Cmadong Chula

ได้มีการซาวเสียงเรื่องซีมะโด่งทัวร์จะไปทัวร์ที่ไหนกันต่อดีเอ่ย?  เป็นการพูดคุยกันในมวลหมู่สมาชิกทัวร์ซีมะโด่ง ที่ขณะนั้นกำลังเดินทางไปทัวร์เวียดนามกลาง เมืองเว้-ฮอยอัน-ดานัง เมื่อวันที่ 3 – 8 กรกฎาคม 2552


เป็นชาวซีมะโด่งส่วนใหญ่ที่เป็นขาประจำในการไปทัวร์ซีมะโด่งทุกๆครั้งนั่นแหละ


ก็มีเสียงตอบรับว่า ปักกิ่งทัวร์เป็นไง สิบสองปันนาทัวร์เป็นไง


สมาชิกซีมะโด่งทัวร์ ยังไม่มีใครเอ่ยถึง อเมริกาทัวร์ ยุโรปทัวร์ ออสเตรเลียทัวร์ หรือญี่ปุ่นทัวร์ นะครับ ผมขอคอนเฟิร์ม


ซึ่งทั้งปักกิ่ง และสิบสองปันนา ก็มีคนสนใจอยากไปกันพอสมควร


คุณหลิว – สุรศักดิ์ ก็ช่วยเหลือประสานงานเมื่อกลับจากเวียดนามมาถึงเมืองไทย โดยเสาะหาบริษัททัวร์ที่จะนำทัวร์ซีมะโด่งไปปักกิ่ง ปรากฏว่า มีข้อมูลน่าสนใจว่า หากจะไปซะเลยตอนต้นเดือนกันยายน ราคาเครื่องบินจะถูกมาก หากรอเนิ่นช้าไปอีกเดือนหนึ่งหรือสองเดือน ราคาตั๋วจะแพงเพราะตุลาคมเป็นฤดูท่องเที่ยวของคนไทย และคนจีน แถมอากาศหากเลยเป็นเดือนพฤศจิกายนก็จะหนาวเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้น ก็รอข้ามปี ไปเป็นเดือนกันยายนปีหน้าอีกรอบ ก็มีการพูดโทร.ชักชวนคนรู้จักสนิทสนมกัน บอกเหตุผลว่าไปเดือนกันยายน ราคาจะเพียง 16,000 เอ๊งงง และอากาศก็กำลังสบายไม่ร้อน ไม่หนาว ใครอยากไปรีบแจ้งชื่อ


ส่วนทัวร์สิบสองปันนา เป็นทัวร์ที่อาจจะใช้เครื่องบินน้อย อาจจะเป็นรถยนต์ เป็นเรือโดยสารในแม่น้ำโขง อันนี้อาจจะพอรอได้ และต้องใช้เวลาประสานงานกันนานหน่อย

ใบนัดหมาย และการเตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่ง


จาก บริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ แทรเวล จำกัด




ก่อนวันเดินทาง 

แลกเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ควรให้เบอร์โทรสามารถติดต่อท่านระหว่างทัวร์ได้กรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ หากท่านมีโรคประจำตัวหรือทานอาหารบางประเภทไม่ได้หรือมีข้อจำกัดทางสรีระร่างกายหรือจะมีการแยกตัว หรือญาติมาพบ ควรแจ้งให้ผู้จัดทราบล่วงหน้า



วันเดินทาง    

ก่อนออกจากบ้าน กระเป๋าทุกใบควรผูกป้ายชื่อกระเป๋า (ทางผู้จัดจะจัดทำสำรองไว้ให้) และใส่กุญแจให้เรียบร้อย ส่วนกระเป๋าสตางค์ / เครื่องคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ้ค / เครื่องประดับ / พาสปอร์ต / บัตรเครดิต / เอกสารสำคัญ / กล้องถ่ายรูป และกล้องวีดีโอ / ยาประจำตัว ติดตัวเสมอ


ของเหลวนำขึ้นเครื่อง (ทุกประเทศ)    ด้านคณะกรรมการการบินพลเรือน (ซีเอเอซี) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการการรักษาความปลอดภัยสากล ได้ออกกฎใหม่สำหรับผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ ระบุของเหลวทั้งหมดที่นำใส่กระเป๋าถือติดตัวขึ้นเครื่องจะต้องบรรจุในบรรจุภัณฑ์และมีปริมาณไม่เกิน 100 มิลลิลิตร บรรจุภัณฑ์ดังกล่าวควรใส่ในถุงที่โปร่งใสและสามารถเปิด-ปิดได้ด้วยความสามารถบรรจุมากสุด 1 ลิตร โดยผู้โดยสารแต่ละคนจะได้รับอนุญาต ให้นำถุงขึ้นไปเพียงใบเดียวเท่านั้น  สำหรับผู้โดยสารผู้หญิง ครีมล้างหน้า ลิปกลอสอย่างเหลว น้ำหอม และมาสคาร่า ล้วนจัดเป็นของเหลวด้วย อย่างไรก็ตาม ของเหลวประเภทนมและอาหารของทารก (ในกรณีที่มีทารกอยู่ด้วย) และยาตามใบสั่งแพทย์ จะได้รับการยกเว้นให้นำขึ้นเครื่องได้ อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบจำกัดของเหลวนำขึ้นเครื่องนี้ จะไม่กระทบต่อการช้อปปิ้งซื้อสินค้าปลอดภาษีของลูกค้า แต่ผู้ซื้อจะต้องเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานและไม่ควรเปิดแพคเกจออก



เที่ยวบิน / สายการบิน

บริการอาหาร ภาพยนตร์ เครื่องดื่ม บนเครื่อง

ใช้เวลาบินประมาณ  5-5.30 ชั่วโมง

03SEP09   BKK-PEK   CA980   0055-0630

06SEP09   PEK-BKK   CA979   1940-2345




จุดนัดพบ 02/ก.ย./09 วันพุธ  เวลา 22.30 น.  สนามบินสุวรรณภูมิป้าย “ซีมะโด่งทัวร์”   


คณะเดินทาง พร้อมกันที่ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก  บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็คอินหมายเลข U สายการบิน AIR CHINA ใกล้ประตูทางเข้าหมายเลข  10


ผู้ประสานงานคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก  เบอร์เซ็นเตอร์  คุณโอภาส 089-0082421


หัวหน้าทัวร์ชื่อ คุณธนาเศรษฐ์





ที่สนามบินสุวรรณภูมิ


ลูกค้าทุกท่านจะต้องมารับเอกสารพร้อมฟังคำชี้แจงต่าง ๆ  และฝากกระเป๋าให้กับทางเจ้าหน้าที่สายการบินด้วยตัวลูกค้าเอง ตามนโยบายรักษาความปลอดภัยของสายการบิน 


กระเป๋าทุกใบที่จะฝากใต้ท้องเครื่องบินให้เอ๊กเรย์ให้เรียบร้อย ก่อนไปยังเคาน์เตอร์ฝากกระเป๋า
 

ของมีคมและวัตถุระเบิดทุกชนิด เช่น มีด กรรไกร ถ่าน ไฟเช็ค จะต้องฝากกับกระเป๋าใหญ่ไปกับใต้ท้องเครื่องบิน 



ศุลกากร


พิธีการศุลกากรเป็นปกติตามระเบียบราชการ แต่การนำเข้าสิ่งของประเภทอาวุธปืนจะต้องมีใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ สำหรับบุคคลที่นำเข้ายาเสพติดจะต้องถูกลงโทษและดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนสิ่งของอื่นๆ จะไม่มีการเรียกเก็บภาษี หากมีครอบครองในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ทางการกำหนด  โยทั่วไปประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอนุญาตให้ซื้อเหล้าได้  1 ลิตร บุหรี่ 2 คอนตัน เข้า-ออกประเทศ



สนามบินนานาชาติปักกิ่ง (BEIJING CAPITAL INTERNATIONAL AIRPORT)  


สนามบินใหม่ที่เปิดให้บริการเพื่อต้อนรับโอลิมปิก 2008 มีขนาดกว่า 1 ล้านตารางเมตรและใหญ่กว่าแพนตากอนของสหรัฐอเมริกา อาคารของสนามบินนานาชาติปักกิ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ข้าง ทอดตัวจากทิศใต้ไปสู่ทิศตะวันออกเพื่อช่วยลดไอร้อนจากแสงอาทิตย์ แต่ติดสกายไลท์ให้แสงแดดส่องเข้ามาถึงและใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนภายในตัวอาคาร เตรียมเอกสารเข้าเมืองและอื่น ๆ ให้พร้อม  เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาให้เฉพาะผู้เดินทางที่ท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจโดยสุจริตเท่านั้นที่ผ่านเข้าออกนอกเมืองได้



นครปักกิ่ง 


ตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศจีน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งหนึ่งของโลก เป็นดินแดนแห่งอารยธรรมที่หลากหลาย มีผู้คนมากมายหลายเผ่าพันธุ์ จนได้รับสมญานามว่า “ดินแดนแห่งร้อยเผ่าพันธุ์มังกร” ปักกิ่งไม่เพียงแต่เป็นเมืองหลวงของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง วัฒนธรรม ตลอดจนเศรษฐกิจและการลงทุน จึงถือได้ว่าปักกิ่งเป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งของโลก ที่มีความเจริญเติบโตในทุก ๆ ด้าน




เก็บตกข้อมูลน่ารู้ทั่วไปเกี่ยวกับ “จีน”


สภาพภูมิอากาศและการแต่งกาย


ปักกิ่ง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ (18) – (28) องศาเซลเซียส (เช็ค ณ วันที่ 19/08/09)


สภาพอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างแจ่มใส อากาศเย็นสบาย แต่อาจมีเมฆหมอกปกคลุม และฝนตกในบางวัน


ควรเตรียมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้าที่สวมใส่สบาย และอุปกรณ์กันฝนและของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นอื่นๆเผื่อไปด้วย อาทิเช่น  ร่ม เสื้อกันฝน ครีมทาผิว ลิปมัน แว่นกันแดด กล้อง ฯลฯ 




ภาษา   ประเทศจีนจะใช้ภาษาแมนดาริน หรือภาษาจีนกลางเป็นภาษาราชการ ในเมืองหลวงใหญ่ๆ หากต้องการสอบถามหรือพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ ให้มองหากลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เนื่องจากคนกลุ่มคนเหล่านี้พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี ขณะเดียวกันก็มีการใช้ภาษาท้องถิ่นอีกจำนวนมาก เช่น ภาษากวางตุ้ง แต้จิ๋ว,เซี่ยงไฮ้  แคะ  ฮกเกี้ยน  เสฉวน  หูหนาน และไหหลำ



เงินตราจีน“เหรินหมินปี้”


เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของจีน  แต่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักสกุลเงินของจีนคือหยวน ตัวย่อ RMB / หรือ CNY


โดยธนบัตรของจีนจะมีตั้งแต่ 100, 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 หยวน (1 RMB/CNY = ประมาณ  5.35 บาท)




แนะนำ: 


การแลกเงินไปเที่ยวเมืองจีน ต้องแลกเงินไปให้พอกับค่าใช้จ่ายและการช้อปปิ้ง เพราะร้านค้าส่วนใหญ่จะไม่รับบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก หรือแม้กระทั่งร้านขายของก๊อปปี้ ถ้าเหลือค่อยนำมาแลกคืนทีหลังโดยขาดทุนนิดหน่อยดีกว่าไปแล้วไม่มีเงินช้อปปิ้ง แต่หากไปถึงที่นั่นแล้วเงินไม่พอใช้จริงๆ ก็สามารถนำบัตร VISA หรือ  MASTER CARD ไปกดเงินที่เครื่อง ATMของธนาคาร BANK OF CHINA ได้ โดยให้เลือกเครื่องที่มีสัญลักษณ์ CIRRUS และ PULSE เท่านั้น เครื่องจะมีเมนูภาษาอังกฤษไว้รองรับ สามารถถอนเงินได้สูงสุดครั้งละ 250 ดอลล่าร์สหรัฐฯ



เวลาที่แตกต่าง  ปักกิ่ง เร็วกว่าเมืองไทย  1 ชั่วโมง



การใช้โทรศัพท์มือถือ  สามารถเอาโทรศัพท์มือถือไปใช้ที่จีนได้ แต่ต้องสมัครบริการการใช้โทรศัพท์ข้ามแดน (IR) กับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ใช้ก่อน ค่าบริการการใช้โทรศัพท์มือถือโทรกลับเมืองไทยค่อนข้างแพง โดยประมาณนั้นสูงถึง 100-120 บาทต่อนาที ส่วนการรับสายก็ค่อนข้างแพง อยู่ที่ประมาณ 60-65 บาทต่อนาที  ดังนั้นหากไม่รีบร้อนหรือมีธุระด่วนแนะนำให้ใช้บัตรโทรศัพท์จะประหยัดกว่า




โทรศัพท์สาธารณะและการซื้อบัตรโทรศัพท์ 


ที่ปักกิ่ง  บัตรโทรศัพท์ในปักกิ่งมี  2 ระบบก็คือ


1.   IC CARD  ใช้กับโทรศัพท์สาธารณะทั่วไปและเครื่องโทรศัพท์ในห้องพักที่โรงแรมได้เลย ส่วนใหญ่หาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม


2.   IP CARD  ระบบนี้ต้องใช้กับโทรศัพท์ที่มีหมายเลขเฉพาะ หาซื้อและโทรได้ตามอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ บูธโทรศัพท์ หรือในโรงแรม ระบบนี้ราคาค่าโทรศัพท์ต่อนาทีถูกกว่าแบบแรก


บัตรทั้ง 2 แบบนี้ยังสามารถซื้อได้ที่ไปรษณีย์ ร้านขายหนังสือพิมพ์ และตามแผงขายบุหรี่ริมถนน ควรตรวจสอบวันหมดอายุและดูให้แน่ใจวาสามารถใช้โทรออกนอกประเทศจีนได้



วิธีการโทร  หากโทรกลับเมืองไทยให้กด รหัสของบัตรโทรศัพท์ +00+66+หมายเลยที่ต้องการโทร (ตัดเลขศูนย์ข้างหน้าทิ้งด้วย) ตัวอย่างเช่น “00+66+81+xxx-xxxx”




การเดินทางในปักกิ่ง


สำหรับนักท่องเที่ยว แนะนำให้ใช้บริการ รถแท็กซี่มิเตอร์ แต่คนขับส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ผู้โดยสารควรเตรียมแผนที่ หรือนามบัตรที่เป็นภาษาจีนให้คนขับดู ไม่แนะนำให้ขึ้นรถแท็กซี่แบบเหมาจ่ายเพราะอาจจะโดนโก่งราคาได้ ตอนขึ้นรถอย่าลืมเช็คด้วยว่าคนขับได้เริ่มต้นกดมิเตอร์ให้ใหม่หรือเปล่า ก่อนลงรถอย่าลืมขอใบเสร็จที่ออกจากเครื่องออกใบเสร็จอัตโนมัติ ราคามิเตอร์จะเริ่มที่ 10 หยวนในตอนกลางวัน และ 11 หยวนในช่วงกลางคืน (ประมาณ 5 ทุ่มเป็นต้นไป) จากนั้นราคาจะขึ้นตามกิโลเมตร  มี  3 ราคาขึ้นอยู่กับสภาพรถ คือ 1.20 หยวน / กม. เป็นรถแท็กซี่ขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อ XIALI ที่ผลิดในจีน, 1.60 หยวน / กม. เป็นแท็กซี่รถยุโรปอย่างซีตรอง หรือโฟล์คสวาเกน, 2.00 หยวน / กม. เป็นแท็กซี่ที่ดีที่สุด คนขับแต่งตัวสะอาดสะอ้านกว่า ถ้าโชคดีอาจพบกับคนขับที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ วิธีสังเกตว่าเป็นรถราคาไหนให้ดูสติกเกอร์ที่ติดด้านบนกระจกรถด้านผู้โดยสารด้านหลัง เป็นตัวเลขราคาดังกล่าว หรือสังเกตจากยี่ห้อรถเป็นอันดับแรกก็ได้



ไฟฟ้า
 

ประเทศจีนใช้ไฟ 220 โวลต์ ไม่ต่างจากบ้านเรา ปลั๊กไฟที่นี่จะมี 2 รูปแบบคือ แบบสองขา (เหมือนบ้านเรา) / และแบบ 3 ขา ตามโรงแรมส่วนใหญ่จะมีปลั๊กทั้ง 2 แบบให้ ทางที่ดีควรเตรียม ADAPTER ไปด้วย




โรงแรมที่พัก  แจ้งในใบรายการท่องเที่ยว



อาหารการกิน 


อาหารในเมืองจีนนั้นส่วนใหญ่รสชาติค่อนข้างจืด มีน้ำมันเยอะและเค็ม ท่านที่ชอบทานอาหารรสจัด สามารถนำติดตัวไปรับประทานเองได้เช่น น้ำพริก ซอสปรุงรสต่าง ๆ ฯลฯ   หรือรับบริการเหล่านี้ได้จากเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ผัดผักสไตล์จีนเป็นอาหารที่แนะนำให้ลองเพราะผักของจีนจะมีความกรอบ เขียว สดดูน่าทานมากๆ




ห้องน้ำ


โดยทั่วไปจะบริการฟรี ห้องน้ำเมืองจีนในปัจจุบันนี้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ยังไงก็ตามอย่าคาดหวังกับห้องน้ำที่เมืองจีนมากเกินไป ตามสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆทั่วไปค่อนข้างสะอาดโดยทั่วไปจะเป็นลักษณะแบบส้วมซึมธรรมดาเหมือนบ้านเรา หากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆ ตามนอกเมืองอาจจะเจอแจ๊กพอตเป็นห้องน้ำแบบโบราณที่ไม่มีประตู ส่วนห้องน้ำตามร้านอาหาร ร้านค้า หรือตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอาจจะสะอาดน้อยกว่าห้องน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ห้องน้ำที่เมืองจีนจะไม่มีกระดาษทิชชู่ไว้บริการ ควรจะพกทิชชู่  ผ้าเย็น กระดาษอนามัย สำหรับทำความสะอาดส่วนตัวไปเอง




สินค้าที่น่าซื้อ 


ครีมไข่มุก  หยก  ผ้าไหม  ชา บัวหิมะ  สินค้าพื้นเมืองต่างๆ (แนะนำ ควรจะเตรียมเครื่องคิดเลขไปด้วยเผื่อในเวลาที่เราต้องการบอกราคาที่เราต้องการให้คนขายดู)



ธรรมเนียมการทิป


โดยปกติร้านอาหารหรือโรงแรมอาจจะมีบริกรอำนวยความสะดวกน้อยมาก ผู้ใช้บริการต้องดูแลตัวเอง ยกเว้นตามร้านอาหารใหญ่ หรือโรงแรม  เพื่อเป็นการขอบคุณในการให้บริการที่ดีตามหลักธรรมเนียมสากล ควรเตรียมเป็นธนบัตร (อย่าลืม ท่านสามารถให้มากได้เท่าที่ท่านประทับใจ)  เช่น หากต้องการให้บริกรยกกระเป๋าของโรงแรมไปรับหรือส่งกระเป๋าสัมภาระที่ห้องพัก ต้องให้ทิปใบละ 5 หยวนต่อครั้ง / ทิปคนขับรถ + ทิปไกด์ประมาณ100 หยวน /คน ทิปหัวหน้าทัวร์ ประมาณวันละ 50-100  บาท เป็นต้น (แนะนำไม่ควรให้เป็นทิปรวม ควรใส่ซองแยกให้ต่างหาก ให้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ)



ในวันกลับ


กรุณาเตรียมพาสปอร์ต ให้กับไกด์ท้องถิ่น เพื่อทำการเช็คอินให้กับท่าน ลูกค้าทุกท่านจะต้องนำพาสปอร์ตและบัตรที่นั่งมาชี้กระเป๋าของลูกค้าเองหรือครอบครัวเพื่อทำการส่งเข้ากระเป๋าเข้าใต้ท้องเครื่องบินกับเจ้าหน้าที่สายการบินโดยตรง  

การแลกเงิน ที่ร้าน Super Rich

ลูกสาวไปแลกมาให้ผม 500 หยวนครับ (จากที่คุณแม่สั่งเพียง 100 หยวน) ดู she ทำได้
เขาบอกว่า ขายที่ 5.01 บาท/1 หยวน ซื้อคืนที่ 1 หยวน/4.99 บาท ครับ แตกต่างกัน 2 สตางค์

(http://img146.imageshack.us/img146/4369/dscn0129.jpg)

อย่างไรก็ตาม จะฝากพี่สิงห์ ไปแลกก็ได้นะครับ โปรดติดต่อพี่สิงห์ได้เลย

ท่านที่ต้องการ กลับอ่านเรื่องการเตรียมตัวไปปักกิ่ง การแลกเงิน การซื้อของ ซึ่งมีพี่แก้ว(ปรีชา) พี่สิงห์ พี่ตู่
เขียนไว้ก่อนหน้านี้ เชิญได้ที่...

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3393.1250.html

ไม่แนะนำให้แลกเงินที่สนามบินนะครับ เพราะจะแพงกว่าปรกติ นิดส์นึง ง ง งงง แลกเงินไปแล้วควรใช้ให้หมดก่อนกลับเมืองไทยนะครับ เพื่อความคุ้มค่า ใครใช้ไม่หมดให้เพื่อช่วยใช้ครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 สิงหาคม 2552, 18:02:36
	สวัสดีครับ พี่นพ' ตั้งใจจะโพสต์ข้อความนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ประธานชมรมฯ โพสต์เชิญประชุมคณะกรรมการชมรมฯ ซะก่อน จึงรอให้ประกาศประชุมกรรมการชมรมฯ ผ่าน 24 ชั่วโมง แล้วจึงจะเริ่ม แต่พอเข้ามาเห็นพี่จัดการตามทีเห็นแล้ว โอ เค ครับ ส่วนเรื่องคอมเม้นต์ทั้งจากพี่แก้ว(ปรีชา) พี่สิงห์ และพี่ตู่ พวกเรารออย่างใจจดใจจ่ออยู่ครับ

               สวัสดีครับเหยง          ขอต่อเรื่องเงินหยวนให้ครบอีกหน่อย ในช่วงหลังๆนี้เงินหยวนใบละ 100 ปลอมระบาด

                แพร่หลายมากไม่แต่เฉพาะในจีนที่ต่างประเทศก็มีหลงมาบ้าง  การแลกเงินจากเมืองไทยไปก็ต้องระวังด้วย  ควร

               แลกจากร้านแลกที่ไว้ใจได้หรือที่ธนาคารเท่านั้นไม่ควรแลกจากตลาดมืดทั่วไป  คนขายของที่เมืองจีนเองเขา

               ก็ระวังมากเมื่อเห็นคนต่างชาติใช้ธนบัติใบละ 100 หยวนมาซื้อของ  บางครั้งเขาจะใช้เวลานานดูแล้วดูอีกทั้งลูบ

               ทั้งคลำ(ธนบัติ)เพราะกลัวเงินปลอม   เราผู้ซื้อเองก็ควรต้องระวังเช่นกันเวลายื่นธนบัติใบละ 100 หยวนซื้อของ

               ก็ควรจับตามองด้วย เพราะคนขายของ(บางร้านคนขายขี้โกง)อาจจะแอบเปลี่ยนธนบัติ แล้วบอกว่าฉบับทีเรา

                ให้มาเป็นธนบัติปลอมพร้อมกับส่งคืนมาและขอใบใหม่แทน(เคยมีนัก ทท. ไทยโดนโกงแบบนี้มาแล้ว)

                       





               

สภาวะอากาศ เมืองปักกิ่ง ตรวจสอบ ณ วันนี้ (จันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2552)


อุณหภูมิ ทั่วไปอยู่ที่ 22 องศาเซลเซียส กระแสลม มีความเร็ว 9 กม./ชม. พัดจากทิศตะวันออกเฉียงใต้

(http://img207.imageshack.us/img207/91/dscn0131v.jpg)

สภาวะอากาศข้างหน้า 3 วันคือ วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม, อังคารที่ 1 และพุธที่ 2 กันยายน 2552

(http://img207.imageshack.us/img207/8183/dscn0132rtw.jpg)

สภาวะอากาศข้างหน้า 7 วันคือ วันที่ 1 ถึง 7 กันยายน 2552

(http://img207.imageshack.us/img207/3725/dscn0133h.jpg)

วันที่ 3 กันยายน ฟ้าแจ่มใส และเริ่มมีเมฆมากในวันที่ 4 กันยายน ส่วนวันที่ 5 กันยายน มีโอกาสฝนตกร้อยละ 94
ในขณะที่วันที่ 6 กันยายน ฝนเบาบางลงและมีโอกาสฝนตกร้อยละ 30  

ข่าวสำหรับคณะซีมะโด่งทัวร์เมืองจีน : ปักกิ่ง

(http://img15.imageshack.us/img15/4826/dscn0131f.jpg)

เมื่อประมาณเวลาก่อน 18.00 น. ผมได้โทรสอบถามข้อมูลกับพี่สิงห์-มานพ กลับดี พร้อมแจ้งว่าอุณหภูมิที่
ปักกิ่งประมาณ 22 องศาเซลเซียส พี่สิงห์แนะนำว่า อากาศค่อนข้างเย็น จึงให้แจ้งสมาชิกว่า สมควรเตรียม
เสื้อแจ็กแก็ตไปเผื่อสักหนึ่งตัวครับ

โปรดรับทราบและจัดเตรียมไปด้วยครับ

ผมเช็คสภาวะอากาศ ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อเวลา 18.30 น. ของวันนี้ (1 กันยายน 52) ได้ตามภาพที่ปรากฏนี้ครับ

อุณหภูมิสูงขึ้นจาก 22 องศาเซลเซียส เป็น 25 องศาเซลเซียส

(http://img216.imageshack.us/img216/6908/dscn0141i.jpg)

(http://img232.imageshack.us/img232/1843/dscn0142x.jpg)

(http://img216.imageshack.us/img216/696/dscn0143e.jpg)

วันที่ 2 ถึง 8 กันยายน 52 Amount Rain วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับ สูงสุดที่ 10 mm

พรุ่งนี้ ผมจะต้องเดินทางเข้า กทม. อาจไม่มีเวลาเข้าเช็คสภาวะอากาศให้ ซีมะโด่งทัวร์ท่านใดมีเวลา
ช่วยหน่อยนะครับ ข้างล่างเป็นเว็ปลิงค์ที่ พี่แก้ว (ปรีชา) ให้ไว้ครับ อัพเดทแล้วไปแจ้งให้ทราบด้วยครับ

http://www.timeanddate.com/weather/china/beijing

I used P'Sing account because no Thais on keyboard.
It 's half past 8, everyone have a brafast and come back to packing his backage for the last sight-seeing in Beijing.
See you again on Thailand tomorrow.

