24 พฤศจิกายน 2567, 04:02:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 574 575 [576] 577 578 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3568239 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 25 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14375 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 14:53:56 »



วันนี้ได้มีโอกาส  ใาชมไร่เชิญตะวัน เป็นครั้งที่ ๒
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14376 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 14:57:57 »



ไม่รู้ มาก่อนว่า วันนี้เป็นวัน รับสมัคร สามเณรปลูกปัญญาธรรม

นักเรียนที่มาสมัคร ไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย ขอเพียงมีศรัทธา ที่จะบวชเป็นสามเณรปลูกปัญญาธรรม เท่านั้น
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14377 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:02:13 »



วันนี้ ได้มีโอกาส ร่วมทำบุญ ถวายปัจจัย เครื่องอัฐบริขาร บวชสามเณรปลูกปัญญาธรรม ๑ องค์ จำนวน ๕๐๐๐ บาท
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14378 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:07:24 »



พี่พงษ์ศักดิ์  ได้ขอทำบุญร่วมด้วยอีก ๑๐๐๐ บาท

รวมเป็นเงินสบทบทุนบวชสามเณรปลูกปัญญาธรรม ๖๐๐๐ บาท
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14379 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:12:12 »



มุมนี้เป็นส่วนนั่งพักของ เรือนแก้ว สำหรับต้อนรับผู้มาเยือน

บรรยากาศสงบ เย็น ร่มรื่น มากครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14380 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:16:25 »



พี่พงษ์ศักดิ์  บอกว่าอากาศเย็นดี  รู้สึกเป็นสุขใจมาก
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14381 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:23:31 »



เรียนเชิญ ทุกท่าน มาชมไร่เชิญตะวันครับ

ซึ่งกำลังปรับปรุง จัดเตรัยมสถาน สำปรับ สามเณรปลูกปัญญาธรรม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14382 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:34:45 »



อุโมงทางเดิน เข้าชมไร่เชิญตะวันด้านใน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14383 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:41:10 »



อุโมงค์กล้วยไม้

ใช้ไม้ลวกมาโค้ง แล้วเอากระถางต้นกล้วยไม้มาผูกติก ให้เป็นอุโมงค์ทางเดิน แลัมีระบบฉีดไอน้ำรักษาความชุ่มชื้น ทุกชั่วโมง และกระถางต้นไม้ อันไหนเหี่ยวเฉา สาใารถเปลี่ยนได้ ยาวประมาณ ๕๐ เมตร

เวลาเดินผ่านสามารถอ่าน มงคล ๓๘ ประการไปด้วย ได้ เย็นสบายไม่เปียกละอองน้ำ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14384 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:51:34 »



เมื่อเดินพ้นอุโมงค์  ซ้านมือจะมีสามเณรรูปปั้นปริศนาธรรม คอยต้อนรับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14385 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:58:50 »



ไร่เชิญตะวัน

เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จังหวัดเชียงราย ที่ทุกท่านเมื่อมาเชียงราย ปราถนา จะไปเยือน

วันนี้ท่าน ว วชิรเมธี  ท่านไม่อยู่ ท่านได้รับนิมนต์ไปบรรยายธรรมที่ประเทศญี่ปุ่น

ไร่เชิญตะวันกำลังก่อสร้างอาคารเพิ่มเติม เป็นแบบซื้อบ้านเก่ามาทำ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14386 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 16:05:39 »



ไร่เชิญตะวัน

ช่วงธันวาคม มกราคม  ดอกไม้คงสวย

แต่ตอนนี้ มันหน้าแล้ง  ไม่มีน้ำ  แต่ก็เย็นสบายดี แต่หญ้าไม่สวย สระมีน้ำน้อย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14387 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 16:17:50 »



ตามต้นไม้

จะมีป้ายคติธรรม ให้ได้ศึกษา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14388 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 16:25:20 »



