Cmadong Chula

เรือนประจำรุ่น อบอุ่นทุกสมัย => รุ่น 2539 => ข้อความที่เริ่มโดย: ppornson ที่ 29 มกราคม 2550, 20:31:16



หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 29 มกราคม 2550, 20:31:16
กลับมาอีกครั้ง..ขอสถาปนาตัวเองเป็นเซียนโต้งอีกครั้งหนึ่ง..หลังจากเข้าวงการขายพระเต็มตัว..

แล้วจะเอาประวัติองค์จตุคามมาลงให้เป็นความรู้เพื่อนๆพี่ เดี๋ยวจะตกรถไฟ..(train)

ถึงน้องหลิม..สำหรับของแถมที่มรึงต้องการดูต้องขอโทษด้วย..เพราะกรูขายหมดแล้ว..

แต่พระรุ่นอื่นๆ..เรื่องวัด..เรื่องไสยศาสตร์..หรือเรื่องความเชื่อต่างๆ ก็มาแสดงความเห็นกันได้นะ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Joker_rcu79 ที่ 29 มกราคม 2550, 22:07:19
เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเพื่อนโต้งเป็นเซียนพระเหมือนกัน
ส่วนผมพอรู้งูงูปลางะ แบบว่าชอบแต่ไม่มีตังค์ (เมียไม่ชอบ)
ส่วนองค์จตุคามที่ดังเพราะกำนันที่ใต้ใส่แล้วโดนยิงไม่เข้าใช่ปะเพื่อน

joker


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 30 มกราคม 2550, 12:42:10
อ้าว....จองไว้ตั้งนานแล้ว ไหงทำเงี้ย...เซ็งโครตเลยเซียนโต้ง
วันที่ 10 ต้องทำโทษ...

 :evil:  :evil:  :evil:


เคืองมาก ๆ พี่น้องท้องไม่ชนกัน...เซ็งสุด ๆ  :evil:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 30 มกราคม 2550, 19:00:28
ไม่ใช่โว้ย..เวลาขายเนี่ยะ..มันจำเป็นต้องขายยกชุดเพราะกรูไม่มีเวลามาแบ่งขาย..แล้วแบ่งขายย่อยๆกรูก็ขายไม่ได้อีก..มันเลยต้องจำใจ..เสียดายนะเนี่ยะไม่ใช่ไม่เสียดาย..

แต่ตอนนี้กรูจองรุ่นใหม่ไว้แล้ว..สวยโคดๆ..หลายลูกเหมือนเดิม..รุ่นรวยไม่เลิก..ไว้ค่อยให้ทีหลังแล้วกัน..

แต่สงสัยกระทู้นี้จะมีแค่กรูกับมรึงนะไอ้หลิม..จริงๆเอาเรื่องอื่นๆแบบว่าเล่าเรื่องผีก็ได้นะ..จะได้หลากหลายหน่อย..

ส่วนองค์จตุคามที่ดังเพราะตัวท่านเอง..และไอ้ที่โดนยิงหนแรกน่ะ..โดนซ้ำไปอีกดอกแล้วล่ะ..ตายสนิท..

สรุปว่าพระก็ช่วยไม่ได้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 31 มกราคม 2550, 09:39:52
แ้ล้วขายไปทั้งหมด...ไ้ด้เท่าไหร่...

คุ้มค่ากับการร่วมลงทุนด้วยมั้ย.....แล้วรุ่นโครตรวยอะไรเนี่ย หารูปให้ดูหน่อยซิ

วันก่อนไปเดินเล่น รุ่นของผม 7 พันแล้วครับพี่น้อง... :P  :P


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 31 มกราคม 2550, 10:19:23
เซียนโต้ง ตอนพี่ไปเที่ยวเชียงใหม่พี่สิงห์13 ห้อยพระจตุคามรามเทพด้วยและให้ความรู้เกี่ยวกับท่าน เพราะพี่สิงห์กลายเป็นหนุ่มเมืองคอนแล้ว   พี่สิงห์บอกว่า รุ่นปี 30 นี่เป็นหลักล้านแล้ว  :shock:  ก็เลยอ้อนซะหน่อยว่า ช่วยหาให้น้องสักองค์เหมือนกัน อิอิ

รออยู่นะคะพี่สิงห์  :oops:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 31 มกราคม 2550, 14:53:39
อ้างจาก: "iamfrommoon"
เซียนโต้ง ตอนพี่ไปเที่ยวเชียงใหม่พี่สิงห์13 ห้อยพระจตุคามรามเทพด้วยและให้ความรู้เกี่ยวกับท่าน เพราะพี่สิงห์กลายเป็นหนุ่มเมืองคอนแล้ว   พี่สิงห์บอกว่า รุ่นปี 30 นี่เป็นหลักล้านแล้ว  :shock:  ก็เลยอ้อนซะหน่อยว่า ช่วยหาให้น้องสักองค์เหมือนกัน อิอิ

รออยู่นะคะพี่สิงห์  :oops:


ถ้าพี่ปุ๊กกี้หาได้...เผื่อผมด้้วย เดี๋ยวเลี้ยงใหญ่เลย..

อยากได้มาก ๆ  :lol:  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 31 มกราคม 2550, 19:04:34
ขายไป 30000 ครับไอ้น้อง..พอใจมั๊ย..

เมื่อตอนปี 30 ลูกละ 49 บาทครับ..ส่วนตอนนี้สถิติโลกทำไว้ที่ 2.5 ล้านครับ..

ตอนนั้นไล่แจกยังไม่มีคนเอาเลย..เหมือนโดนบังคับให้รวย..

ส่วนประวัติและรูปภาพขอเวลานิดนึงนะน้องหลิม..เดี๋ยวไปดูบอลไทยก่อน..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2550, 17:11:00
จำได้ตอนนั้นเพื่อนโต้งโพสไว้องค์จตุคาม

เราก็สนใจนะ ก็หาข้อมูลเรื่อยๆ ว่าจะเช่าอยู่ แต่แบบว่าไม่มีเวลามากนัก

แต่พอ รายการโทรทัศน์มาออก หรือว่ามีคนให้ข่าวเยอะ

ราคาเลยไปกันใหญ่เลย

เราก็แบบ อืม....ไม่เป็นไรอ่ะ


แล้วถ้าแบบพวกลูกประคำ หรืออะไรที่ใช้แทนสายสร้อย เซียนโต้งจะแนะนำอะไรได้บ้างเปล่าอ่ะ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2550, 09:32:43
อ้างจาก: "หลิม 81"
ถ้าพี่ปุ๊กกี้หาได้...เผื่อผมด้้วย เดี๋ยวเลี้ยงใหญ่เลย..

อยากได้มาก ๆ  :lol:  :lol:


อ้อน พี่สิงห์ไว้แล้วครับ เมื่อวานก่อนพี่สิงห์มาคุยใน Forum "คุยกันประสาพี่น้อง" หล่ะ แล้วก็เขียนตามนี้เลย ถ้าอยากได้เร็วพี่ว่า หลิมไปงานวันที่ 22 ก.พ.ดิ่ เขาน่าจะแจกเป็นที่ระลึกนะเนี่ย อิอิ

อ้างจาก: "manopkd"
สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่สิงห์   ตอนนี้หายดีเกือบจะปกติแล้วครับ ทำงานอยู่ที่นครศรีฯ ตอนนี้อยากเชิญชวนผู้ที่สนใจจะมาเที่ยวนครศรีธรรมราชครับ  น้ำตกกรุงชิงกำลังน่าเที่ยวครับ ผมกำลังหาโอกาสไปสำรวจก่อนครับ

วันที่ 22 กุมภาพันธ์  2550 นี้จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์  ราชเดช    ผู้ที่เป็นต้นกำเนิดในการจัดทำ พระ  จตุคามรามเทพ ของนครศรีธรรมราช ครับ ใครอย่ากได้พระดีต้องไปงานนี้ครับ[/color]


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2550, 14:48:09
แล้วท่านmax จะเอาแบบที่เกี่ยวกับองค์จตุคามด้วยรึเปล่า..

มันก็พอมีนะ..เป็นลูกปัด..ของปี 30 เล่นกันน่าจะหลักพันต้นๆ แต่ว่าดูยากมากๆ..ปลอมเพียบ..

ถ้าจะไม่เกี่ยวก็ลองดูเป็นพวกกะลาตาเดียวก็ได้..บางคนเค้าก็ห้อยเหมือนกัน..

ส่วนที่เป็นสร้อยอย่างเดียวน่ะ..นึกไม่ออก..

ส่วนงานศพท่านขุนพันธุ์ต้องดูด้วยครับว่าสายไหนสร้าง..เพราะลูกชายขุนพันธุ์ 2 คน..ก็ทะเลาะกันเองเรื่องสร้างจตุคามนี่แหละครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2550, 14:51:46
เซียนโต้งอย่าลืมเรื่องธุรกิจทีเราคุยกันไว้ด้วยละ...สำคัญมาก (พุทธพานิช)



ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร.... :twisted:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2550, 23:14:32
เห็นกระทู้ข้างบน นู้น ... พี่มานพ (พี่สิงห์) พี่หอ ที่อยู่เมืองนคร..
บอกว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ของ นายตำรวจ ที่เป็นคน ทำพิธี ก่อสร้าง องค์จตุคามรามเทพ รุ่นแรก น่ะ

บอกไว้เป็นข่าวนะคับ

 :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: MahDee ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2550, 15:52:00
เห็นข่าวมันเข้ากะกระทุ้นี้ เลยเอามาลงครับ  :lol:  :lol:

-----------------------------------------------

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สุดฮิตในรอบปี “จตุคามรามเทพ” วัดช่องแสมสาร ปลุกเสกในเรือรบกลางอ่าวแสมสาร เรือประมง 149 ลำ ล้อมวงพระเถระปลุกเสกยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ประชาชน ทั่วสารทิศศรัทธาแห่บูชา

       (http://pics.manager.co.th/Images/550000001608501.JPEG)

       หลังจากที่พระครูวิสารทสุตากร เจ้าอาวาสวัดช่องแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้จัดสร้างจตุคามรามเทพ รุ่นมรดกมหาเศรษฐี และได้ทำพิธีปลุกเสกมาแล้ว 8 อ่าวในแดนภาคใต้ ซึ่งอ่าวแสมสารเป็นอ่าวที่ 9 จึงได้จัดให้มีพิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่ได้รับการสนับสนุนเรือรบมัตโพน หมายเลข 761 เป็นเรือปลุกเสกโดยมีเกจิอาจารย์จากแดนใต้ แดนอีสาน ภาคตะวันออก ทำพิธีปลุกเสกภายในเรือ และมีเรือประมงจำนวน 149 ลำ นำเกจิ อาจารย์นั่งหัวเรือปลุกเสกล้อมรอบเรือรบ ขณะทำพิธีปลุกเสกประชาชนที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บนบกได้เห็นปรากฏการณ์เป็นลำแสงพุ่งในเรือรบทำให้เกิดศรัทธาแก่ประชาชนอย่างมาก
       
       วันนี้ (6 ก.พ.) สถานการณ์ภายในวัดช่องแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปรากฏว่าได้มีประชาชนจากทั่วสารทิศแห่กันมาเช่าบูชาจตุคามรามเทพ เพราะมีความเชื่อมั่นว่าได้มีพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน อีกทั้งชาวประมงที่ ต.แสมสาร ได้ร่วมกันทำบุญทะเล งดทำบาปในวันปลุกเสกจตุคามรามเทพ 1 วัน ซึ่งทางวัดได้จัดสร้างไว้เป็นสีประจำวัน มีรุ่นพิเศษสีประดู่ และมีส่วนผสมของไม้ประดู่ ด้านหน้าเป็นรูปจตุคามรามเทพ ด้านหลังเป็นรูป พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บิดาแห่งราชนาวีไทย หรือที่เราเรียกว่า เสด็จเตี่ย เป็นรุ่นนิยมที่สุดทหารเรือและผู้ที่อยู่หัวเมืองชายทะเลได้แห่กันมาเช่าบูชา
       
       โดยขณะนี้รุ่นนี้ใกล้หมดจากวัด ถ้าบูชาภายในวัดองค์ละ 299 บาท แต่ด้านนอกขณะนี้ให้ราคากันกันถึงองค์ละ 1,500 บาท
       
       พระครูวิสารทสุตากร เจ้าอาวาสวัดช่องแสมสาร เปิดเผยว่า สำหรับรายได้จากการจัดสร้างจตุคามรามเทพในครั้งนี้เพื่อหารายได้ในการยกพระอุโบสถที่ถูกน้ำท่วม สร้างศาลาการเปรียญและสร้างเมรุเผาศพไร้ควัน ต้องใช้ปัจจัยหลายสิบล้านบาท และสาเหตุที่ประชาชนให้ความนิยมจตุคามรามเทพรุ่นนี้ เพราะทางวัดได้กระทำตามพิธีศาสนาอย่างถูกต้องตามโบราณ ปลุกเสกมวลสารในอ่าวถึง 8 อ่าว และอ่าวที่ 9 เป็นพิธียิ่งใหญ่ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเพื่อนำรายได้มาก่อสร้างศาลาการเปรียญยกพระอุโบสถให้พ้นน้ำต่อไป
       
       ขณะนี้ได้มีประชาชนจำนวนมากปล่อยข่าวว่าวัตถุมงคลได้หมดจากวัดไปแล้วให้บูชาต่อในราคาแพงมาก ขอยืนยันว่าขณะนี้ที่วัดยังให้บูชาราคาองค์ละ 299 บาทเท่านั้น


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2550, 19:40:35
ตัวอย่างรุ่นรวยไม่เลิกนะ..ไอ้น้องหลิม..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2550, 10:11:29
สวยมากครับ..และอยากได้ด้วย..

ขอแบ่งได้อะป่าว...


ยามสุขร่วมเสพ ยามทุกข์ร่วมต้าน. :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2550, 13:38:19
ยามสุขร่วมเสพ..ยามเพื่อนทุกข์..กรูอยู่บ้าน..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550, 10:34:25
วันก่อนได้พูดคุยกับคนที่เค้าบูชาครุฑ..เลยนึกถึงเพื่อนแครมมขึ้นมา..

ครุฑ..เป็นพาหนะของพระนารายณ์..(จึงมีปางนารายณ์ทรงสุบรรณ) เคยต่อสู้กันกับพระนารายณ์แต่ไม่มีผู้ชนะ..พระนารายณ์เลยให้สิทธิ์กับครุฑ เสมือนหนึงเป็นตัวแทนของพระนารายณ์...

ครุฑมีไว้สำหรับป้องกันผู้ที่คิดไม่ดี..ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย..คนประสงค์ร้ายก็จะย่อยยับกลับไป..

ตราครุฑจึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์หลายอย่าง..รวมถึงตัวแทนพระเจ้าอยู่หัว..

กรูถึงเข้าใจแล้วล่ะ..ว่าทำไมไอ้แครมมถึงต้องห้อยครุฑ..เพราะดูท่าจะมีคนประสงค์ร้ายกับมัน..(โดยเฉพาะในบอร์ดนี้..)เยอะเลย..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 08:18:16
ถถ.....ถูกต้องนะคร้าบ
แถมห้อยไว้ข้างหลังด้วย
กันโดนแทงข้างหลัง

แฮะๆ พูดเล่นก๊าบ ที่ห้อยเพราะสวยดีครับ
ไม่ได้อะไรมากหรอก พระอยู่ที่ใจ

ตาแคม  8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 08:25:15
โต้งครับ...

เมื่อวานไปงาน "วันคล้ายวันเกิดพี่สิงห์13" พี่สิงห์เล่าให้ฟังว่า

สมัยรุ่นแรกปี 2530 ตอนนั้นใครไปทำบุญที่วัดก็หยิบเอาจากพานที่เขาวางไว้ คนก็ไม่ค่อยหยิบกัน

แล้วก็มีคนที่ทำนากุ้งที่นับถือ เอาท่านไปฝังไว้ในที่ดินที่ทำนากุ้ง เชื่อมั้ยคะว่า "ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง" มาก

พอท่านเป็นที่นิยมมากๆ ต่างก็รีบไปขุดขึ้นมาไว้บูชากันใหญ่ (หรือกลัวหายก่อนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ)

พี่สิงห์นำ "หลวงพ่อทวดเงิน กับ ทอง" มามอบให้ซีมะโด่งที่ไปกันเมื่อคืนนี้ทุกๆ ท่านด้วยค่ะ ที่สำคัญพี่สิงห์บอกว่า "เดี๋ยวจะหาให้เอ็ง เป็นแบบ สแตมป์" เพราะผู้หญิงเขาจะห้อยกันแบบนี้  :oops:

ส่วนหลิมครับ...

พี่ confirm กับพี่สิงห์อีกรอบครับ อ้อ พี่สิงห์เอามาให้พี่กุศล15 รุ่น "สรงน้ำ" สวยจังเลย...วันนี้พี่สิงห์เดินทางกลับไปบ้านหลังที่ 2 ที่นครศรีฯ แล้วกั๊บ

 :lol:  8)  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 13:06:55
โอ้..เจ๊..ถ้าเจ๊ได้เหรียญแสตมป์เผื่อผมบ้างก็ดีนะคร้าบบบบบ..

ตอนนี้ราคาอยู่ที่หลักพันต้นๆ..และเป็นทรงสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มาก..ผู้หญิงเลยนิยมห้อยกัน..

ส่วนงานศพขุนพันธ์..ถ้าผู้ใดได้เหรียญมา..บอกก่อนได้เลยพี่..ว่าผมจะขอเช่าต่อ..หุ หุ..

ส่วนรุ่นแรกนั้น..จริงๆเพิ่งหมดจากวัดประมาณปี 44 นี่เองครับ..ตั้งแจกอยู่ในวัดเป็น 10 ปี..

ก็เหมือนตอนที่ท่านประกาศไว้ตอนเข้าทรงว่า..พระของท่านจะดัง..เมื่อครบ 12 ปีนักษัตร..

เอาไว้มีความรู้เรื่องเทพ..เรื่องพระเกจิ..เครื่องลาง..อะไรต่างๆจะโพสต์เพื่อเป็นความรู้แล้วกัน..

อ้อ..วันอาทิตย์ที่ 18 นี้เรือด่วนเจ้าพระยามีจัดทริปไปไหว้พระหลายแห่ง..รวมถึงองค์จตุคามที่วัดพุทธไธศวรรย์ ด้วย..ราคา 999 บาท..ไปหลายวัดเลย..ผู้ใดสนใจโทร02-6236001-3 เด้อ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 14:25:45
ขอเอาเรื่อง "พระเครื่อง" ของพี่ที่ทำงานมาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ

เรื่องมันมีอยู่ว่า.........(จบ ละ  :lol:  :lol: )...(นามสมมติพี่ม. แล้วกันนะคะ)

   พี่ม. คนนี้เค้าไม่ได้เป็นคนในวงการพระเครื่องเล้ยยย...และไม่เคยรู้เรื่องพระเครื่องเลยเช่นกัน....

  เช้าตรู่วันหนึ่ง...มีเด็กแถวบ้านพี่เค้า...เอาพระ 2 องค์ (ลักษณนามไม่แน่ใจคะ... :x )มาขายด้วยราคาองค์ละ 500 บาท พี่ม. ก้อส่ายหัว เพราะความไม่ชอบทางนี้ ด้วยความที่เด็กน้อยคนนี้อาจจะร้อนเงินเลยบอกพี่ม. ว่า "เอ้า... องค์ละ 100 ละกันพี่"

 ความใจบุญของพี่ม. ยังมีอยู่บ้าง เลยซื้อมา แล้วเก็บ(ตาย) ไว้ในเก๊ะรถ ตลอดมา..... :?

 จนกระทั่งวันนึง....ขณะรอแฟน เรียนภาษาที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ย่านงามวงศ์วาน...ใจก้อพาลนึกสงสัยว่า "เอ๊ะ! พระที่เราเก็บไว้ประมาณ 2 ปี นี้พระอะไรกันน้า :?: "

 เลยตรงรี่ เขาไปถามที่ร้านรับเช่าพระเครื่องว่า " พี่ :!:  พระนี้คือพระอะไรครับ "

 พี่เจ้าของร้านก้อบอกรายละเอียดมาให้เสร็จสรรพ แล้วยังถามกลับมาว่า "จะใช้เช่าหรือเปล่า :?: (หมายถึง จะขายมั้ยครับ :?: ) ด้วยความที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ประกอบกับว่าตอนที่ซื้อมาก้อราคา องค์ละ 100 เท่านั้นเอง ขายจะได้เท่าเนี้ยะ :?:

 แต่พี่ม.ก้อตัดสินใจลองถามราคาดู...เจ้าของร้านก้อบอกว่า..."เอางี้นะน้อง ต้องเข้าใจนะว่าพี่รับเช่า(รับซื้อ) ราคาก้อต้องประมาณนี้แหละนะ อย่าคิดมาก พี่ให้ 80,000 ละกัน

 :shock:  :shock:  :shock:  :shock:  :shock:  :shock:

WOWWWWWWWWwwwwwwwwww

 อึ้งเลยอะ..... แต่พอตั้งสติได้ ก้อไปถามอีกร้านที่เค้าให้เช่าพระแบบเดียวกันนี้....
สรุปว่าราคาจะอยู่ที่...140,000 บาท O--HO----- :shock:  :shock:

 ซื้อมา 100 เดียว แต่ราคา 80,000 บาท 5555555
 สรุปว่า พี่เค้าก้อไม่ขาย แต่เลี่ยมทองเอาไว้เฉยๆ เพื่อเป็นบุญ
  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พี่ม. ก้อกลายเป็นเซียนพระ โดยปริยาย

  Believed it or not ?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Joker_rcu79 ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 16:52:44
ถามเพื่อนโต้งคร้าบ


แบบว่ามีประสบการณ์ว่า เคยไปให้ที่นึงดูบอกว่าแท้  อีกที่บอกไม่แท้ เลยงงว่ะที่ไหนดูแท้ไม่แท้ อีกที่เขาเลยบอกมาเขาบอกว่าถ้าใครดูพระว่าของเราแท้เนี่ยให้ลองให้เขาเสนอราคาเช่ามาใช่ปะครับ :?

joker


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 17:22:00
ถึงเซียนโต้งทีรัก  :lol:

ฝากหาบูรณะเจดีย์ลาย 50 ให้ด้วยครับ อยากได้


คนนอกวงการ :roll:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550, 22:32:58
ตอบเพื่อนโจ๊ก..

...การนำพระไปให้เซียนต่างๆดูดังกล่าว..ศัพท์ในวงการเรียกว่า..แห่พระ...ครับ..

แล้วเซียนพระเนี่ยะ..จำไว้เลยครับ..ว่าไม่มีใครเก่งทุกรุ่น..ทุกสาย..

อันดับแรกเราต้องพอรู้ว่า..พระของเราเป็นพระอะไร..แล้วต้องหาเซียนสายตรงครับ..เค้าจะแม่นมากกว่า..ถ้าเซียนสายตรงบอกว่าไม่ชอบ..สัก 2-3 คน..ก็แสดงว่ามีปัญหา..อาจจะแท้ก็ได้นะครับ..แต่เค้าเรียกว่า..แท้ดูยาก..เค้าไม่ค่อยอยากเสียเครดิตกันเท่าไหร่ก็เลยมักจะออกตัวแบบนี้..

ดังนั้น..หาเซียนพระสายตรงดีกว่า..หรือถ้าเราคิดว่าพระเรามีราคา..ก็ส่งเวลาเค้ามีการประกวดก็ได้..เค้าเรียกว่า..เซอร์พระ..องค์ละประมาณ 200 บาท ถ้าเป็นพระแท้..เค้าจะออกประกาศนียบัตรให้ด้วย..(ไม่จำเป็นต้องสวยขนาดได้รางวัล..)

ถึงน้องหลิม..งานนี้ตัวใครตัวมัน..กรูยังหาไม่ได้เลย..(ไม่มีตังค์แล้วด้วยว่ะ..)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าบอล ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550, 00:55:06
อ้างจาก: "party"
ขอเอาเรื่อง "พระเครื่อง" ของพี่ที่ทำงานมาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ

เรื่องมันมีอยู่ว่า.........(จบ ละ  :lol:  :lol: )...(นามสมมติพี่ม. แล้วกันนะคะ)

   พี่ม. คนนี้เค้าไม่ได้เป็นคนในวงการพระเครื่องเล้ยยย...และไม่เคยรู้เรื่องพระเครื่องเลยเช่นกัน....

  เช้าตรู่วันหนึ่ง...มีเด็กแถวบ้านพี่เค้า...เอาพระ 2 องค์ (ลักษณนามไม่แน่ใจคะ... :x )มาขายด้วยราคาองค์ละ 500 บาท พี่ม. ก้อส่ายหัว เพราะความไม่ชอบทางนี้ ด้วยความที่เด็กน้อยคนนี้อาจจะร้อนเงินเลยบอกพี่ม. ว่า "เอ้า... องค์ละ 100 ละกันพี่"

 ความใจบุญของพี่ม. ยังมีอยู่บ้าง เลยซื้อมา แล้วเก็บ(ตาย) ไว้ในเก๊ะรถ ตลอดมา..... :?

 จนกระทั่งวันนึง....ขณะรอแฟน เรียนภาษาที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ย่านงามวงศ์วาน...ใจก้อพาลนึกสงสัยว่า "เอ๊ะ! พระที่เราเก็บไว้ประมาณ 2 ปี นี้พระอะไรกันน้า :?: "

 เลยตรงรี่ เขาไปถามที่ร้านรับเช่าพระเครื่องว่า " พี่ :!:  พระนี้คือพระอะไรครับ "

 พี่เจ้าของร้านก้อบอกรายละเอียดมาให้เสร็จสรรพ แล้วยังถามกลับมาว่า "จะใช้เช่าหรือเปล่า :?: (หมายถึง จะขายมั้ยครับ :?: ) ด้วยความที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ประกอบกับว่าตอนที่ซื้อมาก้อราคา องค์ละ 100 เท่านั้นเอง ขายจะได้เท่าเนี้ยะ :?:

 แต่พี่ม.ก้อตัดสินใจลองถามราคาดู...เจ้าของร้านก้อบอกว่า..."เอางี้นะน้อง ต้องเข้าใจนะว่าพี่รับเช่า(รับซื้อ) ราคาก้อต้องประมาณนี้แหละนะ อย่าคิดมาก พี่ให้ 80,000 ละกัน

 :shock:  :shock:  :shock:  :shock:  :shock:  :shock:

WOWWWWWWWWwwwwwwwwww

 อึ้งเลยอะ..... แต่พอตั้งสติได้ ก้อไปถามอีกร้านที่เค้าให้เช่าพระแบบเดียวกันนี้....
สรุปว่าราคาจะอยู่ที่...140,000 บาท O--HO----- :shock:  :shock:

 ซื้อมา 100 เดียว แต่ราคา 80,000 บาท 5555555
 สรุปว่า พี่เค้าก้อไม่ขาย แต่เลี่ยมทองเอาไว้เฉยๆ เพื่อเป็นบุญ
  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พี่ม. ก้อกลายเป็นเซียนพระ โดยปริยาย

  Believed it or not ?


ไม่อยากคิดว่าเด็กคนนั้นขโมยมาขายเลยครับ
เจ้าของพระคนก่อนคนช้ำใจน่าดู


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550, 08:29:02
อ้างจาก: "ป๋าบอล"


ไม่อยากคิดว่าเด็กคนนั้นขโมยมาขายเลยครับ
เจ้าของพระคนก่อนคนช้ำใจน่าดู


เด็กคนนี้ เค้ามีพ่อสะสมพระเครื่อง และ มีเพื่อนทำงานกรมศิลปากรคะ ... พี่ป๋าบอล... :lol:
  :lol:  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋าบอล ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550, 10:46:29
อ้างจาก: "party"
อ้างจาก: "ป๋าบอล"


ไม่อยากคิดว่าเด็กคนนั้นขโมยมาขายเลยครับ
เจ้าของพระคนก่อนคนช้ำใจน่าดู


เด็กคนนี้ เค้ามีพ่อสะสมพระเครื่อง และ มีเพื่อนทำงานกรมศิลปากรคะ ... พี่ป๋าบอล... :lol:
  :lol:  :lol:

งั้น..คงโดนพ่อเตะขาเดี้ยงไปแล้วมั้ง


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550, 17:44:56
อ้างจาก: "ป๋าบอล"
อ้างจาก: "party"
อ้างจาก: "ป๋าบอล"


ไม่อยากคิดว่าเด็กคนนั้นขโมยมาขายเลยครับ
เจ้าของพระคนก่อนคนช้ำใจน่าดู


เด็กคนนี้ เค้ามีพ่อสะสมพระเครื่อง และ มีเพื่อนทำงานกรมศิลปากรคะ ... พี่ป๋าบอล... :lol:
  :lol:  :lol:

งั้น..คงโดนพ่อเตะขาเดี้ยงไปแล้วมั้ง


หรือไม่ก็ถูกเนรเทศออกจากบ้านไปแล้ว  :oops:
น่าสงสาร กะว่าจะำทำบ้าง


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550, 22:13:39
ไอ้น้องหลิมกะจะทำเมื่อไหร่ยังไงบอกกรูล่วงหน้าก่อนนะ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: MahDee ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550, 10:43:24
ภาพที่เป็นข่าวครับ

พี่ ๆ น้อง ๆ คิดเห็นอย่างไรกับภาพนี้บ้างครับ

(http://img403.imageshack.us/img403/9095/o51588620mm7.gif)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550, 12:36:56
เห็นรูปนี้แล้วก็อึ้งนะ..

มันจะเป็นเวลาเราถ่ายแสงน้อยๆ..ตั้งความไวสูงๆ แล้วยืนถ่ายน่ะ..เคยได้ภาพแบบนี้บ่อยๆ..

แต่ทำไมมันดันไปเหมือนรูปคนและชุดที่ขุนพันธ์ใส่เวลาเข้าพิธีบ่อยๆก็ไม่รู้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550, 13:50:43
อึ้งด้วยคน เพราะว่ากล้องดิจิตอลนี่ทำเอาเองได้ยากส์ (ใช่ปะมะดีกับโก๋) เพราะมัน REAL TIME เอาเป็นว่า ไม่เชื่อ แต่อย่าลบหลู่ จะดีกว่าค่ะ

เซียนโต้งคับ...

เมื่อกี้พี่สิงห์โทร.มาว่า หาแสตมป์ให้พี่ได้รุ่น 108 ปีขุนพันธุฯ ค่ะ บอกว่าจะเลี่ยมให้ด้วย (น่าจะอภินันทนาการนะเนี่ย  :oops: )  อยากทราบรายละเอียดรุ่นนี่ด้วยครับ จะได้เป็นเกร็ดความรู้ให้คนอื่นๆ ที่อ่านในกระทู้นี้ด้วยค่ะ
 :lol:  8)  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: MahDee ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550, 14:01:19
ในความเห็นของผมก็คือ ภาพนี้มีโอกาสเกิดได้ในกรณี สภาพแสงน้อย ทำให้ speed shutter ต่ำ คาดว่าน่าจะถ่ายโดยใช้ flash mode  slow sync การถ่ายแบบนี้วัตถุต้องนิ่ง และ มือต้องนิ่ง (ส่วนมากจะใช้ขาตั้ง) หากวัตถุขยับ และ มือไม่นิ่ง มีโอกาสจะเกิดภาพแบบนี้ได้เสมอครับ  :D

ที่เห็นเหมือนขุนพันธ์นั้น ผมว่าเป็นความบังเอิญของญาติ ๆ หรือใครที่อยู่บริเวณนั้นครับ เพราะดูชุดแล้วคล้าย ๆ กับคนแถวนั้น 2-3 คนที่ใส่ชุดขาวอยู่ด้านหลังครับ

ก็วิเคราะห์เล่น ๆ ตามประสานะครับ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ใครแต่อย่างใด  :lol:  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550, 14:29:36
ก็เป็นไปได้นะ..น่าคิดเหมือนกัน..เพียงแต่ท่าทางที่เป็นภาพซ้อนมันเหมือนนั่งหันหน้าออกมาเลยอ่ะ..

ส่วนพี่ปุ๊กกี้..เหรืยญแสตมป์จะเป็นเหรียญทรงสี่เหลี่ยม ขนาดคล้ายๆแสตมป์ รุ่นที่พี่ได้ในวงการเรียกว่า รุ่น 9 รอบ 9 พิธี..รู้สึกว่าราคาจะประมาณ 2000 อะไรประมาณนี้นะ..ที่ได้ชื่อรุ่นนี้เพราะได้ผ่านการทำพิธีมาถึง 9 ครั้ง..และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ทันขุนพันธ์ก่อนจะเสียชีวิต..

ราคาไปโลดแล้วครับ..รู้สึกว่าแรกๆราคาแค่หลักร้อยน่ะครับ..ไอ้คุณน้องหลิมก็ให้ผมหารุ่นนี้ให้อยู่..แต่เป็นพิมพ์อื่นน่ะครับ..

สรุปว่าเจตนาดี..พิธีดี..ไว้ใช้ติดตัวครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550, 14:39:16
้ต้องให้ปรมาจารย์เรื่องภาพถ่ายมาวิจารณ์...

ส่วนเรื่อง 9 รอบ 9 พิธี จัดให้ด่วนครับ


คนมีประสบการณ์ 8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550, 01:03:24
หลิมลองดูอันนี้ไหม  รุ่นสุวรรณภูมิก็สวยนะ  รายละเอียดการสร้างก็ดี

http://www.jatukarm-ramatep.com/cattalog/room_jtk3.html

เซียนโต้ง รุ่นเพชรสมุยเป็นไงบ้างอ่ะ เห็นสวยดีครับ

แล้วก็ชอบรุ่นเคลือบสุวรรณภูมิน่ะ สวยดี ราคาน่าจะเท่าไหร่อ่ะ


เพิ่งได้รุ่นนี้มาอ่ะครับ บอกว่ารุ่นเฮงหมื่นประการ มีรูปถ่ายตอนประกอบพิธีด้วยครับ

ได้มาจากร้านพี่ชายของพี่ที่ออฟฟิศอีกทีน่ะครับ  น่าจะไว้ใจได้อยู่ :wink:

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=4453


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Jib Jib ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550, 01:30:12
แบบว่าช่วยอธิบายให้หนูเข้าใจหน่อยว่า รูปอะไรเหรอ? เห็นอะไรกันเหรอ?


เจ้าหนูจำไม  :?:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550, 17:12:14
ดูข่าวคนไปแย่งของที่ระลึกกันเมื่อวาน

เห็นแล้วเซ็งครับ
แต่ไม่ขอวิจารณ์

จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวกระทำ

ตาแคม


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2550, 21:59:44
รุ่นเพชรสมุย..ช่างเค้าเถอะครับ..ตอนนี้ออกกันมาชุลมุนไปหมด..

ส่วนรุ่นปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิก็ใช้ได้..แต่ราคาค่อนข้างแพงมากแล้ว..

ส่วนงานขุนพันธ์ก็เซ็งเช่นกัน..พ่อได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน..ก็ไปกับแม่..โทรมาบอกว่าบรรยากาศน่ากลัวมาก..แบบว่าถ้าล้มลงไปก็โดนเหยียบตายแน่..ขนาดได้รับเชิญไปก็โดนแย่งที่นั่งหมดจนไม่มีที่..พ่อเราก็แค่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ร่วมทำพิธีกับคนดีคนหนึ่งก็อยากอยู่ให้จบงาน..ก็ต้องยืนไป..พอฟ้าชายกลับ..ทหารหายหมด..คนแห่เข้ามาพังเต็นท์หมด..เจ้าของงานเอาไม่อยู่..พ่อกับแม่เกือบเป็นลม..กว่าจะหลุดออกมาได้เกือบแย่..

ไม่รู้ว่าเราจะเป็นอย่างนี้อีกนานมั๊ย..ความไม่เป็นระเบียบของคนไทย..พระที่จะแจกในพิธีก็มีมาขายอยู่ที่งามวงศ์วานก่อนทำพิธีซะอีก..อย่างนี้มันหมายความว่ายังไง..

เซ็งเหมือนกัน..

ส่วนเพื่อนๆพี่ที่สนใจ..กรุณาเช็คข้อมูลกับผมในเวปก่อนได้ครับ..(ไม่จำเป็นต้องเป็นจตุคามนะ..) เพราะเดี๋ยวนี้มีเยอะมากจนมั่วไปหมด..ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 100 รุ่น..ดีบ้าง..มั่วบ้าง..ปนกันไป..ถ้าผมเช็คข่าวได้ก็จะบอกให้..

ส่วนรุ่นเฮงหมื่นประการ...ไม่เคยได้ยินครับ...

ไอ้น้องหลิม..สำหรับ 9 รอบ 9 พิธีกำลังจีบให้อยู่ 2 ลูก..เค้าจะเช็ครายการที่เค้ามีก่อน..อาจได้ขาวปัดทอง 1 ลูก ..ลดพิเศษ(ท้องตลาด 7000 อาจเหลือ 5000) ได้ข่าวยังไงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง..

เอาเรื่องอื่นๆกันก็ได้นะ..เรื่องพระอย่างเดียวเดี๋ยวจะไม่ค่อยรู้เรื่องกันเท่าไหร่..แบบน้องมะดีที่เปิดประเด็นอื่นๆให้ก็ดี..จะได้กว้างขวางออกไปหน่อย..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550, 09:23:03
อ้างจาก: "ppornson"

ไอ้น้องหลิม..สำหรับ 9 รอบ 9 พิธีกำลังจีบให้อยู่ 2 ลูก..เค้าจะเช็ครายการที่เค้ามีก่อน..อาจได้ขาวปัดทอง 1 ลูก ..ลดพิเศษ(ท้องตลาด 7000 อาจเหลือ 5000) ได้ข่าวยังไงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง..

เอาเรื่องอื่นๆกันก็ได้นะ..เรื่องพระอย่างเดียวเดี๋ยวจะไม่ค่อยรู้เรื่องกันเท่าไหร่..แบบน้องมะดีที่เปิดประเด็นอื่นๆให้ก็ดี..จะได้กว้างขวางออกไปหน่อย..


เอามาเลยครับลูกพี่ อยากได้ใจจะขาดอยู่แล้ว

ปล. งานนี้ไม่มีเงินเชื่อครับ สดไปเลย 8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550, 17:14:15
ชายไทยครับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550, 00:35:46
มีคนโพสรายละเอียดรุ่นของผมล่ะ  :wink:

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=4738

แล้ววัดมะม่วงขาวอ่ะ เซียนโต้ง

อะไรๆ ก็อยากได้ไปหมด :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550, 08:48:54
อ้างจาก: "Max"
มีคนโพสรายละเอียดรุ่นของผมล่ะ  :wink:

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=4738

แล้ววัดมะม่วงขาวอ่ะ เซียนโต้ง

อะไรๆ ก็อยากได้ไปหมด :wink:


พี่ MAX ก้อเป็นไปกะเค้าด้วยเหรอคะ...ความศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ :P


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550, 12:54:09
วัดมะม่วงขาวก็ใช้ได้นะ..พิธีเดียวกับเจดีย์รายตอนที่ขุนพันธ์ยังร่วมทำพิธีได้อยู่..

เรื่องพิธีถือว่าดี..เรื่องราคายังไม่แพง..ส่วนรูปแบบก็ทั่วๆไป..

ถือว่าเอาไว้บูชาได้คับ..เปรียบเสมือนนิสสัน..รถดี..ราคาไม่ค่อยแพง..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550, 17:33:14
ผมอยากรู้ประวัติพระระฆังหลังฆ้อนที่ใส่อยู่อะครับ ppornson ช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยได้มั๊ยครับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550, 17:34:56
ผมอยากรู้ประวัติพระระฆังหลังฆ้อนที่ใส่อยู่อะครับ ppornson ช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยได้มั๊ยครับ

ขอโทษครับพิมพ์เร็วไปหน่อยตกคำว่าพี่ไปครับ :oops:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550, 00:35:07
อ้างจาก: "party"
อ้างจาก: "Max"
มีคนโพสรายละเอียดรุ่นของผมล่ะ  :wink:

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=4738

แล้ววัดมะม่วงขาวอ่ะ เซียนโต้ง

อะไรๆ ก็อยากได้ไปหมด :wink:


พี่ MAX ก้อเป็นไปกะเค้าด้วยเหรอคะ...ความศักดิ์สิทธิ์ไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ :P



ก็เด็กต่างจังหวัดนี่คะ  เป็นผู้ชายมันต้องมีของดีติดตัวบ้างเจ้าค่ะ...
ไปดูรูปที่พี่ฝึกหัดถ่ายได้ที่ http://thanaratb.multiply นะครับ ฝีมือยังห่วยๆ อยู่นะครับ
แต่จะตามน้องดีให้ทันอ่ะ  แหะๆ :wink:


ได้วัดมะม่วงขาวมาล่ะเซียนโต้ง ลูกสีแดงครับ  ตอนนี้อยากได้แบบเคลือบน้ำทองอ่ะครับ
ได้แบบพีธีดีๆ ก็พอใจแล้วอ่ะครับ :wink:

แต่สงสัยว่าพิมพ์กดในพิธี ทำไมถึงแพงมากจัง... ใครกดเหรอ??


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 01 มีนาคม 2550, 17:02:35
เอาเวบมาโชว์บ้าง
(มีแต่ชื่อนะ ยังไม่เสร็จ)

www.BardTower.com

แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ (หุหุ)

ตาแคม 8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 01 มีนาคม 2550, 19:23:41
พระวัดระฆังหลังฆ้อน..ขอแปะไว้ก่อนนะ..เพราะไม่ได้เล่นสายนี้..เดี๋ยวจะลองถามๆดูให้..ส่วนใหญ่เคยผ่านแต่ปี 09 ประเภทเกศทะลุซุ้มอะไรประมาณนั้น..

ส่วนไอ้เวปนี้มันเวปอะไรวะเนี่ยะ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 02 มีนาคม 2550, 08:00:19
Ppornsan

พี่สิงห์มาถามว่า ใครต้องการพระจตุคามฯ บ้างในสนทนาประสาพี่น้อง "ชาวกุมฯ" น่ะค่ะ..พี่สิงห์ใจดีมากเลยหล่ะ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 02 มีนาคม 2550, 14:07:18
ไว้ว่างๆจะแวะไปดูคร้าบบ..

ส่วนวัดระฆังหลังฆ้อนเนี่ยะ..ได้ข้อมูลเพิ่มมาว่าเป็นพระที่เล่นหากันพอสมควรครับ..ถือว่าเอาไว้บูชาติดตัวดีมาก..เนื่องจากว่า..เป็นพระที่สร้างจากเนื้อที่เค้าใช้หล่อพระพุทธชินราชน่ะคับ..เพราะฉะนั้นชนวนในการสร้างพระดังกล่าว..ก็จะเข้าพิธีเดียวกันกับการสร้างพระพุทธชินราช..ถือว่าผ่านพิธีที่ดีเลยล่ะครับ..สบายใจได้..(ถ้าแท้นะ..)

ราคาเล่นหาปัจจุบันไม่ทราบจริงๆเนื่องจากไม่ได้ตามเลยครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 05 มีนาคม 2550, 13:40:12
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับรุ้ข้อมูลแล้วยิ่งนับถือมากยิ่งขึ้นผมชอบพระที่ประวัติการสร้างดีและพิธีดีครับแต่ยังดูไม่ค่อยเป็นหรอกนะครับ ที่ใส่อยู่ก็มีระฆังหลังฆ้อนกับ 25 พุทธศตวรรษ ล่าสุดที่พึ่งเช่ามาเป็นเหรียญสมเด็จพระนเรศวรรุ่นสู้...ได้มาองค์ละ100 แต่เห็นราคาในเว็บเป็น 200-300 บาททั้งๆที่ที่กรมศุลกากร คลองเตยยังมีอยู่เลยนะครับ ใครสนใจรีบๆนะครับเห็นในเว็บกรมศุลบอกเหลือน้อยครับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 05 มีนาคม 2550, 20:06:37
โอ้..น้องครับ..

ใครแนะนำให้ห้อย 25 ศตวรรษครับ..เยี่ยมไปเลย..

เป็นความรู้นะครับ..ตั้งแต่มีประเทศไทยมา..พระ 25 ศตวรรษ เป็นพระที่ประกอบพิธีที่ใหญ่ที่สุด..และดีที่สุด..สมัยนั้นเกจิอาจารย์อยู่ครบ..เรื่องพุทธคุณหายห่วง

ราคาไม่แพง..เนื่องจากสร้างเป็นจำนวนมากเหลือเกิน..จนป่านนี้ยังไม่หมดวัดเลยมั้ง..แต่ถ้าเป็นพิมพ์พิเศษเช่นชนิดมีเข็ม..ก็ราคาประมาณ 800-1000 บาท

บูชาติดตัว..ถือว่าเยี่ยมเลยครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 05 มีนาคม 2550, 20:26:49
ถึงไอ้น้องหลิม..

แนะนำ 2 รุ่น..รวยค้ำฟ้า..รุ่นนี้ยอมเช่าบวกไปเหอะ..กับรุ่นเจ้าสัวยุค 8 แนะนำเล่นชุดกรรมการไปเลย..เปิดตัวสิ้นเดือน...เฮง เฮง..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 06 มีนาคม 2550, 08:05:01
ม่ายค่อยรุ้เรื่องพระกับเค้าหรอก
แต่เมื่อวานไปนั่งคุยกับลูกค้าเก่ามา
เข้าเอาออกมาให้ดู 3 องค์

มีรุ่นพังผกา (เปล่าหว่า) ของวัดมะม่วงขาว
แล้วก้อ รุ่นศาลหลักเมือง อะไรซักอย่าง
แล้วก้ออะไรก้อไม่รู้ ที่เป็นจตุคามเหมือนกัน แต่ข้างหลังเป็ภาษาจีนอ่ะ

ตาแคม
(ดูไปงงไป แต่ก้อคุยกับเค้าไปเรื่อยๆ หุหุ)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 06 มีนาคม 2550, 09:32:23
ถึงเซียนโต้ง ผมเพิ่งกลับบ้านมา พ่อไปได้หลวงปู่ทวดมาีอีก 1 องค์...ไม่รู้ว่าไปกินเหล้าแล้วได้มาไง..น่าจะเป็นของแท้ครับ..(ยังดูไม่ขาด) ว่าง ๆ จะเอาไปให้ดู..


ปล. การกินเหล้ากับพวกเล่นพระมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง... :P


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.EggMan ที่ 06 มีนาคม 2550, 11:33:40
"การดื่มสุรา ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงาน ของสิ่งศักดิ์สิทธิ ลดลง 40%"

สสส.


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 06 มีนาคม 2550, 17:48:20
อ้างจาก: "ppornson"
ถึงไอ้น้องหลิม..

แนะนำ 2 รุ่น..รวยค้ำฟ้า..รุ่นนี้ยอมเช่าบวกไปเหอะ..กับรุ่นเจ้าสัวยุค 8 แนะนำเล่นชุดกรรมการไปเลย..เปิดตัวสิ้นเดือน...เฮง เฮง..


ถึงเซียนโต้งที่รัก เรื่องใบจองคงต้องรบกวนเซียนโต้งด้วยนะครับ...เพราะว่าผมคงไม่มีปัญญาไปหาเองเป็นแน่แท้ (ไม่ทันชาวบ้านเค้าหรอก)


จัดไปเลยชุดกรรมการชุดใหญ่ :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 11 มีนาคม 2550, 13:22:26
อ้างจาก: "apirat"
ม่ายค่อยรุ้เรื่องพระกับเค้าหรอก
แต่เมื่อวานไปนั่งคุยกับลูกค้าเก่ามา
เข้าเอาออกมาให้ดู 3 องค์

มีรุ่นพังผกา (เปล่าหว่า) ของวัดมะม่วงขาว
แล้วก้อ รุ่นศาลหลักเมือง อะไรซักอย่าง
แล้วก้ออะไรก้อไม่รู้ ที่เป็นจตุคามเหมือนกัน แต่ข้างหลังเป็ภาษาจีนอ่ะ

ตาแคม
(ดูไปงงไป แต่ก้อคุยกับเค้าไปเรื่อยๆ หุหุ)



ตาแคม คล้ายๆ องค์สีดำตาม link นี้เปล่า เรามีองค์นึงน่ะ

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=4738

วัดมะม่วงขาว เรียกว่าพังพะกาฬ  (ไม่แน่ใจสะกดถูกเปล่า) อันนี้เรามีลูกสีแดงน่ะ

ตอนนี้อยากได้สรงน้ำ กับ เงินไหลน่ะ :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 12 มีนาคม 2550, 08:33:40
ถึง Max
ใช่เลย ตามรูปอ่ะคับ แต่เป็นองค์สีขาวอ่ะ
เป็นไงบ้างองค์นี้ แพงเป่า
(จะได้รู้สึกดี ที่ได้จับของแพง เหอ เหอ)

ตาแคม


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 12 มีนาคม 2550, 20:09:47
รุ่นนี้ไม่ได้ตาม...มิทราบราคา..

เค้าเรียกปิดตาพังพกาฬน่ะ..ตัวเอง..

มีการตีความมากมายเกี่ยวกับคำว่า..พังพกาฬ..ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Tritti_83 ที่ 13 มีนาคม 2550, 08:35:28
ตามมารอฟังเรื่องเล่าครับ.... :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 13 มีนาคม 2550, 19:33:11
ด้านหนึ่ง..

คำว่า..พัง..หมายถึงการทำลาย ...

พระกาฬ..หมายถึง..ความมืด..และพ้องกับคำว่า กาล..ที่แปลว่า..กาลเวลา..กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง..อีกนัยหนึ่งคือ...พระราหู..เป็นตัวแทนของความมืดมิด ความมัวเมา ความลุ่มหลง กิเลสต่างๆ

พังพระกาฬ...ก็คือการทำลายความมืด..เอาชนะวัฏจักรแห่งกาลเวลา..เอาชนะความมัวเมา..กิเลสต่างๆ

รูปพระปิดตามีความหมายว่าการบำเพ็ญเพียร ปิดป้องจากกิเลสทั้งปวง คิดดี..มีสติ..นั่นเอง..

ยังมีมุมอื่นๆไว้ค่อยเล่าอีก..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 15 มีนาคม 2550, 18:48:18
ตามแคม...

ก็ยังไม่แพงมากนะสีขาวน่าจะ 3-4 พันได้น่ะ

ของเราตอนได้มาได้มาที่ 2,000 บาทน่ะ

ขึ้นยิ่งกว่าหุ้นอีกน่ะ  ขึ้นอย่างเดียว  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 17 มีนาคม 2550, 22:15:51
ลุยกันเข้าไป..พี่น้อง..ช่วงนี้มาแรง..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 18 มีนาคม 2550, 17:28:15
อืม อยากรู้เหมือนกันว่า จะแรงได้นานเปล่าน่ะ

หลังๆ มาเนี่ยรุ่นอะไรเต็มไปหมดก็ไม่รู้  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 19 มีนาคม 2550, 21:53:09
ทุกอย่างเป็นวัฏจักร..ธุรกิจมีขึ้นมีลง..แต่ความศรัทธาคงอยู่ยาวนาน..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: BaBoon ที่ 22 มีนาคม 2550, 16:45:54
มีใครรู้จักพระนาคปรก-จตุคามรามเทพ รุ่นปกป้องคุ้มครองบ้างคับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 22 มีนาคม 2550, 18:47:25
โดนมาแล้ว....ครับ...เนื้อหยก ชุดเล็ก และใหญ่...บายใจไป 16,000 บาท


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 23 มีนาคม 2550, 11:01:01
ขอให้ท่านโชคดี..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 03 เมษายน 2550, 19:47:56
รอ... ร๊อ... รอ

เพชรสมุยอยู่ครับ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 04 เมษายน 2550, 19:16:23
ช่วงนี้ทำใจ..รอพระประมาณ 3 เดือน..กว่าจะออก..