Yaeng-Pichaste Chuamwarasart

สวัสดีครับ RCU ทุกท่านและคณะซีมะโด่งทัวร์-ปักกิ่ง ทุกท่าน

คณะซีมะโด่งทัวร์-ปักกิ่ง เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความปลอดภัยทุกท่าน แม้จะล่าช้าไปสักนิด
เนื่องจากก่อนเครื่องขึ้นจากสนามบินแห่งชาติกรุงปักกิ่ง ฝนตกลงมาหนาตาสักนิด ทำให้เครื่อง ดีเลย์ ออกไป
ส่งผลใหมาถึงสุวรรณภูมิช้าไปประมาณ 20 นาที คือจากเดิมต้องถึง 23.45 น ขยับไปเป็น 00.05 น.โดยประมาณ
และกระเป๋าออกมาจากสายพานลำเลียงได้เมื่อ 00.28 น. ทุกคนเริ่มรับกระเป๋าของตนเองใส่รถเข็นพร้อมร่ำลากัน
ดังเช่นคำพูดที่ว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา จากนั้นจึงเข็นรถเข็นนำสัมภาระทั้งหลายทั้งปวงผ่านด่านศุลกากร
ซึ่งมีพี่หลิว-สุรศักดิ์ เจอ spot check ให้นำสัมภาระเข้าสแกนเนื่องจากกระเป๋า Samsonite ใบใหญ่มาก เพราะเพิ่งซื้อ
ผลผ่านการสแกน เพราะมีแต่กระเป๋าเปล่า น่าเสียดายเครื่องไม่สามารถสแกนได้ว่าเป็นกระเป๋าปลอมแท้ ๆ
ซึ่งถ้าเครื่องสแกนได้ว่าเป็นขอปลอม ปลอมแท้(ปลอมเหมือน) ปลอมแท้ๆ(ปลอมเหมือนมาก และเหมือนมากๆ)
คงยึดของปลอมเต็มสนามบินแน่นอน

ผมกลับถึงซอยรางน้ำ ซึ่งเป็นที่พัก เมื่อ 01.30 น. ซึ่งมาเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์และยาเสพติดตรงหน้า
สวนสันติภาพก่อนจะถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่ง จนท.ตำรวจตั้งด่าน ตรวจเฉพาะแท็กซี่ จึงถูกถามว่า จะไปไหน
และได้ตอบไปว่า เพิ่งมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ จนท.ตำรวจจึงโบกไฟฉายไล่รถแท็กซี่ให้ขับต่อไป
และผมจะกลับนครสวรรค์ในช่วงบ่ายนี้

อย่างไรก็ตาม ขอแจ้งข่าวกับบรรดาสมาชิกซีมะโด่งทัวร์-ปักกิ่ง และสถานที่อื่นๆว่า Samsonite Inc แห่งสหรัฐอเมริกา
ได้ยื่นขอเป็นบุคคลล้มละลายเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินและขอเจรจากับบรรดาเจ้าหนี้แล้ว เพราะขาดทุนสะสมมากมาย
ต่อไปคงอาจจะไม่มีชื่อ Samsonite มาให้ซื้อหาในราคาพิศดารอีกต่อไป เพราะไปปักกิ่งครั้งนี้ ซื้อ Samsonite กันมาก
ที่ตลาดรัสเซีย ตั้งราคาขาย Samsonite ใบใหญ่สุดประมาณ 1,850 หยวนหรือประมาณ 9,250 บาทไทย พวกเราไม่ได้
ต่อกันที่ 50 % แต่ต่อกันลงมาเหลืออยู่ที่ประมาณ 120-160-170 หยวน หรือประมาณ 600-850 บาทไทย
น้อยกว่า 10% เสียอีก และมีกระเป๋าใบหนึ่งตั้งราคา 4,000 หยวนหรือประมาณ 20,000 บาทไทย พี่หลิว-สุรศักดิ์
ต่อได้ที่ราคา 80 หยวน หรือ 400 บาทคือซื้อที่ 2% ของราคาขายครับ ซึ่งเรื่องการต่อราคาจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป
รับรองสนุกครับ

ถ้าไปซื้อสินค้าเมืองจีนและเป็นของก๊อปปี้ ไม่ใช่ต่อกันที่ 50% นะครับ- ต่อแบบนี้ เป็น หมูสยาม ให้เขาเชือดเลย 
คณะเราโดยเฉพาะพี่รุ้ง-นภาพรรณ  ต่อซื้อกันที่ราคา 2-5% ของราคาตั้งขายครับ

ตามที่บอกครับ เอาไว้แจ้งกันภายหลังนะครับว่า เขาตั้งราคาขายเท่าไร คณะเราซื้อเท่าไร จะได้ทราบกันตอนต่อๆไป

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 07 กันยายน 2552, 08:28:22
	ตีตั๋วรอชมค่ะ ..

สวัสดี น้องหะหยี

พี่นพ'-นพดล จะทะยอยนำภาพ รวมทั้งน้องๆส่วนหนึ่งที่เป็นอาจารย์จากคณะสถาปัตย์และของหลายคนนำมาโพสต์
ให้ในเว็ปนี้ครับ คาดว่าคงใช้เวลานานหลายๆวันครับ เพราะเห็นบอกกันว่าถ่ายภาพมากันเป็นพันรูปทุกคนเลย

พี่อี๊ด, พี่หลิวครับ

หากมีรายชื่อเต็มทั้งคณะ ได้โปรดโพสต์ให้ด้วยครับ เพราะชื่อที่ได้จากทัวร์เป็นภาษาอังกฤษ  แปลกลับเป็นไทยอาจผิดครับ

สวัสดีครับ ชาวครับชาวเวบที่รักทุกท่านที่กำลังรอคอยภาพจากปักกิ่ง
                         ผมขอให้พี่นภดล เป็นคนเกริ่นนำก่อนครับ เพราะผมเป็นมือสมัครเล่น ครับ ค่อยๆติดตามชมกันอย่าใจร้อน จะรับชมภาพงามๆ ก็ต้องใจเย็นๆ ถ้าเย็นไม่ไหว ก็ให้เดินจงกรม ครับ จิตจะได้นิ่งสามารถตัดกิเลสได้ครับ (เกิดความคิดใหม่ๆ ในทางสร้างสรรค์)
                         สวัสดีครับ

มารอชม ครับ  ^_^

(http://img233.imageshack.us/img233/16/pic0594.jpg)

(http://img180.imageshack.us/img180/3159/img13702.jpg)
สนามรังนก ก่อนพลบค่ำ
สนามกีฬาแห่งชาติกรุงปักกิ่ง (อักษรจีนตัวเต็ม: 北京國家體育場, เป่ย์จิงกั๋วเจียถี่ยู่ฉาง) เป็นสนามกีฬาหลักที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่จะถูกจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2546 มีกำหนดการสร้างเสร็จในปี 2550 นี้ ได้รับการออกแบบโดย Herzog & DeMeuron (สวิสเซอร์แลนด์) และสถาบันออกแบบสถาปัตยกรรมจีน (China Architecture Design Institute) ครอบคลุมพื้นที่ 258,000 ตร. ม. และมีขนาดความจุ 1 แสนที่นั่ง ใช้งบประมาณถึง 3.5 พันล้านเหรินหมินปี้ โดยสนามกีฬาแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามแข่งขันกรีฑาและฟุตบอล

สนามกีฬาดังกล่าวตั้งอยู่ทิศใต้ของสวนโอลิมปิกในปักกิ่ง โดยเป็นสเตเดียมแบบเปิด รวมพื้นที่ 23.7 เฮกเตอร์ เพื่อใช้ในพิธีเปิด – ปิด และการแข่งขันกรีฑาประเภทลู่และลานของกีฬาโอลิมปิก 2008 โดยสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 100,000 คน แบ่งเป็นที่นั่งแบบถาวร 80,000 ที่ และที่นั่งเสริม 20,000 ที่(รื้อออกเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน) ทั้งนี้ ภายหลักการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 แล้ว สนามแห่งนี้จะใช้เป็นสนามแข่งขันระหว่างประเทศ หรือกิจกรรมทางกีฬาอื่น ๆ
(ข้อมูล จาก http://th.wikipedia.org)
..........................................................................
สวัสดีพี่ๆซีมะโ่ด่งทุกท่านครับ

ผมเพิ่งเคยมีโอกาสไปทริปซีมะโด่งทัวร์ครั้งแรกครับ
ในการเิดินทางสู่มหานครปักกิ่งครั้งนี้บุคคลที่ผมต้องขอบพระคุณอย่างสูง คือ ท่านอาจารย์เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี  ผู้ชักชวน และอุปถัมถ์ในการเดินทางครั้งนี้ของผมครับ
อีกทั้งต้องขอบคุณ พี่ๆ ซีมะโด่ง ทุกท่านในทริปปักกิ่งทัวร์ ที่แสนใจดี  มีรอยยิ้ม มีเรื่องราวสนุกๆ และสิ่งดีๆให้กับผมและเพื่อนๆตลอดการเดินทางครับ

..........น้องโก๋

สวัสดี น้องเซฟ น้องโก๋

แน่นอนครับ น้ำมันขวดละ 1,000 หยวน ถ้าช่วยไม่หาย มีสิทธิจะเป็น อ้ายหวังตายแน่ หรือไม่ก็ สมพงษ์เลือดทหาร เป็นแน่แท้

ภาพสนามกีฬา "รังนก" ของโก๋ สวยมากครับ ช่วยกันลงช่วยกันโพสต์นะครับ

ยังต้องบอกกล่าวครับว่า Cmadong tour Beijing ยังกลับมาไม่ครบทุกคนนะครับ
อีกสองสาวคือ น้องจรุงทิพย์ และ น้องชุติมา จะกลับวันนี้ นัยว่ารอฟังคำตอบจาก หนุ่มชาญชัย ก่อน 555 ? ??? ?  

เสียดครับ

ขอขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเที่ยง ขอไว้เป็นโอกาสหน้านะครับ เพราะจะออกเดินทางกลับนครสวรรค์แล้วครับ

สวัสดีครับ ดร.มนตรี

จะฝากอะไรกลับนครสวรรค์มั้ย

นี่แค่เปิดประเด็นไปไม่ทันไร ขึ้นหน้าที่ 2 และมีผู้เข้าชม 221 ครั้งแล้วครับ
หน้านี้คงครึกครื้นไปจนถึงวันคืนสู่เหย้า 21 พฤศจิกายน 52 นะครับและเชิญทุกท่านมาร่วมงานด้วยครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 07 กันยายน 2552, 08:41:52
	พี่อี๊ด, พี่หลิวครับ หากมีรายชื่อเต็มทั้งคณะ ได้โปรดโพสต์ให้ด้วยครับ เพราะชื่อที่ได้จากทัวร์เป็นภาษาอังกฤษ  แปลกลับเป็นไทยอาจผิดครับ

รายชื่อมีดังนี้
1.สุภาณี นาคฤทธิ์ (อี๊ด)                       2.อรสา สินชัย (ตุ๊)
3.ชัญญ ชีวาภรณาภิวัฒน์ (ทราย)           4.ภวรร ชีวาภรณาภิวัฒน์ ( fern)
5.สุรศักดิ์ เพชรวิสัย  (หลิว)                  6.นภดล ลิ้มสุรัตน์
7.พิเชษฐ์ เชื่อมวราศาสตร์ (เหยง)          8.มานพ กลับดี (สิงห์)
9.ศิริชัย ตั้งสุขสมบูรณ์ (ตั้ง)               10.สมเกียรติ จิตรพรหมพันธ์ (กวางดำ)
11.วัตสันต์ พงศ์วราภา                      11.จินมิกา พงศ์วราภา (รุ้ง)
13.วิทิดา ปัทมวิภาค  (เป้า)                14.พันธ์ทิพย์ กุลแพทย์ (ตุ่ม)
15.วสันต์ กฐินทอง                          16.อาภรณ์ กฐินทอง
17.สัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล (ตั้ง)            18.นภาพรรณ ตันติดิลกกุล (รุ้ง)
19.จันทร์แจ่ม เพิ่มพงศ์พันธ์ (ติ๋ว)        20.เพ็ญพรรณ ยังคง
21.ชุติมา กิจประยูร (ตุ๊ก)                  22.จรงทิพย์ สัตโกวิท (ทิพย์)
23.เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี                      24.แจ่มใส สุวรรณศักดิ์ศรี
25.ประชา แสงสายัณห์ (ป่า)              26.จักรพร สุวรรณนคร (แนน)
27.นภัส ขวัญเมือง ( S )                   28.พญ.วิลี ขวัญเมือง (ตุ๊กตา)
29.ศุภวัฒน์ หิรัญธนวิวัฒน์ (เซฟ)        30.พงศกร ยิ้มสวัสดิ์ (โอ๋)
31.สัญชัย ลุงรุ่ง (โก๋)                       32.ทรงยศ เสมะกนิษฐ์ (หนุ่ม)

หนีห่าว  สวัสดีปักกิ่ง


1
(http://image.ohozaa.com/i8/z3001.jpg)

2
(http://image.ohozaa.com/iv/at002.jpg)

ขอเชิญสมาชิก ‘ทัวร์ปักกิ่ง’ ทุกท่าน ร่วมกันแบ่งปันรูปภาพในกล้องของตัวเอง

ให้เพื่อนๆร่วมทัวร์ และพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ชาวซีมะโด่งที่ไม่ได้ไป 'ปักกิ่งทัวร์' ครั้งนี้

ร่วมกันยล ร่วมกันชม ร่วมกันตื่นตา และตื่นใจ

กับทัวร์ที่พวกเราได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน


3
(http://image.ohozaa.com/in/tt003.jpg)

ไปครั้งนี้ พวกเราเจอความยิ่งใหญ่อลังการ



สนามบิน


4
(http://image.ohozaa.com/io/18004.jpg)

5
(http://image.ohozaa.com/it/n7005.jpg)

อาคารริมถนน


6
(http://image.ohozaa.com/ia/i4006.jpg)

หอฟ้าเทียนถาน


7
(http://image.ohozaa.com/is/5d007.jpg)

8
(http://image.ohozaa.com/i3/cp008.jpg)

สนามกีฬาโอลิมปิก 'สนามรังนก'


9
(http://image.ohozaa.com/if/97009.jpg)

ภาพถ่ายจากด้านนอก


ฝีมือระดับเหรียญรางวัล ของอาจารย์โก๋


ขอชมว่า "งาม แหล่ม"


(http://image.ohozaa.com/ij/s009a.jpg)

เจอ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก


กำแพงหมื่นลี้



10
(http://image.ohozaa.com/i3/1x010.jpg)

11
(http://image.ohozaa.com/iz/sd011.jpg)

12
(http://image.ohozaa.com/i0/75012.jpg)

13
(http://image.ohozaa.com/iw/86013.jpg)

14
(http://image.ohozaa.com/ib/o4014.jpg)

และเจอ ความสวยงามมากมาย


15
(http://image.ohozaa.com/i3/iv015.jpg)

16
(http://image.ohozaa.com/ie/wa016.jpg)

17
(http://image.ohozaa.com/i1/0t017.jpg)

18
(http://image.ohozaa.com/io/0n018.jpg)

19
(http://image.ohozaa.com/i8/t4019.jpg)

20
(http://image.ohozaa.com/ik/9e020.jpg)

21
(http://image.ohozaa.com/if/gj021.jpg)

22
(http://image.ohozaa.com/iu/l7022.jpg)

23
(http://image.ohozaa.com/iz/3a023.jpg)

24
(http://image.ohozaa.com/i3/n9024.jpg)

25
(http://image.ohozaa.com/ik/u2025.jpg)

26
(http://image.ohozaa.com/ik/7b026.jpg)

27
(http://image.ohozaa.com/id/71027.jpg)

28
(http://image.ohozaa.com/ik/wx028.jpg)

ทั้งความใกล้ชิด ความรัก ความช่วยเหลือ และความสนุกสนาน

เหมาะสมแล้ว กับคำว่า ‘มิตรภาพที่ไม่มีวันตาย’



29
(http://image.ohozaa.com/iv/c0029.jpg)

30
(http://image.ohozaa.com/iq/lx030.jpg)

31
(http://image.ohozaa.com/iy/sh031.jpg)

32
(http://image.ohozaa.com/i4/cx032.jpg)

33
(http://image.ohozaa.com/ia/rj033.jpg)

34
(http://image.ohozaa.com/i7/fq034.jpg)

35
(http://image.ohozaa.com/i0/rk035.jpg)

36
(http://image.ohozaa.com/ix/qs036.jpg)

รูปเปิดฉาก ในวันนี้เป็นเพียงชุด ‘รำอวยพร’

คงจะมีท่านอื่นๆอีกที่จะร่วมนำรูปแปลกๆ มาร่วม ‘รำอวยพร’ ในกระทู้นี้

เป็นการยั่ว ‘ต่อมกระหาย’ อยากจะดูรูปน่ะครับ

ขอเชิญทุกๆท่านเลย นะครับ

แล้วอีกสักวัน สองวัน เราจึงจะเริ่มออกเดินทางออกจากกรุงเทพ



37
(http://image.ohozaa.com/iy/5j037.jpg)

38
(http://image.ohozaa.com/ih/qg038.jpg)

พระนางซูสีไทเฮา


39
(http://image.ohozaa.com/i4/5k039.jpg)

40
(http://image.ohozaa.com/i7/gm040.jpg)

สาวชาวจีน


041
(http://image.ohozaa.com/i0/v1041.jpg)

ผืนผ้าไหม


043
(http://image.ohozaa.com/im/99043.jpg)

ต้นไม้อายุยืน... เกินแซยิด (60 ปี)


044
(http://image.ohozaa.com/ii/gv044.jpg)

คุณชาญชัย ‘ใจสั่งมา’

ไกด์ชาวจีน ผู้เรียนภาษาไทยเพียง 2 ปี เป็นวิชาเลือก ในระดับปริญญาตรี

และเผยไต๋ ว่า  'สนใจสาวไทย'


045
(http://image.ohozaa.com/i4/fj045.jpg)

คุณเดช เดวิด

ไกด์ชาวไทย ผู้เคยนำทัวร์ชาวไทยไปต่างประเทศ จำนวน 500 ครั้งเศษ

(โปรดรออ่านข้อมูลที่แน่ชัดจากคุณเหยง)


046
(http://image.ohozaa.com/if/ug046.jpg)

กระทู้นี้ คาดว่าจะไม่รีบร้อนโพสต์รูป เร็วนัก

พวกเรา จะค่อยๆทยอยโพสต์ วันละนิด วันละน้อย

กะว่าเพื่อให้พวกเราและท่านอื่นๆ  อยากเข้ากระทู้นี้ บ่อยๆ


047
(http://image.ohozaa.com/id/nj047.jpg)

048
(http://image.ohozaa.com/i4/hu048.jpg)

แบงค์ 100 หยวน ราคาประมาณ 500 บาท


049
(http://image.ohozaa.com/ib/xk049.jpg)

050
(http://image.ohozaa.com/ik/5a050.jpg)

กระทู้นี้ หากมีรูป ค่อยๆโพสต์ ไปเรื่อยๆ

กระทู้จะไม่ตกเร็ว  อาจจะคงอยู่ได้ เป็นเดือน



หรือหากใครรู้จัก เว็บมาสเตอร์ จะช่วยขอร้องให้ช่วย ‘ปักหมุด’ กระทู้นี้หน่อย จะได้ไหม?

เพื่อ ผู้อาวุโส ซีมะโด่งสัมพันธ์ .....จะได้หา กระทู้นี้ เจอ ได้ง่าย

เห็นใจ สว. เถิด


51

(http://image.ohozaa.com/ij/v9051.jpg)




Let’ go……

สายันต์สวัสด์ครับ

ผมกลับถึงนครสวรรค์ในช่วงเย็นมากๆแล้ว เนื่องจากฝนตกหนักมาครับ และรถบนถนนค่อนข้างมาก

การทัวร์ปักกิ่งครั้งนี้ อุปสรรค์อยู่ที่สภาวะอากาศ ซึ่งปักกิ่งจะมีฝุ่นทราย ควัน มาก ส่งผลต่อการถ่ายภาพ

รวมทั้งส่วนหนึงต้องถ่ายในช่วงเวลาโพล้เพล้ หากภาพที่ออกมาบางส่วนไม่ดีนัก คงไม่ว่ากัน

อีกทั้งการไปในช่วงนี้ ทางรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากจะมีการเฉลิมฉลอง

การตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนครบปีที่ 60 ซึ่งไม่เคยมีการฉลองมานับแต่การจัดเดินพาเหรดในปีแรกแห่งการก่อตั้ง

ซึ่งจากการสังเกตุ มีการเตรียมการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีการปิดถนนและสถานที่ต่างๆ ซึ่งก็มีผลต่อการทัวร์ เช่น

ปิดถนนหวังฟูจิ่ง ซึ่งอยู่ใกล้จตุรัสเทียนอันเหมิน เพื่อชุมนุมทหาร อาสาสมัคร นักเรียนนักศึกษา เพื่อซ้อมเดินสวนสนาม

ส่งผลให้คณะของเราต้องเลื่อนเวลาไปเที่ยวชมถนนนี้ และกระทบต่อการทัวร์ที่อื่นไปด้วย

1
ขออนุญาตนำภาพจาก ผู้จัดการออน์ไลน์เกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อเฉลิมฉลอง 60 ปี มาให้ชมกันครับ

                               (http://img406.imageshack.us/img406/1518/hair1.jpg)

                               (http://img406.imageshack.us/img406/8482/hair2n.jpg)

                               (http://img186.imageshack.us/img186/193/hair3.jpg)

                               (http://img178.imageshack.us/img178/8056/hair4.jpg)

                               (http://img80.imageshack.us/img80/9427/hair5a.jpg)

                               (http://img514.imageshack.us/img514/3320/hair6.jpg)

หรือติดตามรายละเอียดได้ที่

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000101163

และคาดว่า ใกล้ๆ วันที่ 1 ตุลาคม คงจะมีข่าวการเฉลิมฉลอง 60 ปีการสถาปนา สาธารณรัฐประชาชนจีน เผยแพร่ออกมา

รวมทั้งวันที่ 10 เดือน 10 ซึ่งเป็นของ ไต้หวัน ด้วยเช่นกัน   

 emo4:))

เข้ามาชมรูป   ซีมะโด่งทัวร์ปักกิ่ง  อย่างเพลิดเพลิน
แต่ละ shot ที่ถ่ายมาได้อารมณ์แตกต่างกันไปเลยนะครับ
สนุกสนาน ตื่นตา น่าสนใจ
ผมชอบรูป ท่าน อ.เผ่ากับท่าน อ.แจ่มใสครับ น่ารักมากๆ
อ.มีความสุขสนุกสนาน ดีจังเลยครับ
ขอบคุณพี่สิน และทุกคนที่นำรูปมาลงให้ชมกัน
ร่วมทั้งคณะทัวร์ทุกท่านที่สร้างสีสรรอย่างดี
วันหลังมีโอกาส จะขอติดสอยห้อยตาม
คณะซีมะโด่งของเรา ไปเที่ยวด้วยนะครับ

 emo6::))

ขอบคุณครับ พี่นภ รูปงามมากครับ ... เข้ามาชมแล้ว  ไม่ผิดหวัง  ได้อรรถรสของบรรยากาศ เต็มๆ  ^_^


-----------------------------------------------------------------------------


ขอบคุณครับ พี่เหยง  ^_^

v
V

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 07 กันยายน 2552, 11:55:48
	สวัสดีครับ ดร.มนตรี จะฝากอะไรกลับนครสวรรค์มั้ย นี่แค่เปิดประเด็นไปไม่ทันไร ขึ้นหน้าที่ 2 และมีผู้เข้าชม 221 ครั้งแล้วครับ หน้านี้คงครึกครื้นไปจนถึงวันคืนสู่เหย้า 21 พฤศจิกายน 52 นะครับและเชิญทุกท่านมาร่วมงานด้วยครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 07 กันยายน 2552, 23:54:24
	อ้างถึง ข้อความของ yyswim เมื่อ 07 กันยายน 2552, 19:44:30 050 (http://upload.mwake.com/images_xxx/yG/TiZBqUZChY.JPG) รูปนี้ได้อารมณ์สนุกสนานมากคร่ะ .. คริคริ

เห็นด้วยครับ พี่   ชอบ รูปนี้ กับนายแบบ นางแบบ ในภาพเหมือนกัน น่ารักทั้งคู่ ^_^

		อ้างถึง			ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 08 กันยายน 2552, 07:18:15
	emo4:)) เข้ามาชมรูป   ซีมะโด่งทัวร์ปักกิ่ง  อย่างเพลิดเพลิน แต่ละ shot ที่ถ่ายมาได้อารมณ์แตกต่างกันไปเลยนะครับ สนุกสนาน ตื่นตา น่าสนใจ ผมชอบรูป ท่าน อ.เผ่ากับท่าน อ.แจ่มใสครับ น่ารักมากๆ อ.มีความสุขสนุกสนาน ดีจังเลยครับ ขอบคุณพี่สิน และทุกคนที่นำรูปมาลงให้ชมกัน ร่วมทั้งคณะทัวร์ทุกท่านที่สร้างสีสรรอย่างดี วันหลังมีโอกาส จะขอติดสอยห้อยตาม คณะซีมะโด่งของเรา ไปเที่ยวด้วยนะครับ  emo6::))

ใช่ครับ พี่หนุน ท่านอาจารย์ของเราน่ารักกันเสมอ  แต่ภาพนี้  น่ารักเป็นพิเศษ  ^_^

		อ้างถึง			ข้อความของ safetysafe เมื่อ 07 กันยายน 2552, 10:09:53
	สวัสดีครับพี่ๆ กลับมาถึงก็เช้ามาโพสเป็นคนแรกเลยครับ  55  ทัวร์ซีมะโด่ง go to Beijing  ครั้งนี้สนุกมากสุดๆเลย แล้วก็เหนื่อยสุดๆด้วย  เมื่อยด้วย  ดีนะที่ได้ น้ำมัน wu ของ อ.สมพงษ์ (หมอยาจีน) ช่วยไว้  emo20:)):) ขอขอบคุณพี่ๆ ที่เป็นแม่งานจัดทัวร์ครั้งนี้  และดูแลน้องๆเป็นอย่างดี เรื่องรูปจะพยายามรีบเอามาให้ดูนะครับ  สัญญาครับ น้องเซฟ

ได้ข่าวว่า ซื้อของกระหน่ำนิ...แถมซื้อหนังสือแบบเดียวกัน แต่ราคาต่างกัน ฮากันซะ

		อ้างถึง			ข้อความของ yyswim เมื่อ 07 กันยายน 2552, 19:41:30
	048 (http://upload.mwake.com/images_xxx/yG/6XLCZAwknT.JPG)

Cheer! พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก

		อ้างถึง			ข้อความของ yyswim เมื่อ 07 กันยายน 2552, 17:24:45
	18 (http://upload.mwake.com/images_xxx/xM/07s71gXlQj.JPG)

กี๊ดๆๆ น้องตุ๊กตาัตัดผม...น่ารักมาก....