ไร่เชิญตะวัน

ไม่ใช่วัด  ไม่ใช่สำนักสงฆ์

เป็นที่พำนัก และที่ทำงาน(สอนธรรม) ของท่าน ว วชิรเมธี

ท่านตั้งใจทำเป็นศูนย์วิปัสสนานานาชาติ เป็นสถาน เรียนรู้ธรรมชาติ

ที่นี่ มีสถานที่ให้ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น  

ถ้าจะมาปฏิบัติธรรม ต้องมากางกลด  กางเต้น เลือกตามโคนไม้เอาเอง ในการปฏิบัติธรรม แบบสมัยพุทธกาล  เพราะเครื่องอำนวยความสะดวก  ยั่งไม่พร้อม หรือท่านต้องการแบบอยู่ตามธรรมชาติ  ต้องบิณฑบาตรเอาเอง ยังไม่มีโรงครัว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #14389 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 17:36:25 »

วิจัยจุฬาฯ.! ชี้สงฆ์รับเงินทองผิดพระธรรมวินัย กระทบมั่นคงเร่งปฏิรูปศาสนา
3 เมษายน 2558 12:53 น.


       งานวิจัยจุฬาฯ เรื่อง “พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว” ระบุชัดเจนในพระวินัยปิฎกภิกษุสงฆ์ไม่สามารถรับ จับ หรือมีเงินทองเป็นของส่วนตัวได้ อีกทั้งการมีทรัพย์สินมาก เกิดจากการฉ้อโกงเงินวัด การฆาตกรรมเรื่องผลประโยชน์ การเรี่ยไรเงินบริจาคที่ไม่เหมาะสม การปลอมบวชเพื่อหวังสร้างรายได้ ที่สำคัญการรับเงินทองส่งผลต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา แนะการปฏิรูปพุทธศาสนาที่ถูกต้อง ควรยึดหลักพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก และกฎหมาย สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปศาสนาชุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน
       
       ข่าวฉาวๆ ของวงการสงฆ์ที่ปรากฏเป็นข่าวในโลกสังคมออนไลน์มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องผลประโยชน์วัดและของส่วนตัว การทุจริต ฉ้อโกงทรัพย์สินวัด การซื้อตำแหน่งในวงการสงฆ์ หรือการประพฤติตนไม่เหมาะสม มั่วสีกา เมาสุรา รวมไปถึงการเข้ามาข้องเกี่ยวทางการเมืองด้วยการออกมาเดินขบวน หรือขู่จะมีการเดินขบวนบ้าง ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญให้พุทธศาสนามัวหมอง และนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปศาสนาเกิดขึ้น
       
       อย่างไรก็ดี คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ที่มี “นายไพบูลย์ นิติตะวัน " เป็นประธาน ได้เสนอแนวทางและมาตรการปฏิรูป 4 ประเด็นหลักต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ประกอบด้วย
       
       1. ให้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินของวัดและพระภิกษุ
       
       2. เสนอให้แก้กฎหมายมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ หรือ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ในสาระสำคัญ คือ การกระจายอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์ แทนการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ
       
       3. ต้องมีกลไกนำหลักปฏิบัติตามพุทธบัญญัติที่ทรงไว้ซึ่งความดี ถูกต้อง และบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนามาปฏิบัติ เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนหรือแอบอ้างพระธรรมวินัย
       
       4. ปฏิรูปการศึกษาของคณะสงฆ์ให้ทันเหตุการณ์ โดยราชการต้องให้ความสำคัญด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ด้วย โดยเน้นเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของพระและวัด
       
       สำหรับแนวทางการปฏิรูปชุดนายไพบูลย์นั้นยังได้นำไปสู่เหตุการณ์ที่พระสงฆ์และเครือข่ายชาวพุทธกว่าหมื่นคนประกาศจะออกมาเคลื่อนไหวปกป้องพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ยุติไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่าจะให้มหาเถรสมาคมเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางในการปฏิรูปพุทธศาสนาด้วย
       
       สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแนวทางการปฏิรูปศาสนาซึ่งทีม Special Scoop พบงานวิจัยเรื่อง “พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว” ของ “ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์” อาจารย์ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยไว้อย่างละเอียดสะท้อนถึงการปฏิรูปพุทธศาสนาที่ถูกต้อง ต้องยึดหลักการตามแนวทางพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก และกฎหมาย ซึ่งจะเป็นแนวทางในการทำนุบำรุงพุทธศาสนาและจะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพตามพระธรรมวินัยของพระภิกษุสงฆ์สืบต่อไป
       
