หัวข้อ: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 13 พฤศจิกายน 2551, 07:56:55 คือมองว่า เรื่องทางเพศ เป็นปัญหาพื้นฐานของปัญหาต่างๆในสังคม และปัจจุบันการเข้าถึงสื่อมีความหลากหลาย ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
แรงขับทางเพศเป็นแรงขับธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อถึงวัย การสอนเรื่องเพศเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย และไม่สอดรับกับอารมณ์การรับความรู้ การรับความรู้นะครับ ไม่ใช่การรับรู้ การสอนเรื่องเพศก่อนที่เด็กจะมีความรู้สึกทางเพศ เด็กจะรับรู้เรื่องนี้อย่างเป็นความรู้ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต้องสอนให้รู้จักการให้เกียรติ์กันระหว่างเพศ พอย่างเข้าสู่วัยมีครอบครัวได้ ต้องปลูกสำนึกให้รู้จักรับผิดชอบต่อครอบครัว หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 15 พฤศจิกายน 2551, 16:04:10 คนเรามีสมอง รู้จักคิดมากกว่าสัตว์อื่น ธรรมชาติ จึงสร้างให้คนเราอยากรู้อยากเห็น
แรงขับดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการกระทำ 2 ทาง 1.อยากรู้ 2.อยากลอง กิน ขับถ่าย สืบพันธุ์(เมื่อถึงเวลา) เป็นความต้องการพื้นฐานที่สุด วันนี้ สื่อทางเพศทั้งสาระและลามก มีมากมายและเข้าถึงได้ง่าย หากให้เด็กได้ เรียนรู้ก่อน อย่างน้อย ก็ตัด ความอยากอย่างที่1 คือ อยากรู้ ออกไปได้ เหลือเพียง อยากลอง อันเป็นแรงขับ อีกด้าน ซึ่งคงต้องใช้ความรักของครอบครัว ใส่ความคิดในเชิงบวกให้กับวัยรุ่น การเริ่มสอนเรื่องเพศ เมื่อถึงวัยที่ย่างเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์ ถือว่าช้าไปสำหรับสมัยนี้ และเมื่อถึงภาวะเจริญพันธุ์ จะมีแรงขับทางเพศ มีความเขินอายในที่แจ้ง(ไม่ซักไม่ถาม) แต่คึกคะนองในที่ลับ(ลอง ลุย) นับเป็นการเรียนรู้ที่ช้าไป...เพราะวัยนี้ ไม่ควรเน้นสอนเรื่องร่างกายแล้ว แต่ ต้องเน้นในด้านจิตใจ...จิตสำนึก หรือน้องพี่ซีมะโด่งว่าไงครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 26 ตุลาคม 2552, 18:47:24 ปัญหาของเรื่องบันเทิงในวันนี้...อาจไม่เกี่ยวกับรายการทีวี แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง ลองมารับทราบปัญหาของ "คุณผู้หวังดี" สะท้อนบันเทิงแห่งความจริงวันนี้กันครับ
"เรียนคุณแจ๋วริมจอ ผมเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์รอบสื่อมวลชนเรื่อง...แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมากในระหว่างการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ นั่นก็คือ ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลาน ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกินระดับประถมมานั่งชมด้วย โดยระหว่างที่ดำเนินเรื่อง น้องๆที่มี อายุ 4-12 ปีเหล่านี้ ได้ถามคำถามบาดใจหลายคำ อาทิ "คำว่าสัตว์และคำว่าเห้...มันเป็นภาษาอะไร และหมายถึงอะไร?" "เค้าทำอะไรกัน?" (ฉากแบบว่า...) ส่วนคนเป็นแม่ก็ไม่น้อยหน้า มีฉากที่พระเอกต้องเปลือยกาย ก็ชวนลูกให้ดู แล้วบอกว่า "พี่...โป๊" รวมถึงพฤติกรรมของตัวแสดงที่แสดงถึงความรุนแรง ทั้งการฆ่า การร่วมรัก ฉากโป๊เปลือย (ไม่เซ็นเซอร์) และความเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งเด็กวัยขนาดนี้ดูแล้วยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดถูกต้องหรือสิ่งใดผิด และไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอสำหรับการรับชม มี ฉากหนึ่งที่รู้สึกแย่มากคือ ฉากช่วยตัวเองของพระเอกและเพื่อนๆ ซึ่งน้องผู้หญิงตัวเล็กๆ คิดว่าอายุไม่เกิน 4 ขวบ ก็ถามแม่ว่าคืออะไร? แต่ไม่มีคำตอบใดๆจากผู้เป็นแม่ และมีคำถามตลอดการรับชมอีกมากมาย ซึ่งเด็กวัยนี้ไม่สามารถเข้าใจการสื่อสารของผู้ สร้างหนังได้ ผมคิดว่าการที่มีหน่วยงานออกมากำหนดการจัด Rate ภาพยนตร์ ว่าเรื่องใดเยาวชนดูได้ หรือไม่ได้ มันดีนะครับ เรื่องนี้ต้องจัด Rate 18+ แต่ทั้งผู้สร้างและโรงภาพยนตร์ ก็ยังปล่อยให้เยาวชนเหล่านี้เข้าไปชม รวมทั้งผู้ปกครองที่ยังขาดความรับผิดชอบ ควรคิดให้มากกว่านี้ว่า เป็นสิ่งเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรจะเข้มงวดให้มากขึ้นในการกำหนดอายุผู้ชม ทั้งรอบพรีวิวและรอบฉายจริง เพราะถ้ามีกฎแล้วไม่ปฏิบัติ ก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะออกกฎมา". "แจ๋วริมจอ" จาก คอลัมภ์ "บันเทิงทีวี" ไทยรัฐ 26 ตุลาคม2552 .................................................... ไม่ได้ต้องการสะท้อน เรื่องการจัดเรทติ้ง หรือการรักษากฎ แต่ต้องการสะท้อนมุมมองตามกระทู้ในหัวข้อนี้ คำถาม "คำว่าสัตว์และคำว่าเห้...มันเป็นภาษาอะไร และหมายถึงอะไร?" ผู้เขียนไม่ได้บอกว่าเด็กที่ถามอายุเท่าไร เข้าใจว่าคงอายุ 4 ปี และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สุภาพ เพราะถ้าเด็ก 12 ขวบ คงได้ยินคำนี้จากที่อื่นๆแล้ว แม้แต่ในโรงเรียน แต่ที่ผมต้องการแลกเปลี่ยนมากคือ ที่ทำเป็นตัวโตสีน้ำเงิน ผมเห็นว่า ทั้งสิ้นไม่ได้เกิดเพราะ เด็กไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอสำหรับการรับชม แต่เป็นเพราะ เด็กไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น จึงเกิดคำถามมากมาย ยุคการสื่อสารไร้พรมแดน เชื้อโรคทางเพศ แพร่ได้ง่า่ย สัมผัสได้โดยไม่ตั้งใจ เราควรให้ภูมิคุ้มกันแก่เยาวชนทั้งด้านความรู้ และด้านจิตใจ ดีกว่าโฆษณาเพียงให้ผู้หญิง พกถุงยาง โดยไม่พูดถึงความเหมาะความควรครับ คนเราเรียนรู้ได้ครับ ผมยังเห็นว่า เราควรสอนเรื่องเพศให้กับเด็กก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ แล้ววัยเจริญพันธุ์ สอนให้รู้จักให้เกียรติ์กันระหว่างเพศ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 01 พฤศจิกายน 2552, 07:01:05
จะเกิดขึ้นได้ต้องให้ความรู้ให้ประชาชนเห็นด้วยเป็น ด้านที่1 เพื่อสร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษ เป็น ด้านที่ 2 และ (http://img245.imageshack.us/img245/522/58617544.jpg) เสนอความเห็นต่อ พณฯ ท่าน ร.ม.ต.ศึกษาธิการ จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ ให้เกิดหลักสูตรนี้ นำไปให้โรงเรียนเด็กเล็กนำไปปฏิบัติ เป็นด้านที่ 3 ถ้าไม่ทำการสอน มีผลต่อการพิจารณาความดีความชอบของ ผอ.ร.ร. (http://img217.imageshack.us/img217/1552/96872856.jpg) ตามสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของ ศ.น.พ.ประเวศ วะสี emo26:D emo26:D emo26:D หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 07 พฤศจิกายน 2552, 08:24:12 ขอบคุณพี่หมอสำเริงครับ ที่เข้ามาสะท้อนความคิดห็น
