24 พฤศจิกายน 2567, 16:13:44
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: โตขึ้น...หนูอยากเป็นอะไร? นำข่าวมาให้พวกเราทราบเพื่อไปแนะนำบุตรหลาน ในวันเด็ก  (อ่าน 5676 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 07 มกราคม 2554, 11:50:35 »


                        โดยเวบเดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 07 มกราคม 2554
                      http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=587&contentID=113975  

                                  
 
         พรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554) เป็น วันเด็ก หนึ่งในหลายคำถามยอดฮิตนอกเหนือจาก “คำขวัญวันเด็กปีนี้ คืออะไร” คือ คำถามที่เป็นหัวข้อบทความวันนี้ครับ นั่นคือ

                                  “โตขึ้น...หนูอยากเป็นอะไร”

ทหาร แพทย์ พยาบาล วิศวกร นักร้อง นักแสดง นางแบบ นายแบบ หรือแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี

   เด็ก ๆ หลายคนย่อมมีความฝัน มีต้นแบบที่เขาเหล่านั้นอยากจะเดินตามรอยเท้าอันยิ่งใหญ่

         ในแวดวงคอมพิวเตอร์เองก็เช่นกัน หลายคนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย กลายเป็นมหาเศรษฐี เป็นผู้สร้างสิ่งที่มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก และเนื่องในโอกาสวันเด็กปีนี้ ผมได้ไปลองค้นหาตัวอย่าง “ต้นแบบ” เพื่อให้ เด็ก ๆ ได้ฝันและเดินตามรอยเท้าของคนเหล่านี้

                                      

         เริ่มตั้งแต่คนที่ดังที่สุดสำหรับปีที่ผ่านมา มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านคน ซึ่งต้นกำเนิดจริง ๆ ของเฟซบุ๊กเริ่มจากชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของซัคเกอร์เบิร์กที่อยากทำหนังสือรุ่นออนไลน์ จากนั้นจึงมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นเฟซบุ๊กในปัจจุบัน

         ลาร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน สองหนุ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกได้ร่วมมือกันทำโครงการห้องสมุดดิจิทัลแห่งสแตนฟอร์ด (Stanford Digital Library Project : SDLP) ที่ต่อมากลายเป็นยักษ์ใหญ่หลายสีที่คนหลายล้านคนทั่วโลกรู้จัก นั่นก็คือ กูเกิล

         ยังไม่นับรวมถึงเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลในเชิงความคิดในโลกคอมพิวเตอร์อย่าง สตีฟ จอบส์ แห่งแอปเปิลผู้สร้างผลิตภัณฑ์พลิกโลกหลายต่อหลายชิ้น

         บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตซอฟต์แวร์ที่คนเกือบทุกคนบนโลกนี้ ได้ใช้งาน

         ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี ผู้ที่นำอินเทอร์เน็ตกับแนวคิดไฮเปอร์เท็กซ์มารวมกันจนกลายเป็นเวิลด์ไวด์เว็บในปัจจุบัน หรือ

         เจมส์ กอสลิง ผู้ให้กำเนิดภาษาจาวา

                             ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

         ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ใหญ่ในวันนี้ที่ต้องขบคิด คือ ทั้งหมดที่ผมเล่า มาข้างบนนี้ ต่างถือกำเนิดจากจุดเล็ก ๆ เหมือน ๆ กัน

         แต่ได้รับการฟูมฟักอุ้มชูจากแหล่งทุน แหล่งบ่มเพาะธุรกิจที่ดี จนทำให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโลกคอมพิวเตอร์ได้ในที่สุด

         หากมองย้อนกลับมาที่เมืองไทย ผมเชื่อว่า นักเรียนคอมพิวเตอร์ของเรานั้น สามารถสร้างเฟซบุ๊ก สร้างกูเกิลได้เหมือนหรืออาจจะดีกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ แต่คำถามอยู่ที่ว่า

         ทำอย่างไรนักเรียนเหล่านั้น จะเป็นคนแรกที่สร้างตำนานความยิ่งใหญ่ในโลกคอมพิวเตอร์ได้

         เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในวันนี้ที่จะสร้างสิ่งแวดล้อม เตรียมทรัพยากร เพื่อฟูมฟัก ประคับประคอง ให้ความฝันที่เกิดขึ้นจากจุดเล็ก ๆ ของเด็ก ๆ ในวันนี้พัฒนา จนกลายเป็นความฝันที่จับต้องได้

                           “แม้ฝันเหล่านั้นจะไม่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ขอให้มัน...กลายเป็นจริง”

                                                                              
                                                                            สุกรี สินธุภิญโญ
                                                                   ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
                                                                         คณะวิศวกรรมศาสตร์
                                                                      จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
                                                                      (sukree.s@chula.ac.th)

)))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))