นี่เพิ่งรู้ว่าพี่เอ..ก็บ้าพระอีกคน..วันก่อนโทรมาคุยซะยาวเหยียด..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 04 เมษายน 2550, 19:19:24
พี่เอ เหรอ...อืม :wink:

เพิ่งคุยกับพี่ที่ออฟฟิศมาน่ะ แกบอกว่าเมียแกเป็นคนเห็นผีน่ะ

คืออยู่ที่ว่าจะพูดให้ฟังรึเปล่าว่าเห็นอะไรบ้าง

หลังๆ มาเห็นบอกว่าเช่า ท้าวเวสสุวรรณ มาห้อยแล้วดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

นี่ขนาดตอนเช้าๆ ก็มารบกวนถึงเตียงเลยน่ะ มาขอส่วนบุญน่ะ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 05 เมษายน 2550, 14:51:37
ผมเป็นคนให้เบอร์เพื่อนโต้งกับพี่เอไปเองแหละ
วันนั้นแกมานอนที่ห้องผมอยู่ 2 คืน
เลยเห็นแกเล่นพระอ่ะ เลยลองให้แกไปคุยกับมรึงดูอ่ะ
เผื่อจะได้อะไรดีๆ กันมาบ้าง

เด๋ว ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นี้จะกลับบ้าน
จะไปรื้อบ้านซะหน่อยว่ามีพระอะไรอยู่บ้าง
แล้วจะถ่ายรูปมาให้ดู

ตาแคม


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกพิ้ง ที่ 05 เมษายน 2550, 20:25:09
อ้างจาก: "Max"
พี่เอ เหรอ...อืม :wink:

เพิ่งคุยกับพี่ที่ออฟฟิศมาน่ะ แกบอกว่าเมียแกเป็นคนเห็นผีน่ะ

คืออยู่ที่ว่าจะพูดให้ฟังรึเปล่าว่าเห็นอะไรบ้าง

 :wink:


 :shock: พูดถึงคนที่มีเซ้นท์แบบนี้...นึกถึง...น้องสาวพี่เปิ้ล(พิดโลก) ด้วยนี่...

อยากบอกว่าเราเพิ่งไปเที่ยวแถบๆ เขาหลัก..พังงามา...แต่ไม่ได้พักที่นั่น...

ไปพักที่เกาะคอเขามา....เห็นเค้าบอกว่าที่นั่นไม่มีใครเสียชีวิต..เพราะมีเกาะผ้า..

ที่อยู่ตรงข้ามบังไว้....แต่เราก็ไม่กล้าถามอะไรมากเกี่ยวกับคนตาย....

เหมือนประมาณว่าเข้าป่า...อย่าถามหาเสือ....

พระเพรอะ...เราก็ไม่ได้ห้อยไปสักองค์...ยอมรับว่าคืนแรกที่ไปนอนกลัวมาก...

กระสับกระส่าย...พลิกตัวตัวอยู่หลายครั้ง...กว่าจะหลับสนิทจริงๆ ปาเข้าไปเป็นคืนที่สาม..

ได้มีโอกาสไปดูสุสานผู้ประสบภัยสึนามิ...ที่บางมรวนด้วย....

ที่นั่นฝังศพผู้ประสบภัย..

ที่ไม่มีผู้มารับกลับบ้าน...ไม่สามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ได้...ที่หลุมฝังศพ...มีแค่โคด..รหัส..

ใส่ไว้เท่านั้นเอง....บรรยากาศตอนนั้นเข้าไปแล้ววังเวง...หดหู่มาก..ขนลุกเกรียวเลยทีเดียว...

ดีที่ไปแถวนั้นยามบ่ายแก่ๆ...คาดว่าแถวนั้นตอนกลางคืน...คงไม่มีใครกล้าผ่าน...

บรื๋อ... :shock:  :shock:  :shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 05 เมษายน 2550, 21:21:18
พูดแล้วเห็นภาพของบรรยากาศสุสานเลยนะ เห็นภาพแล้วมันยังดูวังเวง วิเวก โหวเว๋เลย...


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 09 เมษายน 2550, 13:27:39
อยู่เมืองไทย..ยังไงก็หนีไม่พ้นพระเครื่องครับ..

แต่วันนี้ได้ข่าวจตุคามรุ่น เงินไหลมา 2 ..(รุ่น1 เพิ่งสร้างไปไม่นานนี้เอง..ทำไมทำกันอย่างนี้ก็ไม่รู้..) มีเหยียบกันตายไปแล้วครับท่านพี่น้อง..

ศรัทธาอยู่ที่ใจ..ถามไอ้หลิมดูได้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 09 เมษายน 2550, 17:10:16
อืมนั่นดิ

รุ่นนี้ได้ข่าวมาว่าตอนจะแจกจ่าย วุ่นวายมาก ๆ เลยปิดไปก่อน

แต่รอบแรกก็มีแทงกันตายน่ะ

มารอบนี้ก็ตายอีกเหรอ แย่จัง  :(


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 10 เมษายน 2550, 08:51:20
อ้างจาก: "ppornson"
อยู่เมืองไทย..ยังไงก็หนีไม่พ้นพระเครื่องครับ..

แต่วันนี้ได้ข่าวจตุคามรุ่น เงินไหลมา 2 ..(รุ่น1 เพิ่งสร้างไปไม่นานนี้เอง..ทำไมทำกันอย่างนี้ก็ไม่รู้..) มีเหยียบกันตายไปแล้วครับท่านพี่น้อง..

ศรัทธาอยู่ที่ใจ..ถามไอ้หลิมดูได้..


มาถามผมทำไม่...เอาเป็นว่าเื่พื่อนที่ office ผมเนีียะ เห็นผมเป็นผู้รอบรู้ไปแล้ว... :shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 11 เมษายน 2550, 11:50:24
อ้าว..ก็ตอนนี้มรึงเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้วไม่ใช่เหรอ..

ตอนนี้กรูยุ่งๆ..ไม่ค่อยได้ตามข่าวแล้ว..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.EggMan ที่ 17 เมษายน 2550, 09:27:07
ถึง เซียนโต้ง ,น้องหลิม

ได้องค์จตุคราม มา ชื่อ รุ่น เทพประทานพร

ตรงมาจาก นครศรีธรรมราชเลย

เนื่องจาก พนักงานใหม่ เค้าเป็นคนท้องที่ เค้าเอามาฝาก

เป็นเนื้อว่านสีดำ รบกวนช่วยพิจารณาหน่อย

มือใหม่หัดขลัง


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 17 เมษายน 2550, 09:43:01
ทั่วๆไปครับพี่น้อง..ไม่หวือหวา..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.EggMan ที่ 17 เมษายน 2550, 11:25:51
ว่าแล้ว เห็นแจกทั่วไปหมด

หลิม

confirm เรื่อง ล่องใต้ไหม เรื่องที่ทางมีคนจัดให้ได้


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 17 เมษายน 2550, 13:17:01
เซียนโต้ง

พอดีที่ไปทำบุญ 9 วัดที่อุบล แล้วได้ไปสรงน้ำพระที่วัดสุปัฏนาราม ซึ่งเจ้าอาวาสท่านบอกว่า องค์นี้คือ อีกปางของ "ท้าวจตุคามรามเทพ" ซึ่งเป็นหินอายุกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปกติท่านไม่เคยเอาออกมาจากพิพิธภัณฑ์ของวัดเลย แต่เมื่อปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ "ท้าวจตุคามรามเทพ" ท่านเป็นที่รู้จักและนิยมมาก ท่านก็เลยเอามาให้ชาวอุบลและนักท่องเที่ยวได้สรงน้ำท่าน...น้องโต้งเคยเห็นปางนี้เปล่าคะ

ปล.พ่อ แม่และพี่ไปถึงก่อนเพื่อนคือ วันที่ 12 ท่านกำลังเอาพระลงมา ก็เลยประเดิมเป็นกลุ่มแรกเลยค่ะ...อิอิ  :wink:

(http://img412.imageshack.us/img412/708/1204071304copyvi2.jpg)

 :lol:  8)  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 17 เมษายน 2550, 15:01:24
อ้างจาก: "Mr.EggMan"
ว่าแล้ว เห็นแจกทั่วไปหมด

หลิม

confirm เรื่อง ล่องใต้ไหม เรื่องที่ทางมีคนจัดให้ได้


คอนเฟริ์มครับ...แต่วันยังไม่รู้เลยว่าวันไหน ช่วง 1-8 พค. สะดวกที่สุด (แมวไม่อยู่)!!!  :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 18 เมษายน 2550, 11:57:32
มันก็ตอบยากครับ..เนื่องจากเป็นศิลปะของมหายานมาตั้งแต่เป็นพันๆปีแล้ว..ศิลปะแบบเขมรก็เคยมีไปโผล่ที่กาญจนบุรี..ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกันเลย..

ตอนนี้ต้องระวังอย่าง..อะไรๆก็จะตีความเป็นจตุคามหมดแล้ว..ขนาดบานประตูของพระธาตุดอยสุเทพยังตีความกันว่าเป็นองค์จตุคามเลย..มั่วไปหมดแล้วล่ะครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 18 เมษายน 2550, 13:05:19
Seven-Eleven ก้อมีจตุคามให้เช่า
วัดมหาธาตุ (จำชื่อถูกเป่าวะ) ที่นครศรีธรรมราช
พระเค้าบอกว่า มีคนมาจองคิว ขอเช่าสถานที่ปลุกเสกจตุคามอีกพันกว่าราย
หุหุ

ตาแคม  :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 18 เมษายน 2550, 16:41:34
อ้างจาก: "หลิม 81"
อ้างจาก: "Mr.EggMan"
ว่าแล้ว เห็นแจกทั่วไปหมด

หลิม

confirm เรื่อง ล่องใต้ไหม เรื่องที่ทางมีคนจัดให้ได้


คอนเฟริ์มครับ...แต่วันยังไม่รู้เลยว่าวันไหน ช่วง 1-8 พค. สะดวกที่สุด (แมวไม่อยู่)!!!  :?


ดูแล้ว  ผมหยุดวันที่ 1 และ 7 พ.ค ครับ

ครั้งนี้คิดว่าไปกี่วันครับ จะได้วางแผนได้ถูก ว่าจะลากี่วันดี

แวะไปเยี่ยม พี่ ๆ น้อง ๆ แถวนั้นก็นดีนะคับ  :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 19 เมษายน 2550, 11:52:40
ถ้าเพื่อนๆ จะเก็บไว้บูชาเอง

ผมอยากให้หารุ่น หลักเมืองมหามงคล 50 ครับ ราคาไม่แพงมาก

พิธีดีครับตั้ง 16 พีธี  ดูรายละเอียดรุ่นนี้ได้ครับ

http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=photo_view&event_id=3898

ผมอยากได้เคลือบ 3 สีครับ สวยดี


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: คนจอนจัด ที่ 19 เมษายน 2550, 16:14:11
เพื่อนเรากลายเป็นเซียนพระกันใหญ่แล้ว


ขอให้พระคุ้มครองนะคับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 20 เมษายน 2550, 08:35:17
ขอให้กรมสรรพากรคุ้มครองเซียนพระทุกท่านครับ
เหอ เหอ

หลังจากประกาศเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วว่า
รายได้จากการทำพุทธพาณิชย์ทั้งหลาย
อันไม่ได้เป็นรายได้ที่ทางวัดได้รับโดยตรง
จะต้องโดนตามเก็บภาษี
โดยเฉพาะ สุดฮิต อย่างจตุคาม จะโดนเผ่งเล็งเป็นพิเศษ

ช่วงนี้อาจจะเห็นเจ้าหน้าที่สรรพากร
วิ่งเข้าวิ่งออกแผงพระกันบ่อยๆ
อิอิ

ผมว่าคงเป็นมาตรการหนึ่ง
ที่ออกมาเตะสกัด กลุ่มคนที่กำลังหวังกอบโกย
ผลประโยชน์เข้าตนเอง มากกว่าจะทำบุญทำทาน

ตาแคม 8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 20 เมษายน 2550, 09:07:11
เก็บไม่กลัว...กลัวไม่เก็บ...ใช่มั้ย ppornson


 
จากคนรวย  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 20 เมษายน 2550, 13:33:47
เอ้า..ก็ว่ากันไป..เล็กๆอย่างกรูไม่เกี่ยว..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: BaBoon ที่ 23 เมษายน 2550, 16:39:12
เอาข่าวมาฝากเพื่อน เผื่อใครสนใจพระเครื่อง  ตอนนี้เปิดให้บูชาแล้ว

ทำบุญใหญ่ี...สร้างบารมีให้ไพศาล...เสริมมงคลชีวิตยิ่งยืนนาน
บูชาหลวงพ่อนาคปรก-จตุคามรามเทพ รุ่น เสริมสิริมงคล

คณะสงฆ์วัดนาคปรก ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
ขอเชิญสาธุชนร่วมโครงการอภิมหากุศลสร้างหอเวช เป็นอนุสรณ์บูชาคุณ
หลวงปู่ชู คงชูนาม ซึ่งจะเป็นที่รวบรวมยาสมุนไพร สถานพยาบาล
และสหกรณ์ประชาชน เป็นอาคารปฏิบัติธรรมสำหรับภิกษุสามเณร
อุบาสกอุบาสิกา อันจะเป็นถาวรวัตถุอเนกประสงค์ไว้ในบวรพุทธศาสนาสืบไป
ด้วยการบูชา หลวงพ่อนาคปรก-จตุคามรามเทพ รุ่น "เสริมสิริมงคล"
เนื้อเบญจรงค์ สีมงคลประจำวันเกิดทั้ง ๗ วัน ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก
และเทวภิเษกใหญ่ เสาร์ห้า ๓ วัน ๓ คืน ณ วัดสุทัศนเทพวราราม
 

รายละเอียด (http://www.watnakprok.org/pre/pra50_1/pr50_1.php)

http://www.watnakprok.org


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 24 เมษายน 2550, 09:50:44
หลิม กรูลา ศุกร์ ที่ 4 พ.ค. เรียบร้อยแล้ว

 :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: party ที่ 24 เมษายน 2550, 11:05:26
ตอนนี้ไปที่วัดไหน ก้อแจกวัตถุมงคลกันทั้งนั้นเลย

เกาะกระแสจริงๆ ขนาดพ่อ&แม่ของหนู ไม่ค่อยรู้เรื่องพระ ยังต้องเก็บไว้ทั้งหมดเลย

สาเหตุเพราะ กลัวตกรุ่น คะ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 24 เมษายน 2550, 17:26:24
ถ้าคุณพ่อ กับคุณแม่ ไม่เอา

ให้พี่ก็ได้นะคะ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 24 เมษายน 2550, 19:29:43
ใครสนใจ..ปรึกษาได้..(ดีไม่ดีตัวใครตัวมัน..)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 25 เมษายน 2550, 18:50:48
เพื่อนโต้งมีรุ่นนี้เปล่าอ่ะ

"มหาปฏิหาริย์ มั่งมีทรัพย์"   :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 26 เมษายน 2550, 08:31:11
อ้างจาก: "Max"
เพื่อนโต้งมีรุ่นนี้เปล่าอ่ะ

"มหาปฏิหาริย์ มั่งมีทรัพย์"   :wink:


ไปเยอะแล้วครับ...พี่ Max เซียนโต้งก็มาบอกผมช้าไป..หาไม่ทัน (ไ่ม่มีตังค์แล้ว) ส่วน Recommend รุ่นใหม่จากเซียนโต้ง...." เสวยสุข "


วางยาว ๆ ไป จัดได้เลยครับ  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 26 เมษายน 2550, 11:24:16
เสวยสุขเหรอ

น่าสนครับ  :wink:  เซียนโต้งนี่สุดยอด แต่ละรุ่นดีจริงๆ

ที่สนรุ่นข้างบน เพราะอันนี้ครับ

http://www.uamulet.com/UAKJKTBoardDetail.asp?qid=103442

เลยหาข้อมูลดูว่ามีไรบ้างทำไมแรงจังอ่ะ  สายนี้เค้าแรงจริงๆ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 08 พฤษภาคม 2550, 14:17:40
รุ่น ร่ำรวยยั่งยืน  ...

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000052468

เป็นอย่างไรบ้างครับ เซียน ๆ ช่วย ดูให้หน่อยครับ

 :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 08 พฤษภาคม 2550, 19:22:45
เฉยๆ..ไม่ต้องสนใจ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 09:07:49
อ้างจาก: "ppornson"
เฉยๆ..ไม่ต้องสนใจ..


อยากได้มาก ๆ คับ "ทรัพย์หมื่นล้าน"  มีเกศาในหลวงด้วย...เซียนโต้งจัดหาให้ด่วนครับ...สู้ ๆ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 09:59:38
อ้างจาก: "หลิม 81"
อ้างจาก: "ppornson"
เฉยๆ..ไม่ต้องสนใจ..


อยากได้มาก ๆ คับ "ทรัพย์หมื่นล้าน"  มีเกศาในหลวงด้วย...เซียนโต้งจัดหาให้ด่วนครับ...สู้ ๆ


ไปเจอมาครับ แต่ว่าราคาบวก เยอะจัง

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=14146


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 11:43:38
รุ่นนี้ก็ถือว่าใช้ได้..แต่ตอนนี้ราคามาไกลมากแล้ว..แนะนำถ้าจะเก็บก็เก็บลูกเนื้อพิเศษๆไปเลย..ต่อยน้อยหน่อยแต่ว่าต่อยหนัก..จะได้ดีกว่าเก็บลูกย่อยๆเด้อ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 16:20:38
อ้างจาก: "ppornson"
รุ่นนี้ก็ถือว่าใช้ได้..แต่ตอนนี้ราคามาไกลมากแล้ว..แนะนำถ้าจะเก็บก็เก็บลูกเนื้อพิเศษๆไปเลย..ต่อยน้อยหน่อยแต่ว่าต่อยหนัก..จะได้ดีกว่าเก็บลูกย่อยๆเด้อ..


รับทราบครับ..โดนมาแล้ว กรรมการเนื้อผงชุด 4 +  1 = 3,900 บาท บายใจไป


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 16:39:03
เฮ้ย ... ของกรู ล่ะ สมเกียรติ ...

 :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 16:51:31
อ้างจาก: "ชาร์ป"
เฮ้ย ... ของกรู ล่ะ สมเกียรติ ...

 :lol:


้ิเอาจริงหรือเปล่า จะได้จัดการให้ เห็นว่าอยากทำบุญ แต่งานนี้เค้าบวกมาเยอะแล้ว...ว่าไง :roll:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 09 พฤษภาคม 2550, 17:19:31
เอาจริงสิ ...  :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 10 พฤษภาคม 2550, 15:43:13
รู้สึกว่าจะมันส์กันอยู่ไม่กี่คนนะเนี่ยะ..กระทู้นี้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 10 พฤษภาคม 2550, 15:47:45
เพิ่งไปเอามาครับ "เพชรสมุย" พลอยขาว 2 แดง 1 กรรมการด้วย...สภาพยังไม่ได้ใช้งาน สวย คม ทุกกระเบียด..ใครสนใจบอกได้..ไม่แพง  :lol:  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 14 พฤษภาคม 2550, 13:59:14
วันนี้ได้รับ เพชรสมุย  มาครับ

เศร้าใจ  หัวนะโม  บิ่นครับ  สีทอง เปื้อนเยอะมาก

แล้วลูกเคลือบสีก็ไม่ครบ  บิ่นขอบหลังทุกลูกเลย

ชุดนี้สั่งจาก กรุสยามครับ  ร้านบอก ไม่มีให้เปลี่ยน + ไม่รู้จะหาเปลี่ยนให้จากไหน

ดูเค้าทำกับผม  :cry:     เครียดเลยยยย


แต่ร้านเดียวกับ เจ้าหลิม  ร้านพี่แอ๊ด  ไม่มีปัญหาครับ  งามทุกลูก  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 14 พฤษภาคม 2550, 16:13:59
เบอร์นี้เลยครับเซียนโต้ง 0814908334 โทรไปเลย 1.20 เมตร สมบัติจักพรรดิ...

่ส่วนเรื่อง "เพชรสมุย" นั้นถามเซี่ยนโต้งได้ว่างามงดหรือเปล่า  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 16:45:28
ไม่งาม เหรอครับ  :cry:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 17:11:04
อ้างจาก: "Max"
ไม่งาม เหรอครับ  :cry:


งามดิครับ... ถึงเซียนโต้ง สมบัติจักรพรรดิ พระบูชา 1.2 เมตร เค้าให้ราคากันที่ 170,000 บาท คับ

ปล Total แล้วโดนไปทั้งหมดจะเป็นแสนแล้ว

รุ่นใหม่มาแรง http://www.uamulet.com/PNewAmuletBoardDetail.asp?qid=17469


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 17:38:28
มะม่วงขาวของผมครับ  ตอนนี้เริ่มมีน้ำว่านขึ้นด้วยอ่ะ

(http://img95.imageshack.us/img95/6185/dsc00792wk3.th.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 17:44:22
อะไรคือน้ำว่าน.. :?:  :?:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 17:49:43
ครบขาวๆ อ่ะ ถ้าองค์ดำจะเห็นชัดน่ะ

(http://img223.imageshack.us/img223/7127/dsc0080mh9.th.jpg) (http://img223.imageshack.us/my.php?image=dsc0080mh9.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 17:58:16
มะดีครับ เลือกยังไงใน web http://www.imageshack.us/

ให้รูปมันใหญ่ๆ เหมือนของมะดีอ่ะครับ  :(


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: MahDee ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 19:22:54
อ้างจาก: "Max"
มะดีครับ เลือกยังไงใน web http://www.imageshack.us/

ให้รูปมันใหญ่ๆ เหมือนของมะดีอ่ะครับ  :(


พี่ Max ต้องกดที่รูปก่อนครั้งหนึ่งครับ ขั้นตอนที่ 3  http://www.cmadong.com/community/board/viewtopic.php?t=888&start=0

เมื่อได้รูปขนาดใหญ่ที่เรา resize แล้ว ค่อยคลิกขวา copy url มาแปะครับ


หรือไม่ก็ ใช้ www.photobucket.com ก็ง่ายดีนะครับ  :wink:

1.สมัครเป็นสมาชิก กด join now แล้วทำตาม step

2. Browse หารูปภาพที่ resize แล้ว แล้วจึงกด upload ภาพ

3. กด copy (IMG code ช่องที่ 3)

4. paste (ในช่องสำหรับเขียนข้อความใน post reply)

5. ส่ง (Submit)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 15 พฤษภาคม 2550, 20:07:29
โอ้..แล้วกรูจะขายเท่าไหร่ดีเนี่ยะ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 10:34:37
เพชรสมุยลูกเคลือบครับ แดงดีจริงๆ

ลองวิชาครับ ว่าจะใช้ได้ไหม

(http://img178.imageshack.us/img178/5253/dsc02741ri9.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 10:40:10
ขอบคุณมากๆ น้องมะดี พี่ทำได้แล้ว เย้ๆ  

หัวนะโมครับ

(http://img329.imageshack.us/img329/6488/dsc03111copyxt5.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 10:44:17
ลูกนี้หัวนะโมลูกดำที่มีปัญหา ขอบบิ่นครับ ไม่เป็นไรครับทำใจแล้วครับ

แต่ตอนแรกก็โมโหครับว่าปัดทองไม่งามเลย แต่ดูไปดูมาก็สวยดี

คิดในแง่ดีเค้าปัดทองให้เราเยอะกว่าคนอื่นน่ะ  สวยดีๆ

(http://img338.imageshack.us/img338/9671/dsc03091copyhk3.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 10:50:02
เอามาใก้ดูกัน ครับผมว่าสวยดี

เก็บแบบเป็นชุดๆ คงมีรุ่นนี้มั้งครับ รุ่นอื่นคงเก็บ เฉพาะลูก เท่าที่มีสตางค์ครับ

มาดูลูกดำฝังพลอยแดงกันครับ

(http://img503.imageshack.us/img503/3007/dsc02801copyhh1.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 10:51:18
อันนี้ลูกขาวครับ

ผมว่าสวยดีนะครับ

(http://img338.imageshack.us/img338/6058/dsc02811copycr9.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 10:53:35
อันนี้ลูกแดงครับ  ก็สวยอีกแบบครับ    หมดแล้วครับ

สำหรับที่มีรุ่นนี้

(http://img407.imageshack.us/img407/5527/dsc02861copygg3.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 11:00:53
เก็บได้รุ่นนี้..ราคาไปโลดแล้ว..แนะนำให้ขายบ้างเพื่อเอาทุนคืนก่อน..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 12:47:04
ได้ๆ ว่าจะปล่อย ออกไปบ้างล่ะ

แต่รุ่นนี้ขึ้นกล้องดีอ่ะ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 16 พฤษภาคม 2550, 16:48:50
ปล่อยกันเลยดีกว่า...ต้องการเอาทุนคืน...เท่าไหร่ว่ามา 8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 17 พฤษภาคม 2550, 12:18:02
เซียนโต้งมีแนะนำรุ่นไหนที่เหรียญสวย ๆ บ้างไหมอ่ะ

อยากลองเก็บแบบเหรียญ บ้าง ไม่มีกับเค้าเลย

ได้รุ่นที่ยังเป็นราคาวัดจะดีมั๊กๆ เลย

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=15301


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 17 พฤษภาคม 2550, 15:01:34
http://www.uamulet.com/UAKJKTBoardDetail.asp?qid=130607

ทรัพย์ราชัน ช่วยดูให้หน่อย   :lol:  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 17 พฤษภาคม 2550, 15:14:57
มะมีความรู้รุ่นนี้อ่ะ  รอเซียนโต้งแล้วกัน

แต่รายการที่ 2-8 น่าสนดีอ่ะ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 17 พฤษภาคม 2550, 17:13:12
รู้สึกกระทู้นี้จะคุยกันอยู่ 3 คน..เอาเป็นเราโทรคุยกันดีมั๊ย..

แต่รุ่นที่ว่า..ไม่มีความรู้เช่นกัน..แบบว่ามันเยอะ..

ถ้ารวย..ก็เก็บ..ถ้าถูๆ ไถๆ..ก็พอเหอะ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 17 พฤษภาคม 2550, 17:30:13
โทรคุยนะ มันโทรอยู่แล้วถ้าเ่ร่งด่วน..แต่เป็นกระทู้เอาไว้เพราะว่าเผื่อมีข้อมูลที่ต้องการเข้าไปตรวจสอบ link ตอ่กันไง


คนที่จิตใจดีเท่านั้นทึ่คุยเรื่องพระ  น้าแครมไม่กล้าเข้ามาหรอก เพราะเป็นคน....


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 18 พฤษภาคม 2550, 10:31:18
แซวน่ะ..ว่าพวกพี่ๆไม่มีใครสนใจกันเลยรึ..จริงๆไม่ต้องจตุคามก็ได้..แวดวงใกล้เคียงก็คุยได้น่ะ..

ทำบุญที่ไหนดี..ดูดวงที่ไหนดี..ประมาณนี้ก็ได้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 18 พฤษภาคม 2550, 10:46:52
พี่น้องครับ รุ่นนี้ครับ เซียนใน web แนะนำมาครับ

http://www.rtaf.mi.th/news/n07/jatukam/index.html


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกพิ้ง ที่ 18 พฤษภาคม 2550, 15:26:21
อ้างจาก: "ppornson"
แซวน่ะ..ว่าพวกพี่ๆไม่มีใครสนใจกันเลยรึ..จริงๆไม่ต้องจตุคามก็ได้..แวดวงใกล้เคียงก็คุยได้น่ะ..

ทำบุญที่ไหนดี..ดูดวงที่ไหนดี..ประมาณนี้ก็ได้..


 8) สนใจที่ดูดวง...ชะตา...ชีวิต...เจ้าค่ะ....มีแนะนำรึเปล่าเอ่ย


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 18 พฤษภาคม 2550, 16:17:32
เดี๋ยวจะถ่ายฝ่ามือให้ช่วยกันวิเคราะห์ลายมือให้หน่อย..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 22 พฤษภาคม 2550, 14:52:33
ได้มาอีกแล้วครับเซียนโต้ง เช็คให้หน่อย ว่าลุยได้มั้ย

http://www.soonphra.com/mongkolsanelan/b02.html

้ด้านหลังเป็นพระพิศเณศวร  8)  8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 23 พฤษภาคม 2550, 10:17:50
หลืม ....  มาดูๆ

รุ่นที่บอกไว้นะ  :wink:

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=16188


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 23 พฤษภาคม 2550, 10:38:26
http://www.uamulet.com/PNewAmuletBoardDetail.asp?qid=199

เอามาให้ช่วยพิจารณากันอีก 1 รุ่นครับ...ว่าเด็ดมั้ย ราคาไปเยอะแล้ว  :?  :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 25 พฤษภาคม 2550, 13:57:07
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=48286

หลักเมือง 47 เอาอีกแล้วครับ  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 30 พฤษภาคม 2550, 08:43:57
เรื่องแบบนี้ก็ต้องพิจารณาเรื่องหลังสถิติด้วย..ยิ่งห้อยมาก..ก็ยิ่งมีข่าวมาก..

แต่รุ่นนี้ไม่รู้ดีหรือไม่ดี..ใครห้อย..เป็นโดนยิง..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 30 พฤษภาคม 2550, 09:50:44
อืม ช่ายๆ มองอีกแง่ ใครใส่รุ่นนี้แล้ว

โดนยิง  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 30 พฤษภาคม 2550, 10:42:12
เซียนโต้งครับ
ขอนอกเรื่องนิดส์...จะบอกว่า มีชาวซีมะโด่งฝากชมมาว่า งานเขียนของโต้งตรงใจหลายๆ คนมาก...อ่านแล้วขอสมัครเป็นนักเขียนในคอลัมภ์ "วันวานยังหวานอยู่" เลยค่ะ...

ต้องขอบใจมากเลยนะคับ นอกจากจะน่ารักแล้วยังใจดี ทำให้ชาวซีมะโด่งได้อ่านความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอีกด้วย แถมเป็น inspiration ให้หลายๆ คนอีกด้วย

 :lol:  8)  :lol:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกพิ้ง ที่ 30 พฤษภาคม 2550, 11:41:41
อ้างจาก: "iamfrommoon"
เซียนโต้งครับ
ขอนอกเรื่องนิดส์...จะบอกว่า มีชาวซีมะโด่งฝากชมมาว่า งานเขียนของโต้งตรงใจหลายๆ คนมาก...อ่านแล้วขอสมัครเป็นนักเขียนในคอลัมภ์ "วันวานยังหวานอยู่" เลยค่ะ...

ต้องขอบใจมากเลยนะคับ นอกจากจะน่ารักแล้วยังใจดี ทำให้ชาวซีมะโด่งได้อ่านความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอีกด้วย แถมเป็น inspiration ให้หลายๆ คนอีกด้วย

 :lol:  8)  :lol:


 8) กำลังจะหาทางบอกอยู่เหมือนกัน....กระทู้ถึงพรสรรค์ก็หายไปซะแล้ว.....

อ่านแล้วรู้สึกถึงบรรยากาศของวันวาน.....ยุคที่ยังมีการรอคอย....โทรศัพท์.....จดหมาย..

เป็นคนนึงที่ชอบดูในตู้จดหมายว่าจะมีของเราส่งมาบ้างรึเปล่า....

ตอนอยู่ชั้น 14 หอชาย.....ยังจำบอร์ดที่ใต้หอชายที่เขียนชื่อคนรับจดหมาย,พัสดุต่างๆ ได้ดี  

ว่าเอ๊ธชื่อนี้ทำไมมีส่งมาบ่อยจัง...... :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 30 พฤษภาคม 2550, 12:34:39
ผมชอบตอนเสียงโฟนเรียกให้มารับโทรศัพท์น่ะครับ

ชอบตอนห้องที่มีกระเทยอยู่

อย่างห้อง ห้อง 918 พี่ยามโฟนบอกว่า   " ชาติชาย... รับโทรศัพท์ด้วย"

เสียงตอบรับมาว่า  "ค้า...."  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 01 มิถุนายน 2550, 10:27:49
ก็พยายามหลับตา..นึกดูว่าเราอยากจะบอกอะไรกับคนอื่นบ้าง..โดยที่ต้องตั้งว่า ต้องให้รุ่นพี่เก่าๆ และรุ่นน้องใหม่ๆเข้าใจด้วย..มันจะไม่เป็น detail เกินไป..แต่จะเป็นเรื่องสะกิดใจให้เราหวนนึกถึงมากกว่า..

ผมตีความคอลัมม์นี้แบบนี้..ก็เลยเขียนมาแบบนี้ล่ะ..จริงๆตอนแรก plot ไว้หลายประเด็น..แต่ก็เลือกเอาประเด็นเดียว..

ลึกๆอยากเขียนหนังสือครับ..แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง..แนวไหน..

เข้าเรื่องพระเครื่อง..ใครไปเอารุ่นปราบกบฎองค์ละบาทมั้ง  หุ หุ หุ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 01 มิถุนายน 2550, 10:36:40
ไม่เห็นได้อ่านเลย...ไม่เข้าใจ ..งง

เอาเป็นว่า มีคนเอา ปฐมอรหันต์มาตุภูมิ กรรมการใหญ่มาปล่อย 33000 เอาดีมั้ยเซียนโต้ง  :?  :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 01 มิถุนายน 2550, 10:51:09
รุ่นนี้ข่าวสับสนมาก..กระแสเหมือนจะดี..แต่ข่าวไม่ดีก็เยอะ..ตัวใครตัวมัน..

ถ้าดี..ก็รวย..ถ้าข่าวไม่ดีเป็นจริง..ก็รุ่งริ่ง..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 05 มิถุนายน 2550, 09:36:42
มาใหม่อีกแล้วเมื่อเช้านี้

1. โครตมหาเศรษฐีทรัพย์ราชันย์ (เป็นการ ร่วมกันระหว่าง โครตเศรษฐี + ทรัพย์ราชัน) Copy idea กันมา

2. คลังมหาโครตเศรษฐี... คาดว่าจะดี

ฝากไว้ให้ช่วยกันพิจารณา  8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 05 มิถุนายน 2550, 23:00:42
พอแล้ว..พี่น้อง..รวยไม่เลิกกรูมาแล้ว...


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 06 มิถุนายน 2550, 02:03:23
โอยยย ... ไม่รู้เรื่อง งง :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 15:45:23
ว่างๆ ครับ

มาดูมะม่วงขาว ของผมกันดีกว่า

จากกล่องก่อนครับ  เป็นลูกที่สองที่มี ครับ หลังจากนั้น ก็มาเรื่อยๆ ครับ

(http://img186.imageshack.us/img186/2559/dsc0070yf9.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 15:47:51
ด้านหน้าครับ

ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่เห็นสวยดี เลยบูชามาครับ

(http://img120.imageshack.us/img120/6121/dsc00792qy0.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 15:50:45
รุ่นนี้มีหลังสองแบบครับ

หลังพญาชิงชัย กับ หลังราหูครับ ตอนนั้นหลังราหูถูกกว่าครับ

แต่ตอนนี้แพงกว่าแล้วครับเพราะสร้างน้อยกว่า

ตอนแรกให้เพื่อนดู มันดันมือไว จะไปแกะ เม็ดๆ ที่ติดอยู่ด้านหลังดีนะผม

ปัดมือมันทันก่อนไม่งั้นเสียของครับ

(http://img519.imageshack.us/img519/365/dsc0080pf2.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 15:52:07
มาดู Code กันครับ

(http://img186.imageshack.us/img186/3681/dsc0083ya7.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 15:55:43
ลงรูปง่ายๆ ตามวิธีของมะดี แล้วดูรูปแล้วมันสบายตาดีจังครับ ใหญ่ดีชอบๆ

มาดู โคตรเศรษฐีกันครับ ของพี่ที่ออฟฟิศครับ เค้าได้ฟรีมา

(http://img171.imageshack.us/img171/6329/dsc0343en2.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 15:57:32
ด้านหลังครับ

(http://img294.imageshack.us/img294/2701/dsc0341pd6.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 16:06:29
รุ่นนี้ "สรงน้ำราชาโชค" ครับ

ค่อนข้างชอบรุ่นนี้ครับ เพราะว่า ทำมาแจก ทหารตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่

ที่ภาคใต้ครับ แล้วก็  เป็นรุ่นเดียวเท่านั้นครับที่ทำพิธีปลุกเสกที่วัดพระแก้วครับ

รุ่นนี้ผมมี 2 ลูกครับ แต่ถ่ายมาแต่ ก้นครก ครับ

(http://img341.imageshack.us/img341/3298/dsc03171copyev2.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 16:08:10
สวยดีครับ เป็นลูกเดียวครับที่มีลายเสือแบบนี้

(http://img440.imageshack.us/img440/4203/dsc03191copyio8.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 06 มิถุนายน 2550, 16:09:16
ด้านหลังครับ ...หมดล่ะ  :D

(http://img377.imageshack.us/img377/2651/dsc03271copywc5.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 11 มิถุนายน 2550, 10:37:20
http://www.uamulet.com/UAKJKT50BoardDetail.asp?qid=3022

มาใหม่อีกแล้ว สุวรรณภูมิ 50 ช่วยตรวจสอบที ....เค้าว่าสวย ทีสมุย :shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 11 มิถุนายน 2550, 15:55:47
ลองอ่านอันนี้ดูนะหลิม

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=18253


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 11 มิถุนายน 2550, 16:48:42
อ้างจาก: "Max"
ลองอ่านอันนี้ดูนะหลิม

http://www.jatukarm.com/board/showthread.php?id=18253


อ่านแ้ล้วเอาได้มั้ยเนี่ย...ที่แน่ ๆ ผจก. ที่ทำงานโดนไปแล้วครับพี่น้อง  8)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 11 มิถุนายน 2550, 18:42:17
เท่าๆ ที่อ่านหลายๆ กระทู้มา

เหมือนว่า เค้ายังไม่ค่อยแน่ใจกับรุ่นนี้เท่าไหร่อ่ะ

เอาไปก่อนก็ได้มั้ง แต่รู้สึกว่าราคาจะไปแล้วนิ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Joker_rcu79 ที่ 12 มิถุนายน 2550, 18:35:53
ถึงบรรดาเซียนๆทั้งหลายคร้าบ

พอดี คนไข้ผู้ใจบุญเขาให้มาด้วยใจสิเน่หา คร้าบ
รุ่นย้อนยุค 30 วัดดอนยายหนี เนื้อว่านอะครับ กับ รุ่นอะไรว้า...ลืม ที่เขาปลุกเสกที่ท้องสนามหลวงง่ะ นารายณ์แปลงรูป มั้ง เนื้อสีดำ ไม่แน่ใจว่าเนื้ออะไรงะ

ช่วยวิจารณ์หน่อยดิ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 12 มิถุนายน 2550, 18:58:16
อ้างจาก: "Joker_rcu79"
ถึงบรรดาเซียนๆทั้งหลายคร้าบ

พอดี คนไข้ผู้ใจบุญเขาให้มาด้วยใจสิเน่หา คร้าบ
รุ่นย้อนยุค 30 วัดดอนยายหนี เนื้อว่านอะครับ กับ รุ่นอะไรว้า...ลืม ที่เขาปลุกเสกที่ท้องสนามหลวงง่ะ นารายณ์แปลงรูป มั้ง เนื้อสีดำ ไม่แน่ใจว่าเนื้ออะไรงะ

ช่วยวิจารณ์หน่อยดิ


ใช้ด้าย  :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 13 มิถุนายน 2550, 09:47:16
อ้างจาก: "Joker_rcu79"
ถึงบรรดาเซียนๆทั้งหลายคร้าบ

พอดี คนไข้ผู้ใจบุญเขาให้มาด้วยใจสิเน่หา คร้าบ
รุ่นย้อนยุค 30 วัดดอนยายหนี เนื้อว่านอะครับ กับ รุ่นอะไรว้า...ลืม ที่เขาปลุกเสกที่ท้องสนามหลวงง่ะ นารายณ์แปลงรูป มั้ง เนื้อสีดำ ไม่แน่ใจว่าเนื้ออะไรงะ

ช่วยวิจารณ์หน่อยดิ


ดีครับ  แต่น่าจะเป็นรุ่น ท่ายายหนี เปล่าครับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 14 มิถุนายน 2550, 14:03:38
เก็บไว้ๆ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 14 มิถุนายน 2550, 16:59:57
อ้างจาก: "ppornson"
เก็บไว้ๆ..


ได้โคตรเศรษฐีจากพ่อมาแล้ว ว่าง ๆ จะเอาไปให้ดู ส่วนบูชา น่าจะเก็ เพราะว่าเป็นเนื่อดิน ....งง ไปเลย   :shock:  :shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 มิถุนายน 2550, 12:34:43
ดีใจด้วย..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: mmwindoo_79 ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 14:02:19
เศษตังค์ที่เหลือ ช่วยส่งไปวัดพระบาทน้ำพุด้วยครับ

ปล.ระวังนะครับ Demand&Supply กำลังอาละวาด
เกิดอาเพศพระธาตุนครฯเอียง นัยว่าพระพุทธศาสนาเอียงเสียแล้ว พระธาตุท่านบอกใบ้


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 14:07:53
อ้างจาก: "mmwindoo_79"
เศษตังค์ที่เหลือ ช่วยส่งไปวัดพระบาทน้ำพุด้วยครับ

ปล.ระวังนะครับ Demand&Supply กำลังอาละวาด
เกิดอาเพศพระธาตุนครฯเอียง นัยว่าพระพุทธศาสนาเอียงเสียแล้ว พระธาตุท่านบอกใบ้


เห็นด้วย ครับ...ตอนนี้นิ่ง ๆ กันหมดแล้ว...


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: yungying ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 15:35:00
มีรุ่นมาแนะนำ "มหาเศรษฐี สุวรรณภูมิ"  ตอนนี้กำลังจัดทำอยู่ค่ะ  สนใจติดต่อได้  ไม่คิดค่านายหน้า....   :D  :D

(http://img184.imageshack.us/img184/2465/rad25386331676520996565rm2.jpg)


(http://img184.imageshack.us/img184/5048/msg070626172951389gd9.jpg)

(http://img184.imageshack.us/img184/8500/msg070626173351390gg3.jpg)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 15:58:52
อืม.....สวยดีครับ  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: telek78 ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 17:36:37
เออ สวยดี

เอามาฝากกันมั่งนะ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 17:38:21
สวยครับ...ราคาเป็นไงบ้าง..น่าเก็บครับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 05 กรกฎาคม 2550, 17:46:50
แต่คล้ายๆ กับเฉลิมพระเกียรติ ไม่ก็เทิดพระเกียรติน่ะ

ขนาด 7 cm


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 06 กรกฎาคม 2550, 08:26:40
อ้างจาก: "yungying"
มีรุ่นมาแนะนำ "มหาเศรษฐี สุวรรณภูมิ"  ตอนนี้กำลังจัดทำอยู่ค่ะ  สนใจติดต่อได้  ไม่คิดค่านายหน้า....   :D  :D

(http://img184.imageshack.us/img184/2465/rad25386331676520996565rm2.jpg)


(http://img184.imageshack.us/img184/5048/msg070626172951389gd9.jpg)

(http://img184.imageshack.us/img184/8500/msg070626173351390gg3.jpg)



เอ่อ กรอบสวยดีอ่ะครับ

ตาแคม


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 06 กรกฎาคม 2550, 12:18:03
ช่วงนี้..นิ่งๆ..สิงห์วังชาครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: yungying ที่ 07 กรกฎาคม 2550, 09:26:52
อ้างจาก: "apirat"
อ้างจาก: "yungying"
มีรุ่นมาแนะนำ "มหาเศรษฐี สุวรรณภูมิ"  ตอนนี้กำลังจัดทำอยู่ค่ะ  สนใจติดต่อได้  ไม่คิดค่านายหน้า....   :D  :D

(http://img184.imageshack.us/img184/2465/rad25386331676520996565rm2.jpg)


(http://img184.imageshack.us/img184/5048/msg070626172951389gd9.jpg)

(http://img184.imageshack.us/img184/8500/msg070626173351390gg3.jpg)



เอ่อ กรอบสวยดีอ่ะครับ

ตาแคม


ซื้อแล้ว  ไม่ได้แถมกรอบนะครับ.บ..บบบ :D  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 07 กรกฎาคม 2550, 16:01:23
มาดูๆ อีกครั้ง รุป ก๊าบ ฟิค เนี่ย

เหมือนเอาหลักเมืองมหามงคล 50 (องค์พ่อตรงกลางที่เป็น 3 สี)

มาบวกกับ รุ่นเทิดพระเกียรติครับ  :wink:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: yungying ที่ 07 กรกฎาคม 2550, 20:39:28
:)  :)  :)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: นายป้อ ที่ 08 กรกฎาคม 2550, 13:11:55
:shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: yungying ที่ 08 กรกฎาคม 2550, 18:51:16
อ้างจาก: "Max"
มาดูๆ อีกครั้ง รุป ก๊าบ ฟิค เนี่ย

เหมือนเอาหลักเมืองมหามงคล 50 (องค์พ่อตรงกลางที่เป็น 3 สี)

มาบวกกับ รุ่นเทิดพระเกียรติครับ  :wink:


คงเป็นแบบนั้มั่งค่ะ...บอกตรงๆ ไม่รู้รายละเอียดอะไรหรอก เพราะไม่ได้เก่งเรื่องพระเครื่อง

แต่ที่แนะนำรุ่นนี้เพราะได้ไปร่วมพิธีปลุกเสกมา..เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง.. :o  :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 09 กรกฎาคม 2550, 16:38:04
เดี๋ยวนี้ง่าย..เอารุ่นโน้นแปะรุ่นนี้..ได้รุ่นใหม่..

ก็เลยเริ่มเสื่อม..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 09 กรกฎาคม 2550, 17:16:24
อ้างจาก: "ppornson"
เดี๋ยวนี้ง่าย..เอารุ่นโน้นแปะรุ่นนี้..ได้รุ่นใหม่..

ก็เลยเริ่มเสื่อม..


เห็นด้วย ...แต่ว่าเมื่อไหร่ จะกลับมาครับ... :shock:  :shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 11 กรกฎาคม 2550, 11:51:43
ถ้ากรูรู้ทุกเรื่อง..ป่านนี้กรูรวยไปแล้วไอ้หลิม..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 11 กรกฎาคม 2550, 16:57:32
อ้างจาก: "ppornson"
ถ้ากรูรู้ทุกเรื่อง..ป่านนี้กรูรวยไปแล้วไอ้หลิม..


ก็อยากให้รู้ทุกเรื่องเพื่อน้อง ๆ เ้ค้าจะได้รู้ตามไปด้วย แล้วก็รวยกันถ้วนหน้าไป สาธุ...


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: yungying ที่ 12 กรกฎาคม 2550, 01:21:52
:)  :)  :)


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 18 กรกฎาคม 2550, 17:00:42
เห็นหลวงหนุ่ยที่โดน black list ลงโฆษณาพระในไทยรัฐ
ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับหลวงหนุ่ยหรอก

แต่เห็นเค้าลงที่อยู่ไว้ว่า

อ. เมือง จ. หาดใหญ่

งงเลยตู????

ตาแคม


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 18 กรกฎาคม 2550, 17:06:46
I like the frame!good work..make the medallion precious!
p.nn


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 20 กรกฎาคม 2550, 12:24:57
นั่นล่ะ..เป็นที่รู้กันว่าหาดใหญ่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน..

บ้านอยู่ไหนไม่มีใครบอกว่าสงขลานะ..มีแต่บอกว่าคนหาดใหญ่..



คนหาดใหญ่..ใจถึง..พึ่งได้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 24 สิงหาคม 2550, 21:38:36
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=27164

น่าจะเข้ากระทู้นี้ได้นะ ... :o


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 10 กันยายน 2550, 15:41:42
เพิ่งได้ พยัคฆ์เขี้ยวดาบ เนื้อแร่  ของ ลป. กาหลง เขี้ยวแก้ว  มาครับ

แต่หู บิ่นหน่อยๆ ครับ ไม่เป็นไรรับได้

รอเก็บ เหรียญ นารายณ์แปลงรูป อีกอ่ะครับ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 11 กันยายน 2550, 08:41:38
เคยเห็นเหรียญพระพุทธชินราชรุ่นรักแม่ (มั้ง ไม่แน่ใจ)
สวยดีอ่ะ

อันนี้ไม่เกี่ยวกับพระเครื่อง
เกี่ยวกับพระรูปของในหลวงบนเหรียญ
เห็นกองกษาปณ์จะเปลี่ยนใหม่แย๊ว
ให้เป็นพระรูปในปัจจุบันนี้แทน

ตาแคม


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ชาร์ป ที่ 12 กันยายน 2550, 00:03:51
:shock:


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 04 ตุลาคม 2550, 18:14:11
เหรียญเคยเก็บเหรียญแปลกๆ

ไว้เป็นกระปุก

โดนขโมยงัดห้อง หายไปทั้งกระปุกอ่ะ


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 06 ตุลาคม 2550, 16:15:03
พระพุทธชินราช รุ่นรักแม่..

ไม่แนะนำเด็ดขาด..ผู้สร้างประวัติไม่ดี..เอาชื่อวัดสุทัศน์หากินอยู่เรื่อยๆเลย..ไม่รู้ซี้อะไรนักหนา..

ที่เป็นพ่อยกนักร้อง RS น่ะ..ชื่ออะไรแล้วนะ..จำไม่ได้..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 08 ตุลาคม 2550, 12:08:10
อ้างจาก: "ppornson"
พระพุทธชินราช รุ่นรักแม่..

ไม่แนะนำเด็ดขาด..ผู้สร้างประวัติไม่ดี..เอาชื่อวัดสุทัศน์หากินอยู่เรื่อยๆเลย..ไม่รู้ซี้อะไรนักหนา..

ที่เป็นพ่อยกนักร้อง RS น่ะ..ชื่ออะไรแล้วนะ..จำไม่ได้..


เ้ค้าื่ชื่อเซียน อู๊ด...ครับ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 15 ตุลาคม 2550, 14:56:20
นอกเรื่องกระทู้

เมื่อกี้พี่หมวยสุดที่รักของเด็ก โทร.หาพี่แล้วบอกว่า เพิ่งได้อ่านสารซีมะโด่ง แล้วก็ตื่นเต้นมากที่เห็นแต่คนกันเองของพี่หมวยทั้งนั้น (นี่ขนาดนั่งอยู่บนรถทัวร์จากขอนแก่นมานะเนี่ย คุยในรถทัวร์ แบบว่า อดไม่ได้น่ะ) แล้วก็ชมว่า "โต้งเขียนดีมากเลย" กำลังจะเม้าท์ต่อยาวกว่านี้ นายพี่เดินมา...พี่เลยบอก ขอวางหูก่อนนะ ฮ่าๆๆ (เลยอดได้ยินคำชมต่อ ไว้ค่อยเม้าท์เย็นนี้อีกที)

มาบอกแค่นี้แหละ อิอิ...


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 ตุลาคม 2550, 22:35:30
รักพี่หมวยนะจ๊ะ..จุ๊บ จุ๊บ...


