปซื้อผัก จนกลิ่นผักเต็มรถไปหมด          
 
          จะบอกให้ว่า กลางวันผักจะขายถูก เพราะผักมันตาย  อย่างหน่อไม้ กลางคืนมัดละ 80 บาท  กลางวันเหลือ 25 บาท  

          แล้วการที่เราไปตลาดก็ได้กำไร

กำไรที่ 1.  เราก็ได้ของถูก ได้ไปช่วยชาวบ้านซื้อของ

กำไรที่ 2. ไปตลาดเหงื่อโชกทั้งตัว  เคยไปโยคะร้อน ชั่วโมงครึ่ง เหงื่อยังไม่อออกเลย  ไปตลาดซิ ไม่เกิน 20 นาที โอ้โห ! เหงื่อแตก  ได้สุขภาพ
 
@ เคยลำบากที่สุดแค่ไหน        
 
         ก็ลำบากมาก แต่ก็สนุกดี  ต้องวิ่งหาเงินกู้  มาใช้ในอู่  ลำบากมาก แต่ไม่เคยเกลียดตัวเอง (นะ) ไม่เคยท้อถอย ไม่เคยโทษชะตาชีวิต  กรรมมา(กู) ก็สู้ก่อน   สักวันบุญก็มาถึง   คือ

         วันนึง 24 ชั่วโมง  ฉันจะใช้เวลา 18 ชั่วโมงให้เต็มที่ ขอนอนแค่ 6 ชั่วโมง  ฉันเคยเลี้ยงหมู เคยตัดเสื้อ อะไรเป็นเงินทำหมด แล้วได้เงินมาก็จะเก็บดีๆ แล้วเงินมา ก็ต้องต่อเป็นเงิน ไปใช้หนี้แบงก์ ให้เงินทำหน้าที่ของมันไป
 
@ ให้เงินทำหน้าที่ของมันไป  เป็นอย่างไร  
        
         ธุรกิจที่เราจะรวยได้  เราอย่าปล่อยให้ธุรกิจเรามีช่องว่าง  สมมุติว่าใครจะเช่ารถ จะซื้อรถ พยายามตามให้ติดๆ   แล้วก็ตั้งเป้า   ปีนี้ 2 พันล้าน ปีหน้าเราอาจจะตั้ง 3 พันล้าน  ปีต่อๆ ไป อาจจะตั้งมากกว่านั้น    ฉะนั้นการเก็บเป้า ต้องเก็บตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 365   ทำทุกวัน    ฉะนั้น ชีวิตฉัน ไม่เคยปวดหัว มีเวลาว่างก็ไปดูหนัง    ชอบดูหนังรัก    แล้วก็พวกเกี่ยวกับดวงดาว จักวาล ความเป็นไปของโลก โลกจะไปทางไหน อย่างนั้นชอบดู
 
@เมื่อกี้บอกว่าชอบดูหนัง ดูละคร
    
         ละครดูเป็นบางเรื่อง  อย่างกุหลาบไร้หนามก็ดู  แต่จบไม่ดีเลยอ่ะ คนชั่วได้ดี    คนทำไม่ดีก็ต้องได้ไม่ดี (หัวเราะ)   ละครบางเรื่อง เพลงเพราะ เราก็อัดไว้  อย่างเพลงละครเรื่องไทรโศก  อัดไว้เลย เพราะมาก (ว่าแล้ว ...เจ๊ก็ร้องเพลงละครไทรโศกให้นักข่าวประชาชาติฟัง)  
            
@ ชีวิตเจ๊เกียว  เคยร้องไห้บ้างมั๊ย
      
         ชีวิตฉันไม่ค่อยมีน้ำตา  สามีตายก็ไม่ร้องไห้ แปลกมั๊ย  ก็จัดงาน    แต่ดูละครแล้วร้องไห้ (หัวเราะ)  คือบางทีชีวิตตัวละครที่รันทดจริงๆ เราก็สงสาร บางทีก็อยากเอาเงินไปช่วยเหลือคนที่ยากไร้
 
@ อยากให้คนรุ่นลูกหลาน หรือประวัติศาสตร์บันทึกชีวิตเจ๊อย่างไรบ้าง
          
         ไม่ต้องการดีกว่า  ฉันไม่ต้องการความนิยมชมชอบจากใคร  ไม่ต้องมาบอกว่าเจ๊เกียวดีหรือไม่ดี   นี่เขียนพินัยกรรมตายไว้เลยว่า

1. ห้ามไปขอพระราชทานเพลิงศพ  

2. ตายที่ไหน ให้เก็บเข้าบ้าน ทำพิธีแค่ 40-50 วัน  ให้จบ  

สวด 48 วัน วันที่ 49 เผา   วันที่ 50 ลอยอังคารแล้วก็จบเลย    

3. ห้ามรับพวงรีด ห้ามรับเงินช่วยเหลือ

4. ไม่ต้องเลี้ยงอาหาร นอกจากน้ำชา กาแฟ ขนม  หรือ ซาลาเปา 9 สี  แค่นั้นก็พอ
      
         (http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/DecoratedCartoon/triamudom35_clapping.gif)(http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/DecoratedCartoon/triamudom35_clapping.gif)(http://i274.photobucket.com/albums/jj266/kobnokkala/DecoratedCartoon/triamudom35_clapping.gif)