Cmadong Chula

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (8 ม.ค.) ว่า ภายหลังคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับถึงประเทศไทยที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว คุณหญิงพจมาน ในฐานะจำเลยที่ 2 ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามหมายจับ ทีมทนายความของคุณหญิงพจมานได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวเป็นการชั่วคราว องค์คณะผู้พิพากษาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ ตีราคาหลักประกันมูลค่า 5,000,000 บาท โดยทำสัญญาประกัน ยึดสมุดเงินฝาก แจ้งอายัด เพิกถอนหมายจับ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้อนุญาตจากศาล พร้อมจะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้รับทราบโดยเร็ว และห้ามกระทำการใดอันเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การดำเนินคดี มิฉะนั้นจะถอนประกัน

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในวันที่ 23 ม.ค. เวลา 10.00 น

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (8 ม.ค.) ว่า หลังจาก คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาในคดีปกปิดโครงสร้าง ของผู้ถือหุ้นในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) และผู้ถือหุ้นใหญ่มิได้รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้น โดยให้นิติบุคคลต่างประเทศเป็นผู้ถือหุ้นอำพรางของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ล่าสุด ดีเอสไอได้อนุญาตการประกันตัวคุณหญิงพจมาน  โดยใช้หลักทรัพย์ 1 ล้านบาท ยื่นของประกันตัว และมีเงื่อนไขหากคุณหญิงพจมานจะเดินทางออกนอกประเทศต้องแจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้พิจารณาก่อน ขณะที่คุณหญิงพจมานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

 

ด้านนายพิชิต ชื่นบาน หัวหน้าทีมทนายความของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กล่าวว่า มั่นใจในหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะสามารถต่อสู้คดีนี้ได้  ขณะที่นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดแถลงข่าว โดยระบุว่า คุณหญิงพจมานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอยื่นคำให้การเป็นหนังสือกล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ และภายใน 30 วันหลังจากนี้ จะมีการยื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้ก่อนจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า คุณหญิงพจมาน ได้ออกจากอาคารดีเอสไอแล้ว โดยหัวหน้าทีมทนายความ กล่าวว่า คุณหญิงพจมานจะเดินทางไปที่ศาลาสหทัยสมาคม ที่พระบรมมหาราชวัง ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก

ขอบคุณค่ะสำหรับข่าวด่วน

...แต่ว่าตัวหนังสือมันเล็กไปน่ะ  อ่านไม่ชัด

ดีแล้วครับ ให้ทุกอย่างมาตัดสินที่ศาลดีกว่าไปหาคำตอบที่สนามหลวง ซึ่งมีแต่ความแตกแยก
บ้านเมืองเราแย่เพราะมาทะเลาะกันทำไม ดูซิ

สิงคโปร์ เตรียมใช้บริการTemianl ที่3 สนามบินชางงี
เวียดนาม คุยว่าขายข้าวได้ราคาสูงกว่าใคร

ป้อม ผู้รักสงบ

เปลี่ยนอารมณ์กันทันไหม

:evil:  :evil:  :evil:

อาจารย์หมี ตัดแว่นใหม่ได้แล้วจ้า...

(http://img225.imageshack.us/img225/3640/50935865gt5.jpg)

!!!!ฝากบอก NUI ด้วยนะคะ ว่ารูปในกระทู้ที่เฝ้าน่ะ  
เป็นรูปที่ใครเห็นใครก็ชอบ ...

(http://img225.imageshack.us/img225/5121/71170583gs5.jpg)

ได้เลย หวัดดีครับคุณยายหมี ขอให้มีสุขภาพแข็งแฮง

หลานป้อม

ป้อม
กลับบ้านบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากด้วย

ช่วยไม่ได้หรอกว่ะ กรู ลองกับวิกซอลแล้วยังไม่หายเลย อาการปากสุนัขเนี่ย

ป้อม

แต่ผมใช้มือเขียนน๊ะ ไม่ใช่ปาก

PLEASE!  
(http://img152.imageshack.us/img152/674/img1511wb5.jpg)

ไม่เป็นไร
เลวร้ายไม่แพ้ผม อิอิ

Pepsi Max ซ่าส์แต่ไร้รสชาด

ป้อม

อ่านชื่อบรรทัดแรก...ไปกระทู้อื่นดีกว่า... :lol:  :lol:  :lol:

Nong Pookie,
please don't go...we are a good thaimoong...patience and don't move!
but ready to run in case any fight!!could it be that those Pepsican fly around??
p.thaimoong nr1.

