23 พฤศจิกายน 2567, 04:43:09
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 664 665 [666] 667 668 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3551525 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 14 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16625 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 19:21:27 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16626 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 19:22:11 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16627 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 19:23:09 »



โดนเอนกประสงค์ โรงเรียนอินทร์บุรี ออกแบบโดย ดร.สุริยา   ทัศนียานนท์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16628 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 19:58:50 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16629 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 19:59:39 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16630 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 20:04:23 »



คนเราทุกข์เพราะความคิด
ความคิด อารมภ์ มีแต่ "ตัวกู  ของกู"
แต่คนยังต้องพึ่งความคิดในการดำรงค์ชีวิต แต่ความคิดนั้น ต้องไม่ประกอบด้วย ความอยาก กิเลส ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หรือมีสติ เป็นสัมมาทิฐิ สัมมาสติ นั่นเอง เพราะจะใช้ปัญญาไตร่ตรอง เพราะเห็นธรรมที่เกิดจากการผัสสะทางอายตนะ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16631 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 20:06:18 »



วันนี้วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ เป็นวันสารทจีน ได้เาขนมเข่ง ขนมเทียน ส้ม ไปทำบุญให้บรรพบุรุษ แทนการไหว้เจ้าครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16632 เมื่อ: 05 กันยายน 2560, 20:07:32 »



วันนี้ ทำบุญ ฟังธรรม อยู่วัด วัดพระนอน ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16633 เมื่อ: 11 กันยายน 2560, 08:58:06 »



ธรรม คือ อะไร?

ธรรม คือ สิ่งที่เป็นธาตุ เป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริง ๆ คู่กับโลก และมนุษย์

พระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อทรงตรัสรู้ในสิ่งที่เป็นความจริง แล้ง ก็ทรงนำสิ่งนั้นมาบอกให้รู้ความจริงนั้น เพื่อมนุษย์ได้รับทราบ ปฏิบัติ จะได้ละความยึดมั่น ถือมั่นที่มีอยู่ในรูป-นาม กิเลส ความอยาก ลงได้ เพราะเห็นความจริงในธรรม นั้นแล้ว

พุทธศาสนา คือ คำสั่งสอนองพระพุทธเจ้าที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่ผู้รู้ได้รวบรวม ทำเป็นหมวดหมู่ ที่เรียกว่าพระไตรปิฎก ผู้ที่ปฏิบัติตามย่อมประสพแด่ความสุข ความเจริญ จนถึงขั้นพ้นทุกข์ได้ จึงเรียกกัยโดยปริยายว่า พุทธศาสนา หรือศาสนาพุทธ ก็ได้

การภาวนา คือการตั้งสติปัฏฐาน ๔ เอาจิตไปผูกกับฐานทั้ง ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม เพราะจิตมนุษย์ จะรับรู้อยู่กับฐานทั้ง ๔ นั้นตลอดเวลา เมื่อจิตมีที่อยู่ ไม่หลงไปในอารมภ์ที่มากระทบหรือผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้ว จิตจะเห็นธรรม คือความจริง ในรูป จิต เจตสิก นิพพาน ได้ จิตก็จะปล่อยวางลงได้