		อ้างถึง			ข้อความของ yyswim เมื่อ 07 กันยายน 2552, 17:07:12
	ภาพถ่ายจากด้านนอก ฝีมือระดับเหรียญรางวัล ของอาจารย์โก๋ ขอชมว่า "งาม แหล่ม"

พี่สินคะ

พ่อคนนี้เขานักล่ารางวัลค่ะ...หุหุ พี่สินไปดูภาพที่น้องเขาถ่ายได้ที่ http://platongkohphoto.multiply.com ได้เลยค่ะ

ปลาทอง
อำพี่ซะนะ...ไหนบอกว่า เลิกถ่ายละ...เหอๆๆ แล้วกล้องน่ะของใคร หุหุ

สวัสดีตอนดึกๆครับ พี่ๆ
กระผม น้องเซฟ รายงานตัวครับ
วันนี้เอารูปบางส่วนมาแบ่งปันกันชมครับ (กว่าจะคัดได้ เหนื่อยมาก)
พอเอารูปมาดูรู้สึกเสียดายมาก ไม่ค่อยได้ถ่ายกับพี่ๆ  (เพราะไปแต่ละที่ ก็มัวแต่ตื่นตะลึง)
เอาไว้ทริปหน้าจะแก้ตัวใหม่นะครับ
น้องเซฟ ผู้น่ารัก  555

(http://img401.imageshack.us/img401/2339/img8251resize.jpg)

(http://img245.imageshack.us/img245/9365/img8252.jpg)

(http://img180.imageshack.us/img180/4609/img8278.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/1026/img8260.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/8856/img7520c.jpg)

(http://img169.imageshack.us/img169/5876/img7413.jpg)

(http://img169.imageshack.us/img169/2482/img7766.jpg)

(http://img180.imageshack.us/img180/958/img7981.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/9730/img8028.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/2200/img8049.jpg)

ดูรูปวิวมาเยอะแล้วครับ  ต่อด้วยซีรี่ภาพพวกเรากันดีกว่านะครับ
(http://img179.imageshack.us/img179/6505/img8723.jpg)

(http://img401.imageshack.us/img401/3958/img8344.jpg)

(http://img245.imageshack.us/img245/4974/img8334.jpg)

(http://img137.imageshack.us/img137/2272/img8304.jpg)

(http://img186.imageshack.us/img186/2443/img8275.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/1637/copyofimg8021.jpg)

(http://img137.imageshack.us/img137/2636/copyofimg8070.jpg)

(http://img201.imageshack.us/img201/4018/img0849d.jpg)

(http://img201.imageshack.us/img201/5517/img0850n.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/93/img1305d.jpg)

(http://img136.imageshack.us/img136/5041/img1543g.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/2893/img1557nt.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/7647/img1565s.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/2480/img1567r.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/6351/img1569u.jpg)

คือว่า ตอนที่ผมกำลัง upload อยู่นี้  เป็นเวลา 23.00 น. แล้ว
ก็เลยไม่ได้บรรยายภาพนะครับ
คนที่ไม่ได้ไปด้วย อาจสงสัยว่าทำอะไรกันน่ะ
ก็คงต้องฝาก  คนในเหตุการณ์เล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ     emo29:P:
(http://img142.imageshack.us/img142/4532/img7488.jpg)

(http://img248.imageshack.us/img248/5886/img7501.jpg)

(http://img178.imageshack.us/img178/6060/img7552y.jpg)

(http://img178.imageshack.us/img178/6328/img7576.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/7163/img7644.jpg)

(http://img338.imageshack.us/img338/8940/img7677.jpg)

(http://img75.imageshack.us/img75/6977/img7679.jpg)

(http://img98.imageshack.us/img98/8278/img7691.jpg)

(http://img75.imageshack.us/img75/2328/img7699.jpg)

(http://img75.imageshack.us/img75/2326/img7803.jpg)

(http://img75.imageshack.us/img75/1727/img7816.jpg)

(http://img401.imageshack.us/img401/1903/img7872.jpg)

(http://img443.imageshack.us/img443/803/img8159.jpg)

(http://img75.imageshack.us/img75/761/img8169.jpg)

(http://img179.imageshack.us/img179/7087/img8170j.jpg)

(http://img80.imageshack.us/img80/5779/img8171.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/486/img8172.jpg)

(http://img403.imageshack.us/img403/5958/img8194.jpg)

รูปสุดท้ายแล้วครับ ขอปิดท้ายด้วยรูปนี้ละกันครับ   emo28:win:
ราตรีสวัสดิ์ครับ  น้องเซฟเอง
(http://img525.imageshack.us/img525/3553/img7526n.jpg)

 emo4:))

ขอบคุณน้องเซฟมากครับ
ดูเพลินเลย
คอยสมาชิกมาเล่าเรื่องประกอบรูปด้วยครับ

 emo40::

เข้ามาชมภาพสวยๆ ฝีมือน้องเซฟ ...

ถ่ายรูปได้สวยมากครับ  ^_^

ดูรูปแล้วอยากไปมั้ง   emo:( emo:(

53
(http://image.ohozaa.com/iy/os053.jpg)

54
(http://image.ohozaa.com/i7/wx054.jpg)

55
(http://image.ohozaa.com/io/dx055.jpg)

56
(http://image.ohozaa.com/iy/39056.jpg)

57
(http://image.ohozaa.com/i5/xq057.jpg)

58
(http://image.ohozaa.com/i8/tq058.jpg)

59
(http://image.ohozaa.com/is/13059.jpg)

60
(http://image.ohozaa.com/ir/p9060.jpg)

พี่สินเอง ก็มีเวลาน้อย ไม่ค่อยจะว่างช่วยใครบรรยาย เพราะขนาดรูปของพี่เองที่โพสต์ไป หรือจะโพสต์  พี่ก็ยังไม่มีปัญญาจะบรรยายเลย



ทรงผม โมฮ็อก


61
(http://image.ohozaa.com/iq/bd061.jpg)

ป้ายชี้ทาง มีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ


62
(http://image.ohozaa.com/ia/gm062.jpg)

เซรามิคภาพนี้ อยู่บนฝาผนังใกล้ห้องน้ำ คงจะเป็นสัญลักษณ์ของห้องน้ำ มั๊ง

ลองสังเกตให้ดี  เขาผลิตเซรามิคแบบเอามาต่อกัน


63
(http://image.ohozaa.com/in/9d063.jpg)

หมีแพนด้า อ๊ะ ม่ายช่าย

เป็นโทรศัพท์สาธารณะ ในดงไผ่


64
(http://image.ohozaa.com/it/6n064.jpg)

อ่านภาษาจีนไม่ออก

อ่านออกแค่  5  4   4   3   4

งั้น ก็คงจะแปลว่า ไส้กรอกราคา  25 บาท  กระป๋องแดงราคา 20  บาท น้ำส้มขวดใหญ่ราคา 20  บาท

ชาเขียวราคา 15  บาท และน้ำส้มแถวขวาสุดราคา 20  บาท..


65
(http://image.ohozaa.com/it/gr065.jpg)

ลวดลายจีนโบราณ


66
(http://image.ohozaa.com/i5/s0066.jpg)

		อ้างถึง			ข้อความของ yyswim เมื่อ 07 กันยายน 2552, 19:26:20
	หนุ่มชาวจีน 042 (http://upload.mwake.com/images_xxx/yG/SIAtZoMdhI.JPG) หล่อระดับนี้.... อาจารย์หนุ่ม คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ชนะขาด อาจารย์คร้าบ คุณหมอเด็ก คร้าบ รูปภาพชุด ฮ่องเต้ทรงพระมัสสุ กับ ฮองเฮา ที่แสนสง่า จำนวน 5 รูปในอัลบั้ม จะ มิ กรุณา ช่วยนำมาสแกน นำลงให้ชม เป็นบุญตา สัก รูป สองรูป สามรูป เหรอคร้าบ? ทุกคน กำลังรอชมอยู่ หล่อ อย่างเทพ เลย นะ อาจารย์เรา.. (ระวัง จะมีแมวมอง เชิญตัวไปถ่ายแบบ)

จะรีบเอารูปมาลงครับ แต่ว่า ฮ่องเต้และ ฮองเฮา ดูจะสมบูรณ์ไปนิดนะครับ ไม่เพรียวเหมือนรูปของพี่   emo28:win: emo49:))

เรียน  พี่ๆน้องๆ ทุกท่าน

พี่นภให้ช่วยแจ้งทุกท่านว่า เวป Host ที่พี่นภไปฝากรูปไว้ ล่ม อยู่ค่ะ
ก็เลยดูรูปไม่ได้ ตอนนี้พี่นภก็อยู่ต่างจังหวัด กลับมาแล้วจะรีบแก้ไขให้นะคะ


 

		อ้างถึง			ข้อความของ safetysafe เมื่อ 08 กันยายน 2552, 22:48:26
	(http://img179.imageshack.us/img179/7087/img8170j.jpg)

ตาคนนี้เขาโพสต์ท่า "ธรรมดาๆ" ได้้มั้ย....555

		อ้างถึง			ข้อความของ siam เมื่อ 09 กันยายน 2552, 12:40:24
	จะรีบเอารูปมาลงครับ แต่ว่า ฮ่องเต้และ ฮองเฮา ดูจะสมบูรณ์ไปนิดนะครับ ไม่เพรียวเหมือนรูปของพี่   emo28:win: emo49:))

ข้าน้อยขอคารวะสัก 10 จอก...หนวดนี้ท่านเอาไว้รอลูกสาวเลยรึท่าน

ครึๆ

		อ้างถึง			ข้อความของ safetysafe เมื่อ 08 กันยายน 2552, 22:22:03
	(http://img403.imageshack.us/img403/1637/copyofimg8021.jpg)

เซฟพี่คิดถึงตอนเซฟถ่าย pre wedding กับลูกหว้า หน้าแบบนี้เลย ว่าแต่ว่าลูกหว้าติดบินเหรอ...

ปล. ไหนโก๋บอกพี่ว่า เลิกถ่ายรูปแล้ว ขายกล้องหมดแล้ว...อำพี่ซะ...

		อ้างถึง			ข้อความของ safetysafe เมื่อ 08 กันยายน 2552, 21:41:21
	หวัดดีครับพี่ปุ๊กกกกกกกก แหม ไปเมาท์มาเมื่อไหร่ ว่าซื้อของกระหน่ำ แค่มันสะใจก็แค่นั้นเอง  555555

เหอๆ..น้ำมันนวด 2000 หยวนๆ...

เซฟ
ขอบภาพคู่อ.เผ่ากับอ.แจ่มใสมาก อีกอันที่เซฟนั่งมุมสูงบนกำแพงเมืองจีน ใครถ่ายให้ง่ะ อ้อ ที่ลืมไม่ได้ชอบภาพพี่ตู่มมี่แขนรับพลัง...ในขณะทุกคนรายล้อม...เท่ห์มาก ชอบๆๆ

		อ้างถึง			ข้อความของ iamfrommoon เมื่อ 10 กันยายน 2552, 14:41:14
	อ้างถึง ข้อความของ safetysafe เมื่อ 08 กันยายน 2552, 21:41:21 หวัดดีครับพี่ปุ๊กกกกกกกก แหม ไปเมาท์มาเมื่อไหร่ ว่าซื้อของกระหน่ำ แค่มันสะใจก็แค่นั้นเอง  555555 เหอๆ..น้ำมันนวด 2000 หยวนๆ... เซฟ ขอบภาพคู่อ.เผ่ากับอ.แจ่มใสมาก อีกอันที่เซฟนั่งมุมสูงบนกำแพงเมืองจีน ใครถ่ายให้ง่ะ อ้อ ที่ลืมไม่ได้ชอบภาพพี่ตู่มมี่แขนรับพลัง...ในขณะทุกคนรายล้อม...เท่ห์มาก ชอบๆๆ[/color]

น้ำมันนวด ขนาด 120 ซีซีโดยประมาณ ราคา 1,000 หยวนครับ หรือ ประมาณ 5,000 บาท มีเศษอีกพอสมควร
ตามนโยบาย หายง่าย หายเร็ว และหายขาด..ฮา เงินหายครับ
ไม่เคยเจอน้ำมันนวดราคานี้มาก่อนเลยในชีวิตของเภสัชกร

 emo47 emo47 emo29:P:

		อ้างถึง			ข้อความของ yyswim เมื่อ 09 กันยายน 2552, 12:36:59
	ตอนนี้ท่านใดมีรูปในกล้อง ไม่ว่าจะมุมมองแบบไหน จะถ่ายด้วยกล้องอะไร ชัดหรือไม่ชัด ก็ไม่เป็นไรครับ ช่วยนำมาแบ่งปัน ร่วมกันชม ร่วมกันชิม  อุ๊บ ม่ายช่าย  ช่วยนำมาร่วมกันระลึกถึงวันคืนที่ดีงาม

ร่วมวงด้วยคน... คร่า

ใช้กล้องแบบแซะ อย่างเดียว กะลังฝึกใช้กล้อง พี่สิน

งานหน้าน่าจะ โอกว่านี้...  แน่ ๆ ๆ  555 

พี่สิน - พี่สิงห์ - พี่หลิว

(http://img200.imageshack.us/img200/7515/beijing1001.jpg) (http://img200.imageshack.us/i/beijing1001.jpg/)

ช้าง... ตั้งอยู่บริเวณทางออกประตูหลัง พระราชวังกู้กง

เท้าหน้า... วางยื่นออกมาข้างหน้า แปลก ๆ ... เน๊อะ รึ ! ตั้งใจ ?

(http://img198.imageshack.us/img198/9310/beijing1004.jpg) (http://img198.imageshack.us/i/beijing1004.jpg/)

พี่ติ๋ว กะ อาจารย์เพ็ญพรรณ กะ toomy  

อาคารสวย ๆ ด้านหลัง ... ห้องน้ำ คร่ะ แต่ กลิ่น ... ม่ะค่อยบรรเจิด เท่าไร

(http://img21.imageshack.us/img21/8080/beijing1003.jpg) (http://img21.imageshack.us/i/beijing1003.jpg/)

ทางขึ้นตำหนักจะเป็นทางลาดโดยมีบันไดสองข้าง

ส่วนตรงกลางเป็นหินอ่อนสลักเป็นรูปมังกรเก้าตัวดั้นเมฆ

สำหรับให้จักรพรรดิ์เสด็จโดยนั่งอยู่บนเกี้ยวให้ทหารหามเกี้ยว

ส่วนทหารจะใช้บันไดสองข้างเป็นทางเดิน

เมื่อมองดูแล้วจึงเหมือนลอยมาอยู่เหนือมังกร ซึ่งดั้นเมฆอยู่

ภาพมังกรดั้นเมฆนี้ หินที่ใช้แกะสลักเป็นหินก้อนเดียวและมีน้ำหนัก 200 ตัน  

(http://img30.imageshack.us/img30/4990/beijing1046.jpg) (http://img30.imageshack.us/i/beijing1046.jpg/)

สาว  สาว  สาว  สาว  สาว จริ๊งงงงง !!!

(http://img188.imageshack.us/img188/4828/beijing1007.jpg) (http://img188.imageshack.us/i/beijing1007.jpg/)

นี้ก้อ ... สาว  สาว  สาว  คร่ะ ! !

พี่ตุ๊14 - toomy20 - พี่อี๊ด14

(http://img21.imageshack.us/img21/397/beijing1006.jpg) (http://img21.imageshack.us/i/beijing1006.jpg/)

เนี่ย !  ก้อ... ส.ส. - ส.จ. ตระกูลอี้

thippy - toomy - tooky

(http://img198.imageshack.us/img198/1078/beijing1005.jpg) (http://img198.imageshack.us/i/beijing1005.jpg/)

มีเกือบทู้กภาษา... ภาษาไทย ก้อ... มี จร้า !!!  

(http://img21.imageshack.us/img21/1989/beijing1008.jpg) (http://img21.imageshack.us/i/beijing1008.jpg/)

* * * * หอประตูเทียนอันเหมิน * * * *  

คำขวัญภาษาจีนที่ติดไว้ทั้งสองด้านของรูปท่านประธานเหมา แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า

สาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ  และ เอกภาพของประชาคมโลกจงเจริญ

วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949 ประธานเหมาเจ๋อตุงได้ประกาศต่อมวลชน

ก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนบนหอประตูเทียนอันเหมิน และอัญเชิญธงดาวแดงขึ้นสู่ยอดเสา

หอประตูเทียนอันเหมิน จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนยุคใหม่มานับแต่นั้น

พี่หญิงเป้า "วิทิดา ปัทมวิภาค" ฉายเดี่ยว จร้า !!!

กว่าจะยอมให้ถ่ายได้ คะยั้น คะยอ กันนาน เชียว คร่า !!  

(http://img188.imageshack.us/img188/2676/beijing1009.jpg) (http://img188.imageshack.us/i/beijing1009.jpg/)

น้องตุ๊กตา ( พญ.วิลี ขวัญเมือง) กะ พี่ตู่มมี่ (พันธุ์ฑิพย์ กุลแพทย์)

กะลังเดินไปขึ้นรถ เพื่อไปทานอาหารมื้อเที่ยงกัน

เกือบบ่ายโมง แน่ะ ...  หลังเสร็จจาก ชมพระราชวังกู้กง - ประตูเทียนอันเหมิน

ดูแบกขาตั้งกล้อง ซิ ... ฮึ ! หญิงเหล็ก นะ จะบอกห้ายยยย..  

(http://img188.imageshack.us/img188/9923/beijing1010.jpg) (http://img188.imageshack.us/i/beijing1010.jpg/)

(http://upload.tarad.com/images2/f6/db/f6db5941ec8e5d8ee10219cafc4d2af5.jpg) (http://upload.tarad.com)
ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จแล้ววววววว

(http://upload.tarad.com/images2/bf/e9/bfe9fa23b39e32596e634e76dffb285c.JPG) (http://upload.tarad.com)

(http://upload.tarad.com/images2/b3/ee/b3ee782b2733c9ed561be3ba7685a252.JPG) (http://upload.tarad.com)
ไชหน้า = china

(http://upload.tarad.com/images2/e5/a8/e5a87a502a22ad3ffeee31058fe1e48d.JPG) (http://upload.tarad.com)
หลังจากเดินไต่กำแพงเมืองจีน ก็เป็นอย่างนี้แหละ

(http://upload.tarad.com/images2/2b/1e/2b1e7d637fb80622b44ea5ba5feb08e0.JPG) (http://upload.tarad.com)
หลบฝนที่หอฟ้าเทียนถาน

(http://upload.tarad.com/images2/33/51/335183d6302f4422d8e7cb634d37d82c.JPG) (http://upload.tarad.com)

(http://upload.tarad.com/images2/e8/1d/e81d48270a758d8bd1b0f2ce8f5ea8d4.JPG) (http://upload.tarad.com)

(http://upload.tarad.com/images2/90/76/9076d1788982d7233a6fcfe1c01dceff.JPG) (http://upload.tarad.com)

(http://upload.tarad.com/images2/c7/bb/c7bb006ed67c4739950ca55d2dd4971e.JPG) (http://upload.tarad.com)
ปิดท้าย

ภาพปิดท้ายกระโดดสูงดั่งเดิมเลยนะ...ลั่ลล้ามาก...หนุกหนานๆ ไปกับทุกๆ คนที่โพสต์ภาพเลย

		อ้างถึง			ข้อความของ toomy เมื่อ 10 กันยายน 2552, 22:01:07
	เนี่ย !  ก้อ... ส.ส. - ส.จ. ตระกูลอี้ thippy - toomy - tooky (http://img198.imageshack.us/img198/1078/beijing1005.jpg) (http://img198.imageshack.us/i/beijing1005.jpg/)

สาว สาว สาว
สวย

ใส ใส ใส

น้องๆ  คะ

ขอบคุณน้องป่าที่ยังห่วงพี่ทั้งสอง กลัวหลงอยู่ที่ปักกิ่ง ไม่ยอมกลับละซิ

พี่ทิปปี้กับพี่ตุ๊กกี้ไม่ได้ไปไหนไกลเลย อยู่ที่ตลาดรัสเซีย ตั้งแต่ 10 โมงเช้า

จนสี่โมงเย็น  ได้เวลาไปสนามบินพอดี ตังส์หมดพอดีเหมือนกัลล์.........

พี่รอดูรูปอยู่นะ น่ารักกันจัง

		อ้างถึง			ข้อความของ safetysafe เมื่อ 08 กันยายน 2552, 22:37:56
	(http://img98.imageshack.us/img98/7163/img7644.jpg)

รูปนี้หล่อเกินไปแล้วพี่ 
ว่าแต่มีทริปแบบนี้อยากไปบ้างจังคร้าบ   เห็นแล้วน่าไปถ่ายภาพมากกกกกที่สุด 

2.

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งทุท่าน

หลังจากโพสต์ภาพและข้อความมาถึงหน้า 8 แล้ว และได้ชมภาพไฮไลท์มากมาย โดยเฉพาะของพี่นพ'
ซึ่งผ่านไปถึง 66 ภาพแล้ว และไม่นับรวมของทีมสถาปัตย์อีกจำนวนหนึ่ง จนผู้เข้าชมถึง 1,005 ครั้งแล้ว
และขอให้เร่งโพสต์ จนการโพสต์ภาพ..ไม่สามารถทำได้ เ
นื่องจากโพสต์ไม่เข้า...เข้าทำนองเหมือนแกล้งกันเลย ...5555

ขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ

วันพุธที่ 2 กันยายน 2552 ผมเดินทางจากจังหวัดนครสวรรค์ถึงกรุงเทพในช่วงบ่ายสองโมงเศษๆ ได้ติดต่อสอบถาม
ผู้จะร่วมเดินทางหลายๆ คน เช่น พี่สิงห์ ซึ่งยังคงอยู่ที่นครศรีธรรมราช และจะกลับถึงกรุงเทพช่วงเย็น จากนั้นจึงจะ
ไปรับ พี่ติ๋ว-จันทร์แจ่ม ที่บ้านอาจารย์พินิจ, พี่เป้า-วิทิตา หน้าทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นจึงเดินทางต่อไปสนามบิน และ
นัดจะพบกันที่สนามบิน ในช่วงเวลาประมาณ 21.30 น.

       (http://img225.imageshack.us/img225/1444/tobkk.jpg)

3. นัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ

จนล่วงเข้าเวลาประมาณ 20.45 น. ผมออกจากซอยรางน้ำ หาแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ โดยพยายามมองฟ้า
ประกอบไปด้วย เนื่องจากกลัวว่าฝนจะตก และมีปัญหาการจราจรที่ล่าช้าเข้ามา แต่โชคดี คืนนั้นฟ้าโปร่ง ไม่มีฝน
แท็กซี่ใช้เวลาไม่มากนัก ก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 21.20 น. จากนั้นก็เดินขึ้นไปสู่ชั้น 4 แถว U ประตูที่ 10
ซึ่งในขณะนั้น ยังไม่มีใครมากันเลย แต่มาทราบในภายหลังว่า หลายๆ คนไปถึงแล้ว และไปเดินสำรวจสนามบิน
เนื่องจากไม่พบใครเช่นกัน
      ผมจึงเขียนกระดาษและปิดไว้ที่กระเป๋าว่า ซีมะโด่งทัวร์ จากนั้นจึงไสรถเข็นสัมภาระไปหาที่นั่งใกล้ๆ ช่อง U และ
ก็ได้ผล กวางดำ-สมเกียรติ 16 เดินทางมาถึงและนั่งเป็นเพื่อนกัน จากนั้น หลายๆคนก็เดินตามกันมา เช่น พี่อี๊ด-สุภาณี
พร้อม น้องทราย-ชัญญ, น้องใบเฟิน-ภวรร ตามเข้ามาสมทบ พร้อม พี่หลิว-สุรศักดิ์ ซึ่งต้องมีทั้งลูกชายซึ่งเป็นแพทย์ทหาร
และลูกสาว ซึ่งยังคงเป็นนิสิตแพทย์ปี 6 พามาส่ง จะด้วยเหตุผลใดไม่แน่ชัด กลัวหลงเพราะอายุมาก, หรือ ไปที่อื่น
แทนการไปทัวร์ หรือไม่?? จึงต้องมาส่ง นับเป็นครอบครัวเดียวที่มีคนมาส่ง และที่สุดต้องถ่ายภาพเป็นหลักฐานอีกต่างหาก

(http://img171.imageshack.us/img171/7604/fly1c.jpg)

พี่หลิว ยังปล่อยมุข ขณะอยู่ที่ร้านขายหยกว่า ถ้าไม่ซื้อกำไลหยกไปฝาก she รวมทั้งของฝากอื่นๆ ให้ลูกชายลูกสาว
วันสุดท้ายกลับบ้านไม่ได้แน่ ?????

4. นัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 2

เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไปเรื่อยๆ ชาวซีมะโด่งทัวร์ ก็ทะยอยมากันเรื่อยๆ แต่ยังคงมี 2 ท่านให้พวกเราลุ้น
คือ 1.พี่ตั้ง-ศิริชัย Rx14 ที่ติดต่อทางมือถือไม่ได้ว่าอยู่แห่งใดแล้ว
     2.พี่วสันต์ กฐินทองและภริยา บ/ช 14 ซึ่งแจ้งว่า ออกจากบ้านที่นวนครแล้วเช่นกัน

ในช่วงนี้ คุณโอภาส และคุณเดช หรือ David หรือ ธนาเศรษฐ์ จากรุ่งทรัพย์ได้มาให้บริการเช็คอินกันแล้ว
โดยผู้ร่วมเดินทางไปคือ คุณเดช หรือ David หรือ ธนาเศรษฐ์ ซึ่งจะได้แสดงตัวในกระทู้ต่อๆไป

ที่สุด ทุกคนก็มากันจรครบ และมีกำหนดว่าต้องขึ้นเครื่องก่อน 00.10 น. ทุกคนจึงเริ่มเดิน..เดิน เข้าประตูที่ 10 ไป
ผ่าน ต.ม. ยังเหลือเวลาเกินครึ่งชั่วโมง เป้าหมายอยู่ที่ประตู D 8 ของ China Airline เที่ยวบินที่ CA 0980

หลายๆ คนจึงเริ่มโอ้เอ้ด้วยการเข้าร้าน King Power Duty Free บ้างก็ประพรมน้ำหอมที่วางให้ลองใช้ เช่น พี่ตั้ง-ศิริชัย,
กวางดำ-สมเกียรติ, สวนพี่เป้า-วิทิดา ไปรับกระป๋าที่สั่งซื้อไว้ก่อนหน้านั้นและนัดรับที่สาขาสุวรรณภูมิ

จากนั้นจึงเดินตามทางสู่การตรวจค้น ก่อนขึ้นเครื่อง และที่นี่เอง พี่ตั้ง-ศิริชัย RX 14 ไม่ผ่านเครื่องสแกน เพราะพกมีด
และอื่นๆ ติดตัวมา จึงต้องถูกค้นทั้งตัว และทั้งกระเป๋าที่ถือมา เมื่อเป็นมีดและไม่ยอมทิ้ง พี่ตั้งจึงขอเดินกลับไปฝากแม่ค้า
โดยให้สัญญาว่า จะกลับมาเอาคืน (ที่สุด-ในวันกลับ พี่ตั้ง ก็ลืมเรื่องนี้ไป...555 ) และเมื่อเดินกลับมา ก็ถูกตรวจซ้ำ
และไม่ผ่านเครื่องสแกนอีก ต้องถูกตรวจค้นอีกรอบ(พี่ตั้ง ใส่เสื้อยืดลายขวาง หันหลังให้ นั่นแหละครับ )

(http://img171.imageshack.us/img171/3061/immiga1.jpg)

เช่นกัน พี่สิงห์-มานพ กลับดี ไม่ผ่านสแกน เพราะพระเลี่ยมทองและสร้อยคอทองคำ นั่นเอง

หมายเหตุ- ภาพไม่ชัดแลไม่สว่างมากนัก เนื่องจากไม่เปิดแฟลช เพื่อไม่เป็นการรบกวน เจ้นหน้าที่เกินไปครับ


 

5. นัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 3

ที่สุด ก่อนถึงกำหนดเวลาขึ้นเครื่อง 00.10 น. ซีมะโด่งชุดสุดท้ายก็มาถึง Gate 8 ท่านกลางการลุ้นระทึก
เครื่องเป็น 737-800 แต่พวกเราตีตั๋วก่อน เขาจึงจัดให้นั่งแถวหลังสุด หน้าห้องน้ำ ส่วนใครตีตั๋วทีหลัง
ได้นั่งหน้า (จึงขอให้โปรดจำไว้ ตีตั๋วก่อน-เขาให้นั่งหลังสุด) ดีที่วันนั้นสภาพอากาศดี เครื่องไม่โยนตัว
มิฉะนั้นได้เกิดอาการเมาเครื่องบินกันไปตามๆ กันเป็นแน่

(http://img225.imageshack.us/img225/1131/fly2.jpg)

ในภาพ พี่เป้า-วิทิดา และพี่ตั้ง-ศิริชัย เดินลงมาที่ Gate 8 เพื่อรอขึ้นเครื่อง

00.53 น. เครื่องเริ่มแท็กซี่เข้าสู่ลานขับ และทะยานขึ้นสู่นครปักกิ่ง
05.37 น. เวลาประเทศไทย หรือตั้งใหม่เป็น 06.37 น. ล้อแตะพื้นสนามบินกรุงปักกิ่ง
              เฮ...เราถึงปักกิ่งแล้ว

 

6. สนามบินกรุงปักกิ่ง 1

ในระหว่างอยู่บนเครื่อง ได้มีการแจกแบบสอบถามเกี่ยวกับไข้หวัด 2009 โดยโฮสเตส ให้ทุกคนกรอกข้อมูล
เพื่อยื่นในขณะเข้าด่านตรวจโรค ซึ่งจะเป็นด่านแรกในการเข้าประเทศจีน

(http://img171.imageshack.us/img171/572/fly3.jpg)

(http://img225.imageshack.us/img225/6877/fly4.jpg)

ข้อสำคัญ กรอกผิด อดเข้าเมืองแน่นอน เพราะจีนเขาเอาจริง

7. สนามบินกรุงปักกิ่ง 2

(http://img196.imageshack.us/img196/2779/fly7.jpg)

เครื่องจอดที่ Terminal 3 ซึ่งเป็นสนามบินสร้างใหม่ เพื่อรองรับการจัดกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน 2008 ณ กรุงปักกิ่ง
ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม 2008 ดังที่ทุกคนได้ทราบมาแล้ว

(http://img3.imageshack.us/img3/2861/fly5.jpg)

เวลาในขณะนั้นคือ 06.37 น. เวลาในกรุงปักกิ่ง ซึ่งจัดได้ว่า ยังเช้าอยู่มาก แต่มีเครื่องทะยอยลงมากันตลอดเวลา

8. สนามบินกรุงปักกิ่ง 3

(http://img171.imageshack.us/img171/6708/fly6.jpg)

คณะของเรา ก็เริ่มเดินออกจากเครื่องบิน เพื่อไปยังด่านตรวจโรค แต่ในขณะเดินหลายๆ คนก็เริ่มใช้กล้องยิงใส่
ทุกอย่าง เพื่อเริ่มเก็บภาพรายละเอียดของสนามบิน โดยเฉพาะทีมจากสถาปัตย์ และน้องทราย-ชัญญ

ข่าวว่า แผนกภูมิสถาปัตย์ไทย ต้องปิดการเรียนการสอน เพราะอาจารย์ทั้งหมดของภาควิชา เดินทางมาทัวร์ครั้งนี้
เพื่อหาข้อมูลของสถาปัตยกรรมจีนพร้อมรูปถ่าย กลับไปเปรียบเทียบ และตลอดรายการทุกท่าน ถ่าย ถ่าย และถ่ายรูป
อย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งจะมีภาพสวยๆ งามๆ ของทั้งสถาปัตยกรรม และความงดงามอื่นๆ ออกมาให้ชม

9. สนามบินกรุงปักกิ่ง 4

(http://img170.imageshack.us/img170/484/fly9.jpg)

ระหว่างนั้น ทางคณะส่วนที่เหลือ ก็ใช้วิธีเดินไป คอยไป หยุดไป เพื่อมิให้ขบวนขาดจากกัน และไกด์คือคุณเดช หรือ David
ก็อธิบายข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสนามบินและเมืองจีนให้ฟังไปพลางๆ

(http://img268.imageshack.us/img268/1915/fly8.jpg)

10. สนามบินกรุงปักกิ่ง 5

เราเดินผ่านด่านตรวจโรค ไข้หวัด 2009 ซึ่งมีกล้องจับความร้อนตั้งอยู่ก่อนถึงทางเข้าด่าน และเจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสาร
เมื่อเห็นว่ามีข้อมูลครบ ก็หยิบเอกสารฉบับนั้นไป จากนั้นเราก็เดินเข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีน ซึ่งตั้งอยู่
ถัดเข้าไป พร้อมๆกับหลายๆ คนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

(http://img4.imageshack.us/img4/2184/fly10.jpg)

ไกด์และคณะจึงตั้งหลักรอ จึงถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จากนั้นจึงเข้าแถวเพื่อตรวจลงตรา visa เข้าเมือง ซึ่งช่วงนี้ ต้องรอกันยาว
และรอกันนานสักหน่อย

ที่ ต.ม. หลายคนคงทำ passport ด้วยทรงผมสั้น จึงถูกสั่งให้รวบผมเพื่อตรวจดูใบหน้าให้ตรงกับรูปใน passport
หลายคนใช้เอกสารแบบ group tour ซึ่งเป็นกระดาษแบบ เอ 4 ที่ไม่มีรูป ต้องให้ผู้อาวุโสกว่าตรวจดูอีกที-กว่าจะผ่าน

หมายเหตุ- ไม่ได้ถ่ายภาพ ตรง ต.ม. จีน เนื่องจากบรรยากาศไม่แจ่มใสนัก ถ่ายไปเดี่ยวโดนหิ้วไปสอบถาม จะเป็นเรื่องไป

11. สนามบินกรุงปักกิ่ง 6

ผ่านด่าน ต.ม. ทุกคนก็นั่งรถไฟฟ้าไม่มีคนขับออกมารับกระเป๋าเดินทาง แล้วพากันเข้าห้องน้ำตามที่กำหนดไว้

(http://img225.imageshack.us/img225/9214/fly11.jpg)

แต่โชคไม่ดีครับคือ 1. ไม่มีห้องสำหรับอาบน้ำ แม้จะมีห้องน้ำใหญ่โตและจำนวนมากก็ตาม
                            2. ห้องส้วม ไม่มีก็อกน้ำแบบฉีดล้าง มีแต่กระดาษทิชชูเท่านั้น

พวกเราจึงได้แต่ล้างหน้า แปรงฟัน และเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ ตามที่เตรียมมาเท่านั้น และไปรอกันหน้าสายพานส่งกระเป๋า

12. สนามบินกรุงปักกิ่ง 7

(http://img33.imageshack.us/img33/6364/fly12.jpg)

หลังรวมตัวกันจนครบแล้ว ผู้ร้ายก็ปรากฏกายออกมา
นั่นคือ ไกด์ฝ่ายประเทศจีน ชื่อตามท้องเรื่องคือ คุณชาญชัย หรือ สือ หมิง อายุประมาณ 27 ปี โสด/ยังไม่มีคู่
เรียนเอกภาษาไทยจากอาจารย์ผู้สอนซึ่งเป็นชาวเชียงใหม่ และปรารถนาจะมีคู่เป็นสาวไทย

ซ้ายมือ คือคุณเดช หรือ David ไกด์จากประเทศไทย, ส่วนขวามือและถือธงชาติไทย คือ คุณชาญชัย ไกด์ชาวจีนนั่นล่ะ

13. สนามบินกรุงปักกิ่ง 8

(http://img33.imageshack.us/img33/4166/cmadongcar1.jpg)


แล้วแล้ว รถซีมะโด่งทัวร์ ก็จอดรอรับเรา เพื่อเดินทางไปรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อแรกในปักกิ่ง ก่อนออกทัวร์ต่อไป

ขออนุญาต หยุดการเล่าเรื่องไว้แต่เพียงนี้ก่อนครับ เนื่องจากยังไม่สามารถโพสต์รูปประกอบ อาจทำให้เสียอรรถรสไปได้
อย่างไรก็ตามท่านที่สามารถโพสต์รูปได้และมีรูปในการเดินทางช่วงนี้ ขอเชิญโพสต์ประกอบครับ จะได้เดินไปพร้อมๆกัน
โพสต์ครั้งต่อไป อาหารเช้าของวันแรก และพระราชวังกู้กง ครับ

  สวัสดีค่ะพี่เหยงอาหารเช้ามื้อแรกในปักกิ่งอร่อยไหมคะ
 emo7:(:

เด็ก ๆ มานั่งปูเสื่อแถวหน้า รอดูรูปแล้วคร้าบบบบ   emo48:) emo48:)

อยากไปเที่ยวด้วยบ้าง...ต้องทำไงครับ....ค่าเสียหายเท่าไหร่....

ปล. พี่เอ็ด ไม่เหมือนฮ่องเต้ครับ เหมือน "นายจันทร์หนวดเขี้ยวมากกว่า"

จักรพรรดิ และ ฮ่องเต้

หล่อ และสวย มั่ก มาก

สมกัน ราวกะกิ่งทอง ใบหยก

ขอ ขอบคุณ น้องทั้งสอง ที่แบ่งปันรูปให้ดู


(http://image.ohozaa.com/io/f066a.jpg)

ภาพนี้....

ผู้กำกับ ... ใคร น่ะ

สงสัยจะเป็นเจ้าของกล้อง

กำกับ ท่าได้ แปลกดี .....ยอด ยอด

(http://image.ohozaa.com/if/2066b.jpg)

โห แข็งแรง

กระโดดสูง ได้แบบนี้ แปลว่า ...

‘คึก’

มีน้อยคน จะทำได้ แบบนี้


(http://image.ohozaa.com/if/3066c.jpg)

Table'_/cmadong_smf/smf_messages' is marked as crashed and last (automatic?) repair failed

คำข้างบนนี้ที่ปรากฏในบอร์ด ทำให้ชาวซีมะโด่ง หัวใจแทบวาย และลุ้นอยู่อย่างใจจดจ่อ

สำหรับบท 2-13 ได้โพสต์รูปเข้าไปแล้วครับ ขอเชิญทุกท่านที่มีภาพช่วงนี้ ช่วงกันโพสต์รูปเพื่อเข้ากับบรรยากาศ
และวันพรุ่งนี้ จึงจะเริ่มเดินเรื่องต่อในส่วนของอาหารเช้า พระราชวังกู้กง ครับ

14. เตรียมเฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

      วันที่ 1 ตุลาคม 2552 จะเป็นวันครบรอบ 60 ปีแห่งการก่อตั้ง "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่สุด
งานหนึ่งของจีน เพราะไม่เคยมีการเฉลิมฉลองมาเลย ตลอดระยะเวลา 60 ปี และมีการปิดถนนวงแหวนที่ 2
ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังโบราณกู้กง, จตุรัสเทียม อัน เหมิน, ถนนหวัง ฟู้ เจิ่ง ที่อยู่ติดๆกัน เพื่อซ้อมสวนสนาม
ซึ่งผู้ที่ไปเที่ยวปักกิ่งช่วงนั้น คงต้องทำใจพอสมควร เพราะแม้แต่ขบวนพาเหรด ก็ไม่ยอมให้ชม ต้องดูจาก ที วี ครับ

วันนี้ขออนุญาต นำภาพจากผู้จัดการออน์ไลน์ เกี่ยวกับการซ้อมเดินพาเหรด มาให้ชมเพื่อคั่นรายการเป็นน้ำจิ้ม ครับ

(http://img6.imageshack.us/img6/3966/army3.jpg)

(http://img171.imageshack.us/img171/3740/army1.jpg)

รายละเอียดอ่านได้ใน http://www.manager.co.th

 

15. เตรียมเฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ชุดที่ 2

                  (http://img171.imageshack.us/img171/2492/plane2t.jpg)

                  (http://img225.imageshack.us/img225/4457/plane1.jpg)

ติดตาม... ดูรูปสวย ๆ ต่างมุม ต่างมอง

จากกล้อง... พี่สิน พี่สิงห์ พี่เหยง อาจารย์แจ่มใส น้อง ๆ อาจารย์ถาปัตย์ ขอบคุณนะค่ะ ที่นำเสนอ  

พี่สิน... คร่ะ  รูปที่พี่โพสท์ 1 ถึง 50 ดูไม่ได้ อ่ะ น่าเสียดาย เน๊อะ !!

รึ... ว่าต้องรอจนกว่า SERVER ที่ฝากรูปจะใช้งานได้ ?

ดีใจมากเช่นกันคร่ะ... พี่สิน ที่มีโอกาสฝึกใช้กล้อง(มือ Pro) ของพี่

ทริปหน้า ข้าน้อย ขอจองเป็น บัดดี้ อีกนะนะ... ขอคารวะ 1 จอก

พี่เหยง... คร่ะ ติดตามอ่านบันทึกการเดินทาง "ซีมะโด่งทัวร์ปักกิ่ง 2009" 

รายละเอียด ครบถ้วน ดีจัง นู๋... สนใจเกร็ดประวัติศาสตร์โดยชำเพาะ "ซูสีไทเฮา"

ที่น้อง ชาญชัย ไกด์ชาวจีนเล่าให้ฟัง ก้อ !! ... ได้ยินบ้าง หลับบ้าง อ่ะ ฮิ ฮิ ฮิ

จะรออ่าน... นะค่ะ
 

16. ค่า วีซ่า เข้าประเทศจีน

(http://img225.imageshack.us/img225/2282/passport2.jpg)

รุ่งทรัพย์ทัวร์ขอรูปขนาด 2 นิ้ว ซึ่งถ่ายโดยฉากหลังเป็นสีน้ำเงิน และเป็นกระดาษแข็ง 2 บาน ภาพแรกติดคำขอวีซ่า
ภาพที่สอง ติดไว้ในหน้าหลัง passport นัยว่า ภาพใน passport ไม่ตรงกับตัวจริง..555

ค่าวีซ่าเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 ครั้ง เป็นเงิน 1,000 บาท และต้องใช้ภายใน 3 เดือนนับแต่ออกวีซ่าให้
และถ้าเดินทางเข้าไปอีกครั้ง ก็ต้องทำวีซ่าใหม่และมีค่าใช้จ่าย 1,000 บาททุกครั้ง ผิดกับประเทศไทยที่ไม่ต้องขอวีซ่าครับ

17. รอบสนามบิน ปลูกข้าวโพดเต็มไปหมด

(http://img232.imageshack.us/img232/5831/airport1p.jpg)

รอบๆ สนามบินปลูกต้นไม้ไว้ 3 ชั้น ในสุดเป็นไม้พุ่มเตี้ย เป็นแนวหลายชั้น ตรงกลางเป็นไม้สูงปลูกเป็นแนว
ถัดไปลิบๆ เป็นต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ครับ เนื่องจากความเร็วของรถ ประกอบกับหมอกจัด ภาพจึงไม่ชัดนัก

จีนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ ในปีที่ผ่านมาได้มากถึง 165.5 ล้านตัน ขณะที่ไทยปลูกได้ 4.2 ล้านตัน
ปริมาณที่มากขนาดนั้นเพื่อแปรรูปเป็น เนื้อสัตว์ ไข่ นม เลี้ยงประชากรชาวจีนถึงประมาณ 1,500 ล้านคน
ในขณะที่เรามีประชากรประมาณ 63 ล้านคน

18. กรุงปักกิ่ง 1

กรุงปักกิ่ง ถือเอาเมืองเก่าหรือพระราชวังกู้กง จตุรัสเทียน อัน เหมิน เป็นจุดศูนย์กลางของนครปักกิ่ง
จากนั้นจึงมีการสร้างถนนวงแหวน รอบๆเมืองเก่า เรียกถนนวงแหวนสายที่ 2, สายที่ 3, สายที่ 4, สายที่ 5
โดยเลขถนนมากขึ้นเท่าไร ก็ไกลออกไปมากขึ้น แต่เมืองจะทันสมัยไปเรื่อยๆ เพราะสร้างขึ้นในภายหลัง

(http://img225.imageshack.us/img225/3896/beijingroadmap.jpg)

ลักษณะคล้ายๆ กับ ถนนรัชฎาภิเษก ในกรุงเทพของเราครับ ที่จะเป็นวงกลมรอบเมือง ซึ่งทุกคนต้องขับออกไปหา
เพื่อวิ่งอ้อมเมืองแล้ววกกลับเข้ามา เพื่อลดการจอแจของรถยนต์ แต่น่าเสียดายครับ ถนนรัชฎาภิเษก เส้นนี้สร้าง
เมื่อในหลวงครองราชย์ครบ 25 ปี และเมื่อครองราชย์ครบ 50 ปี กลับสร้างทางด่วนแทน โดยไม่มีถนนวงแหวน
รอบที่ 2 ขึ้นมา ทำให้กรุงเทพ ไม่ได้โตแบบวงกลมรอบศูนย์กลางไป 

19. กรุงปักกิ่ง 2

(http://img219.imageshack.us/img219/4555/building1f.jpg)

คณะซีมะโด่งทัวร์ ต้องนั่งรถไประหว่างวงแหวนที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของภัตตาคารเพื่อทานอาหารเช้า
จึงเห็นตึกสูงมากมายที่สร้างขึ้นในภายหลัง ซึ่งจีนมีข้อกำหนดด้วยคือ ในวงแหวนรอบในห้ามสร้างตึกสูง
ซึ่งเราจะได้ชมภาพในลำดับต่อๆไป คือ พระราชวังต้องห้าม หรือ จตุรัสเทียน อัน เหมิน และตึกสภาประชาชน
ซึ่งอยู่รอบใน เวลาถ่ายภาพ จะไม่มีตึกสูงที่สร้างขึ้นมาเบียดแข่งเลย มองผ่านหลังคาพระราชวังมีแต่ท้องฟ้าครับ

(http://img219.imageshack.us/img219/3494/building2f.jpg)

ที่บ้านเรา ยังมีความพยายามซื้อที่ดินในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อสร้างอาคารสูงแข่งกัน ทั้งสำนักงานและโรงแรม
ถ่ายรูปพระราชวัง จึงต้องมีภาพอาคารสูงเหล่านั้นติดไปในภาพให้อุจจาดตาเล่นเสมอไปทุกครั้ง

20. กรุงปักกิ่ง 3

(http://img233.imageshack.us/img233/305/building4s.jpg)
        ในภาพเป็นต้นไม้พันธุ์หนึ่ง ดอกสีเหลืองเริ่มจะโรยแล้ว เพราะจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในต้นเดือนหน้า

แม้จะมีการก่อสร้างตึกสูงในเขตวงแหวนที่ 2 ออกไปเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดเลยคือ สวนต้นไม้ที่ให้สีเขียว
ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูก มีหลายๆชนิด ที่พบมากก็คือต้นแป๊ะก้วย ซึ่งเป็นต้นที่แยกกันคือต้นตัวผู้ กิ่งจะแทงขึ้นบนท้องฟ้า
ส่วนต้นตัวเมีย กิ่งจะโตขนานกับพื้น เวลาออกดอกและติดเป็นเม็ดแป๊ะก้วย จะเห็นความแตกต่างของต้นชัดเจน,
ต้นขวายสู้ คล้ายต้นขี้เหล็ก ปลูกมาในเขตพระราชวัง ให้ความร่มรื่นเป็นอย่างดี

(http://img98.imageshack.us/img98/9716/khaytree.jpg)

ต้นหลิว ต้นไม้อันเป็นสัญญลักษณ์อย่างหนึ่ง ของประเทศจีน ตรงนี้คือ บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน ตั้งอยู่
ด้านข้างของจตุรัสเทียน อัน เหมิน ดูทางเท้าขนาดใหญ่ที่จัดไว้ พร้อมปลูกต้นไม้แซมทั้ง 2 ข้างของทางเดิน

       

21. กรุงปักกิ่ง 4

(http://img81.imageshack.us/img81/4263/building5.jpg)

ต่ำกว่าไม้ใหญ่ คือ ไม้พุ่ม ซึ่งปลูกตามชายอาคาร และปลูกกันทั่วไปตลอดตามแนวของอาคาร แน่นอนต้องดอกสีออกสดใส

(http://img81.imageshack.us/img81/6607/airport2x.jpg)

แต่ในระดับเสมอพื้น ก็ปลูกไม้ดอกประดับทั่วไปเช่นกัน และแน่นอนต้องมีสีสดใส ออกเฉดชมพู หรือแดงนั่นเอง




 

22. กรุงปักกิ่ง 5

(http://img81.imageshack.us/img81/6885/bus1n.jpg)

กรุงปักกิ่ง ใช้รถยนต์แบบพวงมาลัยซ้าย จึงต้องขับรถชิดขวา ต่างจากไทยซึ่งใช้พวงมาลัยขวา ต้องขับรถชิดซ้าย
เจตนาคือ ให้คนขับรถอยู่ในภาวะที่เห็นรถที่จะขับสวนมาจากฝั่งตรงข้าม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยนั่นเอง

23. กรุงปักกิ่ง 6

(http://img225.imageshack.us/img225/9787/bikelane3.jpg)

แต่ ใช้ว่าจะขับรถทุกชนิดชิดขวานั้น หาได้ไม่ เลนขวาสุดคือเลนจักรยานครับ มีสัญญลักษณ์ชัดเจนแม้บนพื้นถนน

(http://img411.imageshack.us/img411/9930/bikelane1.jpg)

(http://img225.imageshack.us/img225/2153/bikelane2.jpg)

ไกด์บอกว่า อย่าขับเข้าไปเด็ดขาด จะใช้เลนจักรยานแซงรถอื่น เขาก็ไม่ทำกัน เพราะจะถูกจับ อุบัติเหตุจ่ายสถานเดียว
เราจึงเห็น คนจีนขี่จักรยาน หรือจักรยานยนต์ ในเลนจักรยานได้อย่างปลอดภัย

                                       ถ้าเป็นเมืองไทย จะมีอะไรเหลือรึ เลนก็ว่างจนน่าขับรถเข้าไปวิ่งในเลนนี้

24. กรุงปักกิ่ง 7

(http://img180.imageshack.us/img180/8656/resturant1.jpg)


พักใหญ่ๆ คนขับก็พาคณะของเรามาจอดที่หน้าภัตตาคาร Daheng Resturant เพื่อรับประทานอาหารเช้า
ภัตตาคารนี้อยู่บริเวณวงแหวนที่ 4 ครับ

25. กรุงปักกิ่ง 8

(http://img81.imageshack.us/img81/5750/resturant2.jpg)

อาหารเช้า เป็น โจก ข้าวต้มขาว มีเส้นก๋วยเตี๋ยวผัดแบบผัดซีอิ้วโรยงา ที่สำคัญคือ ต้องมีไข่เจียวเป็นหลักเกือบทุกมื้อ
ผัดผักอย่างน้อย 2 อย่าง (ไข่เจียว-ไปยกเว้นอยู่ที่เดียว ซึ่งเป็นอาหารรสร้อนแบบเสฉวน)

ในมื้อนี้ ปาท่องโก๋ นิ่มแต่กรอบอร่อยเป็นอย่างมาก และมีน้มข้นให้จิ้มเพิ่มความอร่อยอีกต่างหาก ส่วนน้ำมีน้ำชาร้อน 1 กา
กาน้ำร้อนให้ชงกาแฟอีกหนึ่งกา

เมื่ออาหารเช้าเสริฟ ก็ขออนุญาตหยุดบรรยายเพื่อทานอาหารเช้าก่อนนะครับ
แล้วจากนั้นจะเตรียมตัวไปชมพระราชวังโบราณกู้กงต่อครับ พบกันอีกครั้งในวันศุกร์หน้านะครับ
ท่านใดที่มีภาพหรือจะขยายข้อความในช่วงนี้ ขอเชิญได้เลยครับ

68
โดยเฉพาะ รูปคุณหมอ ผู้เพิ่งอาสาไปเป็นแพทย์ทหารให้กับจังหวัดชายแดนภาคใต้


(http://image.ohozaa.com/iq/7k268.jpg)

69
หล่อระดับ นายแบบ


(http://image.ohozaa.com/iu/ybh69.jpg)

70
ขอให้ปลอดภัย อนาคตขอให้ก้าวไกลไปถึง ‘พลเอก นายแพทย์’  


(http://image.ohozaa.com/ix/6so70.jpg)

71
ถ่ายกับ อา หรือ ป้า

คำไหน เท่ กว่า น๊อ?


(http://image.ohozaa.com/it/ohz71.jpg)

72
ท่าทางของ อาจารย์แจ่ม น่า รัก....


(http://image.ohozaa.com/i5/kfy72.jpg)

73
(http://image.ohozaa.com/i4/za873.jpg)

74
ตุ๊กกี้ ก็ น่ารัก


(http://image.ohozaa.com/i2/4rv74.jpg)

75
กำลังรอคิวโหลดกระเป๋า และขอบัตรเลขที่นั่ง

ช่วงนี้ ยังไม่ค่อยกล้าถ่ายรูปใครๆ เพราะเกรงจะ ผิดกาลเทศะ


(http://image.ohozaa.com/ig/o4o75.jpg)

76
แล้วก็เดินเข้าสู่ ยานอวกาศ

อุ๊บ ม่ายช่าย ..เดินเข้าสู่เครื่องบินไชน่าแอร์ไลน์


(http://image.ohozaa.com/im/xle76.jpg)

 

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 กันยายน 2552, 11:00:48
	5. นัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 3 เครื่องเป็น 737-800 แต่พวกเราตีตั๋วก่อน เขาจึงจัดให้นั่งแถวหลังสุด หน้าห้องน้ำ ส่วนใครตีตั๋วทีหลัง ได้นั่งหน้า (จึงขอให้โปรดจำไว้ ตีตั๋วก่อน - เขาให้นั่งหลังสุด)

77
และขอเพิ่มเติม หากเป็นผู้ชาย อาจจะขอที่นั่งตรงกับ ประตู Emergency เพราะจะได้เก้าอี้ที่นั่งที่ยืดเท้าได้มากขึ้น เพราะช่วงจะกว้างกว่าปกติ ที่ตรงนี้ปกติเขาจะไม่ค่อยให้ผู้หญิงนั่ง เผื่อกรณีจะต้องช่วยเปิด ‘ประตูฉุกเฉิน’


อาหารบนเครื่องบิน เสิร์ฟตอนดึก

ข้าวผัด อร่อยดี ...โชคดีมีผักทางซ้าย มาให้แกล้มด้วย เลยไม่เลี่ยน


(http://image.ohozaa.com/i8/llz77.jpg)

78
ถึงแล้ว ความอลังการ


(http://image.ohozaa.com/iy/efe78.jpg)

79
สนามบินนานาชาติปักกิ่ง


(http://image.ohozaa.com/ie/maq79.jpg)

80
(http://image.ohozaa.com/im/hvw80.jpg)

81
(http://image.ohozaa.com/ii/0pk81.jpg)

82
โฆษณาในสนามบิน


(http://image.ohozaa.com/iz/pnh82.jpg)

83
(http://image.ohozaa.com/iu/qgu83.jpg)

84
บริเวณด่านตรวจ ต.ม.