        ทำอย่างไรนักเรียนเหล่านั้น จะเป็นคนแรกที่สร้างตำนานความยิ่งใหญ่ในโลกคอมพิวเตอร์ได้

                                            

                    ก็ต้องเรียนให้ รัฐบาล พณฯ อภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี นำไปคิดว่าจะทำอย่างไร

                                                   win win win  
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 23 มกราคม 2554, 21:49:19 »






ไอซีที พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าด้วยการเชื่อมโยงคนไว้ด้วยโปรแกรมคอมพ์ต่าง ๆ

ต้องเรียน ท่านปลัดกระทรวงไอซีที และ ท่าน รมต.กระทรวงไอซีที พัฒนา

ทรัพยากร 3-M Man,Money,Management ของประเทศ ให้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชาติ

หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

กระทู้ ไอซีที พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าด้วยการเชื่อมโยงคนไว้ด้วยโปรแกรมคอมพ์ต่าง ๆ

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,7703.0.html

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 24 มกราคม 2554, 09:20:44 »


ไอที-นวัตกรรม : วิทยาศาสตร์
วันที่ 22 มกราคม 2553
"ค่ายเยาวชนสมองแก้ว" เริ่มรับสมัครแล้ว
โดย : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/science/20100122/96664/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7.html

สาธิตรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
กิจกรรมการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อลดภาวะโลกร้อน




รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีม.เกษตรศาสตร์ รับมอบเงินสนับสนุน 8 แสนบาท
จากศิริรัตน์ เอี่ยวผดุง ผู้จัดการโรงงานซีเกท เทพารักษ์

 ค่ายเยาวชนสมองแก้ว เกษตรศาสตร์-ซีเกท รุ่นที่ 23 เริ่มรับสมัครแล้ว เปิดมุมมอง
การเรียนรู้ใหม่สู่เยาวชนไทย เจ้าภาพยังคงเป็นซีเกท-ม.เกษตรฯ

 กิจกรรมหลักในค่ายเยาวชนสมองแก้ว เกษตรศาสตร์-ซีเกท รุ่นที่ 23  คือ
กิจกรรมสร้างรถที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้เพราะแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงาน
ที่ดีเยี่ยมและพลังงานแสงอาทิตย์ยังเป็นพลังงานแห่งอนาคตด้วย

 พลังงานแสงอาทิตย์สามารถนำมาใช้ในการปรับอากาศภายในอาคาร ผลิตกระแสไฟฟ้า
ใช้ในเครื่องมือสื่อสารและแม้กระทั่ง นำมาใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนรถยนต์

 ในกิจกรรมนี้  เยาวชนจะได้รับอุปกรณ์ในการประกอบรถขนาดเล็ก  แต่ละคนจะต้อง
ประกอบรถด้วยตนเอง รถขนาดเล็กจะได้รับพลังงานจากแผงโซล่าเซลซึ่งติดตั้ง
อยู่บนหลังคารถ ต่อจากนั้น เยาวชนจะต้องปรับแต่งรถให้มีประสิทธิภาพสำหรับการแข่งขัน

 ในการแข่งขัน รถเหล่านี้จะเคลื่อนที่บนทางวิ่ง โดยมีหลอดไฟฮาโลเจนซึ่งทำหน้าที่
เหมือนดวงอาทิตย์เป็นแหล่งให้พลังงานติดตั้งอยู่ทั้งสองด้านของเลนที่รถวิ่ง  
รถที่วิ่งได้เร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

 กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะของเยาวชนในการประดิษฐ์หุ่นยนต์อิเล็กทรอนิกส์  
วัตถุประสงค์ที่สำคัญของกิจกรรมนี้คือการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ตระหนักและ
คิดหาแหล่งพลังงานทดแทนพลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น
น้ำมันเชื้อเพลิง กาซธรรมชาติหรือถ่านหิน ซึ่งอาจจะหมดไปจากโลกของเราในไม่ช้า

  ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

 ค่ายเยาวชนสมองแก้ว เกษตรศาสตร์-ซีเกท รุ่นที่ 23 จะมีขึ้นระหว่าง
วันที่ 26 เมษายน ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม  ศกนี้  โดยเปิดรับเยาวชนไทยที่มี
อายุระหว่าง 10 ถึง 13 ปีจำนวน 220 คน เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้และ
สนุกสนานกับกิจกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการใช้ความรู้
เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติ 
ณ ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นครปฐม


กิจกรรมหลักในค่ายเยาวชนสมองแก้ว เกษตรศาสตร์-ซีเกท รุ่นที่ 23 ประกอบด้วย

อิเล็กทรอนิกส์สร้างสรรค์ หุ่นยนต์รับรู้  สงครามพิทักษ์อัครมหาโคตรเพชร 
คอมพิวเตอร์แสนสนุก คิวบิกโปรเจก Candy Wafer Café และช่างคิดวิศวกร 
ศิลปะประดิษฐ์เช่นเดียวกับเกมและนันทนาการ