And try to run quick enough , flying stuff can splash like ...

น้องหนีเพราะชื่อพี่ หรือ อย่างอื่น โอ๊ะ เสียใจและเสียใจ

ป้อม

สาเหตุที่ มาเลเซีย เจริญพัฒนากว่าไทย ในช่วงเวลาอันสั้น

คัดจากหนังสือ "คิดเป็น รวยก่อน" หน้า 271-274 โดย กรพจน์ อัศวินวิจิตร (อดีตรมช.กระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลชวน ๒, อดีตผู้แทนการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลทักษิณ, กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร....ในปัจจุบัน)


........."เมื่อ 15 ปี ก่อน ผมไปเจรจาการค้าที่ประเทศมาเลเซีย ผมประเมินด้วยสายตา มาเลเซียล้าหลังกว่าเรา 20 ปี เป็นอย่างน้อย ปัจจุบันนี้ ผมไปมาเลเซียอีกครั้ง ผมตกใจ เขาทำท่าจะแซงหน้าเราซะแล้ว มหาเธร์ใช้เวลา 15 ปี ทำให้มาเลเซียที่ล้าหลังกว่าเราประมาณ 20 ปีกลับมาตีคู่กับเราได้ ต้องยอมรับว่าเก่งมาก

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้มาเลเซียพัฒนาได้เร็วมากก็คือ การเมืองของมาเลเซีย...นิ่ง... รัฐบาลมีเสถียรภาพมาก มีคะแนนเสียงในสภาสูง มีฝ่ายค้านน้อย ทำให้มีเวลาทำงานเต็มที่ สามารถแก้กฏหมายสำคัญๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถวางแผนระยะยาวได้ ที่สำคัญคือ มีโอกาสทำงานต่อเนื่องถึง 20 ปี ทำให้ทุกโครงการถูกสานต่อจนเสร็จและเกิดโครงการใหม่ที่ต่อเนื่องสอดรับกับโครงการเก่า เสร็จไปแล้วหลายรุ่น

ผมได้พูดคุยกับนักธุรกิจชาวมาเลย์ ก็พูดจาชมเชยเขาว่า คนมาเลย์เป็นคนฉลาด คิดเก่ง ถึงสามารถพัฒนาประเทศให้เจริญได้อย่างรวดเร็ว เขาบอกว่า ไม่จริง คนไทยฉลาด และคิดเก่งกว่าคนมาเลย์เยอะ ผมก็งง ไม่เข้าใจ คนไทยฉลาดกว่า คิดเก่งกว่าคนมาเลย์ แล้วทำไมประเทศไทยถึงทำท่าจะเจริญช้ากว่ามาเลย์ล่ะ เขาหัวเราะแล้วอธิบายว่า เขายอมรับว่า คนไทยเป็นคนฉลาด มีความคิดดี ประเทศไทยมีคนคิดโครงการดีๆ เยอะแยะมากมาย แต่ค่อนข้างโชคร้ายที่มีฝ่ายค้านและสื่อมวลชนที่เก่งเกินไป และขยันเกินไป ผมยังไม่เข้าใจ เขาอธิบายว่า เวลามีโครงการดีๆ เป็นประโยชน์ต่อประเทศมหาศาลถูกเสนอเข้ามา ฝ่ายค้าน นักวิชาการ NGO ประชาชนนักประท้วง สื่อมวลชน จะร่วมกันคัดค้าน ถกเถียงกันไปมา ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีใครยอมใคร เก่งหมดทุกคน กว่าจะหาข้อสรุปได้ก็ใช้เวลา 20 ปี