และยัง เสนอหลักการขับเคลื่อน วันนี้อ่านเจอบทความปัญหาในไทยรัฐ จึงขอนำมาแปะไว้ครับ เรื่องสลดของเด็ก 14 ใกล้ เที่ยงวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่พนักงานทำความสะอาดปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนมหิดล ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ กำลังทำความสะอาดห้องน้ำ ได้ยินเสียงเด็กทารกส่งเสียงร้องอยู่ในห้องน้ำหญิง เมื่อเข้าไปดูก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบร่างทารกแรกเกิดเพศชายถูกทิ้งอยู่ในถุงดำรองถังขยะ จึงแจ้งผู้จัดการปั๊มมาช่วยกันนำเด็กออกจากถุง เด็กอยู่ในสภาพเลือดเต็มตัว ยังมีสายรกยาว 1 ฟุต ติดสะดือ หายใจรวยริน เด็กร่างกายอ่อนเพลียเต็มทีจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่ง รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ให้แพทย์ช่วยชีวิต พนักงานทำความสะอาดให้การว่า ขณะทำความสะอาดห้องน้ำมีหญิงสาวรูปร่างท้วม มาขอยืมกรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้จึงให้ยืมไป สักพักได้ยินเสียงผู้หญิงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากห้องน้ำแต่ไม่ได้เอะใจ ขณะตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ มีทีมแพทย์และพยาบาลจาก รพ.แม่และเด็กเชียงใหม่ เดินทางมาที่ปั๊ม แจ้งว่ามีญาตินำแม่ของทารกเป็นเด็กสาวอายุ 14 ปี เรียนอยู่โรงเรียนมีชื่อในเชียงใหม่ มีอาการตกเลือดจากการคลอดลูกมารักษา บอกว่าเพิ่งคลอดทารกและทิ้งไว้ในถังขยะปั๊มน้ำมันแห่งนี้ จึงรีบมาเพื่อช่วยชีวิตเด็ก ตำรวจไปตรวจสอบที่ รพ.แม่และเด็ก พบเด็กสาวซึ่งเป็นแม่ของทารกมีอาการหนักเพราะเสียเลือดมาก แพทย์ช่วยเหลือจนรอดชีวิตทั้งแม่และทารก ส่วนการดำเนินคดีกับเด็กสาว ตำรวจต้องรอให้อาการดีขึ้นจึงสอบปากคำและปรึกษากับ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เด็กสาวอาจจะมีความผิดในข้อหาทอดทิ้งทารกและอาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ นับเป็นเรื่องน่าสลดใจและน่าสงสารเห็นใจ สังคมเรามีปัญหาลักษณะนี้เกิดบ่อยขึ้นทุกที เด็กสาวอายุ 14 ปี ยังไร้เดียงสา ไม่มีวุฒิภาวะ ยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มีลูกก่อนวัยอันควร ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตตัวเองและลูกที่กำลังเกิดมายังไง สุดท้ายต้องไปคลอดทิ้งไว้ในถังขยะห้องน้ำของปั๊มน้ำมัน ทั้งแม่ทั้งลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา ไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะ 2 แม่ลูกเท่านั้นแต่มันเป็นปัญหาของสังคมไทย สังคมที่เหลวแหลกเต็มที! "เพลิงมรกต" http://www.thairath.co.th/column/region/no1vipha/44968 เมื่อไร ผู้ใหญ่บ้านเราจะเลิกเห็นแก่ตัว คิดทุกอย่างอย่างเป็นระบบ และทันโลกเสียที หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 21 ธันวาคม 2552, 17:09:55 จากไทยรัฐออนไลน์ 21 ธค.52
เชื้อยั่วยุทางเพศมีอยู่มากมาย สัมผัสได้ง่ายมาก แต่ผู้ใหญ่ล้าหลังในบ้านเรา มองไม่เห็น ไม่เข้าใจเสียที ขออ้างข้อความที่โพสไว้ตั้งแต่ 15 พย. 51 อีกครั้งครับ
หัวข้อ: "วิธีการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร" เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 23 มกราคม 2553, 19:38:40 (http://img718.imageshack.us/img718/9711/toyota.jpg) วิธีการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร/ดร. สุพาพร เทพยสุวรรณ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2553 14:13 น. จากสถิติของสาธารณสุขพบว่า ในระหว่างปีพ.ศ. 2544- 2552 วัยรุ่นมีการตั้งครรภ์ก่อนวัยเพิ่มขึ้นจาก 10% มาเป็น 40% และจากการสำรวจ ในช่วง 7 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2455-2550 พบว่าช่วงอายุมีแนวโน้มลดลงด้วย โดยพบว่าเด็กอายุ 10 ปีมีการตั้งครรภ์สูงถึง 60 คน และเด็กต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรจำนวน 55,648 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำรวจในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ปัญหาดังกล่าวนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่เป็นเรื่องหนักใจของทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเด็กและตัวเด็กเอง เพราะโดยปกติแล้วเด็กวัยรุ่นในวัย 10 - 20 ปี ยังไม่พร้อมต่อการเป็นพ่อแม่คน ทั้งทางด้านเสถียรภาพทางการเงิน และ ภาวะทางอารมณ์ ตลอดจนการดูแลรับผิดชอบ วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำเสนอวิธีการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ดังนี้ การให้ความรู้ คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความรู้ในเรื่องเพศศึกษากับลูก อย่าถือเป็นเรื่องน่าอายและปกปิดไว้ ลูกอาจเรียนรู้ในห้องเรียนมาบ้าง แต่คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ใกล้ชิด และเข้าใจลูกมากกว่า จึงทำให้การสอน การพูดคุย ตลอดจนให้คำแนะนำต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า วิธีง่าย ๆ คือการถามลูกว่าลูกทราบเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์และการป้องกันมากน้อยขนาดไหน เมื่อคุณพ่อคุณแม่เข้าใจและรู้ว่าลูกมีความเข้าใจขั้นไหนแล้วก็ให้เสริมความรู้ต่อจากที่ลูกมี บอกลูกถึงข้อพึงระวัง การวางตัวกับเพศตรงข้าม รวมถึงฮอร์โมนและความต้องการทางเพศของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องน่าอาย และยากต่อการพูดคุย แต่คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูกในเรื่องนี้โดยพยายามทำให้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ค่อย ๆ พูดทีละเล็กทีละน้อย เพราะจะช่วยได้มากกว่าการอธิบายทุกอย่างในครั้งเดียว อีกทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกชิน และไม่กระอักกระอ่วนใจอีกด้วย การคุมกำเนิด วิธีการคุมกำเนิดมีมากมายหลายวิธี แต่ละวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และเหมาะสมแตกต่างกันในแต่ละสถานการณ์ อาจให้ลูกมีโอกาสพูดคุยกับหมอหรือผู้ที่มีความรู้ในเรื่องเพศศึกษาเพื่อที่จะเข้าใจถึงลักษณะที่แตกต่างกันของการคุมกำเนิด ซึ่งการคุมกำเนิดมีหลัก ๆ ดังนี้ 1. การคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน เป็นวิธีที่นิยมใช้กัน เพราะสะดวกและมีอยู่มากมายตามท้องตลาด แต่มีข้อห้ามในการใช้สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ โดยต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา ซึ่งโดยรวมแล้วการคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.1 ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสโตเจน (progestogen) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด 1.2 การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด 1.3 ยาฉีดคุมกําเนิด เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์ได้นาน ที่นิยมใช้มากเป็นพวก DMPA (Depsmedroxy Progesterone Acetate) และ 1.4 การใช้ยาฝังคุมกําเนิด ยาฝังคุมกําเนิด (implant) เป็นฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนบรรจุหลอดฝังไว้ใต้ผิวหนัง แต่ทั้งนี้การคุมกำเนิดประเภทต่าง ๆ เหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อร่างกายจึงควรศึกษาให้ดีก่อนใช้ 2. การคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมน เช่นการใส่ห่วงคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย และการนับวัน เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังมีการคุมกำเนิดแบบการหลั่งภายนอก การใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออสุจิ การสวนล้างช่องคลอด การจัดกฎระเบียบภายในบ้าน การควบคุมดูแลให้มีผู้ใหญ่คอยอยู่ด้วยในเวลามีการจัดงานเลี้ยง หรือให้ลูกโทรศัพท์กลับมาหาทุกครึ่งชั่วโมง หรือในวันเรียนหนังสือไม่อนุญาตให้กลับบ้านเกิน 3 ทุ่ม เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ลูกวัยรุ่นอาจคิดว่าเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นวิธีที่จะช่วยลดปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้ วัยรุ่นเป็นวัยที่เข้าใจยาก ต้องการอิสรเสรีภาพ และมีโลกส่วนตัวสูง ดังนั้น ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ลูก การทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของพ่อแม่ ตลอดทั้งความรักความเข้าใจกันในครอบครัวจะช่วยวัยรุ่นห่างไกลจากปัญหานี้ได้ค่ะ http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000009054 (http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000009054) emo6::)) emo6::)) emo6::)) หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553, 18:16:19 ขอต้อนรับวันวาเลนไทน์ 2553 ซึ่ตรงกับตรุษจีน
