Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15500 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 13:27:38 » |
|
พระพุทธรูป สุโขทัย วิหารวัดอินทาราม พระเจ้าตากสินนำมาจากสุโขทัย วิธีเอาชนะตัณหา(ความทะยานอยาก) ๒ พระสูตรต่อไปนี้ กล่าวถึงตัณหา ซึ่งเรียกอีกชื่อว่าเอชา(ความหวั่นไหว) พระพุทธองค์ตรัสว่า ตัณหาหรือความหวั่นไหว นั้นเป็นโรค(เบียดเบียน) เป็นฝี(ทำร้ายอยู่ภายในจิตใจ) เป็นลูกศร(ตัด, เชือดเฉือน) ทรงสอนเรื่องนี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ปฐมเอชสูตร ทรงสอนว่า การที่จะไม่มีตัณหาอันเป็นความหวั่นไหวนั้น ภิกษุจะต้องไม่สำคัญ(ไม่เข้าใจผิด)ซึ่งจักษุ ไม่สำคัญในจักษุ ไม่สำคัญแต่จักษุ ไม่สำคัญว่าจักษุของเรา ฯลฯ (กับรูป จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัส สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา รวมไปถึง "สิ่งทั้งปวง" ก็เหมือนกัน) เมื่อไม่สำคัญอย่างนี้ ก็ไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ถือมั่นก็ไม่หวาดหวั่น เมื่อไม่หวาดหวั่นก็เย็นสนิทประจักษ์แก่ใจตน รู้ชัดว่าชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว... ทุติยเอชสูตร ทรงแจกแจงสิ่งที่ภิกษุไม่พึงสำคัญ(เข้าใจผิด) ครอบคลุมไปถึงอายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณอันเกิดจากอายตนะเหล่านั้น สัมผัสอันเกิดจากอายตนะเหล่านั้น เวทนาอันเกิดจากสัมผัสนั้น ๆ รวมไปถึงขันธ์และธาตุทุกอย่าง ตรัสว่า ภิกษุสำคัญซึ่งสิ่งใด สำคัญในสิ่งใด สำคัญแต่สิ่งใดว่าของเรา สิ่งนั้นๆ ล้วนแต่เป็นอย่างอื่นจากที่คิดว่ามันเป็น...
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15501 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 19:04:22 » |
|
จะเห็นว่า เมื่อใด อายตนะภายใน(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ผัสสะ(เห็น ได้ยิน ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัสทางกาย ได้สัมผัสทางใจ (หรือรู้อารมณ์ของจิต-คิด)) กับอายตนะภายนอก(รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์) จะเกิดวิญญาณทั้ง ๖(จักษุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายะวิญญาณ มโนวิญญาณ) ผลคือเกิด สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา และเกิดการพอใจ อยากได้อีก หรือไม่อยากพบอีก คือเกิด "เอชา" หรือตัณหา นั่นเอง ธรรมนี้ ท่านต้องพบด้วยตัวท่านเอง จากผลของการเจริญสติ เอาสติ คอยตามดูจิต ท่านจะเข้าใจมันได้ และท่านจะพบว่า ธรรมต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จริง ๆ สมควรที่ท่าน จะไม่ไปยึดมั่นถือมั่นมันเลย เกิดการสังเวชในจิต เกิดความเบื่อหน่าย ที่อยากจะพ้นจากทุกข์ อยากจะละความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา สิ่งของ หรือละความยึดมั่น ถือมั่น ในรูป-นาม หรือขันธ์ ๕ เพราะมีแต่นำทุกข์มาให้ เจริญสติ ๆๆๆ จนเป็นสมาธิ อยู่ด้วย ฌาณที่ ๔ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15502 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 19:15:32 » |
|
พระนพ ธีรวโร ท่านส่งภาพมาให้ชมจาก พุทธคยา
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15503 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 19:17:13 » |
|
วัดธิเบต
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15504 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 19:19:36 » |
|
วัดไทยพุทธคยา
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15505 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 19:20:57 » |
|
ธุดงค์ เป็นวิชาเจริญสติ ได้ดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะมันลำบากไปทุกสิ่งที่จิต มันไม่อยากทำเลย และจะมีแต่วิตกกังวลมากจากเวทนา แต่ถ้ามีสติ ในการเดิน มีจุดมุ่งหมายชัดเจน ต้องไปให้ถึงในแต่ละวัน มันเป็นการเอาชนะทั้งเวทนา และจิตตนเอง เพราะไม่เดิน ไม่ได้ มีสติแต่ละก้าว ๆ จนถึงที่หมาย ที่จิตมันต้องยอมแพ้ สติ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15506 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2558, 19:24:36 » |
|
พระองค์ ที่เดินนำหน้านั้น ปีที่แล้วท่านเดินนำหน้าทุกวัน และปีนี้ท่านก็จะเดินนำอีกทุกวัน ท่านมีวิริยะมาก สติต้องมั่นคงจริง ๆ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15507 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 05:03:23 » |