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551, 19:47:13
มีแนะนำพระสมเด็จไหมครับ ปีไหนวัดไหนดี

คือที่เห็นๆ แบบราคาพอจะบูชาได้

ก็มีหลวงปู่นาค กับของบางขุนพรหม ปี 17 กับปี 31 ครับ

เพิ่งมาเริ่มๆ หาข้อมูลอ่ะ

หลายพิมพ์เหลือเกิน จากที่ ดูหลายๆ พิมพ์

แล้วผมชอบพิมพ์เส้นด้ายอ่ะครับ

แนะนำได้ครับ  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551, 19:59:17
ก็คงเป็นสมเด็จปี 05 (ถ้าจำไม่ผิดนะ..)ราคาก็ประมาณ 20,000-30,000 พอเล่นได้..แต่ราคาไม่ค่อยเดินเท่าไหร่..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551, 12:29:31
อู้...

อยากได้แค่หลักพันอ่ะ  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551, 10:59:37
ถึงเซียนโต้งที่รัก

มีเพื่อนแนะนำสมเด็จวัดขุนอินทร์ แถวอ่างทองครับ....จึงอยากเรียนปรึกษาว่าน่าสนใจมั้ย และดีมั้ยครับ วานตอบหน่อยครับ


ด้วยรัก


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551, 17:54:03
ม่ายรู้จักอ่ะ..


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 03 เมษายน 2551, 08:36:46
เห็นโฆษณาพระของคนวันพุธเยอะจัง
"เหรียญมหาทักษา 7 สี"
มันมีอะไรกันเหรอ
อยากรู้

ตาแคม  :?  :?


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 03 เมษายน 2551, 10:12:45
ม่ายรู้อ่ะ

ช่วงนี้เก็บแต่พระขุนแผนอ่ะ

เน้นสวยๆ ไม่แพงอ่ะ  :D


หัวข้อ: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 03 เมษายน 2551, 12:41:24
อย่าไปยุ่งเชียว..งานนี้ของเสี่ยอู๊ดอีกแล้ว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 11 กันยายน 2551, 14:56:08
เซียนโต้งครับ

หลวงพ่อเงิน ตามที่บอกไว้  รบกวนดูในกระทู้นี้ให้ทีนะ

http://www1.g-pra.com/webboard/show.php?Category=ask_and_ans&No=93760


หัวข้อ: ขอโชว์ด้วยคนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 14 มิถุนายน 2552, 21:52:20
ขุนแผนลองพิมพ์ใหญ่ ลป.ทิม พุทธคุณยอดเยี่ยม ราคาวิ่งปรู๊ด


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 14 มิถุนายน 2552, 21:54:48
 emo29:P:  ลงรูปไม่ได้แฮะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 14 มิถุนายน 2552, 22:26:44
ลงในอัลบัมไว้ก็แล้วกันครับ นานๆแวะมาเยี่ยมที เพื่อนๆสบายดีกันทุกคนนะครับ นอนหลับฝันดีครับ emo40:: emo31:bye:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 15 มิถุนายน 2552, 07:39:14
กระทู้พระเครื่องคืนชีพ!!!


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 15 มิถุนายน 2552, 08:12:47
เฮ้ย..ไอ้ก๋งรึเปล่า เล่นพระด้วยหรือนี้ ขุนแผนนี้ของท่านเองรึเปล่า..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 15 มิถุนายน 2552, 19:57:13
ของผมเองครับเซียนโต้ง มีอยู่องค์เดียวยที่เช่าแล้วเมียเคืองเป็นเดือนๆ  emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 มิถุนายน 2552, 08:14:04
เฮ้ย..ลงรูปด่วน มรึงลองอ่านวิธีลงดีๆ ง่ายจะตาย กรูอยากเห็น..

บอกเมียว่า อีก 5 ปี ราคาขึ้น อย่ามาเอาตังค์ส่วนเกินที่ขายได้แล้วกัน 55

ส่วนกรูหลวงปู่ทวดปี 05 ตั้งแต่พิมพ์เล็กขึ้นไปยันใหญ่ A มีครบชุด แต่ฝากญาติไว้เลยมิได้มีรูปเอามาให้ดู..อันนี้บอกแม่ไม่ได้เหมือนกัน มีหวังบ้านแตก..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 16 มิถุนายน 2552, 08:24:07
คลิ๊กดูที่แกลลอรี่ได้เลยครับ เซียนโต้ง 
 emo29:P:   เสียตังค์กะพระดีก่าเสียตังค์กะ she ครับ emo29:P:
"ส่วนกรูหลวงปู่ทวดปี 05 ตั้งแต่พิมพ์เล็กขึ้นไปยันใหญ่ A มีครบชุด แต่ฝากญาติไว้เลยมิได้มีรูปเอามาให้ดู..อันนี้บอกแม่ไม่ได้เหมือนกัน มีหวังบ้านแตก.." <------------------------------ เงินถุงเงินถัง กลายเป็นเซียนใหญ่ไปเสียแล้ว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 16 มิถุนายน 2552, 09:13:55
เพื่อนๆที่สนใจวงการพระเครื่อง ถ้าจะเล่นพระ ใช้แล้วมีประสบการณ์ ปล่อยเช่าต่อได้กำไร เล่นสายระยอง ไม่ผิดหวังแน่นอน
เดือนที่แล้วผมเจอหมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม ร้านพระที่เคยไปบ่อยๆ นั่นก็เล่นสายระยองเหมือนกันครับ
ช่วงนี้ขุนแผนหลวงปู่ทิม ราคาอัพกันทุกเดือน เข้าไปดูได้ที่ Uamulet.com องค์นี้ก็ได้มาจากเว็ปนี้แหล่ะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 17 มิถุนายน 2552, 12:31:44
เพื่อนก๋ง หลวงพ่อเงินที่มีเป็นของวัดดอนยายหอมน่ะ พิมพ์เข่าลอย ไม่สวยมากเพราะมีหล่อไม่ติดนิดหน่อย

ว่าแต่หลวงพ่อพรหมของเพื่อนสิงคโปร์ปล่อยรึเปล่า อยากได้ๆ..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 17 มิถุนายน 2552, 12:37:03
ไม่ได้ปล่อยครับเซียนโต้ง มันเก็บอย่างเดียว เห็นบอกว่ามากรุงเทพเดือนละครั้ง มาเอากับงานประกวด เอาไปพร้อมๆกับเบอร์ 1,2,3 แล้วก็ลงรูปไว้ให้คนไทยเสียดายซะงั้น


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 17 มิถุนายน 2552, 14:57:36
ไหนๆก็พูดถึงลพ.พรหม วัดช่องแค แล้ว ถือโอกาขอความรู้จากเซียนโต้งพร้อมกันเลย สงสัยว่าลพ.ด้านไหนครับ ทำไมคนเล่นกันเยอะ ความรู้ผมน้อยเคยได้ยินว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ (แต่สายนครสวรรค์ยังไงๆผมก็ยังชอบลพ.เดิมวัดหนองโพธิ์ มากกว่า ราคานี้เอามีดหมอสามกษัติรย์ไม่ดีก่าหรือครับ ) อย่างอื่นไม่รู้เลยครับ ช่วยขยายความเป็นวิทยาทานด้วยครับเซียนโต้ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 18 มิถุนายน 2552, 08:50:01
ไม่รู้เว้ย..ยังไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เห็นสวยดี และเป็นพระหล่อ ตามสเปค ก็เลยอยากได้..

อยากได้หลวงพ่อเงิน อัลปาก้า คอแอล ด้วยน่ะ..โอย  อยากได้ไปหมด..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 18 มิถุนายน 2552, 10:05:32
 emo29:P:   


หัวข้อ: ความเป็นมาของผงพรายกุมาร(ที่กลายเป็นตำนานไปแล้วในตอนนี้)
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 มิถุนายน 2552, 11:07:41
          อย่างนั้นผมขอพูดเรื่องผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ที่ปัจจุบันราคาเล่นหากันหลายแสนบาท สมกับวลีที่ท่านได้กล่าวไว้กับลูกศิษย์ว่า"อีกหน่อย พลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ" นี่คือคำพูดของหลวงปู่ที่กล่าวไว้ประมาณช่วงปี 2517-18 เมื่อเร็วๆนี่ก็มีเกจิเลียนแบบวลีนี้ ราคาพระวิ่งไปพักหนึ่งแล้วก็เงียบไป เนื่องจากพระไม่มีพุทธคุณ หรือที่วงการเรียกว่า พระไม่มีประสบการณ์ สำหรับพระเครื่องของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่นั้นทำสถิติราคาใหม่ๆเดือนต่อเดือน อะไรที่เป็นสาเหตุให้พระเครื่องสายนี้ราคาไม่ตกเหมือนระปั่นทั่วๆไป สาเหตุกเพราะผงพรายกุมารที่เป็นส่วนผสมในการสร้างนั่นเอง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 19 มิถุนายน 2552, 11:55:55
อยากได้อีกแล้วอ่ะ..มีงบแค่องค์เดียว จารย์ก๋งแนะนำหน่อยสิ ยังไงก็ยังอยากเล่นพระหล่อโบราณอยู่ดี..เข้ากล้องแล้วมันชอบๆๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 มิถุนายน 2552, 12:56:50
พระหลวงปู่ทิม หล่อโบราณไม่มีที่ทันลป.เลย เซียนโต้งผมอ่านในประวัติท่าบอกว่าให้นี่(หมายถึงตัวท่านเอง) เสีย(ตาย)ก่อนแล้วค่อยสร้าง เป็นพวกเหรียญได้ป่าวครับ เหรียญห่วงเชื่อม หรือเจริญพร ประมาณนี้ ราคายังไม่แรงมาก ไม่เกิน 4 หมื่นประมาณนี้ ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นสุดยอดของทางโลหะ ต้องกริ่งชินบัญชรราคาอยู่ระหว่าง 3-5แสน ขึ้นกับความสวย และหมายเลข เลข1หลักจะโคะตะระแพง ที่ฮ็อตๆก็เป็นหนุมานเล่นหากันประมาณ 6หมื่น ส่วนเนื้อผง เป็นขุนแผน พิมพ์นิยม 2 แสนขึ้น(ทำท่าจะวิ่งไปถึงล้าน โดยเฉพาะองค์งามๆ) ลองพิมพ์อบล็อคสอง ก็หย่อนลงมาหน่อย ราคาอัพเดท เดือนต่อเดือน อยากชมพระหรือบรรยากาศการประมูล www.uamulet.com เลือกกระดานที่1 ลป.ทิม วัดละหารไร่ หรือไม่ก็  www.ittiyano.com เว็ปเป็นพระใหม่กับพระเก่า มีเซียนสายจันทบุรีคอยตอบปัญหาให้ ลองแวะเข้าไปชม ผมโม้อยู่เว็ปนี้ อิอิอิ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 มิถุนายน 2552, 22:40:46
      ขอหยิบยกเอาเรื่องผงพรายกุมาร ผงอาถรรพ์ในตำนานมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ความเป็นมาของผงพรายฯอันลือลั่น ว่าทำไมสนนราคาแพงลิบลิ่ว ในวงการพระเครื่องยอมรับเกจิอาจารย์ 2 รูปที่ปลุกเสก(สาย)กุมาร แล้วมีประสบการณ์(ขลัง) คือ 1.ลพ.เต๋ คงทอง วัดสามง่าน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม 2.ลป.ทิม วัดละหารไร่(เดิมชื่อวัดไร่วารี) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง การปลุกเสกกุมารทองนั้นหากว่าอาจารย์ผู้ปลุกเสกไม่มีวิทยาคมแก่กล้าพอ กุมารที่ปลุกเสกขึ้นมาจะดุร้าย เกินกว่าที่จะควบคุมได้ หรือที่เรียกกันว่าเฮี่ยน ส่วนมากพวกนี้คือผีจริงๆที่ถูกสะกดวิญญานไว้ในรูปปั้น หากผู้เลี้ยงทำอะไรไม่ถูกใจ เช่นลืมเซ่นอาหาร หรือเซ่นไม่ตรงเวลา ก็จะอาละวาดเข้าสิงคนในบ้าน แล้วแต่จะทำ แต่สำหรับเกจิอาจารย์ทั้ง2 ที่กล่าวมายอมรับกันว่า "มีแต่คุณไม่มีโทษ" คือกำกับคาถาไว้ดีแล้วกุมารก็จะไม่มีนิสัยดุร้าย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ti2521 ที่ 19 มิถุนายน 2552, 22:58:33
 

     .....คุยกันมันเลยนะน้อง.....


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 มิถุนายน 2552, 23:04:40
      ถึงแม้ว่าเกจิทั้ง2รูปจะเชี่ยวชาญวิทยาคมด้านนี้ แต่วิธีการทำกุมารของท่านทั้งสอง ต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับตำรับลพ.เต๋ คงทองนั้นมาจากสายเขมร ใช้ดิน อาถรรพ์ 7 ป่าช้า เสกไล่ธาตุ หนุนธาตุ จนเกิดจิตวิญญาณ มีความรู้สึกนึกคิดเฉกเช่นเด็กคนหนึ่ง สมัยนั้นเล่ากันว่าเสกจนกระดุกกระดิกได้ถึงจะถือว่าใช้ได้(คล้ายๆตำนานเขี้ยวเสือ ลพ.ปาน วัดบางเหี้ย) วิธีการบูชานั้นก็ต้องเซ่นสรวงด้วยอาหารคาว หวาน อย่างน้อยวันละ 1มื้อ ที่เห็นนิยมกันมากๆคือ น้ำแดง กุมารทองลพ.เต๋นั้นเชื่อกันว่าเป็นเทพกุมาร เมื่อเวลาอธิษฐานขอเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช้ากว่าจะสัมฤทธิ์ผลตามคำขอ ต่างกับกุมารที่สร้างจากผีจริงๆจะเร็วแต่ให้ผลร้ายในภายหลัง เมื่อสำเร็จตามคำขอก็อาจจะให้แก้บนตามที่บนบานไว้ ในบันทึกใบฝอยบอกไว้ว่าเป็นของเล่นเด็กหรือเครื่องประดับสร้อยสังวาลย์.....ฯลฯ เรื่องที่บนบานนั้น สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบางขึ้นอยู่กับอิทธิฤทธิ์ของกุมาร ซึ่งหมายความว่าผู้เลี้ยงต้องใส่บาตร ถือศีล นั่งสมาธิ แล้วแต่สะดวก แล้วอุทิศส่วนกุศลให้จึงทำให้ฤทธิ์เดชของกุมารทองนั้นเพิ่มพูลทวี คนๆหนึ่งจะเลี้ยงกุมารได้กี่ตน บางท่านว่าไม่เกิน 3 ผมเคยสอบถามที่วัดบอกว่ากี่ตนก็ได้แต่ห้ามเลี้ยง 3 เด็ดขาด เพราะอะไรนั้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อจะเช่าบูชาต้องไปเช่าเองที่วัด ลพ.ท่าน(ตอนนี้เป็นลพ.แย้มอายุ 80กว่าๆแล้วครับ รีบหน่อยถ้าใครสนใจ...จะได้รับของแท้รับจากมือท่านโดยตรง)จะเสกซ้ำให้อีกที ผู้เช่าตั้งชื่อและอุ้มขึ้นรถ ก่อนกลับบ้านให้เรียกกลับบ้านไปด้วย ก่อนเข้าบ้านจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เสียก่อน(จุดธูป 5 ดอก) ตัวเองเลี้ยงไว้แค่10 ตอนได้มาใหม่ๆตอนตีสองต้องตื่นขึ้นมาเฉยๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรบอกว่า มันมาแล้วจากนั้นหมาหอนกันเกรียว เป็นอย่างนี้อยู่เป็นอาทิตย์ แม้แต่ในฝันยังมีเด็กมาหยอกล้อ พอใส่บาตรอุทิศส่วนบุญบอกกล่าวให้(อย่ากวนพ่อเลยลูก....ถ้าไม่อยากกลับไปอยู่ที่วัดเหมือนเดิม) ส่วนมากดีไปในทางค้าขาย ลูกค้าเข้าร้านเยอะแทบไม่มีเวลากินข้าวกินปลา ถ้าช่วงไหนไม่บนบานเซ่นสรวงก็ตกลงสลับกันเป็นพักๆ (ประสบการณ์ของผมเอง)
______________________________________________________________________________________________________________
ข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยครับ emo30:sorry:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 มิถุนายน 2552, 23:05:33
สวัสดีครับพี่


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 มิถุนายน 2552, 23:51:19
          ส่วนตำรับผงพรายกุมารลป.ทิม วัดละหารไร่ นั้น ทำมาจากผงเถ้ากระดูกเด็กตายทั้งกลม ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เอามาทั้งกระดูกแม่และกระดูกเด็ก ตำบดจนละเอียดผสมกับว่านพุทธคุณต่างๆ แล้วปลุกเสกซ้ำ(ลป.ทิมปลุกเสกเดี่ยว) อีกที....กระบวนการนี้จะปั้นผงพรายกุมารขนาดเท่าแท่งช็อค เพื่อนำไปเขียนอักขระ(ในกระดานชนวน)และลบผง<-------------ขั้นตอนสำคัญ การลบผงนี้เหมือนการลบผงของพุทธาจารย์โตพรหมรังษี คือผงที่ลงอักขร+สมาธิอันแก่กล้าสามารถเร่งเร้ากดดันให้อนุภาคผงที่ลบทะลุผ่านกระดานชนวนลงไปตกที่ผ้าขาวที่รองรับผงอยู่ด้านล่างได้ จากบันทึกที่อ่านเจอลูกศิษย์ใกล้ชิดลป.ทิมเล่าว่า หลวงพ่อท่านลบผงทะลุกระดานชนวนตกลงไปทะลุผ้าขาวที่รองรับอยู่ถึง 7 ชั้น ลงไปกองอยู่กับพื้นโบสถ์(ดูเอาเถอะครับฌานสมาธิจิตลป.ขนาดไหน)  ลำดับต่อจากนั้นนำผงพรายที่เสกแล้วไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆภายในบริเวณเพื่อให้พรายออกมาหลอกคน จากที่หนึ่งเปลี่ยนที่จนครบ 3 รอบ(ปรื๋ยยยยยศ์!!!) จากนั้นจึงนำผงพรายกุมารไปสร้างพระคือผสมลงไปในผงว่านหรือปูนขาวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งความเฮี้ยนของผงพรายนี้เริ่มต้นตั้งแต่ ตอนขุดศพแม่ขึ้นมาจากหลุมลนคางเอาน้ำมัน(ผีดุมาก ถ้าไม่มีอาคมไปไม่รอด) จนไปถึงการตำผงพราย ว่ากันว่าเมื่อพรายสำแดงอิทธิฤทธิ์ทำให้ครกหินที่ใช้ตำแตกออกเป็น 2 เสี่ยง หรือไม่ก็เกิดไฟสีเขียวลุกท่วมครกไม่สามารถดับได้คนตำต้องไปตามหลวงปู่มาดับเอง(ผงที่เหลือจากไฟไหม้จึงดำเป็นถ่าน เรียกว่าขุนแผนเนื้อดำราคาแพงสมกับความแรง) ขณะที่ลป.ทิมปลุกเสกนั้นได้อัญเชิญวิญญาณเด็กที่ตายทั้งกลมในบริเวณป่าช้านั้น และที่ผ่านไปผ่านมาให้เข้ามาสิงสถิตย์ในเนื้อผงพรายนั้น ดังนั้นพระของลป.จึงมีดวงวิญญาณ(พราย)มากมายมหาศาลอัดแน่นอยู่ในองค์พระ ต่างจากกุมารทองลพ.เต๋ที่เสกขึ้นมาเป็นกุมาร 1ตน ลป.ทิมเคยบอกลูกศิษย์ครั้งหนึ่งเมื่อเห็นว่าใช้ผงพรายมากเกินไปทำให้สร้างพระได้น้อยว่า 'ใส่มากใส่น้อยก็มีค่าเท่ากัน ผงพรายกุมารของนี่(หมายถึงตัวท่านเอง) เหมือนยาพิษ' เหมือนยาพิษหมายความว่าเมื่อใส่ลงไปแล้วก็จะกระจายไปทั่ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าวิญญาณพรายเข้มข้นมากมายมหาศาลอยู่แล้ว ครั้งหนึ่งมีลูฏศิษย์ท่านห้อยพระขุนแผนของท่านเข้าไปกราบเกจิอาจารย์ทางอยุธยา(ลป.ดู่วัดสะแก) พอเห็ฯเดินมาแต่ไกลท่าท่านทักว่า "ไอ้พวกนี้มาแปลก เอาผีมาด้วย"  เมื่อลูกศิษย์ถามท่านตอบว่า "ข้าเห็นไอ้พวก 4 คนนั้นพาผีตามมาเป็นพรวนล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด" เมื่อศิษย์ลป.ทิมเข้าไปกราบท่าน ท่านถามว่า "อาจารย์พวกเอ็งเป็นใครวะ" เมื่อศิษย์ลป.ทิมทราบความจึงถามท่านว่า"ผีที่ไหนครับ" ลป.ดู่บอกว่า "ออกมาจากพระที่คอของพวกเอ็งยังไงเล่า" .................................นี่คือหนึ่งในความพิสดารที่เล่าขานกันมา ปัจจุบันผู้สืบทอดวิชาท่านคือลพ.สาคร วัดหนองกรับ ทุกคนยอมรับโดยทั่วกันว่าหลังจากลป.ทิมมรณภาพแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถสร้างผงพรายกุมารได้อีกเป็นครั้งที่สอง และเป็น เกจิอาจารย์รุ่นหลังที่พอจะมีชื่อเสียง(วิทยาคม)เทียบเท่าเกจิอาจารย์ในยุคโบราณกาล สำรับวิชาการทำผงพรายกุมารนั้นไม่มีใครทราบที่มาว่าท่านร่ำเรียนมาจากสำนักใด นี่คือเกียรติคุณของลป.ทิม วัดละหารไร่
           สำหรับพุทธคุณที่ผมกล่าวอ้างถึงบ่อยๆที่รวบรวมได้ก็มีดังนี้ครับ  1.สามารถอธิษฐานขอเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เหมือนกุมารทองทั่วๆไปแต่ไม่ต้องเซ่นสรวง(พวกนี้เป็นผีที่ถูกบวช=ให้ถือศีล ดังนั้นเวลาฝันเห็นจะเห็นใส่ชุดขาวเป็นส่วนใหญ่ อาจจะใส่บาตรอุทิศให้เป็นครั้งคราวได้) สัมฤทธิ์ผลได้ไวเนื่องจากพรายที่องค์พระมีจำนวนมาก 2.แคล้วคลาด......สามารถดลใจผู้ครอบครองให้รอดพ้นภัยอันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ผมเคยรอดจากการประสานงากันแก็งค์เด็กแว้นมาแล้ว เพราะพรายดลใจให้ไม่แซงรถกระบะคันหน้า หลังจากนั้นก็เห็นรถเด็กแว้นเลนตรงข้าม เกี่ยวกันล้มกลิ้งหกคันซ้อนโคตรสยองเลยครับ) 3.ดีในทางค้าขายลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก ทำอะไรก็ดีไปหมด เพราะแบบนี้มันถึงได้แพงลิบลิ่ว 4.มหาเสน่ห์ ในพระบางรุ่นโดยเฉพาะขุนแผน มีน้ำมันอาถรรพ์อายุร่วม 200ปีผสมอยู่(ติดตามอ่านเพิ่มเติมในเว็ปที่ผมลงไว้) ท่านอาจจะไขปริศนา สติกเกอร์ผู้หญิงสวมกางเกงท้ายรถสิบล้อได้จากประสบการณ์ตรงๆไม่ต้องคิดให้ปวดกะบาล บางคนขูดเอาเนื้อพระแอบใส่ให้ผู้หญิงกินจนเกิดหลงไหลตามมาถึงบ้าน แต่วิธีนี้ทำให้เกิดผลร้ายกับผู้กระทำในที่สุด 5.เป็นมหาอุตต์ มีมือปืนที่ห้อยพระขุนแผนผงพรายกุมารถูกระดมยิงแต่กระสุนไม่ระคายผิวเพียงแต่แฉลบออกไปด้านข้าง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
           เป็นเรื่องเล่าที่พอจะรงบรวมมาได้ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้ลง แต่ข้อดีของพระสายนี้คือ พุทธศิลป์งดงาม(พระสวย) คนนิยมเล่นหากันมาก(ส่วนมากเป็นพวกมีตังค์) ราคาเช่าได้(ครั้งเดียว)....ถ้าปล่อยแล้วไม่มีปัญญาเช่าคืนมาได้ ดูง่าย(ศัทพ์วงการว่าแท้ 100เมตร หมายความว่า ยืนห่าง 100 เมตรดูยังรู้เลยว่าแท้ ขนาดนั้น)
วันนี้ผมขอนอนก่อนนะครับ วันหลังจะมาฝอยต่อ  emo31:bye: emo:(


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 22 มิถุนายน 2552, 07:28:29
post มาเรื่อยๆ ไอ้ก๋ง
ตรูรออ่านอย่างเดียว
(เพราะไม่มีความรู้)

ตาแครม


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 22 มิถุนายน 2552, 11:32:00
ถูกต้อง..ประวัติอะไรกรูไม่รู้มากหรอก..เก็บอย่างเดียว..

มีเก็บพระในหลวงมั่งรึเปล่า กรูมีกริ่งศิริราช พระบูชา ภปร.5นิ้วปี 08 (องค์นี้รักมากๆ..สวยมากครับ) แล้วก็ปวเรศรุ่น 2

แทรกไปงั้นๆล่ะ จารย์ก๋งเล่าต่อ..

ต่อจากเรื่องนี้ ก็เรื่องผงอิทธิเจของหลวงพ่อปานต่อเลยนะจารย์ก๋ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 22 มิถุนายน 2552, 20:29:24
    เน็ตโรงบาลเสียครับโพสต์ไปหนึ่งหน้ากระดาษหายหมด emo7:(:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 23 มิถุนายน 2552, 03:46:20
อ้างอิงจากบทสนทนา ระหว่าง คุณชินพร สุขสถิตย์ และลป.โ ในเวลานั้น จากเว็ปไซด์ของศิษยานุศิษย์ลป.ดู่
http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=1330
อันนี้ฉบับเต็ม ผมมีหนังสือของคุณชินพรอยู่อีกเล่ม แต่ตอนนี้หาไม่เจอไม่รู้อยู่ที่ไหนไว้รอมีเวลาว่างจะค้นมาลงให้ได้อ่านกันครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 23 มิถุนายน 2552, 03:50:16
ตำนานผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกดพิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า “ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ “ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับ จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 23 มิถุนายน 2552, 07:26:06
        เรื่องศพหญิงตายทั้งกลมนั้น คุณชินพร สุขสถิตย์ได้บันทึกไว้ว่า เป็นญาติของนายกุหลาบเอง(ชื่อส้ม) ใช้ปืนยิงตัวตายเพราะน้อยใจสามี นายกุหลาบเป็นผู้บอกกล่าวให้ลป.ทิมทราบ ลป.ทิมบอกนายกุหลาบว่าค่ำวันนี้ให้เตรียมตัวไปเอาของดี เมื่อถึงเวลาพลบค่ำนายกุหลาบ กับนายสาย มาพบลป. ท่านเตรียมของไว้ให้ ตอนแรกพวกของนายกุหลาบคิดว่าลป.จะเป็นผู้นำในภารกิจนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆท่านหยิบข้าวของที่ใช้ทำพิธีให้ แล้วก็บ่ายหน้าขึ้นกุฏิปิดประตูเงียบไม่ออกมาอีกเลย......... emo47
        นอกจากกระโหลกพรายแล้ว นายกุหลาบยังได้ติดสินบนสัปเหร่อให้เผาไหม้ไม่หมด ก่อนวันเผาได้ทำพิธีขอนำมันจากพรายส้ม โดยใช้กระป๋องโอวันตินฝังไว้ใต้ศพตรงบริเวณที่เด็กอยู่ทำให้ได้ทั้งน้ำมันทั้งและลูก ถ้าแม่เค้าไม่ยอมน้ำมันจะไม่ตกลงในกระป๋อง แต่หลังจากเผาไฟปรากฏว่าน้ำมันอยู่ค่อนกระป๋อง และได้หนังศีรษะพร้อมเส้นผมอ่อนของเด็กมาด้วย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 23 มิถุนายน 2552, 15:27:46
       คราวนี้มาถึงเรื่องขุนแผนผงพรายมหาภูติ หรือที่เรียกกันติดปากว่าขุนแผนผงพรายกุมารนั้น เป็นพระที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการปั๊มพระออกมาเกินจำนวนและพระส่วนหนึ่งก็ไม่ทันลป.ทิมปลุกเสก เดิมทีลป.ทิมเรียกพระพิมพ์นี้ว่า ยอดขุนพลบ้านค่าย กรรมวิธีการสร้างก็มีเคล็ดทุกขั้นตอน ยังไงผมขอค้นหนังสือให้เจอก่อน เล่าจากความจำมันเพี้ยนไปจากเนื้อเรื่องจริงไปบ้าง จะโดนข้อหามั่วนิ่ม


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.EggMan ที่ 24 มิถุนายน 2552, 02:32:19
 emo42

เข้ามาติดตาม อาจารย์ก๋งครับ



หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 24 มิถุนายน 2552, 07:31:43
สวัสดีครับเพื่อนไข่ ยังไม่เก่งพอจะเป็นอาจารย์ได้ครับ ยังดูพระไม่ขาดเลย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 24 มิถุนายน 2552, 08:12:38
     ในระหว่างที่รอหนังสือ ขอเล่าเท่าทีจำได้นะครับ พระขุนแผนผงพรายกุมารเริ่มแรกนั้น ลป.ทิมให้ลุงแมงซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้กดพิมพ์แต่เพียงผู้เดียว (สมัยก่อนเด็กที่ขี้โรค จะถูกนำไปฝากพระเลี้ยง) ซึ่งท่านเป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่า สีหราช(ราชสีห์ หมายถึงอำนาจ) อัมฤทธิ์(ผู้ไม่ตาย เป็นมหาอุตต์)  โดยไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือ แม้จะมีผู้เสนอตัวก็ตาม อีกทั้งขณะกดพิมพ์ต้องนุ่งขาวห่มขาวรีลเสียก่อน เสร็จแล้วก็ต้องอาบน้ำมนต์ที่ท่านเสกทุกครั้งก่อนจึงจะกลับบ้านได้ นัยว่าป้องผีตามกลับบ้านไปด้วยนั่นเอง นี่เป็นเคล็ดที่มีเฉพาะในขุนแผนที่สร้างขึ้นเป็นพิมพ์แรก ต่อมาเรียกว่า บล็อคลองพิมพ์นั่นเอง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 24 มิถุนายน 2552, 11:11:35
ชอบว่ะ จารย์ก๋ง แนะนำให้พิมพ์ไว้เรื่อยๆ มันเป็นบันทึกข้อมูลของเราไปด้วยในตัว อ่านแล้วมันส์ดีว่ะ..กรูประเภทเช่าอย่างเดียว ไม่ค่อยจำประวัติเท่าไหร่


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 มิถุนายน 2552, 07:51:28
      ขอบคุณครับเซียนโต้ง ลุงแมงกดพิมพ์ อยู่ทั้งหมด 18 วัน ในระหว่างนั้นใช้ผงพรายกุมารที่ตำรวมกับว่านพุทธคุณต่างๆ ใช้น้ำมันพระเจ้าตาก(อันนี้มีที่มาต้องขยายความอีกที)เป็นตัวประสาน บล็อคใช้กดพิมพ์ในตอนนั้นใช้หินมีดโกนทำ ส่วนชื่อคนแกะบล็อคผมจำไม่ได้ ทราบว่าเป็นช่างกรมศิลป์ ระหว่างที่ลุงแมงไม่ได้กดพิมพ์ บล็อคว่างลง รองเจ้าอาวาส(หลวงตาบาง)ได้นำบล็อคไปกดพิมพ์พระขึ้นมาอีกโดยใช้ผงพรายกุมารผสมกับกระยาสารทที่ชาวบ้านนำมาใส่บาตร เรียกพิมพ์นี้ว่าลองพิมพ์เนื้อกระยาสารท มีประมาณ 800 องค์ ออกประมูลครั้งสุดท้าย 2 อาทิตย์ก่อนปิดที่ แสนห้า พิมพ์นี้วงการเล่นหากัน หลวงตาบางกดพิมพ์ไปได้พักหนึ่งก็ทำบล็อคพิมพ์หล่นพิ้น แตกหัก ลุงแมงเล่าว่าตอนนั้นกดพระไปได้ประมาณ 2000 องค์ บล็อคหินมีดโกนก็ชำรุด พระ 2000 องค์นั้นเรียกบล็อคลองพิมพ์หินมีดโกน ในระหว่างที่กดพิมพ์นั้น ลป.ทิมเป็นผู้ควบคุมการกดพิมพ์ของลุงแมงเอง เมื่อเห็นว่าสิ้นเปลืองผงพรายกุมารไปมาก จึงบอกลุงแมงให้ใส่ผงพรายลงไปน้อยหน่อย ตามที่เคยบอกไปแล้วตอนแรกว่า "ผงพรายกุมารของนี่ เหมือนยาพิษ จะมากใส่น้อยก็มีคาเท่ากัน" คุณชินพรสุขสถิตย์เล่าว่าจากปากคำลุงแมง พอลป.ทิมคล้อยหลังไปลุงแมงก็หว่านผงพรายกุมารลงไปแบบไม่มีอั้นเหมือนเดิม ทำให้บล็อคนี้บางองค์มีสีสันออกไปทางน้ำตาลเข้ม เหมือนผงยานัตถุ์สมัยก่อนเรียกว่า ลองพิมพ์เนื้อยานัตถุ์(มีน้อยว่ากันว่ามีไม่เกิน 10 องค์) ซึ่งเป็นพิมพ์ที่มีประสบการณ์มากที่สุด ราคาเล่นหากันประมาณแสนสอง ขึ้นกับสภาพพระ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: อ้อย17 ที่ 25 มิถุนายน 2552, 08:42:45
น้องก๋ง..
     ชอบมากเลย..พี่ไม่มีบุญ เลยไม่เคยได้ไปวัดละหารไร่สักที วัดอื่นๆหลายวัดได้ไป เคยได้กราบไหว้พระเกจิหลายองค์ เสียดายจริงๆที่ไปไม่ถึงวัดลป.ทิม..อ่านที่น้องเล่ามา มันส์มาก..เล่ามาอีกเยอะๆนะ  พี่ชอบ..ขอบคุณมากที่เอาเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟัง..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 มิถุนายน 2552, 11:29:16
   ขอบคุณครับพี่อ้อย กำลังรื้อบ้านหาหนังสืออ.ชินพร -_-' เจอแมงสาปหลายตัวแล้วครับยังไม่เห็นเงาหนังสือเลย สงสัยได้ซื้อใหม่อีกเล่ม


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 มิถุนายน 2552, 15:16:39
   หลังจากที่บล็อคหินมีดโกนเสียหายแล้ว ช่างคนเดิได้แกะบล็อคใหม่ขึ้นจากทองเหลือง (บล็อคที่แตกชำรุดคือบล็อคพิมพ์ด้านหน้า) โดยยังคงใช้บล็อคหลังอันเดิม ส่วนจำนวนที่ปั๊มมาใหม่ ผมจำไม่ได้ รู้สึกว่าจะ 5000 องค์ แต่ว่าในระหว่างที่ หลวงตาบางกดพิมพ์กระยาสารทอยู่นั้น เนื่องจากไม่มีใครเคยสร้างพระมาก่อนจึงไม่ทราบวิธีทำให้พระอยู่ทรง พระที่กดพิมพ์ได้ส่วนใหญ่บิดและงอ ส่วนใหญ่ถูกสาดทิ้งลงแม่น้ำไปหมด หลวงตารอด(พระจากที่อื่น)มาพบเข้าจึงแนะนำให้ผสมปูนขาวลงไป ประกอบกับมีการนำบล็อคพิมพ์ไปเซาะใหม่ กลายเป็นพิมพ์นิยม ซึ่งภายหลังจากที่ ลป.ทิมมรณภาพแล้วนั้น พระยอดขุนพลบ้ายเกิดมีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขวัญมากมายเป็นวงกว้าง ทำให้สนนราคาสูงขึ้นเป็นหลักหมื่นภายในเวลาไม่กี่ปี แต่บล็อคที่ทุกครู้จักกันดีก็คือบล็อคที่ผสมปูนขาวลงไปเรียกว่า บล็อคหนึ่ง ส่วยบล็อคลองพิมพ์ที่มีเนื้อผงพรายเข้มข้นกว่านั้นถูกตีเป็นบลอ็คสอง จนถึงปัจจุบัน ราคาพระบล็อคลองพิมพ์ยังคงห่างจากพิมพ์นิยมอยู่ 2-3เท่าตัว ถึงแม้จะมีการสืบสวนจากผู้กดพิมพ์และกรรมการวัดในขณะนั้น ซึ่งทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ แต่ราคาของพิมพ์นิยมก็วิ่งไปไกลมากแล้ว อีกทั้งโต๊ะเซียนทั้งหลายบางค่ายก็ยังไม่ยอมรับบล็อคลองพิมพ์กัน แม้จะไม่ย้งไม่มีใครกล้าโต้แย้ง แต่ก็ไม่มีใครซื้อเข้า(ในสายที่เล่นพิพม์นิยมมาก่อนนานแล้ว) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ลุงแมงเล่าว่าพิมพ์นิยมนั้นยังมีอีก 3 กระสอบปุ๋ยที่ลป.ทิมยังไม่ทันได้ปลุกเสกก็มรณภาพไปเสียก่อน เรื่องพิมพนิยมนั้นจะเล่าในภายหลัง ในระยะแรกมีผู้ปฏิเสธบล็อคลองพิมพ์ลป.ทิม ทำให้เสี่ยตี๋ บ้านค่ายผู้มีอันจะกินในอ.บ้านค่ายออกมาท้าทายโต๊ะเซียนทั้งหลายหากใครกล้ายืนยันจะให้รางวัล 1 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นอันจบไป ในระหว่างที่ผมกำลังจดๆจ้องๆพระบล็อคลองพิมพ์อยู่นั้นมีเซียนสายเมืองจันท์ท่านหนึ่งแนะนำว่า ซื้อเข้าได้ไม่เกิน 3 หมื่น ราคาในช่วงเดือนมกราคมปีนี้(52) อยู่ที่ประมาณ 2-3 หมืนบาท หลังจากที่เข้าไปดูการประมูลพระในเว็บ uamulet ด้วยความอยากได้ไปด้วยราคาแสนแพง 5.7 หมื่น เพื่อนที่สิงคโปร์เจ้าของลพ.พรหมองค์แชมป์ยังบอกแพง หลังจากนั้นเดือนเดียว บล็อคราคากระโดดข้าม 5 หมืนทุกองค์ ตอนนี้ไม่มีใครยอมปล่อยที่ราคานี้อีกต่อไปแล้ว พระพิมพ์นี้หายไปจากกระดานทีละองค์ จนเงียบไปเลบ เห็นถูกๆประมาณ 4หมื่น แต่มีรอยร้าวรานทั่วองค์ เป็นพิมพ์ที่น่าสนใจครับ ผมกำลังตามล่าเนื้อยานัตถุ์.....แต่ยังหาของไม่ได้เลยครับ -_-'
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd813826_3538430_2034071_8724967photo.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd67956_7691636_1130560_4958606photo.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 26 มิถุนายน 2552, 12:14:06
ตอนแรกเห็นมันเยอะก็ขี้เกียจอ่าน
แต่พออ่านแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งมัน
หุหุ

ตาแคม


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 26 มิถุนายน 2552, 13:34:10
จารย์ก๋งเขียนไปเรื่อยๆเดี๋ยวทำหนังสือได้..

แต่อ่านแล้วมันส์จริงๆว่ะ..กรูนึกว่าไอ้แครมมนะมันส์กับหนังสือแบบอื่นอย่างเดียวนะเนี่ยะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: อ้อย17 ที่ 27 มิถุนายน 2552, 19:46:37
                        อ่านเรื่องของน้องก๋งแล้ว ก็วิ่งไปเปิดตู้ดูพระมั่งเผื่อจะมีหลงมาบ้าง แต่ก็...แป่ววว...กิเลศขึ้นนะ..อยากได้มั่งอ่ะ..
          แต่ถ้าราคาขนาดนั้น ขอชมภาพไปก่อนนะ น้องก๋งเอาภาพมาลงด้วยดิ เผื่อจะเจอหลงมาบ้าง... emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 28 มิถุนายน 2552, 13:37:37
 emo29:P: ตกลงยังไม่เคยมีใครเห็นรูปที่ผมโพสต์ไว้ที่ แกลลอรี่ เลยใช่ไหมครับ เอาเว็ปลิงค์ไปแทนก็แล้วกันครับ

http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_smf&Itemid=2&topic=746.15


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: อ้อย17 ที่ 28 มิถุนายน 2552, 17:15:26
                ตามไปดูแล้วน้องก๋ง...สวยมากจริงๆ..กิเลศพุ่งจิ๊ดอีกแล้ว...


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.EggMan ที่ 29 มิถุนายน 2552, 06:02:40
 emo4:))

เข้ามาอ่านครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 มิถุนายน 2552, 07:58:24
พระปิดตาบัวผุด จักพรรดิ์พระปิดตาสายลป.ทิม ของเซียนวุธ(พ่อค้าพลอย) เมืองจันท์
http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_smf&Itemid=2&topic=651.msg1953#msg1953
องค์นี้เป็นองค์ที่สองที่ได้ครอบครอง ขอบใจน้องมินท์มันตาที่แบ่งให้พี่ พี่จะเก็บทะนุทะนอมไว้อย่างดีไม่ต้องห่วง

ในบรรดาพระปิดตาของหลวงปู่ทิม ถือว่าพระปิดตาบัวผุด เป็นสุดยอดพระเครื่องอันดับ 1 ของท่าน ท่านได้นำบัววิเศษที่แปลกประหลาดไม่เหมือนบัวบนโลกมนุษย์ที่ขึ้นจากอ่างไม้ล้างหน้าของท่าน บัวนี้ได้ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ หลวงปู่ทิมท่านนำมีดหมอมาตัดตัดแล้วผสมผงพระพุทธคุณของท่าน กดแม่พิมพ์ไว้จำนวนหนึ่ง ตำรากล่าวไว้ว่ามี 22 องค์ แต่ความคิดผมคิดว่าน่าจะมากกว่านั้น เพราะท่านทำไปแจกไป ท่านไม่ได้บอกว่ามีเพียง 22 องค์ แต่ศิษย์มาเขียนขึ้นเองโดยคำนวนการแจกพระปิดตาชุดนี้ไปที่ใครนัก แต่เป็นเรื่องแปลกที่ถ้ามีมากทำไมไม่พบเห็น และ หายากมาก ๆ ข้าพเจ้าคิดว่า นะจะมีประมาณ 50 องค์โดยประมาณไว้ ผมเองพูดได้เต็มปากว่าว่าเห็นมากกว่าใครได้คำนวนจากการที่ผมได้เห็นทั้งภาพพระและเห็นของจริงมาแล้วไกล้ 20 องค์ และศึกษาเนื้อพระและแม่พิมพ์มาโดยตลอดเพราะด้วยใจชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

พระปิดตาบัวผุดสุดยอดอย่างไรหรือ

พระปิดตาบัวผุดเป็นพระปิดตาเพียงรุ่นเดียวและไม่มีพระเครื่องรุ่นอื่นปะปนอยู่ ท่านเก็บไว้ในย่ามของท่านตลอดตราบจนท่านถึงวาระสุดท้าย ท่านจะแจกให้ศิษย์ของท่านและคนที่ท่านคิดว่าให้ไว้เป็นของคู่บุญบารมี ท่านดำรัสว่า พระปิดตาของท่านมีเจ้าของทุกคนถึงเวลาเขาจะมาเอาเอง

พุทธคุณเป็นอย่างไร
 
ตั้งแต่ผมเรียนรู้พระเครื่องมา ทราบว่าพระเครื่องมีพลังพุทธคุณต่างกัน คงกระพันชาตรีก็ต่างกัน แบ่งเป็นสามระดับ ชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตรีของตำรับเขาอ้อเป็นต้น วิชาชาตรีคงกระพันไม่เข้าไม่เจ็บเหมือนเหรียญพ่อกลั่น วัดพระญาติ วิชามหาอุดหยุดปืน ไม่ลั่น ออกไม่โดน กระสุนละลายกลายเป็นน้ำไหลปากกระบอกปืน เป็นต้น แต่เรื่องพระปิดตาบัวผุด ไม่รู้นะ ผมเองก็ไม่เคยได้สัมผัสถึงประสบการณ์อย่างเด่นชัด อาจารย์ชินพร บอกผมว่า พระปิดตาบัวผุดท่านมี แต่ท่านไม่ใส่ เนื่องจาก ถ้าใส่แล้ว เทพเทวดา ผีสาง นางไม้ พระภูมิเจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่สิ่งสถิตย์ตาม ณ สถานที่แห่งใดก็ตามจะกราบไหว้ท่าน ท่านไม่อยากให้ใครกราบไหว้ท่าน แท้จริงแล้ว สิงศักดิ์สิทธ์กราบไหว้พระปิดตาบัวผุดนั่นเอง ซึ่งเป็นของสูงค่าอย่างยิ่ง เพราะเป็นบัววิเศษจากเบื้องบนให้หลวงปู่มา เนื่องจากท่านสำเร็จธรรมชั้นสูงอันเป็นบุญบารมี นั่นเอง

อาจารย์ตุ๋ย เล่าให้ผมฟังเมื่อ 10 กว่าปีก่อนในเรื่องเสี่ยตี๋ไปลองปืนมา และต่อมาเมื่อปีที่แล้วเสี่ยตี๋บ้านค่ายได้เล่าให้ฟังในเว๊ปยูนี่นี่เอง ว่า เสี่ยตี๋ได้นำพระปิดตาบัวผุดไปลองยิง เมื่อเสี่ยตี๋ยิงกระสุนออกไป กระสุนได้ย้อนกลับหาตัวเอง หญ้าแหวะเป็นทาง ฉิวเฉียด เฉียดหู ไปเลย เสี่ยตี๋ตกใจ จึงอยากชวนเพื่อน ๆ มาพิสูจน์เพื่อยิงอีกครั้ง ผลปรากฏว่า ครั้งที่สอง หลวงปู่ทิมไม่อนุญาต ผลปรากฏว่า ยิงออกไปพระปิดตาได้อันตธานหายไปหาไม่เจอเลย เมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน ผมพบน้องชายเสี่ยตี๋บ้านค่าย เขาอยู่ที่ อ.ปะตง จันทบุรี ได้ห้อยพระปิดตาบัวผุดที่ได้จากเสี่ยตี๋ ท่านก็ได้คุยกันเรื่องนี้เช่นกัน

พระปิดตาบัวผุด มีพุทธคุณ อุ้มหนุนดวงชะตามิให้ตกต่ำ ถึงดวงตกก็ไม่ตกถึงอุบายภูมิ เปรียบเสมือนการตกขุนนรกแต่บัววิเศษได้รองรับไว้ไม่โดนไฟโลกัลเผาผานนั่นเอง พระปิดตาชุดนี้ หลวงปู่ทิมไม่ได้เสก เพราะศักดิ์สิทธิเองในตัว เพราะสำเร็จด้วยบารมีพระพุทธเจ้า แต่ท่านได้นำผงพุทธคุณที่ท่านปลุกเสกไว้แล้วนำมาผสมผสานไว้ ท่านใดมีมาโชว์ในกระทู้ผมได้ครับ

 
อีกองค์ครับภาพสีเขียว องค์นี้ผมเก็บไว้ 10 กว่าปีแล้ว อาจารย์สาคร ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม ท่านเคยจับพลังมาแล้ว ท่านว่า องค์นี้ใช้ได้เลย สุดยอด


ชมพระไปฟังเพลงเพลิน ๆ ไปจิตใจสุขสบาย

โปรดสนับสนุนเพลงลิขสิทธิ์ ฟังเพื่อความบันเทิงในเน็ตเท่านั้น
 http://www.uamulet.com/BoardDetail.aspx?bid=10&qid=129782


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 29 มิถุนายน 2552, 14:08:16
พระฟอร์มสวยดีว่ะ พิมพ์ดูแล้วมันส์มาก..ชัดไปหมดเลย..กรอบหนักเท่าไหร่อ่ะ..

อยากได้....(แต่ยังไม่เข้าทาง ยังอยากได้พระหล่อโบราณอยู่มากกว่า..)

เขียนต่อจารย์ก๋ง อ่านแล้วมันส์มาก(นี่พิมพ์ไปเรื่อยๆแบบต้องเปิดหนังสือด้วยป่าว)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 มิถุนายน 2552, 21:24:17
     อ่านแล้วมาเล่าต่อ ถ้าเจอหนังสือจะพิมพ์คำต่อคำครับ เซียนโต้ง  กรอบไม่ถึงบาทน่าจะห้าสิบตางค์มันหนาเอาการอยู่เหมือนกัน นิมนต์มาพร้อมจีวรครับ เคยเอาไปเปลี่ยนจีวรใหม่จะยกซุ้ม มันตีราคากรอบให้ถูกไป ผมก็กะจะออกต่อเปลี่ยนองค์ใหม่ที่แจ่มกว่านี้เห็นว่าร้านทองเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป รอออกมันทั้งแบบนี้แหล่ะ ราคาไม่ตก  emo20:)):)
หมายเหตุ........ เวลาจะเลี่ยมมันเลี่ยมด้วยทอง 60% แต่.....มันคิดตามนำหนักทอง 96.5%(ซึ่งบวกค่ากำเหน็จไปเรียบร้อยแล้ว.....ผมพอรับได้)  แต่เวลารับซื้อคืนมันบอกเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าทอง 96.5 ไม่รับเต็มราคา ผมถามว่าเวลาพี่เลี่ยมผมใช้ทอง 96.5 รึ มันบอกเปล่า ?????  60 ครับ เออ....แล้วยังจะมาคิดราคาทองรูปพรรณ    emo31:bye: อย่าเลี่ยมมันเลยชาตินี้  emo5:(


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 มิถุนายน 2552, 22:10:54
   วันนี้มีของแปลกมาโชว์ครับ รูปที่ผมลงไว้เรียก ขุนแผน พิมพ์ใหญ่ บล็อคลองพิมพ์ หลังตะกรุดสาริกาคู่ มีอยู่แค่ 200 องค์(สำหรับพิมพ์นี้) ตะกรุดดอกยาวเรียกว่า ตะกรุดสาริกาตัวผู้ ทำนองเดียวกัน ดอกที่สั้นกว่าเรียกตะกรุดสาริกาตัวเมีย คติโบราณเชื่อว่า สาริกาคู่ให้ผลทางมหาเสน่ห์ สาริกาเดี่ยวให้ผลทางทำมาหากินซื้อง่ายขายคล่องประมาณนั้น แต่พิมพ์นี่ยังมีอีกองค์ที่ลุงแมงแกสร้างสรรค์ผลงานเอาไว้....อัดตะกรุดไว้ทีเดียว 3 ดอก มีอยู่องค์เดียวในประเทศไทยแถมปั๊มยันต์ข้างหน้าไว้อีกที ขณะนี้อยู่กับพวกของคุณวุธ จันทบุรี องค์นี้แปลกกว่าตะกรุดสาริกาทั่วๆไป คือนอกจากจะมีตะกรุด 3 ดอกแล้ว ด้านหน้ายังปั๊มยันต์เพิ่มไว้อีกด้วย แถมด้านหลังยังมีตะกรุดดอกเดียว ด้านหน้ามี 2 ดอก(ปกติด้านหน้าจะไม่มีตะกรุด) ดูจากขนาดแล้ว เป็นตะกรุดตัวผู้ 1ดอก อยู่ด้านหน้า นอกจากนั้นเป็นตะกรุดตัวเมีย 2ดอกอยู่กันคนละหน้า ที่แยกกันอยู่คนละหน้า คงกลัวจะเกิดเรื่อง คิดว่าดอกที่อยู่ข้างหน้าคงเป็นตะกรุดสาริกา1000ยาน้อย เพราะตะกรุดสาริกาตัวผู้เลือกมาอยู่หน้านี้ด้วยครับ emo29:P: (อันนี้นอกประเด็นครับ)
 จำได้ไหมครับเซียนโต้ง emo4:))เราเคยเตือนท่านแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคู่มือการใช้รถ(กระทู้ช่วยกันถามช่วยกันตอบ) emo20:)):)
 http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_smf&Itemid=2&topic=795.msg2481#msg2481


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 กรกฎาคม 2552, 08:13:02
วันนี้ขอลงเรื่องผงพรายกุมารต่อครับ ไปคัดลอกมาจากเว็ปอื่น (ซึ่งเป็นคำบอกต่อไม่ใช่ต้นฉบับ)
จาก http://board.watthummuangna.com//showthread.php?t=6294 เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ลป.ดู่ วัดสะแ
หลวงพ่อดู่ วัดสะแกคิดอย่างไรกับผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่?