ด้วยข้อความเดิมครับ ............................ แรงขับทางเพศเป็นแรงขับธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อถึงวัย การสอนเรื่องเพศเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย และไม่สอดรับกับอารมณ์การรับความรู้ การรับความรู้นะครับ ไม่ใช่การรับรู้ การสอนเรื่องเพศก่อนที่เด็กจะมีความรู้สึกทางเพศ เด็กจะรับรู้เรื่องนี้อย่างเป็นความรู้ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต้องสอนให้รู้จักการให้เกียรติ์กันระหว่างเพศ พอย่างเข้าสู่วัยมี ครอบครัวได้ ต้องปลูกสำนึกให้รู้จักรับผิดชอบต่อครอบครัว หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: rung88 ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553, 00:36:57 มันเร็วไปมั้ยครับ ที่จะสอนเด็ก6ขวบ หากจะรอให้โตขึ้นมาหน่อยน่าจะดีกว่ามั้ย เหมือนกับเราเอาสิ่งที่เค้าไม่ได้สนใจไปสอน เค้าคงไม่ฟัง/ใส่ใจ หาเเราเลียบเคียงสอบถาม ว่าในรร.สอนอะไรมาบ้าง เพื่อนเป็นอย่างไร สงคมเป็นอย่างไร แล้วหากมีเรื่องที่เค้าสงสัยค่อยสอนดีกว่ารึเปล่า
คือผมก็ไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้แก่แดดมากขนาดไหน หากเราสังเกตจาก สภาพแวดล้อม บุคคลรอบข้าง เพื่อนๆของเด็ก แล้วค่อยๆสอดแทรกอย่างละมุนละม่อม จะดีกว่ามั้ย จริงแล้วที่เด็กมีปัญหาทางเพศ รึปัญหาอื่นๆ ผมว่าเกิดจากเราไม่ได้สนใจท่จะดูแล้วเค้าอย่างจริงจังมากกว่า เพราะตามวัยแล้วเด็กอายุ6ขวบคงสนุกสนาน วิ่งซนมากกว่า ที่จะคิดว่า(ขออนุญาตินะครับ) "โห! อึ๋มจัง" ส่วนเด็กที่เริ่มสนใจเพศตรงข้ามน่าจะอายุสัก10-12ปีมากกว่า ซึ่งในวัยนี้ เราน่าจะให้ความใส่ใจมากๆ อาจมีความรู้สึกชอบเพศตรงข้าม(ผมก็ชอบ ญ คนแรก็ช่วงนี้แหละ แต่แบบpuppy love) ซึ่งเราน่าจะอธิบายให้เค้าเข้าใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ต้องดูสภาพแวดล้อมด้วย ย้ำครับ ดูสภาพแวดล้อม เพราะสมัยพี่ๆ/สมัยผม เราคงยังไม่รู้จักเรื่องsexในเวลาที่เราอายุแค่นั้นเลย แต่โลกที่เปลี่ยนไป การเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายขึ้น ทำให้เกิดการแพร่การจายของความรู้ที่เราควบคุมไม่ได้ นั่นหมายถึง เด็นกสมั้ยนี้มีแนวโน้มที่จะโตก่อนวัย ความขัดแย้งระหว่างอายุกับสภาพสังคมที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ทำให้เป็นไปได้ยากที่จะกำหนดแน่ชัดลงไปว่าควรให้เด็กรับรู้เรื่องเพศตอนไหน ฉนั้น เราเลิกทำงาน7/24 แล้วpay attention to your familyสักสัปดาห์ละ2วัน คงไม่ยากเกินไปสำหรับท่าน (2วันเต็มๆไม่ได้ แต่กินข้าวพร้อมกัน แล้วคุยกันเล็กๆน้อยวันล่ะ2ชมคงได้นะครับ) อย่าผลักสัยลูกเราไปให้คนอื่นเลี้ยงโดยการกวดวิชาเลยครับ เราทำงาน5วันก็เหนื่อยแล้ว เด็กเรียน5วันทำไมจะไม่เหนื่อย ใช่ไหมครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553, 03:17:36 6 ขวบนี่...เพิ่งจบจากอนุบาลนี่คะ!
เตรียมจะเข้าสู่การเรียน-เขียน-อ่าน ที่ดูจะสำคัญกว่า... อยากจะบอกว่าพ่อ-แม่เด็กนั่นแหละคะ ที่จะต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจในแบบง่ายๆ แต่ถูกต้องและไม่ปิดบัง ไม่ไช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไปเทียบเคียงให้ภาพที่เด็กเห็นเบี่ยงเบน จากความเข้าใจในวัยของเค้า...การรับรู้ของ เด็ก 6 ขวบย่อมแตกต่างจาก เด็ก 12 ขวบแน่ๆ... ที่โน่น เค้าไม่ปิดบังเรื่องเพศ สอนให้ระวัง ป้องกัน มากกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม ที่เด็กเติบโตขึ้นมาว่ามองเรื่องแบบนี้ใน ลักษณะไหน เพราะกระบวนการทางร่างกาย กับกระบวนการของจิตใจบางครั้งไม่ได้เติบโต ควบคู่กันในสภาวะที่สมดุลย์ ทางจิตที่เรียนรู้ ที่จะรับผิดชอบใช้เวลายาวนานมากกว่ามาก... เด็ก 6 ขวบ ควรรู้เรื่องเพศว่าตัวเองต่างจาก หรือเหมือนพ่อกะแม่ เหมือนหรือต่างกะพี่หรือน้อง แยกและชี้เพศตัวเองได้ แค่นี้ก็ยากพอแล้วค่ะ เพราะความคาดหวังของสังคมรอบข้าง ควบคุม สอดส่องเค้าอยู่ในทีอยู่แล้วว่าในเพศที่เค้าเป็น ต้องปฏิบัติวางตัวอย่างไร... หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 03 มีนาคม 2553, 18:51:17
ขอบคุณมากเลยครับ น้องรัก88 สิ่งที่น้องรักเขียนมานั้น เป็นข้อเท็จจริงทุกอย่าง และด้วยสิ่งที่เป็นจริงตามที่เขียนมานั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเริ่มให้ความรู้ทางเพศแก่เด็ก ก่อนที่จะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ผมขอแลกเปลี่ยนดังนี้ครับ คนเราเป็นสัตว์เรียนรู้ แรงขับเพื่อการเรียนรู้นี้ เริ่มตั้งแต่ลมหายใจแรกของคน ผมจะเรียกแรงขับนี้ว่า "ความอยากรู้" ในสังคมยุคปัจจุบัน สื่อเปิดกว้างมาก แม้เปิดกว้างแต่ไม่อาจแยกเท็จ-จริง ได้ชัดแจ้ง โดยเฉพาะ ถ้าขาดพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง ถ้าอยากรู้ แล้วรู้ผิดๆ ไม่เข้าใจ จะเป็นผลเสียอย่างยิ่ง พูดในส่วนเฉพาะเรื่องเพศ ก็ไม่พ้นความอยากรู้ อันเป็นแรงขับธรรมชาติไปได้ เชื่อไหมครับว่า ในช่วงทียังไม่เข้า่สู่วัยเจริญพันธุ์ หากเด็กเข้าเน็ท แล้วเจอหนังโป๊ โดยเด็กนั้นไม่เคยมีความรู้เรื่องเพศมาก่อนเลย พวกเขาอาจเปิดเลยผ่านไปไม่สนใจอยากดู ถ้าจะดู ก็คงดูด้วยความสงสัยว่า ผู้ใหญ่ทำอะไรกัน น่าเกลียดจัง หรือ ถ้าเลวร้ายอาจคิดว่าน่าลองบ้าง แต่ถ้าเด็กนั้น ได้รับการสอนให้รู้เรื่อเพศที่พอควร เขาจะไม่ยอมเสียเวลาดูเลย ไม่สนุก ดูและเล่นอย่างอื่นดีกว่า (เหมือนที่น้องรักเขียนว่า "เหมือนกับเราเอาสิ่งที่เค้าไม่ได้สนใจไปสอน เค้าคงไม่ฟัง/ใส่ใจ" ) แต่ข้อน่ากลัวสำหรับเด็กที่ดูโดยไม่รู้ว่าคืออะไรก็คือ การเลียนแบบ (ซึ่งเมื่อผู้ใหญ่พบเข้า ก็จะฟุ้งซ่าน โทษเด็กว่าแก่แดด....โถพวกเขาจะไปรู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องเพศครับ เพียงแต่เลียนแบบ อวดรู้กับเพื่อนๆเท่านั้น) แต่เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จะเกิดแรงขับตามธรรมชาติอีกอย่างคือ แรงขับทางเพศ แบบที่น้องรักรู้สึกชอบเพศตรงข้ามตอยอายุ 10-12 นั้นแหละครับ สมัยก่อนสื่อยังไม่กว้างและง่ายเช่นนี้ หลายคนจึงรอดปากเหยี่ยวปากกามมาได้ (เขียนไม่ผิดครับ "ปากกาม") การเริ่มสอน เมื่อมีความรู้สึกทางเพศ จะเป็นการสอนในขณะที่นอกจาก "ความอยากรู้แล้ว" ยังมีแรงขับที่เรียกว่า "อยากลอง" อยู่ด้วย ผมจึงว่า ช้าเกินไปครับ สำหรับสมัยนี้ ผมจึงบอกว่า "การสอนเรื่องเพศก่อนที่เด็กจะมีความรู้สึกทางเพศ เด็กจะรับรู้เรื่องนี้อย่างเป็นความรู้ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต้องสอนให้รู้จักการให้เกียรติ์กันระหว่างเพศ พอย่างเข้าสู่วัยมี ครอบครัวได้ ต้องปลูกสำนึกให้รู้จักรับผิดชอบต่อครอบครัว" และในช่วงวัยรุ่นและ วัยครอบครัวนั้น การสอนหญิงชาย ก็ต้องเน้น นามธรรม ที่แตกต่างกันครับ .................................................................