ธรรม นั้น มันจะเกิดขึ้นตลอดเวลาเมื่ออายตนะภายในอันประกอบด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ผัสสะ(กระทบ) กับ ายตนะภายนอก อันประกอบด้วย รูป เสียง กลอ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมมารมภ์ เกิดวิญญาณ(การรู้แจ้ง)ขึ้น การรู้แจ้งที่เกิดขึ้นนี้ ถูกปรุงแต่งด้วยสัญญา การจำได้หมายรู้มาก่อน เกิดการยึดถือเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เป็นของเรา ก็เกิดอารมภ์ปรุงแต่ง คือคิด แล้วก็แสดงออกทางกาย วาจา ใจ เป็นเหตุแห่งการเกิดทุกข์
การรู้แจ้ง อารมภ์ ความคิดที่เกิดขึ้นนี้ละก็คือส่วนหนึ่งของธรรม ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทางอายตนะตลอดเวลา มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นความจริง ของมันอย่างนั้น เพราะความหลงว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เป็นของเรา จึงมองไม่เห็นธรรมนั้น ไปสิ้น
การเห็นธรรมคือการเริ่มต้นเห็นความจริงในรูป-นาม นั่นเอง ถ้าใครเห็นความจริงใรธรรมแล้ว สามารถละกิเลส ลงได้ ละความเป็นตัวตน ลงได้ ก็อยู่อย่างไร้กิเลส ไร้ความอยาก เพราะมีสติ สมบูรณ์นั่นเอง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16634 เมื่อ: 12 กันยายน 2560, 15:31:34 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้ วันอังคารที่ ๑๒ กันยายน
หาเวลาว่างให้ตนเอง เข้าไปกราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ อีกครั้ง ตามความตั้งใจ โดยออกจากบ้าน 03:30 น. ไถึงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อต่อแถวเข้าคิว ตามระเบียบเมื่อเวลา 03:50 น. กว่าจะได้เข้าไปกราบพระบรมศพ ก็ 08:50 น.พอดี ใช้เวลา ๔ ชั่วโมง  ดีกว่าครั้งแรกที่ไปใช้เวลา เกิน ๑๒ ชั่วโมง

วันนี้ อากาศไม่มีแดด แต่ไม่มีลม คนมาก มันจึงหายใจอึดอัด และต้งยืนตลอดเวลา ยกเว้นตอนที่จะเข้าไปในพระราชวัง เขาให้นั่งพักรอเป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง ให้ได้เข้าห้องน้ำ เตรียมตัวกัน เมื่อเข้าไปในเขตพระราชวังแล้วจะใช้เวลอีก ไม่เกิน ๑ ชั่วโมงก็เสร็จ

วันนี้ได้รับอาหาระระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เป็นผัดซีอิ้วเส้นใหญ่ ครับ

ตอนนี้ใกล้วันพระราชทานเพลิงศพ ประชาชนมากราบจำนวนมาก มากกว่า 40000 คน ทุกวัน เมื่อวันเวาร์ที่ผ่านมามีจำนวน หกหมื่นกว่าคน ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16635 เมื่อ: 12 กันยายน 2560, 19:55:59 »

รู้ใจก็ไกลทุกข์

ความทุกข์ใจก็เช่นเดียวกัน ต้องอาศัยทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน นั่นหมายความว่า คำต่อว่าด่าทอ เสียงดัง แดดร้อน  ทำให้ทุกข์ใจไม่ได้ ถ้าใจเราไม่ไปร่วมมือด้วย หากว่ามีคนตะโกนด่า แต่เราไม่สนใจ ไม่นำพา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จะเกิดความโกรธได้ไหม ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าใจเราไม่เอาคำเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ หรือหวนระลึกนึกถึงคำเหล่านั้น

การกระทำก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีคนมากลั่นแกล้ง เอาเปรียบ รบกวน รังควาน แต่ถ้าเราไม่เก็บเอามาคิด ไม่นำพาไม่สนใจ ความทุกข์ใจก็เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เรามีความทุกข์ใจ จะโทษรูปที่เห็น โทษเสียงที่ได้ยิน โทษใครต่อใครที่รู้จักอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องโทษที่ใจเราด้วย เป็นเพราะใจเรามีส่วนร่วม ไปสมยอมเปิดทางอนุญาตให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาสร้างความทุกข์ใจให้กับเรา

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย
https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16636 เมื่อ: 14 กันยายน 2560, 10:09:39 »



