26 พฤศจิกายน 2567, 05:35:53
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เทคโนโลยี....ดีจริงหรือ?  (อ่าน 3675 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
dnopista
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 329

เว็บไซต์
« เมื่อ: 16 มิถุนายน 2551, 01:22:43 »

   เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันก้าวล้ำไปมากแล้วนะครับสำหรับโลกใบนี้ ทุกวันนี้เราสามารถทำอะไรได้หลายอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ทำได้แม้กระทั่งการสร้างสิ่งมีชีวิตแบบก๊อปปี้หรือที่เราเรียกว่า “โคลนนิ่ง” ขึ้นมาใหม่ อาจเป็นไปได้ว่า วันหนึ่งโลกของเราอาจกลายเป็นโลกแบบหนังเรื่อง “the Island” สำหรับคนที่ไม่เคยดูนะครับ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เปิดตัวด้วยชีวิตของคนกลุ่มนึงที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย ซึ่งเรามารู้ภายหลังว่ามันคือโลกจำลองที่ถูกสร้างขึ้นไว้เพื่อให้เหล่ามนุษย์ที่ถูกโคลนนิ่งขึ้นมาได้อาศัยเพื่อรอวันที่จะถูกนำไปชำแหละเอาชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งไปทดแทนให้กับเจ้าของร่างกายต้นแบบ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือคนเหล่านี้ถูกโคลนขึ้นมาเพื่อฆ่าเอาอวัยวะนั่นแหละครับ มีชีวิตเกิดมาเพื่อรอวันตายเท่านั้น ฟังดูน่าเศร้าเนอะ ว่ามั้ยครับ
   แต่อย่ากังวลไปเลยครับ เรื่องที่จะเอามาเล่าวันนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนังเรื่องนี้หรือการโคลนนิ่งใดๆครับ ผมเพียงไปพบเจอข้อสังเกตุที่น่าคิดบางประการเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ของมนุษย์เรา ว่าในท้ายที่สุดแล้วมันจะก่อให้เกิดประโยชน์กับวิวัฒนาการของเราจริงหรือ เรื่องมันมีอยู่ว่า.....
   เย็นวันนี้น้องอ้อ(สุดที่รักของผม)เพิ่งกลับจากฝึกงานอ่ะนะครับ อ่อ ลืมบอกไปว่าน้องอ้อเรียนสัตวแพทยศาสตร์อยู่ที่จุฬาฯครับ แล้ววันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเคสที่เจอสองวันติดกัน นั่นก็คือเคสที่น้องหมาคลอดลูกไม่ได้ครับ เจ้าของเลยต้องเอามาที่โรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอผ่าออก อืมมม ดูจะเป็นเรื่องที่แสนธรรมดาไปแล้วใช่มั้ยครับสำหรับการดูแลสุนัข ที่ปัจจุบันเจ้าของบางคนรักเหมือนกับลูกของตัวเองเลย ดังนั้นการดูแลอะไรหลายๆอย่างจึงคล้ายคนเข้าไปทุกทีแม้กระทั่งการคลอดลูก (ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีการบล็อคหลังแล้วให้เจ้าของเข้าไปดูตอนผ่าด้วยหรือเปล่า.....เหอๆ )
   ด้วยตัวผมเองนั้นมีประสบการณ์ในการเลี้ยงน้องหมามาตั้งแต่เด็กครับ เพราะคุณพ่อและคุณแม่ชอบหมา ผมเองจึงได้มีประสบการณ์ร่วมในเหตุการณ์ที่น้องหมาที่แสนน่ารักจะคลอดลูกบ่อยครั้ง เลี้ยงหมามาหลายสิบตัว เห็นหมาคลอดมาหลายสิบครั้ง คลอดออกมามีตายไปบ้างแต่ก็รอดซะส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่เคยจะไปทำอะไรมัน ไม่เคยสนใจที่จะจับมันไปทำอัลตร้าซาวน์อย่างที่คนทุกวันนี้ทำกัน ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติของมันเท่านั้นเอง  ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด เพียงแต่คิดว่าทางออกตามธรรมชาติน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
    บ่อยครั้งนะครับที่มนุษย์เรามักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการตัดสินว่าอะไรดี อะไรไม่ดีอยู่เสมอๆ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งอื่นที่เราคิดว่ามันแย่สำหรับเรา มันอาจจะดีที่สุดสำหรับบางชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งนั่นมันก็เป็นเพราะว่าเราเกิดมาแตกต่างกันนั่นเอง มีใครเคยรู้บ้างมั้ยครับว่าน้องหมามันชอบมั้ยที่ถูกจับแต่งตัวประหลาด อาจดูน่ารักในสายตามนุษย์แต่ความรู้สึกจริงๆของมันแล้วมันชอบหรือเปล่า ถ้าเทียบกับได้อยู่แบบปล่อยขนโล่งๆ มันจะชอบอันไหนมากกว่ากัน  หรือแม้แต่เรื่องนี้ เรื่องที่เพิ่งเล่าไปเกี่ยวกับการผ่าตัดทำคลอดให้หมา จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความเป็นความตายมากกว่าความสวยงามก็เท่านั้น
   ผมเชื่อในพลังแห่งธรรมชาติมาตลอดนะครับ ที่ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะร้ายแรงซักแค่ไหน มันก็จะมีทางออกของมันเสมอ ซึ่งวงจรชีวิตของสัตว์ต่างๆบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ระบบของธรรมชาติทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น มันจะมีสัตว์ชนิดหนึ่งที่หน้าตาคล้ายหนู(ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันคือตัวอะไร) ที่ในทุกๆปีมันจะผลิตประชากรออกมามากมาย แล้วเมื่อถึงวันหนึ่งในรอบปีมันก็จะโดนน้ำซัดลงไปตายเกลื่อน ลอยเท้งเต้งอยู่ในทะเล จากปริมาณที่เห็นแทบจะเรียกได้ว่ามันคือการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ซะด้วยซ้ำ แต่ที่แปลกก็คือในทุกรอบปีภายหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้ มันก็จะมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์รุ่นใหม่ผลิตประชากรรุ่นใหม่ออกมาเสมอ ชีวิตของมันจะเริ่มต้นใหม่เสมอ นี่มันอาจจะเป็นการรักษาสมดุลย์ทางธรรมชาติที่ช่วยไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นต้องได้รับความเสียหายจากการเจริญพันธุ์ของเจ้าสัตว์พันธุ์นี้หรือเปล่า  หรืออีกกรณีที่เห็นได้ชัด เช่น หมีแพนด้าที่แม้ว่ามันจะมีโอกาสตกลูกได้น้อยมาก มันก็ไม่เคยจะสูญพันธุ์ ยังคงผลิตลูกหลานรุ่นใหม่ออกมาอย่างสม่ำเสมอมาตลอดหลายร้อยปี  ซึ่งทุกๆชีวิตบนโลกใบนี้ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เกิดมาเพื่อทำหน้าที่อะไรบางอย่างที่สัมพันธ์สอดคล้องและให้ประโยชน์กับสิ่งอื่นจนถึงขีดสุดที่มันจะไม่ไปทำลายระบบอื่นได้ จากนั้นก็จะถูกโละทิ้งเพื่อเริ่มรอบชีวิตใหม่ วนเวียนเช่นนี้ไปเป็นวัฎจักรของโลก  ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้โลกเราคงอยู่มายาวนานจนถึงปัจจุบัน
    แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งแต่เกิดมาก็มักจะทำตัวอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของธรรมชาติเสมอ มักจะเข้าไปทำลายระบบนิเวศน์ของสิ่งอื่นเสมอ อีกทั้งยังคอยหาเหตุผลมาสนับสนุนให้ตนดูดีอยู่เสมอนั่นคงไม่ใช่ใคร ก็คือมนุษย์อย่างเราๆท่านๆนี่เองที่พยายามจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นโดยที่ไม่ได้สนใจระบบเดิม ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างมากมาย สัตว์หลายชนิดต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งหมดที่กล่าวมามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เราออกล่าอย่างไร้เหตุผลอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังรวมถึง “ความรัก”ที่ก่อให้เกิดเทคโนโลยีทางการแพทย์บางอย่างที่เหมือนจะดีในส่วนย่อย แต่เอาเข้าจริงในภาพรวมมันกลับเป็นการทำลายระบบการคัดสรรที่ดีเยี่ยมตามธรรมชาติไปเสียแล้ว อย่าเพิ่งสงสัยนะครับว่ามันจะวนเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องช่วยน้องหมาคลอดลูกยังไง อดทนอ่านอีกนิดเถอะครับ ผมอยากเล่าให้ฟังเกี่ยวกับระบบการคัดสรรตามธรรมชาติอย่างคร่าว ซึ่งมันน่าจะช่วยให้เพื่อนๆที่กำลังอ่านอยู่สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า เทคโนโลยีเหล่านั้นมันมีผลเสียอย่างไร
   เริ่มจากที่ได้เล่าไปแล้วว่าธรรมชาติมันจะทำการรักษาสมดุลย์ด้วยตัวมันเอง อะไรที่มันมากจนเกิดผลเสียก็ต้องทำลายทิ้งซะบ้าง อะไรที่มันน้อยจนเกิดผลเสียก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงซะบ้าง งงกันใช่มั้ยครับว่าไอ้อย่างหลังมันคืออะไร ที่จริงมันก็คือระบบคัดสรรของธรรมชาตินั่นเองครับ ที่จะคัดเอาเฉพาะสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้มันสามารถดำรงอยู่ได้และเอื้อประโยชน์ต่อสิ่งอื่นต่อไปนั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่น มีงูชนิดหนึ่งที่มีไม่มีพิษอะไร เกิดมาก็ถูกนกจับกินอยู่ร่ำไป ไม่นานนักก็คงจะถึงการสูญพันธุ์เนื่องจากปริมาณมันลดลงและสายพันธุ์ก็ไม่แข็งแกร่งพอจะอยู่บนโลกใบนี้ได้ ธรรมชาติจึงได้เล่นตลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สีผิวของมัน ซึ่งดันไปคล้ายกับงูมีพิษชนิดหนึ่ง ทำให้นกซึ่งมองจากที่สูงแยกแยะไม่ออก ไม่กล้ากิน มันจึงรอด พอรอดแล้วก็ขยายพันธุ์ได้จนในที่สุดมันก็อยู่ยงมาจนถึงทุกวันนี้ อันที่จริงแล้วจะเรียกสิ่งนี้ว่าความบังเอิญก็คงไม่ผิดนักครับ เพราะกว่าที่จะมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สีผิวจนไปคล้ายกับสีของงูมีพิษได้ มันต้องใช้เวลาหลายร้อยปี แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ผมก็ยังเชื่อว่านี่คือกระบวนการที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่ดีเพราะว่าสิ่งที่เหลืออยู่ในปัจจุบันคือสิ่งที่ถูกคัดสรรมาแล้วว่าอยู่ได้  และกระบวนการนี้ก็ยังไม่เคยที่จะหยุดทำงานเลยซักวันเดียว ไม่เชื่อก็ลองสังเกตุกันดูสิครับ ว่าจู่ๆก็จะมีโรคประหลาดอะไรเกิดขึ้นมาใหม่อีก แล้วก็คร่าชีวิตคนและสัตว์ไปอีก สิ่งที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ใหม่ของชีวิตในโลกหน้า
   ทีนี้มาเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่าครับ อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วตั้งแต่ต้นนะครับว่า น้องอ้อ(สุดที่รักของผม)เพิ่งจะได้ไปช่วยทำคลอดน้องหมาซึ่งไม่สามารถออกลูกเองได้ตามธรรมชาติ ที่ทำไปนั้นก็เพราะความรักกลัวน้องหมาจะตาย กลัวลูกน้องหมาจะตาย ซึ่ง “ความรัก”ถือเป็นเรื่องดีครับ แต่เรามาลองคิดดูกันสักนิดดีมั้ยครับว่า ไอ้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นเนี่ย มันไปทำลายระบบคัดสรรตามธรรมชาติหรือเปล่า จะเป็นไปได้มั้ยว่าไอ้การที่น้องหมามันไม่สามารถคลอดได้เองนั้น มันเป็นความบกพร่องที่สมควรจะได้รับการถูกคัดทิ้ง เพื่อรักษาสายพันธุ์ที่สมบูรณ์และไร้ปัญหาที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เริ่มโหดร้ายลงทุกที จะเป็นไปได้มั้ยว่าสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่นั้นกำลังไปทำให้สายเลือดที่จะออกมาจากน้องหมาตัวนี้ไม่สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างปกติ เพราะทุกครั้งที่จะออกลูกก็ต้องอาศัยการผ่าตัด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดว่ามันไม่ได้อยู่ในมือหมอหรือมนุษย์คนใดที่จะผ่าให้มันได้ และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสายพันธุ์นี้แพร่กระจายออกไปแต่ไม่มีหมอคอยผ่าอีกต่อไป มันจะเป็นยังไงในช่วงวินาทีนั้น .....