ชินพร ศิษย์เอกของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถามหลวงปู่ดู่ว่า...
"ท่านหลวงปู่ทิม อาจารย์ของผม
เป็นพระเถระที่ยึดมั่นพระธรรม และพระวินัยของพระพุทธองค์อย่างเคร่งครัด
ไม่ยินดียินร้ายในรูป รส กลิ่น เสียง และถือสันโดษ
เป็นพระภิกษุที่มีศีลลาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส
หลวงปู่ทิมได้สร้างพระเครื่องโดยมีผงพรายกุมาร
ที่ท่านทำมาจากเด็กตายทั้งกลมจากท้องมารดา
การกระทำของหลวงปู่ทิม จะเป็นบาปหรือไม่"

หลวงปู่ดู่ "ไม่บาป การที่ไม่บาปเป็นเพราะว่า
เด็กที่อยู่ในท้องแม่ยังไม่เกิดเป็นตัวตน
คือยังไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ยังไม่มีวิญญาณ
และแม่เด็กก็ได้ตายไปแล้ว
ซึ่งแม่เด็กและเด็ก ก็จะกลับสู่สภาพเดิม
คือ เป็นผงธุลีไป"

หลวงปู่หยุดเล็กน้อย
"การที่ถามว่า เอาหัวกระโหลกเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาทำของจะบาปไหม...เรื่องนี้มันคนละเรื่องกันเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมนั้นอยู่ในลักษณะที่ว่า ไม่มีตัวตน ไม่มีวิญญาณที่จะไปเกิดสภาพของเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมจึงเหมือนกับก้อนเนื้อก้อนหนึ่งและถ้านำเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาปลุกเสกด้วยอาคมและปลุกเสกด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ก็จะอยู่ในลักษณะหนึ่งที่ทางไสยศาสตร์เรียกว่า
ภูติ หรือ มหาภูติและถ้าเราเอาตัว ภูติ ที่ปลุกเสกด้วยอาคมและธาตุทั้งสี่มาทำของของนั้นก็จะมีอิทธิฤทธิ์ยิ่ง.."

คำอธิบายของหลวงปู่ดู่
ทำให้คุณชินพรและพวกหายข้องใจ
ในเรื่องที่นำเด็กในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาปลุกเสกแล้วป่นทำเป็นผงนำไปผสมกับผงพระพุทธคุณ
แล้วนำไปสร้างพระ...หรืออุดผงนี้ลงที่ด้ามมีดหมอ
หรือนำผงนี้อุดที่องค์พระที่สร้างขึ้น
บรรดาคนทั่วไป มักจะเรียกผงนี้ว่า ผงพรายกุมาร

ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd888608.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd57302.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 กรกฎาคม 2552, 08:43:20
อันที่จริงแล้ว มหาภูติ ในข้อความข้างบนนั้น ในต้นฉบับ หมายถึง มหาภูตรูป 4 ซึ่งหมายถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ ในความหมายของลป.ดู่นั้นลึกลงไปกว่านั้นคือ
ในอารมณ์กรรมฐาน ดิน หมายถึง ความอ่อนและแข็งที่มีอยู่ในวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(สถานะของสสาร ของแข็ง ของเหลว) น้ำ หมายถึง อาการเกาะกุม แทรกซึม (เหมือนพันธเคมีที่ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหนึ่งๆเข้าไว้ด้วยกัน) ลม หมายถึง ความไหวหรือการเคลื่อนไหว(พลังงานจลน์) ไฟ หมายถึง ความเย็นหรือความร้อน(อุณหภูมิของสสารนั้นๆ) ในตอนแรกๆที่เริ่มศึกษาเรื่องผงพรายกุมาร ผมคิดว่าลป.ทิมสะกดวิญญานแม่และเด็กไว้ในพระเครื่อง แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ลป.ดู่อธิบายเอาไว้ว่า ในธาตุทั้ง4 นั้น มันมีอารมณ์แฝงอยู่ถึงตัวจะตายไปแล้ว แต่อารมณ์ความรู้สึก ณ ขณะนั้นๆแทรกซึมอยู่ในธาตุเหล่านั้น (คล้ายๆนักสืบพลังจิตในสารคดีดิสโคเวอรรี่ ที่สืบคดีฆาตกรรมจากการสัมผัสวัตถุแล้วอ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเกิดเหตุฆาตกรรม ใช้เป็นร่องรอยตามหาฆาตกรจนพบ)  ในที่นี้คือความรักระหว่างแม่และลูก การนำมวลสารต่างๆจากแม่และเด็กมาสร้างพระเครื่องนี้ เพื่อดึงเอาพลังความรักของแม่และลูกที่มีอย่างมากมายมหาศาลมาบบรรจุไว้ในพระ เพื่อให้เกิดผลทางเมตตามหานิยม (ผมว่าถ้าเอาพวกจงอางหวงไข่มาทำ น่าจะแรงกว่านี้อีก) ผงพรายกุมารนี้จึงมีชื่อเรียกเต็มๆว่า ผงพรายกุมารมหาภูติ<--------- มหาภูติ นี้ไม่ได้หมายความว่า ภูติผู้ยิ่งใหญ่ แต่ หมายถึง มหาภูตรูป4 ที่มาของผงพรายนั่นเอง ลองค้น คำว่า มหาภูตรูป 4 ปสาทรูป 5 ดูครับจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น สำหรับเพื่อนๆพี่ชาวซีมะโด่งที่เรียนอภิธรรมมาแล้วคงจะเข้าใจดี(ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ)  emo30:sorry:


หัวข้อ: หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 19 กรกฎาคม 2552, 23:03:52
      วันนี้มาใหม่ เรื่อง"คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย" มีความเป็นมาอย่างไร เชิญตืดตามได้ในหัวข้อ ลป.เอี่ยมวัดหนัง
http://krubain.awardspace.com/amulets_monkgut.htm
 http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-iam-wat-nung-hist-02.htm
                                               หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง

                                           ผู้ถวายคำพยากรณ์ แด่ ร.๕




คัดลอกจาก http://www.lekpluto.com/index01/special03.html

                 บทความในตอนนี้ขอเรียนให้ทราบก่อนว่า  ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ในพระราชหัตถเลขา หรือพระราชนิพนธ์ "ไกลบ้าน" แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องเล่าสืบทอดกันมาจากบรรดาข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ และปู่ย่า ตาทวดละแวกวัดโคนอน เขตภาษีเจริญ ที่ได้รู้ได้เห็นได้ประสบเหตุการณ์  เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์เข้านมัสการ   "หลวงปู่เอี่ยม"   เจ้าอาวาสวัดโคนอนในสมัยนั้น เพื่อขอรับการพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าในการเสด็จประพาสยุโรป จริง เท็จ ประการใด เชื่อได้หรือไม่ ? ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของท่านผู้อ่านก็แล้วกันนะครับ

                 ขอเริ่มเรื่องที่ "หลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน"  หรือ "เจ้าคุณเฒ่า วัดหนัง" ที่หลายท่านโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่อง รู้จักกันดี  เหรียญรูปเหมือนของท่านทั้งสองรุ่นที่ทันท่านปลุกเสก ค่านิยมในการบูชาอยู่ในหลักแสนมานานนับสิบปีแล้ว เหตุที่มีชื่อเรียกอีกนามหนึ่งนั้น เพราะภายหลังท่านได้มาปกครองวัดหนัง ภาษีเจริญ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ "พระภาวนาโกศล"    ก็คงจะเป็นด้วยคุณงามความดีของท่านที่ถวายคำพยากรณ์  โดยที่ผลของคำพยากรณ์ออกมาเป็นจริง ทำให้ไทยเราไม่ต้องสูญเสียองค์พระปิยมหาราช ในขณะที่เสด็จรอนแรมอยู่กลางทะเล มหาสมุทร   และแผนอันชั่วร้ายของ "เศษฝรั่ง" ที่คิดปลงพระชนม์ชีพพระองค์อย่างแยบยล ชนิดที่ชาวโลกไม่กล้าตำหนิ

                                                         หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง บางขุนเทียน

หลวงปู่เอี่ยมนั้น ท่านเป็นศิษย์เอกของ "พระภาวนาโกศล (รอด) " อดีตเจ้าอาวาสวัดนางนอง วรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรีพระวิปัสนาจารย์ที่เก่งกล้าในด้านพุทธาคม มีตบะเดชะที่กล้าแข็ง สำเร็จวิชาแปดประการมีหูทิพย์ ตาทิพย์ ล่วงรู้จิตใจคน รู้อดีต รู้อนาคต แสดงฤทธิ์ได้ ฯลฯ  หลวงปู่รอดนี้  ต่อมาภายหลังท่านได้ถูกฝ่ายอาณาจักร และศาสนจักร  ลงโทษด้วยการปลดออกจากตำแหน่ง ริบสมณศักดิ์คืนเพราะท่านไม่ยอมถวายอดิเรกแด่ล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๔ ในคราวเสด็จถวายผ้าพระกฐิน อาจจะเป็นเพราะความคิดที่ไม่เห็นด้วย ในการที่ล้นเกล้า ฯรัชกาลที่ ๔ ตั้ง   "ธรรมยุติกนิกาย" ขึ้นมา ทำให้สงฆ์ต้องแตกแยกกันนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้ใดไม่เห็นด้วย ก็ไม่ควรเป็น "พระราชาคณะ" อีกต่อไป เพราะคำว่า "ราชาคณะ" นั้น แปลว่า "พวกของพระเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชา"

เมื่อหลวงปู่รอดถูกถอดจากสมณศักดิ์แล้ว ก็ออกจากวัดนางนอง กลับไปยังวัดบ้านเกิดที่ห่างไกลจากความเจริญ คือ "วัดโคนอน"ด้วยความกตัญญูรู้คุณแด่องค์พระอาจารย์     หลวงปู่เอี่ยม ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียง "พระปลัดเอี่ยม"ก็อ้อนวอนขอติดตามองค์อาจารย์ ไปปรนนิบัติรับใช้ ท่านไปไหนก็ไปด้วย เรียกว่าเห็นใจในยามทุกข์ ก็คงจะไม่ผิด      แสดงให้เห็นถึงความไม่ยึดติดในลาภสักการะ ถิ่นที่อยู่ที่เจริญด้วยอาหารบิณฑบาต และปัจจัยในองค์หลวงปู่เอี่ยม นอกเหนือไปจากความกตัญญูกตเวที ที่ปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์ จวบจนวาระสุดท้าย

หลวงปู่เอี่ยมนั้นเป็น "ศิษย์มีครู " ดังนั้น   จึงถอดแบบอย่างมาจากองค์หลวงปู่รอดแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน หลวงปู่รอดเก่งอย่างไร หลวงปู่อี่ยมก็เก่งอย่างนั้น  จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่ท่านจะมีศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือมากมาย ทั้งที่วัดอยู่ในถิ่นห่างไกลความเจริญ การเดินทางไปมาหาสู่ไม่สะดวก แม้แต่พระเจ้าน้องยาเธอ "กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์" เจ้ากรมพระนครบาล (มหาดไทยในปัจจุบัน) ยังน้อมตัวเป็นศิษย์ และท่านผู้นี้แหละ     ที่ถวายคำแนะนำและทูลเชิญเสด็จล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๕ให้เสด็จมาขอรับคำพยากรณ์จากหลวงปู่เอี่ยม ก่อนที่จะเสด็จประพาสยุโรป

ในการเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่หนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ นั้น  ไม่ได้เป็นการเสด็จเพื่อแสวงหาความสำราญแต่อย่างใด   แต่เป็นการเสด็จเพื่อดำเนินพระราชวิเทโศบายด้านการต่างประเทศอย่างชาญฉลาด  เป็นการเสด็จเพื่อเจริญพระราชไมตรีกับราชวงศ์ต่าง ๆ  ของยุโรป    โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซียและเยอรมัน ซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นของอังกฤษ และฝรั่งเศส ด้วยหลักการที่ว่า "ศัตรูของเพื่อนก็คือศัตรูของเรา"  เมื่อผูกสัมพันธ์กับรัสเซีย เยอรมัน และกลุ่มประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ได้แล้ว อังกฤษ และฝรั่งเศสก็จะไม่กล้ารุกราน หรือยึดเอาประเทศไทยเป็น "อาณานิคม" อีกต่อไป ซึ่งส่งผลทำให้ไทยเราดำรงความเป็นเอกราชมาจนทุกวันนี้

การเสด็จประพาสยุโรปในสมัยนั้น  ทำได้ทางเดียว คือ "ทางเรือ" ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางแรมเดือน การออกทะเลหรือมหาสมุทรนั้น แม้ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาการเดินเรือ มีเรือที่มั่นคงแข็งแรง ประสิทธิภาพสูง  มีการติดต่อสื่อสารที่ทันท่วงที ก็ยังไม่วายจะ "อับปาง" เลยครับ หากออกเดินทางในช่วงมรสุม หรือ "สุ่มสี่สุ่มห้า"  ล่ะก็  เป็นเสร็จทุกราย       คนโบราณจึงสอนเอาไว้ว่า "อย่าไว้ใจทะเลคืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล มีภยันตรายรอบด้าน ทุกเวลานาที"  ท่านผู้อ่านลองหลับตาวาดภาพการเดินเรือในสมัยเมื่อร้อยกว่าปีล่วงมาแล้วซิครับ ว่ายากลำบาก และมีอันตรายเพียงใด แต่ล้นเกล้า ฯ     รัชกาลที่ ๕ท่านก็ทรงเสด็จ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย เป็นการเสียสละพระองค์อย่างสูงสุด ที่ไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลกจะทำได้  ตอนหน้าจะได้กล่าวถึงคำพยากรณ์และการแก้ไขเหตุร้ายแรงที่ประสบตามคำพยากรณ์    เป็นเรื่องของความเชื่อถือในคุณพระ และคาถาอาคม หากท่านเห็นว่า "ไม่ไร้สาระ" จนเกินไป

 --------------------------------------------------------------------------------

เมื่อล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๕    ได้รับคำแนะนำจากพระเจ้าน้องยาเธอ "กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์"ให้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เข้านมัสการ "หลวงปู่เอี่ยม" วัดโคนอน เพื่อขอรับคำพยากรณ์ก่อนที่จะเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ ๑ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ นั้น ภายหลังที่กำหนดการเสด็จวัดโคนอนได้ถูกกำหนดขึ้นเป็นการส่วนพระองค์เรียบร้อยแล้ว   ก็ได้ส่งหมายกำหนดการไปถวายแด่หลวงปู่เอี่ยม เป็นการภายใน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับเสด็จ

ขบวนเสด็จประกอบด้วย เรือพายสี่แจวที่ทรงประทับ   และขบวนเรือคุ้มกัน ควบคุมโดยพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงนเรศวรฤทธิ์    ได้เคลื่อนที่เข้าคลองลัดสู่วัดโคนอน ชาวบ้านละแวกนั้นไม่ได้ไหวตัวหรือเอะใจแต่อย่างใด เพราะเห็นเป็นขบวนเรือธรรมดา มิได้ประดับประดาธงทิวให้แปลกไปกว่าเรือลำอื่นดูเหมือนกับเรือที่ขุนนางหรือเศรษฐีผู้มีทรัพย์ใช้กันทั่วไป และผู้ที่ขึ้นมาจากเรือสี่แจวต่างก็แต่งกายแบบธรรมดา  มีหมวกสวมไว้บนศีรษะ ใบหน้าบ่งบอกถึงเป็นผู้มีบุญ หนวดบอกถึงผู้มีอำนาจดวงตาฉายแววแห่งความเมตตาปราณีตลอดเวลา เวลาเดินมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง ทุกคนไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า "บุรุษผู้ขึ้นมาจากเรือสี่แจวนั้น คือ เจ้าชีวิตแห่งกรุงสยาม พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า ผู้ทรงประกาศเลิกทาสโดยสิ้นเชิง"

 พระปลัดเอี่ยมนั่งรออยู่บนอาสนะอันสมควรแก่ฐานานุรูป    ภายในพระอุโบสถอันแคบ แบบวัดราษฏร์ในเขตอันไกลจากพระบรมมหาราชวัง กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ก้าวนำเสด็จเข้ามาภายในพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าทรงจุดธูปเทียนบูชาสักการะพระประธาน กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วจึงเสด็จกลับมาถวายนมัสการพระปลัดเอี่ยม ซึ่งกราบทูลให้ทรงประทับนั่งธรรมดาตามสบายพระองค์

"ที่รูปมาในวันนี้ ("รูป" เป็นคำที่พระมหากษัตริย์สมัยก่อนใช้แทนพระนามเมื่อมีพระราชดำรัสกับพระสงฆ์) เพื่อขอให้ท่านปลัดได้ช่วยตรวจดูเหตุการณ์ว่า การที่รูปจะเสด็จไปยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักในยุโรปนั้น จักเป็นอย่างไรบ้าง ด้วยหนทางไกลและอันตรายมีอยู่รอบด้าน"

"มหาบพิตร อาตมาจักตรวจสอบให้ อย่าได้ทรงมีพระหทัยกังวล ทั้งนี้ด้วยพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสมมติเทพแบบพระองค์นั้น มีบุญญาธิการ สามารถผ่านพ้นความทุกข์ได้อย่างมั่นคง"

พระปลัดเอี่ยมลุกจากที่นั่งไปคุกเข่าลงหน้าพระประธาน ก้มลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ระลึกถึงองค์พระรัตนตรัย และหลวงปู่รอดผู้มรณภาพไปแล้ว ขอบารมีในการจะเข้า "ฌาน" เพื่อดูอนาคตด้วย "อนาคตังสญาณ"   จากนั้นก็กลับเข้ามาสู่ท่านั่งสมาธิตัวตรง เจริญอานาปานสติ แล้วเข้าสู่ฌานที่ ๔ ตามลำดับ จากนั้นเข้าสู่อนาคตังสญาณ โดยกำหนดจิตไว้มั่นเพื่อให้นิมิตเกิด

ในท่ามกลางความคะนองของท้องทะเล และคลื่นลมตลอดจนวังวนของทะเล เรือพระที่นั่งกำลังอยู่ในปากแห่งวังวนนั้น น้ำในวังวนเชี่ยวกราก และส่งแรงดูดมหาศาล ภายใต้วังวนนั้น ซากเรือใหญ่น้อยจมอยู่เป็นอันมาก พ้นจากทะเลมาสู่บก พลันภาพของกลุ่มคนที่นั่งกันอยู่เป็นชั้น ๆ ส่งเสียงจ้อกแจัก ด้านล่างเป็นผืนหญ้า  และมีผู้จูงม้าเข้ามาในที่นั้น ม้าตัวนั้นมีคนถือเชือกที่ล่ามขาทั้งสี่คอยดึงไว้ไม่ให้พยศ ดวงตาของมันเหลือกโปน น้ำลายฟูมปาก

ภาพของฝรั่งแต่งตัวด้วยเครื่องแบบประหลาด ผายมือให้พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าทรงเสด็จไปรับม้าเพื่อประทับ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบหายไป ถึงวาระที่ออกจากญาณพอดีลุกขึ้นเดินมานั่งบนอาสนะที่เดิม ก่อนจะกราบทูลความถวายว่า

"มหาบพิตร การเสด็จพระราชดำเนินสู่ยุโรปครั้งนี้  จะต้องประสบภัยสองครั้ง ครั้งแรกในทะเลที่วังวน   อาตมาจะถวายผ้ายันต์พิเศษและคาถากำกับ เมื่อเข้าที่คับขันขอให้ทรงเสด็จไปยืนที่หัวเรือ แล้วภาวนาคาถากำกับผ้ายันต์แล้วโบกผ้านั้น จะเกิดลมมหาวาตะพัดให้เรือหลุดจากการเข้าสู่วังวนได้

ภัยครั้งที่สองเกิดจากสัตว์จตุบท (สี่เท้า) คืออัศดรชาติอันดุร้ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะทดลองพระองค์อาตมาจะถวายคาถาพิเศษสำหรับภาวนาเวลาถอนหญ้าให้อัศดรอันดุร้ายนั้นกิน จะคลายพยศและสามารถประทับบังคับให้ทำตามพระราชหฤทัยได้เหมือนม้าเชื่อง" ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เล่าลือกันมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าหลวง ปู่ย่าตายายได้เล่าสืบทอดกันมาอันมีส่วนหนึ่งเกี่ยวพันกับพระบรมรูปทรงม้าที่ลานพระราชวังดุสิต

คาถาเสกหญ้าให้ม้ากินที่หลวงปู่เอี่ยมถวายนั้น คือ "คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย" หรือ "มงกุฎพระพุทธเจ้า"  มีตัวคาถาว่า "อิติปิโส  วิเสเสอิ   อิเสเส พุทธะนาเมอิ    อิเมนา พุทธะตังโสอิ  อิโสตังพุทธะปิติอิ "

หลังจากได้ทรงมีพระราชดำรัสกับพระปลัดเอี่ยมพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ทรงถวายจตุปัจจัยไทยทานแด่พระปลัดเอี่ยม จากนั้นได้เสด็จทอดพระเนตรโดยรอบวัดโคนอน ซึ่งตอนนี้มีผู้จดจำพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าได้แม่นยำ ได้บอกกันออกไป ทำให้มีผู้มาหมอบเฝ้ารับเสด็จกันเป็นจำนวนพอสมควร ครั้นทรงสำราญพระอิริยาบถพอสมควรแล้ว ก็เสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อเตรียมพระองค์ไปทวีปยุโรปต่อไป

 --------------------------------------------------------------------------------

            การเสด็จประพาสยุโรปในครั้งแรก เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ (ร.ศ. ๑๑๖) ได้ทรงเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดียิ่ง ในส่วนที่เป็นกิจการภายในประเทศ ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อหน้ามหาสมาคม จากนั้นได้ทรงถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้ามหาสมาคมซึ่งประกอบไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เหล่าเสนามหาอำมาตย์ ข้าราชบริพาร และพระราชาคณะอันมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร บางลำภู กทม. มีใจความสำคัญ ดังนี้

๑. จักไม่เปลี่ยนแปลงจากพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาอื่น     

๒. จักเสวยน้ำจัณฑ์ (เหล้า) ต่อเมื่อไม่เป็นการผิดพระราชประเพณีต่อฝ่ายที่จะกระชับสัมพันธไมตรี และจะเสวยเพียงเพื่อไมตรีไม่ให้เสียพระเกียรติยศ 

๓. จะไม่ล่วงประเวณีต่อสตรีไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด ตลอดเวลาที่พ้นออกไปจากพระราชอาณาเขตสยาม 

ซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อความสำราญส่วนพระองค์ แต่ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อประเทศชาติโดยแท้ จากจดหมายเหตุและพระราชหัตถเลขา ที่ทรงมีมายังพระพันปีหลวงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ทรงบอกชัดเจนว่า

ทรงต้องผจญภัยในท้องทะเล กับคลื่นลมที่แปรปรวน ทรงพบกับความลำบากนานาประการอาทิ ต้องทรงงดเสวยพระโอสถหมากและพระโอสถมวน (หมาก พลู บุหรี่) และต้องให้ช่างมาขูดคราบพระทนต์ (ฟัน) ที่เกิดจากคราบหมากคราบปูนออกเพื่อให้พระทนต์ขาว ห้องพระบรรทมในเรือพระที่นั่งก็ไม่สะดวกสบาย อากาศร้อนเป็นที่สุด การเสวยก็ไม่เป็นไปตามที่ทรงพระประสงค์ ฯลฯ ซึ่งความยากลำบากเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาแรมเดือน ในช่วงที่ต้องใช้ทะเล มหาสมุทร เป็นเส้นทางเสด็จและในช่วงที่เสด็จรอนแรมในท้องทะเลนั่นเอง คำพยากรณ์ข้อที่ ๑ ของหลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอนก็เป็นจริง 

เมื่อเรือพระที่นั่งแล่นอยู่ในบริเวณใกล้กับ สะดือทะเล หรือ "ซากัสโซ ซี" อันบริเวณนั้นมักจะเกิดน้ำวนเป็นประจำ และเรือลำใดบังเอิญหลงเข้าไปในวังน้ำวนนั้น ก็มีหวังจมลงอับปางเป็นแน่แท้ และแล้วเรือพระที่นั่งมหาจักรี ก็พลัดเข้าไปในวังวนนั้นจนได้     

กัปต้นคัมมิง (Commander Cumming) แห่งราชนาวีอังกฤษซึ่งไทยได้ขอยืมตัวมาเป็นผู้บังคับการเรือพระที่นั่งเป็นการชั่วคราว ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มสติกำลังความสามารถ บังคับเรือให้สู้กับแรงหมุนและดูดอย่างเต็มที่ ด้วยหากเรือพระที่นั่งเข้าปากวังวนแล้ว การรอดออกมานั้นหมดหนทาง 

ในขณะที่วิกฤตินั้น ได้มีผู้เข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ เมื่อระลึกถึงคำพยากรณ์ของพระปลัดเอี่ยมข้อแรกขึ้นมาได้ ก็ทรงจัดฉลองพระองค์ให้รัดกุม อาราธนาผ้ายันต์ของพระปลัดเอี่ยมติดมาด้วย    เมื่อเสด็จมาถึงตอนหัวเรือ กัปตันกำลังแก้ไขสถานการณ์สุดกำลัง ทรงไม่รบกวนสมาธิของกัปตัน แต่เสด็จไปยืนอธิษฐานจิตถึงพระรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช และบารมีทศพิธราชธรรม และการเลิกทาสที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะในการช่วยเหลือพสกนิกรให้พ้นจากการเป็นทาส จบลงด้วยพระปลัดเอี่ยมและผ้ายันต์ ทรงโบกผ้ายันต์นั้นไปมาด้วยความมั่นพระราชหฤทัย แล้วปาฎิหาริย์ก็ปรากฎ เหตุการณ์ก็แปรเปลี่ยน   จู่ ๆ ก็เกิดลมมหาวาตะพัดมาในทิศทางที่อยู่ในแนวเดียวกับวังวน แรงลมทำให้เกิดกระแสคลื่นสะกัดกระแสวนของวังน้ำ ดันเรือพระที่นั่งให้พ้นจากแรงดูดสามารถตั้งเข็มเข้าสู่เส้นทางได้ ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนว่า "ฮูเรย์" ของกัปตันและลูกเรือ

ส่วนผู้ติดตามเสด็จนั้นอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก จนทรงพับผ้ายันต์เก็บแล้วนั่นแหละ จึงค่อย ๆร้องว่า สาธุ สาธุ คำพยากรณ์ข้อแรกเป็นที่ประจักษ์แก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า "แม่นยำยิ่งนัก"   คงเหลือแต่คำพยากรณ์ข้อที่สองซึ่งยังมาไม่ถึง แต่ก็ทรงเตรียมพระองค์รับสถานการณ์หากจะเกิดขึ้น

เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินนั้น   มีช่วงที่รอนแรมในมหาสมุทรอินเดียยาวนานถึง ๑๕ วัน ๑๕คืน  คือเส้นทางระหว่างเมืองกอล (Galle) ประเทศศรีลังกา ไปยังเมืองเอเดน (Aden) เมืองท่าปากทางเข้าสู่ทะเลแดงของประเทศเยเมน ช่วงนี้แหละที่น่าจะเป็นช่วงอันตรายที่สุดและลำบากที่สุด เหตุการณ์ตามคำพยากรณ์ข้อที่ ๑ ข้างต้น    คงเกิดในช่วงเส้นทางนี้  คือระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน  ถึง ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ (ขอย้ำอีกครั้ง เป็นเรื่องเล่า ไม่ได้มีบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา - เล็ก พลูโต)

ขอรวบรัดตัดตอนเส้นทางเสด็จ ไม่ขอนำความมากล่าวโดยละเอียด ณ ที่นี้ เมื่อพระองค์เสด็จถึงประเทศฝรั่งเศส  ประธานาธิบดี เฟลิกซ์ ฟอร์ ได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่แรกไม่คิดจะต้อนรับขับสู้อย่างดีหรอกครับ     แต่สืบข่าวดูแล้ว ทุกประเทศที่พระองค์เสด็จผ่านมาก่อนหน้าที่จะเข้าฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย ฮังการี รัสเซีย เดนมาร์ก อังกฤษเบลเยี่ยม เยอรมัน ต่างก็ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ โดยเฉพาะรัสเซีย พระเจ้าซาร์ นิโคลัสทรงยกย่องนับถือเสมือนหนึ่งพระอนุชาร่วมอุทรของพระองค์เอง มีการฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์คู่กัน เผยแพร่ไปทั่วยุโรป แล้วอย่างนี้ "เจ้าเศษฝรั่ง" จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร

ในช่วงที่ทรงพำนักในกรุงปารีส ฝรั่งเศส  ระหว่างวันที่ ๑๑ กันยายน ถึง ๑๗ กันยายน ๒๔๔๐นี่เอง ที่พระองค์ได้ประสบกับความแม่นยำในอนาคตังสญาณของพระปลัดเอี่ยม ข้อที่ ๒ หากไม่ได้เตรียมการ หรือเตรียมพระองค์ล่วงหน้าแล้ว มีหวังที่จะต้องเอาพระชนม์ชีพไปทิ้งเสียที่นี่กระมัง

 --------------------------------------------------------------------------------

               โบราณว่าไว้ "หากไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสืออย่างไร ? " เป็นบทท้าทายคำพิสูจน์ให้เห็นเด่นชัดตอนที่ล้นเกล้า ร.๕ พระปิยมหาราชเสด็จพระราชดำเนินเหยียบดินแดนของผู้ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นศัตรู ที่ร้ายกาจ หวังจะครอบครองแผ่นดินไทยให้ได้ทั้งหมด แม้จะได้เป็นบางส่วนแล้วก็ตามก็หาเป็นที่พอใจไม่

ในช่วงที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปครั้งแรก เมื่อ ร.ศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๒๔๔๐) นั้น สยามประเทศของเรายังคงมีกรณีพิพาทต่อกันในเรื่อง "สิทธิสภาพนอกอาณาเขต" กล่าวคือเราต้องยอมให้อังกฤษและฝรั่งเศสตั้งศาลกงสุลของตนในดินแดนไทย สำหรับตัดสินคดีความต่าง ๆ เมื่อคนของเขา หรือคนใดก็ตามแม้แต่คนไทยหัวใสบางคนที่ยอมตนจดทะเบียนเป็นคนในบังคับ  (คล้าย ๆ กับการโอนสัญชาติ แต่ไม่ใช่ เพราะยังไม่มีสิทธิที่จะพำนักในประเทศของเขา ) ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อย เพราะเวลาทำผิดแล้วไม่ต้องขึ้นศาลไทย ไม่ใช้กฎหมายไทยตัดสิน คนไทยเองก็เถอะ หากทำความผิดต่อคนของเขาแล้ว ต้องขึ้นศาลเขาและต้องยอมเขาทุกอย่าง แม้ศาลไทยจะตัดสินว่า "ถูก" หากเขาเห็นว่า "ผิด"  คนผู้นั้นก็ต้องถูกลงอาญา ซึ่งเป็นหนามยอกอกของคนไทยในสมัยนั้นมาก ต้องยอมให้คนต่างชาติต่างแดนมากดหัวเรา มาเอาเปรียบเรา เป็นการยั่วยุให้เราหมดความอดทน หากก่อสงคราม ก็มีหวังสูญเสียเอกราชของชาติแน่นอน

กรณี "พระยอดเมืองขวาง"  แขวงเมืองคำเกิดคำมวน วีรบุรุษไทยที่รักผืนแผ่นดินไทย รักในองค์พระมหากษัตริย์ไทย ได้ดับความอหังการ์ของทหารฝรั่งเศส ที่บุกรุกอธิปไตยของไทยที่เมืองขวาง จนต้องถูกจำคุกเสียหลายปี แม้ศาลไทยจะให้ปล่อยตัวเพราะเป็นการทำตามหน้าที่ แต่ศาลกงสุลของฝรั่งเศสในไทยตัดสินให้จำคุก ท่านก็ต้องติดคุกเพื่อชาติ เรื่องนี้คนไทยทั้งแผ่นดินในขณะนั้น แค้นแทบจะกระอักเลือดเลยครับ เกือบจะทำสงครามกันรอมร่ออยู่แล้ว  ดีแต่องค์พระปิยมหาราชเจ้า ท่านทรงดำเนินวิเทโศบายด้านต่างประเทศด้วยการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรปเสียก่อน แล้วพระองค์ก็ทรงทำสำเร็จเสียด้วย ผู้ที่แค้นแทบจะกระอักเลือดแทน ก็คงจะเป็น "เจ้าเศษฝรั่ง" น่ะเองซึ่งมันก็รอจังหวะและโอกาสที่จะล้างแค้นเหมือนกัน มันคิดว่า

"หากไม่มีล้นเกล้า ฯ ร.๕ เสียพระองค์หนึ่ง สยามประเทศเราก็เปรียบเสมือนมังกรที่ไร้หัว" ที่นี้คงมีโอกาสมากขึ้นหากจะฮุบประเทศชาติของเราไว้ในกำมือ และแล้วแผนการอันแยบยลก็อุบัติขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จเยือนประเทศฝรั่งเศส แม้เขาจะต้อนรับพระองค์อย่างสมพระเกียรติก็ตาม แต่นั่นเป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้น หลังฉากน่ะหรือ ?   ได้กำหนดขึ้นเพื่อต้อนรับพระองค์ไว้เรียบร้อยแล้ว ในสนามแข่งม้าชานกรุงปารีสนั่นเอง เมื่อพระองค์ได้รับคำทูลเชิญให้เสด็จทอดพระเนตรการแข่งม้านัดสำคัญนัดหนึ่งซึ่งมีขุนนาง ข้าราชการ พระบรมวงศานุวงศ์ฝรั่งเศสมาชมกันมาก พวกมันได้นำเอาม้าดุร้ายและพยศอย่างร้ายกาจมาถวายให้ทรงประทับ โดยถือโอกาสขณะที่อยู่ท่ามกลางมหาสมาคม แม้รู้ว่าม้านั้นดุร้าย พระปิยมหราชเจ้าก็จะไม่ทรงหลีกหนี ด้วยขัตติยะมานะที่ทรงมีอยู่ในฐานะผู้นำประเทศ หากทรงพลาดพลั้งนั่นคือ "อุบัติเหตุ" ใครก็จะเอาผิดหรือต่อว่าเจ้าเศษฝรั่งไม่ได้

 ม้าตัวนั้นเล่าลือกันว่า     เคยโขกกัดผู้เลี้ยงดูและผู้หาญขึ้นไปขี่ตายมาแล้วหลายคน จะเอาไปไหนต้องมีคนจูงด้วยเชือกล่ามเท้าทั้งสี่ไว้    เพื่อป้องกันการพยศและขบกัดผู้คน นัยว่าเป็นม้าของเจ้าชายแห่งฝรั่งเศสพระองค์หนึ่ง     เมื่อถูกนำเข้ามาในสนาม ทุกคนก็ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว ตัวแทนรัฐบาลฝรั่งเศสเริ่มวางหลุมพราง โดยกราบบังคมทูลว่า

 "ไม่ทราบเกล้าว่าเมื่ออยู่ในสยามประเทศเคยทรงม้าหรือไม่ พระเจ้าข้า"

"แน่นอน  ข้าพเจ้าเคยทรงอยู่เป็นประจำ เพราะในสยามประเทศก็มีม้าพันธุ์ดีอยู่มาก"

"โอ วิเศษ ขออัญเชิญพระองค์ทรงเสด็จขึ้นทรงม้า ตัวที่กำลังถูกจูงเข้ามานี้ให้ประจักษ์ชัดแก่สายตาของผู้คนในสนามม้านี้ด้วยเถิดพระเจ้าข้า"

ตัวแทนรัฐบาลฝรั่งเศสกราบทูลด้วยความกระหยิ่มใจ

"แน่นอน  ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านทั้งหลายได้ดูว่า กษัตริย์แห่งสยามประเทศนั้นไม่เคยหวาดหวั่นกลัวแม้แต่อัสดรที่พยศดุร้าย หรือผู้คุกคามที่มีอาวุธพร้อมสรรพ "

จบพระราชดำรัสก็ทรงลุกขึ้นเปิดพระมาลาขึ้นรับการปรบมืออันกึกก้องสนามม้าแห่งนั้น แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงจากอัฒจันทร์ สู่ลู่ด้านล่างซึ่งขณะนั้นม้ายืนส่งเสียงร้องและเอากีบเท้าตะกุยจนหญ้าขาดกระจุยกระจาย

คำพยากรณ์ของพระปลัดเอี่ยมยังกึกก้องอยู่ในพระกรรณ ทรงก้มพระวรกายลงใช้พระหัตถ์ขวารวบยอดหญ้าแล้วดึงขึ้นมากำมือหนึ่ง ทรงตั้งจิตอธิษฐานถึงพระรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราชและพระปลัดเอี่ยม เจริญภาวนาพระคาถาอิติปิโสเรือนเตี้ยที่พระปลัดเอี่ยมถวายสามจบ ทรงเป่าลมจากพระโอษฐ์ลงไปบนกำหญ้านั้น แล้วแผ่เมตตาซ้ำ ยื่นส่งไปที่ปากม้า เจ้าสัตว์สี่เท้าผู้ดุร้ายสะบัดแผงคอส่งเสียงดังลั่นก่อนจะอ้าปากงับเอาหญ้าในพระหัตถ์ไปเคี้ยวกินแล้วก็กลืนลงไป

ผู้แทนรัฐบาลฝรั่งเศสโบกผ้าเช็ดหน้า เป็นสัญญาณให้แก้เชือกที่ตรึงเท้าม้าออกไปพ้นทั้งสี่เท้าบัดนี้เจ้าสัตว์ร้ายพ้นจากพันธนาการ และบรรดาผู้ที่จูงมันเข้ามาก็ผละหนี    เพราะเกรงกลัวในความดุร้ายของมัน พระปิยะมหาราชเจ้าทรงทอดสายพระเนตรจับจ้องอยู่ที่นัยน์ตาของม้านั้น ก็เห็นว่ามันมีแววตาอันเป็นปกติ มิได้เหลือกโปนดุร้าย ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปตบที่ขาหน้าของมันสามครั้ง เจ้าม้านั้นก็ก้มหัวลงมาดมที่พระกรไม่แสดงอาการตื่น  หญ้าเสกสำริดผลตามประสงค์

อาชาที่ดุร้ายกลับเชื่องลงเหมือนม้าลากรถ เจ้าชีวิตแห่งสยามประเทศยกพระบาทขึ้นเหยียบโกลนข้างหนึ่งแล้วหยัดพระวรกายขึ้นประทับบนอานม้าอย่างสง่างามไร้อาการต่อต้านของม้าที่เคยดุร้ายเสียงคนบนอัฒจันทร์ส่งเสียงตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า "บราโวส บราโวส" อันหมายถึงว่า "วิเศษที่สุด เก่งที่สุด ยอดที่สุด" ทรงกระตุ้นม้าให้ออกเดินเหยาะย่างไปโดยรอบสนาม  ผ่านอัฒจันทร์ที่มีผู้คนคอยชม  เปิดพระมาลารับเสียงตะโกนเฉลิมพระเกียรติบางคนก็โยนหมวก โดยมีดอกกุหลาบลงมาเกลื่อนสนามตลอดระยะทางที่ทรงเหยาะย่างม้าผ่านไปจนครบรอบ จึงเสด็จลงจากหลังม้ากลับขึ้นไปประทับบนพระที่นั่งตามเดิม

บรรดาพี่เลี้ยงม้าก็เข้ามาจูงม้านั้นออกไปจากสนาม คำพยากรณ์ข้อที่สองและคาถาที่พระปลัดเอี่ยมแห่งวัดโคนอนถวาย ได้สำริดผลประจักษ์แก่พระราชหฤทัย ทรงระลึกถึงพระปลัดเอี่ยมว่า เป็นผู้ที่จงรักภักดีโดยแท้จริง และได้ช่วยให้ทรงผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายมาถึงสองครั้งสองครา  และทั้งหมดนี้คือจุดเล็ก ๆ    ในเกร็ดพระราชประวัติ เป็นปฐมเหตุแห่งพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระราชวังดุสิต ที่เล่าขานกันต่อมาช้านาน และยังคงกึกก้องในโสตประสาทของปวงชนชาวไทยต่อไป ชั่วกาลปาวสาน



หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 20 กรกฎาคม 2552, 07:01:02
^
^
เอ่อ เนื้อหาข้างบนออกแนวสุ่มเสี่ยงไปหน่อยป้ะ
มีบุคคลหลายๆ กลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้องอ่ะ
แถมยัง prove ไม่ได้ด้วย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 20 กรกฎาคม 2552, 15:55:24
มันก็พูดยากนะ เพราะตำนานเรื่องทำนองนี้มีเยอะ เช่น เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน ก็มีประวัติประมาณนี้เช่นกัน



หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 20 กรกฎาคม 2552, 16:22:19
^
^
อ๋อ ตรูหมายถึง เนื้อหาในส่วนที่ ประเทศฝรั่งเศสจะ ... ท่านอ่ะ
ถ้าเป็นคนฝรั่งเศสมาเห็น เค้าก้คงยอมไม่ได้เหมือนกันนะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 20 กรกฎาคม 2552, 21:54:53
   ไม่รู้เหมือนกันครับ เคยเห็น GM ทำเป็นสารคดีเนื้อหาก็ประมาณนี้เหมือนกัน ไม่ผิดเพี้ยน วันก่อนฟังวิทยุก็เอาเรื่องนี้มาพูดเนื้อหาเดียวกัน....ลอกกันมาเลยว่างั้น สรุปว่าเรื่องนี้เป็นตำนานจริงๆ ไม่ใช่เพิ่งแต่งขึ้น แต่มีส่วนจริงเท็จเท่าไหร่นั้นบอกไม่ได้ (แต่พวกฝรั่งเศสสมัยนั้น มันเลวจริงๆครับอันนี้เรื่องจริง ) เรื่องนี้เก่าแก่มากครับ ถัดจากลป.เอี่ยมมาก็เป็นยุคของลป.ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรพระโอรสในพระพุทธเจ้าหลวงอีกต่อหนึ่ง ช่วงนี้มีเกจิอาจารย์สำคัญๆอีกรูปหนึ่งคือลพ.เงินวัดบางคลาน ลพ.เงินผมไม่ได้ค้นคว้าเลยไม่แน่ใจว่า ลป.ศุขกับลพ.เงินใครแก่กว่ากันเท่าไหร่ แต่ลป.เอี่ยมมาก่อนแน่นอน


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 20 กรกฎาคม 2552, 22:04:59
    สำหรับลพ.เงินเนี่ยพอหันมาเล่นพระก็เจอเลย(เช่นเดียวกับลพ.พรหม วัดช่องแค) ในใจก็นึกเบื่อๆลพ.เงินอีกแล้ว ดียังไงเนี่ย..... ราคาก็แสนแพง(แถมไม่ทันลพ.เงินปลุกเสกอีก...เหมือนลป.ทวดที่ไม่ทันลป.ทวดปลุกเสกอีกเช่นกัน) มันต้องมีอะไรใหม่ๆที่มีคุณค่าแต่ราคาประหยัด(แนวคิดแบบ value investor emo29:P:) ที่พยายามจะเอามาใช้กับวงการพระ] เลยเสียตังค์เช่าพระใหม่ไปเยอะมาก -_-' โดยเฉพาะองค์พ่อจตุคาม  emo49:)) คิดแล้วสะเทือนใจไปนอนดีก่า


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 21 กรกฎาคม 2552, 11:53:49
โดนเหมือนกันเลย..แฮ่..

ดีว่าขายได้เยอะ สิริรวมเลยรอดตัว  ฝากหลวงปู่ศุขหน่อยอาจารย์ก๋ง ผมไปได้มา 2 เนื้อชินพิมพ์ประภามณฑล เมื่อซัก 4 ปีที่แล้ว เอาไปประกวด เก๊รวด ดีที่ร้านมันรับคืน จำชื่อไม่ได้แล้ว อยู่ในซอยโชคชัย 4 ร้านดังซะด้วย..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 22 กรกฎาคม 2552, 08:10:24
       ติดเซียนโต้งอยู่ 2 เรื่อง 1.ลพ.ปานวัดบางนมโค 2.ลป.ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า  จะมาลงในไม่ช้าครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 22 กรกฎาคม 2552, 09:35:14
เคยไปที่วัดปากคลองมะขามเฒ่ามาแล้ว พอดีจะไปนครสวรรค์ ก็เลยแวะซะหน่อย อยู่ริมคลอง วัดเงียบๆดีครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 31 สิงหาคม 2552, 07:55:06
อยากได้พญาครุฑ หลวงปู่ผาด วัดไร่ จ.อ่างทอง อ่ะครับ
ใครมี เช่ามาฝากบ้างสิครับ
ไม่เอารุ่นแรกก็ได้นะ ขอรุ่นล่าสุดที่เพิ่งออกมาก็ได้

ขอบคุณล่วงหน้าขอรับ

(http://www.siamamulet.net/phpboard/boardimages/00174131.jpg)

(http://www.siamamulet.net/phpboard/answerimages/1362299.jpg)

(http://www.siamamulet.net/phpboard/answerimages/1362300.jpg)

(http://www.siamamulet.net/phpboard/answerimages/1362301.jpg)

ขอบคุณเครดิตรูปจาก siamamulet ครับ
http://www.siamamulet.net/phpboard/qb.php?Qid=174131 (http://www.siamamulet.net/phpboard/qb.php?Qid=174131)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 01 กันยายน 2552, 15:53:07
ทำไมจะนิยมครุฑล่ะท่าน เวลาจะไปที่อโคจรที่ท่านต้องไปบ่อยๆต้องถอดก่อนเข้าไปนะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 02 กันยายน 2552, 08:21:03
ไม่มีเหตุผลไรอ่ะ แค่ชอบ
ตอนนี้ก็ห้อยอยู่องค์นึง
ห้อยมา 3 ปีแระ แต่ไม่เข้ามีคนเห็น เพราะผมห้อยไว้ข้างหลังอ่ะ

ถ้าเพื่อนโต้งแวะไปเจอ ก็โทรมาบอกหน่อย จะฝากเช่า


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 02 กันยายน 2552, 19:24:53
ทำยังกะบ้านกรูอยู่อ่างทอง เดี๋ยวจะโทรฝากญาติไว้เผื่อเข้าสนามจะได้หาให้


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 03 กันยายน 2552, 15:43:21
เค้าว่าของ อ. วรา ก็ดีใช่มั้ยครับ พญาครุฑ เนี่ยะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 03 กันยายน 2552, 17:38:48
ได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ จารย์ก๋งหายไปเลย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 03 กันยายน 2552, 23:02:46
 emo24:( ลงรูปไม่ได้อีกแว้ววว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 03 กันยายน 2552, 23:32:06
 emo28:win: มาแร้วครับเซียนโต้ง มาถึงบ้านนั่งหน้าคอมเมื่อไหร่ลูกสาวเป็นต้องแย่งเล่นเกมส์แต่งหน้าทุกที ครุทต้องลพ. วรา วัดโพธิ์ทอง ส่วนนาค ต้องลป.คำพันธ์ วัดพระธาตุมหาชัย จ.นครพนม บ้านผมเอง แช่ในน้ำหมาก เมียผมลงเวรดึก เคลิ้มหลับเห็นงูใหญ่สีเหลืองส่องแสงเรืองรองไม่มีหงอนตัวเท่าเสาบ้านพันขนดอยู่หัวเตียง พอลืมตาขึ้นมาดูก็หายไป พอหลับก็มาใหม่ ค้นหัวเตียงเจอนาคเกี้ยว ถูกหวยใต้ดินงวดที่ออก 15 ไป 100 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ครับ อิอิอิ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 04 กันยายน 2552, 16:37:13
โอย..อยากได้..ของหลวงปู่ศุขน่ะ..ยังไม่มีเรยยยยย..

ว่าแต่นาคพันหัวเตียง มันเป็น 15 ได้ไง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 04 กันยายน 2552, 21:02:32
         emo29:P:  เรื่องมันยาวครับเพื่อน เรื่องเห็นงูพันกันมันเป็นนิมิตหมายว่าจะมีโชค(หาอ่านได้จากเรื่องนาคเกี่ยว ลป.คำพันธ์ สำหรับผมไม่เคยฝันหรือเห็นอะไรเกี่ยวกับงูทั้งสิ้น) 15 มิย 52 เป็นวันที่เมียผมตรวจฉี่แล้วพบว่า....มีน้อง เลยเอาไปแทงหวยครับ
หลวงปู่ศุขผมมี 2 องค์ครับ  เนื้อจัดดีครับ


หัวข้อ: ก่อนนอนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 04 กันยายน 2552, 23:01:16
  พระพิจิตรเกศคด พิมพ์หลังลายผ้า เลี่ยมโบราณ องค์นี้ยังไม่ได้เช็คครับ ของแท้ราคาไม่เกินหมื่น น่าเล่นครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 04 กันยายน 2552, 23:38:51
 emo24:( ลงรูปยากแฮะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 07 กันยายน 2552, 07:01:41
อ้างถึง
ข้อความของ หลิม 81 เมื่อ 03 กันยายน 2552, 15:43:21
เค้าว่าของ อ. วรา ก็ดีใช่มั้ยครับ พญาครุฑ เนี่ยะ

ไม่รู้ ถ้าไปเช่าที่เค้าฮิตๆ กัน ราคาจะสูงหรือเปล่า
ผมคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอ่ะ
เช่าเพื่อความสุขใจอย่างเดียว ไม่เน้นลงทุน


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 กันยายน 2552, 07:37:18
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 07 กันยายน 2552, 07:28:39
อ้างถึง
ข้อความของ Apirat T. เมื่อ 07 กันยายน 2552, 07:01:41
อ้างถึง
ข้อความของ หลิม 81 เมื่อ 03 กันยายน 2552, 15:43:21
เค้าว่าของ อ. วรา ก็ดีใช่มั้ยครับ พญาครุฑ เนี่ยะ

ไม่รู้ ถ้าไปเช่าที่เค้าฮิตๆ กัน ราคาจะสูงหรือเปล่า
ผมคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอ่ะ
เช่าเพื่อความสุขใจอย่างเดียว ไม่เน้นลงทุน
     ถ้าเพื่อนแครมเบี้ยน้อยแล้วต้องการความสุขใจ ถ้าหอยน้อยด้วยแล้วไม่ค่อยดีครับ ไม่เน้นลงทุนแต่เน้นคุณภาพในการใช้งาน เพิ่มราคาขึ้นไปอีกนิด ได้ของดีกว่าครับ มีความสุขกว่ากันเยอะ  เชื่อผมเถอะ!!!!


