Cmadong Chula

เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น => ห้องสนทนาประสาพี่น้อง => ข้อความที่เริ่มโดย: Samrotri2517 ที่ 04 กรกฎาคม 2552, 16:10:13



หัวข้อ: "วิธีสอนลูกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 04 กรกฎาคม 2552, 16:10:13

(http://img217.imageshack.us/img217/1116/88253881.jpg)

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"

 emo26:D emo26:D emo26:D

อาจารย์มีวิธีสอนลูกอย่างไร

กับลูกสอนประจำว่า

“จงมีความสุข”  

ไม่มีคำสอนอะไรที่มากกว่านี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

ให้เขาทำทุกอย่างที่เขามีความสุข แต่ไม่ต้องเบียดเบียนใคร

ทุกวันนี้สังคมไทยชอบพอกพูนกิเลสให้แก่ลูก เด็กถูกพ่อแม่

ถูกสังคมยัดกิเลสให้ไม่รู้จักพอ อยากได้ อยากดี อยากเด่น

อยากทุกอย่าง แต่เราหยิบยื่นความสุขให้แก่ลูก

บอกเขาว่าไม่ต้องเคร่งเครียดในการเรียนมาก ไม่เคี่ยวเข็ญลูก

ไม่จำเป็นต้องได้ที่หนึ่ง แต่จงเรียนอย่างมีความสุข ให้ผ่าน

ให้รอดพอ ข้างหน้าจะเป็นยังไงลูกไม่ต้องใฝ่ฝัน

ไม่ต้องอยากเป็นหมอ ไม่ต้องอยากเป็นอะไรที่คนอื่นเขาอยากเป็น

ลูกจงถามใจของตัวเองว่า ลูกปรารถนาอะไรที่เป็นความสุข

แล้วจงทำสิ่งนั้น ลูกไม่ต้องไปสนใจว่า

อาชีพอะไรที่ทำให้ลูกร่ำรวย อย่านึกถึงความร่ำรวย

จงนึกถึงความสุขในใจของตัวเอง แล้วจงทำมัน

ได้เงินน้อยไม่เป็นไร แต่ความสุขมีค่ามากกว่า

จงแสวงหาเงินเพื่อเลี้ยงชีวิตให้มีความสุข แต่ไม่ใช่แสวงหา

ความร่ำรวยแล้วทุกข์ เสียชาติเกิด

แล้วสอนให้เขารู้จักความทุกข์ด้วยหรือเปล่า

แน่นอน เมื่อเขามีความสุขแล้วเราก็จะพูดถึงความทุกข์ทันที

จะบอกเขาว่า ขณะนี้ลูกมีความสุข แต่ลูกจะต้องมีความทุกข์ตามมา

เป็นต้นว่า ทุกข์เมื่อเสียของรัก ถูกเพื่อนขโมยของ หรือโตขึ้นมา

มีแฟนแล้วแฟนทิ้ง เมื่อลูกมีความสุข จะพูดถึงความทุกข์ให้ฟังด้วย

ไปงานศพต้องพูด ใครตายต้องพูด เพื่อให้เห็นการพลัดพราก

ยิ่งเพื่อนตายยิ่งดีเลย เขาจะได้รู้จักว่า ดีเลว สุขทุกข์ คู่กันเสมอ

สนใจดูเพิ่มเติม เนื้อหาทั้งหมดได้ที่
 
http://www.dhamma4u.com/index.php/section-blog/41-2008-11-18-07-46-11/250-2009-06-23-04-48-30 (http://www.dhamma4u.com/index.php/section-blog/41-2008-11-18-07-46-11/250-2009-06-23-04-48-30)

 emo31:bye: emo31:bye: emo31:bye:



หัวข้อ: Re: "วิธีสอนลูกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"
เริ่มหัวข้อโดย: too_ploenpit ที่ 06 กรกฎาคม 2552, 07:49:27
...ถ้าลูกคิดได้อย่างนี้ก็ดีสิ...พี่ก็ไม่อยากให้ลูกเครียด...คิดแต่เรื่องเรียนเก่งๆและหาเงินเก่งๆ...
...บางคนเรียนเก่ง...จบออกมาแล้วมีอาชีพดีๆ...แต่วางตัวเหมือนเทวดา...
...แถวบ้านพี่มีเยอะเลย...ถึงมาจากสีเดียวกัน...แต่ก็ไม่มีโซตัส...
...หรือมาจากสีอื่น...แต่ก็ไม่มีอาวุโส...อย่างนี้เค้าเรียกว่า...คนลืมตัว...ใช่มั้ยคะ...