|
อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ เหลนสาว
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15508 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 05:05:15 » |
|
ถ้ำที่ภูเขาดงคสิริ สภานที่พระพุทธองค์ทรงทรมารพระวรกายบำเพ็ญทุกข์กิริยา ทรงอธิบายเหตุและปัจจัยแห่งความไม่เที่ยง ใน ๒ พระสูตรต่อไปนี้ พระพุทธองค์ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายด้วยเรื่องความไม่เที่ยงที่เกิดจากคู่ธรรม(ทวยธรรม) ปฐมทวยสูตร ตรัสว่า มีธรรมอยู่ ๖ คู่ ๑. จักษุกับรูป ๒. โสตกับเสียง ๓. ฆานะกับกลิ่น ๔. ชิวหากับรส ๕. กายกับโผฏฐัพพะ ๖. มโนกับธัมมารมณ์ ถ้ามีใครปฏิเสธเป็นอย่างอื่นก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเขา แต่เมื่อซัก(ว่าทำไมถึงเห็นแตกต่างจากนี้) เขาจะตอบไม่ได้ ก็จะได้แต่อึดอัด เพราะมันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ทุติยทวยสูตร ตรัสว่า วิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยคู่ธรรม คือ จักษุวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุและรูป จักษุและรูปนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่น จักษุวิญญาณจึงไม่เที่ยงมีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไปด้วย แม้กระทั่งเหตุปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งจักษุวิญญาณก็ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเช่นกัน แล้วจักษุวิญญาณที่เกิดขึ้นโดยอาศัยปัจจัยอันไม่เที่ยง จักเป็นของเที่ยงได้อย่างไร ความหมายมาบรรจบกัน ๓ อย่าง คือ จักษุ รูป และวิญญาณอย่างนี้เอง คือจักษุสัมผัส (โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส และมโนสัมผัส ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน) แล้วตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย! เวทนาอันผัสสะกระทบแล้วย่อมเสวย(รับรู้ว่าสุข ทุกข์ หรือไม่ทุกข์ไม่สัข) เจตนาอันผัสสะกระทบแล้วย่อมคิด สัญญาอันผัสสะกระทบแล้วย่อมจำ แม้ธรรมเหล่านี้ก็หวั่นไหว และเจ็บป่วย ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่น ..."
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15509 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 07:15:32 » |
|
ชาวบ้านรอบ ๆ ภูเขาดงคสิริ มีแต่วรรณจันฑาร ครอบครัวอยากจน รับจ้างทำอิฐ ในการภาวนา นั้น ท่านจะต้องประกอบไปด้วย ๑. ศรัทธา มีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สิ้นความสงสัย ๒. มีศีลเป็นเครื่องอยู่เพื่อรักษากาย วาจาให้ปกติ ๓. อยู่ด้วยปัจจัย ๔ แบบพอเพียง ๔. มีวิริยะ คือความเพียรเพ่งเผากิเลส นิวรณ์ ๕ และเวทนา ๕. มีสติเป็นเครื่องอยู่ ด้วยการตั้งสติปัฏฐาน ๔ ๖. มีสติจนละนิวรณ์ ๕ ได้ ๗. เจริญสติให้เป็นสมาธิ เข้าสู่ ฌาณที่ ๑, ๒, ๓, และ ๔ ๘. ดำรงค์สติ อยู่แวย ฌาณที่ ๔ เป็นเอกคตาจิต หรือจิตประภัสสร
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15510 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 07:22:43 » |
|
เด็กๆ รอบภูเขาดงคสิริ ในการภาวนานั้น ท่านต้อง สติอยู่ที่กาย เอาสติมาคอยดูจิต ดูเจตสิกที่มากระทบจิต ดูจิตที่ถูกปรุงแต่ง ตราบใดท่านยังเป็นผู้ดูด้วยสติ ท่านก็จะอุเบกขาได้
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15511 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 07:26:10 » |
|
ในการภาวนา ท่านต้องเจริญสติ มีศีลเป็นตัวกำกับ เมื่อเห็นความจริง ทุกสิ่งเกิด ดับ ด้วยเหตุปัจจัย ทุกสิ่งธรรมทั้งหลาย มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ที่เราไม่ควรที่จะไปยึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวตนของเราเลย อุเบกขามันจะเกิด เกิดการสังเวชใจ ที่จะปล่อยวางได้
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15512 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 07:28:58 » |
|
ในระหว่างภาวนา นั้น ทุกสิ่งมีแต่ความจริง ทั้งสิ้น ที่เราจะค้นพบได้ด้วยตัวเองในกาย-จิต ที่หลงว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา และเป็นของเรา นี่ละ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15513 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 07:30:56 » |