เห็นด้วยกับน้องหนิงครับ อายุ 6 ขวบ ผมประมาณเอง โดยพิจารณาจาก เด็กอายุขนาดนี้ เริ่มสอนได้รู้เรื่องมากขึ้น และมีช่วงเวลา อีก4-6 ปี ทีจะสอนเขาเรื่องเพศอย่างเป็นความรู้ ก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ แต่เนื้อหา วิธีการสอนแต่ละช่วง คงต้องระดมสมองกันละครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 03 มีนาคม 2553, 19:58:09 พี่เจ้าจอม,
ปัญหาคือ...ในช่วงที่ดีที่สุดที่จะสอนเค้า คือช่วงเข้าสู่วัยรุ่น...กลับเป็นช่วงที่เค้าๆแยกตัว ออกห่างจากพ่อ-แม่ แต่ไปใกล้และไว้ใจกลุ่มเพื่อนแทน! หากถามเรื่องเพศตรงข้าม ถามถึงความเป็นไปและ ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเพื่อนๆ เค้าๆดูจะ อายและถือเป็นการละลาบละล้วงของผู้ใหญ่...เขินและ ปิดเป็นความลับ... เราๆผ่านช่วงนั้นมาแล้ว จึงเข้าใจว่าการสอดส่อง แต่ไม่เข้าไปในโลกใหม่ของพวกเค้าดูจะเป็นการ respect แบบผู้ใหญ่ต่อผู้ใหญ่... การเปิดโอกาสให้เค้าซักถามข้อข้องใจในเวลาที่ เค้าๆต้องปฏิสัมพันธ์กะครอบครัวจึงต้อง intensive มากขึ้น พ่อ-แม่ไม่เหน็ดไม่เหนื่อยที่จะคุยพูดเรื่อง เพศได้ในแบบที่ พูดกันตามตรง เค้าๆเห็นๆอยู่ทุกวัน ว่าหญิง-ชายที่สนิทเสน่หากันน่ะ เค้าปฏิบัติต่อกันอย่างไร ที่โน่น ในที่ที่หนิงอยู่ มีข้อปลีกย่อยให้สังเกตอีกว่า ในกรณีครอบครัวแบบใหม่...single mom- single dad เด็กๆเค้าจะหาแบบอย่าง ภาพที่จะเข้าสู่กระบวนการ เรียนรู้จากที่ไหน...ก็ต้องดูกันว่าการยึดเหนี่ยวครอบครัว มีสิ่งทดแทนให้เห็นหรือไม่....ปู่-ย่า ตา-ยาย หรือจะนำสมัย กว่านั้น ในรูปแบบ patchwork familyก็น่าจะทดแทนกันได้ ต่อกระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศ เขียนมาตั้งนานคะพี่เจ้าจอม,ยังไม่แน่ใจ ว่าเพศศึกษาที่พี่หมาย...คือ ความรู้-ภาพ-ปฏิบัติ หรือ abstract! nn. หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 03 มีนาคม 2553, 20:40:24 สวัสดีครับ น้องหนิง
สำหรับความเห็นของผม ช่วงวัยรุ่น เราต้องเน้นไปในเชิง นามธรรมแล้วครับ เมื่อมีความรู้สึกทางเพศแล้ว ต้องให้พวกเขาหลีกเลี่ยงสื่อทางเพศทุกอย่าง (แต่ต้องแนะนำวิธีระงับ ความต้องการทางเพศอย่างถูกทำนองครองธรรม) จนกว่า จะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พร้อมมีครอบครัว ก็ตามสบายเถอะครับ แต่ต้องรู้รับผิดชอบต่อคู่ครอง ในความคิดของผม ผมเชื่อว่า การให้เด็กก่อนวัยเจริญพันธุ์ ได้รับรู้เรื่องทางเพศอย่างละเอียด ทั้งแง่ชีววิทยา แง่จิตใจ(ความรู้สึกแตกต่างของคนเราก่อนเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์และช่วงวัยเจริญพันธุ์) เป็นเรื่องสำคัญ และผมยังเชื่อว่า การให้เด็กพอได้รู้ได้เห็นว่า คนในวัยเจริญพันธุ์เขาทำอะไรกัน จึงมีลูก น่าจะส่งผลดีต่อชีวิต นั่นคือ ทั้งความรู้ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว แต่ ต้อง ห้ามปฎิบัติ (ซึ่งผมยังเชื่อว่า ถ้าเด็กก่อนวัยเจริญพันธุ์ เขารู้ว่า อะไรเป็นอะไร เขาไม่อยากปฎิบัติ หรอกครับ พวกที่อยากปฎิบัติ ต้องเป็นผู้ที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้วครับ แม้แต่คนวัยเจริญพันธุ์ที่ไม่เคยปฎิบัติและเคยปฎิบัติแล้ว ยังต่างกันเลยครับ ...แต่ที่ถูกกว่า คือ ผู้ที่อยู่ในวัยสมควรจะมีคู่ครอง ดูแลครอบครัวได้) คนเรา เห็นอะไร รู้อะไร บ่อยๆ มันก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่เย้ายวน แล้วครับ ดีกว่า รู้ไม่รู้ ไม่เข้าใจ..และหลงผิดในที่สุด เพราะความไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องเพศในสังคมไทย เพศหญิง มักถูกกีดกันให้ออกไป ขณะที่เพศชายแสวงหา ผลที่ออกมา ก็คือ เด็กหญิง วัยรุ่นหญิง รับกรรมด้วยความรู้ไม่เท่าทัน และถูกประณาม จากผู้ใหญ่ที่คิดว่าตัวเองทำถูก(ทั้งที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ) ................................................. ข้างต้นไว้ให้คิดนะครับ หลายท่านอาจรู้สึกขัดแย้งกับความคิดนี้บ้าง แต่ผู้ใหญ่ ก็ควรถกเถียงกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อเด็กของเรานะครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 03 มีนาคม 2553, 21:49:31 พี่เจ้าจอม,
มหันตภัยของโรคที่มากับการไม่ระมัดระวังทางเพศ ได้แพร่ขยายอย่างรวดเร็ว ผ่านความทันสมัยของการ สื่อสารถึงกันทางรถ-เรือ-เครื่องบิน และธุรกิจการท่องเที่ยว ที่น่าตกใจคือแหล่งของโรค มาจากเอเชีย-อัฟริกา ซึ่งหากมองให้ลึกถึงธรรมเนียม-วัฒนธรรม ที่ชายเป็นใหญ่ ความน่ากลัวจึงอยู่ตรงนี้!ตรงที่ผู้หญิงรับผลภัยและส่งต่อ หากเธอประกอบอาชีพที่เสี่ยงต่อการรับ-แพร่เชื้อ เป็นวงจรอุบาทว์ที่น่าสะพรึงกลัว...การระวังป้องกันจึงต้อง กระทำอย่างจริงจัง ปฏิบัติเข้าใจง่าย. เมื่อหลายปีก่อน ตอนหนิงไปใช้ชีวิตที่โน่นใหม่ๆ ช่วงกลางปี 90'ที่ธุรกิจการท่องเที่ยวบูมมาก การมาหาความสำราญของชายเยอรมันในเขตร้อน แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำได้ง่ายดาย ราคา ย่อมเยา...ปรากฏยอดของผู้ติดเชื้อ HIVเพิ่มขึ้นอย่าง น่ากลัว. เค้ารณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะ โรคได้ ขยายเพิ่มรุกหน้าผ่านการเปิดเขตยุโรปรวมทางด้าน ยุโรปตะวันออกด้วย ตามป้ายรถเมล์จะมีรูปภาพผัก-ผลไม้ ที่ห่อหุ้มด้วย condom!พร้อม text ที่บอกว่าให้รับผิดชอบ ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น ด้วยการใช้ และบังคับใช้จากผู้บริการ เพราะโรคนี้ติดต่อผ่านถึงกันได้ด้วย intercourse/actทางเพศ เทานั้น ในเมื่อรู้ว่าการระวังป้องกันอยู่ตรงจุดนั้น เค้าก็เข้าถึง กลุ่มโดยตรง....ถุงยางมีได้ หาได้ ทั่วทุกห้องนํ้าสาธารณะ. สะดุดใจตรงที่:สังคม-วัฒนธรรมเค้าเปิดกว้าง ไม่มีห้ามเรื่องส่วนตัว แต่ให้คนของเค้าสำนึก ถึงตัวเอง ถึงผู้อื่น....ในส่วนของปัจเจกชน เมื่อเริ่มจากตัวเองได้...ส่วนรวมทั้งหมดก็มีผล ไปด้วย. ล่าสุดลูกชายชั้นม.2 ( class 8 )ได้ถกเรื่องนี้ คล้ายๆกับว่าถามพ่อแม่ ในสิ่งที่เค้าเรียนมา.. เราๆคิดเห็นยังไง. หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 04 มีนาคม 2553, 21:03:22 พี่เจ้าจอม,