เข้าคิวตรวจพาสปอร์ตทีละคน


(http://image.ohozaa.com/i2/9pc84.jpg)

85
ตะลึงกับความยิ่งใหญ่


(http://image.ohozaa.com/i5/1l085.jpg)

86

(http://image.ohozaa.com/i7/u5q86.jpg)


อนึ่ง มีข่าวจากประเทศอังกฤษ บอกว่าสนามบินแห่งชาติปักกิ่ง (Beijing Capital International Airport) ได้รับคัดเลือกให้เป็น “Building of the Year”

http://www.fivefootway.com/2009/06/01/foster-partners-beijing-international-airport-named-%e2%80%98building-of-the-year%e2%80%99-by-the-uk%e2%80%99s-architects/



ภาพจากเว็ป - Beijing Capital International Airport


(http://img223.imageshack.us/img223/2829/776.jpg)



ภาพจากเว็ป - Beijing Capital International Airport – Terminal 3


(http://img136.imageshack.us/img136/2306/777tk.jpg)

87
บันไดเลื่อนตรงหน้า เป็นทางลงไปขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นฟรี

เพื่อไปรับกระเป๋า


(http://image.ohozaa.com/in/5ab87.jpg)

88
เวลาของกรุงปักกิ่งในตอนนั้น 07.37 น. เวลาของปักกิ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง

นี่เป็นป้ายไฟ บอกว่า เที่ยวบินของเรา รับกระเป๋าได้ที่สายพานเบอร์ 42 ซึ่งอยู่ทางขวามือ


(http://image.ohozaa.com/in/q7888.jpg)

89
ใกล้ๆบริเวณสายพานเบอร์ 42 มีห้องน้ำ พอรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็รวมกลุ่มกัน

ผลัดกันไปเข้าห้องน้ำ เพื่อล้างหน้า แปรงฟัน ทำธุรกิจส่วนตัว และเปลี่ยนเสื้อ

หากเดินลึกเข้าไปทางขวามือ...


(http://image.ohozaa.com/it/6n589.jpg)

90
ก็จะเป็นห้องแบบนี้

แต่ห้องส้วม ไม่มีสายฉีดล้าง มีแต่กระดาษชำระ


(http://image.ohozaa.com/it/x8i90.jpg)

91
ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อ แล้วก็ออกมา

ถ่ายบนเพดาน  ...ม่าย ช่าย ...ถ่ายรูปบนเพดาน


(http://image.ohozaa.com/is/23391.jpg)

92
ถ่ายลงพื้น  อิ  อิ


(http://image.ohozaa.com/iv/6gb92.jpg)

93
ถ่ายนายแบบ

พร้อมเอกสาร  ‘5 ส. หอจุฬาฯ ร่วมใจ’

โห จะเอามาสอน ชาวจีน ด้วย


(http://image.ohozaa.com/in/4d093.jpg)

94
นี่ไง กำลังรอ


(http://image.ohozaa.com/iy/zox94.jpg)

95
และรอ


(http://image.ohozaa.com/in/cup95.jpg)

96
มีนายแบบ หลงเข้ามาหน้ากล้อง


(http://image.ohozaa.com/in/0sr96.jpg)

97
บ้านผมเรียก แบบนี้ว่า

 ‘ลักถ่าย’


(http://image.ohozaa.com/iw/ce997.jpg)

98
อ้าว รู้ตัว แหล่ว


(http://image.ohozaa.com/ia/lcp98.jpg)

99
พริ้งสวยใส ออกมา


(http://image.ohozaa.com/i2/t1w99.jpg)

100
แล้วมาเกาะถ่าย กะนายแบบ


(http://image.ohozaa.com/iz/cx100.jpg)

101
เมื่อทุกคนพร้อม ก็เคลื่อนพลออกมา หน้าสนามบิน


(http://image.ohozaa.com/ic/tq101.jpg)

102
เจอสถาปัตย์ รูปทรงหลังเต่า 

ไม่ทราบ เป็นส่วนไหนของสนามบิน


(http://image.ohozaa.com/i1/cl102.jpg)

103
แล้วรถบัส ก็มาถึง


(http://image.ohozaa.com/io/y5103.jpg)

104
กล่าวต้อนรับ สู่กรุงปักกิ่ง  


(http://image.ohozaa.com/ik/q3104.jpg)

105
รถบัสเคลื่อนไปนานพอสมควร

แล้วก็มาจอดหน้าอาคารนี้


(http://image.ohozaa.com/iv/w8105.jpg)

106
ถนนในกรุงปักกิ่ง


(http://image.ohozaa.com/i0/vg106.jpg)

107
รถวิ่งเลนขวา สวนมาวิ่งทางเลนซ้าย

แต่นี่เป็นถนนเลนใน ทางฝั่งขวา อยู่หน้าภัตตาคาร


(http://image.ohozaa.com/ic/ym107.jpg)

108
ที่ชื่อว่า DAHENG Restaurant


(http://image.ohozaa.com/ih/ty108.jpg)

109
พวกเราขึ้นไปรับประทานอาหารเช้า

ที่ ชั้น 2


(http://image.ohozaa.com/ig/7j109.jpg)

110


(http://image.ohozaa.com/i3/49110.jpg)

111
อาหารก็มีหลากหลาย 

จานนี้คล้ายๆแป้งห่อข้าวเหนียว


(http://image.ohozaa.com/iv/0h111.jpg)

112
หมี่ผัด


(http://image.ohozaa.com/i0/tk112.jpg)

113
ไม่รู้ว่าอะไร  เพราะผมไม่ได้ชิม


(http://image.ohozaa.com/it/po113.jpg)

114
ผัดผัก


(http://image.ohozaa.com/ij/6z114.jpg)

115
ไข่เจียว ...จานนี้ชัวร์ ...ตักทาน

เขามีโจ๊กเหลวๆมาให้ บนโต๊ะด้วย

ทานนิดหน่อย ไม่อร่อย และไม่ทันได้ถ่าย เพราะหมดถ้วยก่อน


(http://image.ohozaa.com/ic/bt115.jpg)

116
ไม่รู้อีกว่าเป็น ขนมอะไร...

คือ ดูๆไป มันคล้ายๆขนม


(http://image.ohozaa.com/il/9s116.jpg)

117
ปาท่องโก๋ เมืองจีน

เสียดายว่า ไม่มีกาแฟ 

คุณเดช ไกด์ไทย นำมามอบให้  เป็น กาแฟ 3 in 1 

แต่ ผม เป็นหนุ่มกาแฟ ไร้น้ำตาล(ทานกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล)


(http://image.ohozaa.com/in/qw117.jpg)

118
ซาลาเปาทอด

ใกล้จะหมดจานแล้ว


(http://image.ohozaa.com/id/ql118.jpg)

119
ถ้วยขาวใบใหญ่ ใบหนึ่ง คือ โจ๊กเหลวๆ  อีกใบหนึ่ง คือ ข้าวต้มเหลวๆ


(http://image.ohozaa.com/ie/0i119.jpg)

120
ทานเสร็จ ก็ลงมาขึ้นรถ


(http://image.ohozaa.com/i7/jr120.jpg)

121
เตรียมจะไปเที่ยว พระราชวังกู้กง


(http://image.ohozaa.com/if/bv121.jpg)

122
รถจอดด้านหลังพระราชวัง เพื่อว่า

จะเดินจากทางด้านหลังไปด้านหน้า และจะได้ชม จัตุรัสเทียนอันเหมิน ด้วย

รถบัสเข้าไปจอดใกล้มากไม่ได้ ก็เลยต้องออกกำลัง เดินจุฬาฯ

นี่อาจจะเป็น ตำรวจเมืองจีน  อุ อุ ไม่กล้าถาม


(http://image.ohozaa.com/iz/py122.jpg)

123
ทางซ้ายสีแดง คือ ถังขยะรีไซเคิล

ทางขวาสีน้ำเงิน  คือ ถังขยะทั่วไป


(http://image.ohozaa.com/i1/pa123.jpg)

124
รถรางใช้ไฟฟ้า


(http://image.ohozaa.com/ib/e7124.jpg)

125
คันนี้ ไม่แน่ใจว่าใช้น้ำมันหรือใช้แก๊ส

แต่เธอ มีพ่วง


(http://image.ohozaa.com/is/ys125.jpg)

126
ฟุตบาทเมืองจีน กว้าง โข


(http://image.ohozaa.com/in/7d126.jpg)

127
เดินเข้าไป ใกล้ด้านหลังพระราชวังแล้ว


(http://image.ohozaa.com/iu/4u127.jpg)

128
แล้วก้อ ถ่ายรูป


(http://image.ohozaa.com/ir/z1128.jpg)

129
สวย... ชนิด เฉือนกันไม่ลง


(http://image.ohozaa.com/im/fr129.jpg)

130
แล้วก็มองเห็นประตูเข้า ด้านหลังของพระราชวัง

กำแพงสีแดง สูงพอดู ไม่รู้เขียนว่าอะไร?



(http://image.ohozaa.com/it/dy130.jpg)

		อ้างถึง			ข้อความของ safetysafe เมื่อ 08 กันยายน 2552, 22:52:29
	(http://img403.imageshack.us/img403/5958/img8194.jpg)

ข้าคือจักพรรดิ์องค์สุดท้ายยยย....ซู๊ด(เสียดายไอติม)

สวัสดีครับ พี่นพ' และ พี่กุศล

พี่นพ' โพสต์ไปก่อนเลยครับ ผมจะโพสต์เป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งในวันศุกร์ครับ
ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ครับ

สวัสดีครับ พี่นพ'

ในวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 52 เห็นพี่เข้าเว็ปเลยมาทักทายครับ ขอเชิญพี่โพสต์เลยครับ

		อ้างถึง			ข้อความของ yyswim เมื่อ 15 กันยายน 2552, 12:25:58
	ถึง ตูมมี่..... อ้าวรูป 1 - 50 ดูไม่ได้เหรอครับ? ขออภัย พี่ไม่รู้เลย  ขอขอบคุณมากที่บอก เดี๋ยวจะกลับไปแก้ไขให้ ในคืนนี้นะครับ ช่วงนี้ เว็บฝากรูปจะล่มเกือบหมด คิดว่ากระทรวงไอซีที จะเอาจริงเรื่องฝากรูปอุจาด คงจะสั่งให้เว็บโฮสต์ ลบรูปอุจาดออกให้หมด ทีนี้ รูปเป็นล้านรูป ทางเว็บโฮสต์ ก็เลยตัดใจ ดีลีทรูปทั้งหมด ออกไปแบบไม่ว่างเลือกรูป

ขอบคุณ คร่ะ พี่สิน ... รูป 1-50 กลับมาแล้ว เชิญ พี่สิน - พี่เหยง ต่อ เลย... ค่ะ

 แอบชอบ แอ็ค ข้างล่างนี้ ... จัง พี่สิน

ชาวเราคงจะได้เห็น แอ็ค... เด็ด ๆ ของพี่สิน อีกเยอะ แน่เลย... พี่น้อง  

(http://img230.imageshack.us/img230/2566/psinbns.jpg)

(http://img197.imageshack.us/img197/4417/60china1.jpg)

(http://img30.imageshack.us/img30/7862/60china2.jpg)

จีนได้ซ้อมเดินสวนสนามเพิ่มเติม และจัดการแสดงด้วย ดังชมได้จากเว็ปของ manager.co.th ดังนี้

หัวข้อ ขบวนแห่ไฮเทคฉลองแซยิดใหญ่พญามังกร
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000108827

หมายเหตุ- วันนี้(19 ก.ย. 52 เวลาประมาณ 10.05 น.) อัพโหลดภาพได้ครับ แต่ออกจะช้าสักนิด

ข่าวเพิ่มเติมจาก คม ชัด ลึก วันนี้
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=406318&lang=T&cat=

ปิดถนน รร.รอบจตุรัสเทียนอันเหมินซ้อมพาเหรดรับวันชาติ
18 กย. 2552 19:09 น.


รัฐบาลจีนออกคำสั่งให้บรรดาธุรกิจและโรงเรียนทุกแห่งในกรุงปักกิ่ง ปิดทำการ รวมถึงปิดการจราจรในย่านใจ
กลางเมืองหลวงในวันนี้ ในขณะทำการซ้อมใหญ่ของขบวนพาเหรดเพื่อรับวันยิ่งใหญ่ ครบรอบ 60 ปี การก่อตั้ง
สาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

ถนนทุกสายในกรุงปักกิ่ง เคยถูกปิดมาแล้วในช่วงการซ้อมก่อนหน้านี้ แต่คำสั่งปิดถนนในวันนี้ เป็นมาตรการที่
เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา โดยเน้นในเรื่องความลับสุดยอดและความวิตกด้านความมั่นคงในช่วงการเฉลิมฉลองวัน
ชาติด้วย ในบริเวณรอบจตุรัสเทียน อัน เหมินและเส้นทางตลอดแนวหน้าหอประตูเทียน อัน เหมิน ตั้งแต่ตะวัน
ออกยันตะวันตก ได้ปิดการจราจรแล้วตั้งแต่หลังเที่ยงวันของวันนี้

26. พระราชวังกู้กง 1 


(http://img198.imageshack.us/img198/8494/guidedavid.jpg)

คุณธนาเศรษฐ์ หรือ คุณเดช หรือ David ทำงานกับรุ่งทรัพย์มากว่า 30 ปี ออกทัวร์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 529 ในชีวิตการเป็นไกด์
และพาคณะของเรามาเมืองจีนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 111 พอดี

คุณเดช บอกกับพวกเราว่า มาเพื่อบริการ ไม่ใช่มาขัดใจลูกทัวร์ มีปัญหาให้บอก ซึ่งเมื่อเราบอกไป ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ ไปเหมือนกัน
คือ ทางจีนจะให้เราแวะซื้อของจากวิสาหกิจของเขา โดยไม่สนใจเวลาและสถานที่ที่คณะของเราต้องการชม ทั้งที่มีในรายการแล้ว
เนื่องจากรุ่งทรัพย์ผิดพลาดเอง ในเรื่องการจัดให้ชมสภาพบ้านเมืองโบราณหรือ ฟู่ถง ในวันที่สี่ แต่ไกด์จีนบอกว่าต้องไปซื้อ ปี่เซี่ยะ
ซึ่งจะเล่าเมื่อถึงตอนนั้น ซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้ยากเย็นอะไรหรอกครับ แต่กลับไปตามไกด์จีนเข้า เรื่องเลยมากความไป

27. พระราชวังกู้กง 2

(http://img269.imageshack.us/img269/777/guidechanchai.jpg)

ไกด์ผู้มากความสามารถในด้านภาษาไทยคนหนึ่ง ใช้เวลาศึกษาภาษาไทยเพียง 2 ปีเศษ ถือว่าเก่งมากๆ
แต่หลายๆคำยังใช้ไม่ถูกที่ถูกทาง ซึ่งก็ได้บอกกล่าวให้แก้ไขไปบ้างแล้ว ซึ่งจะนำมากล่าวเมื่อถึงช่วงนั้นๆ

ไกด์ชาญชัยได้เล่าถึงประวัติศาสตร์และการปกครองของประเทศจีน จนถึงยุคปัจจุบัน จึงขออนุญาตไม่เล่าให้ฟัง
แต่ขอโพสต์ลิงค์ให้ เผือท่านที่ต้องการทราบได้เข้าไปอ่านนะครับ

หัวข้อ ข้อมูลการเมืองทั่วไปของสาธารณรัฐประชาชนจีน  

http://beijing.thaiembassy.org/menu9.htm

ตลอดการเดินทางในทริปนี้ ถ้าเข้าร้านค้าของรัฐบาลทั้ง 7 ร้าน คุณชาญชัยจะไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องเวลาเอาเลย
ทุกที่ที่ไปเกินหนึ่งชั่วโมงขึ้นทั้งสิ้น บางแห่งจะสองชั่วโมงเอา แถมเมื่อล่าช้าก็จะเงียบไม่บ่น นับว่ารักชาติยิ่ง...5555

แต่หากเป็นการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ หรือช๊อปปิ้งละก้อ เป็นต้องเคร่งครัดขึ้นมาทีเดียว โดยจะบ่นผ่านไกด์ไทยคือคุณเดชทันที
แต่อย่างไรก็ตาม ซีมะโด่งทัวร์คณะนี้มีความกลมเกลี่ยวกันมาก เนื่องจากปั้มมาจากแม่ปั้มเดียวกันยกกุรุส...ให้มันรู้กันไป
กล้าต่อล้อต่อเถียงกับไกด์ จนต้องแอบมาถามในภายหลังว่า "ซีมะโด่ง" คืออะไร มาจากไหน ไม่เคยได้ยินมาก่อน ? ??? ?

28. พระราชวังกู้กง 3

(http://img11.imageshack.us/img11/8027/tour1a.jpg)

เป็นท่าอมตะของพี่หลิว-สุรศักดิ์ ท่าหนึ่ง หากไม่ได้จับไมค์พูดละก้อ จะพบกับท่านี้ทันทีและทุกครั้งเมื่อขึ้นรถ

29. พระราชวังกู้กง 4

(http://img35.imageshack.us/img35/1215/kukong2.jpg)

ออกจากภัตตาคาร DAHENG RESTURANT แล้ว ไกด์ชาญชัยบอกว่า หากเข้าพระราชวังกู้กง ทางด้านหน้าคนจะแน่นมาก
จึงแนะให้เข้าจากด้านหลังย้อนศรไปทางด้านหน้าจะมีคนน้อยกว่า โดยบอกว่า ปกติชาวจีนในประเทศจะพากันมาปักกิ่ง
เพื่อเยี่ยมประธานเหมาฯ จากนั้นจึงจะพากันข้ามจตุรัสเทียน อัน เหมิน เข้าสู่พระราชวังโบราณกู้กงและทะลุออกด้านหลังของวัง
ซึ่งช่วงนี้จะมีคนแน่นมากที่ประตูทางเข้า เพราะผ่านไปชั่วโมงเศษแล้ว คนจากอาคารอนุสรณ์สถานของประธานเหมาฯ
น่าจะเริ่มเข้าประตูหน้าแล้ว

จากนั้นคณะของเราจึงพากันเดิน..เดิน...ไปยังประตูด้านหลังของพระราชวังกู้กง
ในภาพ TOOMY และน้อง SAP ซึ่งเป็นทีมอาจารย์จากสถาปัตย์ เดินขนาบไกด์ชาญชัยไป ด้านหลังคือ อจ.พงศกร

30. พระราชวังกู้กง 5

(http://img193.imageshack.us/img193/4936/kukong1.jpg)

ตามติดด้วย พี่อี๊ด-สุภาณี, อจ.แจ่มใส และอจ.เผ่า, พี่หลิง-สุรศักดิ์ กับคุณเดช
ตามหลังมาติดๆคือ พี่วสัตน์ กฐินทอง และภรรยาคือพี่อาภรณ์ และพี่ตุ๊-อรสา
ไล่หลังคือพี่วสันต์ หรือวัตสันต์ พงศ์วราภาและน้องรุ้ง-จินมิกา บุตรสาว พร้อมพี่ตั้ง-สัมฤทธิ์

31. พระราชวังกู้กง 6

(http://img44.imageshack.us/img44/1581/forbiddencityd.jpg)

ภาพจากคู่มือการท่องเที่ยวพระราชวังกู้กง แต่คณะของเราเข้าจากด้านหลังคือจากขวาไปซ้ายเพื่อออกด้านหน้าครับ
และด้านหลัง(ด้านซ้ายมือของโบว์ชัวร์) ตรงนั้นยังมีประตูเข้าอีกถึง 3 ชั้น ก่อนจะถึงประตูที่เห็นในภาพครับ

32. พระราชวังกู้กง 7

(http://img190.imageshack.us/img190/315/kukong3.jpg)

เดินมาประมาณ 10 นาทีเศษๆ ผ่านคณะที่ออกมาจากประตูด้านหลังไปหลายคณะแล้ว ก็เริ่มเห็นหอคอยเหนือประตูวังด้านหลัง

33. พระราชวังกู้กง 8

(http://img44.imageshack.us/img44/9029/kukong4.jpg)

ณ ลานหน้าประตูท้ายพระราชวังกู้กง ลานกว้างใหญ่มาก ประตูมี 3 บาน ต่างจากด้านหน้าที่มี 5 บาน

34. พระราชวังกู้กง 9

คลองด้านซ้าย เมื่อหันหน้าเข้าไปทางประตูท้ายวัง
(http://img44.imageshack.us/img44/7356/kukong5.jpg)

คลองด้านขวา เมื่อหันหน้าเข้าไปทางประตูท้ายวัง
(http://img15.imageshack.us/img15/9193/kukong6.jpg)

เป็นคลองหล่อเลี้ยงที่สี่ด้าน หรือเป็นคลองป้องกันวังที่สี่ด้านก็ได้

แล้วดินที่ขุดขึ้นมาเพื่อเป็นคลองรอบพระราชวัง จำนวนมหาศาล เอาไปไว้ไหน ??

35. พระราชวังกู้กง 10

(http://img29.imageshack.us/img29/4062/kukong7.jpg)

นี่ครับ เขาเอาดินที่ขุดจากคลองมาทำเป็นภูเขา ตั้งไว้หลังพระราชวัง เป็นการเสริมฮวงจุ้ยแบบวังอิงเขา
โดยบนเขาสร้างวัดสำหรับฮ่องเต้ขึ้นไปนมัสการเพียงพระองค์เดียว ซึ่งใกล้เคียงกับ ที่พระราชวังฤดูร้อนเช่นกัน
ที่ขุดดินทำเป็นภูเขาและสร้างวัดไว้ข้างบนให้ ซูสีไทเฮา ขึ้นไปไหว้เพียงพระองค์เดียว เช่นกัน

(http://img269.imageshack.us/img269/4854/kukong8.jpg)

ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนเข้าชม โดยเริ่มจากประตูด้านหลังไปสู่ประตูด้านหน้าและจตุรัสเทียน อันเหมิน

คำถาม- กรุงเทพทำการขุดลอกคลองในต้นสมัยรัตนโกสินทร์ เพื่อการคมนาคมและป้องกันข้าศึก
ถามว่า แล้วดินที่ขุดลอกคลอง เอาไปทำอะไร ที่ไหน ?????