|
ที่ภูเขาดงคสิริ พระธิเบต ที่เฝ้าสถานที่ ท่านจะมีน้ำมะตูมร้อน ๆ เอาไว้ให้ดับความกระหาย การภาวนา เป็นการชนะจิตตนเอง ม่านต้องมีวิริยะ เอาชนะจิตตนเองให้ได้ แล้วมันจะเผยความจริง ในธรรม ให้ทานได้ศึกษา
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15514 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 07:32:40 » |
|
วันนี พระธุดงค์ ๔ สังเวชนีย์ ตามบาทพระศาสดา ท่านกำลังปรับตัวเดินธุดงค์ อยู่พุทธคยา พระนพ ธีรวโร การภาวนานั้นแต่ละครั้ง ท่านต้องเอาชนะนิวรณ์ ๕ ให้ได้ นิวรณ์ ๕ ประกอบด้วย - กามฉันทะ ละความยินดีทางทวาร ตา หู จมูก ลิ้น กาย - พยาบาท ไม่ผูกโกรธ - อุจทัจจะ กุกุจจะ ไม่พรุ่งพล่านเดืดดาลใจ - ถีนะมิธถะ ไม่ง่วงเหงา หาวนอน หดหู่ใจ ห่อเหี่ยวใจ - ความลังเลสงสัย สิ้นความลังเลสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสติปัฏฐาน ๔ เมื่อท่านเอาชนะนิวรณ์ ๕ ได้ จิตสงบ จะเข้าสู่ฌาณที่ ๑ ดังนั้น ทุกคนั้งที่ภาวนา ต้องใช้เวลานานพอสมควร เพื่อเอาชนะนิวรณ์ ๕ ให้ได้ (บางคนใช้เวลาน้อยมากเพราะรู้วิธีแล้ว ซึ่งจิตมันเคยชิน เพราะจิตมนุษย์นั้น ฝึกได้ ขอให้มีวิริยะในการฝึกเท่านั้น)
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15515 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 09:09:54 » |
|
อยู่สนามบินดอนเมือง รอขึ้นนกแอร์ ไปติดตามการเตรียมโรงงาน Hollow Core Slabs ที่อุดรธานี ครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15516 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 09:18:06 » |
|
ถ่ายภาพโดย ศุภลักษณ์ กลับดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15517 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2558, 20:05:40 » |
|
กพ. จะได้พบกับภาพเหล่านี้อีก
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15518 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 05:08:14 » |
|
อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ ท่านเจ้าคุณ หลวงพ่อสุรศักดิ์ วัดมเหยงค์ อยุธยา ท่านเทศน์เอาไว้ว่า ปุถุชนม์คนธรรมดา ทั่วไปประพฤติผิดศีล โทษไม่รุนแรง แต่ ถ้าผู้ประกาศตนว่าจะรักษาศีล เช่นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ถ้าประพฤติผิดศีล นั้นมีโทษหนัก ถึงต้องไปชดใช้กรรมในนรกภูมิ ทีเดียว พี่สิงห์ ต้องยึดถือคำสอนนี้มาปฏิบัติ เตือนตนเอง เพราะจิตมันชักอยากใฝ่ต่ำในกามราคะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กาย-วาจา ควบคุมโดยศีลได้ แต่ใจต้องใช้สติมาควบคุม สวัสดีครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15519 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 06:53:12 » |
|
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ได้เป็นประธาน เปิดงาน Big Cleaning Day ที่โรงงานเอเซีย
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15520 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 07:02:03 » |
|
มอบอุปกรณ์ ทำความสะอาด
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15521 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 07:02:48 » |
|
ได้ให้โอวาท ให้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของการทำ 5ส.
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15522 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 07:03:23 » |
|
วันที่ 29 ธันวาคม ให้คนงานไปทำ 5ส. บริเวณบ้านพักของตนเองให้น่าอยู่
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15523 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 07:04:09 » |
|
ปีเก่านี้ ตั้งใจจะทำความสะอาดบ้านตนเองเช่นกัน
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #15524 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2558, 07:15:07 » |
|
พระนพ ท่านไปยอดเขาคยะ สถานที่ชฎิล ๓ พี่น้อง รับฟังธรรมจากพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงแสดงอาทิตยสูตร "ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ" แดีภิกษุชฎิล 1000 รูป ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ชฎิล ๓ พี่น้องนี้ เป็นลัทธิบูชาไฟ เมืองหลังภาพนั้น คือเมืองปัตตนะ หรือปาตาลีบุตร
|
|
|
|
|