เกิดมีคำถามขึ้นมาหลังจากอ่านสกูปข่าว จากหน้าหนังสือพิมพ์ที่พี่ลงมาเป็นตัวอย่าง ของเด็กหญิงทั้งที่คลอดลูกทิ้ง และเด็กหญิง วัยสิบขวบที่มีครรภ์....ครอบครัว พ่อ-แม่ของ หนูๆเหล่านี้ไปไหนกันหมด?นี่เค้าๆวุ่นวายกับ การทำมาหากินนอกบ้านจนไม่มีเวลาดูแลและ ใกล้ชิดลูกๆถึงขั้นนั้นเชียวหรือ ชีวิตในครอบครัว การพูดคุย ซักถามถึงสิ่งที่ลูกๆประสบพบเห็นใน ชีวิตประจำวันได้หมดความสำคัญเพราะหน้าที่นี้ เป็นของพ่อแม่ที่ยังมีสิทธิ์ฟังรายงาน แม้ห้วนสั้น แต่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกๆทันท่วงที หรือพ่อแม่ได้ผลักภาระนี้ไปอยู่ในมือของผู้อื่น (โรงเรียน-เพื่อน)อ้างความเหน็ดเหนื่อยในการต้อง ดูแลปากท้อง และ ฐานะ มาเป็นเหตุที่จะได้ไม่ต้อง เข้าไปรับรู้ชีวิตประจำวันของลูก....โอ,เค้าๆเพิ่ง10-13 ขวบ ยังเด็กอ่อนเยาว์ ยังต้องสร้างกระดูก เนื้อหนัง กำลังสมองกันอีก4-5 ปีคะภายใต้การคุ้มครองดูแลของ พ่อแม่ ผู้ให้กำเนิด. หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 04 มีนาคม 2553, 21:07:09 ถามอีกคะ ว่าหนูๆสองคนนี้ได้เรียนรู้อะไรหลังเกิดเรื่อง
ขึ้นหรือไม่ เพื่อนชายที่เป็นคู่ก่อเหตุ เข้ามาร่วมแสดง spiritเคียงข้างเธอหรือไม่ หรือถูกกันออกไปแบบไร้ร่องรอย ให้spotlightทุกดวงฉายไปที่เธอคนเดียว ทางเดียวว่า นั่นคือบทลงโทษของเด็กหญิงใจแตก..ที่ไม่รักตัว? พ่อแม่ของเด็กชายคนนั้นบอกกล่าวอะไรแก่บุตรชายของตน? ดีแล้ว เรื่องร้ายผ่านไปแล้ว โชคดีแล้วที่ไม่ต้องเป็นข่าว? เด็กชายคู่กรณีผู้ทำให้เด็กหญิงท้อง เรียนรู้อะไรติดตัว พวกเค้าไปในอนาคต? หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 04 มีนาคม 2553, 21:18:08 เพราะคำถามของผู้ที่อ่านข่าว รับรายงาน
ควรจะตั้งขึ้นทั้งสองทาง...ทำไมข่าวทั้งหมด ถึงสร้างให้เกิดภาพที่จะลงโทษ ประนาม ฝ่ายหญิง เพศหญิง แต่ไม่เคยมีใครพูดดังๆ ขึ้นมาว่า เพื่อนชาย พ่อเด็ก ไปไหน?? นี่เป็นเรื่องฉาบฉวย จ้องตาแล้วตั้งท้อง หรือจูบกันแล้วตั้งท้อง อย่างที่ผู้ปกครอง ชอบใช้อธิบายลูกเล็กถึงคำถามว่าพวกเค้า เกิดมาได้ยังไงแล้วจริงๆหรือ? แล้วพรํ่าสอนต่อไป ผู้ชายทำอะไรก็ได้ ไม่เสียหาย ไม่แปลก?? แม่ๆ หญิงๆที่ร่วมใน สังคม acceptการกล่าวอ้างนี้เพราะถือเป็น triumphว่าตนดี ตนแตกต่าง จึงมีชายมาสมรส มาแต่งงานด้วย นอกเหนือจากนี้ ก็เป็นพวกไม่ดี พวกที่ลูกชาย พี่น้องชายในครอบครัวไม่ควรเลือก อย่างนั้นเหรอ? หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 04 มีนาคม 2553, 21:30:26 พี่เจ้าจอมยกเรื่องการให้ความรู้เรื่องเพศ
ยิ่งเร็วยิ่งดีก่อนที่พวกเค้าจะไปลองเอง หนิงอ่านแล้วเกิดข้อคิดว่า น่าที่จะเริ่มที่ไหน โดยรวมภาพทั้งหมดที่เกี่ยวโยงเข้าด้วยกัน อย่างขาดกันไม่ได้ อย่างความคิด ความเชื่อ ที่บางที อยู่ข้างใน มองไม่ชัดคะ ออกมามอง จากข้างนอก ได้ภาพที่ชัดกว่า... เพราะการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำ สอนกันทุกวัน ไม่เกี่ยวว่าผลที่เกิดขึ้นจะทำ ความเสียหายต่อผู้ใดแค่ไหน....หนิงอยาก เรียกสิ่งนี้ว่า consequence อธิบายยากนิดคะ แต่เกิดจากการเฝ้าสังเกตในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวในแวดล้อมที่หนิงอยู่อาศัยคะ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 04 มีนาคม 2553, 21:49:03 ยิ่่งข่าวแบบนี้ออกสู่ตลาดข้อมูลมากขึ้นเท่าไหร่
ผู้อ่านผู้บริโภค..ได้ข้อคิดอะไร ในการเสพข่าว? หรือปัดให้พ้นตัว เป็นเรื่องไกลตัว เรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว ลูกสาว ลูกชายเรา มีความสุขเชื่อฟัง สังคมรอบๆค่ะที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการวิพากษ์ วิจารณ์เรื่องแบบนี้...แถมสำคัญมากๆด้วยที่เราที่ เป็นผู้ใหญ่ คิดเห็นต่อสิ่งนี้แล้วส่งต่อให้แก่ทายาท ชายหญิงที่เป็นรุ่นใหม่. หนิงอ่านแล้วมองภาพเด็กหญิงทั้งคู่ไปในอนาคต อีก 10 ปี อีก 15 ปี เมื่อเธอๆเข้าสู่วัยผู้ใหญ่...เธอๆ อาจแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก....เธอๆจะคิดเห็น สั่งสอนลูกชายหญิงของเธอว่าอย่างไร? อาจเจ็บชํ้าต่อเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แล้วยังไม่มีกระบวน การของการเรียนรู้รักษาที่มีสุขภาพ เธออาจสอนลูกชาย ว่าให้ทำในสิ่งที่ผู้ชายต้องทำ รู้ลองได้อิสระ(กะใคร??) ส่วนลูกสาวต้องรักนวลสงวนตัว อยู่กะเหย้าเฝ้ากะเรือน เรียบร้อย ก็จะมีผู้ชายมาสู่ขอแต่งงาน(เหมือนพ่อต่อแม่?) หรือ เด็กหญิงสองคนนั้นได้รับการเยียวยาจากครอบครัว คนที่รักเธอ ยอมรับว่านั่นคือบทนึงของชีวิตในภาคปฏิบัติ เหมือนๆกะเรื่องอื่นๆที่เธอๆรับไว้เป็นประสบการณ์ของ ชีวิตที่เติบโตควบคู่ไปกับการเจริญวัยไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่? หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 04 มีนาคม 2553, 22:28:49 แล้วก็ถามต่อว่าเราต้องสอนลูกชายอย่างไร
ไม่เฉพาะเรื่องนี้คะ consequenceมีทุกเรื่อง ในชีวิต เด็กผู้ชายเล็กๆที่วันนึงจะเติบโตเป็น ผู้ใหญ่ เป็นผู้ชายวัยทำงาน เป็นสามี เป็นพ่อคน ก่อนที่เค้าจะไปถึงจุดนั้น มีระยะเวลา มีกระบวนการที่ยาวนาน เค้าได้รับการปลูกฝัง ความคิดความเชื่ออะไรมาจากครอบครัว? ทำไมแม่ๆ และแม่ยาย ถึงเลือกปฏิบัติต่อเค้าๆ พิเศษกว่าลูกสาว ลูกสะใภ้ เพราะเค้าเป็นผู้ชาย? สำคัญกว่าผู้หญิง /ลูกสาว? ผู้หญิงด้วยกันนี่แหละคะถามตัวเอง ตอบตัวเอง ให้ได้ว่าเราคิดเห็นต่อเรื่องเหล่านี้อย่างไร? เพราะเธอๆคือแบบอย่าง แม่แบบเบื้องต้นต่อเพศตรงข้าม ที่ผู้ชายเห็นภาพอยู่ทุกวัน....เธอเหล่านั้นให้อะไร แก่ลูกชายของเธอ...หากคิดว่าสมควรแล้ว อยากไม่รักดี ก็รับผลแบบนั้น โดยไม่เคยถามตนเองว่าเรื่องนั้นมีส่วนประกอบ อีกฟากนึงร่วมรับผิดชอบด้วย ไม่ว่าเด็กชายนั้นจะลูกเต้า เหล่าใคร อาจเกิดกะลูกสาวเราได้เท่าๆกะเด็กหญิงในข่าว เขียนมากแล้วชักของขึ้นคะพี่เจ้าจอม...ก็เครื่องมันร้อน! ฟังเพลงนิดคะ! หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 05 มีนาคม 2553, 14:44:32