36. พระราชวังกู้กง 11

(http://img32.imageshack.us/img32/2203/fobiddencity.jpg)


(http://img43.imageshack.us/img43/3082/forbiddencitymap.jpg)

ปกติการเข้าชม จะเข้าจากด้านหน้าคือ ผ่านจตุรัสเทียน อัน เหมิน ซึ่งตรงนั้นมีอาคารเก็บศพประธานเหมาเจอตุง
อนุสาวรีย์ผู้สละชีวิตเพื่อการปฏิวัติ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจีน อาคารสภาประชาชนจีน แล้วเข้าสู่ประตูหน้า
ของพระราชวังโบราณกู้กง จากแผนที่คือเข้าจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน แต่เราจะเข้าจากด้านบนลงล่างครับ

37. พระราชวังกู้กง 12

(http://img29.imageshack.us/img29/8666/kukong9.jpg)

ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชม 60 หยวน ข่าวว่าภายในยังมีสถานที่เข้าชมเช่น วังสนม ยังมีการเสียค่าบัตรเพิ่มด้วย

38. พระราชวังกู้กง 13

(http://img171.imageshack.us/img171/7716/kukong10.jpg)

ชมภาพลานด้านหลังพระราชวังกู้กงอีกครั้ง พร้อมกับภาพภูเขาดินที่ขุดดินจากคลองรอบวังสร้างเป็นเขาเพื่อปรับฮวงจุ้ย
ให้วังอิงเขาตามหลักโหราศาสตร์ของจีน และสร้างวัดบนยอดเขาเพื่อเป็นวัดหลวงสำหรับฮ่องเต้ไปนมัสการเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะปรับแต่งฮวงจุ้ยให้วังมีความมั่นคง แต่ราชวงศ์ก็ไม่อาจอยู่อย่างยืนยงได้
เมื่อ ซูสีไทเฮา เลือกเรือหินอ่อนที่ไม่มีวันจม ตั้งไว้ในพระราชวังฤดูร้อน แทนการซื้อเรือรบ 5 ลำเพื่อต่อสู่กับต่างขาติ
ส่งผลให้จีนพ่ายแพ้สงครามหมดรูป และถูกบังคับเรียกร้องต่างๆนานา จนประชาชนชาวจีนเริ่มไม่พอใจการปกครองของพระนาง
และที่สุด 47 ปีเศษแห่งการว่าราชการหลังม่านก็ล่มลงด้วยการตายของพระนางและ ปูยี่ ฮ่องเต้ที่พระนางเลือก เด็กเกินไป

39. พระราชวังกู้กง 14

(http://img171.imageshack.us/img171/1093/kukong11.jpg)

ผ่านประตูแรกเข้าไป ก็พบกับที่นั่งเป็นแถว ไกด์บอกว่า มันตั้งมานานเป็นร้อยปีแล้ว ตากแดดตากฝนก็ยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยมจริงๆ

40. พระราชวังกู้กง 15

(http://img87.imageshack.us/img87/4704/kukong12.jpg)

จากนั้นเข้าสู่ประตูที่สอง ซึ่งอยู่ถัดเข้าไป ประตูไม้เก่า ยิ่งใหญ่อลังการ์จริงๆ เขาเล่าว่า สีแดงที่ทาประตู เสา กำแพง
เป็นสีที่มาจากเลือดหมู (สุกร-หมาน้อยธรรมดา) ผสมกับสีพิเศษ ทาติดทนนานมาก และทาทั่วทั้งพระราชวังเลย
แสดงถึงภูมิปัญญาของชาวจีนในสมัยโบราณเป็นอย่างมาก ที่คิดในเรื่องนี้ได้และไม่ยอมเผยแพร่ให้คนนอกได้ทราบ

(http://img87.imageshack.us/img87/9358/kukong13.jpg)

ดุมทองเหลืองปิดตรงจุดที่ยึดระหว่างเหล็กซึ่งเป็นบานพับกับไม้กระดานแผ่นใหญ่ เขาเล่าเช่นกันว่า เมื่อไปพระราชวังกู้กง
ให้อธิษฐานและลูปดุมทองเหลืองประตูใหญ่หน้าพระราชวังกู้กง จะสมปรารถนา ผลก็คือ ทางการจีนต้องปิดดุมทองเหลืองเหล่านั้น
เพราะลูปจนสึกกร่อนไปเลย (ภาพจะนำมาโพสต์ในช่วงที่ผ่านจุดนั้นครับ)

41. พระราชวังกู้กง 16

(http://img87.imageshack.us/img87/9830/kukong14.jpg)

เป็นประตูชั้นที่สามครับ จึงจะเข้าสู่ส่วนที่เป็นอุทยานของวังหลัง เป็นที่ตั้งของหมู่สวนหินและไม้ใหญ่ มีเก๋งซึ่งฮ่องเต้
ลงมาประทับหาความสำราญ และเรือนคัดเลือกตัวเหล่านางสนม ซึ่งผู้ชายอื่นเข้าไม่ได้เลย เว้นบรรดาขันทีเท่านั้น

42. พระราชวังกู้กง 17

(http://img87.imageshack.us/img87/9855/kukong15.jpg)

ช้างตัวนี้อยู่ฝั่งซ้ายมือ ติดกับประตูทางเข้าที่ 3 สังเกตุด้านหลังจะมีหินรูปแปลกๆ ก่อประดับอยู่ครับ


สังเกตุ มีป้ายสีแดงขนาดเล็กตอกปิดอยู่กับต้นไม้ ซึ่งมีทั้งหมายเลขต้นไม้ วัดเดือนปีที่ตอกปิดไว้
ใช้กับต้นไม้ที่มีอายุเกิน 300 ปีขึ้นไป หากเป็นต้นที่มีอายุต่ำกว่า 300 ปีใช้ป้ายสีเขียว ตอกปิดไว้
                                              ดูรายละเอียดในหน้าต่อไป

43. พระราชวังกู้กง 18

(http://img201.imageshack.us/img201/1949/kukong16.jpg)
1500
ช้างสัมฤทธิ์ปิดทอง ฝั่งขวาของประตู ผ้าที่ปูหลังช้างเป็นลายมังกร กับหงส์ คือ ฮ่องเต้ และ ฮองเฮา
แต่เพราะจัดท่านั่งหมอบของช้างผิดรูป ทำให้เกิดความฉงนว่าเป็นท่าหมอบของช้างจริงหรือไม่ ?? ?
จากภาพล่าง ขาหน้าของช้างมี 3 ท่อน ในขณะที่ขาหลัง จะมีเพียง 2 ท่อน ท่าที่ถูกต้องจะเป็นแบบของไม้ตัดแต่ง

(http://img87.imageshack.us/img87/4038/elephant2.jpg)

เทียบกับช้างหมอบที่ตัดแต่งจากไม้ตะโกดัด

(http://img87.imageshack.us/img87/5844/elephant1d.jpg)

เนื่องจากในสมัยก่อน จีนจะไม่ค่อยได้เห็นช้าง เพราะไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่น ช้างมีมากในพม่า ไทย อินเดีย
การจำลองรูปช้างจึงไม่ค่อยสมจริงเท่าใดนัก

44. พระราชวังกู้กง 19

(http://img201.imageshack.us/img201/3227/kukong18.jpg)

จากนั้นจะพบต้นไม้รูปร่างแปลกๆ และหลายพันธุ์ปลูกปะปนกัน ต้นนี้มีปุ่มปมที่โคนต้น บ้านเราจะมีปมเช่นของต้นไม้มะค่า
ดูใกล้ๆ พบว่ามีการเทคอนกรีตหล่อในส่วนที่เป็นโพรงรวมทั้งมีลวดรัดต้นไม้ไว้ กันต้นฉีกขาดและอาจหักโค่นลงมาได้

45. พระราชวังกู้กง 20

(http://img201.imageshack.us/img201/9692/kukong17.jpg)

ความสวยงามของปุ่มปม ที่ต้องใช้เวลานับร้อยๆปีในการพัฒนาของตัวต้นไม้เอง

46. พระราชวังกู้กง 21

(http://img201.imageshack.us/img201/7930/kukong22.jpg)

ตำหนักสำหรับเลือกนางสนมเข้าวัง อยู่ในประตูชั้น 3 ท่านกลางต้นไม้ สวนหิน และเก๋งที่ฮ่องเต้จะเข้ามาชมความสวยงาม

ในภาพจากซ้าย พี่สิงห์-มานพ วิศว13, พี่ตุ๊-อรสา รัฐ14, พี่อี๊ด-สุภาณี บช14

47. พระราชวังกู้กง 22

(http://img201.imageshack.us/img201/3460/kukong23.jpg)

เก๋งซึ่งเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฮองเฮา มเหสี และเหล่านางกำนัล
สถานที่นี้ใช้เป็นฉากในการถ่ายภาพยนต์หลายๆเรื่องของเมืองจีน

48. พระราชวังกู้กง 23

(http://img201.imageshack.us/img201/1892/kukong26.jpg)

ป้ายสีเขียว ปิดต้นไม้ที่มีอายุต่ำกว่า 300 ปี ระบุวันเดือนและปี 2007 ที่ปิดป้าย

49. พระราชวังกู้กง 24

(http://img201.imageshack.us/img201/9075/kukong27.jpg)

ป้ายสีแดง ติดต้นไม้ที่อายุเกิน 300 ปี พร้อม วันเดือน ปี 2007 ที่ปิดป้ายนี้

50. พระราชวังกู้กง 25

(http://img201.imageshack.us/img201/5866/kukong21.jpg)

เป็นอีกต้นหนึ่ง ซึ่งมีทั้งการเทคอนกรีตหล่อเข้าไปในโพรง การตั้งค้ำยันช่วยประคองกันกิ่งไม้หัก
ซึ่งหากสังเกตุ จะพบป้ายสีแดง ตอกปิดอยู่ แสดงว่าต้นไม้ต้นนี้มีอายุเกินกว่า 300 ปีขึ้นไปแล้ว


ในภาพคือ พี่ตั้ง-ศิริชัย Rx2514 และพี่เป้า-วิทิดา ครุ2514 ในส่วนของสวนไม้และสวนหินของวังหลัง

51. พระราชวังกู้กง 26

(http://img171.imageshack.us/img171/9227/kukong20.jpg)

หินแปลกๆ ที่นำมาประดับอุทยานสลับกับต้นไม้หลายหลาก หน้าเก๋งซึ่งเป็นที่ประทับของฮ่องเต้

52. พระราชวังกู้กง 27

(http://img242.imageshack.us/img242/2930/kukong28.jpg)

หินรูปร่างแปลกๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างเก๋งที่ประทับของฮ่องเต้ ในอุทยาน

53. พระราชวังกู้กง 28

(http://img242.imageshack.us/img242/7/kukong24.jpg)

ในทุกยุคของราชวงศ์ คงไม่มีเครื่องมือชิ้นนี้ใช้เป็นแน่นอน คงมาติดตั้งไว้ในสมัยปฏิวัติประชาชนนี่แหละ

54. พระราชวังกู้กง 29

(http://img171.imageshack.us/img171/9964/kukong29.jpg)

คณะทัวร์พากันเดินจากวังหลังมุ่งสู่วังหน้า ซึ่งจะผ่านประตูใหญ่ที่กั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง ส่วนนี้มีร้านกาแฟ และร้านขายของ
อาทิ ถ่านสำหรับกล้องถ่ายรูป เม็มโมรี่สติ๊กสำหรับกล้องถ่ายรูป ของที่ระลึกบางส่วน แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเข้าแวะ

55. พระราชวังกู้กง 30

(http://img171.imageshack.us/img171/8221/kukong30.jpg)

ประตูคั่นระหว่าง วังหน้า (สถานที่ประทับและว่าราชการของฮ่องเต้) กับวังหลัง (ที่ประทับของเจ้าจอม สนม)

(http://img171.imageshack.us/img171/7808/kukong31.jpg)

ธงไทยเล็กๆ นำหน้าคณะของซีมะโด่งทัวร์เข้าประตู สวนกับผู้ที่ออกจากวังหน้าเพื่อจะเข้าวังหลัง ซึ่งมีปริมาณคนมากทีเดียว
พร้อมๆกับมีธงนำคณะทัวร์จากที่ต่างๆ นำหน้ามา แต่เท่าที่ดูจะเป็นคณะจากคนจีนในประเทศเองซะเป็นส่วนใหญ่


ขออนุญาตโพสต์ภาพไว้แต่เพียงนี้ และจะให้รายละเอียดในภาพต่างๆ ที่มีมาแต่ต้นครับ

จีนเคลียร์กรุงปักกิ่ง เตรียมฉลอง60ปีวันชาติ

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000109145

(http://img401.imageshack.us/img401/5285/savebeijing1.jpg)
          ภาพ- ทหารเฝ้าทางเข้ามหาศาลาประชาชน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสภาประชาชนจีน ฝั่งขวาของจตุรัสเทียน อัน เหมิน

จีนเริ่มเข้มงวดกับนักเดินทาง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่จะเข้าไปยังกรุงปักกิ่ง รวมทั้งชาวจีนเองด้วย
ถนนฉางอัน และบริเวณรอบๆ จตุรัสเทียน อัน เหมิน ถูกกำหนดเป็นสถานที่ต้องห้ามจนกว่าจะผ่านวันที่ 1 ตุลาคม ไปแล้ว

เชื่อว่านับแต่นี้ จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม นักท่องเที่ยวอาจจะไม่สามารถเข้าชมพระราชวังกู้กง จตุรัสเทียน อัน เหมิน ถนนหวังฟู้จิ้ง
เมืองโบราณหรือหู่ท่งบนถนนฉางอัน และอาจไม่สามารถออกจากโรงแรมเพื่อท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม ด้วยก็เป็นได้

56. ฮ่องเต้ราชวงค์หมิง ผู้สร้างเมืองปักกิ่ง

                                    (http://img525.imageshack.us/img525/661/448pxyongleemperor1.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิหย่งเล่อ หรือ หย่งเล่อฮ่องเต้ (ภาษาจีน: 永乐, หย่งเล่อ, 2 พฤษภาคม พ.ศ. 1903 - 12 สิงหาคม พ.ศ. 1967)
พระนามเดิม จู ตี้ (朱 棣) คือจักรพรรดิพระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิงของจีน

เจ้าชายจูตี้ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของจูหยวนจาง ก่อนจูตี้ประสูติ8ปี (ใน ค.ศ.1352)เกิดน้ำท่วมหลายแห่งในจีน ทำให้ทั่ว
อาณาจักรได้รับความเดือดร้อน เกิดกลุ่มกบฏขึ้นมากมาย จูหยวนจางเข้าร่วมกับกบฏเพราะได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน จูหยวนจาง
และได้ขึ้นเป็นผู้นำอย่างรวดเร็ว ปี ค.ศ.1356 กองทัพของจูหยวนจางเข้ายึด นานกิง อันเป็นการตัดเสบียงเมืองต้าตู(ปักกิ่ง)
เมื่อจูตี้มีพระชนมายุได้ 8 ชันษากองทัพของพระบิดาก็เข้าสู่เมือง ต้าตู โตกัน เตมูร์ จักรพรรดิมองโกลองค์สุดท้ายเสด็จหนีออกจากจีน
ไปยังทุ่งหญ้าทางเหนือ จูหยวนจางสถาปนาราชวงศ์หมิง ต่อมาจูตี้ได้เข้าร่วมกองทัพปราบ ยูนนาน ในปีค.ศ.1382 พระองค์ได้รับคำสั่ง
ให้ทำลายเมืองคุนหมิงที่มั่นที่ยังเหลือของมองโกล เด็กชายมองโกลนับพันถูกตอน

หลังจากที่เจ้าชายจูตี้ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงแล้ว พระองค์ก็ได้เฉลิมพระนามว่าหมิงเฉิงจู่ (成 祖)
ใช้ศักราชว่า หย่งเล่อ (永 乐) พระองค์ทรงมีราชโองการให้ประหารขุนนาง เนื่องจากทรงระแวงว่าขุนนางเหล่านั้นจงรักภักดีต่อ
พระนัดดาของพระองค์ซึ่งมีจำนวนกว่า 870 คน นอกจากนี้ยังดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจเจ้าองค์อื่นๆ อย่างเข้มงวด เช่น
ห้ามมีกองทหารประจำเมืองให้มีได้แต่ทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่ง ห้ามเจ้าแต่ละเมืองติดต่อกันเองโดยไม่ได้รับพระราชานุญาต
ภาระกิจแรกที่พระองค์ทำคือดำริย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เป่ยผิงอันเป็นฐานที่มั่นของพระองค์ด้วยเหตุผลว่าป้องการรุกรานของชน
กลุ่มน้อยทางเหนือ พ.ศ. 1947 (ค.ศ. 1404) มีราชโองการให้อพยพคนมากมายหลายแสนคนจาก เมืองนานกิง มณฑลซานซี
และมณฑลเจ้อเจียง แบ่งเป็น 5 สายเข้ามายังปักกิ่ง พร้อมกับเป็นการหาแรงงานเพื่อสร้างพระราชวังที่ประทับของจักรพรรดิใน
เมืองหลวง ซึ่งก็คือ "พระราชวังต้องห้าม"

ในการนี้ต้องเกณฑ์คนหนึ่งแสนพร้อมกับช่างฝีมืออีกหลายพันคน การก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามนี้กินระยะเวลานานถึง 15 ปี
พระองค์ให้ความสำคัญกับการก่อสร้างพระราชวังต้องห้าม แห่งนี้ เป็นอย่างมากโดยในปี พ.ศ. 1949 (ค.ศ. 1406) ได้เสด็จมา
ตรวจตราการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ในปี พ.ศ. 1956 (ค.ศ. 1413) พระองค์จึงทรงย้ายจากกรุงนานกิงมาประทับที่กรุงปักกิ่ง
เป็นการถาวร แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่ยินดีกับพระราชวังแห่งนี้เท่าใดนัก เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังเฉลิมพระมณเฑียรก็มีฟ้าผ่า
ลงพระที่นั่งและเกิดเพลิงไหม้อาคารต่างๆ หลายหลัง ซ้ำยังเกิดแผ่นดินไหวในปี พ.ศ. 1959 (ค.ศ. 1416) จนต้องซ่อมแซมกว่า
จะสำเร็จก็นานถึง 4 ปี แต่พระองค์กลับมีโอกาสได้ประทับอยู่ในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ไม่เกิน 4 ปี เพราะต้องนำทัพออกไป
รบกับพวกมองโกลถึง 4 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 1953 1965 1966 และ 1967

ในปี พ.ศ. 1946 (ค.ศ. 1403) พระองค์มีราชโองการโปรดให้ราชบัณฑิตกว่าสองพันคน พร้อมด้วยผู้อำนวยการใหญ่ 5 คน
รองผู้อำนวยการอีก 20 คน จัดทำ “หย่งเล่อต้าเตี่ยน” สารานุกรมรวบรวมความรู้ทางวิชาการสาขาต่างๆ ทั้งหมด ใช้เวลาจัด
ทำ 4 ปี เป็นหนังสือกว่า 22,937 บรรพ มหาสารานุกรมชุดนี้มีต้นฉบับ 1 ชุดและสำเนาอีก 2 ชุดเก็บรักษาไว้แต่หายสาบสูญไป
จนปัจจุบันเหลือเพียง 370 บรรพ

พระราชภารกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือโปรดให้จัดสร้างกองเรือ “เป่าฉวน” ที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในขณะนั้นมีทั้งสิ้น 62 ลำ
ลำที่ยาวที่สุดวัดได้ 140 เมตร กว้าง 60 เมตร แต่ละลำประกอบด้วย ทหาร นายแพทย์ ล่าม นายกองเรือคือ เจิ้งเหอ (郑 和)
ขันทีคนสนิทของพระองค์ที่เดินทางออกทะเลล่องไปทั่วโลก 7 ครั้งในรอบ 28 ปี ไปไกลถึง อินเดีย แอฟริกา นำสินค้าไปแลก
เปลี่ยนกับชาติต่างๆ รวมทั้งเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยาตรงกับรัชกาลของสมเด็จเจ้านครอินทร์ และนำของหายากกลับมาถวาย
องค์จักรพรรดิ เจิ้งเหอนำกองทัพเรือจีนออกทะเลครั้งแรกเมื่อศักราชหย่งเล่อปีที่ 3 เดือน 7 ตรงกับ พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405)
โดยออกเดินทางจากท่าเรือหลิวเจียก่าง มณฑลซูโจว หมิงเฉิงจู่สวรรคตขณะยกทัพกลับจากไปรบพวกมงโกลเมื่อ
เดือนสิงหาคม พ.ศ. 1967 (ค.ศ. 1424) พระศพถูกเชิญไปบรรจุที่สุสาน ฉานหลิง

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD

57. ฮ่องเต้ฉงเจิน แห่งราชวงค์หมิง ผู้ทำลายราชวงค์จนล่มจม

(http://img231.imageshack.us/img231/7812/590l.jpg)             

จักรพรรดิฉงเจิน (6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1611-25 เมษายน ค.ศ. 1644) จักรพรรดิองค์ที่ 17 และองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง
เป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิไท่ชาง และเป็นพระราชอนุชาในจักรพรรดิเทียนฉี เมื่อพระเชษฐาสวรรคตในปี ค.ศ. 1627
พระองค์จึงขึ้นครองราชย์สืบต่อมา

ฮ่องเต้ซึ่งไม่เอาไหนที่สุด โดยเฉพาะหูเบา สั่งราชการผ่านขันที จนเป็นเหตุให้ราชวงค์ล่ม เพราะขันทีอยากเป็นฮ่องเต้เสียเอง

เป็นต้นตำนานของภาพยนต์ที่เกี่ยวกับ องค์หญิงฉางผิงและราชบุตรเขย นั่นเอง

58. หลี่จื้อเฉิง ผู้นำกบฎชาวนา โค่นราขวงค์หมิง

(http://img220.imageshack.us/img220/4095/600px61805beijinglizich.jpg)

หลี่จื้อเฉิง (Li Zicheng, ภาษาจีนกลาง: 李自成, พินอิน: Lĭ Zìchéng) กบฏชาวนาผู้ยิ่งใหญ่ ในปลายยุคราชวงศ์หมิงต่อกับช่วง
ต้นราชวงศ์ชิง เป็นผู้เอาชนะใจราษฎรได้ส่วนใหญ่ จนได้รับฉายาว่า "กษัตริย์ผู้กล้า" ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เป็นกษัตริย์

หลี่จื้อเฉิง เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1606 โดยมีชื่อเดิมว่า หลี่หงจี่ (Lĭ Hóngjī, 鴻基) ที่มณฑลฉ่านซี ด้วยการเป็นคนเลี้ยงแกะ
จึงได้ชำนาญการขี่ม้าและยิงธนู ด้วยอายุเพียง 20 ปี

ต่อมาเกิดทุกขภิกภัยทั่วไปในมณฑลฉ่านซี แต่ทางการก็ยังเก็บรีดไถภาษีกับราษฎร จึงเกิดกบฏชาวนาขึ้นมา 2 กลุ่มใหญ่ ๆ โดย
หลี่จื้อเฉิง และ จางเซี่ยนจง (张献忠)โดยในระหว่างทำศึกจางเซี่ยนจงได้เคยเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ให้กับทางการ ส่วนหลี่จื้อเฉิงใน
ขณะทำศึก มักจะนำเอาอาหารที่ยึดได้มาแจกจ่ายให้กับผู้อดอยาก ทั้งยังประกาศให้ใช้ที่ดินทำกินได้โดยไม่เสียภาษี ทำให้มีผู้คนแห่
แหนมาเข้าร่วมด้วยจนมีกองกำลังหลายหมื่นคน

ในปี ค.ศ. 1643 หลี่จื้อเฉิงได้เข้ายึดเมืองเซียงหยาง และตั้งตนขึ้นเป็น ซินซุ่นหวัง (新順王) และเมื่อบุกยึดฉ่านซีได้ทั้งมณฑลก็ตั้ง
ตัวเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ โดยเรียกชื่ออาณาจักรของตนว่า ต้าซุ่น จากนั้นได้ทำตามแผนการของที่ปรึกษานาม กู้จวินเอิน ให้ใช้ฉ่านซี
เป็นฐานที่มั่น บุกเข้าสู่ซีอาน จากนั้นค่อยบุกต่อไปยังปักกิ่งซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของราชวงศ์หมิง

หลี่จื้อเฉิงนำทัพบุกข้ามแม่น้ำฮวงโหบุกยึดไท่หยวน ต้าถง เซวียนฝู่ เข้าสู่ด่านยงกวนด้วยชัยชนะมาตลอดทาง กระทั่งเดือน 3 ของ
ปี ค.ศ. 1644 ได้นำทัพเข้าปิดล้อมปักกิ่ง จนฮ่องเต้หมิงซือจงเห็นว่าจบสิ้นแล้ว จึงได้ปลงพระชนม์ตนเองด้วยการผูกคอตายที่ภูเขา
เหมยซัน ชานกรุงปักกิ่ง ฮ่องเต้หมิงซือ จึงได้ว่าเป็นฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง

แม้หลี่จื้อเฉิงจะสามารถยึดครองปักกิ่งไว้ได้ ทว่าแรงกดดันจากกองทัพอื่น ๆ ก็ยังไม่จบสิ้น ยังมีกำลังทหารแตกทัพของราชวงศ์หมิง
กองกำลังของอู๋ซานกุ้ย (吴三桂) ที่ด่านซันไห่กวน (山海关) และกองทัพจากแมนจูจากทางตะวันออกเฉียงเหนือคอยคุกคามอยู่
หลี่จื้อเฉิงได้ส่งหนังสือให้อู๋ซานกุ้ยยอมสวามิภักดิ์ จากนั้นก็ได้ให้อู๋เซียง บิดาของอู๋ซานกุ้ยที่อยู่ในเมืองหลวงเขียนจดหมายไปกล่อม
อีกทาง อีกทั้งได้ส่งคณะทูตนำเงินทองมากมาย พร้อมหนังสือแต่งตั้งให้อู๋ซานกุ้ยขึ้นมีตำแหน่งบรรดาศักดิ์ แต่ในขณะที่อู๋ซานกุ้ยกำลัง
เดินทางมาเมื่อสวามิภักดิ์ต่อหลี่จื้อเฉิง กลับได้พบกับคนรับใช้ที่หนีออกมาจากเมืองหลวงที่มาส่งข่าวว่าบัดนี้อู๋เซียงถูกจับเป็นตัวประกัน
และถูกริบทรัพย์สมบัติ นอกจากนั้นเฉินหยวนหยวน (陈圆圆)อนุภรรยาของอู๋ซานกุ้ยยังถูกแม่ทัพหลิวจงหมิ่นชิงตัวไป

เหตุนี้ทำให้อู๋ซานกุ้ยตัดสินใจที่จะหันกลับไปจับมือกับตัวเอ่อกุ่น (多爾衮) แม่ทัพของแมนจู จากนั้นส่งคนให้แสร้งไปส่งข่าวยอม
สวามิภักดิ์ต่อหลี่จื้อเฉิงเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน ทว่าในภายหลังเมื่อหลี่จื้อเฉิงได้ทราบข่าวว่าอู๋ซานกุ้ยสวามิภักดิ์ต่อแมนจูแล้ว
จึงได้นำทัพราว 6 หมื่นเพื่อลงมาปราบปราม แต่ในยามนั้นอู๋ซานกุ้ยได้ลอบเปิดด่านให้กองทัพแมนจูยกเข้ามาอ้อมตีกองทัพของ
หลี่จื้อเฉิง จนหลี่จื้อเฉิงต้องถอยทัพกลับปักกิ่งโดยมีทัพของอู๋ซานกุ้ยไล่ตามมา หลี่จื้อเฉิงแก้แค้นด้วยการตัดศีรษะบิดาของ
อู๋ซานกุ้ยเสียบประจานที่กำแพงเมืองปักกิ่ง จนทหารชิงได้เข้ายึดปักกิ่งได้สำเร็จ กองทัพหลี่จื้อเฉิงที่พ่ายแพ้ถอยร่นไปก็ถูกโจมตีและ
สังหารไปในที่สุดในปี ค.ศ. 1645 เป็นอันอวสานราชวงศ์จีนที่ปกครองโดยชาวฮั่นมายาวนานกว่า 2,000 ปี

เรื่องราววีรกรรมของหลี่จื้อเฉิงได้ถูกเล่าขานกันต่อมามากมาย มีเรื่องเล่ากันว่า ตอนที่เขาก่อกบฏนั้น ยกทัพเข้าเมืองไคเฟิง
ซึ่งขณะนั้นเขากำลังจะบุกเข้าตีเมือง ได้มีผู้ปล่อยข่าวว่า เขาเป็นบุคคลที่น่ากลัว เดินทางไปทางไหนจะมีแต่ความตาย หลี่จื้อเฉิง
ได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าข้าวเข้ามาดูลาดเลาในเมือง หลี่จื้อเฉิงจึงกล่าวกับชาวบ้านว่า ที่แท้หลี่จื้อเฉิงไม่ใช่บุคคลที่น่ากลัว ซ้ำยังมี
เมตตากรุณาต่อชาวบ้านอีก อย่าไดเชื่อคำเล่าลือ ผู้คนจึงเปลี่ยนใจและออกอุบายว่า ให้ทุกคนแขวนโคมแดงไว้หน้าบ้าน
เมื่อหลี่จื้อเฉิงบุกเข้ามาได้จะไว้ชีวิตและให้ความช่วยเหลือบ้านนั้น

เมื่อหลี่จื้อเฉิงบุกเข้าไป พวกขุนนางในเมืองใช้วิธีการปล่อยน้ำให้ท่วมเมือง แต่หลี่จื้อเฉิงได้เตรียมเรือแพไว้แล้ว และนัดแนะกับ
ชาวบ้านเรื่องโคมแดงไว้แล้ว ซึ่งพวกบรรดาขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงต่างไม่มีใครรู้เรื่องนี้ หลี่จื้อเฉิงจึงไม่ช่วยเหลือ แต่จะช่วย
เฉพาะบ้านที่แขวนโคมแดงไว้หน้าบ้านเท่านั้น จนกลายมาเป็นประเพณีการแขวนโคมแดงไว้หน้าบ้านทุกวันเทศกาลสำคัญ ๆ
ของจีนในปัจจุบัน เช่น ตรุษจีน เป็นต้น

ทุกวันนี้ มีอนุสาวรีย์ของหลี่จื้อเฉิงขนาดใหญ่ อยู่ที่ กรุงปักกิ่ง บริเวณทางเข้าสุสานกษัตริย์ราชวงศ์หมิงและชิง ประเทศจีน


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B4%E0%B8%87

59. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 1: ฮ่องเต้ชิงไท่จู่ ปฐมกษัตริย์ราชวงค์ชิง