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 07 กันยายน 2552, 08:09:53
เห็นด้วย..เวลาผ่านไปแล้วมูลค่าสูงขึ้นในสัดส่วนที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง..(สำหรับหอยเยอะนะครับ)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 กันยายน 2552, 08:34:47
   -_-' ไม่ใช่ครับเซียนโต้ง ที่ผมพูดหมายถึง เบี้ยน้อยแต่ซัด หอยใหญ่ๆ(อันเดียว) ไปเลย ดีก่าค่อยๆตอดที่ละน้อย มันเปลืองตังค์ครับ  ฮี่ๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 กันยายน 2552, 14:37:39
    เล่นพระแท้ไปเลยดีกว่าครับ องค์เดียว ใช้คุ้ม ดีก่าเล่นพระใหม่ ที่ละองค์ เปลืองตังค์ อิอิอิอิอิ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 08 กันยายน 2552, 12:13:27
ได้เวลาออกตลาดแล้วจารย์ก๋ง กะว่าจะเก็บหลวงปู่ทวดอีก ตั้งงบซัก 50 กำปั้น ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ได้แค่ ตัว ท.ใหญ่รึเปล่า


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 08 กันยายน 2552, 21:16:26
         อย่าลืมเอารูปลงมาโชว์ด้วยนะครับเซียนโต้ง อยากเห็นเป็นบุญตาจริงๆ พระระดับนี้แค่เห็นของแท้ก็พอใจแล้วครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 09 กันยายน 2552, 18:02:43
ยังไม่ได้ไป กำลังเคลียร์คิวอยู่ และต้องดูคิวคนที่เค้าจะไปด้วยน่ะ ไม่กล้าพอที่จะออกสนามคนเดียว


หัวข้อ: สุดยอดตะกรุดสายอีสาน
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 09 กันยายน 2552, 20:38:54
    ตะกรุดโทนพอกยา ที่1 งานประกวดพระที่ ม.มหาสารคาม  สภาพสมบูรณ์สุดๆ สวยๆแบบนี้ 1 ไม่มี 2


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 09 กันยายน 2552, 20:48:29
     เก่าและแห้งจนเนื้อเริ่มกระเทาะออกมา


หัวข้อ: มีดครู(โคตรมีดครู) ลพ.เดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 09 กันยายน 2552, 22:48:59
ระหว่างที่ลพ.สิ้นลมนั้น เล่าขานกันว่า ท่านสอบถามพระลูกวัดถึงน้ำในสระที่เริ่มเหือดแห้งลงไป ทราบว่าไม่พ้นฤดูแล้งน้ำในสระคงแห้งหมดไม่พอใช้ ท่านพนมมือขึ้นในขณะที่อยู่ในท่านอนหงาย มือหลับตาลง เกิดเหตุอัศจรรย์ มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนน้ำในสระเต็มพอดี เมื่อฝนหยุดตกมือทั้งสองข้างที่พนมอยู่ก็ร่วงลงมา พร้อมๆกับลมหายใจที่ขาดห้วงไป หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับย่ามของท่านไม่มีใครทราบ มีดหมอประจำตัวของท่านที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ รวมถึงสิ่งของต่างๆ ถูกหยิบฉวยไปที่ละชิ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคงไม่มีอะไรเกินไปกว่า มีดหมอประจำกายของท่าน ในรูปที่ผมโชว์นี้ เคยถูกถามเช่าจากพระผู้สูงอายุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งย่านฝั่ง ธนฯ ในราคาหลายแสนบาท ซึ่งเคยเห็น ลพ.เดิม ใช้มีดเล่มนี้ รักษาคนที่บ้านเกิดของท่าน ผมจีบเจ้าของอยู่นานกว่าจะได้ยลโฉมมีดครูเล่มนี้ เจ้าของเปิดราคาไว้หลักล้าน ชาตินี้คงหาคนเช่าได้ครับ ถ้าไม่ถูกโจรยกเค้าไปเสียก่อน อุอุอุอุ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 10 กันยายน 2552, 10:13:38
อยากได้อ่ะ แต่เป็นรูปหล่อนะไม่ใช่มีด..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 10 กันยายน 2552, 10:40:49
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 10 กันยายน 2552, 10:13:38
อยากได้อ่ะ แต่เป็นรูปหล่อนะไม่ใช่มีด..

แสดงว่าที่มีอยู่ รูปไม่หล่อ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 15 กันยายน 2552, 15:19:35
     ที่อยากได้สุดๆตอนนี้มีอยู่ 2 อย่าง หนุมานลป.ทิม กับ กุมารเก้าโกฏิ ลป.ชื่นวัดตาอี ล่ำลือกันหนาหูว่าเฮี้ยนนักหนา พกติดตัวไปไหน แค่หมาเห่า มันเตะหมาตายตรงนั้นเลย ประมาณนี้ ผมอยากได้ก่อนวันคืนสู่เหย้าครับจะได้เอาไปอวดเพื่อนๆ อุอุอุอุ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 15 กันยายน 2552, 16:27:12
ดี..จารย์ก๋ง วันนั้นผมจะได้ฝากเตะปากไอ้หลิมมันด้วย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 15 กันยายน 2552, 21:47:26
       emo29:P: มันจะดีหรือครับ
       emo35:() ผมกะหลิมไม่เคยมีความแค้นต่อกัน
       .......แต่เพื่อเพื่อนผมทำได้ทุกอย่างครับ emo49:))  สักสองป้าบก็พอ emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 16 กันยายน 2552, 14:13:49
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 15 กันยายน 2552, 21:47:26
       emo29:P: มันจะดีหรือครับ
       emo35:() ผมกะหลิมไม่เคยมีความแค้นต่อกัน
       .......แต่เพื่อเพื่อนผมทำได้ทุกอย่างครับ emo49:))  สักสองป้าบก็พอ emo20:)):)

มาำเลย...ผมไม่เคยกลัวใครที่ไหน....มาเืมื่อไหร่บอกด้วย....เพราะจะได้ไม่ว่าง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 กันยายน 2552, 18:34:45
ถ้าจารย์ก๋งสั่งได้ขนาดนั้น ผมฝากซื้อลอตเตอรี่ให้สองใบ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 16 กันยายน 2552, 21:41:17
     ไม่ดีมั๊งครับเพื่อน  ผมไม่อยากเห็นเพื่อนฝูงเล่นการพนัน   emo29:P:   
     อย่าเล่นเลยครับ รสชาดของการเสียพนันนั้นเจ็บปวดแสนสาหัส
     ปล่อยเมียผมเล่นไปคนเดียวเถอะครับ   emo24:( งวดนี้โดนไป 1500 เมียบอกจิ๊บๆ..... เพราะผมเป็นคนจ่าย  emo29:P:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: jviruch-78 ที่ 17 กันยายน 2552, 15:29:53
เยื่ยม เป็นสามีดีเด่น


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 17 กันยายน 2552, 21:17:35
แต่ lotto บ้านพี่
jackpotอาทิตย์นี้ 23,000,000 €ยังไม่แตก
ขอพี่เล่นหน่อยน่า 3-4 € เอง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 18 กันยายน 2552, 07:44:40
      ฝากซื้อ 59 ได้ไหมครับพี่


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 18 กันยายน 2552, 11:28:26
พี่หนิง ฝากแทง 4 ยูโร
ถ้าถูก มาเก็บตังค์กับผมได้เลย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 22 กันยายน 2552, 16:34:27
เลขมันตั้งไม่รู้กี่หลัก รู้สึกจะมีพยัญชนะด้วยใช่ป่าว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 26 กันยายน 2552, 08:21:15
 emo47 emo47  งั้นขอเป็น OHH555Yeah emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 27 กันยายน 2552, 22:25:34
      emo29:P:  เริ่มเลอะเทอะ ขอขั้นรายการ ด้วยภาพบรรยากาศ วัดบางนมโคครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 27 กันยายน 2552, 22:29:07
 emo29:P:  เกิดอะไรขึ้นครับ ภาพไม่ปรากฎ  emo7:(:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 29 กันยายน 2552, 12:31:34
อยากได้ไก่พวง..ชอบมั่กๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 01 ตุลาคม 2552, 18:16:05
ผมก็มีเก็บ แต่หลวงพ่อตัดวัดชายนาครับ

ไม่ค่อยมีสตางค์ครับ

เก็บได้แต่แค่หลัก ร้อย หลักพันเองครับ  emo29:P:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 01 ตุลาคม 2552, 21:03:42
    ลพ.ตัด วัดชายนา น่าเก็บครับ เคยมีคนเอาไปเช็คพุทธคุณ เค้าว่ายอดเยี่ยมมากๆครับ เคยผ่านแถวนั้นขากลับจากชะอำแต่กลับรถไม่ได้ เส้นนั้นรถขับไวโคตรๆ ได้แต่ยกมือไหว้ ป้ายบอกทางเข้าวัด อยากได้พระที่รับจากมือท่านครับ อยากเห็นตัวจริงๆ มากกว่าอ่านจากหนังสือบางครั้งหนังสือมันก็เขียนเวอร์ไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    แต่ยังไงก็ตามผมว่ารูปนี้เพื่อนแม็คหล่อสุดๆไปเลยครับ  emo49:))


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 02 ตุลาคม 2552, 12:56:40
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 01 ตุลาคม 2552, 21:03:42
    ลพ.ตัด วัดชายนา น่าเก็บครับ เคยมีคนเอาไปเช็คพุทธคุณ เค้าว่ายอดเยี่ยมมากๆครับ เคยผ่านแถวนั้นขากลับจากชะอำแต่กลับรถไม่ได้ เส้นนั้นรถขับไวโคตรๆ ได้แต่ยกมือไหว้ ป้ายบอกทางเข้าวัด อยากได้พระที่รับจากมือท่านครับ อยากเห็นตัวจริงๆ มากกว่าอ่านจากหนังสือบางครั้งหนังสือมันก็เขียนเวอร์ไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    แต่ยังไงก็ตามผมว่ารูปนี้เพื่อนแม็คหล่อสุดๆไปเลยครับ  emo49:))

ขอบคุณครับ

เคยได้ไปไหว้ท่านมาครั้งนึงที่วัดชายนา

 ก่อนท่านมรณะภาพ ไม่กี่เดือน ครับ



หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 02 ตุลาคม 2552, 14:25:10
โหย..จารย์ก๋งรู้ไปหมด

น้าชายไปเช่าหลวงพ่อโสธร เหรียญลงยา สีแดง มา ไปส่งประกวดที่แรก มันตีเก๊ ส่งอีกที่ ติดที่ 2 เอาไงดีฟระ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 02 ตุลาคม 2552, 17:29:10
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 02 ตุลาคม 2552, 14:25:10
โหย..จารย์ก๋งรู้ไปหมด

น้าชายไปเช่าหลวงพ่อโสธร เหรียญลงยา สีแดง มา ไปส่งประกวดที่แรก มันตีเก๊ ส่งอีกที่ ติดที่ 2 เอาไงดีฟระ


ผมไม่แน่ใจว่า สามารถ ส่งไปตรวจสอบที่ศูนย์พระที่ไหนได้บ้างครับ

เช่น G Pra

(ข้อมูลผมด้านนี้ค่อนข้างน้อยอ่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 02 ตุลาคม 2552, 22:13:14
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 02 ตุลาคม 2552, 14:25:10
โหย..จารย์ก๋งรู้ไปหมด

น้าชายไปเช่าหลวงพ่อโสธร เหรียญลงยา สีแดง มา ไปส่งประกวดที่แรก มันตีเก๊ ส่งอีกที่ ติดที่ 2 เอาไงดีฟระ
เพื่อนแม็คโชคดีจังเลยครับ ผมหมดโอกาสแล้ว ........
            ลพ.โสธรม่ถนัดเลยครับเพื่อนโต้ง แต่เรื่องแบบนี้ เข้าทำนอง เก๊ติดรางวัล หรือแท้แต่โดนสวด ไม่ว่าจะเข้า case ไหน ควรกำจัดทิ้งเสียตั้งแต่ยังมีโอกาส  ผมก็เจอตอเหมือนกันครับเพื่อน จริงๆแล้วการเช่าพระเพื่อลงทุนต้องดูก๊วนเซียนด้วยครับ ถ้าโนเนมแล้วพระดูยาก ให้ถอยห่างเข้าไว้ เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับพระขุนแผนสายลป.ทิมมาแล้ว นัยว่าพระแท้แต่เจ้าของไปสะกิดตาตุ่มเซียนใหญ่เข้าให้....เลยโดนไล่สวด ทั้งที่พระก็แท้ แต่ถูกรุมสวดจากพรรคพวกเซียน เรียกว่าหมดทางหากินเลยก็ว่าได้ เอาง่ายๆคือถ้าซื้อพระจากผม(และผองเพื่อน)ซะตั้งแต่แรกก็ไม่มีปัญหาแล้ววว วงการนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ มันคือ.....ความโลภ.....นั่นเอง
           


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: dol (81) ที่ 05 ตุลาคม 2552, 00:16:02
อยากถามท่านผู้รู้ ว่ามีความรู้เรื่องสมเด็จที่มีพลอยฝังที่ตัวองค์พระไหมครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 05 ตุลาคม 2552, 17:05:06
คุ้นๆแฮะ เคยเห็นรูปแต่นึกไม่ออกว่ะ ต้องรอ จารย์ก๋ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 05 ตุลาคม 2552, 22:42:23
        emo29:P:   ไม่ทราบเหมือนกันครับเซียนโต้ง ลองเอารูปมาลงดูครับ เห็นแล้วคงพอเดาออก ช่วยให้ดูได้แคบลง ของสมเด็จพระสังฆราชก็มีเหมือนกัน แต่เป็นเศษพลอยละเอียด(รุ่นปี36) เป็นก้อนๆก็มีครับ http://www.thaiamuletclub.com/p/chamroen/?prdid=1624&cateid=245 ผมไม่ถนัดทุกเรื่องครับ แต่มีเรื่องเตือนเกี่ยวกับพระสมเด็จดังนี้
         emo22:( เรื่องพระตระกูลสมเด็จที่ควรระวัง อย่างยิ่ง มีหลายเจ้าคับ เจ้าใหญ่ๆอยู่ที่ท่าพระจันทร์ ที่ลงรักหนาๆดำๆออกมาพร้อมข่าวลือว่าเจอที่หลังคาโบสถ์วัดพระแก้วตอนบูรณะวัดครั้งใหญ่ บางองค์มีเหล็กก้อนกลมๆฝังอยู่ อยู่ในข่ายเดียวกันกับพวกที่ฝังลูกปัด ที่มีการปล่อยข่าวว่าสมเด็จโตเป็นคนสร้าง ตอนไปบรูณะพระธาตุพนม....ผมเป็นคนจังหวัดนครพนม ยังไม่เคยเห็นพระรุ่นนี้แถวบ้านผมเลย พระ(สงฆ์)ที่วัดพระธาตุพนมยังไม่เคยเห็นไม่รู้จักว่ามี คิดว่ารุ่นนี้พอแตกกรุจากพระธาตุพนมแล้ว คงมารวมกันอยู่แถวๆท่าพระจันทร์ โดยที่คนพื้นที่ไม่เคยมีบุญได้เห็น หรือได้ยินมาก่อนเลย มันเก่งจริงๆ
http://somdatwatprakeaw.blogspot.com/2009/03/blog-post_1758.html


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: dol (81) ที่ 05 ตุลาคม 2552, 22:57:47
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 05 ตุลาคม 2552, 23:44:53
           ก่อนนอนคืนนี้ emo40:: ขออนุญาติลงรูปของมงคลที่เพื่อนหลายท่านอาจจะกำลังแสวงหา หรือมีไว้บูชาแล้ว ยังไงช่วยลงรูปไว้แบ่งกันชมด้วยนะครับ ได้มาบูชาตอนบวชที่วัดมเหยงคณ์ อยุธยา ครับ เพื่อนท่านใด่ที่มีไว้บูชาจำนวนมากแล้ว ขอแบ่งให้ผมอีกเล็กๆน้อยๆได้ไหมครับ อยากได้อีกครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 06 ตุลาคม 2552, 09:55:05
เดี๋ยวถ่ายที่ติดตัวมาลงมั่งดีกว่า(ถ้าไม่ลืมนะ)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Nanthaphon ที่ 22 ตุลาคม 2552, 14:00:54
หวัดดีครับพี่น้อง พี่แอบแกะรอยตามไอ้น้องชาร์ปมาครับ

พี่เองก็มีเก็บไว้เยอะนะครับ เพราะถึงเวลาท่านก็มากันเองไม่ต้องดิ้นรนหานะครับ
หวังว่าน้อง ๆ คงหมั่นทำบุญ ปฏิบัติธรรมกันบ้าง สักวันคงเข้าถึงพุทธคุณได้เอง
โดยไม่ต้องพึ่งเซียนนะครับ

ส่วนเรื่องสมเด็จยี่เก ( ฝังพลอย ) นั้น มีทั้งแท้และที่พยายามทำให้เหมือนของแท้นะครับ
เดิม ๆ ฝังพลอยซีกโบราณ หรือพระธาตุ บางส่วนหลุดไปหรือถูกแกะออกฝังพลอยใหม่
จะให้ชัวร์ต้อง Check พลังดูครับ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า สร้างกันเองในชั้นเจ้า
บัดนี้ถึงเวลา ที่ต้องเปนที่พึ่งของสามัญชนแล้วครับ มีโอกาสก็เก็บไว้นะครับ
พระทุกองค์ไม่มีแท้ ไม่มีเทียมครับ 
 
หวังว่างานคืนสู่เหย้าคงมีเซียนมาเปิดซุ้ม แบ่งกันชมบารมีบ้างนะครับ

ปี้นัน 38


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 22 ตุลาคม 2552, 23:19:25
อ้างถึง
ข้อความของ Nanthaphon เมื่อ 22 ตุลาคม 2552, 14:00:54
หวัดดีครับพี่น้อง พี่แอบแกะรอยตามไอ้น้องชาร์ปมาครับ

พี่เองก็มีเก็บไว้เยอะนะครับ เพราะถึงเวลาท่านก็มากันเองไม่ต้องดิ้นรนหานะครับ
หวังว่าน้อง ๆ คงหมั่นทำบุญ ปฏิบัติธรรมกันบ้าง สักวันคงเข้าถึงพุทธคุณได้เอง
โดยไม่ต้องพึ่งเซียนนะครับ

ส่วนเรื่องสมเด็จยี่เก ( ฝังพลอย ) นั้น มีทั้งแท้และที่พยายามทำให้เหมือนของแท้นะครับ
เดิม ๆ ฝังพลอยซีกโบราณ หรือพระธาตุ บางส่วนหลุดไปหรือถูกแกะออกฝังพลอยใหม่
จะให้ชัวร์ต้อง Check พลังดูครับ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า สร้างกันเองในชั้นเจ้า
บัดนี้ถึงเวลา ที่ต้องเปนที่พึ่งของสามัญชนแล้วครับ มีโอกาสก็เก็บไว้นะครับ
พระทุกองค์ไม่มีแท้ ไม่มีเทียมครับ 
 
หวังว่างานคืนสู่เหย้าคงมีเซียนมาเปิดซุ้ม แบ่งกันชมบารมีบ้างนะครับ

ปี้นัน 38

  ขอบคุณครับ ผมมีแบบที่ฝังมุข ด้านหลังมีจปร 2411 เนื้อดี แต่เป็นพิมพ์ท่าพระจันทร์ครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Nanthaphon ที่ 23 ตุลาคม 2552, 16:13:52
ดูให้ดีนะครับ ถ้าเป็นมุกน่าจะฝังขึ้นมาใหม่
แต่ถ้าไม่ใช่มุกน่าจะเปนพระธาตุนะครับ
เมื่อวันก่อนก็เพิ่งได้รับมาอีกองค์ เปนกริ่งสังกัจจาย ขลังไม่เบาครับ

เสริม
 
- สุดยอดของกรุนี้ น่าจะเปนพระขรรค์สังฆวานร โดยคณะหลวงปู่เทพฯ นะครับ
เคยใช้เปิดทางช่วยพี่ถาปัตย์ฯ คนหนึ่ง ประสบการณ์สุดยอดครับ ( แค่พิมพ์ยังขนลุก )

- ลูกแก้ว ทราบว่ามี 108 ลูก + สมเด็จโตสร้างโดยนิมิตจากท่านท้าวมหาพรหมชินปัญจะระ
( ถ้าเคยเห็นรูปท่าน จะสังเกตเห็นลูกแก้วบนฝ่ามือท่าน นั่นแหละครับว่ากันว่าท่านจาริกไปนำมาจากอินเดีย )

- ลูกบริกรรม ( แรงมาก ) สังเกตรูปสมเด็จฯ ท่านที่แสดงปริศนาธรรมว่ากรรมดีเหนือกรรมชั่ว
เขาว่ากันว่า ที่ท่านกำอยู่นั่นแหละครับ คือ"สิ่งนี้" มีพุทธคุณประมาณมิได้ครับ แต่ที่แน่ ๆ ช่วยกรรมฐานดีมากครับ

- ส่วนพิมพ์อื่น ๆ ที่พบเห็นตามสนามพระต่าง ๆ ก็ใช้พิจารณญาณกันนะครับ




หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 26 ตุลาคม 2552, 07:26:49
มีเซียนพี่นันเพิ่มอีกคนแระ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 26 ตุลาคม 2552, 17:55:36
เดี๋ยววันงานจะห้อยพระเส้นเก่งไปโชว์ดีกว่า ไอ้ก๋งอย่าลืมเตือนนะเฟร้ย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 26 ตุลาคม 2552, 22:55:15
 emo9:huhu: emo9:huhu: emo9:huhu:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 28 ตุลาคม 2552, 15:51:18
ในเส้นนั้นประกอบด้วย 5 องค์หลัก
พระกริ่งหลวงพ่อโสธร พิมพ์ใหญ่B ปี 2505 พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์เข่าลอย วัดดอนยายหอม พระปิดตาปลดหนี้ หลวงปู่โต๊ะ หลังยันต์นะ พระพุทธสิหิงค์ จตุคามปี 30 และหลวงปู่ทวด พิมพ์กลาง ปั๊มซ้ำ ปี 2505 รวมมูลค่าแล้วก็หลายอยู่เลยไม่ได้ห้อยประจำ พุทธคุณครบถ้วนครับ ทั้งหมดเลี่ยมทองจับขอบ เพื่อให้ดูง่าย ถ้าไม่ลืมจะใส่เส้นนี้ไปนะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: iamfrommoon ที่ 28 ตุลาคม 2552, 15:53:34
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 26 ตุลาคม 2552, 17:55:36
เดี๋ยววันงานจะห้อยพระเส้นเก่งไปโชว์ดีกว่า ไอ้ก๋งอย่าลืมเตือนนะเฟร้ย

มาช่วงไหนจะดักตีหัว อิอิ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 28 ตุลาคม 2552, 23:08:45
 เปลี่ยนเป็นแบแร็ตต้า พร้อมกระสุน 2 แม็กกาซีน ดีกว่าครับพี่ ถือว่าช่วยน้องเช็คพระไปด้วย ถ้ายิงไม่ออก หรือแค่ถลอกไม่ถึงตาย แค่แก้เก้อกับเซียนโต้งไปว่าแหมแค่หยอกเล่น รู้หรอกว่ายิงไม่ออก ...... ไม่มีโกรธกันอยู่แล้วพี่น้องกันทั้งนั้น emo20:)):)
  ส่วนผมเตรียมมีดหมอนเรศวรปราบหงสาขนาด  ลป.เจือวัดบางกลางแก้วขนาด 9 นิ้วไปด้วยครับ กะจะแทงเซียนโต้งมิดด้ามเลยแหล่ะ แต่ก็ทราบครับ ว่าแทงไม่เข้าแน่ๆ แต่จะพยายามแทงสุดแรงเกิดครับ เพื่อเพื่อนผมทำได้ทุกอย่าง emo20:)):)
  สำหรับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใดมีเครื่องลางที่ไม่ทราบว่าแท้หรือไม่ ขอเชิญร่วมกันพิสูจน์ครับ นานๆจะมีของขลังระดับนี้มาให้ทดลอง มีหอก มีง้าว ขนมาได้หมดเลยครับ เซียนโต้งไม่มีเคืองครับ emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 28 ตุลาคม 2552, 23:43:04
   ลำดับต่อไปเป็นของดีราคาย่อมเยา วันนี้นำเสนอ มัจฉานุ ขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว แช่ในน้ำมันอาถรรพ์ หลายอย่าง เช่น น้ำมันพราย น้ำมันเสือ สีผึ้งลป.ทิม น้ำมันเหล็กไหล คุณสมบัติเทียบเท่ากุมารทอง แต่มีเรื่องมหาอุตต์ และเมตตามหานิยม เข้ามาด้วย ประสบการณ์ดี ราคายังไม่แรง แต่หายาก สภาพเครื่องลาง ดูแล้วออกแนวกรึ๋ยส์ แต่แรงหาห่วงจริงๆครับ
http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=22&Itemid=4
พวกหนุ่มๆ แถวประตูน้ำหลายคนใช้หนุมานของหลวงปู่ทิมติดตัวเป็นประจำ บางรายถึงกับใส่ตลับทองคำที่สั่งทำอย่างสวยงามมาก ผมถามว่านับถือถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เขาตอบผมว่าไม่ใส่ตลับทองคำได้อย่างไรพี่แคล้วคลาดเป็นเยี่ยมเลย เรื่องร้ายๆ ผมผ่านตลอด พี่เชื่อไหมถ้าเรื่องผู้หญิงแล้วเยี่ยมจริงๆ ขุนแผนก็ขุนแผนเถอะ ผมว่าสู้หนุมานไม่ได้ เจาะจงคนไหนสั่งได้เลย ผมเจอมาหลายรายแล้ว ผมว่าคงจะจริงเพราะหนุมานมีเมียมากกว่าขุนแผนเสียอีก ไม่ว่าในน้ำบนบก แม้แต่บนอากาศ หนุมานก็เอามาทำเมียหมด ประการสำคัญหลวงปู่ทิม ท่านใช้ผงพรายกุมาร อย่างเข้มข้นบรรจุไว้ใต้ฐานทุกองค์
            คุณพัลลภ รัตนาภายนต์ ผู้จัดการภาคการขายรถมิตซูบิชิ ซึ่งตอนเป็นพลทหารรอดตายจากการถล่มที่ห้วยโกร๋น จ.น่าน เมื่อปี ๒๕๑๘ เล่าให้ฟังว่า อาว์ซึ่งชอบเล่นเครื่องรางของขลังเกิดถกเถียงกับเพื่อนว่าหลวงปู่ทิมกับหลวงปู่อีกองค์หนึ่ง องค์ไหนจะแน่กว่ากัน อาว์คุณพัลลภ ชื่อเนาว์กุล แกก้องกิติ เลยเอาหนุมานเนื้อเงิน ออกมาทดลองด้วยปืนขนาด .๒๒ มม. ฝ่ายนั้นก็เอาพระเครื่องของหลวงปู่องค์นั้นที่แขวนอยู่ถึง ๕ องค์ ออกมาลองกัน คุณพัลลภเล่าว่า เอาหนุมานหลวงปู่ทิม วางไว้บนแผ่นไม้หน้า ๓ อธิษฐานบอกกล่าว แล้วยิงด้วยปืนซีแซท .๒๒ มม. จ่อยิงในระยะเผาขนมีคนเฝ้าดูกันอยู่หลายคน กระสุนปืนถูกเป้าอย่างจัง ตรงระหว่างเนื้อไม้กับฐานหนุมาน ความมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หนุมานเนื้อเงิน ตนนั้นตีลังกาเป็นวงโค้งแล้ววกกลับตกลงมาบนไม้หน้า ๓ ตรงจุดเดิม เหมือนกับมีชีวิตชีวา ทุกคนตกตะลึงกันหมด ส่วนเพื่อนที่ท้าทาย ก็เชื่อว่าพระเครื่องทั้ง ๕ องค์ ที่ใช้อยู่ก็แน่เหมือนกัน จึงรวบจับวางรวมกันไว้บนไม้หน้า ๓ แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงระยะเผาขนเหมือนหนุมานกระสุนถูกพระปิดตาองค์กลางแตกกระจุย พวงพระแตกกระจายเจ้าของพระถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เพราะพระปิดตาองค์นั้นมีราคาเหยียบแสนบาท
หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกเครื่องรางที่เป็นรูปสัตว์ได้อย่างมีชีวิตชีวา เมื่อผมและเพื่อนๆ หิ้วลังบรรจุหนุมานไปที่วัดท่านถามผมทันทีว่า เอาหัวใจมาด้วยหรือเปล่า ผมตอบท่านตามเคล็ดที่เคยได้ยินจากท่านว่า เอาหัวใจมาด้วยครับ ผมจำได้ตั้งแต่ผมได้สร้างพระกริ่งชินบัญชร ท่านถามผมว่าเอายอดเจดีย์ ยอดปราสาทมาด้วยหรือเปล่า ผมบอกว่าเอามาครับ ครั้งที่คุณเพียรวิทย์ และคุณมงคล นาคแพน ลาท่านไปเอาสิงโต ๔ ตัว ที่จะมาตั้งไว้ตรงบันไดศาลาภาวนาภิรัต หลวงปู่ทิมท่านสั่งว่า เอาหัวใจมันมาด้วยนะ ผมถามท่านว่า เอาหัวใจมาทำไมครับ หลวงปู่ทิมท่านบอกว่า “วันดีคืนดีมมันจะได้ออกมาวิ่งเล่นได้” เหมือนกับที่ท่านถามผมว่าเอายอดเจดีย์ยอดปราสาทมาด้วยหรือเปล่า ตอนไปเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร และพระกริ่งชินบัญชรที่ผมสร้างให้ท่านก็ดังระเบิดเป็นยอดพระกริ่งอยู่ในเวลานี้ การสร้างของให้ขลังให้ดังต้องมีเคล็ดวิชาประกอบด้วยครับ อย่างเช่นหลวงปู่ทิมท่านจะสร้างพระขุนแผนพรายกุมารท่านก็สั่งให้ นายสิงห์ราช อัมฤทธิ์ ซึ่งมีทั้งชื่อ และนามสกุล เป็นมงคลคือมีทั้งมหาอำนาจและยืนยงเป็นอมตะ มาเป็นผู้สร้างพระขุนแผนพรายกุมารหรือยอดขุนพลบ้ายค่ายและก็โด่งดังเป็นที่แสวงหากันอยู่ในะขณะนี้ อาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ อดีตหัวหน้าช่างสิบหมู่ของกรมศิลปากร ไปหาหลวงปู่พรหมมากับผมเป็นรายแรกๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว บอกกับหลวงปู่พรหมมาว่า ผมสร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิมจนโด่งดัง หลวงปู่พรหมมาท่านพูดว่า สร้างพ่อมันแล้วก็สร้างลูกมันอีกซิ ลูกมันเก่งกว่าพ่อมันอีก มันเก่งทั้งในน้ำบนบกและในอากาศด้วย ผมและอาจารย์อนันต์ จึงสร้างลูกหนุมานขึ้นมาอาจารย์อนันต์สร้างตัวใหญ่ ผมสร้างตัวเล็กโดยอาจารย์อาจารย์อนันต์เป็นผู้ออกแบบ ลูกลิงที่มีหางเป็นปลาอายุประมาณ ๗-๘ ขวบ นั่งพนมมืออยู่บนเกลียวคลื่นมีไอ้จู๋ให้เห็นอย่างน่ารัก โรงหล่อช่างถนอม นครอินทร์ หล่อมาให้ผมเป็นตัวอย่าง ๕๐๐ ตน พร้อมกับหนุมานนั่งแท่นอีก ๕๐๐ ตน เป็นเนื้อสัมฤทธิ์แก่ทองเหลืองทองแดง ทั้ง ๒ อย่าง ช่างถนอมหล่อให้คราวเดียวกับการสร้างรูปหล่อยืนองค์ใหญ่ปี ๒๕๓๗ เอาไปส่งให้ผมที่วัดละหารไร่ เมื่อใกล้จะถึงเวลาปลุกเสก ผมจึงไม่ได้ตรวจใบส่งของว่ามีอะไรบ้างและก็ไม่คิดว่าช่างถนอมจะหล่อมัจฉานุมาให้ด้วยเพระาผมสั่งให้หล่อเสร็จก่อนวันเพ็ญเดือน ๑๒ ตอนพระจันทร์อยู่ตรงกับศีรษะในเวลาเที่ยงคืน เมื่อทางโรงหล่อทำมาให้เป็นตัวอย่างก่อนผมจึงไม่ทราบ จนพิธีปลุกเสกรูปหล่อยืนและของขลังอื่นเสร็จหมดแล้ว หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนี้ถามผมว่า “มีใครสร้างหนุมานให้เสกด้วยหรือ” ผมถามท่านว่า “ท่านทราบได้อย่างไร?” หลวงปู่หงษ์ บอกผมว่า “พระนารายณ์เสด็จมาในพิธีนี้ด้วย เจ้าแม่กวนอิมก็มา” และท่านยังบอกกับผมด้วยว่า “พ่อใหญ่ก็มาด้วย” ผมถามท่านว่า “ใครครับพ่อใหญ่” หลวงปู่หงษ์ท่านชี้ไปที่รูปหล่อหลวงปู่ทิมเพราะท่านไม่รู้จักหลวงปู่ทิมมาก่อนเลย ท่านพูดว่าของในที่นี้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพราะหลวงพ่อใหญ่มาทำให้ และที่หลวงปู่หงษ์บอกว่า เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ก็มาด้วยก็เพราะในการปลุกเสกครั้งนี้ผมสร้างพระอวโลกิเตศวร ขนาดเล็ก ขึ้นมาด้วยพร้อมพระมหาเศษฐีนวะโกฎิ
            ประโยคที่หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ถามผมว่า “มีใครสร้างหนุมานให้เสกด้วยหรือ เพราะพระนารายณ์ เสด็จลงมาในพิธีด้วย” ผมจึงหยิบใบส่งของออกมาอ่านก็พบว่านอกจากรูปหล่อพิมพ์ยืนขนาดใหญ่และพระเครื่องอื่นๆ แล้ว ยังมีหนุมานเนื้อโลหะอีก ๕๐๐ ตน และมัจฉานุเนื้อโลหะอีก ๕๐๐ ตน หนุมานผู้พ่อและมัจฉานุผู้ลูกจึงปลุกเสกสำเร็จแล้วในวันนั้นจำนวนหนึ่ง
            ความตั้งใจของผมนั้นจะสร้างมัจฉานุไปให้หลวงปู่พรหมมาปลุกเสกบนผานางคอย ริมแม่น้ำโขงจังหวัดอุบลราชธานีในคืนวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึงแม้จะได้มัจฉานุเนื้อโลหะผสมแล้ว ๕๐๐ ตน ผมก็ขอให้โรงหล่อ หล่อมัจฉานุให้ผมอีกและให้เสร็จทันเอาไปปลุกเสกในวันเพ็ญ เดือน ๑๒ ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่พรหมมาจะออกจากการจำศีล   


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 28 ตุลาคม 2552, 23:46:36
ต่อไปเป็นแนวที่เค้านิยมกัน ต้องมีสภาพแบบนี้ ถึงจะดูขลัง คราบน้ำมันอาถรรพ์จับหนาจริงๆ มีขนเสือด้วย สวยสุดๆไปเลย มังกี้บอยด์ emo49:))
http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=22&Itemid=4
 มัจฉานุเป็นลูกชายของหนุมานซึ่งเกิดจากนางเงือกที่ชื่อสุวรรณมัจฉา เป็นเครื่องรางชนิดเดียวที่หาผู้สร้างได้ยากไม่มีเกจิอาจารย์องค์ใดกล้าปลุกเสกมาก่อน เพราะเกจิอาจารย์ที่สร้างมัจฉานุ ได้ต้องเก่งทั้งในน้ำและบนบก หนุมานนั้นเกจิอาจารย์ทั้งหลายได้ทำกันออกมามากมาย แต่มัจฉานุยังไม่เคยมีใครสร้างนอกจากหลวงปู่พรหมมา เพียงองค์เดียว ก่อนปลุกเสกท่านมอบน้ำมันเหล็กไหล ซึ่งหลวงปู่พรหมมาเอาก้อนเหล็กไหลแช่ไว้ในน้ำมัน ในบาตรพระตั้งอยู่บนคาย (คายคือสถานที่บูชาครูบาอาจารย์) ภายในถ้ำสถานที่จำศีลของหลวงปู่พรหมมา นอกจากน้ำมันเหล็กไหลของหลวงปู่พรหมมาแล้ว ผมได้เอาสีผึ้งโหลสุดท้ายของหลวงปู่ทิม ผสมลงไปพร้อมผงพรายกุมารแล้วเติมน้ำมัน ๙ กลิ่นลงไปเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันให้ท่วม มันฉานุทุกตัวบรรจุลงไปในลังลูกปืนของทหารอเมริกันซึ่งมีซีลกันน้ำได้เมื่อหลวงปู้พรหมมาปลุกเสกเสร็จแล้ว ผมนำเอาไปให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ วัดป่าฉันทนิมิต จังหวัดกาฬสินธุ์ ปลุกเสกเสริมอีก ๑ คืน หลวงปู่ทองฤทธิ์เป็นพระปฎิบัติสายธรรมยุต ท่านบวชเป็นพระมหานิกายมาก่อน เมื่อบวชใหม่ๆ ท่านเดินทางไปศึกษาหาวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กทม. สำเร็จวิชาธรรมกาย ขั้นอัคนีธาตุกรด กสินไฟท่านแรงเท่าดวงอาทิตย์ ๗ ดวง เมื่อบวชได้ ๓๘ พรรษา ท่านสึกแล้วมาบวชเป็นพระธรรมยุตมี หลวงปู่ขาววัดถ้ำกลองเพล เป็นพระอุปัชฌาย์ สมัยสงครามเวียดนาม พระเครื่อง เหรียญ ผ้ายันต์ และตะกรุด ของหลวงปู่ขาวที่แจกตำรวจทหารและพลเรือน จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันนั้นหลวงปู่ทองฤทธิ์องค์นี้เป็นผู้ปลุกเสกให้นามหลวงปู่ขาว พูดง่ายๆ ว่า หลวงปู่ขาวมอบให้ท่านปลุกเสกด้วยความไว้วางใจเพราะเชื่อมือ
            เมื่อผมเอามัจฉานุออกให้บูชาผู้คนก็มาบูชาไปเกือบหมด และผมกล้าท้าทายให้ทดลองเพราะผมมั่นใจ ทั้ง หลวงปู่พรหมมาและหลวงปู่ทองฤทธิ์ อีกทั้งยังมีน้ำมันเหล็กไหลสีผึ้งหลวงปู่ทิม ตลอดจนน้ำมันพรายผสมไปด้วยทำให้มั่นใจยิ่งขึ้น มีเรื่องแปลกมาเล่าให้ฟังเสมอๆ
            คุณปรีดี ผลนิวาส ตำรวจเก่าบ้านอยู่ในซอยเฉลิมสุขใกล้กับบ้านผม ได้มาบูชาเป็นรายแรก ๕๐๐ บาท เป็นเนื้อเงิน คุณปรีดี ขับรถโฟลค์เต่าไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหน้าร้านอมรรัชดา ขายรถเบ็นซ์ ปากซอยรัชดา ๔๒ มีผู้คนมานั่งทานกันหลายคนในจำนวนนั้นมีเด็กสาวสวยเซ็กซี่นุ่งกางเกงขาสั้น ๒ คน คุณปรีดีนึกจะทดลองมัจฉานุทันที แล้วกำมัจฉานุไว้ในมือแล้วอธิษฐานในใจว่า ถ้ามัจฉานุแน่จริงให้เรียกสาวสองคนนั้นไปด้วย เมื่อทานเสร็จ สาววัยรุ่น ๒ คนยิ้มให้คุณปรีดี แล้วพูดว่าอยู่ในซอยใช่ไหมคะ หนูขอนั่งรถไปด้วยนะคะ คุณปรีดี ผลนิวาส งงและทึ่งมากจนทุกวันนี้ บอกมัจฉานุของเขาแน่จริงๆ
            อีกรายหนี่งคุณอวยพร วิเศษจินดา อดีตเจ้าหน้าที่จัดหาที่ดินของกรมชลประทาน สมัยทำงานจัดสรรที่ดินตอนสร้างเขื่อนภูมิพล ได้ลูกสาววิศวกรอเมริกันเป็นภรรยามีลูกชายเป็นผู้ชาย ๑ คนโตเป็นหนุ่มใหญ่ได้ไปอยู่กับแม่และตาที่ รัฐเคนตั๊กกี้ ที่บ้านเพาะพันธุ์ม้าแข่งขาย คุณอวยพรบูชามัจฉานุผมไปคู่หนึ่งทั้งเนื้อเงินและเนื้อนวโลหะ ส่งไปให้ภรรยาและลูกชายที่ รัฐเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา ไม่นานภรรยาคุณอวยพรบอกว่า “มังกี้บอยที่ยูส่งมาให้แน่จริงๆ ไปปลุกไอว่าไอ้มืดมันกำลังขโมยลูกม้าเลยโดนส่องวิ่งหางจุกตูดไป” นอกจากลูกเมียจะประสบกับเหตุการณ์อย่างเหลือเชื่อในต่างแดนแล้วคุณอวยพรยังแนะนำลูกชายนายแพทย์ท่านหนี่งของกรมชลประทาน เอามัจฉานุไปใช้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งหนุ่มผู้นั้นหมายปองมานานแล้วแต่ไม่สำเร็จ เมื่อเอามัจฉานุติดตัวไปจีบไม่นานก็สมปรารถนา แล้วยังไปบูชาจากร้านพระ คุณมานพที่ตลาดสดศรีย่านซึ่งเหลืออยู่ ๖ ตน ไปจนหมด

            คุณอาลักษ์ นุชนาถ ทำงานอยู่สำนักงานใหญ่ธนาคารกสิกรไทยที่สนามเป้า ถนนพหลโยธินมาบูชาเนื้อเงินจากบ้านผมไป ๑ ตน ต่อมาได้บูชาเพิ่มไปอีกหลายตน เล่าให้ผมฟังว่า เมื่อสงกรานต์ ปี ๒๕๓๘ ได้เดินทางไปเที่ยวสงกรานต์ที่ภาคเหนือ ขากลับได้แวะกราบนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง พร้อมกับคุณพ่อ ฯพณฯ ปรีชา นุชนาถ องคมนตรี และท่านผู้การโยธิน โดยเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง จัดให้เข้าเยี่ยมวันนั้นเป็นวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๓๘ อันเป็นวันมหาวัน ทั้ง ๓ ท่าน ได้ถอดพระเครื่องทั้งหมดใส่พานถวายให้หลวงพ่อเกษม มนต์ (คือปลุกเสกเพิ่มพลัง) คุณอาลักษณ์ นุชนาถ เล่าให้ผมฟังว่า หลวงพ่อเกษมหยิบเอามัจฉานุในพานขึ้นมาเพียงตนเดียว ท่ามกลางความตกใจของทุกคนเพราะหลวงพ่อเกษมไม่เคยทำอย่างนี้ กับพระเครื่องใดๆ มาก่อน เมื่อหยิบมัจฉานุขึ้นมาท่านพูดว่า “อ้ายลูกลิงตัวนี้แรงจัง”
            นี่แหละครับมัจฉานุลูกชายหนุมานที่ผมสร้างขึ้นมันเก่งกว่าพ่อมันอีก มันเก่งทั้งในน้ำและบนบกมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของมัจฉานุอีกมากมายที่ผู้บูชาไปแล้วเล่าให้ฟัง แต่ที่แปลกที่สุดก็คือ หลวงพ่อฤทธิ์ รัตนโชโต แห่งวัดชลประทานราชดำริ ท่านเอ่ยปากให้ผมสร้างหนุมานให้ท่านตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ก่อนที่ผมจะไปพบท่านเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เสียอีก หนุมานที่ท่านขอให้ผมสร้าง ท่านบอกว่าให้สร้าง หนุมานผ่านศึก ชนะยักษ์ ชนะมาร จนได้ครองเมืองขีดขิน ท่านกลัวจะสร้างแบบไม่ถูก ท่านถึงกับลงทุนแสดงท่านั่งถ่ายรูปเป็นแบบให้ผม แต่จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้สร้างให้และคนอื่นมาขอสร้างท่านก็ไม่อนุญาต

  



หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 29 ตุลาคม 2552, 17:00:05
แหม..ไอ้ก๋ง จะมาลองของกรูขนาดนั้นเลยรึ..กรูว่ากรูเดี้ยงตั้งแต่แบเร็ตต้านัดแรกแล้ว ไม่ต้องถึงมีดหมอหรอก..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 ตุลาคม 2552, 21:03:51
อ้างถึง
ข้อความของ Nanthaphon เมื่อ 23 ตุลาคม 2552, 16:13:52

 - สุดยอดของกรุนี้ น่าจะเปนพระขรรค์สังฆวานร โดยคณะหลวงปู่เทพฯ นะครับ
เคยใช้เปิดทางช่วยพี่ถาปัตย์ฯ คนหนึ่ง ประสบการณ์สุดยอดครับ ( แค่พิมพ์ยังขนลุก )

   ได้โปรดกรุณาเล่าให้ฟังด้วยครับพี่


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Nanthaphon ที่ 06 พฤศจิกายน 2552, 16:58:09

ครั้งหนึ่งผมมีหน้าที่พารุ่นพี่ที่คณะไปพบหลวงพ่อ  x x x ที่อุดรธานี
ให้ทันก่อนเที่ยง ซึ่งท่านเท่านั้นที่จะช่วยพี่คนนี้ได้ เพราะ x x x

ตอนสาย ๆ ที่ขอนแก่น รถเกิดเสียหลักเนื่องจากรถคันหน้าทำวัตถุขนาดใหญ่ตกลงมา
หลังจากหักหลบ ทุกคนพยายามตั้งสติ และได้ยินเสียงกริ๊ก ๆ ๆ ๆ ตลอดเวลา

นั่นคือ "พระขรรค์สังฆวานร ด้ามท้าวเวสสุวัน" ที่ศิษฐ์ท่านให้ยืมมาใช้เปิดทาง

- เมื่อไปถึง หลวงพ่อให้รับพระองค์ใหญ่ไปบูชา และบอกว่าวันนั้นคือวันที่รุ่นพี่คนนั้น ชะตาขาด
  จากวันนั้น พี่เขาก็เลิกอบายมุข และหันมาทำบุญ แบ่งเวลาปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ

ปล.สังฆวานร หรือเหล็กเปียก เป็นกายสิทธิ์ มีลักษณะเป็นโลหะมีคราบขาว เย็น จนบางครั้งมีละอองน้ำจับ
มักใช้เป็นส่วนประกอบบนยอดปรางค์ ปราสาท หมุดยึด ฉัตรยอดเจดีย์ หรือ สิ่งมงคลที่อยู่ในที่สูง ๆ
เกิดจากการอธิษฐานของพญาวานร ที่เคยแฝงเข้ามาในพระพุทธศาสนา แต่ถูกพระพุทธองค์จับได้
จึงปวารณาตัวช่วยรักษาพระพุทธศาสนา

เล่าแบบย่อ โอเค นะครับ






หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 09 พฤศจิกายน 2552, 08:10:43
โอ้ ตื่นเต้นเร้าใจ ว่าแต่ xxx นี้เป็นอะไรอ่ะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 เมษายน 2553, 00:19:52
 มีข่าวร้ายมาบอกครับ ขุนแผนผงพรายกุมารเนื้อดำ(ผงพรายกุมาร+ถ่านไม้เขี่ยผี)ถูกขายไปในราคาหนึ่งล้านบาทที่ประเทศอังกฤษ มีเสียงล่ำลือว่าแรงขนาดหยุดฝนได้ ตอนนี้คนซื้อพาไปอยู่มอนเตเนโกร เรียบรอยแล้ว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 10 พฤษภาคม 2553, 08:16:41
หยุดฝนได้ แล้วหยุดมะเร็งได้ป่าว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 12 พฤษภาคม 2553, 23:11:01
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 10 พฤษภาคม 2553, 08:16:41
หยุดฝนได้ แล้วหยุดมะเร็งได้ป่าว
อิอิอิ   มะรุอ่ะ เค้าคุยมาแบบนี้   