น้องหนิงครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกระทู้นี้ น้องหนิงแลกเปลี่ยนหลายข้อมาก แต่ละข้อเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้น แตก็ผูกโยงสัมพันธ์กัน ขอเรื่องที่ยกมาก่อนครับ ว่ากันตามความโชคดีของประเทศไทย ที่ไม่เคยขาดแคลนเรื่องอาหาร ทุกครอบครัว น่าจะได้ทำอย่างที่น้องหนิงว่ามา แต่ความจริง ไม่ใช่ ทุกวันนี้ เราบริหารสังคมแบบ ไม่บริหาร ผู้มีอำนาจ ขาดวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ (แม้แต่อดีตนายกทักษิณ ที่ถูกยอมรับในวิสัยทัศน์ ก็ไม่มีวิสัยทัศน์เรื่องเช่นนี้) มีแม่คนไหนครับ ไม่รักลูก เอาลูกมาทิ้ง แม่คนนั้นก็เจ็บปวดนะครับ แต่..ภายใต้สังคมเลวร้ายเช่นนี้ มีพ่อแม่สักกี่เปอร์เซ็นต์ที่มีโอกาสเลี้ยงลูกด้วยตนเอง มีพ่อแม่สักกี่เปอร์เซ็นต์ที่มีเวลาให้ลูกๆได้เต็มที่ มีพ่อแม่สักกี่เปอร์เซ็นต์ที่มีเติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อส่งผ่านความอบอุ่นต่อไป ผมเชื่อว่าสังคมไทยทุกวันนี้ มีพ่อแม่ที่ไม่มีโอกาสเลี้ยงลูกด้วยตนเองไม่น้อยกว่า 10% (ใครมีข้อมูลจริงจะขอบพระคุณมาก) ทั้งที่แค่1-2% ก็มากเกินไปแล้ว มีพ่อแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกไม่น้อยกว่า 20 % (เช่นกัน มีข้อมูลจริงจะขอบคุณมาก) แล้วจะเหลือพ่อแม่ที่เติบโตจากครอบครัวที่อบอุ่นสักเท่าไร น่าเศร้าครับ ทั้งหมดที่เขียนมาข้างต้น แืทนคำตอบที่น้องหนิงถามมาครับ .................................. ข้ออื่นๆ จะมาแลกเปลี่ยนต่อไป..และถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนอื่นโพสเข้ามาเลย ขอบคุณล่วงหน้าครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 05 มีนาคม 2553, 15:40:19
คำถามนี้ของน้องหนิง เป็นเรื่องที่สมควรอย่่างยิ่ง ควรนำบทเรียนเป็นประโยชน์แก่คนทั้งสอง และสังคมต่อไป แต่ในความเป็นจริง เราดูแลสังคมอย่างไร เด็กที่มีปัญหา ไม่มีใครดูแล ก็โยนเข้าสถานสงเคราะห์ (ไม่รู้ว่า ผู้ดูแลสถานสงเคราะห์จะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่อยู่ในกลุ่มกว่า 30%ที่ผมยกมาก่อนหน้า) วันนี้ คนดังในสังคมที่มีภาพพ่อพระแม่พระ(ภาพจริงนะครับ..ไม่ใช่ภาพลวง) ท่านเหล่านั้น ก็ยังคงกระทำบทบาทของท่านดังเช่น20-30ปีที่ผ่านมา ท่านไม่พัฒนาความคิดและวิธีการ เพื่อแก้ปัญหาระบบเลย นับเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น คำตอบที่น้องหนิงอยากได้ ผมคงตอบว่า..พวกเขาได้ความว่างเปล่า เพราะแค่คำถามแบบที่น้องหนิงถาม ผมว่าเขาคิดกันไม่ออกครับ ไม่ทราบว่า ที่เขียนมา พอเป็นคำตอบให้น้องหนิงได้ไหมครับ หัวข้อ: Re: คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 06 มิถุนายน 2553, 11:36:20 ทันโรคทันเหตุการณ์กับแพทยสภา ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2553 http://www.naewna.com/news.asp?ID=213862 (http://www.naewna.com/news.asp?ID=213862) จะลดการทำแท้งต้องคุมกำเนิดให้ดี ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ เดือนพฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นหลักไมล์สำคัญในวงการ วางแผนครอบครัว กล่าวคือ (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l3ksqw-956d9c.jpg) ยาเม็ดคุมกำเนิด (Contraceptive pill) ที่ชาวโลกใช้กันมานานมากแล้วนั้น จะมีอายุครบ 50 ปี ตั้งแต่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้บริษัท จี.ดี.เซิร์ล จำหน่ายได้ ในสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อการค้าว่า “Enovid” ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ว่านี้ หญิงทั่วโลกใช้กันมาอย่างแพร่หลายและด้วยความเชื่อถือในสรรพคุณว่า จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้หาใช่ว่าจะมารับใช้ชาวโลกได้ง่ายๆ เหตุเพราะว่า ความเชื่อทั้งทางศาสนาและระเบียบข้อบังคับทางกฎหมายเมื่อ50กว่าปีก่อนนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับ และคริสตศาสนจักรหลายนิกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งนิกายคาทอลิกถึงกับห้ามคุมกำเนิด ยกเว้นบางมาตรการที่ใช้ธรรมชาติช่วย คือละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ช่วงที่หญิงตกไข่ กฎหมายก็มีการห้ามใช้มาตรการนี้ แต่เมื่อผู้หญิงซึ่งเป็นฝ่ายต้องอุ้มท้อง ถี่ๆ เข้าก็เกิดการปฏิวัติเงียบคือ พวกเธอหาทางคุมกำเนิดกันเอาเองตามมีตามเกิด จนมาเจอแจ็คพอต คือ ยาเม็ดคุมกำเนิด จึงได้ผลเกือบ 100% ถ้าใช้อย่างถูกต้อง สิ่งที่สังคมไทยยังไม่เปิดใจกว้างกับยาเม็ดคุมกำเนิดก็เพราะเกรงว่าลูกหลานวัยรุ่น หากได้ยาเม็ดคุมกำเนิดไปใช้เป็นประจำแล้วจะเกิดเจตคติความเสรีทางเพศเพิ่มขึ้น ผลก็คือสตรีวัยรุ่นไทยยังไม่ค่อยรู้จักมาตรการป้องกันอันสำคัญนี้ ผลก็คือวัยรุ่นไทยซึ่งถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมตะวันตกและภาพยนตร์ยั่วยุทางเพศ เกิดความสำส่อนโดยไม่มีการป้องกันจึงตั้งครรภ์ทั้งๆ ที่ไม่พร้อมและไม่มีความประสงค์ ล่าสุดก็คือมีเด็กหญิงวัย 10 ขวบที่ตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดผลกระทบในชีวิต การเรียนและสร้างความปั่นป่วนในครอบครัว การไม่เปิดกว้างเรื่องเพศศึกษาและมาตรการคุมกำเนิดนี้เองทำให้เกิดการตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจ และ โดยไม่มีความพร้อมปีละนับแสนรายแล้ว สาววัยรุ่นที่ตั้งท้องไม่พร้อมดังกล่าวก็ต้องแสวงหาวิธีการยุติการตั้งครรภ์ โดยหาผู้ทำแท้งซึ่งมีทั้ง ผู้ที่ทำแท้งเป็นกับผู้ที่ทำแท้งอย่างงูๆ ปลาๆ มีผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันนี้วงการแพทย์ มีวิธีการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยมากๆ แต่ก็ไม่มีโอกาสให้บริการเพราะ สังคมและกฎหมายยังไม่ยอมรับ ทำให้แพทย์ปฏิเสธที่จะให้บริการ คงต้องรอไปอีก 50 ปีกระมัง จึงจะแก้ปัญหาการแท้งอย่างไม่ปลอดภัยได้ เหมือนอย่างที่ยาเม็ดคุมกำเนิดฟันฝ่าอุปสรรคมา 50 ปี ด้วยความปราถนาดีจาก (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l3kso8-977996.jpg) พลตำรวจตรีนายแพทย์ ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ กรรมการแพทยสภา วันที่ 5/6/2010 emo26:D emo26:D emo26:D หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 16 กรกฎาคม 2553, 17:44:50 แม้จะอยากให้มีการสอนเพศศึกษาตามหัวข้อ
แต่ก็รู้สึกสับสนกับการออกเป็นกฎหมายบังคับให้โรงเรียนต้องให้เด็กท้องเรียนต่อ เห็นด้วยกับการที่ต้องให้โอกาสเรียน แต่เรื่องนี้ แค่ให้หลักการโรงเรียนไปปฎิบัติก็น่าจะเพียงพอแล้ว ชอบใช้ตัวหนังสือและแก้ปัญหาแบบแยกส่วนกันจัง...เฮ้อ... หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 16 กรกฎาคม 2553, 18:12:31 เดี๋ยวขออ่านก่อนคะพี่หมอสำเริง,พี่เจ้าจอม
หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 17 กรกฎาคม 2553, 08:22:01 ขอบคุณพี่หมอสำเริง และน้องหนิงครับ
................................ เขียนกฎหมายให้ต้องรับเด็กท้องเรียนหนังสือ(แทนการให้หลักการกับผู้บริหารโรงเรียน) กับ เขียนกฎหมายให้ การค้าประเวณี เป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย ผมว่าอย่างหลัง ยังมีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 17 กรกฎาคม 2553, 15:24:56 เรื่อง..อย่างว่า