อินทผาลัมสด เป็นผลไม้ที่น่ารับประทานอย่างยิ่ง
วันพุธที่ผ่านมา เจ้านายที่ Asia concrete คุณบุญยงค์ได้เอาอินทผาลัมสดมาให้รับประทาน เป็นอินทผาลัมที่ขยายพันธุ์โดยใช้เนื้อเยื่อ เพิ่งออกผลรุ่นแรก ที่ปลูกเอาไว้ที่จังหวัดกาญจนบุรี  รดชาด หวาน กรอบ หอม อร่อยมากจริง ๆ เม็ดเล็กมาก ได้เก็บเม็ดเอาไว้ไปเพาะพันธุ์ เพราะถ้าไปซื้อเนื้อเยื่อเขาขายต้นละ 1000 บาท

ตอนนี้พ่อค้าที่มีอันจะกินได้ซื้อที่ดินแถวไทรโยค ปลูกอินทผาลัมกันมาก เพราะตลาดเอเซียนิยมรับประทานอิยทผาลัมสอมากกว่า แห้งที่หวานมากไป เป็นผลไม้ที่มีอนาคต น่าปลูก ประเทศไทย อากาศ ดิน ที่ราชบุรี กาญจนบุรี เหมาะที่จะปลูกอินทผาลัม มากครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16637 เมื่อ: 14 กันยายน 2560, 17:48:26 »

อย่าให้ความคิดเป็นนายเรา

ถ้ามีสติเราจะทักท้วงความคิดของตัวเองว่า อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้น คนที่มีสติ รู้ทันความคิด เขาจะไม่เชื่อความคิดของตัวเองง่ายๆ เพราะรู้ว่า ความคิดเป็นสิ่งที่วางใจไม่ได้ เวลาเราเจริญสติ จะรู้ดีว่าความคิดมันหลอกเราเก่งแค่ไหน คิดเป็นตุเป็นตะ น่าเชื่อถือ แต่บางทีก็ตีตนไปก่อนไข้ ถ้าเรารู้จักความคิดของเราดีพอ เราจะไม่ด่วนสรุป ไม่รีบตัดสินอะไรง่าย ๆ สติจะช่วยทักท้วงหรือตักเตือนให้ช้าก่อน เพราะประสบการณ์หลายๆ ครั้งสอนเราว่า เมื่อด่วนสรุปแล้วมักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งที่เราคิดว่าแน่นอนแล้ว แต่ความจริงเป็นตรงกันข้าม ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เราไม่ด่วนสรุปหรือเชื่ออะไรง่าย ๆ แม้แต่ความคิดของตัวเอง

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
บรรยายหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย
https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16638 เมื่อ: 15 กันยายน 2560, 05:50:03 »

มรรคผลนิพพาน เป็นสิ่งปัจจัตตัง
คือ รู้เห็นได้จำเพาะตนโดยแท้
ผู้ใดปฏิบัติเข้าถึง ผู้นั้นเห็นเอง แจ่มแจ้งเอง
หมดสงสัยในพระศาสนาได้โดยสิ้นเชิง

มิฉะนั้นแล้วจะต้องเดาเอาอยู่ร่ำไป แม้จะมี
ผู้สามารถอธิบายให้ลึกซึ้งอย่างไร ก็รู้ได้แบบเดา
สิ่งใดยังเดาอยู่สิ่งนั้นก็ยังไม่แน่นอน ..

ยกตัวอย่างเช่น เต่ากับปลา เต่าอยู่ได้สองโลกคือ
โลกบนบกกับโลกในน้ำ ส่วนปลาอยู่ได้โลกเดียว
คือในน้ำ ขืนมาบนบกก็ตายหมด

วันหนึ่ง เต่าลงไปในน้ำแล้ว ก็พรรณนาความสุข
สบายบนบกให้ปลาฟัง ว่ามันมีแต่ความสุขสบาย
แสงสีสวยงาม ไม่ต้องลำบากเหมือนอยู่ในน้ำ

ปลาพากันฟังด้วยความสนใจ และอยากเห็นบก
จึงถามเต่าว่า..

"บนบกนั้นลึกมากไหมเต่า..มันจะลึกอะไร ก็มันบก
เอ บนบกนั้นมีคลื่นมากไหม..มันจะคลื่นอะไร ก็มันบก
เอ บนบกนั้นมีเปือกตมมากไหม..มันจะมีอะไร ก็มันบก"

ให้สังเกตดูคำที่ปลาถาม เอาแต่ความรู้ที่มีอยู่ในน้ำ
ถามเต่า เต่าก็ได้แต่ปฏิเสธ..