กิจกรรมอิเล็กทรอนิกส์สร้างสรรค์ ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนสร้างชิ้นงานจาก
วงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยการนำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มาประกอบเป็นโครงงาน
อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับและตรวจจับแปลงสัญญาณอินพุตแบบต่าง ๆ เช่น  
แสง เสียง เข้าสู่การควบคุมอัตโนมัติด้วยระบบไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่สร้าง
กลไกการทำงานแบบอัตโนมัติเสมือนการสร้างระบบอัจฉริยะให้กับเครื่องจักรตัวน้อย

กิจกรรมหุ่นยนต์รับรู้  เยาวชนจะได้รับมอบหมายให้สร้างหุ่นยนต์ขนาดเล็ก
ที่มีกลไกชวนให้เรียนรู้ถึง การทำงาน และเพื่อประลองจินตนาการและความท้าทาย
 
กิจกรรมสงครามพิทักษ์อัครมหาโคตรเพชร  สร้างจินตนาการและเกมที่ท้าทายกับ
คิวบิกโดมิโน่ ให้น้องสร้างปราสาทเพื่อปกป้องโคตรเพชร พร้อมกับเครื่องยิงหินเพื่อ
โจมตีปราสาทหลังอื่นๆ เพื่อช่วงชิงโคตรเพชรมา เป็นการเล่นตัวต่อโดมิโนในรูป
แบบสามมิติที่ต้องใช้ทั้งพลังความคิด จินตนาการ การแก้ปัญหา และความละเอียด    
รอบคอบในการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ท้าทายและตื่นเต้น

กิจกรรมคอมพิวเตอร์แสนสนุก เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ สร้างโครงงานตามจินตนาการ
ภายใต้บรรยากาศ      การสร้างสรรค์แบบเปิดกว้าง เพื่อถ่ายทอดจินตนาการออก
สู่รูปแบบจำลองที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์บนพื้นฐานการเรียนรู้ ด้วยเครื่องมือ
การเรียนรู้แบบใหม่ มีการนำผลงานขึ้นแสดงภายใต้เว็บ 2.0 ที่แบ่งปัน และเรียนรู้
ร่วมกันด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่า scratch ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุกสนาน

กิจกรรมคิวบิกโปรเจก Candy Wafer Cafe เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ภายใต้การ
ทำงานร่วมกัน ในรูปแบบสร้างสรรค์สามมิติ ซึ่งได้แก่ ชีวิตการแก้ปัญหา และ
ความคิดสร้างสรรค์ กับโครงงานที่เป็นโจทย์กำหนดให้สร้างประติมากรรมจาก
ขนมแคนดี้ น้องๆร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
น้อง ๆ จะสนุกแบบสุด ๆ กับกิจกรรมที่ไม่มีวันลืม

กิจกรรมช่างคิดวิศวกร  เป็นกิจกรรมที่เน้นทางด้านการเป็นวิศวกรที่จะต้องสร้าง
โครงงานในปัญหาช่วยพิชิตโลกร้อน น้อง ๆ จะได้ทำกิจกรรมการสร้างโครงงาน
ที่ต้องคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างจำกัด รู้คุณค่า เพื่อสร้างโครงงานวิศวกรรม
ในโจทย์ของการแก้ไขปัญหาเพื่อลดการใช้พลังงาน พลังงานทางเลือกอื่นให้เกิดประโยชน์

กิจกรรมศิลปะประดิษฐ์ เป็นกิจกรรมการสร้างชิ้นงานด้วยโมเสท ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม
จากจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่เสริมการทำงานกลุ่ม ร่วมกันคิด

กิจกรรมเกมและนันทนาการ  กิจกรรมยามค่ำคืนที่เน้นความคิด การแก้ปัญหา
การทำงานเป็นทีม และการใช้ชีวิตร่วมกัน โดยใช้ความสนุกสนานเป็นสำคัญ
มีทั้งกิจกรรมกลางแจ้ง แคมป์ไฟ กิจกรรมกลุ่มในห้อง              
การแสดงที่ออกแบบกิจกรรมให้มีความแปลกใหม่ และตรงใจเยาวชน

ผู้สนใจสมัครเข้าค่ายเยาวชนสมองแก้ว เกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 23
สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่


http://www.ku.ac.th  

และติดต่อหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งดังต่อไปนี้เพื่อส่งใบสมัคร:

1. ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 0-2942-8555 ต่อ 1403 โทรสาร 0-2579-6245

2. สำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน  
โทร. 0-2562-0951-4 โทรสาร 0-2562-0950

3. ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดนครปฐม
โทร. 034-281-650-1 โทรสาร 034-281-650

  win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 29 มกราคม 2554, 12:13:49 »