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 13 พฤษภาคม 2553, 23:08:54
พระท่านคงจะได้เดินทางไปอีกหลายประเทศแน่ๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 14 พฤษภาคม 2553, 11:13:36
นิมนต์มาใหม่ เหรียญเจริญพร3 ปั๊มซ้ำ และหลังเรียบ ราคาเบาๆเมื่อเทียบกับรุ่นแรกและรุ่นสอง ซึ่งทิ้งกันเกินสิบเท่าตัว  เหรียญแรกเป็นปั๊มซ้ำจากปรกไตรมาส  เหรียญนี้พิเศษตรงที่เอาเหรียญปรกไตรมาสเดิมที่เสกแล้ว มาปั๊มให้เป็นเจริญพรและนำไปให้ลป.ทิมท่านเสกอีกครั้ง ด้านหลังมีรอยอักขระ ยันต์ใบพัด และยันต์สารพัดกัน เหรียญนี้จึงมีพุทธคุณทั้งทางด้านเมตตามหานิยมและมหาอุตต์อยู่ในเหรียญเดียวกัน ราคาเป็นสองเท่าของหลังเรียบธรรมดา ณ ขณะที่โพสต์ครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 14 พฤษภาคม 2553, 11:27:22
เหรียญนี้เป็นเจริญพร3 หลังเรียบธรรมดา มาแรงด้วยกันทั้งคู่ สำหรับเหรียญเจริญพรนี้ว่ากันว่า ใครมีไว้ชีวิตไม่ตกต่ำ เสมือนคำที่ลป.ทิมท่านอำนวยพรให้ "เจริญพร" มีเคล็ดสำคัญในการสร้างคือต้องทำให้เสร็จก่อนตะวันตกดิน เจริญพร3 เป็นรุ่นสุดท้ายให้ตระกูลเจริญพร มีจำนวนทั้งสิ้น 2000 เหรียญ เป็นเหรียญหลังเรียบธรรมดา 1600 เหรียญ และเป็นเหรียญที่ปั๊มจากเหรียญปรกไตรมาสอีก 400 เหรียญ ทั้งหมดทำขึ้นเพื่อไว้แจกลูกศิษย์ใกล้ชิดไม่นำออกจำหน่าย  ถูกแช่ไว้ในน้ำมันเสกลป.ทิม จนแห้งกรังจับเป็นคราบที่เหรียญ  ขออนุญาติลงบทความบางตอนจากเว็ปอิธิญาโณอ้างอิง
http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=80&Itemid=1
เมื่อกลางปีที่แล้ว หลานชายผม ปณิธาน วรรณวนิช ทำงานอยู่โครงการหลวงดอยคำ ขณะที่หยิบของใส่ถุงให้ผู้มาซื้อผัก ผลไม้จากโครงการหลวงที่ อตก.สวนจตุจักร เหรียญเจริญพร ห้อยคอหลุดออกมาจากเสื้อ ลูกค้าก้มลงคว้าขึ้นมาดูแล้วพูดว่า หนุ่มคนนี้ ยิงไม่ตายนะ คุณปณิธาน เงยหน้าขึ้นมองจึงได้ทราบว่า คุณชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีนี่เองที่ก้มลงมาหยิบเหรียญขึ้นดู ท่านชวนพูดต่อไปว่า ลูกน้อง ๒-๓ คน รอดตายจากใต้เพราะใช้เหรียญเจริญพรหลวงปู่ทิม ผู้ที่ติดตามท่านชวนจึงสอบถามที่มาที่ไปของเหรียญ คุณปณิธาน บอกว่าได้มาจากมือหลวงปู่ทิมสมัยเด็ก แล้วใช้ห้อยคอมาตลอด แคล้วคลาดรอดตายจากพวกนักเลง –นักเรียนมาหลายครั้ง ผู้ถามท่านนั้นคงไม่เชื่อว่า รับเหรียญนี้มาจากมือหลวงปู่ทิม เพราะคุณปณิธาน นอกจากตัวเล็กแล้วใบหน้ายังเด็กมาก คุณปณิธานบอกว่าผมอายุ ๔๑ ปีแล้ว รับจากมือหลวงปู่ทิมจริง ๆ เมื่ออายุ ๗ ขวบ ผมเป็นหลานคุณชินพร ผู้สร้างพระให้หลวงปู่ทิม เหรียญที่คุณชวนก้มลงหยิบขึ้นมาดูจากคอคุณปณิธาน เป็นเหรียญเจริญพรหลังเรียบที่คุณปณิธาน รับมาจากมือหลวงปู่ทิม ตอนมีอายุเพียง ๗ ขวบ
            เมื่อข่าว สุเชาว์ นุชนุ่ม นักฟุตบอลทีมชาติถูกไล่ยิงแล้วรอดตายอย่างปาฏิหาริย์จากกระสุน .๓๘ ที่ยิงใส่ถึง ๗ นัด ในคอแขวนเหรียญเจริญพรล่างเหรียญเดียว เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ เหรียญเจริญพรล่างและเจริญพรบนเพียงเนื้อทองแดงเลยมีสนนราคาเหยียบแสนไม่เพียงราคาสูงอย่างเดียวทั้งยังหายากด้วย เหรียญเจริญพรหลังเรียบที่หลาย ๆ คนยังสงสัยแต่ผู้ที่ใช้แล้วมีประสบการณ์บอกเล่ากันต่อ ๆ ว่าใช้แล้วไม่ต่างกันแต่ราคาถูกกว่า จึงเป็นที่แสวงหากัน คุณประชา ตรีภาสัย ที่ชักจูงผมไปสร้างพระให้หลวงปู่ทิมต้องเดือดร้อนไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการพระแล้ว ผู้คนได้ยินแต่ชื่อไม่ค่อยมีใครเห็นตัวพลอยเดือดร้อยไปด้วย คนระยองไปตามหาเหรียญเจริญพรหลังเรียบจากคุณประชา เมื่อคุณประชากลับระยองเพราะนาน ๆ จะกลับสักทีก็จำเป็นต้องไปค้นห้องพระก็พบเหรียญเจริญพรหลังเรียบ ๑ ถุง กว่า ๓๐ เหรียญ มีเหรียญกะไหล่ทอง ๕ เหรียญ นักเลงพระจังหวัดระยองขอเหมาทั้งหมดให้ราคาเหรียญละ ๑๕,๐๐๐ บาท คุณประชาตอบปฏิเสธ แล้วก็โทรมาหาผมซึ่งนาน ๆ ครั้งจะโทรมาหา ขอเหรียญเจริญพรหลังเรียบผมอีก เพราะรู้ดีว่าผมต้องมีอีกแน่ ๆ ผมเลยถามคุณประชาว่า เหรียญเจริญพรหลังเรียบได้จากใคร ต้องไม่ใช่จากเราแน่นอน คุณประชาบอกว่าได้มาจากหลวงปู่ทิมก่อนเข้าโรงพยาบาลไม่นาน ทั้งพูดว่าหลวงปู่ทิมท่านรู้นิสัยเราว่าขออะไรก็ต้องมาก ๆ ท่านเลยหยิบให้มามากหน่อย แต่เหรียญของเราหลายเหรียญไม่ได้ต๊อกโค๊ดตัว “นะใหญ่” และยังมีกะไหลทองอีก ๔-๕ เหรียญจำไม่ได้ว่าเอาไปกะไหลที่ไหน เมื่อวันที่พบกันครั้งล่าสุดวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ในคอคุณประชา ตรีภาสัย ก็ห้อยเหรียญเจริญพรหลับเรียบอยู่เพียงเหรียญเดียว คุณประชา เพื่อนซี้ที่นำผมไปสร้างพระให้หลวงปู่ทิม จนเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่    ออกไอเดียอีกว่าเหรียญนี้น่าจะเรียกชื่อใหม่ว่า “เหรียญเจริญพร ๓” แล้วจะเป็นเหรียญที่จะต้องดังกว่าเหรียญเจริญพรล่างหรือเหรียญเจริญพรบนเพราะมีจำนวนน้อยกว่ามาก และจะหายากกว่าเพราะ TWO IN ONE มี ๒ เหรียญในเหรียญเดียว
            เหรียญเจริญพรหลังเรียบหรือด้านหลังไม่มีอักขระเลขยันต์เหมือนเหรียญอื่น ๆ ผมสร้างไว้เป็นของส่วนตัว สาเหตุการสร้างเหรียญเจริญพรหลังเรียบเพราะก่อนที่หลวงปู่ทิมจะมรณภาพพระเครื่องต่าง ๆ และเหรียญเจริญพรทั้งล่างและบนของหลวงปู่ทิมก็มีราคาแพงขึ้นแล้ว และเมื่อผมมีโอกาสแปลก ๆ เป็นสาเหตุให้ต้องทำเหรียญเจริญพรหลังเรียบขึ้นก็มาจากการสร้างปรกใบมะขามให้หลวงพ่อสุก วัดบันไททองเรื่องมีว่า พี่ชุ้น กรมชลฯ หรือคุณรังสรร ธัญญาหาร นักเลงพระรุ่นพี่ ซึ่งเราทำงานที่กรมชลประทานด้วยกัน พี่ชุ้นเป็นคนเพชรบุรี ที่มีฐานะดีคนหนึ่ง และเป็นศิษย์หลวงพ่อ สุก วัดบันไดทอง แกต้องการสร้างพระปรกใบมะขามถวายหลวงพ่อสุก ผู้เป็นอาจารย์ เพื่อหาเงินไปช่วยท่านสร้างเขื่อนหน้าวัด พี่ชุนมาหาผม ให้ช่วยทำปรกใบมะขามให้ ๒,๐๐๐ องค์ บอกว่ามีงบอยู่เพียง ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งไปทำที่ไหนไม่ได้ เพราะต้องมีค่าแม่พิมพ์ด้วย ผมจึงรับไปทำให้ ผมไปทำที่ร้านช่างยิ้ม ยอดเมือง เพื่อประหยัดและรวดเร็ว ไม่ต้องแกะพิมพ์ใหม่ จึงไปค้นแม่พิมพ์ที่มีแกะไว้แล้วและยังไม่ได้ปั๊มเป็นเพราะไม่ถูกใจผู้จ้างก็มีในครั้งนั้นผมได้พบแม่พิมพ์พระปรกใบมะขามที่เป็นตัวต้นแบบปรกมะขามหลวงปู่ทิมพร้อมกับตัวถอดสำรองเหรียญเจริญพร (บน) อยู่รวมกัน ๒ ชิ้น ช่างยิ้ม ยอดเมืองก็รีบทำให้ในราคาองค์ละ ๑ บาท นอกจากปั๊มพระปรกใบมะขามหลังเรียบให้พี่ชุน ๒,๐๐๐ องค์ ในราคา ๒,๐๐๐ บาทถ้วนแล้ว ผมยังปั๊มปรกมะขามหลับเรียบไว้เป็นส่วนตัวอีก ๑,๐๐๐ องค์ พอดีแผ่นโลหะชนิดบางที่ใช้ปั๊มปรกมะขามหมดผมจึงเอาเหรียญนาคปรกไตรมาส ๑๐๐ เหรียญ มาตัดแล้วปั๊มทับไปด้วยได้ประมาณ ๕๐๐ กว่าองค์ แล้วนำไปขอให้หลวงปู่ทิมปลุกเสก (รวมปรกหลังเรียบที่ปั๊มทั้งหมด ๓,๐๐๐ องค์) แบ่งให้พี่ชุ้นไป ๒,๐๐๐ องค์ ถวายหลวงปู่ทิมไว้ ๕๐๐ องค์ ผมเก็บเฉพาะส่วนที่ปั๊มจากเหรียญนาคปรกไตรมาส พระปรกใบมะขาม ๒,๐๐๐ องค์พี่ชุ้นนำไปให้หลวงพ่อสุกปลุกเสกอีกครั้งแล้วตอกโค๊ตด้านหลังเป็นตัว “อะ” (ร-ร) ในวงกลม ออกให้บูชาที่วัดบันไดทององค์ละ ๒๐ บาท ปรกใบมะขามหลังเรียบ ๕๐๐ องค์ที่ถวายหลวงปู่ทิมท่านก็แจกไปบ้างเพราะหลายคนได้รับมาจากมือท่านก็มี เมื่อหลวงปู่ทิมมรณภาพแล้วพระปรกมะขามชุดนี้ก็ตกอยู่ที่ คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ และได้เอาโค๊ตตัว “ท” ตอกไว้ ส่วนอีก ๕๐๐ องค์ซึ่งผมเก็บไว้นั้นทำจากเหรียญปรกไตรมาส ๑๐๐ เหรียญเหตุที่ใช้เหรียญนาคปรกไตรมาสมาปั๊มก็เพราะโลหะที่จะปั๊มพระเล็ก ๆ อย่างปรกใบมะขามหมด ผมจึงเอาเหรียญนาคปรกไตรมาส ๑๐๐ เหรียญที่กำลังออกใหม่และอยู่ในรถมาตัดแล้วมาปั๊มเป็นพระปรกใบมะขามหลังเรียบไว้ ในโอกาสนี้ผมก็ให้ช่างยิ้ม ปั๊มเหรียญเจริญพรหลังเรียบขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งประมาณพันกว่าองค์แผ่นทองแดงก็หมดถ้าจะทำต่อก็ต้องรอทองแดงอีกหลายวัน ผมเลยเอาเหรียญนาคปรกไตรมาสจำนวนหนึ่งปั๊มไว้ประมาณ ๔-๕๐๐ เหรียญ เพื่อเก็บไว้เป็นของส่วนตัวเพราะเวลานั้นเหรียญเจริญพรล่างและบนเริ่มหายากและแพงแล้ว เสร็จแล้วจึงเอาแม่พิมพ์ทั้ง ๒ ตัวกลับ แล้วจึงเอาแม่พิมพ์ทั้ง ๒ ตัวไปทิ้งแม่น้ำหน้าสโมสรกรมชลประทาน โดยมีพี่ชุ้น (ยังมีชีวิตอยู่) และคุณวิรัช ชำนาญณรงค์ เป็นพยานรู้เห็นด้วย
            พระชุดหลังเรียบจึงมี พระปรกใบมะขามของวัดเขาบันไดทอง ๒,๐๐๐ องค์ตอกโค๊ตตัว “อะ” (ร-ร) ไว้ด้านหลัง และพระปรกใบมะขามหลังเรียบที่อยู่กับหลวงปู่ทิม ๕๐๐ องค์ซึ่งเนื้อและขนาดเหมือนของวัดบันไดทองแต่ตอกโค๊ตตัว “ท” ตัวเดียวกับเหรียญเจริญพรกรรมการไว้ด้านซ้ายองค์หลวงปู่ ส่วนอีก ๕๐๐ องค์ที่อยู่กับผมซึ่งเป็นพิมพ์เดียวกันแต่ค่อนข้างหนาเพราะเอาเหรียญนาคปรกไตรมาสมาปั๊ม
สำหรับเหรียญเจริญพรหลังเรียบ ทำทั้งหมดประมาณพันกว่าเหรียญนำไปติดรูปหล่อฐานปูปลาออกให้บูชาเพื่อนำเงินเข้ากองกฐินองค์ละ ๗๐๐บาท องค์ที่ไม่ติดเหรียญเจริญพรหลังเรียบองค์ละ ๕๐๐ บาท ผมแจกฟรี ๆ ไปจนหมดทดแทนผู้ที่ต้องการปรกใบมะขามองค์เพื่อแจกในงานทอดกฐินที่ผมเป็นเจ้าภาพไปทอดที่วัดหนองกรับเมื่อปี ๒๕๒๙ จำนวนประมาณ ๔๑๐ องค์
            เหรียญเจริญพรหลังเรียบได้นำออกแจกในวาระทำบุญกฐิน, ผ้าป่า ไปหลายครั้งจนหมด และต่อมาผู้ที่ได้เหรียญเจริญพรหลังเรียบไปต่างประสบเหตุการณ์เหลือเชื่ออย่างมากมายไม่แพ้เจริญพรรุ่นแรกและเจริญพรสองแต่หลายคนก็มีข้อสงสัยคิดว่าทำขึ้นใหม่บ้างเป็นของเสริมบ้าง แต่นานเข้าผู้ใช้เองมีประสบการณ์ และยอมรับมากเข้าทุกที เพราะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วยตัวเองเป็นอย่างดี


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 21 พฤษภาคม 2553, 13:50:34
โหย..จารย์ก๋งซุ่มเก็บไปเรื่อย ส่วนข้าพเจ้าห่างหายไปกว่า 3 ปีแล้วนับจากองค์สุดท้าย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 24 พฤษภาคม 2553, 23:11:08
  ขึ้นคอเรียบร้อยครับ เซียนโต้ง    emo49:)) emo49:)) emo49:)) emo49:)) emo49:))  


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 25 พฤษภาคม 2553, 07:48:05
แวะเข้ามาชม
 emo42


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 25 พฤษภาคม 2553, 11:51:40
สวยดีครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 พฤษภาคม 2553, 15:35:24
ขออนุญาติลงประวัติลป.ทิมต่อครับ พระเครื่องของลป.ทิม เป็นที่รู้จักกันดีนอกจากแคล้วคลาดมหาอุตต์แล้ว ยังเป็นเมตตามหานิยม หนุนดวงชะตาผู้ครอบครองไม่ให้ตกต่ำ ดังคำพูดที่ท่านได้เอ่ยไว้เป็นอตมะวลี"น้ำขึ้น....ขึ้นตามน้ำ น้ำลง...ไม่ลงตามน้ำ"
http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=33&Itemid=4
เกจิบ้านค่ายก็เป็นหนึ่งในนครา
                 เขียนโดย ชินพร สุขสถิตย์    
Thursday, 03 January 2008  
 
                 ครั้งที่ผมสร้างเหรียญเจริญพรเสร็จใหม่ๆ เมื่อปลายเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๑๗ ผมยกลังใส่เหรียญจำนวนหนึ่งขึ้นรถเข้ากรุงเทพฯ และแวะเข้าตัวเมืองระยองก่อน หวังจะออกให้บูชาเอาฤกษ์เอาชัยเป็นประเดิม แต่ไม่มีคนระยองคนใดที่สนใจบูชาเหรียญเจริญพรนี้เลยแม้แต่เหรียญเดียว
            ผมคิดในใจว่า พวกเขาคงไม่เชื่อว่าหลวงปู่ทิมท่านจะทำให้หรือปลุกเสกให้เพราะในยุคนั้นหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่สร้างอะไรยาก ไม่ว่าใครจะไปขออะไรจากท่านหรือจะให้ท่านทำอะไร ท่านจะพูดเสมอว่า “นี่ทำไม่เป็น”
            ทั้งๆ ที่หลวงปู่ทิมท่านดังและมีผู้คนรู้จักมากแล้วแต่คนระยองก็ยังไม่เชื่อว่า หลวงปู่ทิมท่านจะอนุญาตให้ผมซึ่งไม่ใช่คนระยองสร้งพระสร้างเหรียญให้ท่าน

            เมื่อผมเอาเหรียญเจริญพรมาออกให้บูชาในกรุงเทพฯ ผมเองก็หนักใจอยู่ไม่น้อย คิดว่าจะมีใครมาบูชาบ้าง ? แต่ผมก็เชื่อวาจาหลวงปู่ทิมท่านที่บอกกับผมว่า “ลงมือทำก็สำเร็จ” ผมก็เลยตัดสินใจนำเหรียญเจริญพรไปฝากให้บูชาที่ คณะ ๘ วัดสามปลื้ม โดยมีหลวงพี่เฉลิมชัย เป็นผู้รับ...ฝากไว้ที่ร้านอักษรสุวรรณ ร้านหนังสือดังย่านวังบูรพา หน้าโรงหนังคิงส์...ฝากไว้ที่ร้าน โกหย่วน นิยม พงษ์วิชัย เจ้ากรมพระภาคเหนือ ในยุดนั้น...ฝากไว้ที่ร้าน น้ำ บุคคโล ซึ่งดำเนินงานโดย ๒ สามีภรรยา ถัดมาก็ฝากไว้ที่ย่านบางลำพูที่ร้านเก๊า รุ่งศิลป์ เซียนพระรุ่นเก่าที่จำหน่ายทองรูปพรรณและรับทำตลับทองเลื่ยมทองด้วย
            ร้านพระเครื่องเหล่านี้ชอบพอกับผมเป็นอย่างมากในสมัยนั้น ผมมักจะแวะไปคุยกับแผงพระหรือร้านพระเครื่องเหล่านี้อยู่บ่อยๆ ที่ผมนำเหรียญเจริญพรหลวงปู่ทิมไปฝากให้บูชานอกจากร้านที่ว่านี้แล้วก็ยังมีร้านทองอีก ๒ ร้านคือ ร้านทองวิศรุตวณิช ย่ายถนนเฟื่องนคร และร้านค้าเพชรทองปิติพร ราชวัตร เพราะผมรู้จักคุ้นเคยกับเสี่ยซ้ง คุณธารี ปิติธนะสารสมบัติ มานานเพราะร้านนี้อยู่ใกล้ที่ทำงานผมในยุดนั้นคือ กรมชลประทานจึงคิดจะฝากไว้มากกว่าที่อื่นๆ
ผมได้ยกลังใส่เหรียญเจริญพรทั้งลังประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญไปฝากไว้ เสี่ยซ้งเห็นเข้าก็ตกใจบอกว่า จะขายได้หรือ ฝากไว้มากเกินไปเอาแค่ ๒๐๐ เหรียญก็พอแล้ว ผมเองใจเสียเมื่อได้ยินเสี่ยซ้งพูด แต่ก็ไม่วายยัดเยียดฝากไว้ถึง ๔๐๐ เหรียญ เสี่ยซ้งก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แล้วกูจะเอาไปขายใครวะ?” ผมเองตกใจสร้างเหรียญมาตั้งเยอะแยะ (สมัยก่อนสร้างเหรียญ ๒๐,๐๐๐ เหรียญถือว่ามากแล้ว) แล้วจะเอาไปขายใคร เพราะหลวงปู่ทิมยังไม่ค่อยจะมีใครรู้จัก การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อที่มีชื่อเสียงเช่นยุคนี้ก็ไม่มี การที่หนังสือพระเครื่องจะลงเรื่องพระเกจิรูปใดรูปหนึ่งนั้นท่านต้องดังและเก่งจริงๆ จึงลงได้เฉพาะหนังสืออภินิหารและพระเครื่องเรื่องเล่มเดียวและ หนังสือพระเครื่องยุดนั้นมีคนคอยตรวจปรู๊พ (คนที่คอยจับผิด) มากจริงๆ หากลงอะไรผิดพลาดก็จะโดนสวดยับ หนังสืออภินิหารและพระเครื่องที่ผมเป็นบรรณาธิการอยู่ก็ออกจำหน่ายเพียงเดือนละ ๑ เล่มเท่านั้นแม้ยอดจำหน่ายจะสูงแต่ผลที่ได้จะสูงเพียงใดก็ไม่มีใครรู้ ยิ่งมาโดนเสี่ยซ้งที่เป็นนักเก็งกำไรเรื่องพระอันดับหนึ่งในยุคนั้นรับฝากไว้เพียง ๔๐๐ เหรียญก็ทำให้ผมใจเสีย
            ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่า? เมื่อเหรียญเจริญพรออกวางให้บูชาเพียง ๒ - ๓ วันเหรียญเจริญพรกลับวิ่งฉิว ยอดที่ฝากไว้ให้บูชาแห่งละ ๒๐๐ – ๓๐๐ เหรียญหมดเกลี้ยงอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกร้านต่างรีบโทรศัพท์ให้ผมเอาเหรียญไปเพิ่ม
            เสี่ยซ้งและนายเมา (นายเมาเป็นคนของร้านวิศรุต) ก็ดั้นด้นมาหาผมถึงบ้าน ๑๒๔ ซอยเฉลิมสุข บางเขน (สมัยนั้นทางเข้าบ้านผมลำบากมาก) หาบ้านผมจนพบและขอเหรียญเจริญพรเพิ่มบอกว่ามีเท่าไหร่ขอตัดหมด ผมก็เลยให้ไปเท่าที่มีอยู่ซึ่งได้ไปประมาณคนละ ๒๐๐ เหรียญ ในวันนั้นเป็นวันที่เหรียญเจริญพรหมดพอดี ก็เป็นอันว่าเหรียญเจริญพรบนล่างรวมกันแล้วหมื่นกว่าเหรียญหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
            อาจารย์เภา ศกุตสุต ศิษย์เอกของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญเรื่องเหรียญเกจิอาจารย์ในยุดนั้นมีส่วนช่วยให้เหรียญเจริญพรออกบูชาได้หมดคนหนึ่ง เพราะว่าท่านอาจารย์เภามีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือเชื่อถือมาก เมื่อลูกศิษย์เอาเรื่องของหลวงปู่ทิมพร้อมเหรียญเจริญพรไปถามว่า “หลวงพ่อทิมองค์นี้เป็นอย่างไร”
            อาจารย์เภาท่านจะบอกทันทีว่าหลวงปู่ทิมท่านเก่งมานาน ดังเงียบๆ ในบ้านค่ายพระเกจิเมืองนี้ไม่ต้องห่วง ถ้าลงได้เก่งละก็เก่งจริงๆ “พระเมืองคนกินเนื้อม้า พิธีพุทธาภิเษก ปี ๒๔๘๑ พิธีใหญ่พระเกจิอาจารย์เมืองคนกินเนื้อม้ามานั่งปลุกเสกถึง ๓ รูปเชียวนะโว้ย”
            เพียงคำพูดไม่กี่คำของอาจารย์เภาเหรียญเจริญพรถึงกับวิ่งฉิวหมดเกลี้ยงเป็นประวัติการณ์ภายในเวลาอันรวดเร็ว เป็นเหรียญที่ดังที่สุดในยุดนั้น จนมีหนังสือพระเครื่องด้วยกันเขียนแซวเรียกเจริญพรนี้ว่า “เหรียญเจริญพุ่ง”
ผมรู้ข่าวว่าเซียนใหญ่นักทำพระปลอมกำลังเดินทางขึ้นไปซื้อแม่พิมพ์เหรียญเจริญพรทุกตัวที่ผมเอาใส่ตู้โชว์ไว้ที่วัดละหารไร่ จึงรีบขึ้นไปที่วัดแล้วเอาแม่พิมพ์เหรียญทั้งหมดออกมา ตอกทำลาย เหรียญปลอมชุดแรก ออกมาจึงไม่เหมือนแต่ถึงกะนั้นก็มีคนเอาเหรียญปลอดชุดแรกนี้ไปเร่ขายในแถวศรีย่านโดยอ้างว่าเป็นเหรียญที่ผมสร้างผมจึงต้องออกเอกสารบอกตำหนิในหนังสือ อภินิหารและพระเครื่องที่ผมเป็นบรรณาธิการให้ผู้ที่บูชาและกำลังจะบูชารู้ถึงตำหนิต่างๆ
            เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ ได้มีพิธีมหาพุทธาภิเษกอันยิ่งใหญ่ที่วัดราชบพิตรมีพระเกจิอาจารย์จากจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรไปร่วมพิธีกว่าร้อยรูป เกือบจะเรียกได้ว่าไม่เคยมีพิธีใดที่จะมีพระเกจิอาจารย์เก่งๆ มาร่วมกันได้มากขนาดนั้นพระเกจิอาจารย์ที่มาแต่ละรูปนั้นเก่งจริงๆ ไม่ใช่เก่งแต่คุยหรือเพื่อยกย่องเพื่อเชียร์กันเหมือนในยุดนี้
            อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นอำเภอเดียวที่มีคนพูดว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกถึง ๓ รูปคือ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก และหลวงพ่อหิน วัดหนองสนม พระเกจิอาจารย์ของอำเภอบ้านค่ายทั้ง ๓ รูปท่านดังเงียบอยู่ในท้องถิ่น เมื่อปี ๒๕๑๖ สมัยที่ผมเป็นบรรณาธิการหนังสืออภินิหารและพระเครื่อง ผมได้เคยไปสืบเสาะและค้นประวัติของพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ดังเงียบๆ ในท้องถิ่นเหมือนกัน
            ในสมัยสงครามอินโดจีนท่านได้ทำเสื้อยันต์ หมวกยันต์ และธงยันต์ เพื่อแจกทหารชาวปราจีนที่ไปสงครามอินโดจีน ทหารที่ได้รับวัตถุมงคลของท่านชุดนี้ไปทำสงครามไม่มีใครเสียชีวิตในสนามรบเลย ถ้าเป็นนายทหารระดับผู้บังคับหมวดหรือผู้บังคับกองร้อย ท่านก็จะมอบธงยันต์หรือหมวกยันต์ให้ไปด้วย
            ท่านผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยผ่านสงครามอินโดจีนเล่าให้ฟังว่า ธงยันต์ของท่านห้ามลมห้ามฝนได้ ส่วนหมวกยันต์นั้นคุ้มครองได้ทั้งตัวเองและคุ้มครองเป็นหมวดหมู่ได้หลวงพ่อรูปที่ว่านี้ก็คือ หลวงพ่อมา วัดหาดสูง แห่งอำเภอกบินบุรี
            นอกจากเสื้อยันต์ หมวกยันต์และธงยันต์ ที่ท่านทำแจกสงครามอินโดจีนแล้วท่านได้สร้างเหรียญไว้เพียงรุ่นเดียวจารึกว่าที่ระลึกฌาปนกิจศพ หลวงพ่อมา วัดหาดสูงแม้จะจารึกว่าแจกในงานฌาปนกิจศพของท่านแต่ท่านก็ปลุกเสกเองก่อนมรณะภาพ
            เจ้าอาวาสรูปที่ผมไปพบท่านในครั้งนั้นท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อมา เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่หลวงพ่อมาได้รับนิมนต์ไปในพิธีครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนั้นด้วยว่าเพราะเจ้าคณะจังหวัดได้สั่งเป็นทอดๆ ลงมาจนถึงเจ้าคณะตำบลว่า วัดใดมีเกจิอาจารย์ที่เก่งๆ ให้ส่งรูปถ่ายไปให้เจ้าคณะจังหวัด เมื่อได้รับรูปถ่ายของพระเกจิอาจารย์แต่ละจังหวัดแล้วก็จะส่งเข้าไปที่วัดราชบพิตร
            ท่านเล่าว่า กรมหลวงชินวรฯ ท่านไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เมื่อดูรูปพระเกจิอาจารย์ทั้งหลายที่แต่ละจังหวัดส่งไปให้แล้วท่านก็จะเอารูปโยนเข้าเตาไฟที่จุดไว้ ถ้ารูปถ่ายของพระเกจิอาจารย์รูปใดไม่ไหม้ไฟท่านก็จะนิมนต์มาร่วมพิธีด้วย
            ในพิธีวัดราชบพิตรเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๔๘๑ นอกจากจะมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ประจักษ์ในยุดนั้นแล้ว ก็ยังมีพระเกจิอาจารย์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงอีกหลายสิบรูปมาเข้าพิธีด้วย เพราะพระเกจิที่จะมาร่วมพิธีได้นั้นต้องแน่และเก่งจริงๆ แม้เพียงรูปถ่ายก็ยังเผาไฟไม่ไหม้
            หลวงพ่อมา วัดหาดสูง พระเกจิอาจารย์ผู้ที่ดังเงียบในท้องถิ่นก็เป็นอีกรูปหนึ่งในพิธีนั้นแต่ที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีพระเกจิอาจารย์ที่ดังเงียบๆ ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีถึง ๓ รูป และหลังจากนั้นมาพระเกจิอาจารย์ทั้ง ๓ รูป ก็โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันทั่วไปโดยเฉพาะ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่ายและหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก สำหรับหลวงพ่อหิน วัดหนองสนาม ต่อมาภายหลังท่านประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำตัวหลวงพ่อหินเองสลบมาฟื้นที่โรงพยาบาลก็พบว่า หมอได้ตัดแขนท่านออกข้างหนึ่งเป็นสาเหตุให้วัตถุมงคลของท่านเริ่มเสื่อมความนิยมไป แต่แท้ที่จริงแล้ววัตถุมงคลของท่านยังศักดิ์สิทธิ์และคุ้มครองได้จนบัดนี้
            เมื่อบ้านค่ายหมดยุดของหลวงพ่อวงศ์ หลวงพ่ออ่ำ และหลวงพ่อหิน แล้วก็หาใช่ว่าจะหมดยุดของพระเกจิอาจารย์เก่งอีกก็หาไม่พระเกจิอาจารย์ที่ดังถัดมาจากยุดนั้นก็มีหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง, หลวงพ่อหอมวัดชากหมาก หลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ ทั้งๆ ที่หลวงพ่อทาบ หลวงพ่อเพ่ง หลวงพ่อหอม มีอายุอานามไล่เลี่ยกับหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ แต่พระเกจิอาจารย์ทั้ง ๓ รูปดังกว่าหลวงปู่ทิม
            หลวงปู่ทิมท่านยังเป็นพระที่ยังไม่มีใครรู้จัก แต่หลวงพ่อทาบผู้เก่งทางเมตตามหานิยม โดยเฉพาะสีผึ้งเขียวของท่านมีชื่อเสียงมากและท่านรู้จักหลวงปู่ทิมได้ดีกว่าใครเพราะท่านเคยไปธุดงด์และเรียนวิชาด้วยกัน
            เมื่อหลวงพ่อทาบสร้างพระเครื่องครั้งยิ่งใหญ่ของท่าน ปี ๒๕๐๓ หลวงพ่อทาบได้นิมนต์หลวงปู่ทิมพระที่ไม่มีชื่อเสียงไม่ค่อยมีใครรู้จักให้ไปนั่งหัวแถวเป็นประธานท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งที่ยังจำเหตุการณ์ได้ เล่าให้ฟังว่า
            ท่านเจ้าคุณวรพจน์ วัดป่า ชลบุรีถึงกับเอ่ยปากยอกรับว่า “หลวงพ่อทิมท่านเก่งจริงๆ”
            ท่านผู้เฒ่าท่านนั้นเล่าต่อไปว่า หลวงพ่อทิมท่านมาถึงวัดตะบกขึ้นผึ้ง เมื่อจุดเทียนชัย ผ่านไปแล้วเล็กน้อย ท่านก้าวเท้าเข้าโบสถ์ๆ ก็โคล้งเหมือนเรือโคลงรู้สึกกันทุกคน เมื่อหลวงปู่ทิมยกมือขึ้นจบ ระลึกถึงครูบาอาจารย์เทียนรองทั้งคู่ก็งอโค้งคล้ายหงษ์ที่ประหลาดคือ ขวดน้ำมันใส่ผมตราสงกรานต์หลายหีบที่วางไว้หน้าหน้าท่านก็ระเบิดขึ้น
            ก่อนจะถึงวันเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ ผมกับคุณอารมณ์ ทับสุวรรณ์ ขอให้หลวงปู่ทิม แสดงอิทธิฤทธิ์ เหมือนครั้งปลุกเสกที่วัดตะบกขึ้นผึ้งหรือไม่ก็เสกน้ำมนต์ให้พุงขึ้นจากโอ่งเหมือนครั้งปลุกเสกที่วัดตะพงนอก เพื่อจะได้จูงใจให้คนจองพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิมท่านปฏิเสธบอกไม่เอาแล้ว ไม่ทำอย่างนั้นแล้ว แล้วท่านอธิบายว่าเมื่อครั้งนั้นมันร้อน เอาใจไปหยังดูว่า นี่จะแน่สักแค่ไหนเลยแสดงให้เขาดู เดียวนี้ไม่เอาแล้ว นี่แหละครับหลวงปู่ทิมผู้ปลุกเสกเหรียญเจริญพร และยังบอกว่าเจริญพรโยม




หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 26 พฤษภาคม 2553, 17:05:45
อ่านมันส์ต้องยกให้ตาก๋งเลย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 27 พฤษภาคม 2553, 23:48:51
พักยกเรื่องลป.ทิม มาดูเครื่องลางร่วมสมัยกันบ้างเน้อ   เสือเขี้ยวดาบ ลป.กาหลงเขี้ยวแก้ว นวะผิวไฟ อุดดิน 7 โป่ง ปิดก้นด้วยหนังเสือ........คิดว่าคงไม่หนังวัวเพ้นท์ตามข่าวน้อ  ตัวนี้ไปเลือกมาเองกับมือ ที่วัดสุทัศน์นี่เอง  (เพื่อนแม็กก็มีลป.กาหลงนิ ) ใครมีร่วมโชว์ได้ครับ เหงาโคตรๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 28 พฤษภาคม 2553, 10:05:40
แหม..ใครจะออกสนามบ่อยเท่าจารย์ก๋งล่ะคร้าบบบบ...พระที่มีผมก็ฝากญาติไว้ ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเลย ห้อยจตุคามอยู่องค์เดียวนี่ละครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 28 พฤษภาคม 2553, 23:31:57
    emo35:() บอกตามตรงครับเซียนโต้ง ชีวิตคนมันสั้น มีบางเรื่องที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำและอีกหลายเรื่องทั้งชีวิตอยากทำก็ทำไม่ได้ ถึงจะไขว้ขว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยว....แต่เมื่อถึงเวลาของเรา ก็ไม่แน่ใจนักหรอก......ว่าจะมีอะไรรั้งเอาไว้ได้ บางอย่างไม่ได้เอาขลัง....แต่เอางาม เหมือนเก็บงานศิลป์จะถูกจะแพงมีแล้วสะบายใจ ดีกว่ามีของแพงแล้วไม่รู้จักพอ......คือที่พูดนี่กระแทกตัวเองด้วยนะครับ เป็นอาการของคนไม่รู้จักพอทั่วไป มีโอกาสเป็นต้องไป แต่ถ้าไม่ชอบ...เชียร์ให้ตายยังไงก็ไม่เอา ใช่ไหมครับเซียนโต้ง  คือ.....เมื่อกี้ผมขึ้นไปดูกระทู้พี่รุ่น38 เห็นกระทู้เก่าไว้อาลัยพี่เหน่งแล้วเกิดอาการเศร้า+ปลง ......  emo35:() ไปนอนดีกว่า


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 พฤษภาคม 2553, 20:24:35
 อักขระเลขยันต์ต่างๆ ในพระเครื่อง มาจากไหน
หัวใจคาถา ๑o๘
หัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์ คือ สังวิชาปุกะยะปะ
หัวใจพระสูตร คือ ทีมะสังอังขุ
หัวใจพระวินัย คือ อาปามะจุปะ
หัวใจสัตตะโพชฌงค์ คือ สะธะวิปิปะสะอุ
หัวใจพระรัตนตรัย คือ อิสะวาสุ
หัวใจพาหุง คือ พามานาอุกะสะนะทุ
หัวใจพระพุทธเจ้า คือ อิกะวิติ
หัวใจปฏิสังขาโย คือ จิปิเสคิ
หัวใจพระไตรปิฎก คือ สะระณะมะ
หัวใจยอดศีล คือ พุทธะสังมิ
หัวใจธรรมบท ( เปรต ) คือ ทุสะนะโส
หัวใจปถมัง คือ ทุสะมะนิ
หัวใจอิธะเจ คือ อิทะคะมะ
หัวใจตรีนิสิงเห คือ สะชะฏะตรี
หัวใจสนธิ คือ งะญะนะมะ
หัวใจแม่พระธรณี คือ เมกะมุอุ
หัวใจยะโตหัง คือ นะหิโสตัง
หัวใจพระกุกกุสันโธ คือ นะมะกะยะ
หัวใจพระโกนาคมน์ คือ นะมะกะตะ
หัวใจพระกัสสป คือ กะระมะถะ
หัวใจสังคะหะ คือ จิเจรุนิ
หัวใจนอโม คือ นะอุเออะ
หัวใจไฟ คือ เตชะสะติ
หัวใจลม คือ วายุละภะ
หัวใจบารมี คือ ผะเวสัจเจเอชิมะ
หัวใจน้ำ คือ อาปานุติ
หัวใจดิน คือ ปะถะวิยัง
หัวใจวิรูปักเข คือ เมตะสะระภูมู
หัวใจพระปริตร คือ สะยะสะปะยะอะจะ
หัวใจพระนิพาน คือ สิวังพุทธัง
หัวใจยานี คือ ยะนิรัตนัง
หัวใจกรณีเมตตสูตร คือ เอตังสะติง
หัวใจวิปัสสนา คือ วิระสะติ
หัวใจมงคลสูตร คือ เอตะมังคะลัง
หัวใจอายันตุโภนโต คือ อานิชะนิ
หัวใจมหาสมัย คือ กาละกัญธามหาภิสะมา
หัวใจเสฎฐัน คือ เสพุเสวะเสตะอะเส
หัวใจปาฏิโมกข์ คือ เมอะมะอุ
หัวใจเพชรสี่ด้าน คือ อะสิสัตติปะภัสมิง
หัวใจศีลสิบ คือ ปาสุอุชา
หัวใจอริยสัจ ๔ คือ ทุสะนิมะ
หัวใจธรรมจักร์ คือ ติติอุนิ
หัวใจนิพพานจักรี คือ อิสะระมะสาพุเทวา
หัวใจทศชาติ คือ เตชะสุเนมะภูจะนาวิเว
หัวใจธาตุทั้ง ๔ คือ นะมะพะทะ
หัวใจธาตุพระกรณีย์ คือ จะภะกะสะ
หัวใจพระกรณีย์ คือ จะอะภะคะ
หัวใจปลายศีล คือ อิสะปะมิ
หัวใจกินนุสัตรมาโน คือ กะนะนะมา
หัวใจพระยายักษ์ คือ ภะยะนะยะ
หวัใจภาณยักษ์ คือ กะยะพะตัง
หัวใจอาวุธพระพุทธเจ้า คือ ปะสิสะ
หัวใจนะโม คือ นะวะอัสสะ
หัวใจกะขะ คือ กะยะนะอัง
หัวใจศีลพระ คือ พุทธสังอิ
หัวใจโลกทั้ง ๑๐ คือ โลกะวิทู
หัวใจยันต์ คือ ยันตังสันตัง
หัวใจขุนแผน คือ สุนะโมโล
หัวใจแค้ลวคลาด คือ อะหังติโก
หัวใจเกราะเพชร คือ ภูตากังเก
หัวใจจังงัง คือ กะระสะติ
หัวใจอิทธิฤทธิ คือ อะหังนุกา
หัวใจกาสัง คือ กาละถานุ
หัวใจพระภูมิ คือ กุมมิภุมมิ
หัวใจนิพพานสูตร คือ อะนิโสสะ
หัวใจแก้วสามประการ คือ มะติยาโน
หัวใจพระฉิมพลี คือ นะชาลีติ
หัวใจสัคเค คือ นะสะมิเห
หัวใจพระญาณรังษี คือ สะกะจะพาหุ
หัวใจสัมพุทเธ คือ สะทะปะโต
หัวใจคงคาเดือด คือ กะขะชะนะ
หัวใจพระเวสสันดร คือ สะระนะตะ
หัวใจพระวิฑูร คือ นะมะสังอิ
หัวใจพระมโหสถ คือ ปาสิอุอะ
หัวใจพระเตมีย์ คือ กะระเตจะ
หัวใจพนฃระภูริฑัต คือ มะสะนิวา
หัวใจพระสุวรรณสาม คือ อะวะสะทะ
หัวใจพระมหาชนก คือ ปะพะยะหะ
หัวใจวิปัสสิ คือ สะขิสะปิ
หัวใจพระมาลัย คือ พะลัยยะ
หัวใจพระยาร้อยเอ็ด คือ อิสิวิระ
หังใจพระยาหมี คือ สะปิระ
หัวใจทิพย์มนต์ คือ กะจะยะสะ
หัวใจงู คือ อะหิสัปโป
หัวใจเณร คือ สะสิสะอุอะวะสะหัง
หัวใจฆะเตสิก คือ ปะสิจะมิ
หัวใจพระยานาค คือ อะงะสะ
หัวใจพระยาม้า คือ สุกเขยโย
หัวใจพระยามัจจุราช คือ กาละมัจจุ
หัวใจพระยามาร คือ นุภาวโต
หัวใจสัตว์ คือ อันตะภาโวพะ
หัวใจท้าวเวสสุวรรณ คือ เวสสะพุสะ
หัวใจพาลี คือ หันตะนุภา
หัวใจองคต คือ พะหะวารา
หัวใจมดง่าม คือ กะสิตานะ
หัวใจไก่เถื่อน คือ ติวิกุกู
หัวใจเต่าเรือน คือ นาสังสิโม
หัวใจการเวก คือ การะวิโก
หัวใจราชสีห์ คือ สีหะทานัง
หัวใจพระเจ้า ๔ พระองค์ คือ นะกะอะปิ
หัวใจปลาไหลเผือก คือ อะยาเวยยะ
หัวใจ กอ.ขอ. คือ มอลอข้อโข
หัวใจอุณลุม คือ อุปะสัมปะ
หัวใจโจร คือ กันหะเนหะ
หัวใจปลวก คือ วะโมทุทันตานัง
หัวใจหนุมาน คือ ยะตะมะอะ, หรือ หะนุมานะ
หัวใจมนุษย์ คือ มะนุญญัง
หัวใจหญิง คือ จิตตังภคินิเม
หัวใจชาย คือ จิตตังปุริโส
หัวใจทรหด คือ นะหิโลกัง
หัวใจมหาอุจ(เขียนแบบเดิม) คือ อุทธังอัทโธ
หัวใจลิงลม คือ ยุวาพะวา, วิงวังกังหะ, หรือ จิขะจุติ

หัวใจ พระปรมัตถ์
จิเจรุนิ
จิ คือ จิตตัง
เจ คือ เจตสิกัง
รุ คือ รูปัง
นิ คือ นิพพานัง
ใช้ได้มากมายครอบคุม
ทั้งคงและเมตตากันผีปีศาจก็ได้
ใช้ได้ครอบคลุมทุกด้าน


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 31 พฤษภาคม 2553, 07:47:13
อ่ะ เท่ดี เสือเขี้ยวดาบ
ร่วมสมัยจริงๆ
เพราะ sebre tooth tiger นี่ มันยุคน้ำแข็งเลยใช่ป้ะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 31 พฤษภาคม 2553, 07:52:27
อ้างถึง
ข้อความของ Apirat T. เมื่อ 31 พฤษภาคม 2553, 07:47:13
อ่ะ เท่ดี เสือเขี้ยวดาบ
ร่วมสมัยจริงๆ
เพราะ sebre tooth tiger นี่ มันยุคน้ำแข็งเลยใช่ป้ะ
หุหุหุหุหุ หมายถึงเพิ่งจะสร้างครับ(ปี49) ตาแครม
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd191382_1106641_5169912_6258035photo.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 01 มิถุนายน 2553, 15:53:39
กะว่าใกล้สิ้นปีจะออกสนามอีกครั้ง อยากได้หลวงปู่ทวดอีกซักองค์


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 02 มิถุนายน 2553, 11:39:16
มาเลยครับ เอารูปมาลงเว็ปด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 02 มิถุนายน 2553, 13:58:48
ใจเย็นๆ ต้องขออนุมัติงบประมาณจาก ผอ.สำนักงบก่อน


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 02 มิถุนายน 2553, 21:37:08
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 02 มิถุนายน 2553, 13:58:48
ใจเย็นๆ ต้องขออนุมัติงบประมาณจาก ผอ.สำนักงบก่อน
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕   เพื่อนร่วมชะตากรรม
มีประสบการณ์เหรียญเจริญพร3 มาเล่าเพื่อความตื่นเต้นครับ มีพยาบาลท้องแก่ใกล้คลอดเอาเหรียญเจริญพร3 ไปใช้ ถูกหวยใต้ดิน บนและล่างร่วม 200 บาท ได้ตังค์เท่ากับราคาเหรียญพอดิบพอดี แต่ภายหลังสามีจับได้ว่า จริงๆแล้วถูก 500 บาท ได้ตังค์ร่วม 3 หมื่น หลังจากการเจรจา(อย่างไม่เป็นธรรม) ได้ส่วนแบ่งมา 5000 บาท ประจวบเหมาะกับมี พระเข้าราคาถูกส้มหล่น เลยได้ตังค์ค่าพระพอดี ฮิฮิ(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd178225.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 03 มิถุนายน 2553, 07:57:42
ตกลงคือภรรยาแกใช่ไหม๊ไอ้ก๋ง
 emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 03 มิถุนายน 2553, 11:52:50
 emo29:P: emo29:P: emo29:P: emo29:P: emo29:P: emo29:P:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 03 มิถุนายน 2553, 18:11:49
ฆาตกรอยู่ในที่นี้เอง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 04 มิถุนายน 2553, 08:17:32
ฆาตรกรรมในห้องปิดตาย
ขอเอาชื่อปู่เป็นเดิมพัน


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 มิถุนายน 2553, 08:48:36
มาใหม่ครับองค์นี้เล็กประมาณเม็ดแตงโม ชื่อปิดตาสาริกา เนื้อทองแดง องค์นี้แช่ในขี้ผึ้งลป.ทิม ลาภลอยเหมือนได้ฟรี พุทธคุณลป.ทิมบอกกับอ.ชินพรผู้สร้างว่า ปิดตานี้ชื่อปิดตาสาริกา เวลาใช้ให้อมไว้ใต้ลิ้น จะขออะไร คนอื่นเขาก็จะใจอ่อนให้ตามที่ขอ ..................... emo47 ผมแอบสงสัยว่า ถ้าขอ ผบ. เอาเมียน้อยเข้าบ้าน ......ฟันหรือพระจะกระเด็นไกลกว่ากัน อิอิอิ ขำๆครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 07 มิถุนายน 2553, 10:16:27
พุทธคุณแนวนี้น่าสนมาก..อมไว้ใต้ลิ้นใช่ป่าว

ถ้าไม่แพงมาก จะเช่าให้ไอ้หลิมไอ้แครมคนละองค์


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 มิถุนายน 2553, 11:02:52
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 07 มิถุนายน 2553, 10:16:27
พุทธคุณแนวนี้น่าสนมาก..อมไว้ใต้ลิ้นใช่ป่าว

ถ้าไม่แพงมาก จะเช่าให้ไอ้หลิมไอ้แครมคนละองค์
องค์นี้ได้มาฟลุ๊ค 4 พันครับ ถ้าแบบผิวแดงๆสวยๆนิยมก็ หมื่นขึ้น ว่าแต่หลิมกะแครมจะเอาไปใช้เรื่องอะไรครับ เซียนโต้ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 07 มิถุนายน 2553, 12:23:38
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 07 มิถุนายน 2553, 10:16:27
พุทธคุณแนวนี้น่าสนมาก..อมไว้ใต้ลิ้นใช่ป่าว

ถ้าไม่แพงมาก จะเช่าให้ไอ้หลิมไอ้แครมคนละองค์

ส่วนพรสรรค์ไม่ต้องใช้ใช่ป้ะ
เพราะถึงใช้ไป ก็ขอไม่ได้ เอิ๊กๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 07 มิถุนายน 2553, 15:47:47
ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังคุยอยู่กับใคร..