“จิตปุถุชนที่เดามรรคผลนิพพาน
ก็ไม่ต่างอะไรกับปลา”

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16639 เมื่อ: 15 กันยายน 2560, 07:09:51 »

สื่อออนไลน ์กับดักแห่งอัตตา

ทำไมผู้คนถึงติด
สื่อออนไลน์กันอย่างงอมแงม
จนแทบไม่อยากละสายตาจากจอสมาร์ทโฟน

เหตุผลหนึ่งก็คือ
สื่อออนไลน์สามารถตอบสนอง
ความมีตัวตน
ความมีอัตตาของกิเลสมนุษย์

คอยปลุกเร้าให้อัตตาเติบโตขึ้น

ถึงแม้นจะเป็นโลกเสมือนจริงก็ตาม

ทั้งๆ ที่เราแทบจะไม่รู้จัก
กับ ผู้คนในโลกออนไลน์

อย่างเช่น ในโลกของความเป็นจริง เลยก็ตาม

ถ้าไม่เชื่อ

ให้ถามใจคุณเองว่า

ที่เราโพสท์กันนั้น

เรามีต้องการอะไรที่แท้จริง

แล้วทำไมเราถึงยังเสพติด

ข่าวสารจากสื่อเหล่านี้กันอยู่

ลองหยุดเสพข่าวเหล่านี้

สัก1 วัน
สัก 3 วัน
หรือ 7 วัน

แล้วเราจะได้พบคำตอบ

เมื่อเราเป็นอิสระ

จากสื่อออนไลน์เหล่านี้จริงๆ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16640 เมื่อ: 16 กันยายน 2560, 07:58:04 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

อย่าลืมกินอาหาร ให้เป็นยา คือ
- ครบ 5 หมู่
- ตรงเวลา
- พออิ่ม
- รสไม่จัด
- กินร้อน ช้อนกลาง
- กินแล้วเดินช้า ๆ อย่างมีสตื
- มื้อเย็นไม่กินก็ได้ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16641 เมื่อ: 17 กันยายน 2560, 07:57:09 »



สวัสดี ทุกท่านครับ
วันนี้ อยู่บ้าน ได้หุงข้าวกิน และได้ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน ครับ
อาหารเช้า ต้องกิน เพราะร่างกายมันต้องการสารอาหาร ไปสร้าง cell เม็ดเลือด...
พี่สิงห์ ก็หากินแบบง่าย ๆ ฝึกการอยู่แบบง่าย ๆ พอเพียง ไม่ยึดติดกับ ตัวกู ของกู กูต้องการ..ลงให้มาก
วิธีการที่จะป้องกัน คือ ให้มีสติ  รู้สึกตัว ให้ไวเท่าความคิดตนเอง มีธรรม ไม่เปรัยบเทียบ ระลึกในคำว่าพอเพียง มันจะทำได้เอง

ทุกวันนี้คนหลงอยู่ในความคิด ทิฐิ และเต็มไปด้วยตัวกูของกู กูจะเอาแบบนี้ จึงเป็นสังคมที่ไม่น่าอยู่เลย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16642 เมื่อ: 17 กันยายน 2560, 19:34:02 »

วิชาชีพ
ใครที่อยากเป็นหมอหรือวิศวกร
 เวลาเรียน
หมอ วิศวะ เราใช้เวลา เรียน เตรียมตัวกัน ว่า20 ปี
 แต่วิชาชีวิต
เพื่อที่จะ ใช้สอบ เวลาต้อง จากโลกนี้ไป

 น้อยคนที่จะสนใจเรียน

 วิชาชีพทำให้เราอยู่สบาย
แต่สำหรับวิชาชีวิตนั้น

 วิชาชีวิต
ทำให้เราตายได้อย่างสงบ
======
กับการ
เตรียมตัวสอบไล่ครั้งสุดท้ายของชีวิต