ยิ่งปิด...ก็เหมือนยิ่งเปิด! สถานบริการ,ลูกค้าต่างชาติมาเที่ยว ยิ่งกว่าดอกเห็ด...ที่บ้านเค้าเมืองเค้า ต้องขึ้นทะเบียน ต้องจดบัญชีมีรายรับ รายจ่าย..แต่ในความเป็นจริงก็ต้อง ปกปิดมิดชิดไม่ให้ใครรู้ใครทราบ..แม้ครอบครัว คนใกล้ชิด..เพราะอาชีพนี้ลึกๆยังขัดๆต่อมโนธรรม มีครอบครัวไปก็ให้สามี-ลูกรู้ไม่ได้ เพื่อนฝูงรู้ไม่ได้ เป็นความลับของภูมิหลังความเป็นมา ทำเป็นอาชีพ ก็ทำได้ไม่กี่ปี! อาชีพนี้ทรุดโทรมรวดเร็ว.. 30ขึ้นก็เป็นขาลงแล้ว..แต่ชีวิตหลัง เลิกอาชีพต่างหากที่ยังต้องตระเตรียม เพราะยาวนานกว่ามาก..หากนับอายุขัย. สถานบริการที่ใช้ความบันเทิงอื่นๆบังหน้าในบ้านเรา จึงrecruitเด็กหญิงที่เพิ่งรุ่น เพิ่งสาว.. ที่อ้างเหตุข้อเดียวไม่ว่า 50ปีก่อนหรือวันนี้ ยากจน...หาเงินส่งทางบ้าน..ส่งครอบครัว ให้คนยอมรับความชอบธรรมของการมา ประกอบอาชีพ แทนที่จะใช้เวลาไปศึกษา เล่าเรียน สร้างตัวเองสำหรับอนาคต.. นักเที่ยวชายไทยก็จะได้ไม่รู้สึกผิด..เพราะ เหมือนแลกเปลี่ยน ให้น้องๆเด็กๆมีทุนเรียน มีเงินส่งพ่อแม่...ช่วยๆกัน พึ่งพากัน คำว่าน้องๆ เด็กๆ อิหนู ฟังดูแล้ว เอ็นดูมากกว่าตำหนิ! สถานผู้ประกอบการ...เจ้าของ...นักลงทุน มีภรรยา-ลูกสาว ประกอบอาชีพด้วยหรือไม่ อยากพนัน ฟันธงว่าไม่คะพี่เจ้าจอม!! เค้าๆเหล่านั้นเกิดจะคิดได้ คิดดี มีจิตเมตตา เมียผม ลูกผมต้องดูดี มีสตังส์ใช้..ไม่ต้องเหนื่อย ให้เด็กๆลูกเค้า เมียคนอื่น สมัครใจทำงานดีกว่า ไม่ได้เบียดเบียนใคร ...จริงด้วยค่ะมโนธรรมสำนึก เบี่ยงเบนจริงๆแล้วคะ. หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 11 สิงหาคม 2553, 21:59:13 ขอขอบคุณเวบ ThaiRecent วันพุธที่ 11/08/2553 เอื้อเฟื้อข่าว http://thairecent.com/First/2010/697175/ พิพิธภัณฑ์ทางเพศแห่งแรกของเอเชียอ้างให้เด็กได้เรียนรู้ (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ztt1-f44ef0.jpg) ไทยเปิด "พิพิธภัณฑ์เซ็กซ์" หรือพิพิธภัณฑ์สุขภาวะทางเพศแห่งแรกในเอเชีย ใช้องค์การพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ แบ่งโซนให้เด็กไปดูโชว์อวัยวะ-อุปกรณ์ให้ คนไทยมีความรู้เรื่องเพศศึกษามากขึ้น ชี้เพศสัมพันธ์ เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l6ztzb-943893.jpg) "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รมว.สาธารณสุข แฉแต่ละวันมีแม่ที่เป็นเด็กหญิงท้องถึงวันละ 262 คน เผยปัญหายอดฮิตที่ผู้ปกครองไม่กล้าตอบคือเรื่องเพศสัมพันธ์ พรหมจรรย์ และรสนิยมทางเพศ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รังสิต คลอง 5 จ.ปทุมธานี มีพิธีเปิด พิพิธภัณฑ์สุขภาวะทางเพศ Healthy Sexuality: Story of Love ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สุขภาวะทางเพศแห่งแรกในเอเชีย เพื่อสร้างความตระหนักเรื่อง สุขภาวะทางเพศแก่เยาวชนโดยการเรียนรู้ตามอัธยาศัย โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การยูเนสโก มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน บรรยากาศในการเปิดพิพิธภัณฑ์ ได้มีการแจกถุงยางอนามัยและกระจกสำรวจจิ๋มให้กับผู้มาร่วมงาน ขณะที่ภายในพิพิธภัณฑ์ได้มีการนำอุปกรณ์เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์มาจัดแสดง อาทิ อวัยวะเพศเทียม องคชาต ช่องคลอด ตุ๊กตายางวัดพลังกอดเพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ การสาธิตการสวมถุงยางอนามัย นายจุรินทร์กล่าวว่า จากผลการสำรวจเด็กอายุ 9-11 ปี รวม 2,600 คน พบว่า เด็กปรึกษาเรื่องเพศกับเพื่อนร้อยละ 51 ปรึกษาพ่อแม่ร้อยละ 14 และปรึกษากับแฟนร้อยละ 10 เลยน่าเป็นห่วงว่า หากปรึกษากับเพื่อนหรือแฟนก็อาจได้คำตอบที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนร้อยละ 65 ไม่ทราบวิธีคุมกำเนิด ร้อยละ 64 ไม่รู้การป้องกัน ดังนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร หรือแม่ที่เป็นเด็กหญิง เฉลี่ยถึงวันละ 262 คน ขณะที่ข้อมูลของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ก.มหาดไทย พบว่า จำนวนแม่วัยใสที่ไปแจ้งเกิดบุตรตนเองมีจำนวนสูงสุดในปี 2550 คือ 108,496 คน และ ในปี 2551 ลดลงเหลือ 95,747 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนสูงมาก เพราะการให้ความรู้เรื่องเพศยังเป็นสิ่ง ที่ปิดในสังคมไทยรวมถึงผู้ปกครองยังขาดความรู้ในการอธิบายเพื่อให้ความเข้าใจเด็กและเยาวชน ตามสมควรแก่วัย การเปิดพิพิธภัณฑ์สุขภาวะทางเพศ เป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก พ่อแม่ และผู้ที่สนใจ จึงถือเป็นการเปิดกว้างเรื่องเพศอย่างแท้จริง ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผอ.สำนักสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ปัญหาเพศสัมพันธ์ ถือเป็นปัจจัย เสี่ยงอันดับ 1 ของเยาวชนไทยผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครอง จำนวน 100 คน ระหว่างเดือน ก.ค.2553 เกี่ยวกับการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศแก่บุตรหลาน พบว่า ผู้ปกครองไม่กล้าตอบคำถามเรื่องเพศ เนื่องจากไม่รู้วิธีอธิบาย และมองว่าเด็กไม่ควรรับรู้ โดยคำถามที่ผู้ปกครองมีความอึดอัดและไม่กล้าตอบมากที่สุด คือ คำถามเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์และพรหมจรรย์ รสนิยมทางเพศ สรีระและการเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย เป็นต้น ขณะที่คำถามยอดฮิตที่เยาวชนสอบถามผู้ปกครองมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ 1.ความแตกต่างทางสรีระของร่างกาย 2. หนูเกิดมาได้อย่างไร 3. การทำความสะอาดของเด็กผู้ชาย นายกวาง โจ คิม ผอ.