คนมาเลย์เนี่ยเป็นคนโง่ คิดอะไรไม่ค่อยเป็น แต่เรารู้ตัวว่าเราโง่ เราจึงร่วมมือกันทำงาน ร่วมมือกันวางแผน มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่ประชุมสรุปยังไงเราทำยังงั้น ที่ประชุมสรุปว่า เมื่อเราโง่ เราไม่ต้องคิด เสียเวลา ให้ใช้วิธีคอยชะเง้อมองประเทศไทย ดูว่าไทยกำลังคิดอะไร ใครเสนอความคิดอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เป็นโครงการที่ดี มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ คนมาเลย์จะเอาโครงการนั้นมาทำทันที มาเลย์ทำจนเสร็จ ใช้งานได้แล้ว ประเทศไทยยังทะเลาะกัน ยังถกเถียงกันไม่เสร็จเลย นี่คือเหตุผลว่า ทำไมมาเลเซียถึงเจริญเร็วกว่า พูดเสร็จ ก็หัวเราะลั่นห้องน้ำหูน้ำตาไหล

ผมหัวเราะไม่ออก แต่หน้าชา เพราะพอหลับตาก็เห็นภาพสนามบินหนองงูเห่า เพื่อนเห็นผมทำหน้าไม่ดีก็หยุดหัวเราะ แล้วหันมาขอโทษ บอกว่า ยูอย่าซีเรียส นี่เป็นโจ๊ก ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องเล่าคลายเครียดในหมู่นักธุรกิจชาวมาเลย์ "................

อ่านแล้วเครียดไหม หน้าชาไหม

นี่ถ้าหนิงไม่ขอไว้...จะใช้ความเร็วกว่าแสงหายไปเลยนะเนี่ย

n.thaimoong no.2  :lol:

โอ๋ๆๆๆ อย่าร้องๆๆ นะคะ  :cry:  :cry:  :cry: เด๋วพี่ป้อมจะพาปุ๊กไปกินไอติมใช่มั้ยคะ ฮ่าๆๆ

ชิงดีชิงเด่น หักไม่ยอมงอ เผาบ้านเพื่อไล่ยุง อะไรทำนองนี้รึเปล่า

ใช่ครับ บ้านผมยุงเยอะโคตร ต้องทำที่ดักยุง  ทำโดย

หาปี๊ป ขนมปัง นะ ไส่ผ้าดำไปใบปี๊ป จากนั้นไปวางไว้ที่มืด เช้ามาเอาฝาปิด ตากแดด แล้วเอายุงไปเลี้ยงปลาต่อ

ป้อม

ป้อมแม่งโหดว่ะ เดี๋ยวจะลองทำดู

ขายต่อปี๊ป นมปังอันละ 20 บาท

ป้อม

I offer 10 Baht...it is second hand!!
p.nn

OHHH  dumipng price

ถ้า เจษจากผม ซื้อ 1แถม 2

แล้วมันเท่ากันไหมเนี่ย

ป้อม

Yuan,Yuan...i got it!!
p.nn

เรื่อง  ข้อสังเกตของข้าพเจ้า


สิ่งที่สะกิดใจข้าพเจ้าอย่างหนึ่งในฐานะผู้ติดตามห้องการเมืองเป็นประจำ โดยไม่เปิดเผยตัว
 
ด้วยสมองอันน้อยนิด ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ช่วงก่ิอนปิดห้องการเมือง  มีอะไรผิดปกติมากมาย

ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เป็นความต้องการที่จะให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้
และเป็นจริงดังคาด ตามที่ข้าพเจ้าคิด

ข้าพเจ้าเข้าใจความรู้สึกของ "ผู้ถูกกระทำ"



ด้วยจิตคารวะ

simple perfect!





จับตานะคะ
ยังจะactiveในปัจจุบันคะ
พี่หมายถึงคนrepresent!

กระทู้ร่วมสมัยจริงๆ

งงครับ  คนตกเอฟอี

ผมก็อ่าน ห้องการเมือง
เพียงอยากแต่บอกว่า
ถ้าจิตอ่อน อย่าไปฟังปราศรัย แล้วท่าน จะเปลี่ยนไป(เรียนมาก หรือ น้อยนั้นไม่เกี่ยว)
สังคมไทย จริงๆเป็นสังคมที่ ยืดหยุ่นสูง และโอบอ้อมอารี อยากให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป

Id

Ego

Super-Ego

เย้.. emo43 emo43 emo43

คิก ๆ แจก เหมือนที่รัฐแจกเบี้ยยังชีพ emo43

จะได้ 2 ส่วน 

1. ครึ่งหนึ่งแจกกลุ่มที่รายได้ต่ำกว่า 15,000-

2. อีกครึ่งหนึ่ง ให้คนที่ไม่อยู่ในกลุ่ม แรก หยิบยืม...อิอิ  emo43 emo43

นึกอีกที...
ได้คืบก็จะเอาศอก
ถ้าทั้งเจ็ดหมื่นล้าน
อู้ลัลลัลล้า...

 emo43 emo43 emo43

ตาสีตาสา ชาวบ้านธรรมดา  หมดแน่ ๆ









.