เราเตรียมตัวกันไว้บ้างหรือยัง

ความตายนั้นเป็นบททดสอบที่สำคัญที่สุดของชีวิต บททดสอบอื่น ๆ นั้นเราสามารถสอบได้หลายครั้ง แม้สอบตกก็ยังสามารถสอบใหม่ได้อีก แต่บททดสอบที่ชื่อว่าความตายนั้น เรามีโอกาสสอบได้ครั้งเดียว และไม่สามารถสอบแก้ตัวได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบททดสอบที่ยากมาก และสามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นบททดสอบที่เราแทบจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าเวลา สถานที่ หรือแม้กระทั่งร่างกายและจิตใจของตนเอง อย่างไรก็ตามทั้ง ๆ ที่ความตายเป็นบททดสอบที่สำคัญอย่างยิ่งของชีวิต แต่น้อยคนนักที่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับบททดสอบดังกล่าว

เสียงธรรมจากพระอ.ไพศาล วิสาโล
พูดหลังทำวัตรเย็นที่วัดป่าสุคะโต
ตามลิงค์นี้เข้าไปฟังหรือดาวน์โหลดได้เลย
https://archive.org/details/PhraPaisalVisalo2560

https://m.youtube.com/watch?feature=share&v=Uimu7_Nufjo
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16643 เมื่อ: 18 กันยายน 2560, 10:31:19 »



ใครจะว่าการไม่มีครอบครัวนั้น ทำให้ชีวิตที่เกิดมาไม่สมบูรณ์แบบ มันก็จริงของท่าน ถ้าท่านจะมีเรา มีตัวตนของเรา เราเป็นนั้น นั่นเป็นเรา หรือตัวกู ของกูอยู่

แต่สำหรับผู้ที่ใฝ่หาทางแห่งการพ้นทุกข์ การไม่มีครอบครัว เป็นลาภอันประเสริฐ ที่ไม่ต้องรับผิดชอบ และยังไม่ข้องแวะในรูป รส กลิ่น เสียง ได้สัมผัสทางกาย อันจะทำให้เกิดคว่มติดข้อง เป็นตัวกู ของกู อยู่ร่ำไป

หนทางแห่งการพ้นทุกข์ มันต้องตัเออกจาก กามะคุณ ๕ ดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นเบื้องต้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16644 เมื่อ: 18 กันยายน 2560, 13:15:34 »



ที่ใดมีจิต ที่นั้น ย่อมมีเจตสิก เสมอ !

จิต คือธรรมชาติของการรู้อารมภ์ ไม่ใช่ธาตุ แต่จิตเป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา

เจตสิก คืออารมภ์ที่มาประกอบ มาปรุงแต่งจิต ให้จิตเป็นไปตามอารมภ์ที่กระทบนั้น

ธรรมชาติของจิตคือ เมื่อใด อายตนะภายในอันได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ผัสสะกับ อายตนะภายนอก อันประกอบด้วยสี(รูป) เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมภ์ จะเกิดธาตุรู้ทางอายตนะนั้น ๆ(วิญญาณ) เป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ แต่เกิดจากเหตุ-ปัจจัย คือผัสสะ

เมื่อเกิดการรูแจ้งทางทวารนั้น ๆ ของอายตนะ ประกอบกับสัญญา ความจำได้หมายรู้ที่สะสมมาก่อนตั้งแต่เกิด จึงเกิดการชอบ ไม่ชอบ เฉย ๆ เพราะจิตเข้าไปยึดเป็นตัวตน เรา เขา หรือตัวกู ของกู จึงเกิดการเสวยอารมภ์ หรือเกิดเวทนา ขึ้น

แต่ถ้าผู้ใด มีสติ มีปัญญา รับรู้ถึงธรรมชาติของจิต ไม่หลงอยู่ในความคิด อารมภ์ ก็จะละความเป็นตัวตนลงได้ ตรงจุดนี้ ก็สามารถที่จะวางเฉย หรืออุเบกขานั้นลงเสียได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16645 เมื่อ: 19 กันยายน 2560, 09:43:12 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16646 เมื่อ: 20 กันยายน 2560, 11:44:42 »