องค์การยูเนสโก ประจำประเทศ ไทย กล่าวว่า จากสถิติของสหประชาชาติ ปี 2551 พบว่า 40% ของเยาวชนช่วงอายุ 15-24 ปี ยังขาดความรู้เรื่องของเอชไอวี ซึ่งนำไป สู่การเพิ่มปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและความรุนแรงต่อผู้หญิงในสังคม หวังว่าพิพิธภัณฑ์ สุขภาวะทางเพศจะช่วยหยุดความเงียบของความไม่รู้ทางสุขภาวะทางเพศ และปลุกความกล้า ที่จะเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้แก่เยาวชน โดยพิพิธภัณฑ์สุขภาวะในประเทศไทยถือเป็น พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ทางเพศแห่งแรกของเอเชีย นายพิชัย สนแจ้ง ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า ในพิพิธภัณฑ์ฯ ประกอบด้วย 6 โซนแห่งการเรียนรู้ อาทิ โซนความรักและความปรารถนา โซนความสัมพันธ์ โซนความรู้ในเรื่องเพศสัมพันธ์ การให้กำเนิด และการคุมกำเนิด เป็นต้น การเปิดพิพิธภัณฑ์ สุขภาวะทางเพศในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ฯ ถือว่าไม่ขัดแย้ง เพราะเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่ง ของวิทยาศาสตร์และเยาวชนที่มาก็จะได้เรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย นอกจากนี้ จะมีการนำพิพิธภัณฑ์สุขภาวะทางเพศ เคลื่อนที่ไปยังโรงเรียนต่างๆ ในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งสถาบันการศึกษา เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้เรื่องเพศศึกษาด้วย นสพ.ไทยรัฐ emo26:D emo26:D emo26:D หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 18 สิงหาคม 2553, 13:37:10 เมื่อวานดูรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางช่อง3
มีการเสนอ เรื่องพิพิธภัณฑ์สุขภาวะทางเพศ สะดุด คำพิธีกรว่า "การมีเพศสัมพันธ์ุ์เป็นเรื่องธรรมชาติ" (คำสอนในพิพัทธภัณฑ์) คือให้เด็กเข้าใจว่า การมีเพศสัมพันธุ์เป็นเรื่องธรรมดา ผมว่าเป็นคำสอนที่ไม่ถูกสำหรับเด็ก แต่ต้องสอนว่า "การสืบพันธุ์เป็นเรื่องธรรมชาติ" คำพูดเพียงคำสองคำ อย่ามองเป็นเรื่องเล็กนะครับ...ผู้ใหญ่ทั้งหลาย หัวข้อ: แปลก! มาเลเซีย เปิด โรงเรียนเพื่อวัยรุ่นตั้งท้อง เริ่มหัวข้อโดย: Samrotri2517 ที่ 18 กันยายน 2553, 18:52:51 ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอมวันเสาร์ 18 ก.ย. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา http://news.sanook.com/967364-%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87.html (http://news.sanook.com/967364-%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87.html) มาเลเซียเปิดโรงเรียนสำหรับวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ระหว่างเรียน เพื่อลดความกดดันจากสังคม และควบคุมการทอดทิ้งเด็กทารก (http://www.cmadong.com/imageupload/2010_Cmadong-Image/data/image/l8xya3-7b31c3.jpg) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประเทศมาเลเซีย เปิดโรงเรียนสำหรับวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ระหว่างเรียน เพื่อควบคุมการทิ้งลูกจากพ่อแม่ที่ยังไม่พร้อม โดยโรงเรียนดังกล่าวตั้งอยู่ในรัฐมะละกา ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ระหว่างเรียนทอดทิ้งเด็กทารก ซึ่งพบกว่า 70 รายแล้ว นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยโรงเรียนดังกล่าวนอกเหนือจากให้การศึกษาตามปกติแล้ว ยังปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของวัยรุ่นหญิงที่ตั้งท้องด้วย วัยรุ่นในมาเลเซีย โดยเฉพาะชาวมุสลิม จะได้รับความคาดหวังว่าต้องรักษาความบริสุทธิ์จนกว่าจะแต่งงาน โดย สตรีมุสลิมวัย 28 ปีรายหนึ่งกล่าวว่า แม้เธอกำลังจะแต่งงานในเร็วๆนี้ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานก็ถือเป็นการขัดต่อธรรมเนียมมุสลิม ซึ่งหากเด็กที่เกิดมารู้ว่าตัวเองเกิดจากการท้องนอกสมรส เขาอาจจะต้องแบกรับความอับอายนี้ไปตลอดชีวิต ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสตรี ครอบครัว และชุมชน ได้ปฏิเสธความเห็นด้วยต่อการตั้งโรงเรียนดังกล่าวที่พยายามแยกออกจากระบบการศึกษากระแสหลัก ซึ่งที่จะยิ่งเพิ่มความอับอายแก่วัยรุ่นตั้งครรภ์ โดยกล่าวอีกว่าสาเหตุแท้จริงของปัญหาเกิดจากการขาดความรู้ด้านเพศศึกษาที่ถูกต้อง นอกจากนี้ด้านกลุ่มด้านศาสนา ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า การตั้งโรงเรียนดังกล่าว จะเป็นการกระตุ้นให้วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ระหว่างเรียนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น emo28:win: emo28:win: emo28:win: หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: khesorn mueller ที่ 18 กันยายน 2553, 23:35:43 ตั้งเลยคะ!
แม้ผู้ใหญ่เองก็ไช่จะปิดความอยากรู้อยากเห็น ที่ถูกเก็บไว้กดไว้ให้เป็นเรื่องtabuซุบๆซิบๆกิ๊กๆกั๊กๆ นานนมจนลูกโตแล้วก็ยังพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำ แก่ตัวเลยวัยก็ขัดเขิน อวยอายที่จะยกขึ้นมาพูด.. เรื่องเพศ กับเรื่องหน้าที่รับผิดชอบ ต้องคู่กัน แยกกันไม่ได้คะตามความคิดหนิง. เรื่องแต่งงาน สมรสเป็นเรื่องของการ เคารพขนบธรรมเนียม ประเพณีที่ผูกรวม เข้ากับเรื่องเพศ-หน้าที่รับผิดชอบ เป็นเส้นขั้นเริ่มต้นของการเข้าสู่ความเป็น พ่อแม่ที่ถูกต้อง ได้รับความเห็นชอบจาก ครอบครัว... ชีวิตของคนทุกคนอาจเริ่มต้นจุดนี้แตกต่างกัน แต่ไม่แตกต่างในความตั้งใจค่ะหนิงว่า, ตั้งใจที่จะร่วมหัวลงท้ายกับคนที่ตัวเอง มีความรู้สึกดีๆ ไคร่อยากที่จะอยู่ด้วย อยากแบ่งปัน รักไคร่ ดูแล... ลึกๆของทุกคนก็คงอยากถึงจุดหมายตรงนี้ แต่หนทางอาจสะดุด ข้ามขั้น ตกกระได ไม่มีทางเลือก ทางออกอื่นๆ หนิงยังคงเชื่อมั่นว่า...หากความตั้งใจของเด็กๆ ...ไม่ลดหายสลายตัว เพียงเพราะอีกฝ่าย เปลี่ยนใจ ล้มเลิก ความตั้งใจ อยากให้เด็กๆเหล่านั้นเข้มแข็ง ชีวิตยังมีพรุ่งนี้ และมีทางออก ไม่แปลกอะไรหากประวัติชีวิต จะต้องบันทึกเรื่องราวในวัยเยาว์ สำคัญว่าเมื่อเค้ายังเยาว์ มีความช่วยเหลือ สนับสนุนจากบุคคลใกล้ชิด บุพการีมากน้อย แค่ไหน...เด็กที่เกิดขึ้นมาภายใต้ครอบครัว ที่เข้มแข็ง ไม่มีพ่อ แต่มีตา-ยาย ป้า-น้า-อาว์ ครบถ้วน เผลอๆจะอบอุ่นกว่ามีพ่อแม่ที่ ไม่มั่นคงทางจิตด้วยซ้ำ... หนิงเห็นใจเด็กหญิงที่ตั้งครรภ์เดียวดาย โดยผู้ชายไม่มารับผิดชอบ...แต่ต่างมุมมอง ว่าเด็กหญิงคนนี้จะเป็นแม่ในอนาคต ของลูกชายหรือหญิงในอนาคต..ที่จะเป็น พ่อ/แม่ ต่อไป ว่าเค้าๆมีความนึกคิดในทางบวกลบ อย่างไร.. ไม่มีการประนาม,ไม่มีการตีตราคะ เพราะจะไม่แฟร์...ชีวิตใครชีวิตมัน ทำชีวิตตัวเองให้ดีที่สุด..ใครก็มาว่าไม่ได้ หัวข้อ: Re: (ต้อนรับพรบ.เด็กท้อง)คิดอย่างไร หากจะสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 6 ปี เริ่มหัวข้อโดย: chaojom ที่ 14 ตุลาคม 2553, 12:39:42 คุณขวัญวงศ์ พิกุลทอง รอง ผอ.สำนังานเลขานุการคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
เสนอให้สอนเรื่ิองเพศตั้งแต่ อายุ2-5 ขวบ http://www.thairath.co.th/content/edu/118304 |