วางแผนการเรียน เพื่อให้มีงานทำ
โดยเวบ 4.eduzones.com
http://www4.eduzones.com/sutatip/78971



พวกเราในฐานะที่เป็นคนทำการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยตัวเอง คงอยากรู้กันล่ะสิว่า
ในโลกนี้มีอาชีพอะไรบ้าง ที่จัดได้ว่าดีที่สุดในโลก และอาชีพอะไรบ้างที่เข้าข่ายห่วยแตก
ไม่น่าทำเอาซะเลย อ่ะ...ในเมื่ออยากรู้เราก็จัดให้

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศตะแล้บแก๊ปเข้ามาเมื่อเร็วๆ นี้ แจ้งว่าเว็บไซต์จัดหางานออนไลน์

“คะเรียแคสดอทคอม” ของสหรัฐฯ เผยผลสำรวจการประเมินอาชีพต่างๆ 200 อาชีพ
นำมาประกอบกับข้อมูลของกรมแรงงานแห่งชาติสหรัฐ อาชีพใดดีที่สุด และแย่ที่สุดในโลก

พบว่าอาชีพที่ดีที่สุดอันดับ 1 ได้แก่

วิศวกรซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ นั่นเอง อาชีพนี้ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า 8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ
หรือประมาณ 2 ล้านกว่าบาทต่อปี ซึ่งนอกจากจะมีรายได้ดีแล้ว สภาพการทำงานก็แจ๋วซะด้วย
เนื่องจากมีความเครียดน้อย, ไม่ต้องใช้แรงการเยอะ แถมยังมีโอกาสหางานใหม่ได้ง่าย เรียกว่า
ไม่มีวันตกงานว่างั้นเหอะ เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่แล้ว

ส่วนอาชีพอื่นที่ได้รับการยอมรับว่า ดีไม่แพ้กันคือ นักคณิตศาสตร์, นักแปลข้อมูลจากสถิติ เช่น
ผลสำรวจตรวจสอบปริมาณการเกิดอุบัติเหตุ, ความเจ็บป่วย, การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
และหายนภัยทางธรรมชาติ, นักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์, นักชีววิทยา, ทันตแพทย์ ไงล่ะ

  เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย

สำหรับอาชีพที่เข้าข่ายแย่ที่ซู้ด หนีไม่พ้น พนักงานดูแลแท่นขุดเจาะน้ำมัน เพราะ
เป็นอาชีพที่มีความเครียดสูงมาก อีกทั้งยังต้องใช้พลังกายอย่างหนักหน่วง สภาพการทำงาน
อยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา จึงทำให้ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว หรือคนรักมากนัก เนื่องจาก
ต้องอยู่ประจำแท่นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ประกอบกับได้ค่าแรงต่ำ ประมาณ 3 หมื่นดอลลาร์
หรือประมาณเก้าแสนกว่าบาทต่อปี

ส่วนอาชีพอื่นที่จัดว่าแย่พอๆ กัน คือ  ช่างตัดไม้, ช่างมุงหลังคา, และคนขับรถแท็กซี่

โอ้โห... รู้อย่างนี้แล้ว ชักอยากย้อนเวลากลับไปเรียนวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แฮะ

ดังนั้น หากท่านใดกำลังเมียงมองหางานทำอยู่ล่ะก็ ถ้าอยากได้งานดีๆ ก็ดูอาชีพตัวอย่าง
จากข้างบนเอาเถอะ แต่แหม ถ้าใครจู่ๆ นึกอยากจะเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ขึ้นมา
ก็เดินดุ่ยๆ เข้าไปสมัครงานตามใจฉันได้ไงละเนอะ เพราะ

คนสมัครงานนี้จะต้องมีคุณสมบัติทางด้านการศึกษา คือ เรียนมาทางด้านนี้ด้วย
จึงจะสามารถทำงานนี้ได้ แถมเผลอๆ หน่วยงานบางแห่งอาจต้องการผู้ที่มี
ประสบการณ์ผ่านงานมาก่อนด้วย ไม่ใช้เพิ่งแค่เรียนจบมาก็มี

ซึ่งตรงนี้แหละ ที่อยากบอกว่า คนเราถ้าอยากจะมีงานทำ (โดยเฉพาะถ้าอยากได้งานดีๆ ทำ)
ควรวางแผนเตรียมตัวซะแต่เนิ่นๆ เช่น

วางแผนทางด้านการศึกษา เรียนคณะและวิชาที่นอกจากจะเป็นวิชาที่ใจเรารักและชอบแล้ว
ก็ควรดูความต้องการของตลาดแรงงานด้วยว่า อาชีพใดเป็นความต้องการของตลาด
ไม่ใช่แค่สักแต่เรียนหรือเรียนเพื่อให้จบปริญญา แล้วรับรองไม่ตกงานแน่
 
บทความโดย คนสมถะ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

  win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><