(http://j3.tagstat.com/image04/8/2afa/007i05262HW.gif)

เจ๋ง จริง...ช่างคิดเน๊าะ

		อ้างถึง			ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 06 มีนาคม 2553, 21:41:53
	[color=#07ff]สงสัยจามีแต่ตัวเลขคะ เงินจริงคงต้องแปลงกันอีกนาน[/color]

เมื่อวานเพิ่งได้ตัวเลขจากเช็คช่วยชาติมาอุ่นๆ

วันจันทร์จะเอาไปแปลงเป็นเงินจริง  emo20:)):)

(http://img144.imageshack.us/img144/7164/65312035.jpg)

		อ้างถึง			ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 06 มีนาคม 2553, 21:51:16
	chequeอารายน้อง? แบ่งมั่งฮี่

เช็ค คืนภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด. 91) หน่ะครับ พี่หนิง

พอดีปี 52 มีนโยบายรัฐบาล เพิ่มรายการค่าลดหย่อนภาษี โดยนำค่าซื้ออาคารใหม่มาลดหย่อนได้อีก 3 แสน ...


เลยได้ภาษีคืนเพิ่มมาอีกหน่อย ...

---------------


กำลังคิดเพลินๆ  ถ้าปี 52   สส.ในสภาฯ ใช้สิทธิ์ลดหย่อนเต็มที่ตามนโยบาย 

หมายความว่า สส.แทบไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ เลยนะเนี่ย  เดี๋ยวลองคำนวณดูก่อน นะครับ

http://www.bangkokbiznews.com/home/news/property/property/2009/01/23/news_9642.php

หลายคนที่อาจยังไม่เข้าใจวิธีการคิดฐานภาษี อาจงงๆ ว่า สรุปแล้วมาตรการนี้ ใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน? หาคำตอบได้ที่นี่

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมาอนุมัติมาตรการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านภายในปีนี้ได้รับสิทธิการนำเงินต้นในการซื้อบ้านไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้พึงประเมิน หรือรายได้ก่อนการคิดภาษีได้ 3 แสนบาท และสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านสามารถนำส่วนที่เป็นดอกเบี้ยมาหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงในแต่ปีแรกสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่ช่วยผู้ซื้อบ้านในระยะเวลา 1 ปี และไม่จำกัดราคาที่อยู่อาศัย

มาตรการนี้ ท่านผู้อ่านจะได้ประโยชน์หรือไม่? ลองคิดตามไปคร่าวๆ ได้เลย

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ผู้ที่มีรายได้ 1 - 150,000 บาทต่อปี ได้รับยกเว้นชำระภาษี
ผู้ที่มีรายได้ 150,001 - 500,000 บาทต่อปี ต้องชำระภาษีในอัตรา 10%
ผู้ที่มีรายได้  500,001 - 1,000,000 บาทต่อปี ต้องชำระภาษีในอัตรา 20%
ผู้ที่มีรายได้  1,000,001 - 4,000,000 บาทต่อปี ต้องชำระภาษีในอัตรา 30%
ผู้ที่มีรายได้  4,000,001 บาทขึ้นไปต่อปี ต้องชำระภาษีในอัตรา 37%

ปกติแล้ว ผู้มีรายได้ในระดับที่ต้องเสียภาษีนั้น มีรายการที่สามารถหักลดหย่อนและยกเว้นหลังจากหักค่าใช้จ่ายได้ 11 รายการด้วยกัน ประกอบด้วย ตัวเอง หากมีสามี หรือภรรยา ก็สามารถหักลดหย่อนสามี หรือภรรยาได้ หากมีบุตรสามารถหักลดหย่อนบุตรได้ หากบิดา มารดามีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปสามารถหักลดหย่อนได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เบี้ยประกันชีวิต เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อนการเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าต่างๆ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม

มาตรการที่รัฐบาลออกมานั้น ก็จะเข้าไปเสริมในส่วนของรายการที่สามารถหักลดหย่อนและยกเว้นหลังจากหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้าไปอีก จำนวน 300,000 บาท ไม่ว่าผู้ซื้อบ้านจะซื้อบ้านระดับราคาเท่าไรก็ตาม สามารถนำไปหักค่าลดหย่อนได้เต็มจำนวน 3 แสนบาท

ส่วนรายการดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน สามารถหักลดหย่อนและยกเว้นหลังจากหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (เป็นรายการที่มีอยู่แล้ว)

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์จึงขอนำเสนอเรื่องนี้ตามแบบที่นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เล่าให้ฟังอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าผู้ซื้อบ้านด้วยเงินสดในปีนี้ และมีฐานรายได้ต่อปีเกิน 150,000 บาท ต้องเสียภาษีนั้น สามารถหักค่าลดหย่อนเงินต้นในการซื้อบ้านได้ 3 แสนบาท  ส่วนกรณีที่ผู้ซื้อบ้านเป็นเงินกู้ และมีฐานรายได้ต่อปีเกิน 150,000 บาท สามารถหักค่าลดหย่อนเงินต้นในการซื้อบ้านได้ 300,000 บาท และยังสามารถนำดอกเบี้ยมาหักลดหย่อนได้อีกสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

วิธีคำนวณง่ายๆ คือ สมมุติว่า เราเป็นคนโสด มีเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท เท่ากับมีรายได้ต่อปี 240,000 บาท หักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 40 ของรายได้ คิดเป็น 60,000 บาท คงเหลือ 180,000 บาท  หักลดหย่อนตัวเองได้ 30,000 บาท เหลือ 150,000 บาท ตามกฎหมายรายได้ 150,000 บาทแรกได้รับการยกเว้น ไม่ต้องนำมาคิดภาษี

สะท้อนให้เห็นว่า ถ้าคุณเป็นคนที่มีเงินเดือน 20,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยราคาประมาณ 1-1.5 ล้านบาท  และตัดสินใจซื้อบ้านในปีนี้ ก็ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการที่รัฐให้ค่าลดหย่อนเงินต้นซื้อบ้าน 300,000 บาท เพราะจากรายได้ของคุณเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่ดี  และคนที่มีกำลังซื้อบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาทก็ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้เลย

รายได้น้อย ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ซื้อบ้านราคาถูก รัฐก็ไม่ได้ช่วยลดภาระด้านการซื้อบ้านให้ ขณะที่ผู้มีรายได้สูง ซื้อบ้านราคาแพง เหมือนมีรัฐมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านให้ ยิ่งมีรายได้มาก ยิ่งได้รับสิทธิประโยชน์มาก

สำหรับคนที่มีเงินเดือนมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง 30,000 บาท และตัดสินใจซื้อบ้านในปีนี้ ยังพอได้รับสิทธิประโยชน์บ้าง

แต่คนที่ได้รับสิทธิประโยชน์นี้แบบเต็มๆ น่าจะเป็นคนที่มีเงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถในการซื้อบ้านระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป

ตัวอย่าง คนโสดมีเงินเดือนขึ้นมาอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน เท่ากับมีรายได้ 360,000 บาทต่อปี หักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 40 ของรายได้ คิดเป็น 60,000 บาท คงเหลือ 300,000 บาท หักลดหย่อนตัวเองได้ 30,000 บาท เหลือ 270,000 บาท กรณีที่ไม่มีรายการลดหย่อนอื่นๆ ปกติแล้วจะต้องเสียภาษี 12,000 บาท แต่ถ้าซื้อบ้านในปีนี้ คนกลุ่มนี้ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไปเต็มๆ ไม่ต้องเสียภาษีที่กล่าวถึง และหากเสียภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไปแล้ว ก็สามารถขอภาษีคืนได้เต็มจำนวนอีกด้วย

ลองมาดูตัวอย่างของคนที่มีเงินเดือนสูงๆ กันบ้าง คนโสดที่มีรายได้ 40,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการซื้อบ้านระดับราคา 4 ล้านบาท มีรายได้ต่อปีที่ 480,000 บาท หักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 40 ของรายได้ คิดเป็น 60,000 บาท คงเหลือ 420,000 บาท หักลดหย่อนตัวเองได้ 30,000 บาท เหลือ 390,000 บาท หากคนกลุ่มนี้ไม่มีรายการลดหย่อนอื่นๆ ปกติแล้วจะต้องเสียภาษีอยู่ที่ 24,000 บาท แต่หากซื้อบ้านในปีนี้ คนกลุ่มนี้ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไป

ส่วนคนที่มีเงินเดือน 50,000 บาทต่อเดือน มีความสามารถในการซื้อบ้านระดับราคา 6 ล้านบาท รวมมีรายได้ 600,000 บาทต่อปี หากคนกลุ่มนี้ไม่มีรายการลดหย่อนอื่นๆ ปกติแล้วจะต้องเสียภาษีอยู่ที่ 37,000 บาท แต่หากซื้อบ้านในปีนี้ และไม่มีรายการลดหย่อนอื่นๆ คนกลุ่มนี้ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไป ทำให้เสียภาษีอยู่ที่เพียง 6,000 บาทเท่านั้น แต่หากมีรายการลดหย่อนอื่นๆ อีก ก็มีโอกาสที่จะไม่ต้องเสียภาษีเลย

ขณะที่กลุ่มคนที่มีรายได้ต่อเดือนระดับแสนขึ้นไป คนกลุ่มนี้มีความสามารถในการซื้อบ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยคนกลุ่มนี้จะมีรายได้ต่อปีเกินกว่า 4 ล้านบาท หากคนกลุ่มนี้ไม่มีรายการลดหย่อนอื่นๆ ปกติแล้วจะต้องเสียภาษีมากกว่า 1 ล้านบาทต่อปี แต่หากซื้อบ้านในปีนี้ และไม่มีรายการลดหย่อนอื่นๆ คนกลุ่มนี้ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไป ทำให้เสียภาษีอยู่ประมาณ 9 แสนบาทกว่าบาท แต่หากมีรายการลดหย่อนอื่นๆ อีก ก็จะยิ่งเสียภาษีน้อยลง

จากการประเมินอย่างคร่าวๆ แล้ว กลุ่มคนที่น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากที่สุดคือผู้มีเงินรายได้ตั้งแต่ 3-5 หมื่นบาท คนกลุ่มนี้จากที่เคยเสียภาษี หากซื้อบ้านในปีนี้และได้ค่าลดหย่อนเพิ่มจากการซื้อบ้านอีก 3 แสนบาท จะไม่ต้องเสียภาษี จึงถือว่าสร้างแรงจูงใจให้กับคนกลุ่มนี้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากคิดจากฐานรายได้ของคนสองคนที่จะซื้อบ้านสร้างครอบครัวจะทำให้ฐานรายได้รวมขยับเพิ่มขึ้นได้อีก โดยประเมินกันว่า รายได้ของครอบครัวเริ่มต้นไม่น่าจะเกิน 1 แสนบาท ต่อเดือน ที่อยู่อาศัยที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว คือ คือบ้านตั้งแต่ราคา 1.5- 5  ล้านบาทโดยประมาณ

มาตรการนี้ คนที่ได้เฮ! คงเป็นฝั่งของผู้ประกอบการที่มีบ้านพร้อมอยู่ราคาประมาณ 3-5 ล้านบาทในสต๊อกตัวเองจำนวนมาก ได้โอกาสเคลียร์ก็คราวนี้

งานนี้ แม้ว่าประโยชน์จะเป็นของประชาชนส่วนหนึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ประกอบการก็รับไปเต็มๆ เช่นเดียวกัน

เรื่องโดย สุกัญญา สินถิรศักดิ์ (sukanya_sin@nationgroup.com)

ชงขึ้นเงินเดือน สส.-สว. สาทิตย์ดันเข้า ครม. (ไทยรัฐ)

          "สาทิตย์" เตรียมชง ที่ประชุม ครม. วันที่ 17 พฤศจิกายน พิจารณาปรับขึ้นเงินเดือน ส.ส. และ ส.ว. แบกภาระงบประมาณ พร้อม ประเคนค่ารักษาพยาบาล ให้เหมือนกับข้าราชการ  ...

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 พฤศจิกายน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธาน และรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. ... ที่ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 กันยายน 52 ให้ประสานกับสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากให้มีการปรับปรุงสาระสำคัญร่วมกัน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้สาระสำคัญที่ได้ข้อสรุปร่วมกันมีดังนี้

          1. กรรมาธิการแต่ละคณะจะแต่งตั้งอนุกรรมาธิการไม่เกิน 2 คณะ และได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง เฉพาะครั้งที่มาประชุมในอัตราครั้งละ 800 บาท จากร่างเดิมที่ไม่มีกำหนดจำนวน อนุ กมธ.