วันนี้ วันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เป็นวันสารทไทย

วันสารทไทย คือวันที่ วิญญาณของบรรพบุรุษ ไแวะมาเยี่ยมลูก หลาน เหลน และจำปี และรุ่งขึ้น แรมหนึ่งค่ำ วิญญาณเหล่านั้น จะต้องกลับไปชดใช้กรรมตามเดิม

ดังนั้รก่อนกลับ เป็นธรรมเนียมที่ต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ พร้อมทั้งให้เสบียงในระหว่างทางไปด้วย ภาคกลางก็จะกวนกระยาสราทไปทำบุญ  ภาคใต้ก็จะมีขนมไข่ปลา ขนมลา ขนมบีซัม ขนม... ติดตัวกลับไป

ผู้ใดทำบุญสารทเดือนสิบ ก็จะมีแต่ความสุขกาย สุขใจ เจริญในหน้าที่ทำงาน เพราะได้รับคำอวยพรจากวิญญาณบรรพบุรุษ

นั่นเป็นความเขื่อ และเป็นสิ่งที่ดี ได้ทำบุญ ระลึกถึงบรรพบุรุษ ในคุณความดีของท่าน ไม่ได้หลงงมงายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16647 เมื่อ: 20 กันยายน 2560, 11:45:58 »



วันนี้ สามคนพี่-น้อง มาทำบุญสารทไทย และกินข้าวเช้าร่วมกัน ที่วัดพระนอน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16648 เมื่อ: 20 กันยายน 2560, 11:48:13 »