   ....ถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคิด นี่มันคงไม่ต่างอะไรกับการสังหารหมู่ ไม่ต่างอะไรกับการเอายาพิษให้มันกินแล้วก็รอเวลาที่มันจะตายด้วยพิษยา....

   เรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้หรือไม่ แน่นอนว่าผมไม่มีทางรู้ เพราะผมเป็นแค่สถาปนิกธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย หวังเพียงอยากเห็นทุกชีวิตที่เคยอยู่ด้วยกันได้มีความสุขตามอัฒภาพและอยู่ภายใต้ระบบคัดสรรและการรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติก็เท่านั้น  เพื่อที่โลกเราจะได้คงอยู่อย่างใสสะอาดตลอดไปครับ


ปล.ทั้งหมดที่กล่าวมามิได้มีเจตนาที่จะไปกระทบกระแทกผู้ใดนะครับ เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ด้วยหวังว่า จากการกระทำที่เกิดจากความรักนั้น เมื่อแก้ไขเรื่องเร่งด่วนไปแล้ว อย่าลืมไปแก้ไขกันที่ต้นตอของปัญหาด้วยนะครับ เพื่อที่วันข้างหน้าเราจะได้ไม่ต้องกลับมาแก้เรื่องเดิมกันอย่างไม่รู้จักจบสิ้นอีกต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกความพยายามนะครับ น้องอ้อสู้ๆคร้าบบบบบบบ อิอิ
บันทึกการเข้า
dnopista
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 329

เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2551, 01:25:32 »

เอ่อ....(-_-)'
พอดีมันใหญ่มากอ่ะครับ จะลดตัวหนังสือไงดีอ่ะ เพื่อนดีคร้าบบช่วยด้วยยยย
แล้วมาให้ความเห็นกันหน่อยน๊า อิอิ
บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><