          2. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการวุฒิสภา กรรมาธิการรัฐสภา และ กรรมาธิการร่วมกันของทั้ง 2 สภา ให้เบิกจ่ายตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ

          3. ได้มีข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับสวัสดิการรักษาพยาบาล โดยเสนอขอให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับข้าราชการ ซึ่งประเด็นนี้ยังมีความแตกต่างจากร่าง พ.ร.ฎ.ที่สำนักเลขาธิการสภาฯ เสนอ ประกอบกับจะเป็นภาระต่องบประมาณ ซึ่งยังไม่มีประมาณการที่จะใช้ประกอบการพิจารณา สมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาให้รอบคอบโดยให้พิจารณาเปรียบเทียบกับสวัสดิการในลักษณะนี้ขององค์กรอื่น ๆ ด้วย

          4. เบี้ยประชุมกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรกรรมาธิการวุฒิสภา กรรมาธิการรัฐสภา และกรรมาธิการร่วมกันของทั้ง 2 สภา ขอให้กำหนดครั้งละ 1,200 บาทต่อครั้ง จากร่างเดิมเสนออัตรา ครั้งละ 1,500 บาท

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามร่าง พ.ร.ฎ. เงินประจำตำแหน่งดังกล่าว จะมีการปรับปรุงให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร (ประธานรัฐสภา) ได้รับเงินประจำตำแหน่ง และ เงินเพิ่มเท่ากับนายกรัฐมนตรี คือ เงินประจำตำแหน่ง 71,990 บาท เงินเพิ่ม 50,000 บาท ประธานวุฒิสภา ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 70,870 บาทเงิน เพิ่ม 45,500 บาท เท่ากับรองนายกฯ รองประธานสภา รองประธานวุฒิสภา และผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับเท่ากับ รมว.และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ คือเงินประจำตำแหน่ง 69,750 บาท เงินเพิ่ม 42,500บาท ส่วน ส.ส.และส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 67,790 บาท เงินเพิ่ม 42,330 บาท

-------------

สรุป  สส. มีรายได้ต่อเดือน รวม 110,120 บาท  <<  สมมุติฐานว่าใช้เต็มสิทธิ์ลดหย่อน  แทบไม่ต้องเสียภาษีเงินได้   emo46

		อ้างถึง			ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 06 มีนาคม 2553, 22:21:48
	ข่าวในเยอรมัน hotมากๆเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว. มีวงในขโมยข้อมูลบัญชีรายชื่อ และเลขที่บัญชี ของลูกค้าธนาคารในลิกเท่นสไตน์ ออกมาเสนอขาย แก่รัฐ เพื่อปราบปรามคนรํ่ารวยที่เลี่ยงแอบหลบเงิน ไปไว้ต่างประเทศ.... ติดๆกันตามมา ทีนี้จากธนาคารในสวิต...เสนอขาย แก่แคว้น Baden-Württembergที่พี่อยู่....ที่อื่น แคว้นอื่น จะทำธุรกิจกะโจร แคว้นนี้ไม่สนคะ แต่เนียนสำทับbluffต่อ กระแสว่าให้บุคคลแจ้งเสียภาษีย้อนหลัง...ได้ผลค่ะ เศรษฐีผ้าขี้ริ้วห่อทอง ชาว Ba-Wü ฮือกันไปแจ้งเป็นร้อยราย. smart คะ.

แง๊!!!!

พี่หนุงหนิงช่วยด้วยค่ะ
หนูอ่านของพี่หนุงหนิง ประมาณ 5 รอบแล้วค่ะ
ช่วงประโยคสุดท้าย ตีความไม่แตกค่ะ  emo2:)

หมี ครับ พอรับรู้ มาบ้าง อย่าไปคิดมาก

กลับมาเจ๊าะแจ๊ กันต่อเถิด

เด๊ยว วันนี้ จะโทรไปให้กำลังใจ

โทรหาแล้วครับ
หมีบอกว่า
ไปเที่ยวมาสนุกมาก

ซะงั๊น

เที่ยวไหน?
ในรึนอก?

ตรุกี เหมือนกัน