  กลอนประวัติทำบุญเดือนสิบ
ขอท้าวความ งานเดือนสิบ หยิบมาเล่า
มาบอกกล่าว เยาว์ชน คนรุ่นใหม่
ให้รู้ความ เป็นมา ว่าอย่างไร
งานบุญใหญ่ ของชาวใต้ ให้ท่านฟัง
แต่แรกเริ่ม เดิมที มีตำนาน
คนแก่เฒ่า เล่าขาน งานสาร์ทใหญ่
ทำบุญรับ ส่งวิญญาณ จากแดนไกล
อุทิศให้ คนที่ตาย ได้รับบุญ
ตามคำพูด คนแก่เฒ่า เล่าให้ฟัง
เป็นคำสั่ง ยมพบาล อนุญาติให้
พวกผีเปรต นรกภูมิ ได้กลับไป
รับบุญใหญ่ เดือนสิบ ที่ญาติทำ
ขึ้นสิบห้าค่ำ ทำบุญรับ กลับเมืองมนุษย์
ก่อนสิ้นสุด แรมสิบห้าค่ำ ทำบุญใหญ่
ทำบุญส่ง ดวงวิญญาณ กลับแดนไกล
ยกหมัรบใหญ่ เข้าวัด จัดงานบุญ
ภาชนะ ใช้ทำหมัรบ โบราณบอก
กระบุงสาน ตอกไม้ไผ่ ไว้ใส่ของ
มีข้าวสาร ปลาเค็ม ธูปเทียนทอง
เงินหัวหอม พริกกระเทียม ที่เตรียมไว้
ทั้งกะปิ เกลือน้ำปลา อย่าให้ขาด
น้ำมันก๊าด หมากพูล เป็นคู่หมาย
ยาสามัญ ประจำบ้าน ลืมไม่ได้
ของทั้งหลาย ที่บอกมา ท่านอย่าลืม
สิ่งสำคัญ โบราณว่า หนมห้าอย่าง
วิญญาณใช้ เดินทาง กลับเคหา
หนึ่งหนมพอง ใช้แทนแพ ล่องนาวา
สองหนมลา แทนเสื้อผ้า นุ่งห่มกาย
สามหนมก๋ง หนมปลา ช่างน่ารัก
แทนสัญลักษณ์ เครื่องแต่งกาย ได้ทั้งสอง
หนมดีซำ อย่างที่สี่ แทนเงินทอง
ไว้ซื้อของ ใช้จ่าย ได้ตามใจ
อย่างที่ห้า หนมบ้า คือของเล่น
มันใช้แทน ลูกสะบ้า น่าฉงน
ลูกสะบ้า มาเป็นชื่อ หนมมงคล
เหนือเหตุผล สุดบรรยาย ให้ท่านฟัง
สาร์ทเดือนสิบ วันรวมญาติ ของชาวใต้
ทั้งหญิงชาย ได้กลับบ้าน งานกุศล
เป็นวัฒนธรรม ตกทอดมา หลายชั่วคน
นี้คือเหตุผล ที่ขอกล่าว เล่าตำนาน
บุญเดือนสิบ เราชาวใต้ ไม่เคยหลับ
เตรียมจัดหมัรบ หนมพองลา พาไปวัด
ทั้งหนุ่มสาว คนเฒ่าแก่ ช่วยกันจัด
แห่เข้าวัด ตามประเพณี ที่สืบมา
จัดหมัรบเสร็จ จัดธง ไว้ตรงกลาง
พ่อแม่นั่ง ยกทูลเกล้า กล่าวอุทิศ
ขอผลบุญ ที่ประสงค์ จงดลจิต
ให้ญาติมิตร ที่ล่วงลับ ได้รับไป
ทำให้ญาติ ที่ล่วงลับ ได้มีสุข
พ้นจากทุกข์ นรกภูมิ ขึ้นสวรรค์
บุญที่ทำ ช่วยล้างบาป ให้โดยพลัน
ยมพบาล ลบชื่อให้ ได้หมดกรรม
นี้แหละบุญ เดือนสิบ หยิบมาเล่า
คนหนุ่มสาว ได้รู้ซึ่ง ถึงความหมาย
เกิดเป็นคน ควรทำดี กันเอาไว้
เราชาวใต้ ควรศึกษา ประเพณี
ก่อนวันงาน โทรไป บอกให้ทั่ว
ได้เตรียมตัว ก่อนกลับบ้าน งานเดือนสิบ
ญาติพี่น้อง ที่อยู่ไกล คนใกล้ชิด
สาร์ทเดือนสิบ ให้กลับบ้าน กันทุกคน
พ่อกับแม่ คนแก่เฒ่า เฝ้าคอยหลาน
ลูกกลับบ้าน วันไหน ใจห่วงหา
สาร์ทเดือนสิบ แรมสิบห้าค่ำ ตามตำรา
ไม่รู้ว่า ลูกกลับบ้าน กันกี่คน
ถ้าลูกหลาน รู้ข้างใน ใจพ่อแม่
ตายายแก บอกไว้ นั้นไม่ผิด
ปู่กับย่า สั่งไว้ก่อน เสียชีวิต
สาร์ทเดือนสิบ ให้ลูกหลาน กลับทำบุญ
ถ้าให้ดี ช่วยกันบอก ปากต่อปาก
บุญกับบาป ไม่มีขาย อยากได้ทำ
สาร์ทเดือนสิบ ปีละหน ทุกคนจำ
แรมสิบค่ำ เชิญท่านมา ทำบุญที่ วัด ด้วยครับผม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16649 เมื่อ: 21 กันยายน 2560, 05:30:55 »



คนหลงอยู่ในความคิด!
คนยังต้องอยู่กับความคิด!
คนยังต้องใช้ความคิดในการดำรงคฺชีวิต!

แต่ท่านต้องมีสติรู้สึกตัว ภาวนาให้เห็นความคิด คือแยกรูป แยกนามให้ได้ ท่านจึงจะเห็นความคิด หรือเห็นรูป จิต เจตสิก นิพพาน เห็นกานเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป บังคับบัญชาไม่ได้ ทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยมีเหตุ-ปัจจัย และทุกสิ่งดับลงเมื่อเหตุ-ปัจจัย ไม่มี

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 664 665 [666] 667 668 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><