                                     (http://img178.imageshack.us/img178/6207/397pxqingnurhaci.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดินูรฮาชี(จักรพรรดิชิงไท่จู่) หรือข่านนูรฮาชี มีนามเดิมว่า อ้ายซินเจวี๋ยหลัว นูรฮาชี (นูเอ้อฮาเช่อ) พระองศ์สามารถ
รวมชนเผ่าในแมนจูเรียได้ทั้งหมด และสถาปนาราชวงศ์โฮ่วจินขึ้น ได้ทำสงครามกับราชวงศ์หมิงตลอดรัชกาล พระองศ์มีพระโอรสทั้ง
หมด8องศ์ พระองศ์จึงให้โอรสทั้งหมดเป็นแม่ทัพในกองทัพแปดธง เมื่อพระองศ์สิ้นพระชนม์พระโอรสต่างแยกราชสมบัติในที่สุดโอรส
องศ์ที่แปดก็ได้ราชสมบัติ นามว่า "หวงไท่จี๋"


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5

60. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 2: ฮ่องเต้หวงไท่จี๋

                             (http://img87.imageshack.us/img87/2534/emperorhuangtaiji.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิหวงไท่จี๋ (จักรพรรดิชิงไท่จง) พระนามเดิม อาบาไฮ เป็นพระโอรสองค์ที่ 8 ในสมเด็จพระจักรพรรดินูรฮาชีข่าน
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแมนจูเรียประสูติเมื่อปีค.ศ.1592(พ.ศ. 2135) หลังจากสมเด็จพระจักรพรรดินูรฮาชีสิ้นพระชนม์ได้เกิดการสู้รบระหว่าง
พระราชโอรส แต่ในที่สุดอาบาไฮก็สามารถรบชนะและได้ขึ้นเป็นข่านแทนพระบิดาในปีค.ศ.1627 (พ.ศ. 2170)ขณะพระชนม์
ได้ 35 พรรษา พระองค์ได้เปลี่ยนชื่อราชวงศ์จากโฮ่วจินเป็นต้าชิง เปลี่ยนจากข่านเป็นจักรพรรดิเหมือนจักรพรรดิราชวงศ์หมิง
และชื่อชนเผ่าให้เปลี่ยนจากเจอร์เฉินเป็นแมนจูทรงสวรรคตในปีค.ศ.1643(พ.ศ. 2186)ขณะพระชนม์ได้51พรรษา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%8B

61. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 3: ฮ่องเต้ซุ่นจื้อ (ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงค์ชิง ที่ประทับในพระราชวังต้องห้ามกู้กง)

                           (http://img193.imageshack.us/img193/1235/shunzhi.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิซุ่นจื้อ (จีนตัวเต็ม: 順治; จีนตัวย่อ: 顺治; พินอิน: Shùnzhì) จักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์ชิง
แต่ในบางครั้งจะนับพระองค์เป็น ปฐมจักรพรรดิ ของราชวงศ์ชิง ด้วยทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกที่ได้ประทับในพระราชวัง
ต้องห้ามที่กรุงปักกิ่ง และราชวงศ์หมิงถึงกาลสิ้นสุดอย่างแท้จริง

มีพระนามเดิมว่า ฟู่หลิน (福臨) ทรงขึ้นครองราชย์เพียงพระชนม์พรรษา 6 ขวบ ในปี พ.ศ. 2186 (ค.ศ. 1643) หลังการสวรรคต
ของจักรพรรดิเทียนชง หรือ หวงไท่จี๋ พระราชบิดา แต่พระองค์ต้องถูกใต้การสำเร็จราชการแผ่นดินของอ๋องทอร์คุน พระอนุชาต่าง
พระมารดาของพระราชบิดา ซึ่งอ๋องทอร์คุนนับว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมาก อีกทั้งยังมีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นครองราชย์อีกด้วย
อ๋องทอร์คุนได้กระทำการหลายอย่างที่จะไม่ให้พระองค์เจริญชันษามาด้วยความปรีชาสามารถ เช่น ไม่สนับสนุนให้ทรงเล่าเรียน
เป็นต้น แต่ทว่า อำนาจของอ๋องทอร์คุนก็ถูกคานจากพระนางเสี้ยวจวง (孝庄太后) พระมารดา ภายหลังที่อ๋องทอร์คุนเสียชีวิต
พระองค์จึงได้อำนาจในการปกครองอย่างแท้จริง

แต่พระองค์ก็นับว่าเป็นจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่งที่อาภัพมาก ด้วยทรงไม่อาจสามารถจะสมรสกับหญิงคนรักที่เป็นชาวฮั่นได้
เนื่องจากพระนางเสี้ยวจวงทรงคัดค้านอย่างหนักแน่น ทำให้พระองค์ทรงโศกเศร้าพระทัยมากจนแทบสิ้นสติ และได้กักขังตนเองไว้

จักรพรรดิซุ่นจื้อ สิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 24 พรรษา ด้วยโรคทรพิษ ในปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) และต่อมาพระโอรส
ลำดับที่ 3 ของพระองค์ คือ องค์ชายเสวียนเย่ (玄燁) ได้ขึ้นครองราชย์ในนาม จักรพรรดิคังซี ซึ่งต่อมาทรงเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
ของราชวงศ์ชิง และพระนางเสี้ยวจวงก็เป็นผู้อุปการะพระองค์มาโดยตลอด และได้เปลี่ยนสถานะพระองค์เป็นไท่หวงไทเฮา


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD

62. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 4: ฮ่องเต้คงซี

            (http://img59.imageshack.us/img59/4729/600xportraitofthekangxi.jpg)

จักรพรรดิคังซี (จีน: 康熙帝; พินอิน: Kāngxīdì; เวด-ไจลส์: K'ang-hsi-ti; มองโกเลีย: Enkh Amgalan Khaan) หรือพระนามเต็ม
อ้ายซินเจฺหวหลัวเสฺวียนเย่ (愛新覺羅玄燁 Àixīn-Juéluó Xuányè) จักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ชิง เป็นพระโอรสของจักรพรรดิ
ซุ่นจื้อ จักรพรรดิองค์ที่ 3 ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 8 พรรษา ในปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) ภายหลังการสวรรคตของ
พระราชบิดา จักรพรรดิคังซีทรงมีพระปรีชาสามารถตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงฉายแววความเป็นผู้นำมาตั้งแต่เด็ก โดยโปรดการเ
รียนรู้ศิลปะ วิทยาการต่าง ๆ ทั้งของในประเทศ และนอกประเทศ โดยพระองค์อยู่ภายใต้การอุปการะดูแลของไท่หวงไทเฮา
ผู้เป็นพระอัยยิกาของพระองค์

พระองค์ทรงออกว่าราชการเองเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา เมื่อพระชนมายุได้ 19 พรรษา มีขุนนางคนสำคัญผู้หนึ่งชื่อ อ่าวไป๋ (鳌拜)
ซึ่งเป็นขุนนางที่รับราชการมาแต่ครั้งจักรพรรดิไท่จง จักรพรรดิองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ชิง อ่าวไป๋ เป็นขุนนางที่สำคัญตนว่าเป็นคนสำคัญ
และมีผู้ให้การยอมรับนับถือจำนานมาก จึงได้กระทำการอย่างไม่เหมาะสมทั้งต่อหน้าและลับหลังพระองค์หลายครั้ง จนในที่สุดก็ก่อการ
กบฎขึ้น แต่แผนการทั้งหมดได้ถูกทำลายลงโดยกลุ่มขุนนางที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี

รัชสมัยของจักรพรรดิคังซีนับเป็นระยะเวลาวิกฤตของราชวงศ์ชิง เพราะมีการต่อสู้ระหว่างชาวฮั่นที่ต้องการกู้ราชวงศ์หมิง รวมถึงชนเผ่า
อื่น ๆ ที่ต้องการก่อกบฏ จักรพรรดิคังซีทำสงครามภายในประเทศยาวนานถึง 8 ปี จึงพิชิตแคว้นต่าง ๆ ได้ราบคาบ ก่อนที่พระองค์จะมี
พระชนมายุ 30 พรรษา ทั้งขยายอาณาเขตถึงมองโกเลียและทิเบต

หนึ่งในนโยบายสร้างความมั่นคงก็คือ สร้างสัมพันธ์กับชาวแมนจูที่อาศัยทางเหนือแต่เดิมให้แข็งแกร่ง ส่งอาวุธและกำลังพลไปรักษา
ชายแดนแถบนี้บ่อยครั้งเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าอื่น อีกทั้งยังทรงออกทัพเอง และได้ทำสงครามกับรัสเซียในยุคสมัยของ
พระเจ้าปีเตอร์มหาราช และได้รับชัยชนะด้วย ซึ่งสงครามได้จบลงที่การสร้างสัมพันธไมตรีต่อกัน รวมถึงการยกทัพบุกพม่า ทำให้จีน
ในยุคนี้เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ขณะเดียวกันเสด็จประพาสดินแดนทางใต้ถึง 6 ครั้ง เพื่อทอดพระเนตรความเจริญ รุ่งเรืองด้านศิลปะและวิชาการของแดนใต้
และสำรวจปัญหาน้ำท่วมไร่นาของชาวนา ซึ่งต่อมาทรงส่งเสริม การสร้างเขื่อนและให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรกับชาวนา

จักรพรรดิคังซีนับเป็นอัจฉริยบุคคล ทรงศึกษาความผิดพลาดของพวกมองโกล ช่วงที่ปกครองชาวฮั่น จึงเปลี่ยนจากวิธีการใช้
ไม้แข็งเป็นไม้อ่อน เกลี้ยกล่อมให้เหล่าปราชญ์ราชบัณฑิตที่หนีภัยยุคต้นราชวงศ์สิ้นอำนาจกลับมารับราชการใหม่ ทรงสถาปนา
กรมจิตรกรรมที่รู้จักในนาม สถาบันจิตรกรรมหัวหยวน คล้ายที่เคยมีในสมัยราชวงศ์ซ่ง นอกจากนี้ทรงดูแลเหล่าปราชญ์
และศิลปินอย่างเกษมสำราญ มอบหมายงานให้ทำอย่างเต็มที่ ไม่ว่าด้านสถาปัตยกรรมหรือประวัติศาสตร์ โดยชิ้นที่สำคัญที่สุด
คือการจัดทำ พจนานุกรมรวบรวมภาษาจีน ที่เรียกกันว่า พจนานุกรมคังซี

ชีวิตส่วนพระองค์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจักรพรรดินักรักพระองค์หนึ่ง ทรงมีพระสนมราว 35 คน พระโอรสและพระธิดาราว 55 องค์
จนปลายรัชสมัยเกิดการชิงบัลลังก์เป็นที่วุ่นวาย ผลสุดท้ายองค์ชาย 4 ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิหย่งเจิ้งในเวลาต่อมา

รัชสมัยของจักพรรดิคังซีตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและราชวงศ์บ้านพลูหลวงของอาณาจักรอยุธยา

จักรพรรดิคังซีสวรรคตในปี พ.ศ. 2265 (ค.ศ. 1722) รวมระยะเวลาครองราชย์ยาวนานถึง 61 ปี นับเป็นจักรพรรดิที่ครองราชย์
ยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาตร์จีน ในยุคสมัยของพระองค์มีเรื่องการเกิดขึ้นต่าง ๆ มากมาย เป็นที่เลื่องลือจนถึงปัจจุบัน
 มีวรรณกรรมต่าง ๆ มากมายที่บอกเล่าถึงยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น นิยาย ละครโทรทัศน์ หรือ ภาพยนตร์ ที่มีการจัดสร้างหลาย
ต่อหลายครั้งแม้ในปัจจุบัน เรื่องที่มีชื่อเสียงมากคือ นิยายกำลังภายในอิงประวัติศาสตร์ของ กิมย้ง เรื่อง อุ้ยเสี่ยวป้อ

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B5

63. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 5: ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง

                         (http://img12.imageshack.us/img12/8372/400yongzheng3.jpg)

จักรพรรดิหย่งเจิ้ง (จักรพรรดิชิงซื่อจง) (ภาษาจีน : 雍正, พินอิน : Yōngzhèng, Yongzheng) ประสูติเมื่อ
พ.ศ. 2221 (คังซีปีที่ 17 ค.ศ.1678) เป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ในจักรพรรดิคังซี มีพระนามเดิมว่า อิ้นเจิง
(ภาษาจีน : 胤禛) พระองค์ขึ้นครองราชย์โดยมิได้เป็นรัชทายาท เล่ากันว่า พระองค์ร่วมวางแผนกับอ๋องหลงเคอตัว
ปลอมแปลงลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิคังซีจากคำว่าองค์ชาย 14 (十四) เป็นคำว่าให้กับองค์ชาย 4 (于四)
องค์ชาย 4 ขึ้นครองราชย์สืบต่อ อันเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในการแย่งชิงราชสมบัติกันเองระหว่างพี่น้อง
ปลายรัชสมัยจักรพรรดิคังซี แต่เรื่องนี้เป็นเพียงความเชื่อที่บอกต่อกันมา ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยัน
แต่ประการใด แต่นั่นก็ทำให้พระองค์ได้ฉายาว่าเป็น "จักรพรรดิบัลลังก์เลือด" หรือ "จักรพรรดิทรราช" (ซึ่งความตรงนี้
นักประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันมีความเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะพินัยกรรมของจักรพรรดิคังซีแม้จะเปลี่ยนแปลงก็
เปลี่ยนได้เฉพาะฉบับที่เป็นตัวอักษรฮั่นเท่านั้น แต่ฉบับอักษรแมนจูที่มีการเขียนคู่กันด้วยไม่สามารถแก้ไขได้)

เมื่อจักรพรรดิหย่งเจิ้งขึ้นครองราชย์ สิ่งแรกที่พระองค์กระทำ คือ การเปลี่ยนแปลงวิธีการแต่งตั้งองค์รัชทายาท
จากการแต่งตั้งโดยเปิดเผยอันเป็นสิ่งปฏิบัติมาแต่อดีต เป็นทรงแต่งตั้งโดยเป็นความลับ โดยทรงเงยพระพักตร์
ขึ้นทอดพระเนตรเพดานท้องพระโรง และจารึกพระนามขององค์รัชทายาทใช้หลังป้ายแผ่นหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่า
เจิ้งต้ากวางหมิง (正大光明) 2 ชุด ชุดแรกเก็บไว้กับตัวพระองค์เอง อีกชุดนึงเก็บไว้ซึ่งเก็บไว้ในหีบลับปิดผนึก
แล้ววางไว้ที่ป้ายโลหะหน้าท้องพระโรง และให้เปิดทั้ง 2 ป้ายนี้อ่านพร้อมกันเมื่อพระองค์สวรรคต แต่ในระหว่าง
ที่ทรงครองราชย์ต้องทรงพบกับปัญหากบฎหลายต่อหลายครั้งจากบรรดาขุนนางและเหล่าองค์ชายทั้งหลายที่
เป็นพี่น้องด้วยกัน จนเป็นเหตุที่ทำให้พระองค์มีศัตรูอยู่มากมาย นำไปสู่การลอบสังหารโดยชาวฮั่นชื่อ หลี่ซือเหนียง
ซึ่งลอบเข้าวังมาและตัดพระเศียรของพระองค์ไปได้ ทำให้พระศพของพระองค์ปราศจากพระเศียร ราชสำนักจึง
ต้องสร้างพระเศียรทองคำแทนพระเศียรที่ถูกตัดหายไป เพื่อฝังลงในสุสานทำให้มีความพยายามปล้นสุสานหลายครั้ง
หย่งเจิ้นนับว่าเป็นจักรพรรดิที่ขยันขันแข็งมากและได้ปฏิรูปรูปแบบการปกครอง การบริหารเอาไว้หลายด้าน
กิจวัตรของพระองค์ที่ปฏิบัติเป็นประจำ คือ ทรงตื่นบรรทมแต่ก่อนรุ่ง เข้าบรรทมในยามดึกเพราะอ่านฎีกาจนดึกดื่น
ทรงรวบอำนาจ จัดสรรระบบภาษี การเงินการคลัง และขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวงจนถือว่าเป็นช่วงสืบทอดยุค
ความรุ่งเรืองต่อมาใน 3 รัชกาลนี้ (คังซี-หย่งเจิ้ง-เฉียนหลง) จนสามารถยังผลให้ประเทศจีนรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุค
ของจักรพรรดิเฉียนหลง พระโอรสของพระองค์ที่ครองราชสมบัติต่อ

ซึ่งในส่วนของเหตุการณ์แย่งชิงราชสมบัติระหว่างพี่น้องด้วยกันเองนั้น ที่เรียกกันว่า "ศึกสายเลือด" ได้ถูกเล่าขาน
สืบมาจนปัจจุบัน และได้มีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง

และเป็นผู้ถวายวังซึ่งตนเองครอบครองเมื่อครั้นยังเป็นองค์ชาย 4 ให้พระลามะจากธิเบต สร้างวัดลามะในกรุงปักกิ่ง

ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ รัชทายาทที่สืบทอดบัลลังค์ต่อ คือ องค์ชายลำดับที่ 4 คือ เจ้าชายหงลี่ ซึ่งพระนาม
เมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ คือ จักรพรรดิเฉียนหลง

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99

64. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 6: ฮ่องเต้เฉียนหลง

                   (http://img12.imageshack.us/img12/2217/500qianlongyoung4.jpg)

                   (http://img193.imageshack.us/img193/6818/qianlongold4.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลง (จักรพรรดิชิงเกาจง) (จีน: 乾隆; พินอิน: Qiánlóng เฉียนหลง) จักรพรรดิองค์ที่ 6
ของราชวงศ์ชิง ประสูติเมื่อ ปี พ.ศ. 2254 (ค.ศ. 1711) เดิมมีพระนามว่า หงลี่ (ภาษาจีน : 弘曆) เป็นพระโอรสใน
จักรพรรดิหย่งเจิ้น และเป็นพระราชนัดดาองค์โปรดของจักรพรรดิคังซี เพราะมีความเฉลียวฉลาดมาแต่ยังเด็ก
จักรพรรดิเฉียนหลงขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2278 (ค.ศ. 1735) ขณะมีพระชนมายุได้ 25 พรรษา ทรงพระนามว่า
ชิงเกาจงฮ่องเต้ และใช้ชื่อศักราชว่า เฉียนหลง 

จักรพรรดิเฉียนหลงได้สร้างความเจริญมากมายให้กับประเทศจีน โดยเฉพาะการจัดทำสารานุกรม ซื่อคู่เฉวียนซู
ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2316 (ค.ศ. 1773) - พ.ศ. 2325 (ค.ศ. 1782) ถือเป็นมรดกโลกที่สำคัญชิ้นหนึ่ง

รัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงมีเรื่องราวที่เป็นสีสัน เล่าขาน เป็นตำนานต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องที่ลือกันว่าแท้
ที่จริงแล้วมิได้ทรงเป็นพระโอรสของจักรพรรดิหย่งเจิ้น หรือเรื่องราวที่ชอบแปลงตนเองเป็นสามัญชนท่องเที่ยวไป
ในสถานที่ต่าง ๆ จนได้ฉายาว่า "จักรพรรดิเจ้าสำราญ" และเรื่องราวความรักที่มีต่อมเหสีองค์ต่าง ๆ เช่น มเหสีองค์แรก
ที่ชื่อ ฟูฉา ได้จากไปแต่ยังสาว เพราะตรอมใจที่จักรพรรดิเฉียนหลงแอบมีความสัมพันธ์กับเมียของขุนนาง ซึ่งเป็นพี่ชาย
ของพระนาง และก่อนหน้านั้นพระโอรสองค์แรกก็จากไปด้วยแต่ยังเล็กเนื่องจากประชวร หรือเรื่องของนางสนมเซียงเฟย
ที่เล่ากันว่ามีกลิ่นตัวที่หอมราวกับดอกไม้แม้แต่ผีเสื้อหรือแมลงก็ยังมาตอมที่ตัวนาง แต่ท้ายที่สุดก็ถูกประหารชีวิต เพราะ
พระพันปีหลวงไม่ทรงโปรด รวมทั้งเรื่องขององค์หญิงหวนจู ซึ่งเล่าขานกันว่าองค์หญิงหวนจูนั้นคือธิดาอันเกิดจาก
จักรพรรดิ์เฉียนหลง กับ สาวชาวบ้านธรรมดา

จักรพรรดิเฉียนหลงมีคนสนิทที่ทรงใกล้ชิดอยู่คนหนึ่ง ชื่อ เหอเซิน ที่มักคอยเอาอกเอาใจอยู่ตลอด และมักชวนจักรพรรดิ
เฉียนหลงเสเพลอยู่เสมอ ๆ จักรพรรดิเฉียนหลงทรงโปรดเหอเซินมากถึงขนาดยกพระธิดาองค์หนึ่งให้เป็นคู่หมั้นของ
ลูกชายเหอเซินตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เหอเซินเหิมเกริม กระทำการทุจริตต่าง ๆ นานา ยิ่งโดยเฉพาะในปลายรัชสมัยมีการ
จับจ่ายใช้เงินทองจำนวนมากเพื่อความสำราญของคนในพระราชวัง กล่าวว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ของราชวงศ์ชิงด้วย หลังจากรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงแล้ว

จักรพรรดิเฉียนหลงทรงมีพระโอรสที่ปรีชาสามารถมากคือเจ้าชายหย่งฉี พระโอรสองค์ที่ 5 ซึ่งประสูติแต่ฮองเฮาองค์ที่ 2
เจ้าชายหย่งฉีเป็นผู้ที่ปรีชาสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นความหวังว่าจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ แต่กลับสิ้นพระชนม์
เสียก่อนตั้งแต่ยังหนุ่ม

ในปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) ปีที่ 60 ที่ทรงครองราชย์จักรพรรดิเฉียนหลงได้สละราชสมบัติให้พระโอรสที่ชื่อ หย่งเยี๋ยน
พระโอรสองค์ที่ 15 ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ด้วยไม่ทรงปรารถนาจะครองราชย์ยาวนานเกินกว่าจักรพรรดิคังซี
ผู้ทรงเป็นพระอัยกา (ปู่) อย่างไรก็ตามแม้จะสละราชบัลลังค์แล้วแต่อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่กับพระองค์ โดยทรงขึ้นดำรง
ตำแหน่งเป็น พระบิดาหลวง หรือ จักพรรดิสูงสุด (ไท่ซั่งหวง, 太上皇帝)

ในปี พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) จักรพรรดิเฉียนหลงเสด็จสวรรคต จักรพรรดิเจี่ยชิ่งจึงได้ครองราชย์อย่างแท้จริง และพระองค์
ก็เริ่มกำจัดเหอเซินทันที และบังคับให้เขาฆ่าตัวตาย หลังสิ้นสุดยุคของจักรพรรดิเฉียนหลงแล้ว จักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มาของ
ราชวงศ์ชิงต่างไม่มีองค์ไหนมีความสามารถโดดเด่น ทำให้ราชวงศ์ชิงอ่อนแอลงเรื่อยๆ และประเทศจีนเริ่มถูกต่างชาติเข้า
แทรกแซงยึดครอง

ตลอดยุคสมัยที่ยาวนานกว่า 60 ปี ของจักรพรรดิเฉียนหลงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีสีสันจนเลื่องลือมาถึงปัจจุบัน มีวรรณกรรม
มากมายที่บอกเล่าถึงยุคสมัยของพระองค์ รวมทั้งภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ ที่จัดสร้างหลายครั้งหลายหนกล่าวถึงเนื้อหา
ต่างๆ เช่น เรื่องที่เล่าลือกันว่า พระองค์แท้ที่จริงมิใช่พระโอรสของจักรพรรดิหย่งเจิ้น แต่เป็นบุตรชายของอำมาตย์คนหนึ่ง
เมื่อพระมเหสีของจักรพรรดิหย่งเจิ้นให้ประสูติกาลบุตรออกมาเป็นบุตรสาว จึงสลับลูกกันกับอำมาตย์ผู้นี้ เป็นต้น

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87

65. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 7: ฮ่องเต้เจียชิ่ง

                 (http://img5.imageshack.us/img5/4849/500jiaqing5.png)

สมเด็จพระจักรพรรดิเจียชิ่ง (จักรพรรดิชิงเหรินจง) (อักษรจีนตัวย่อ: 嘉庆, อักษรจีนตัวเต็ม: 嘉慶 Jiaqing
พินอิน : Jiāqìng เจียชิ่ง, 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2303 – 2 กันยายน พ.ศ. 2363) เป็นโอรสองค์ที่ 15 ของ
จักรพรรดิเฉียนหลง เดิมมีพระนามว่า หย่งเยี๋ยน (顒琰) เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2339 (ค.ศ. 1796)
เมื่อพระชนมายุได้ 37 พรรษา ภายหลังการสละราชสมบัติของจักรพรรดิเฉียนหลง พระราชบิดา แต่อำนาจ
ในการปกครองแผ่นดินแท้จริงยังอยู่ในจักรพรรดิเฉียนหลง เมื่อจนถึงปีที่ 3 ที่ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799)
จักรพรรดิเฉียนหลงได้สวรรคต และพระองค์จึงได้อำนาจในการปกครองอย่างแท้จริง

เมื่อทรงได้อำนาจเต็มแล้ว ทรงได้กำจัดเหอเซิน ที่เป็นขุนนางกังฉิน โกงกินชาติ ซึ่งเป็นคนสนิทของจักรพรรดิเฉียนหลง
ทรงรวบรวมขุนนางและบรรดาผู้ที่จงรักภักดีเพื่อกำจัดเหอเซิน โดยบุคคลสำคัญผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการครั้งนี้คือ อ๋องเฉิน
ซึ่งเป็นพระเชษฐา (พี่ชาย ) ของพระองค์และเป็นพระโอรสลำดับที่ 11 ของจักรพรรดิเฉียนหลง เมื่อได้ยึดทรัพย์เหอเซินแล้ว
พบว่าเงินจำนวนที่เหอเซินยักยอกไว้นั้นมีมูลค่าเท่ากับรายได้ประเทศชาติถึง 10 ปี แต่เมื่อจับกุมเหอเซินได้แล้วกลับลังเล
พระทัยที่จะประหารชีวิต เนื่องจากทรงเคยรับคำพระราชบิดา จักรพรรดิเฉียนหลงเอาไว้ว่าจะไว้ชีวิตเหอเซิน เมื่อพระองค์สวรรคต
แต่ได้ถูกอ๋องเฉินและบรรดาขุนนางทูลทัดทาน จึงได้ตัดสินพระทัยบังคับให้เหอเซินผูกคอตาย

ตลอดรัชสมัย ทรงพบกับการก่อกบฏและเรื่องทางความมั่นคงมากมาย เช่น กบฏพรรคบัวขาว, กบฏโจรสลัดไต้หวัน กบฏพรรค
เที่ยงธรรม เป็นต้น ซึ่งกบฏเหล่านี้ส่วนใหญ่ เป็นกบฏชาวฮั่นที่รวบรวมคนไว้เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชิงกอบกู้ราชวงศ์หมิงนั่นเอง