หัวข้อ: "วิธีสอนลูกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 กรกฎาคม 2552, 22:13:59
...ถ้าลูกคิดได้อย่างนี้ก็ดีสิ...พี่ก็ไม่อยากให้ลูกเครียด...

คิดแต่เรื่องเรียนเก่งๆและหาเงินเก่งๆ...

...บางคนเรียนเก่ง...จบออกมาแล้วมีอาชีพดีๆ...

แต่วางตัวเหมือนเทวดา...

...แถวบ้านพี่มีเยอะเลย...ถึงมาจากสีเดียวกัน...

แต่ก็ไม่มีโซตัส...

...หรือมาจากสีอื่น...แต่ก็ไม่มีอาวุโส...

อย่างนี้เค้าเรียกว่า...คนลืมตัว...ใช่มั้ยคะ...

.....................................................

ขอปรับทุกข์กับ พี่ตู่ และ ชาวซีมะโด่งทุกคนว่า

จะไปโทษเด็กไม่ได้ ในเมื่อ เด็กเหมือนผ้าขาว

เมื่อได้รับสีย้อมใดก็จะเป็นผ้าสีนั้น

(http://img91.imageshack.us/img91/6370/kobnokkala.jpg)

เปรียบเหมือนกบจะเกาะดอกบัว แต่สถานการณ์ไม่

เหมาะสมให้สามารถเกาะดอกบัวได้

ตามที่ คุณดังตฤณ เขียนใน บ.ก.ธรรมะใกล้ตัว ว่า

ในเมื่อสังคมยังยกย่องเรื่องเรียนเก่งๆและหาเงินเก่งๆ...

เด็กที่เกิดมาในสังคม ก็ย่อมยกย่อง ตามไปด้วย

และ ผม เสนอวิธีแก้ได้ด้วยการที่สร้างสังคม โดย

ทุกคนต้องเปลี่ยนทัศนคติให้

ยกย่องความดีมากกว่ายกย่องผลประโยชน์  

ตาม

พระราชดำรัสของพระราชบิดา

“..ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง

ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง

ลาภ ทรัพย์ เกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง

ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”

ที่กระทู้

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3379.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,3379.0.html)

ถ้าจะรอให้เกิดขึ้นเอง  emo29:P: คงต้องรอชาติหน้าตอนบ่าย ๆ  

ถ้าจะให้เกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นเร็ว ต้องอาศัยสภาพบังคับ ซึ่ง

ศ.น.พ.ประเวศ วะสี แพทย์/ราษฏรอาวุโส เสนอว่า

ถ้าจะแก้สิ่งยาก ๆ เหมือนการย้ายภูเขา จะต้องใช้

สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา  มาใช้แก้ คือ

สามเหลี่ยมมี 3 ด้าน

ด้านที่ 1.ด้านความรู้ หมายถึง ต้องให้ผู้เกี่ยวข้อง

กับสิ่งยาก ๆ ที่ต้องการแก้ ได้เข้าถึงความรู้เรื่องนั้น ได้แก่ ด้านจริยธรรม

จนเกิดทัศนคติ และ เกิดการเปลี่ยนแปลง

ด้านที่ 2. ด้านการรวมตัวกันของผู้ที่ได้รับ

ความรู้ เกิดทัศนคติ และ ต้องการเปลี่ยนแปลง

ตามข้อ 1.สร้างวัฒนธรรมของการอยู่รวมกันขึ้น

ยกย่องคุณธรรมมากกว่ายกย่องเงิน

ใครไม่ปฏิบัติตามจะดูแปลกแยกไม่มีบทลงโทษ

ด้านที่ 3. ด้านออกสภาพบังคับให้เป็นไปตามที่ต้องการ

โดย ออกกฏระเบียบมีการลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติดัวย

เช่น ออกระเบียบ ให้มีคะแนนคุณธรรม ใน ร.ร.เพื่อใช้ประกอบ

การรับเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย

ที่คิดจะทำให้มี แต่เงียบไป

ตัวอย่างการใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาที่ผมเสนอคือ

การทำให้ประชาชนมีแพทย์ประจำตัว ไว้ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

และ มีสถานที่ปฏิบัติงานเข้าพบง่ายใกล้บ้าน ใกล้ใจ ที่

ในอนาคตอีกนานไหม หมอสำเริง

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1882.0.html (http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,1882.0.html)

 emo4:)) emo4:)) emo4:))


หัวข้อ: "คนเอเชียมองครอบครัวสำคัญ ช่วง ศก.แย่"
เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 20 ธันวาคม 2552, 17:17:40

(http://img197.imageshack.us/img197/6538/67014176.jpg)

คนเอเชียมองครอบครัวสำคัญช่วง ศก.แย่

น.ส.พ.เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 18 ธันวาคม 2552

         วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกรย์กรุ๊ป บริษัทสื่อสารการตลาดระดับโลก สอบถามชาวเอเชียมากกว่า 33,000 คน ใน 16 เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งไทย

พบว่า ร้อยละ 95 ให้ความสำคัญแก่ครอบครัวเป็นอันดับแรก

ร้อยละ 80 ปรารถนาว่า จะใกล้ชิดกับคนในชุมชนเดียวกันให้มากขึ้น

         นางจารุ ฮาริช ผู้อำนวยการการวางแผนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของเกรย์กรุ๊ป ระบุว่า

         วิกฤติสินเชื่อทำให้ชาวเอเชียเปลี่ยนทัศนะจากการยึดตัวเองเป็นยึดส่วนรวม หลายคนรู้สึกว่า สิ่งรอบตัวเปลี่ยนไปทั้งเศรษฐกิจ และการเมือง รู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน สิ่งเดียวที่พึ่งได้ คือ ครอบครัว แม้ชาวเอเชียส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อนหนักเหมือนชาวอเมริกัน และชาวยุโรป แต่ก็หนีวิกฤติเศรษฐกิจไม่พ้นเช่นกัน

         ผลการสำรวจพบว่า ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย เช่น เวียดนาม บังกลาเทศ อินเดีย จีน รู้สึกผูกพันกับชุมชนมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วในเอเชียอย่างญี่ปุ่น อาจเป็นเพราะขาดโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ชุมชนเป็นแหล่งสร้างความอุ่นใจ ผู้ตอบที่เป็นพ่อแม่คนเกือบทุกคนเป็นห่วงว่า

         ชีวิตสมัยใหม่ทำให้บุตรหลานโตเร็วเกินไป และรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ มากเกินไป ผู้ตอบ 2 ใน 3 เผยว่า แม้ว่า มีแหล่งข้อมูลท่วมท้น พวกเขามักขอคำแนะนำจากครอบครัว และเพื่อนฝูงในการตัดสินใจซื้อของ หรือเลือกสถานที่ท่องเที่ยว บริษัทวิจัย ระบุว่า เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า

         การตลาดแบบปากต่อปากมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคนี้ และควรเน้นครอบครัว หรือชุมชนมากกว่าตัวบุคคล เพราะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคชาวเอเชีย

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=310&contentID=38232 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=310&contentID=38232)

 emo4:)) emo4:)) emo4:))

สายใยรักในครอบครัวจะ่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แย่ได้

 emo26:D emo26:D emo26:D


หัวข้อ: Re: "วิธีสอนลูกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"
เริ่มหัวข้อโดย: เจษฎา ที่ 20 ธันวาคม 2552, 19:12:05
สวัสดีครับพี่สำเริง ดีใจมากครับที่ได้ทราบว่ายังมีผู้เชิดชูความสุข จริยธรรมเหนือวัตถุ นอกกระแสคนส่วนใหญ่ที่มืดบอด
มองไม่เห็นความสุขที่อยู่ตรงหน้าแต่ไปไขว่คว้าหาเงาที่ไม่มีอยู่จริง


หัวข้อ: Re: "วิธีสอนลูกของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"
เริ่มหัวข้อโดย: Pae ที่ 23 มกราคม 2553, 09:29:55
ชอบแนวทางนี้เช่นกันครับ