จากเสี่ยโต้งผู้แน่จริง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 08 มิถุนายน 2553, 18:36:12
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 27 พฤษภาคม 2553, 23:48:51
พักยกเรื่องลป.ทิม มาดูเครื่องลางร่วมสมัยกันบ้างเน้อ   เสือเขี้ยวดาบ ลป.กาหลงเขี้ยวแก้ว นวะผิวไฟ อุดดิน 7 โป่ง ปิดก้นด้วยหนังเสือ........คิดว่าคงไม่หนังวัวเพ้นท์ตามข่าวน้อ  ตัวนี้ไปเลือกมาเองกับมือ ที่วัดสุทัศน์นี่เอง  (เพื่อนแม็กก็มีลป.กาหลงนิ ) ใครมีร่วมโชว์ได้ครับ เหงาโคตรๆ

มีเนื้อแร่ ครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 08 มิถุนายน 2553, 18:40:01
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 28 พฤษภาคม 2553, 10:05:40
แหม..ใครจะออกสนามบ่อยเท่าจารย์ก๋งล่ะคร้าบบบบ...พระที่มีผมก็ฝากญาติไว้ ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเลย ห้อยจตุคามอยู่องค์เดียวนี่ละครับ

สงสัยอยู่ว่าเห็นบางกลุ่ม web เก็บแต่ เภตรา กับ ปี 30 แบบลูก

เภตรา นี่ดียังไงเหรอครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 08 มิถุนายน 2553, 22:04:11
 สายจตุคามตอบด่วนครับเสี่ยโต้ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 10 มิถุนายน 2553, 08:35:42
จำไม่ได้แล้วล่ะ ไม่ได้ตามข่าว แต่คุ้นๆว่าเกี่ยวข้องกับขุนพันธ์นี่ล่ะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 11 มิถุนายน 2553, 13:54:07
ลองเข้าไป บอร์ดนี้ดูนะครับ

http://www.rachandam.com/chat/topic.asp?TOPIC_ID=687&whichpage=1

รูปประจำตัวพวกพี่ๆ นี้เค้าจะเป็นปี 30 กันหมดล่ะ

มีทั้งสุริยันต์ และจันทรา  อ่ะ สุดยอด


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: อ้อย17 ที่ 11 มิถุนายน 2553, 14:31:51
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 29 เมษายน 2553, 00:19:52
มีข่าวร้ายมาบอกครับ ขุนแผนผงพรายกุมารเนื้อดำ(ผงพรายกุมาร+ถ่านไม้เขี่ยผี)ถูกขายไปในราคาหนึ่งล้านบาทที่ประเทศอังกฤษ มีเสียงล่ำลือว่าแรงขนาดหยุดฝนได้ ตอนนี้คนซื้อพาไปอยู่มอนเตเนโกร เรียบรอยแล้ว

      ข่าวดีละไม่ว่า ..เด๋วมอนเตรฯจะนั่งร้องไห้ เพราะฝนจะไม่ตกที่มอนเตรฯ...อิอิ มันจะแล้งตาย...555 


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 11 มิถุนายน 2553, 22:58:32
อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 11 มิถุนายน 2553, 14:31:51
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 29 เมษายน 2553, 00:19:52
มีข่าวร้ายมาบอกครับ ขุนแผนผงพรายกุมารเนื้อดำ(ผงพรายกุมาร+ถ่านไม้เขี่ยผี)ถูกขายไปในราคาหนึ่งล้านบาทที่ประเทศอังกฤษ มีเสียงล่ำลือว่าแรงขนาดหยุดฝนได้ ตอนนี้คนซื้อพาไปอยู่มอนเตเนโกร เรียบรอยแล้ว

      ข่าวดีละไม่ว่า ..เด๋วมอนเตรฯจะนั่งร้องไห้ เพราะฝนจะไม่ตกที่มอนเตรฯ...อิอิ มันจะแล้งตาย...555  
อิอิอิอิ  สวัสดีครับพี่อ้อย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 12 มิถุนายน 2553, 20:12:16
ใครมีความรู้เรื่องกล้องบ้างครับ ผมกำลังสนใจเลนส์ 60 mm ว่าจะเอามาถ่ายรูปพระ.... แต่ราคาแพงกว่าพระอีกแฮะ คือว่า เลนส์ ค่าย cannon 60 mm f/2.8 ราคาประมาณหมื่นหกพันกว่าๆ กะ Tamron 60 mm ด/2.0 สองหมื่นหนึ่ง   สงสัยตรงที่ ไอ้ f/2.8 กับ f/2.0  คืออยากรู้ว่ามันใช้แทนกันได้ไหม เราเอาแค่ความละเอียด เรื่องแสงคิดว่าจะหาไฟสัก 150 วัตต์มาส่องเอา emo20:)):) f/2.8 ยิ่งตัวที่ไม่ใช่เลนส์ค่าย ราคาแค่หมื่นสามเองครับ ทำไมคนขายมันเชียร์ผมเลือก f/2.0 ทั้งๆที่ผมบอกแล้วว่าพระผมมีไม่ถึงสิบองค์ที่ราคาแพงกว่าเลนส์ตัวนี้ พี่แกว่าให้ผมเปิดร้านถ่ายรูปพระไปเลย คุ้มสุดๆ คุณภาพโคตรๆ (คุณภาพในเรื่องภาพ หรือเรื่องราคา.....ว้า emo29:P:)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 14 มิถุนายน 2553, 10:41:37
นี่ล่ะ เป็นเหตุผลที่ผมอยากเล่นกล้อง แต่รับราคาไม่ได้..แพงมั่กๆ เลยต้องใช้กล้องติงต๊องแบบทุกวันนี้ไปก่อน


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Max ที่ 16 มิถุนายน 2553, 13:21:55
อ้างถึง
ข้อความของ Kong_songpon เมื่อ 12 มิถุนายน 2553, 20:12:16
ใครมีความรู้เรื่องกล้องบ้างครับ ผมกำลังสนใจเลนส์ 60 mm ว่าจะเอามาถ่ายรูปพระ.... แต่ราคาแพงกว่าพระอีกแฮะ คือว่า เลนส์ ค่าย cannon 60 mm f/2.8 ราคาประมาณหมื่นหกพันกว่าๆ กะ Tamron 60 mm ด/2.0 สองหมื่นหนึ่ง   สงสัยตรงที่ ไอ้ f/2.8 กับ f/2.0  คืออยากรู้ว่ามันใช้แทนกันได้ไหม เราเอาแค่ความละเอียด เรื่องแสงคิดว่าจะหาไฟสัก 150 วัตต์มาส่องเอา emo20:)):) f/2.8 ยิ่งตัวที่ไม่ใช่เลนส์ค่าย ราคาแค่หมื่นสามเองครับ ทำไมคนขายมันเชียร์ผมเลือก f/2.0 ทั้งๆที่ผมบอกแล้วว่าพระผมมีไม่ถึงสิบองค์ที่ราคาแพงกว่าเลนส์ตัวนี้ พี่แกว่าให้ผมเปิดร้านถ่ายรูปพระไปเลย คุ้มสุดๆ คุณภาพโคตรๆ (คุณภาพในเรื่องภาพ หรือเรื่องราคา.....ว้า emo29:P:)

จ้างเค้าดีกว่าเลยไหมอ่ะครับ อาจะได้ภาพที่อยากได้หรือไม่เหนื่อยมากในการปรับภาพครับ


จริงๆ แล้วซื้อมาใช้ F ที่กว้างสุดคงไม่ค่อยได้ใช้อ่ะครับ

คงใช้สัก F 4 ขึ้นไปครับ เพราะความชัดเท่ากันทั้งองค์พระครับ

ยังไงก็เชียร์เลนส์ค่ายครับ เวลาขายออกไปก็ไม่เจ็บตัวครับ

เรื่องแสง ลอง search คำว่า still life หรือคำว่า packshot ดูก็ได้ครับ

อาจได้ การจัดแสง หรือการทำ กล่อง ถ่ายภาพ แบบ D I Y ในราคาประหยัดได้ครับ


งั้นเด๋ว... ผมลองถ่ายพระเครื่องเอามาให้เพื่อนๆ ดูบ้างครับ กำลังหาของถ่ายรูปอยู่ครับ




หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 16 มิถุนายน 2553, 15:37:51
 emo49:)) emo49:)) emo49:))  แจ่มเลยครับเพื่อนแม็ก   


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 16 มิถุนายน 2553, 15:51:35
เลนส์กล้องหรือพระครับจารย์ก๋ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 16 มิถุนายน 2553, 21:48:23
อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 16 มิถุนายน 2553, 15:51:35
เลนส์กล้องหรือพระครับจารย์ก๋ง
ป่าวครับเพื่อนแม็ก จะเอารูปมาลงบ้าง.....ผมดีใจ ผมเหงา...


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 17 มิถุนายน 2553, 16:00:16
แหม..ใครจะพระเยอะเอามาลงบ่อยได้เหมือนจารย์ก๋งล่ะคร้าบบ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 21 มิถุนายน 2553, 23:53:23
เพื่อนโต้งพูดแบบนี้ คนอื่นผ่านมาเจอจะหาว่าผมขี้อวด  ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ
ขอเสนอองค์นี้ ไม่ทันรุ่นแรกแต่ทันรุ่นสุดท้าย  กริ่งชินบัญชร 72 ผสมชนวนเก่าไว้อย่างเข้มข้น อุดก้นด้วยผงพรายกุมาร นวะเต็มสูตร ใครจะว่ายังไงก็ยังมั่นใจครับ หุหุหุ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 24 มิถุนายน 2553, 08:57:57
จารย์ก๋ง..

กริ่งปวเรศ 2 ตอนนี้เป็นไงมั่งอ่ะ กรูมีอยู่ 5 ชุด ไม่รู้ราคาเป็นไงมั่ง

ส่วนเรื่องรูปไม่ใช่อะไรหรอก แบบว่าฝากพระไว้ที่บ้านญาติเพราะปลอดภัยกว่า พอดีอยู่ทาวเฮาส์มันก็เลยติดกับหลังอื่น ไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปพระมาลงน่ะ..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 24 มิถุนายน 2553, 11:43:01
ปวเรศ 2  emo29:P: มีอยู่ 5ชุด พร้อมพระชัยวัฒน์ด้วยใช่ป่าว   เอ.......ปวเรศ2ที่ในหลวงทรงเททองเองใช่ป่าว   ปี30 ใช่ป่าว  5ชุดเชียวหรือ  emo7:(:   emo30:sorry:ขอผมสักชุดเถอะครับเพื่อน หลายปีก่อนได้ข่าวว่าแค่กริ่งอย่างเดียวก็เหยียบล้านแล้วนะ พูดเป็นเล่น   ขายยกชุดซื้อฮาร์เลย์มาขับเล่นได้เป็นแก็งค์เลยนะ  emo35:()  จะฆ่าเพื่อนเอาพระดีป่าววะ  emo20:)):) emo20:)):)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 24 มิถุนายน 2553, 14:05:14
เป็นล้านนั่นปวเรศ 1 ครับจารย์ก๋ง ของกรูเป็นรุ่น 2 ปี 30 ที่ในหลวงเสด็จเททองนั่นล่ะ ที่มีข่าวว่าปลอมออกจากวัดบวรฯตอนนั้นไง  ตอนได้มาราคาเฉลี่ยที่ 2 หมื่น ไม่ได้ตามข่าวเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นไงมั่ง ไม่ขายหรอกเสียดาย แค่อยากรู้เฉยๆ

มีครบยกชุดพร้อมพระชัยวัฒน์ครับพี่น้อง เอามาวางเรียงกัน 5 องค์แล้วสะใจดี


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 24 มิถุนายน 2553, 17:19:31
ผมจะเอาครุฑองค์จิ๋วๆ ผมไปใส่กรอบใหม่
กรอบเก่ามันไม่ถึงสลึง มันเริ่มพังแล้น
ตกค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่อ่ะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 มิถุนายน 2553, 11:07:35
อ้างถึง
ข้อความของ Apirat T. เมื่อ 24 มิถุนายน 2553, 17:19:31
ผมจะเอาครุฑองค์จิ๋วๆ ผมไปใส่กรอบใหม่
กรอบเก่ามันไม่ถึงสลึง มันเริ่มพังแล้น
ตกค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่อ่ะ
อยู่ประมาณ 3-4 พัน ไม่น่าเกินนี้ ไปพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานถูกสุดแล้วผมว่า


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 28 มิถุนายน 2553, 08:19:31
เดอะมอลล์บางกะปิไหวป้ะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 29 มิถุนายน 2553, 10:39:44
 emo29:P: ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แล้วแต่เพื่อนแครม ถ้าเพื่อนไหว ผมก็ว่าไม่น่ามีปัญหา  emo29:P:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 29 มิถุนายน 2553, 17:01:13
ราคาไม่น่าจะหนีกันมากถ้าหักค่าเดินทางออก..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 08 สิงหาคม 2553, 23:24:22
กริ่งชินบัญชร 72 ของผม.... ฟาดรุ้งขาดเป็น 2 ท่อน โอ้ววววว์ พระเจ้าจอร์จ โคตรขลังเลย  ไม่น่าเชื่อ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 09 สิงหาคม 2553, 10:54:22
ทำไงอ่ะจารย์ก๋ง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 09 สิงหาคม 2553, 18:50:37
อาราธนาลป.ทิม ก่อนครับ ท่องคาถา กลั้นหายใจ ใช้เกศพระขีดกึ่งกลางสายรุ้ง ขาดออกเป็น 2 ท่อน แล้วค่อยๆกลับมาเชื่อมกันใหม่ มือยังสั่นอยู่เลยครับเซียนโต้ง 
http://www.youtube.com/watch?v=gAnB9yJOyEk


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 10 สิงหาคม 2553, 10:26:56
ส่งไปออกเรื่องจริงผ่านจอแล้วครับเซียนโต้ง เค้ากำลังพิจารณาอยู่ ภาพมันไม่ค่อยชัด จะลองส่งหลายๆรายการดูครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 10 สิงหาคม 2553, 13:06:46
ภาพมันค่อยชัดอ่ะเนอะ..ว่าแต่จารย์ก๋งถ่ายเองเหรอ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 10 สิงหาคม 2553, 13:22:19
คนนั่งข้างๆถ่ายครับ ครึ่งหลังผมถ่ายเอง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554, 00:15:03
  รอตั้งนานสองนานไม่มีใครติดต่อกลับมาเลยครับ สงสัยไม่ชัดพอ
ได้มาใหม่อีกหนึ่งเหรียญครับ เหรียญนั่งพาน หรือ สมเด็จ ณ ศรีราชา
มีพุทธคุณด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มีพี่ในเว็ปคนหนึ่งเคยใช้เหรียญรุ่นนี้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวหายมาแล้วครับ ด้านหลังเป็นยันต์อิติปิโส 8 ทิศ ว่ากันว่าเป็นยันต์ที่ใช้ในการปกป้องและเสริมดวงครับ สำหรับเหรียญนั่งพานนี้ สร้างในปี 2518 ช่วงนั้นลป.ทิมท่านอาพาธ อ.เพียรวิทย์จารุสถิติ ลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านเป็นผู้สร้างถวาย เนื้อทองแดงเป็นจำนวน 2000 เหรียญ สำหรับพิมพ์นิยมนั้น เรียก หลังจิก เกิดจากบล็อคที่ใช้ปั๊มชำรุด ทำนองว่าคงจะเป็นเหรียญอันดับท้ายๆ และมีจำนวนน้อยนั่นเอง ด้านหลังบางเหรียญจะมีรอยจาร บางคนเชื่อว่าลป.ทิมท่านจารเอง แต่บางคนก็ไม่เชื่อครับ ช่วงนั้นลป.ทิมชราภาพมากแล้วซ้ำยังเจ็บป่วยอยู่คงไม่มีแรงจาร ก็สุดแท้แลวแต่ความเชื่อของใครของมันครับ
]


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554, 00:21:51
ด้านหลังครับ มีรอยบริเวณขอบเหรียญ เป็นพิมพ์นิยมครับ นอกจากนี้แล้วยังมีพิมพ์หยดน้ำ ซึ่งเป็นพิมพ์ที่สร้างไว้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะครับ เนื้อทองแดงสร้างเพียง 5000 เหรียญราคาก็จะถูกลงมาหน่อยครับ อยู่ในช่วง30-45K แล้วแต่ความสวยงามของเหรียญ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554, 13:39:32
เซียนหลวงปู่ทิมจริงๆท่าน พระสวยมาก


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554, 21:48:45
  เก็บเงินแทบตาย เซียนโต้ง  ผมอยากจะลงขายพระทางเว็ปยูแล้วอ่ะ เก็บอย่างเดียวมันจุก ซ้อๆขายๆน่าจะได้ฟ.รี


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 02 มีนาคม 2554, 17:35:39
ส่วนกรูยังนิ่งอยู่เลย ไม่ได้หาเพิ่มมาประมาณ 3 ปีแล้ว..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: หลิม 81 ที่ 02 มีนาคม 2554, 17:56:09
พี่ก๋ง ถ่ายรูปพระที่ไหน..สวยดี ถ่ายเองหรือจ้างถ่าย ถ้าจ้างแพงป่าว..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 02 มีนาคม 2554, 21:18:01
 รูปเจ้าของเก่าเขาอ่ะ ต้องจ้างถ่ายแหล่ะครับ ฝีมือขนาดนี้มืออาชีพชัดๆ รูปมันสวยกว่าเหรียญอีกน่ะ  emo29:P:
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd492309_8263956_4434531_369705photo.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd984407_1661385_1670725_8903648photo.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd236026_3089144_8257320_511597photo.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd123598_2191671_258705_2717957photo.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd883313_6314239_8765468_3780808photo.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd391846_1394203_6947103_4328119photo.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 02 มีนาคม 2554, 21:38:40
เหรียญนั่งพานลป.ทิม เหรียญนี้หลังจากทดลองใช้มากับตัวแล้ว นอกจากพุทธคุณด้านปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพุทธคุณด้านโชคลาภการงานด้วย เงินเข้าตรึมเลยครับ สุดยอดจริงๆ เก็บตังค์ได้คราวนี้จะถอยของใหญ่ครับ
(http://www.cmadong.com/picup/201212/3684913756421613177926093.jpg)
(http://www.cmadong.com/picup/201212/9809513756422784100949959.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 10 มีนาคม 2554, 12:58:57
อิจฉาๆๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 10 มีนาคม 2554, 15:49:58
น้องก๋ง,
เครื่องรางมหาเสน่ห์มีรึปล่าวคะ?
ถ้ามีอะไรมั่ง?
พี่แกก็ช่างอยากรู้...นิ


p.nn


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 12 มีนาคม 2554, 12:31:27
  ความรู้ผมน้อยจังครับพี่  emo29:P: ในสายระยองที่ผมเล่นอยู่ ยกย่อง สีผึ้งเขียว ลพ.ทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง กับผ้ายันต์พัดโบก(ผ้ายันต์โบกสาว)ลป.ทิม วัดละหารไร่ครับ  http://uauction.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=72&qid=21667
"อิทธิฤทธิ์...หลวงพ่อเพ่ง, เมตตามหานิยม...หลวงพ่อทาบ, อาคม...หลวงพ่อทิม” สีผึ้งเขียวมรกต หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้งปี 2500 คนที่ยังไม่มีแฟน หรือเจ้าชู้ห้ามพลาดครับ อยากมีเสน่ต้องสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบสีเขียวเข้มหรือที่เรียกกันว่าสีผึ้งเขียวมรกต สีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบมีคาถาใช้ดังนี้ จิตติ มิตติ อรระหัง ปิยังมะมะ ใช้ภาวนาเป็นเมตตามหานิยม และใช้ภาวนาเวลาใช้ขี้ผึ้งทาปากเมื่อใช้นิ้วมือแตะขี้ผึ้งแล้วให้ว่า นะโม 3 จบ ก่อน แล้วภาวนาคาถา พร้อมกับทาขี้ผึ้งที่ริมปาก หรือใช้ป้ายก็ได้เหมือนกันได้ผลชะงัดนัก รายไหนรายนั้น มักหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามคนป้ายไป และไม่เคยมีพลาดเลยสักรายเดียวและป้ายกี่ครั้งจึงจะสำเร็จ ป้ายครั้งเดียวก็สำเร็จแล้ว แต่ถ้าผู้หญิงบางคนดวงแข็งมีของดีคุ้ม หรืออำนาจดวงคุ้มครอง ก็ต้องใช้หลายหนหน่อย แต่สำเร็จทุกราย สีผึ้งของหลวงพ่อทาบนั้น ให้ใช้ดังนี้ 1.เมื่อจะไปหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะขี้ผึ้งทาปาก 2.เมื่อจะไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนรับใช้ ให้ใช้นิ้วชี้แตะขี้ผึ้งทาปาก 3.เมื่อจะไปหาผู้สูงอายุ หรือแม่หม้าย ให้ใช้นิ้วกลางแตะขี้ผึ้งทาปาก 4.เมื่อจะไปหาสาวๆหนุ่มๆให้ใช้นิ้วนางแตะขี้ผึ้งทาปาก 5.เมื่อจะไปหาสาวน้อย หรือคนที่มีอายุน้อยกว่า ให้ใช้นิ้วก้อยแตะขี้ผึ้งทาปาก หากใช้ขี้ผึ้งอารธนาติดตัว นะโม 3 จบ อุกาสะ สัมปะติ จิตติ มิตติ อรระหัง ปิยังมะมะ เรื่องเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับสีผึ้งเขียว นักเลงรุ่นเก่าชาวระยองยอมรับว่าสีผึ้งเขียวของหลวงพ่อทาบนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่งใน ต. ตาสิทธิ์ ติดกับวัดหลวงปู่ทิมเล่าว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ข้าก็ได้อาศัยสีผึ้งเขียว ของหลวงพ่อทาบนี่แหละ จึงได้แม่อ้ายยอด มาจนทุกวันนี้ แม่อ้ายยอดเมื่อสาวๆ มันสวยอย่าบอกใครเชียว หนุ่ม ๆ มาจีบกันหัวบันไดไม่แห้ง แต่ลุง (ตัวคนเล่า) มันพูดจาไม่เก่ง รูปก็ไม่หล่อ แรกๆแม่อ้ายยอดไม่เคยมองลุงเลย ความที่อยากเอาชนะไอ้พวกหนุ่มรุ่นเดียวกัน ลุงจึงดั้นด้นไปขอสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ ไปก็หลายครั้งหลายหนอยู่จนท่านจำได้และเห็นมาบ่อย ๆ หลวงพ่อทาบท่านเลยสงสารควักให้มาหัวไม้ขีดหนึ่งสั่งว่าเพียงเอาห่อติดตัว เวลาจะใช้กับผู้หญิงคนใดก็เพียงแต่ทำใจให้นึกเห็นใบหน้าเขาและเข้าไปหาเถอะไม่ช้าก็สำเร็จ และก็ได้ผลจริงๆไม่นานแม่อ้ายยอดเกิดสงสารเห็นใจลุง ทั้งที่ก่อนนั้นเขาไม่เคยชายตามองลุงเลย พวกหนุ่มบ้านอื่นงงเป็นไก่ตาแตก สีผึ้งเขียวแท้ๆ หายากครับ สีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบนั้นมีผู้แสวงหามากในอดีตมีการซื้อขายกันแค่หัวไม้ขีดเท่านั้นก็เกินพอและที่อยู่ในตลับเงินนี้ก็ถือว่ามีมากอยู่ ปัจจุบันของแท้หายากมากๆ ครับ  "


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 12 มีนาคม 2554, 22:36:12
ฮืมมมม
สีผึ้งไว้สีปากเหรอคะ?
ผ้ายันต์นี่ มีรูปมั้ย?


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 13 มีนาคม 2554, 15:57:55
 จะลองไปค้นรูปมาลงครับ สี้ผึ้งเขียวเก็บไว้กับตัวก็ได้ครับ สมัยก่อนมีเรื่องเล่า ต.บ้านค่าย จ.ระยอง นางงามที่จะส่งเข้าประกวดเกิดป่วยกระทันหัน สิวขึ้นเต็มหน้า ทางอำเภอไม่รู้จะหานางงามคนใหม่ที่ไหนทัน เลยพานางงามสิวไปกราบ ลพ.ทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง ท่านให้สีผึ้งเขียวมาขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ ไว้พกติดตัวตอนขึ้นเวทีประกวด ลงท้ายนางงาม(จำไม่ได้ว่างานอะไร)ประจำจ.ระยองปีนั้นเลยต้องเป็น นางงามสิวเห่อ ที่มาจากอำเภอบ้านค่ายนั่นเอง แต่ว่าสีผึ้งเขียวนี้ช่วงหลังท่านไม่ทำแล้ว เพราะมีหนุ่มบ้านค่ายเอาไปใช้กะหลานสาวหรือน้องสาวท่านนี่แหล่ะครับ ลพ.ทาบท่านคงสะเทือนใจเลยเลิกทำสีผึ้งไปเลย จัดว่าเป็นของหายากอย่างหนึ่ง จะจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบครับ เป็นเรื่องเล่าลือกันมา



หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 13 มีนาคม 2554, 17:06:04
ได้เท่าหัวไม้ขีดมาไว้ในครอบครอง..
พี่คงสุขใจ.


หัวข้อ: ตี๋ใหญ่ ลูกศิษย์ ลพ.สุด วัดกาหลง จอมโจรผู้ปลุกกระแสโจรสะท้านสะเทือนวงการตำรวจ
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 15 มีนาคม 2554, 23:36:28
วันนี้ขอนำเสนอสุดยอดเกจิอาจาจารย์อีกรูปหนึ่ง ซึ่งดังร่วมสมัยเดียวกันกับ ลป.ทิม วัดละหารไร่ สำหรับลป.ทิมนั้น ท่านดังแบบเงียบๆ สมัยท่านยังไม่มรณะภาพยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ต่อเมื่อท่านมรณะภาพไปแล้ว จึงมีชื่อเสียงเนื่องจากประสบการณ์จากวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกไว้นั้น เป็นที่เลื่องลือไม่มีวันเสื่อมถอย แต่สำหรับเกจิอาจารย์ท่านนี้ ท่านดังสะท้านสะเทือนตั้งแต่สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ครับ คือลพ.สุด แห่งวัดกาหลง ผู้เป็นอาจารย์ของ ตี๋ใหญ่นั่นเอง สำหรับลป.ทิมท่านสำเร็จ ยันต์ห้า เป็นยันต์ประจำตัวของท่าน แต่ลพ.สุดนั้น ท่านมียันต์ตะกร้อ ซึ่งท่านได้บัญญัติขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ของท่านเอง สำหรับพลานุภาพแห่งยันต์ตะกร้อนี้จะเข้มขลังแค่ไหน ติดตามจากบทความด้านล่างครับ
http://rb-story.blogspot.com/2010/08/blog-post_7918.html
ตี๋ใหญ่ นักฆ่ามหากาฬ
ตี๋ใหญ่ อาศัยฟ้าแทนมุ้ง อาศัยโรงแรมแทนบ้าน อาศัยร้านอาหารแทนครัว อาศัยโสเภณีแทนเมีย และนี้คือ ตี๋ใหญ่......

“ตี๋ใหญ่” ชื่อนี้เรารู้จักกันดี (เหรอเปล่า) เขาคือ อาชญากรที่ยิ่งใหญ่ของไทยที่ไม่มีใครอีกแล้วที่สร้างปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่อย่างเขา ผู้ซึ่งสร้างความปวดหัวเวียนกล้าให้กับเจ้าหน้าที่มากที่สุด เขาเคยอยู่แฟ้มอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ความพรากเพียรพยายาม จนถึงขึ้นเสียสละความสุขส่วนตัว เงินส่วนตัว ในการไล่ลาตัวเขาหลายปี แต่ก็จับตัวไม่ได้ซะที จนกระทั้งกระทรวงมหาดไทยตั้งค่าหัวเขาถึง 50,000 บาท (ถือว่ามหาศาลมากในเวลานั้น) และเมื่อเขาตายเขาก็เป็นตำนานของไทยตลอดไป......


จากเด็กหน้าตี๋สู่การเป็นมหาโจร น้อยคนนักจะรู้ว่า ตี๋ใหญ่มีชื่อเดิมว่า “ประเสริฐ ช่างเขียน” เกิดในครอบครัวชาวจีน ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ปลายปี พ.ศ. 2495 เป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน ซึ่งทั้ง 8 ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 103 หมู่ 30 ตำบลดอนไผ่


พ่อแม่ตี๋ใหญ่มีรายได้เลี้ยงลูกๆ จากการทำอาชีพสวนผัก สวนผลไม้โตเร็ว เช่น กล้วย มะละกอ เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ หากจะถามว่าเพราะอะไรตี๋ใหญ่ถึงเป็นมหาโจรจอมโหดเลือดเย็น ก็ค่อนข้างยากจะอธิบาย ตามประวัติและคำบอกเล่า พบว่าตี๋ใหญ่ครั้งยังเด็กเป็นเด็กที่ขยัน เชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่ช่วยแม่หารายได้เสริม ยามกลับจากโรงเรียนเสร็จเขามักจะคว้าจอบไปถางหญ้าพลิกหน้าดินเป็นร่องเพื่อปลูกผักหมั่นดูแลรักษาและรดน้ำพรวนดิน ที่น่าสนใจคือประวัติพ่อเขา “เม้งจ๋าย” มีเรื่องเล่ากันว่าในสมัยหนุ่มพ่อของตี๋ใหญ่เคยเป็นอั้งยี่เก่า มีเรื่องฟันๆ แทงๆ นับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะรามือมาเร่ร่อนมาพึ่งแผ่นดินไทยซึ่งสมัยนั้นไทยเปิดรับชาวต่างชาติทำมาหากิน อยู่อย่างอิสระ


ตี๋ใหญ่เป็นคนมีไหวพริบ เฉลียวฉลาด เขามีจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิต เขาไม่เคยคิดว่าจะเล่าเรียนจบแค่ ป.4


แต่เขาวาดฝันถึงรั้วมหาวิทยาลัยและเมื่อเรียนจบเขาจะมีปริญญาได้ทำงานดีๆ พ่อแม่คงจะมีความสุขขึ้นส่วนน้องๆ ก็คงจะเรียนหนังสือหมดทุกคน แต่ฝันก็คือฝัน เพราะความจนของครอบครัว ด้วยฐานะยากจนทำให้เมื่ออายุประมาณ 11 ปี ตี๋ใหญ่ต้องลาออกในขณะเรียนชั้นประถมที่ 4 เพื่อมาช่วยพ่อแม่ทำสวนและเปิดโอกาสให้พวกน้องๆ ได้เรียนหนังสือ เก็บพืชผักผลไม้โดยไม่เรียนต่อ
 
นอกจากนั้นตี๋ใหญ่เป็นลูกคนโตของครอบครัวพ่อแม่จึงหมายปั้นให้เขาสืบสานอาชีพการเกษตร อาชีพหลักของครอบครัว สภาพแวดล้อมแถวบ้านของตี๋ใหญ่ก็แสนสงบสุข อำเภอดำเนินสะดวกขึ้นชื่ออำเภอพออยู่พอเพียงอยู่แล้ว การดำเนินชีวิตที่แสนเรียบง่ายตามประสาชนบทไม่มีแหล่งอบายมุขใดๆ ยิ่งยากจะเชื่อว่านี้คือสภาพที่ตี๋ใหญ่เกิดและกลายเป็นมหาโจรในเวลาต่อมา


และด้วยถิ่นกำเหนิดที่บ้านอยู่ริมคลองสะดวกนี้เอง.....จึงไม่ใช้เรื่องแปลกนักหรืออาจเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ำ ตัวเขาและเพื่อนๆ แถวๆบ้าน จะสามารถว่ายน้ำเก่ง ตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ จนแทบเรียกได้ว่า “เดินได้ก็ว่ายน้ำเป็น” โดยวิธีเล่นที่ตี๋ใหญ่โปรดปรานมากที่สุดคือการะตัดก้านบัวเป็นหลอดอมเข้าปากเพื่อหายใจในน้ำ และนี้ก็กลายเป็นวิธีที่ตี๋ใหญ่นำมาใช้ประยุกต์ใช้ในการหลบหนีตำรวจอีกวิธีหนึ่ง


มีเรื่องเล่ากันว่า ตี๋ใหญ่สามารถเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ โดยหลบไปซ่อนอยู่ใต้น้ำนานนับหลายๆ ชั่วโมง แบบว่าขนาดปลายังอาย ก็ว่าได้ ด้านนิสัย ตี๋ใหญ่เป็นเด็กเรียบร้อย ขี้อาย และที่เหลือเชื่อก็คือเขาเป็นเด็กขี้อาย ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร นอกจากนี้ก็มีนิสัยไม่ชอบคบเพื่อนในวัยเดียวกัน ทำให้มักถูกเพื่อน ๆ วัยเดียวกันกลั้นแกล้งรังแกอยู่เสมอ ๆ


จวบย่างสู่วัยรุ่น อายุ 17 ปีบริบูรณ์ เพราะช่วยพ่อทำไร่ทำสวน จากเด็กกระเปี๊ยก ตี๋ใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นหนุ่มร่ายกายสูงใหญ่ทะมัดทะแม่งเต็มไปด้วยมัดกล้าม แม้หน้าตาเขาไม่หล่อจัดจ้าน แต่เขามีวงหน้าขาวสะอาด ผมยาวปะบ่า แบบอาตี๋ อดทน นอกจากนี้ต่อหน้าสาวๆ เขามักมีคำพูดคำจา วิธีจีบหญิง จนเพศตรงข้ามหลงใหลเขาไม่ยาก และด้วยความเป็นวัยหนุ่ม เขาคงเบื่อบ้านนอก ผสมกับเรื่องราวที่ได้ยินจากคนที่เคยไปกรุงเพทฯ ว่า.....กรุงเทพนั้นเป็นเมืองแห่งสีสัน ศิริไลซ์ ที่นั้นสนุกสนาน ไม่รู้เบื่อ หากได้เหยียบย้ำสัมผัสเป็นทันต้องลืมบ้านเก่า ตี๋ใหญ่วัยหนุ่มเริ่มสนใจกรุงเทพฯ จนอยากจะคิดออกจากบ้านนอกเข้าเมืองหลวงสักครั้ง


พอดีเวลานั้นเป็นฤดูแตงโม ประกอบกับตี๋ใหญ่ได้ความคิดพัฒนากิจการการเกษตรของครอบครัวเพราะของเดิมมันไม่พอกิน เลยปรึกษากับบิดา เขาบอกว่า เขาจะไปรับจ้างขนแตงโมลงเรือไปส่งที่กรุงเทพ อันเป็นตลาดกลางซึ่งให้ราคาแตงโมดีสามารถช่วยซึ่งจะเพิ่มรายได้แก่ครอบครัวมาก


ตอนแรกความคิดนี้ถูกคัดค้านจากพ่อเพราะเป็นห่วงที่ลูกจะทำกิจการดังกล่าว เพราะแต่เล็กจนโตตี๋ใหญ่ไม่เคยพลัดพลาดออกจากบ้านมาก่อน ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องพยายามใช้เหตุผลข้ออ้างอิงต่างๆ นาๆ จนกระทั้งพ่อแม่ทั้งสองจำใจอนุญาต ใครจะไปรู้ว่า การจากไปของตี๋ใหญ่ครั้งนั้นจะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เขาเป็นจอมโจร!!


ตี๋ใหญ่เดินทางล่องมาจากดำเนินสะดวก มาที่ตลาดจำหน่ายผลไม้ฝั่งมหานาคและฝั่งตลาดผดุงเกษม แหล่งส่งผลไม้ใหญ่ในกรุงเทพฯสมัยนั้น โดยนอกจากขนส่งแตงโมแล้ว ตี๋ใหญ่ทำอาชีพเสริม เป็นคนเข็นรถเหล็กติดล้อขนผลไม้หลายชนิดจากในตลาดไปส่งที่รถรับซื้อผลไม้ไปมาอีกด้วย ตี๋ใหญ่มั่นใจว่างานรับจ้างนี้เขาน่าจะทำได้ แม้จะไม่ทำงานเป็นอาชีพเป็นประจำ แต่ก็ได้เงินมากพอดีละ มีเงินมากพอที่จะไปเที่ยว อาจเป็นเพราะความหลงใหล บวกกับความตื่นเต้นในความงามของกรุงเทพที่เขาไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต....


เมื่อเขามาที่นี้แต่ละครั้ง......แต่ละคืน หลังจากทำงานตอนกลางวัน เขาจะไม่ลืมที่จะไปเที่ยวยามค่ำคืนด้วย ในสมัย 30 กว่าปีก่อนแหล่งบันเทิงของเมืองหลวง ที่ขึ้นชื่อที่สุดตอนนั้นคือ ย่านบางขุนพรหม และย่ามวิสุทธิกษัตริย์ ที่นั้นเต็มไปด้วย ไนท์คลับ ร้านอาหาร และซ่องโสเภณี แน่นอนตีใหญ่ก็ “ขึ้นครู” จนติดใจ และเริ่มเป็นลูกค้าประจำที่ซ่องโสเภณีเกือบทุกคืน ตี๋ใหญ่ใช้วิธีเดินทางจากที่จอดเรือที่คลองมหานาค (ย่านสะพานขาวในปัจจุบัน) ลัดเลาะมาเที่ยวที่ย่านบางขุนพรหมแทบทุกคืน เพื่อนที่ร่วมเที่ยวในสมัยนั้นกับเขาหลายคนให้การ(ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ว่า) เวลาที่ตี๋ใหญ่ไปเที่ยวแต่ละครั้ง ก็มักมีเรื่องมีราวกระทบกระทั้งแทบทุกครั้งกับนักเลงเจ้าถิ่นแทบทุกครั้ง หลายคนสู้ หลายคนตะลุมบอน......ได้เลือดได้แผลกันทั่วหน้า ส่วนตี๋ใหญ่นั้นในระยะแรก เขาเอาแต่วิ่งหนี เพราะเขาเป็นคนไม่สู้คน

แต่ในที่สุด...ชีวิตตี๋ใหญ่ก็มาถึงจุดเปลี่ยน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาถูกกลุ่มนักเลงเจ้าถิ่นย่านเทเวศร์รุมอัดจนยับเยิน เพราะจนตรอกหนีไม่ทัน จนถึงขั้นหามไปหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายอาทิตย์ นี้คือรอยแผลแรกในชีวิต และด้วยแรงแค้นของตี๋ใหญ่ในครั้งนี้....

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขากลายเป็นคนละคน หลังจากเลียแผลกายและใจหายแล้ว เขาเริ่มคุมลูกน้องและพ้องเพื่อน ตั้งตนเป็นเป็นนักเลงใหญ่ออกไปลบรอยแค้น จากกลุ่มนักเลงเล็กๆ ของตี๋ใหญ่ เริ่มมีการขยับขยาย จากการปราบนักเลงเจ้าถิ่น เริ่มจากย่านมหานาค มาบางขุนพรหม เทเวศร์ สามเสนฯลฯ....ใครที่มีเรื่องกับเขาต้องอัดจนยอมศิโรราบ จนชื่อของตี๋ใหญ่เริ่มเป็นที่รู้จักและเริ่มดังในย่านต่างๆ ดังกล่าวในเวลาต่อมา

ด้านพ่อแม่ตี๋ใหญ่มีหรือจะไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะแม่ถึงกับออกปากปรึกษาผู้เป็นสามี แต่ก็ได้รับคำตอบว่าจะเอาอะไรไปสอนมัน เด็กมันโตแล้ว สอนยาก น่าอย่างน้อยมันก็หาเงินมาให้เรา อย่าไปกังวลอะไรมาก เดี๋ยวมันจะจนแบบเรา

แต่กระนั้นในช่วงนี้ตี๋ใหญ่ยังล่องระหว่าง ดำเนินสะดวกกับกรุงเทพฯ อยู่ตลอดเวลา เวลาตี๋ใหญ่มีเรื่องที่กรุงเทพฯแต่ละครั้งเขาจะมากบดานที่บ้านเกิด จนกระทั้งในที่สุดในงานวัดแห่งหนึ่งที่บ้าน เขาเกิดไปมีเรื่องกับคู่อริชื่อ “แช่ม” อาชีพคุมรถสองแถวที่เหม็นขี้หน้าตี๋ใหญ่มานาน ถึงขั้นดวลมีดหน้าลานวัด จนเป็นเหตุทำให้คู่อริบาดเจ็บสาหัสที่ไหล่ซ้าย จนเรื่องถึงตำรวจ และนี้เป็นคดีอาญาคดีแรกของตี๋ใหญ่ที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั้นเองที่ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องหนี หนี และหนี ตี๋ใหญ่หนีคดีมาอยู่ต่างจังหวัดหลายแห่ง

หนึ่งในนั้นคือวัดหลักหกซึ่งเขาอยู่ใต้อาณัติของ “เสี่ยปิ่น” เจ้าพ่อท่าฉลอมเจ้าของโสเภณีและโรงน้ำชา นั้นเองทำให้ตี๋ใหญ่ได้เข้ามาเรียนรู้ธุรกิจค้ากามโดยไม่รู้ตัว หน้าที่ของตี๋ใหญ่คือเป็นลูกน้องคอยกำราบนักท่องเที่ยวและลูกค่าชั้นเลวทีมีทุกวัน เนื่องจากอาชีพนี้รุนแรง และอันตรายเพราะลูกค้าบางคนก็มีอาวุธ นั้นทำให้ตี๋ใหญ่มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของปืนสักกระบอกเพื่อเอาไว้เป็นเครื่องประจำตัว

สมัยก่อนนั้นประเทศไทยหาซื้ออาวุธปืนไม่ยากถ้ามีทรัพย์ โดยเฉพาะช่วงนั้นสงครามเวียดนาม เขมร ลาว พม่า ยังระอุทำให้ตี๋ใหญ่ได้ปืนมาไม่ยากจากการช่วยเหลือของเพื่อนก็ได้เป็นเจ้าของอาวุธปืน 11 มม. ไว้เป็นเพื่อนตาย และแน่นอนพอนักเลงมีปืนมันก็อยากลองของ ตี๋ใหญ่เริ่มฝึกยิงไม่ว่าเป็นเป้านิ่ง หรือเป้าเคลื่อนไหว ศัตรูคู่อาฆาตของเขาเอง ในไม่ช้าเมื่อตี๋ใหญ่เริ่มเชี่ยวชาญยิงปืนถึงขั้น “แม่นราวจับวาง” เขาเริ่มคิดว่าการเป็นนักเลงคุมซ่องมันไม่พอกิน เลยปรึกษากับเพื่อนเพื่อขอลาเสี่ยปิ่นเพื่อพ้นจากอาณัติไปสู่โลกอิสระที่ท้าทาย แต่....ชีวิตอิสระ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะช่วงนั้นตี๋ใหญ่ขาดเงิน ทำให้ต้องจำใจเป็นลูกวัดที่วัดกาหลงของ “หลวงพ่อสุด” เกจิอาจารย์ชื่อดัง ของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นการชั่วคราว

ด้วยความเป็นหนุ่มกระทงพูดจาคมคาย อ่อนน้อมต่อผู้อาวุโส มีความขยัน และชอบศึกษาพุทธาคม สวดมนต์เก่ง ทำให้พระอาจารย์หลวงพ่อสุดชมชอบตี๋ใหญ่มากๆ จนมอบของขลังหลายอย่าง เช่นเหรียญ “เสือหมอบ” “เสือเผ่น” “ยนต์ตระกร้อ” และ “ตะกรุดโทน” ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นที่ปรารถนาของพวกนิยมชมชอบศาสตร์เร้นลับแขนงนี้

แต่....สันดานก็คือสันดาน วัดไม่ได้ช่วยให้จิตใจเลวๆ ของตี๋ใหญ่พัฒนาขึ้นเลย มือตี๋ใหญ่มีปืนมีของขลัง ตี๋ใหญ่เริ่มตั้งตัวเป็นโจรเพราะมันง่ายดีปล้นทีเดียวก็ได้เงิน เขาเริ่มรวบรวมลูกน้อง โดยส่วนใหญ่เป็นหนุ่มดำเนินสะดวกที่ศรัทธาในตัวเขามาเป็นลูกน้อง ทำให้กลายเป็นแก๊งอิทธิพลย่อยๆ ในดำเนินสะดวกในเวลาต่อมา และแล้ววันประวัติศาสตร์ ของวงการตำรวจก็มาถึง และนี้คือผลงานเปิดตัวของตี๋ใหญ่แบบอหังกา
  
ปล้น 12 สิงหาคม พ.ศ.2516 ตี๋ใหญ่ในขณะนั้นอายุ 21 ปี และพรรคพวกเข้าไปปล้นครั้งแรกในชีวิต เหยื่อรายแรกคือ “นายอดิศักดิ์ พิษณุวัตร” เป็นเศรษฐีย่อยๆ คนหนึ่งในอำเภอดำเนินฯ ตี๋ใหญ่กวาดเงินสด ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินมีค่า รวมมูลค่าหลายแสนบาทอย่างง่ายดาย งานแรกถือว่าปล้นครั้งเดียวเท่านั้นไม่ได้ฆ่า หรือทำลายเจ้าทรัพย์แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ประจำ สภอ. ดำเนินสะดวกในสมัยนั้น ใช้เวลาสืบสวนไม่นานก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของแก๊งค์ตี๋ใหญ่ แต่มันสายเกินไปสำหรับตำรวจ เพราะตี๋ใหญ่ผู้เป็นหัวหน้านั้น รู้ตัวทัน เลยกบดานอย่างเงียบเชียบโดยไร้ร่องรอยเรียบร้อย

เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อๆ มาแบบช่วยไม่ได้ คราวนี้ตี๋ใหญ่หวังจะพัฒนาปล้นแบบก้าวกระโดด เป้าหมายคือร้านแอนนี่ จิวเวอรี่ ร้านนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันตั้งในโรงแรมเอเชีย.....แน่นอนคนเข้าออกเพียบ และวงจรรักษาปลอดภัยเป็นร้อย..... ไม่รู้เพราะอะไรตี๋ใหญ่ถึงเลือกปล้นที่นี้ แต่ตี๋ใหญ่วางแผนอย่างดี เมื่อเวลามาถึงตอนสายปลายปี 2517 ตี๋ใหญ่นำลูกสมุน 5 คน พร้อม “นางบุญปัน แก้วจันทร์ดี” แต่งกายภูมิฐานทำทีไปชมอัญมณีภายในร้าน พอดีโอกาสทั้ง 6 สาวหนุ่มก็ปราดเข้าใช้อาวุธกวาดเงินสดกับเครื่องประดับราคาสูงลงกระเป๋าเอกสารเท่าทีตี๋ใหญ่กำหนดไว้ให้เพียง 5 นาที เมื่อถึงเวลาตี๋ใหญ่ออกคำสั่งให้ถอย ลูกสมุนทั้งหมดรีบหนีไปยังรถเก๋งเช่าตามแผน แต่ระหว่างทางเกิดถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่มาขัดขวางทำให้เกิดการดวลปืนยิงสนั่นโรงแรม หนึ่งในกลุ่มโจรได้สาดกระสุนปืนสังหารเจ้าหน้าที่ตาย 1 นาย และสามารถหลบหนีได้

15 มิถุนายน 2519 ตี๋ใหญ่ประกาศการกลับมาของเขาอีกครั้ง ด้วยการบุกเข้าปล้นบ้านพิชัย โซติวงศ์ ที่อำเภอดำเนินสะดวก กวาดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 200,000 บาท

15 กันยายน พ.ศ. 2519 บุกเข้าปล้น กทม. เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือ นางโฉม หมัดปัญญา กวาดทรัพย์สินเงินสด และทองรูปพรรณไปกว่า 300,000 บาท

ย่างเข้าต้นปี 14 มกราคม 2520 ตี๋ใหญ่ปล้นรถทัวร์ ของพื้นที่ สภ.อ.คลองหลวง และใช้ด้ามปืนตีศีรษะเจ้าทุกข์รายหนึ่งจนเลือดอาบหน้า และจัดการปลดทรัพย์สินผู้โดยสารทั้งหมดอย่างอุกอาจกว่าครึ่งร้อยและหนีไปอย่างลอยนวล

แต่เงินที่ได้จากการปล้นแต่ละครั้งตี๋ใหญ่มักใช้หมดเพียงไม่กี่วัน นอกจากการนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวแล้ว ตี๋ใหญ่มักใช้เงินหมดไปกับสองสิ่งคือ “ผู้หญิง” และ “การพนัน” โดยเฉพาะ ไฮโล ตี๋ใหญ่ชอบมันเป็นพิเศษ เข้าบ่อนแต่ละครั้งหมดเงินเป็นหมื่น (ในขณะนั้นราคาทองคำมีราคาแค่พันบาทเท่านั้น) ทำให้ตี๋ใหญ่ใช้เงินหมดไปอย่างรวดเร็วปานหว่านหรือพิมพ์เองได้ ทำให้ตี๋ใหญ่ต้องออกไปปล้นแล้วปล้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ

5 สิงหาคม พ.ศ.2520 ตี๋ใหญ่และลูกน้อง 6 คน บุกไปปล้นร้านทองวิชชุภัณฑ์ กทม.กวาดทองรูปพรรณไปเป็นมูลค่า 1,000,000 บาท

13 ธันวาคม 2520 ตี๋ใหญ่ร่วมกับพรรคพวก บุกปล้นธนาคารกรุงเทพ สาขาสมุทรสาคร ใช้อาวุธปืนจี้ผู้จัดการกับพนักงานขึ้นไปรวมที่ชั้นสอง จากนั้นกลุ่มโจรก็กวาดเงินจากเซฟนับล้านใส่ถุง และยิงปืนใส่นายทินกร พงษ์พานิช ยามธนาคารที่ตัดสินใจกระโดนชั้นสองแจ้งความตำรวจหนึ่งนัด กลุ่มดาวโจรรีบผงะจากเซฟหอบเงินออกจากธนาคารไปขึ้นสามล้อเครื่องบิดหนีไปทางวัดศรีเมือง แล้วสละรถไปลงเรือหนีไปทางแม่น้ำท่าจีนมุ่งสู่ อ.กระทุ่มแบน ท่ามกลางตำรวจนับร้อยที่มากับเรือหางยาวกวดตามติดๆ และดวลปืนสนั่นที่ท่าน้ำท่าจีนราวกับหนังไทยไม่มีผิด การปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ จ.ส.ต.อนันต์ เกตุนุ่ม และ พล.บุญลือ ประจักษุ ถูกยิงตายคาที ส่วนสมุนตี๋ใหญ่สมุนตี๋ใหญ่ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือ ดนัย หรือ เหล็ง แซ่เอี๊ยะ และอีกคน นายสำอาง สารภีสามล้อ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับและสารภาพหมดเปลือก

นอกจากนั้นยังรวมทั้งอีกหลายคดีปล้นฆ่า ที่เกิดขึ้นหลายจังหวัด บางครั้งเจ้าทุกข์ก็ถูกทำลายสาหัสปานตาย เนื่องจากต่อสู้ขัดขวาง สื่อมวลชนต่างลงข่าวการปล้นของตี๋ใหญ่อย่างต่อเนื่อง......จนตี๋ใหญ่กลายเป็นจอมโจรดังทั่วฟ้าเมืองไทย
 แน่นอนมีเหรอว่ากรมตำรวจจะอยู่เฉย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ นายกฯถึงกับประกาศก้องว่า จะให้ค่าหัว ตี๋ใหญ่เป็นมากถึง 50,000 บาท กับใครก็ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ซึ่งนั้นทำให้ตี๋ใหญ่กลายเป็นโจรที่มีค่าหัวสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา(จำนวนเงินถือว่ามากในขณะนั้น)

ตี๋ใหญ่ก็ยังเป็นตี๋ใหญ่ เขาฉลาด ขี้ระแวง เวลานัดใครเขามักมาก่อน มาช้า หรือไม่มาเลย และไม่เคยไว้วางใจลูกน้องคนสนิทคนไหน ตี๋ใหญ่มีเมียอยู่อย่างน้อย 4-5 คนในช่วงเวลานั้น แต่ไม่มีใครเลยที่รู้ที่อยู่ของเขาอย่างแน่นอน เขาไม่เคยบอกใคร และไม่เคยนอนซ้ำกันแม้แต่คืนเดียว ด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้จอมโจรหน้าหยกคนนี้ ยังลอยนวลอยู่ได้เหิมเกริม และทุกครั้งเขาก็รอบคอบมากๆ ถึงขนาดว่า ถ้ากินเหล้าหรือเบียร์ ต้องเปิดฝาต่อหน้า เท่านั้นถึงจะยอมกิน รวมทั้งข้าวปลาอาหารต้องตรวจตราละเอียดและมักให้คนอื่นกินก่อนเสมอๆ เพราะเขากลัวถูกวางยา อาวุธคู่กายปืนขนาด 11 มม. ก็ต้องอยู่ติดตัวตลอดเวลาไม่เคยห่างจากตัว แม้แต่เวลาอาบน้ำ จากปล้น กลายเป็นนักฆ่าหน้าหยก เมื่อเสร็จสิ้นการปล้นแต่ละครั้ง หลังจากแบ่งทรัพย์สินที่ได้มาให้ลูกน้องแล้ว ทุกคนจะแยกย้ายกันไปกบดาน เมื่อเงินหมดตี๋ใหญ่ก็ไปตามหาลูกน้องด้วยตนเอง เพื่อร่วมการปล้นหาเงินครั้งใหม่ต่อไป

แน่นอน เงินของเขาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับ ผู้หญิง ไฮโล อย่างไม่อั้น ต่อมา ตี๋ใหญ่ ได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการปล้น มาเป็นนักฆ่า ความจริง งานรับจ้างฆ่า หรือมือปืน เป็นงานที่ตี๋ใหญ่ไม่อยากทำนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้ตำรวจตามล่าเขาแทบพลิกแผ่นดิน อีกทั้งเงินหมด และไม่มีงานไหนอีกแล้วที่ง่ายกว่านี้ เสี่ยงน้อยกว่าแต่ได้เงินเยอะ ซึ่งว่ากันว่าช่วงเวลานี้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ถูกมือปืนนิรนามยิงตาย

ซึ่งการสืบสวนตำรวจทำให้ทราบว่าตี๋ใหญ่เริ่มพัฒนาตนเองจากโจรไปเป็นมือปืน......ซะแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่าตี๋ใหญ่ในตอนนั้น ประกอบไปด้วยตำรวจชั้นอ๋อง หัวกะทิ เช่น พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ (ยศในปัจจุบัน – อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล) ,พ.ต.อ.ถวิล เปล่งพานิช, ร.ต.อ.บรรดล ตัณฑไพบูลย์(ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ต่างไล่ล่าตี๋ใหญ่อย่างเมามัน เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการหลายวิธีในการหาทางจับกุมตี๋ใหญ่หลายแบบ โดยวางแผนจับกุมทำลายลูกสมุนในแก๊งค์ของตี๋ใหญ่ ทีละคนสองคน และทำตำรวจปลอมตัวไปเข้าแก๊งตี๋ใหญ่ใกล้ชิด โดยลูกน้องตี๋ใหญ่จับได้เด่นๆ ก็มี