ทรงมีพระโอรส 3 พระองค์ พระโอรสองค์โตเกิดจากพระมเหสีที่ทรงรักยิ่ง แต่พระนางสิ้นพระชนม์ไปก่อนเมื่ออายุยังน้อย และ
พระโอรสอีก 2 พระองค์ ที่เกิดจากมหเสีองค์ใหม่ที่ทรงแต่งตั้งขึ้นมาจากการเป็นเจ้าจอม ซึ่งพระองค์ไม่เคยโปรดนางเลย
แต่ต้องทรงสถาปนาเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง ด้วยต้องการให้เหล่าขุนนางและประชาราษฎร์เห็นถึงพระทัยเมตตาของพระองค์
เหตุที่ไม่ทรงโปรดพระมเหสีองค์ที่ 2 นี้ เพราะพระนางเป็นบุตรสาวของขุนนางที่เคยเป็นพรรคพวกเหอเซินมาก่อน จึงไม่ไว้วางพระทัย

ในรัชสมัยของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ปรากฏกรณีที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติมาตลอด เช่น เกิดกบฏต่างๆ การที่เวียดนามขอแยกออก
ไปเป็นประเทศเอกราช เป็นต้น ซึ่งพระองค์ทรงใช้ทั้งนโยบายที่ผ่อนปรนและแข็งกร้าวสลับกันไป เช่น การห้ามชาวแมนจูแต่งงาน
กับชาวฮั่นเด็ดขาด หรือ การห้ามชาวคริสต์เผยแพร่ศาสนาเด็ดขาด รวมทั้งการห้ามราษฎรสูบฝิ่นด้วย เป็นต้น ซึ่งสิ่งทั้งหมดเหล่านี้
จะส่งผลต่อความมั่นคงตามมาในภายหลัง

ในปลายรัชสมัย ทรงมีพระพลานามัยอ่อนแอ ด้วยทรงสูงพระชันษาประกอบกับการกลัดกลุ้มพระทัยอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับราชภารกิจ
ทรงสวรรคตในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820) พระชนมายุ 61 พรรษา รวมระยะเวลาที่ได้ทรงครองราชย์ 24 ปี และผู้ที่ครองราชย์สืบ
ต่อมาคือ องค์ชายรอง เหมี่ยนหนิง ภายหลังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิเต้ากวง

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87

66. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 8: ฮ่องเต้เต้ากวง

                    (http://img199.imageshack.us/img199/2526/500daoguang6.png)

สมเด็จพระจักรพรรดิเต้ากวง (อังกฤษ: Daoguang ; จีน: 道光; พินอิน: Dàoguāng) เป็นองค์ชายรองในจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง
เดิมมีพระนามว่า เหมี่ยนหนิง (綿寧) (แปลว่า อาทิตย์อัสดง) แต่ได้เปลี่ยนพระนามใหม่ภายหลังขึ้นครองราชย์ว่า หมิ่นหนิง
(旻宁) (แปลว่า ท้องฟ้า หรือ จักรวาล)

จักรพรรดิเต้ากวง ประสูติจากมเหสีที่มีชื่อว่า พระนางเสี้ยวซู (孝淑皇后) แต่พระมารดาได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ยังเยาว์วัย
จักรพรรดิเจี่ยชิงพระราชบิดาจึงได้สถาปนาเจ้าจอมองค์ใหม่ขึ้นเป็น พระนางเสี้ยวเหอ (孝和皇后) ซึ่งเป็นบุตรสาวขององนาลา
ขุนนางพวกเดียวกับเหอเซิน ที่ทรงไม่ไว้วางพระทัย แต่ทรงทำไปด้วยด้วยเหตุผลทางการเมือง นั่นทำให้จักรพรรดิเต้ากวงเมื่อยัง
ทรงพระเยาว์ก็ไม่โปรดในตัวพระนางด้วยเช่นกัน แม้จะมีศักดิ์เป็นพระมารดาเลี้ยงก็ตาม แต่ได้ทรงเปลี่ยนทัศนะที่มีต่อพระนางใหม่
เมื่อครั้งหนึ่งที่ได้เสด็จไปไหว้เจ้าด้วยกัน และได้มีโจรกบฏกลุ่มหนึ่งมาจับตัวพระองค์และพระนางไปพร้อมกับสามัญชนกลุ่มหนึ่ง
พวกกบฏบังคับให้พระองค์และพระนางบอกว่าใครเป็นใคร หากเงียบ ก็จะให้จ้วงแทงพระนางด้วยมีด พระนางก็ปริปากเงียบไม่ยอมบอก
นั่นจึงทำให้พระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระนางเสี้ยวเหอมากและยอมรับพระนางในที่สุด

จักรพรรดิเต้ากวง ขึ้นครองราชย์ภายหลังการสวรรคตอย่างกระทันหันของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820)
ระหว่างเสด็จแปรพระราชฐานหลบร้อนไปยังเมืองเฉิงเต๋อ ซึ่งได้มีพระราชโองการแต่งตั้งไว้ในพินัยกรรม แต่เนื่องจากการที่
สวรรคตในที่ห่างไกลเมืองหลวง จึงทำให้ องค์ชายสี่ เหมี่ยนซิน พระโอรสองค์เล็กของพระนางเสี้ยวเหอคัดค้านว่า เป็นพินัยกรรมปลอม
และเตรียมการจะก่อกบฏ พระองค์จึงทรงวางแผนโยนไปให้พระนางเสี้ยวเหอตัดสินและได้ขอกำลังทหารส่วนหนึ่งมาคุ้มกัน
ซึ่งพระนางเสี้ยวเหอได้ยอมรับว่า พินัยกรรมนั้นเป็นของจริง และได้ทรงพระราชทานอภัยโทษประหารองค์ชายเหมี่ยนซินไว้

ในรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวง ได้ทรงหาทางกำจัดขุนนางกังฉินและบรรดาขุนนางที่ไม่เอาการเอางาน จึงทำให้เหล่าขุนนาง
ลับหลังจะนินทาพระองค์อยู่เสมอ ๆ และทำให้ขุนนางแบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่ายต่างก็สนับสนุนพระโอรสอันเกิดจากพระมารดา
ที่เป็นชนเผ่าเดียวกับตน แต่พระองค์ก็ได้หาทางบริหารประเทศอย่างเต็มที่ ในรัชสมัยของพระองค์ประเทศเป็นปึกแผ่น
ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่ภายในอ่อนแออันเกิดจากการฉ้อราฎร์บังหลวงที่เป็นระบบกันมานานแต่สมัยจักรพรรดิเฉียนหลง
ในรัชสมัยนี้พระองค์ได้ออกนโยบายให้ทุกคนในวังประหยัด โดยมีพระองค์เป็นแบบอย่าง และเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดคือ
สงครามฝิ่นกับอังกฤษในปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) และ พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) ยุคล่าอาณานิคม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
และนำมาสู่การสูญเสียเกาะฮ่องกงและการล่มสลายของราชวงศ์ชิงในภายหลัง

จักรพรรดิเต้ากวงมีอุปนิสัยส่วนพระองค์คือ โปรดปรานปืนเป็นพิเศษ ได้สวรรคตในปี พ.ศ. 2393 (ค.ศ. 1850) และผู้ครองราชย์
สืบไปคือ องค์ชาย 4 อี้จู่ ภายหลังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิเสียนเฟิง

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%87

67. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 9: ฮ่องเต้เสียนฟง พระสวามีของพระนางซูสีไทเฮา

                     (http://img199.imageshack.us/img199/7324/xianfeng.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิเสียนฟง หรือ เสียนเฟิง(จักรพรรดิเหวินจง) (ภาษาจีนกลาง : 咸豐帝 ภาษาอังกฤษ : Xianfeng)
เป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 9 (นับจากจักรพรรดินูรฮาชี) แห่งราชวงศ์ชิง เป็นราชโอรสองศ์ที่ 4 ของจักรพรรดิเต้ากวง
มีนามเดิมว่า อ้ายซินเจวี๋ยหลัว อี้จู่ หรือองค์ชาย อี้จู่ ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2374 (ค.ศ. 1831) ขึ้นครองราชย์ได้ทั้ง ๆ
ที่มิใช่รัชทายาทองค์เอกที่วางตัวไว้ แต่ว่าพระองค์สามารถเอาชนะใจพระราชบิดาได้ด้วยการออกล่าสัตว์ และพระองค์
ไม่สังหารสัตว์ที่มีลูกอ่อน กล่าวกันว่าพระราชวรกายของพระองค์อ่อนแอมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว จึงมักประชวรบ่อย ๆ

ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2393 (ค.ศ. 1850) ทันทีที่จักรพรรดิเต้ากวงสวรรคต ด้วยพระชนมายุ 19 พรรษา ซึ่งในระหว่าง
ที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ พระราชประเพณีจีนห้ามจักรพรรดิองค์ใหม่มีมหเสีหรือพระสนม และต้องไว้ทุกข์เป็นเวลา
นานถึง 27 เดือน เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์ไปแล้ว จึงมีการเลือกพระสนม โดยองค์ประธาน คือ พระนางหวางไท่โฮว่
พระมเหสีองค์หนึ่งของสมเด็จพระจักรพรรดิเต้ากวง ที่เป็นเสมือนพระมารดาเลี้ยงของพระองค์ที่พระองค์รักเหมือน
พระมารดาแท้ ๆ

ซึ่งพระมเหสีองค์แรกของสมเด็จพระจักรพรรดิเสียงฟง คือ พระนางหนิวฮู่ลู่ (ซูอันไทเฮา) ซึ่งได้รับการสนับสนุน
จากพระนางหวางไท่โฮ่ว

ในสมัยพระองศ์เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ซึ่งส่งผลให้เกาะฮ่องกงตกเป็นของจักรวรรดิอังกฤษโดยสมบูรณ์ และมาเก๊า
ตกเป็นของโปรตุเกส และกบฏไท่ผิง โดย หง ซิ่วฉวน ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศและราชวงศ์

จักรพรรดิเสียนฟง มีพระมหเสีองค์รองอีกหนึ่งพระองค์ ที่ต่อมามีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์ภายหลัง คือ
พระนางซูสีไทเฮา

พระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1861) ด้วยพระชนมายุเพียง 30 พรรษา ด้วยพระโรคที่รุมเร้าจากทรงกลัด
กลุ้มในปัญหาของบ้านเมือง และจักรพรรดิองค์ใหม่ คือ องค์ชายไจ้ฉุน หรือพระนามตอนขึ้นครองราชย์ คือ
จักรพรรดิถงจื้อ

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%87

68. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 10: ฮ่องเต้ถงจื้อ

(http://img44.imageshack.us/img44/4084/002theimperialportraito.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อ มีพระนามเดิมว่า อ้ายซินเจวี๋ยหลัว ไจ้ฉุน เป็นราชโอรสองศ์เดียวในจักรพรรดิเสียนเฟิงกับซูสีไทเฮา
ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนม์มายุ5พรรษา ว่ากันว่าเมื่อพระองค์เติบโต พระองค์ได้ระบายอารมณ์กับเหล่าขันทีและมักจะเข้า
ซ่องเสมอ ทำให้พระองค์เป็นโรคซิฟีลิส ซูสีไทเฮาพิโรธมากถึงกับเอายาแก้โรคหัดมารักษาพระองค์ ทำให้พระองค์
เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2416

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD

69. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 11: ฮ่องเต้กวางสู

                               (http://img33.imageshack.us/img33/3928/400guangxu9.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิกวางซวี (กวางสู้ หรือ กวางสู) พระนามเดิมว่า อ้ายซินเจวี๋ยหลัว ไจ้เถียน (ภาษาจีน: 光绪帝, 愛新覺羅載湉,
พินอิน: Guāngxù, Aixin-Jueluo Zàitián, 14 สิงหาคม 2414–14 พฤศจิกายน 2451) เป็นบุตรของเจ้าชายชุนที่ 1 ซึ่งเป็นอนุชา
ของจักรพรรดิเสียนเฟิง พระราชมารดาคือน้องสาวของซูสีไทเฮา ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ การขึ้นครองราชย์ของพระองศ์
การผิดกฎมณเฑียรบาล เพราะจักรพรรดิถงจื้อก่อนสิ้นพระชนม์ได้แต่งตั้งเจ้าชายไซ่ชูพระญาติรุ่นหลังให้เป็นรัชทายาท แต่ในเมื่อ
พระนางซูสีไท่เฮาต้องการให้กวางสูขึ้นครองราชย์ก็ไม่มีใครกล้าขัด

พระจักรพรรดิกวางสูเป็นโอรสของเจ้าชายชุนที่ 1 และนางชุนฟูจิ้นพระขนิษฐาในพระนางซูสีไทเฮา ดังนั้นพระจักรพรรดิกวางสู
จึงมีศักดิ์เป็นพระนัดดาของพระนางซูสีไทเฮา ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2418 พระจักรพรรดิถงจื้อเสด็จสวรรคตโดยไม่มีพระโอรส
จึงทำให้ต้องมีการเลือกพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ ซึ่ง พระนางซูอันไทเฮา เลือก โอรสของเจ้าชายกง เป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่
แต่พระนางซูสีไทเฮาผู้ครองอำนาจเหนือกว่าในขณะนั้นได้เลือก องค์ชายไจ้เทียน(สมเด็จพระจักรพรรดิกวางสูในอนาคต) โอรส
เจ้าชายชุนที่ 1 ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับพระนางซูสีไทเฮาโดยไม่มีใครแย้ง

สมเด็จพระจักรพรรดิกวางสูขึ้นครองราชย์ในขณะที่มีพระชมเพียง 3 พรรษาเท่านั้น และได้เป็นโอรสบุญธรรมของทั้งพระนางซูสี
และพระนางซูอัน และพระนางทั้งสองก็ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะที่พระจักรพรรดิยังทรงพระเยาว์

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%A7%E0%B8%B5

70. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 12: ฮ่องเต้ซวนถง หรือ ปูยี (ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงค์ชิง)

                               (http://img30.imageshack.us/img30/8018/400puyi10.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดิปูยี (ภาษาจีน: 溥儀; พินอิน: Pǔyí ผู่อี๋) พระราชสมภพ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2449 มีพระนามเต็มว่า
อ้ายซิน เจี๋ยหลอ ปูยี (Aisin-Gioro Puyi, ภาษาจีน: 愛新覺羅 溥儀; พินอิน: Àixīnjuéluó Pǔyí อ้ายซิน เจวี๋ยโหลว ผู่อี๋)
เป็นจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ชาวแมนจูแห่งราชวงศ์ชิง และเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ชิง (นับเริ่มแต่จักรพรรดิซุ่นจื้อ)
และเป็นองค์สุดท้าย (末代皇帝) ของประเทศจีน ถึงแม้ว่าต่้อมานายพลหยวนซือไข่ จะสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ
แห่งจักรวรรดิจีนก็ตามแต่ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของประชาชนว่าเป็นจักรพรรดิจีนองค์สุดท้ายเหมือนปูยี

ปูยี ก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2451 ขณะมีพระชนม์มายุเพียง 2 พรรษา โดยพระนางซูสีไทเฮา
เป็นผู้เลือกปูยีให้เป็นจักรพรรดิ และเริ่มศึกษาวิชาการต่าง ๆ ในขณะที่สังคมภายนอกเริ่มเปลี่ยนแปลง ปูยีอยู่ในเขตพระราชวัง

12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2455 นายพล หยวน ซื่อไข่ ก่อการปฏิวัติขึ้น ปูยีจึงพ้นจากตำแหน่งจักรพรรดิ และเป็นจุดสิ้นสุดระบอบ
จักรพรรดิจีนที่ดำเนินมานานนับพันปี

1 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 จาง ซวิน ทำรัฐประหารแล้วยึดปักกิ่ง ไว้ได้ จึงได้ตั้ง ปูยี ขึ้นเป็นจักรพรรดิที่มีอำนาจ อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่จะสละราชสมบัติอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งเป็นระยะ้วลาการครองราชย์สั้นๆ เพียง 12 วันเท่านั้น

5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467 เฟิง ยู่เสียง ทำการรัฐประหารสำเร็จแล้วก็ได้ขับไล่ปูยีออกจากวังหลังจากนั้นปูยีก็ได้ไปอาศัยอยู่
ในเขตปกครองของญี่ปุ่น ที่เมืองเทียนจิน

9 มีนาคม พ.ศ. 2475 ปูยีดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงใน ประเทศแมนจูกัว ซึ่งเป็นรัฐในปกครองของประเทศญี่ปุ่น
ทางตะวันออกเหนือของดินแดนประเทศจีนในปัจจุบัน

1 มีนาคม พ.ศ. 2477 ปูยีขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูกัว ปูยีถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดจากญี่ปุ่น เพื่อเตรียมการปกครองแมนจูกัว
อย่างเต็มตัวของญี่ปุ่น

15 สิงหาคม พ.ศ. 2489 สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงโดยญี่ปุ่นและฝ่ายอักษะแพ้ แมนจูกัวของญี่ปุ่นล่มสลาย 1 วันต่อมา
ปูยีทรงถูกสหภาพโซเวียตควบคุมตัว และส่งให้กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน หลังจากนั้น จีนก็จำคุกปูยี

ในเรือนจำ ปูยี ต้องทำการวิพากย์ตนเอง ให้คณะกรรมการพรรคคอมมูนิสต์ตรวจสอบว่า จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในระบบคอมมูนิสต์ได้
หลังจากปูยีออกจากเรือนจำ ปูยีก็ดำเนินชีวิตอย่างสามัญชนทั่วไป โดยได้รับมอบหมายให้เป็นภารโรงในพระราชวังต้องห้าม
กู้กงนั่นเอง และเริ่มป่วยเป็นมะเร็งไต และโรคหัวใจ

17 ตุลาคม พ.ศ. 2510 ปูยีเสด็จสวรรคตเยี่ยงสามัญชนในปักกิ่ง ด้วยโรคมะเร็งที่พระวักกะ (ไต) และโรคพระหทัย (หัวใจ)

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B8%A2%E0%B8%B5

71. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 13: The Last Emperor - จักรพรรดิโลกไม่ลืม

                                                    (http://img36.imageshack.us/img36/7633/300pxthelastemperor.jpg)

ในปี พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) ได้มีการฉายภาพยนตร์ชีวประวัติของจักรพรรดิปูยี มีชื่อว่า The Last Emperor หรือในชื่อภาษาไทยว่า
จักรพรรดิโลกไม่ลืม กำกับโดย เบอร์นาโด แบร์โตลุชชี ผู้กำกับชาวอิตาลี ซึ่งภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยได้รับรางวัล
ออสการ์ด้วยกันถึง 9 รางวัล และประสบความสำเร็จในทุกประเทศที่เข้าฉาย

72. ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 14: พระนางซูสีไทเฮา

(http://img199.imageshack.us/img199/8025/thecixiimperialdowagere.jpg)

สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวชิงเสี่ยน (จีน: 孝欽顯; พินอิน: Xiào Qing Xiǎn) หรือ สมเด็จพระจักรพรรดินีฉือสี่ พระพันปีหลวง
(จีน: 慈禧太后; พินอิน: Cíxǐ Tàihòu; เวด-ไจลส์: Tz'u-Hsi T'ai-hou, ฉือสี่ไท่โฮ่ว) หรือที่รู้จักกันในประเทศไทยว่า "ซูสีไทเฮา"
[ประสูติ: 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1835 (พ.ศ. 2377); สวรรคต: 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2450)] ทรงเป็นราชนิกุล
ชาวแมนจูในประวัติศาสตร์จีนสมัยราชวงศ์ชิง โดยทรงเป็นพระราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศจีนโดยพฤตินัยถึงสี่สิบแปดปี
และเมื่อสวรรคตแล้วไม่นานราชวงศ์แมนจูและระบอบราชาธิปไตยในจีนก็ถึงกาลสิ้นสุดลง

เรื่องราวของซูสีไทเฮาเกิดขึ้นในช่วงกลางรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาเจษฏาบดินทร์ฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวถึง
ปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของไทย

เรื่องของพระนางมีความเกี่ยวพันกับฮ่องเต้หลายองค์ นับตั้งแต่ ฮ่องเต้เสียงฟง องค์ที่ 9 เป็นต้นมา รายละเอียดสามารถอ่านได้
จากวิกิพีเดียที่
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%B2

73. หยวน ซื่อ ไข่ หรือ หยวน ซี ไข ผู้โค่นบัลลังก์ฮ่องเต้ราชวงค์ชิง 15

                         (http://img2.imageshack.us/img2/9761/400yuanshikai.jpg)

หยวน ซื่อไข่ (จีนตัวเต็ม: 袁世凱; จีนตัวย่อ: 袁世凯; พินอิน: Yuán Shìkǎi; เวด-ไจลส์: Yüan Shih-k'ai)
(16 กันยายน พ.ศ. 2402 – 6 มิถุนายน พ.ศ. 2459) เป็นประธานาธิบดีคนที่สองของสาธารณรัฐจีน ผู้โค่นล้ม
ราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ โดยได้รับการสนับสนุนทัพจาก ดร. ซุน ยัตเซน และดร.ซุน ยัตเซน ก็ได้มอบอำนาจการ
บริหารประเทศให้กับนายพลหยวนซื่อไข่ บางครั้งอาจกล่าวได้ว่า ท่านเป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน

                                         (http://img223.imageshack.us/img223/2507/85082194.jpg)

อย่างไรก็ตาม หลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปได้ระยะหนึ่ง ความคิดจะปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้ก็เกิดขึ้น
นำมาสู่การริดรอนอำนาจ และมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้บริหารประเทศของพรรคก๊กมินตั่งอีกครั้งหนึ่ง

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99_%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%88

74. ฮ่องเต้ไร้บัลลังก์ 1

(http://img36.imageshack.us/img36/6440/600kq.jpg)

                          ไม่เคยมีฮ่องเต้องค์ไหน ฉายรูปพร้อมพระชายา...เลยไม่ถูกแต่งตั้ง....ฮา
                          ฮ่องเต้ไปอยู่เมืองสี่แคว.......ส่วนพระชายาต้องไปอยู่เมืองสองแคว...55

75. ฮ่องเต้ไร้บัลลังก์ 2

(http://img3.imageshack.us/img3/945/kq1w.jpg)

อุตสาห์ปีนกำแพงเมืองจีนเข้ามา แต่หลงไหลได้ปลื้มกับการถ่ายรูป ลืมไปยึดพระราชวัง ป่านนี้ไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้..??

คณะซีมะโด่งทัวร์ พี่นพ' และทุกท่านครับ

ขอเชิญโพสต์รูปทัวร์ปักกิ่ง หรือข้อความ ต่อเติมได้เลยครับ

131
ขอเชิญชมรูปต่อ ชมแบบเพลินๆ ตามลำดับวันเวลาที่ถ่ายรูปมา

รูปอาจจะเยอะหน่อย แต่บางคนอาจจะชอบ หรืออาจจะอยากได้รูปของตนเก็บไว้


ตอนเช้า ด้านหลังของพระราชวังกู้กง มีกรุ๊ปทัวร์อื่นจะเข้าชม พร้อมๆกันกับกรุ๊ปทัวร์ของพวกเรา


(http://image.ohozaa.com/i2/ke131.jpg)

132
ถ่ายรูป  ...อืมมม  มัน ของแหง ๆ


(http://image.ohozaa.com/i3/2h132.jpg)

133
คุณวัตสัน พงศ์วราภา


(http://image.ohozaa.com/iv/ez133.jpg)

134
(http://image.ohozaa.com/ik/8s134.jpg)

135
มาย แฟร์ เลดี้ ... อาจารย์แจ่มใส


(http://image.ohozaa.com/i1/q5135.jpg)

136
อาจารย์เซฟ ..ภาพนี้เคยลงในกระทู้แล้ว


(http://image.ohozaa.com/ie/1q136.jpg)

137
(http://image.ohozaa.com/ip/8e137.jpg)

138
ไกด์ชาญชัย กับทรงผม เท่


(http://image.ohozaa.com/iq/38138.jpg)

139
ไกด์อธิบาย จะมีคนฟังมากหรือน้อย ผมก็ไม่รู้
เพราะผมมัวแต่เพลิดเพลินกับการถ่ายรูป


(http://image.ohozaa.com/ix/qp139.jpg)

140
คุณเหยง มีสมาธิฟังข้อมูลจากไกด์


(http://image.ohozaa.com/io/xd140.jpg)

141
(http://image.ohozaa.com/in/qz141.jpg)

142
และแล้วพวกเราก็เดินเข้าประตูพระราชวัง
แม้จะเป็นประตูพระราชวังด้านหลัง แต่ก็ สวยงามอลังการ


(http://image.ohozaa.com/ih/3v142.jpg)

143
(http://image.ohozaa.com/in/re143.jpg)

144
มีเก้าอี้ แต่ใครเล่าจะสน
คงจะเหมาะสำหรับกรุ๊ปที่เดินจากด้านหน้ามาด้านหลัง กระมัง?


(http://image.ohozaa.com/ia/od144.jpg)

145
ถ่ายรูปกัน


(http://image.ohozaa.com/i2/r8145.jpg)

146
กวางดำ


(http://image.ohozaa.com/ie/m8146.jpg)

147
(http://image.ohozaa.com/i2/ya147.jpg)

148
ขอลงรูปกวางดำ เยอะหน่อย
เพราะทั้งทริปนี้ ผมถ่ายรูปกวางดำไว้น้อยครั้ง


(http://image.ohozaa.com/id/24148.jpg)

149
(http://image.ohozaa.com/ij/8r149.jpg)

150
รูปภาพอาจจะสื่อเรื่องราวได้  บางรูปจึงขอไม่ต้องพากย์


(http://image.ohozaa.com/is/nd150.jpg)

151
(http://image.ohozaa.com/ii/pa151.jpg)

152
(http://image.ohozaa.com/is/yd152.jpg)

153
(http://image.ohozaa.com/ij/bj153.jpg)

154
เดินเข้ามาเจอกำแพงสูง ประตูเข้า สามประตูใหญ่
ประตูนี้ เป็นประตูกลาง


(http://image.ohozaa.com/ik/b7154.jpg)

155
เห็นมะ กำแพงสูง
ประตูเดิมเมื่อครู่ แต่ถ่ายอีกมุม


(http://image.ohozaa.com/iv/5y155.jpg)

156
ประตูด้านซ้าย


(http://image.ohozaa.com/iv/m8156.jpg)

157
มีสามประตู แบบนี้


(http://image.ohozaa.com/ie/zc157.jpg)

158
เข้ามาแล้ว จึงเห็นเป็นสวน มีต้นไม้เก่าแก่โบราณที่ยังคงมีชีวิต


(http://image.ohozaa.com/ix/28158.jpg)

159
รูปปั้นช้างสัมฤทธิ์ปิดทอง  


(http://image.ohozaa.com/iy/ht159.jpg)

160
ข้อมูล ขอเชิญท่านอื่นช่วยเล่า ..ขอขอบคุณ


(http://image.ohozaa.com/iz/08160.jpg)

161
ไกด์ชาญชัย เล่าข้อมูลไม่หยุด


(http://image.ohozaa.com/ih/x3161.jpg)

162
โฮะ โฮะ ใครไม่มองทรงผม  คนนั้นคงจะแปลกคน


(http://image.ohozaa.com/i0/pn162.jpg)