11 กันยายน 2520 เจ้าหน้าที่ตำรวจทำ การจับตายเสือจุ่ม(ประจวบ คล้ายมณี) ที่ห้องแถวไม้ 2 ชั้น เลขที่ 63 เขตดุสิต  

ต่อมา นายหมู แซ่เตียว น้องชายตี๋ใหญ่ผู้เดินตามรอยพี่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงหลายนัดและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

24 กันยายน นายประชา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับในขณะครองผ้าเป็นภิกษุฉันภัตตาหารอยู่ นั้นทำให้สมุนของตี๋ใหญ่เริ่มลดน้อยลง ทำให้ตอนนี้บัญชีสมุนตี๋ใหญ่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวเหลือเพียง นายอนันต์(ลูกกรอก ทองเลิศ), นายจรูญ(แป๊ะ ตระกูลดี), นายอเนก(ตุ้ย ศิริวงศ์) และหัวหน้าใหญ่ตี๋ใหญ่เท่านั้นที่ยังคงรอดจากเงื่อมมือกฎหมายอยู่ในขณะนี้

แต่แม้สมุนตี๋ใหญ่จะลดน้อยถอยลง แต่ทุกอย่างที่ทุ่มเทไป ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ในการเข้าใกล้ชิดกับมหาโจรผู้นี้มากนัก เพราะส่วนมากวิธีการทั้งหมดล้วนคว้ำน้ำเหลว แทบทั้งสิ้น สวนทางกับคดีที่เขาก่อยิ่งมากขึ้น มากขึ้น ตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น

11 มีนาคม พ.ศ.2522 เกือบเป็นวันอวสานของตี๋ใหญ่ เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าเขากบดานอยู่ที่บ้านพักภารโรง ของโรงเรียนวัดเขมาฯ ในอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา กำลังของเจ้าหน้าที่กว่า 50 นายเข้าล้อมไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยในเวลาใกล้สว่าง ที่ถึงเวลาลงมือเข้าจับกุม  ในสมัยนั้น รอบๆ โรงเรียน ยังเป็นสวนผลไม้รายล้อม เมื่อตี๋ใหญ่และลูกสมุนสองคนรู้ตัวว่าตำรวจกำลังล้อมเขา แต่ก็ไม่มอบตัว และยังคงเตรียมตัวอยู่ในบ้านเตรียมหลบหนี

ขั้นแรกตำรวจส่งเสียงประกาศให้ตี๋ใหญ่มอบตัวแต่โดยตีไม่งั้นเราจะจับตาย แต่จนถึงฟ้าสว่างจอมโจรและสมุนก็ยังเงียบ ทำให้ตำรวจต้องเปลี่ยนแผนหันมาใช้นายยุทธนา แซ่ตั้ง สมุนโจรที่ตำรวจจับได้ก่อนหน้าไปเกลี้ยมกล่อมตี๋ใหญ่แทน นายยุทธนาที่ถูกตำรวจใช้สายยางผูกตัวไปเจรจาตี๋ใหญ่ เดินเข้าไปเจรจากับลูกพี่นานแสนนานแต่ไม่ได้ผล  ตี๋ใหญ่ยอมสู้มากกว่าโดนจับ เขาตะเพิดยุทธนา ขืนกล่อมอีกจะโดนยิงทิ้งซะ ทูตโจรจำยอมถอยเพื่อรักษาชีวิตยามหน้าสิ่วหน้าขวาน


ขณะเดียวกันตำรวจเริ่มรอเปิดศึก เพราะการล้อมจับกุมนั้น ชาวบ้านแถวนี้ไม่รู้เรื่อง ทำให้เด็กๆ นักเรียนหลายคนเริ่มทยอยกันมาในโรงเรียน ตำรวจเกรงว่าท่าไม่จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ มีหวังมีผู้เคราะห์ร้ายโดนลูกหลงหลายราย

จากนั้นตี๋ใหญ่เริ่มเห็นโอกาส พวกโจรใช้จังหวะนั้นเสี่ยงตายผ่าวงล้อมของตำรวจหนีไปได้ อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ตำรวจหลายนายเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน ตี๋ใหญ่เลือกวิ่งหนีไปทางถนนใหญ่ ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านกำลังคับคั้งเต็มสองฝั่งถนน ซึ่งทำให้ตำรวจไม่ยิงต่อสู้เพราะอาจถูกชาวบ้านได้ จากนั้น จอมโจรก็วิ่งซิกแซกหลบกระสุนปืนที่ซัลโวใส่ราวห่าฝนหนีไปป่าละเมาะเบื้องหน้า ระหว่างชุลมุน ในขณะที่เจ้าหน้าที่สนใจตี๋ใหญ่ สองสมุนแว่บไปซ่อนหลังบ้าน แต่ก็ไม่พ้นสายตาตำรวจ สองโจรถูกตำรวจรวบตัวไว้ได้

แต่อนิจจา....ตี๋ใหญ่หายตัวไปแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ยิ่งทำให้ชื่อของตี๋ใหญ่โด่งดังไปอีก จนมีเสียงเล่าลื่อกันว่าตี๋ใหญ่มีอาคม เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถากำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งความจริงแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ตี๋ใหญ่แทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเขาต้องซ่อนตัวในใต้น้ำหลายชั่วโมง โดยอาศัยความรู้สมัยเด็กดำเนินสะดวกใช้ก้านมะละกอเป็นท่อหายใจ นอนซ่อนอยู่ใต้น้ำ

ย้อนกลับมาที่ภายหลังคดีปล้นรถทัวร์ 14 มกราคม 2520 ต่อมาตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้ 3 คน ได้แก่  สมพร ศิริวรรณวงษ์  จรูญ ตระกูลดี อนันต์ ทองเลิศ ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายสืบสวนยังสอบปากคำขยายผลถึงขั้นจับกุมอีก 3 คน จากคดีร้านปล้นแอนนี่จิวเวลรี่ ได้แก่ ณรงค์ คล้ายมณี สมนึก พึงรำพรรณ นางสาวบุญปัน แก้วจันทร์ดี ทั้ง 6 คนไม่ให้การซัดทอดถึงตี๋ใหญ่ และถูกย้ายไปหลาย สน. เนื่องจากมีประวัติฆ่าคนตายหลายท้องที่

จนกระทั้งวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. เวลา ตี 3 ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนก็แหกห้องขังที่ สน.บางซื่อด้วยวิธีคลาสสิก โดยการใช้ใบเลื่อย (คาดว่ามีพรรคพวกแอบส่งมาให้) ตัดลูกกรงเหล็กช่องทางลมจนขาดและใช้ผ้าขาวม้าผูกต่อกันโหนตัวปีนออกจากช่องทางลมแล้วแหกรั้วสังกะสีทะลุออกไปข้างนอก ทั้งหมดหนีไปอย่างลอยนวล

กลับมาที่ทางด้านตี๋ใหญ่ เหยื่อรายต่อๆ มาของตี๋ใหญ่ล้วนแต่เป็นคนรวยทั้งสิ้น เริ่มจากพาพรรคพวกก่อคดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่ นายแพทย์ชัยศรี คชสุด ถึงที่ทำงานคลินิกโพธาราม ที่ อ.โพธาราม โดยให้ญาตินำเงินสดถึง 6 ล้านบาทมาไถ่ตัว แต่ภายหลังตำรวจตำรวจสามารถบุกเข้าไปใช้ตัวประกันไว้ได้ จากนั้นก็ปล้นผู้มีอันกินหลายราย ไล่จาก นายพิชิต โซติวงศ์,นายมนู ธงชัย

นอกจากนี้ยังมีเจ้าทุกข์อีกหลายรายแต่ก็ไม่กล้าแจ้งความ เพราะหวาดกลัวตี๋ใหญ่ เมื่อปล้นดำเนินฯ เสร็จ ตี๋ใหญ่มักหนีเข้ามากบดานกรุงเทพฯ เพราะที่นี้มีแต่คนรู้จัก มักคุ้น และมีญาติห่างๆ ช่วยเหลืออยู่หลายคน ช่วงนั้นชื่อของตี๋ใหญ่ดังกระฉ่อน ในฐานะนักปล้น และการกระทำอย่างอุกอาจเย้นกฎหมายบ้านเมือง หนังสือพิมพ์ ประโครมข่าวอย่างเมามัน ถึงพฤติกรรมปล้นของเขา แน่นอนบางคดีตี๋ใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ใครละจะสนใจ ขอให้มีข่าวปล้นไม่ว่าใหญ่หรือเล็กเถอะต้องมีชื่อตี๋ใหญ่ใส่เข้าไปด้วยทุกครั้ง และเริ่ม ลงข่าวแล้วว่า ตี๋ใหญ่ฆ่าคนในขณะปล้นไปด้วย แม้ไม่มีหลักฐานว่าตี๋ใหญ่ทำ แต่มันก็ช่วยสิ่งเสริมให้ชื่อของเขาเป็นที่หวาดผวาให้กับประชาชนหวาดผวาไปทั่วประเทศ’ สันนิษฐานกันว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ตี๋ใหญ่มักเลือกปล้นฆ่าไปทั่วแถบบริเวณ จ.ราชบุรีและหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และบางส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร และไม่เคยคิดปล้นออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด.....


โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญและน่าจดจำของตี๋ใหญ่ คือ เขาจะสวมเสื้อลายสก็อต กางเกงยีนต์ลีวายส์ รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมแว่นตาเรย์แบนด์ ผูกนาฬิกาโรเล็กซ์ และสูบบุหรี่กรองทิพย์  ในขณะปล้น แว่นตาดำเรย์แบนด์ เขาใส่เพื่ออำพรางใบหน้า และปกปิดไฝเม็ดใหญ่ระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ส่วนนาฬิกานั้นเขาใส่เพื่อปิดรอยแผลที่ครั้งหนึ่งเคยโดนกระสุนปืนยิงถากไปเมื่อตอนปล้นเชียงใหม่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2517 และชอบส่งเสียงขู่เวลาปล้นด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดกลัวทำให้เจ้าทุกข์ไม่กล้าคิดต่อสู้ป้องกันตัว

แต่ก็เสียงเล่าลือกันอีกว่า ในบางครั้งตี๋ใหญ่ก็ปล้นแต่เฉพาะคนรวย และใครเคยช่วยเหลือก็ไม่เคยลืมบุญคุณและจะนำทรัพย์สินที่ปล้นได้มาแบ่งให้ โดยวางทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน นอกจากนี้แล้ว ตี๋ใหญ่ ยังเป็นโจรเจ้าชู้ กล่าวกันว่ามีภรรยาหลายคน เพราะเป็นชายหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้และปากหวานคนหนึ่ง โดยตี๋ใหญ่มักโกหกชื่อตนว่าชื่อ แจ็ค บ้าง ไพโรจน์ บ้าง เป็นต้น โดยที่ภรรยาเหล่านี้ซึ่งส่วนมากมักเป็นโสเภณี บางคนแทบไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่า สามีของตนนั้นเป็นโจร

5 ตุลาคม พ.ศ.2517 ตี๋ใหญ่วางแผนใหญ่ครั้งแรก ด้วยการบุกเข้าไปปล้นร้านทองชื่อดัง แสงเจริญ ที่ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันว่า เขากวาดทองคำรูปพรรณไปได้ มีมูลค่ากว่า หนึ่งล้านบาท และนี้คือการปล้นข้ามถิ่นครั้งแรกของเขา

18 ธันวาคม พ.ศ.2517 ตี๋ใหญ่และพรรคพวกบุกเข้าปล้นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ของนายฮุยกวง แซ่โค้ง ปากซอยนพมาศ ถนนจริญสนิทวงศ์ ท้องที่สน.ภาษีเจริญ ได้เงินและของมีค่าไปจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกัน ตี๋ใหญ่กบดานเงียบ แน่นอนในช่วงเวลานั้น เขาเป็นอาญชากรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท้องที่หลายจังหวัดต้องการตัวอย่างยิ่ง แหล่งกบดานของเขา กล่าวว่า เป็นอพารต์เม้นท์แห่งหนึ่ง แถวอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ... เช้าขึ้นเขาจะแต่งตัวผูกเน็คไท ถือกือกระเป๋าเจมส์บอนด์ ใส่แว่นเรย์แบนด์ออกจากที่พักทุกเช้า เย็นค่ำจะกลับมาตามปกติ เสมือนคนทำงานทั่วไป ตี๋ใหญ่เป็นจอมโจรที่ฉลาดผิดสามัญโจรทั่วไป ไม่มีลูกน้องคนไหนล่วงรู้เลยว่า เขากบดาน หรือมีที่นอนที่ไหน ตี๋ใหญ่ มักจะอยู่ไม่เป็นที่ ต้องคอยหลบหนีตลอด เวลาจะไปพบลูกน้องก็จะไปพบเองว่า และเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจไปปล้นที่ไหน เขาจะเป็นคนไปดูลาดเลา วางแผน กะเวลา ด้วยตนเองตามลำพังคนเดียว นัดกับลูกน้อง จะไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน ไปช้าบ้าง ไปเร็วบ้าง หรือไม่ไปเลย รวมทั้งหากจะไปปล้นที่ไหน ตี๋ใหญ่จะบอกและระดมสมัครพรรคพวก ก่อนหน้าในเวลาล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เขาหนีรอดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาได้เป็นเวลาหลายปี เพราะตี๋ใหญ่ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น.....นอกจากตนเอง

ขนาดเวลานอน เขายังใช้วิธี จุดธูปแล้วมัดด้วยหนังสติ๊กผูกติดไว้ระหว่างหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ เวลาที่ธูปไหม้จนเกือบหมดดอก เขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสำรวจตรวจตรารอบๆ ที่พัก หากไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาจะนอนหลับต่อและใช้วิธีแบบเดียวกันนั้นตลอดคืน แม้จะระวังตัวรอบครอบแค่ไหนก็ตาม แต่แล้วในที่สุด ตี๋ใหญ่ก็ถูกจับ มันเป็นการถูกจับ ครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของนักฆ่ามหากาฬคนนี้

ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจับเป็น ตี๋ใหญ่อหังการคะนองศึก กันยายน พ.ศ. 2518 เหมือนฟ้าจะบันดาลดล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบเสาะแกะรอยตี๋ใหญ่ ตามหมายจับหลายใบในหลายทองที่ อยู่เอาเป็นเอาตายอยู่นั้น สายสืบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต สน.ภาษีเจริญก็โทรบอกมาว่า พบตี๋ใหญ่กับสมุนกำลังซ่อมสุมกำลังกันอยู่ในบ้านเช่าหลังหนึ่งในสวนแถวบางพลัด....ถนนเจริญสนิทวงศ์....เท่านั้นเอง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็กรูกันเข้าไปล้อมจับ และมันง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ ตี๋ใหญ่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม จับเป็นครั้งแรกในชีวิต มันง่ายดายเสียงยิ่งกว่าอะไร เหมือนกับว่านี้ไม่ใช้ตี๋ใหญ๋ตัวจริง ที่ก่อคดีปล้นฆ่าสะท้านเมืองมานับไม่ถ้วน หนังสือพิมพ์พากันเสนอข่าวนี้อย่างเกรียวกราว เพราะตลอดในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา กว่า 10 คดีที่ตี๋ใหญ่ก่อขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย หลาย สน.ไม่สามารถแกะรอย หรือดมกลิ่นไปถึงตัวเขาได้เลย แต่แล้วจู่ๆ ตี๋ใหญ่ตัวจริงก็ถูกใส่กุญแจมือจนได้ จนมันง่ายดายเหลือเชื่อ

การถูกจับกุมครั้งนี้ มีการขยายผลออกไปมากมาย และแน่นอน ตี๋ใหญ่ถูกถ่ายภาพ ทำประวัติ และพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นครั้งแรก ....หลายคดีที่เขาก่อขึ้นในหลายจังหวัดถูกผนวกรวมกันเข้ามา ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยคิดคร่าวๆ แล้ว ความผิดของตี๋ใหญ่นั้นถึงขั้นประหารชีวิตแน่นอนไม่ก็จำคุกตลอดชั่วชีวิต จากห้องขังที่ สน.ภาษีเจริญ ตี๋ใหญ่ถูกฝากขังต่อที่เรือนจำลาดยาว อยู่อีกหลายวัน ประสบการณ์ครั้งแรกในคุกลาดยาวนี่เอง มันฝังใจตี๋ใหญ่สุดยากแค้น มันทำให้แค้นและการกระทำที่ได้รับจากคนคุกด้วยกัน ตี๋ใหญ่สุดแค้นใจและประกาศต่อพรรคพวกของเขาต่อมาว่า....เขาจะไม่ยอมถูกจับอีกต่อไป

และวันที่ตี๋ใหญ่ประกาศก็มาถึง 11 ตุลาคม พ.ศ.2518 ตี๋ใหญ่ต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมนายเอก สมุนคู่ใจ ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งของศาลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขออายัดตัวมาในคดีที่เขาบุกเข้าไปปล้นร้านทองแสงเจริญเชียงใหม่ การเดินทางครั้งนี้ใช้รถไฟเป็นพาหนะ มีพลตำรวจทวนและตำรวจเสงี่ยมควบคุมตัวไปบนโบกี้รถไฟชั้น 3 ตี๋ใหญ่กับสมุนถูกตีตรวน ใส่กุญแจมืออย่างแน่นหนาเพื่อป้องปกกันการหลบหนีอย่างเต็มที่

18.30 น. รถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เคลื่อนตัวออกจากสถานีรถไฟสามเสนโดยมีสองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสองเสือร้ายนั่งประจันหน้ากันไปตลอดทาง เสือร้ายอยู่ในสภาพลูกแมวเชื่องๆ เวทนา แต่ในใจเขานั้นคิดอะไรอยู่ ยากที่ใครจะรู้ โอกาสหาหนทางหนี ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ทั้งคู่ถูกใส่กุญแจมือ และโซ่ตรวน ร้อยข้อเท้าด้วยโซ่ขนาดใหญ่สุด

เวลา 02.00 น. ฝนตกกระหน่ำหนักหนา ระหว่างที่ขบวนรถไฟ เคลื่อนที่ออกจากสถานีตะพานหิน ในเขตจังหวัดพิจิตร มุ่งไปยังสถานีดงตะขบ ผู้โดยสารส่วนใหญ่หลับสนิทกันหมดแล้ว....จู่ๆ ตี๋ใหญ่กับสมุนที่ซึ่งล่ามกุญแจขออนุญาตเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ พลตำรวจทวนเดินตามนักโทษทั้งสองไปเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่เปิดแง่มไว้ ไม่มีลางร้าย....ไม่มีสิ่งบอกเหตุ หลังสองเสือร้ายเข้าห้องน้ำไปเพียง 30 วินาที เสียงกระจกหน้าต่างก็แตกดังเพล้ง!! ดังสนั่นลั่นขึ้น พลตำรวจทั้งสองตกใจ รีบพรวดพลาดเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู...สิ่งที่เห็นภายใน มีเพียงความว่างเปล่า กับเศษกระจกที่ตกแตกเกลื่อนพื้น ตี๋ใหญ่กับสมุนอันตรธานหายตัวไปแล้ว เสือร้ายทุบกระจก แล้วเสี่ยงชีวิตพุ่งตัวออกไปนอกขบวนรถไฟ ที่วิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชั่วโมง ซึ่งข้างนอกมืดมิด เต็มไปด้วยทุ่งนา และป่าเขา ถ้าไม่คอหักตาย ก็อาจถูกรถไฟทับขาด 2 ท่อน เมื่อตี๋ใหญ่กระโดดหนีลงจากรถไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังหาเสือร้ายกันอย่างยกใหญ่ แต่ไม่พบศพ หรือร่องรอยใดๆ เลย แม้แต่รอยเลือด นั้นแสดงให้เห็นว่า เขาติดปีกหนีไปอย่างลอยนวลอย่างแน่นอน นั้นเองทำให้เกิดเสียงรำลือว่า ตี๋ใหญ่ เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถาอาคมกำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการได้ และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของโจรโหดจอมขมังเวย์ในเวลาต่อมา!!


วันที่ 29 เมษายน 2522 เวลา 13.10 น. ที่ร้านทองแม่บุ้งกี่ เลขที่ 986/39 ในตลาดมหาชัย ถนนสุขาภิบาล จ.สมุทรสาคร กำลังเปิดร้านตอนเที่ยง ในร้านประกอบด้วยนายสมัคร วรานุภาพ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านกำลังคุยกับนายสมาน วรานุภาพ อายุ 50 ปี น้องชายพร้อมนางปราณี ภรรยาวัย 39 ปี นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ถัดมาเป็นนายสุธีลูกชายของนายสมัครอายุ 19 ปีรวมกับลูกๆ ของนายสมานมี นายธีระธรกับ ด.ช.สาธิต อายุ 15 ปี รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้หลังร้านมี นางสาวจิราภรณ์ บุตรสาวของนายสมัครนั่งทำงานบ้านอยู่กับนางคำปัน คำมา อายุ 17 ปี สาวใช้

ทันใดนั้น มีชายหนุ่มสองคน แต่งกายด้วยชุดทหารพราน กับชุดกากี ถือปืนกล เอ็ม.16 บุกเข้าร้านทองแหกปากให้ทุกคนในร้านห้ามขยับเขยื้อน นายสมัครตกใจในเหตุการณ์ทีค่เกิดขึ้น เขารีบหนีหลังร้าน แต่ไม่ทัน เพราะคนร้ายกราดยิงนายสมัครด้วยปืนเอ็ม.16 กระสุนถูกบริเวณหน้าผาก หน้าอกเบื้องซ้ายและหน้าท้องขาดใจตายคาที่ นอกจากนั้นกระสุนลูกหลงยังไปถูกนายสุธีที่ก้านคอกระสุนฝังใน นางปราณีโดนกลางหลัง นางสาวจิราภรณ์ที่อยู่ด้านหลังโดนกระสุนที่สะบักขวาทะลุปอด นางสาวคำปันโดนขาขวา นอกนั้นสามารถหลบลูกหลงอย่างหวุดหวิด จากนั้นคนร้ายรีบใช้ปืนยิงกราดตู้โชว์แล้วใช้พานท้ายปืนทุบตู้กระจกให้แตกละเอียด แล้วเก็บกวาดทองนากนานาชนิดใส่เป้สีเขียวแบบทหาร 2 ใบที่เตรียมมา ที่หน้าร้านมีคนร้ายสองคนดูต้นทางและคอยคุ้มกันจนเสร็จภารกิจ ทั้งหมดวิ่งไปทางท่าน้ำเทศบาล พอดีเวลานั้น จ.ส.ต.พลเทพ พลจันทร์ อายุ 42 ปี ตำรวจประจำตู้ยามสถานีรถไฟเกิดได้ยินเสียงปืนดังกึกก้องจึงออกไปดูว่าอะไรเกิดขึ้น และถูกคนร้ายยิงปืนใส่ด้วยปืนเอ็ม.16 จนตายคาตู้ยาม

จากนั้น พลฯ แนบ ดวงสงฆ์ ตำรวจจราจร สภ.อ.สมุทรสาคร ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์และเกิดการต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายและยิงโดนคนในกลุ่ม ล้มฟุตไปหนึ่งคนล้มเลือดกระฉูด ทว่า เหล่าคนร้ายไม่ยอมทอดทิ้งให้เพื่อนตายอย่างหมาข้างถนน พวกโจรยังอุตสาห์ประคองเพื่อนที่บาดเจ็บหนีไปอย่างทุลักทุเล ขณะเดียวกันก็ได้ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่ชาวบ้านและตำรวจเป็นระยะ ระยะ จากนั้นก็หนีมาที่ท่าน้ำของเทศบาลและหนีโดยทางเรือหางยาวขนาด 2 ตอนติดเครื่องกระหึ่มมุ่งหน้า อ.กระทุ่มแบน และก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เย็นวันเดียวกันมีการพบศพคนร้ายที่พลฯ แนบ ดวงสงฆ์ ยิงในขณะหลบหนีที่ สวนริมคลองตัน ในบ้านเลขที่ 74 ม.4 คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นี้เองตำรวจเริ่มรู้ซึ้งแล้วว่าตอนนี้ตี๋ใหญ่กลายเป็นบุคคลอันตรายระดับชาติเสียแล้ว เพราะมันกลายเป็นสัญลักษณ์ของพวกโจร เป็นทั้งคนผลิตพวกโจรสายต่างๆ ออกมาเย้ยกฎหมายมาอย่างมากมายหลายก๊ก หลายเหล่า ถ้าปล่อยนานๆ เข้าโดยไม่ทำอะไร มีหวังประเทศไทยกลายเป็นแหล่งซ่อมสุมชุมโจรเป็นแน่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องวางแผนทำอะไรสักอย่าง

อะไรที่มีประสิทธิภาพ สามารถปราบตี๋ใหญ่ได้อย่างอยู่หมัด ตี๋ใหญ่ ในตอนนั้นรู้ตัวดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดใหญ่ทิ้งภาระอื่นๆ เพื่อมาตามจับเขาโดยเฉพาะ เขาเริ่มยิ่งระมัดระวังตัวเป็นทวีคูณ ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น ตี๋ใหญ่เคยปรารภว่า เขาอาจจะต้องตายเพราะคนใกล้ชิดคนใดคนหนึ่ง

แน่นอนมันเป็นลางสังหรณ์ที่เป็นเรื่องจริงในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ยุทธการขั้นต่อไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ การใช้แผนเกลือจิ้มเกลือ ไม่เช่นนั้น หากไล่ล่ากันต่อไป ชื่อเสียงของกรมตำรวจยิ่งเสื่อมลงเสื่อมลง ซึ่งนั้นทำให้ค่าหัวของโจรผู้นี้มีมูลค่า 50,000 บาท ในสมัยนั้น และนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของตี๋ใหญ่ แผนการของตำรวจถูกวางไว้อย่างแยบยล เริ่มจากนายทวีป เสือคล้ำ ลูกน้องคนสนิทของตี๋ใหญ่ที่ไว้วางใจคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามประกบแล้วกล่อมให้ร่วมมือเวลาต่อมา จากนั้นก็สั่งให้นายทวีปเป็นสายส่งข่าวบอกความเคลื่อนไหวของตี๋ใหญ่ให้ทราบ โดยมีเงินรางวัลนำจับ 50,000 บาท เป็นของล่อใจ

แน่นอน งานนี้ ตำรวจหมายมั่นปั้นมือว่ามันต้องสำเร็จ นายทวีปตกลงกับตำรวจ กล่าวกันว่าช่วงเวลานี้ ตี๋ใหญ่กำลังตัดสินใจวางวางมือจากการปล้นฆ่าและหันไปหาที่ลี้ภัยไกลๆ สักที่หนึ่ง แล้วอยู่อย่างคนธรรมดาสามัญ แบบปกติสุข โดยมีเงินเก็บก้อนหนึ่งพอสมควร แต่ลิขิต แห่งชีวิตได้ถูกขีดไว้แล้ว มันต้องไปตามนั้น ตี๋ใหญ่ตัดสินใจวางแผนปล้นอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นครั้งสุดท้ายโดยเขาหมายมั่นจะปล้นปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และแน่นอนแผนการครั้งนี้เสือคล้ำไปคาบข่าวกับตำรวจเรียบร้อย


มีข่าวลือ ข่าวอ้างว่า ขณะตี๋ใหญ่อยู่ระหว่างหลบหนี ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นายทวีป เสือคล้ำ ได้ขโมยตะกรุดโทนของพระอาจารย์สุดแห่งวัดกาหลงมอบให้ตี๋ใหญ่ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้นายทวีปต้องเสี่ยงขโมย อาจเป็นเพราะอาจทำให้ตี๋ใหญ่ขาดมนต์คาถาอาคม หรือตำรวจสั่งให้ทำเพราะคาดว่าถ้าตี๋ใหญ่ทำตะกรุดหายเขาต้องมาวัดกาหลงแน่ ซึ่งที่นั้นเหมาะสำหรับการล้อมจับตี๋ใหญ่อย่างยิ่ง (บางแห่งบอกว่าเขาได้ลืมตะกรุดโทนและเขี้ยวเสือที่รับจากหลวงพ่อสุดมา อยู่ในซ่องมหาชัย แต่ค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอ จึงต้องบากหน้ามาที่วัดกาหลง)

แน่นอนไปตามที่คาดเมื่อตะกรุดหาย ตี๋ใหญ่จำต้องเดินทางไปวัดกาหลง เพื่อไปขอตะกรุดอันใหม่จากหลวงพ่อสุดอีกครั้ง และนี้คือจุดจบของตี๋ใหญ่!!

26 กุมภาพันธ์ 2524  ณ นากุ้ง ลึกเข้าไปที่วัดกาหลง เขตจังหวัดสมุทรสาคร ตี๋ใหญ่และสมุนสามคนขับรถปิกอัพมาสด้าสีขาวหมายเลขทะเบียน ม 0063 ขนาด 1200 ซีซี. สมุทรสาคร ขับไปทางวัดกาหลงเพื่อมาหาพระอาจารย์หลวงพ่อสุด แห่งวัดกาหลง แต่ไม่พบตัว ขณะที่เดินทางกลับ รถของตี๋ใหญ่มาถึงซอยวัดธรรม เขาก็พบด่านตำรวจและตำรวจรายล้อม ตำรวจโบกมือให้รถหยุด แต่ดาวโจรเลือดมังกรใช้กระสุนปืน 11 ม.ม. ยิงใส่ และใช้รถแหกด่านจ้าละหวั่น จากนั้น รถตี๋ใหญ่ก็พุ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนถึงบริเวณที่ตำรวจวางแผนซุ่ม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้อาวุธปืนนานาชนิดยิ่งใส่รถส่ายไปส่ายมาจนลูกน้องที่นั่งอยู่ด่านหลังต้องหนีลงจากรถวิ่งหนีไปป่าละเมาะสองข้างทาง เพราะขื่นอยู่ต้องตายตามลูกพี่แน่นอน หลังจากนั้นประชาชนอย่างเราก็ไม่ทราบแล้วละครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี๋ใหญ่?


ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่ากันว่า ณ เวลานั้นเองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกบไล่ตามรถที่ตี๋ใหญ่ขับอย่างกระชั้นชิด ตี๋ใหญ่รู้ตัวแล้วว่า ตอนนี้ตำรวจไล่ล่าตามติดมาและตัดสินใจสู้ ดีกว่าถูกจับไปขังที่คุกนรกนั้น จากนั้นเสียงระเบิด ห่ากระสุน จากปลายกระบอกปืน ของผู้ไล่ล่า และผู้ถูกล่า ดังกึกก้องกัมปนาท สนั่นหวั่นไหว สะท้านสะเทือน เลื่อนสั่น พอฝุ่นจาง เสียงปืนสงบ ปรากฏร่างของตี๋ใหญ่เขานั่งที่คนขับ เขานอนสงบนิ่ง คราบเลือดแดงฉาดเปรื้อนเปรอะ เขาสวมยีนส์ เสื้อลายสก็อตสีน้ำเงิน จากการสำรวจตามร่างกาย ตี๋ใหญ่โดนกระสุนทะลุทะลวงเข้าที่โหนกแก้มซ้าย 2 นัด กกหูขวา 1 นัด ไหล่ซ้ายและราวนมซ้ายอย่างละ 1 นัดรวมทั้งที่รักแร้ซ้าย และต้นคอ เขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

แน่นอนเหตุการณ์นี้เป็นคำออกจากของ พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ ผบ.ช.น. กับ พล.ต.ท. สุขุมวาท ผบ.ช.ภ. 1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวทั้งหมดว่าตี๋ใหญ่ตายเพราะตำรวจยิง แต่ก็มีเสียงเล่าอ้างอีก ว่าตี๋ใหญ่อาจตายเพราะลูกน้องหักหลัง โดยสมุนสามคนอาจฆ่าตี๋ใหญ่ก่อนที่จะหนี เพราะกลัวตำรวจตามจับเพราะลูกพี่ตามหนีพร้อมสามคนมีหวังโดนจับพร้อมกันหมดแน่ จึงน่าจะทิ้งไว้สักคนเป็นตัวล่อถ่วงเวลาตำรวจ ซึ่งคนนั้นคงไม่มีใครเกินตี๋ใหญ่คนที่ตำรวจต้องการตจัวมากที่สุดนั้นเอง หรือไม่ก็ไม่ก็มีความแค้นกับตี๋ใหญ่อยู่ก่อนแล้วเพราะเงินจากการปล้นที่สมุทรสาครที่ผ่านมาไม่ลงตัวทำให้แตกแยกกันในแก๊ง

ภายหลังจากการเสียชีวิตแล้ว ยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า ตี๋ใหญ่แท้จริงยังไม่ตาย บ้างก็ลือกันว่าตี๋ใหญ่ได้หนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา บ้างก็เชื่อว่าที่ตี๋ใหญ่เสียท่าแก่ตำรวจ เพราะได้หลบไปซ่อนอยู่ใต้ผ้าถุง อาคมในตัวจึงเสื่อม เป็นต้น เรื่องราวของตี๋ใหญ่ยังถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมา จึงได้ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 ทางช่อง 5 ผู้ที่รับบทตี๋ใหญ่ คือ ฉัตรชัย เปล่งพานิช พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ รับบทโดย ฐาปกรณ์ ดิษยนันท์ และในปี พ.ศ. 2543 ทางช่อง 3 ผู้รับบทตี๋ใหญ่ คือ ศรราม เทพพิทักษ์ และ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ รับบทโดย ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์

ทั้งหมดนี้คือข่าวที่โด่งดังที่สุดในปีนั้นซึ่งยังอยู่ในความทรงจำต่อใครหลายๆ คนจนถึงทุกวันนี้ ก่อนจบ ตะกรุดโทนของหลวงพ่อสุดนั้นเป็นตะกรุดดอกใหญ่ทำจากตะกั่ว หลวงพ่อลงมือจารด้วยตัวเอง เป็นการจารทีละตัวและท่องคาถากำกับแล้วปรุกเสกครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นเอาด้ายมามัดหุ้มตัวตะกร้ออีกทีแล้วก็ว่าด้วยคาถากำกับเป็นอันเสร็จพิธี สำหรับตะกรุดโทนที่ตี๋ใหญ่ใช้นั้นหลวงพ่อสุดใช้เวลาปลุกเสกเป็นพิเศษถึง 3 ไตรมาส และตะกรุดโทนนี้เองที่ทำให้ตี๋ใหญ่คงกระพันชาตรี

นอกจากตะกรุดโทนแล้วยังมียันต์ตะกร้ออีกด้วย หลวงพ่อสุด ศิริทฺโร มรณภาพในปี 2526 ภายหลังจากตี๋ใหญ่ถูกสังหาญไปแล้ว 2 ปีรวมศิริอายุได้ 81 ปี ตำนานของขลังของท่านกลายเป็นที่กล่าวขลังของคนชอบคาถาอาคมอย่างไม่รู้จบ  


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 17 มีนาคม 2554, 15:21:33
โห ยาวมาก
ขอเวลาอ่านหน่อย


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: ppornson ที่ 17 มีนาคม 2554, 16:20:18
ยุคนี้ชอบสั้นๆเร็วๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 18 มีนาคม 2554, 11:12:03
  สรุปสั้นๆ(ใจร้อนจังฮิ) ตี๋ใหญ่ปล้นเย้ยตำรวจหลายต่อหลายครั้ง แต่หนีรอดไปได้ทุกครั้ง (เคยพลาดถูกจับได้เพียงครั้งเดียวแต่ก็หนีออกมาได้)  ตำรวจล้อมจับตายหลายครั้งแต่รอดไปได้ทุกครั้ง ทำให้พวกนักเลงสมัยนั้นหันมาเอาอย่างตี๋ใหญ่กันมาก เกิดการปล้นถี่ขึ้นเรื่อยๆจนตำรวจเดือดร้อน ต้องหาทางกำจัด เพราะไว้ เมืองไทยก็คงจะเป็นเหมือนเม็กซิโกตอนนี้ แต่จนแล้วจนรอด ก็จับตี๋ใหญ่ไม่ได้ ตี๋ใหญ่มาพลาดท่าก็ตอนทำตะกรุดกับเหรียญเสือเผ่นลพ.สุดหายนั่นเอง บางคนบอกว่าตี๋ใหญ่โชคดี บางคนบอกว่าตี๋ใหญ่มีของดี มีเวทย์มนต์ บางคนบอกว่าตี๋ใหญ่ฉลาดหลักแหลม แต่น่าแปลกคือทำไมต้องมาตายตอนตะกรุดหาย ทั้งที่ตอนนี้กรมตำรวจทั้งกรมแทบไม่ต้องทำอะไร นอกจากตามล่าตี๋ใหญ่   สำหรับบุคคลิกสุขุมเยือกเย็นผิดธรรมดา เคยจ่อยิงหัวตำรวจระยะเผาขน โดยก่อนยิงได้ขอต่อบุหรี่ก่อนหลังจากนั้นก็ยิงเอาดื้อๆ จัดเป็นจอมโจรอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการตำรวจไทย มีค่าหัวถึง 50000 บาท มากที่สุดในสมัยนั้นครับ
(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121116-000856_638628.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 18 มีนาคม 2554, 11:32:00
โห น้องก๋ง
แล้วเมื่อไหร่พี่จะอ่านจบล่ะเนี่ย



รูปลูกน่ารักจัง!
ชื่ออะไรคะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 18 มีนาคม 2554, 11:37:24
ยังไม่อ่านบทความใหญ่
อ่านสรุปข้างบนแล้วให้ตั้งคำถามว่า
ตอนหลวงปู่-หลวงพ่อปลุกเสกของวิเศษ
น่าจะกำกับด้วยนะคะ...
ใช้ในทางคุณ!
เพราะพี่แกนำไปใช้ทางโทษ...ใครจะเดือดร้อนล่ะนี่
ปล้น-ฆ่า ชาวบ้าน...แถมมีดีติดตัวสำหรับเอาตัวรอด
เสือติดเขี้ยวเล็บชัดๆ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 18 มีนาคม 2554, 11:44:03
อ่านถึงตี๋ใหญ่ล่องเรือถึงดำเนินสะดวก
ที่เหลือเดี๋ยวมาอ่านต่อคะ
แต่พี่น่ะ...ตกหลุมรักตี๋ใหญ่
เรียบโร้ยยยย
..
..
ตรงชอบว่ายน้ำนี่แล้


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 20 มีนาคม 2554, 14:28:59
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 18 มีนาคม 2554, 11:32:00
โห น้องก๋ง
แล้วเมื่อไหร่พี่จะอ่านจบล่ะเนี่ย



รูปลูกน่ารักจัง!
ชื่ออะไรคะ

ขอบคุณครับพี่ ชื่อชนาธิปครับ ชื่อเล่นยังไม่ตั้งเลยครับ แม่เค้าเลยเอาชื่อ(ชื่อจริง)ที่หาไว้ตอนก่อนคลอดมาเรียกแทน น้องจอมพล -_-' ผมตั้งชื่ออื่นให้แล้วเมียไม่ยอมเรียกตามก็เลยตามเลยครับ เพราะเมียเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน
(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013213_2393.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013253_595687.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013326_139495.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013400_334941.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013435_251035.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013506_677912.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013537_268065.jpg)(http://www.cmadong.com/imgup/pic5510/cmd121106-013606_467743.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 26 มีนาคม 2554, 21:20:57
ไปเอามาล้วครับ ตะกรุดโทน ลพ.สุด  อยากได้เหรียญเสือเผ่น แต่ดูไม่เป็น มาหลายพิมพ์ กลัวโดนต้ม ได้ปี 23 ราคาไม่ถึงพัน แต่เก่าดีครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 06 เมษายน 2554, 05:26:31
    พระปิดตาหลังยันต์ห้า ฝังพลอยเสก พระผงชุดสุดท้ายที่ผสมผงพรายกุมาร ลป.ทิม อิสริโก 3 ปีก่อนนี้เล่นกันหลักพันกลางๆ ช่วงหลังๆ ด้วยบารมีลป.ทิม อิสริโก พระเครื่องทุกรุ่นที่ท่านปลุกเสก โดยเฉพาะชุดผงพรายกุมาร เป็นที่แสวงหาของนักเลงพระทั่วไป ทำให้ราคาวิ่งขึ้นมาโดยลำดับ สำหรับปิดตาหลังยันต์ห้า เป็นชุดเนื้อผงที่กำลังเป็นที่สนใจเนื่องจากราคายังไม่สูงเกินไป พุทธคุณดีไม่แพ้ พระขุนแผนผงพรายกุมารที่ราคาแสนแพง ขนาดเล็กกระทัดรัด ห้อยได้ทั้งชายและหญิง สำหรับความนิยมเรียงจาก เนื้อดำ น้ำตาล เทา และขาว นอกจากนั้นยังพิจารณาความสวยงาม คมชัด และจำนวนเม็ดพลอยเสก(ยิ่งมากยิ่งมีราคา แต่ยิ่งมากยิ่งกระเทาะง่ายครับ)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd467445.jpg)
(http://www.cmadong.com/imgup/pics/cmd459608.jpg)


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 06 เมษายน 2554, 23:05:43
เดี๋ยวนี้เค้ายังนิยมให้เด็กชายแขวนอะไรนะคะ..ตะกรุด?
ที่ทำด้วยเชือก มีอะไรต่อมิอะไรห้อยกรุ๊งกริ๊ง...
เด็กก็ไช่จะมีสะโพก...นิ
รึปล่าวคะ?


เด็กชายจอมพลน่ะดีแล้ว!
ฟังแล้วขลังดีค่ะ.
ขืนให้พ่อตั้ง...
ออกมาเป็น"เด็กชายเสือเผ่น"
แล้วจะทำไงล่ะ!




วันนี้อ่านตี๋ใหญ่ต่อคะ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 06 เมษายน 2554, 23:21:04
 
อ้างถึง   
11 มีนาคม พ.ศ.2522  เกือบเป็นวันอวสานของตี๋ใหญ่ เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าเขากบดานอยู่ที่บ้านพักภารโรง ของโรงเรียนวัดเขมาฯ ในอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา กำลังของเจ้าหน้าที่กว่า 50 นายเข้าล้อมไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยในเวลาใกล้สว่าง ที่ถึงเวลาลงมือเข้าจับกุม  ในสมัยนั้น รอบๆ โรงเรียน ยังเป็นสวนผลไม้รายล้อม เมื่อตี๋ใหญ่และลูกสมุนสองคนรู้ตัวว่าตำรวจกำลังล้อมเขา แต่ก็ไม่มอบตัว และยังคงเตรียมตัวอยู่ในบ้านเตรียมหลบหนี

เฮ้ย,วันเกิดพี่ซะด้วย!
แรงนะวันนี้.


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 06 เมษายน 2554, 23:39:11
(http://www.cmadong.com/board/index.php?action=dlattach;topic=280.0;attach=4561;image)

จบแล้วคะ
ตกลงตายแล้วยังง่ะตี๋ใหญ่?
อาจยังอยู่!
หงำเหงือกน่าดูล่ะถ้าอยู่ถึงวันนี้
กี่ปีมาแล้วคะเนี่ย 2554-2522 =32ปี
อู้ววว


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 07 เมษายน 2554, 09:12:08
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 06 เมษายน 2554, 23:21:04
 
อ้างถึง   
11 มีนาคม พ.ศ.2522  เกือบเป็นวันอวสานของตี๋ใหญ่ เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าเขากบดานอยู่ที่บ้านพักภารโรง ของโรงเรียนวัดเขมาฯ ในอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา กำลังของเจ้าหน้าที่กว่า 50 นายเข้าล้อมไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยในเวลาใกล้สว่าง ที่ถึงเวลาลงมือเข้าจับกุม  ในสมัยนั้น รอบๆ โรงเรียน ยังเป็นสวนผลไม้รายล้อม เมื่อตี๋ใหญ่และลูกสมุนสองคนรู้ตัวว่าตำรวจกำลังล้อมเขา แต่ก็ไม่มอบตัว และยังคงเตรียมตัวอยู่ในบ้านเตรียมหลบหนี

เฮ้ย,วันเกิดพี่ซะด้วย!
แรงนะวันนี้.

เกิดวันเดียวกะผมซะด้วยครับพี่ แต่ผมเกิด 2520   ตี๋ใหญ่ตายจริงๆครับ โดนยิงพรุนเลย ไม่ตายไม่ได้หรอกครับ มือเติบซะขนาดนี้ อยู่ได้ไม่นานก็ต้องออกปล้นใหม่


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 07 เมษายน 2554, 20:55:39
ฮ้าาาาา...
จริงเหรอคะ?
งั้นพี่อวยพรย้อนหลัง!

สุขสันต์วันเกิดคะ.


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 08 เมษายน 2554, 10:07:47
   จะบอกว่าเกิดวันเดียวกันครับพี่  แฮปปี้เบิร์ดเดย์พี่ด้วยครับผม emo30:sorry:


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 09 เมษายน 2554, 20:04:43
ที่พี่คิดตามประสาคนชอบดู krimi
อ่านจบที่นี่พี่ไปค้นหาอ่านเอง
จึงได้เห็นภาพศพตี๋ใหญ่..
ดูยังไงก็..ยังไงไม่รู้คะ!
เหมือนจะไม่เหมือน!!

เอ,2524เค้าตรวจกรุ๊ปเลือด ตรวจDNAกันรึยังคะ?
ไปเมกาก็ไม่น่าจะไช่...heฉลาดก็จริงแต่ไม่มีความรู้
ไปโน่นต้องอ้างอิงกันมากมาย ไม่ไช่คนมีชื่อในแฟ้ม
ตำรวจแน่ๆ...อาจทำสวนทำไร่ที่ไหนสักแห่ง
ลูกชายน่าจะหนุ่มใหญ่แล้วนะนี่!


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 10 เมษายน 2554, 22:58:26
อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 09 เมษายน 2554, 20:04:43
ที่พี่คิดตามประสาคนชอบดู krimi
อ่านจบที่นี่พี่ไปค้นหาอ่านเอง
จึงได้เห็นภาพศพตี๋ใหญ่..
ดูยังไงก็..ยังไงไม่รู้คะ!
เหมือนจะไม่เหมือน!!

เอ,2524เค้าตรวจกรุ๊ปเลือด ตรวจDNAกันรึยังคะ?
ไปเมกาก็ไม่น่าจะไช่...heฉลาดก็จริงแต่ไม่มีความรู้
ไปโน่นต้องอ้างอิงกันมากมาย ไม่ไช่คนมีชื่อในแฟ้ม
ตำรวจแน่ๆ...อาจทำสวนทำไร่ที่ไหนสักแห่ง
ลูกชายน่าจะหนุ่มใหญ่แล้วนะนี่!

อาจเป็นไปได้ครับพี่  เป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของตำนานตี๋ใหญ่ครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Apirat T. ที่ 11 เมษายน 2554, 08:17:55
เออ ใครจำเนื้อเรื่องละคร เรื่องตี๋ใหญ่ ได้บ้าง
ตี๋ใหญ่มีดีตรงไหน ทำไมต้องเอามาทำเป็นละคร
แค่เก่งวิชาอาคมอ่ะเหรอ

ขนาด 2499 อันธพาลครองเมือง เค้ายังมีจุดขายในเรื่องความดีบางอย่าง


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: Kong_songpon ที่ 17 เมษายน 2554, 22:00:11
อ้างถึง
ข้อความของ Apirat T. เมื่อ 11 เมษายน 2554, 08:17:55
เออ ใครจำเนื้อเรื่องละคร เรื่องตี๋ใหญ่ ได้บ้าง
ตี๋ใหญ่มีดีตรงไหน ทำไมต้องเอามาทำเป็นละคร
แค่เก่งวิชาอาคมอ่ะเหรอ

ขนาด 2499 อันธพาลครองเมือง เค้ายังมีจุดขายในเรื่องความดีบางอย่าง
จุดขายของตี๋ใหญ่ คล้ายๆ หนังเรื่อง catch me if U can พฤติกรรมด้านศีลธรรมแล้วไม่น่าชื่นชม แต่ไหวพริบ ปฎิภาณในการเอาตัวรอดถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยทีเดียวอย่างตอนดำน้ำในตำรวจตี๋ใหญ่ขยำใบมะละกอ ความเชื่อโบราณเรื่องเวทย์มนต์ล่องหนหนีศัตรู คือการร่ายคาถาเสกใบไม้โปรยรอบตัวแล้วค่อยหนี ทำให้ศัตรูมองไม่เห็น ถ้ามีตะกรุดก็ให้เปลี่ยนมาเหน็บไว้ข้างหลัง ตำรวจเห็นใบมะละกอดันนึกไปว่าตี๋ใหญ่ร่ายมนต์ล่องหน จริงๆแล้วดำน้ำหายใจด้วยก้านมะละกอ   การปล้นที่ดำเนิน ตี๋ใหญ่ปล้นร้านทองร้านเดียววันเว้นวัน ทั้งที่ร้านห่างสถานีรถไฟแค่ 300 เมตร โดนปล้นแล้วคงไม่มีใครคิดว่ามันจะกลับมาปล้นร้านเดิมอีก เหมือนตบหน้าตำรวจอย่างแรงแหล่ะครับ กรมตำรวจตามล่าแทบปลีกแผ่นดิน แต่ตี๋ใหญ่ก็ปล้นไม่เลิกอยู่ดี ถ้าคนดีมีไหวพริบก็ดีไปครับ ถ้าโจรฉลาดมีไหวพริบขึ้นมาก็ยุ่งเลย ลองหาอ่านประวัติตี๋ใหญ่ดูครับ จะรู้ว่ามันน่าทึ่ง 2499 เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีการล้างแค้น ช่วงชีวิตของคนที่ผ่านวัยคนอง เป็นการเล่าเรื่อง  ส่วนตัวผมเห็นว่าคนละแนวกับตี๋ใหญ่ เพราะต้องหนีแม้กระทั่งเวลานอน ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ต้องหนีตำรวจไปด้วย และต้องปกครองชุมโจรไปด้วย ตอนท้ายก็ต้องมาตายเพราะลูกน้องหักหลัง มันตื่นเต้นดีครับ


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 17 เมษายน 2554, 23:26:26
หล่อดีพี่ว่า!


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 06 ธันวาคม 2554, 23:52:08
น้องก้องหายไปนานเชียว!
สวัสดีค่ะ.

มีดียังไงคะหนุมานรักซ้อน?
ชื่อทะแม่งๆ ห้อยแขวนแล้ว..
ไม่นอกใจเรอะ??


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 07 ธันวาคม 2554, 00:15:59
อานุภาพทางไหนคะ?
ทางอาคม ทางเสก
รึโดยนัยว่าหนุมานคล่องแคล่ว
ชาญฉลาด เอาชนะยักษ์..
แต่หนุมานเมียเยอะนี่...รักซ้อน?

ผู้หญิงแขวนได้มั้ยคะ?


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 07 ธันวาคม 2554, 01:03:05
ทำไมถึงเสียพระดีๆให้น้องคะ อ.เพียรวิทย์?
ยินว่าไม่รักไคร่นับถือ เค้าหวงกันมาก!
ไม่ให่้ใครง่ายๆ..


หัวข้อ: Re: คุยเรื่องพระเครื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 07 ธันวาคม 2554, 19:08:33
โอ้โห,แสดงว่าถูกใจ ไว้ใจ
ในอัธยาศัยกันจริงๆนะคะนี่.
น้องได้ไปชม,ต้องมาบรรยายนะคะ
รูปอาจไม่ต้อง เดี๋ยวโจรตามไปขโมย!
แต่นั่นแหละ,โจรขโมยไปของก็เสื่อมทันที
เพราะวิธีการได้มาผิดกับความตั้งใจของ
ผู้เสก ผู้ลงอาคม.