       โดยงานวิจัย “พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว” เป็นส่วนหนึ่งในโครงการวิจัยพุทธศาสน์ศึกษาของ ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นรูปแบบงาน “วิจัยเอกสาร” ที่ได้จากเอกสารต่างๆ ตั้งแต่เอกสารปฐมภูมิเช่นคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถา เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เอกสารทุติยภูมิ เช่นงานวิจัยและหนังสือทางวิชาการต่างๆ รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้วิจัยได้วิเคราะห์เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ โดยเฉพาะเรื่องเงินและทองว่าขัดกับหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการ
       
       นับตั้งแต่การตีความหมาย “ทรัพย์ของสงฆ์” ที่มีความหมายหลากหลายในบริบทตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงความหมายของทรัพย์ เช่น “ทรัพย์สินทางโลก” ซึ่งเป็นวัตถุกามและทรัพย์สินทางธรรมที่เป็นคุณธรรม โดยสามารถเป็นทั้งคำนามและคำอุปมาได้ โดยทรัพย์สินของพระภิกษุสงฆ์นั้นแบ่งได้เป็นสองอย่างตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตคือ “ทรัพย์สินหลัก” กับ “ทรัพย์สินเสริม” ซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้และครอบครองโดยขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพย์สินนั้นๆ ว่าจะมีระยะเวลาและจำนวนที่เก็บได้เท่าใด เช่น เก็บได้ 1 วัน 7 วัน เหตุผลก็เพื่อมิให้พระภิกษุสงฆ์ทำการสะสมและยึดถือทรัพย์สินเหล่านั้นว่าเป็นของของตนนั่นเอง
       
       สิ่งที่ชี้ว่าเหตุใดพระสงฆ์จึงไม่สามารถสะสมทรัพย์สินเงินทองได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านพระวินัย ซึ่งการสะสมทรัพย์สินเงินทองนั้น ย่อมเป็นการขัดกับวิถีชีวิตของนักบวชที่มุ่งจะประพฤติปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น เพราะ “การบวช” ไม่ว่าจะเป็นสมัยพุทธกาลหรือสมัยปัจจุบันล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการ “ละความสุขทางโลก“ และเพื่อออกบำเพ็ญเพียรจนบรรลุถึงความ “หลุดพ้น” อันเป็นจุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลมีสมบัติเพียงไตรจีวรกับสิ่งของจำเป็นไม่มากนักตามพระวินัยบัญญัติ
       
       แต่สิ่งที่เห็นกันในปัจจุบันพระสงฆ์มีทรัพย์สินเงินทองเป็นสมบัติส่วนตัวกันมากจนเป็นที่รับรู้กันอยู่ในสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการศึกษาวิจัยว่าการสะสมทรัพย์สินเงินทองดังกล่าวของพระสงฆ์ในปัจจุบันนั้นขัดกับหลักพระธรรมวินัยหรือไม่ เรื่องดังกล่าวจึงสืบเนื่องกันต่อมาโดยไม่มีเสียงคัดค้านจากวงวิชาการหรือสังคมแต่อย่างใด
       
       การรับเงินทองของสงฆ์ขัดกับพระธรรมวินัย
       
       ขณะที่วิถีชีวิตของพระภิกษุสงฆ์เป็นอยู่ด้วยความเรียบง่ายโดยมีทรัพย์สินติดตัวเท่าที่จำเป็น ปัจจัยทั้งหลายที่จะได้ก็แล้วแต่จะมีผู้บริจาคและเป็นไปเพียงเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ตามอัตภาพแก่สมณภาวะเท่านั้น การถือนิสัยที่เรียบง่ายและเป็นไปตามธรรมชาตินี้ย่อมมีไว้เฉพาะพระภิกษุที่เป็นลัชชีเท่านั้น
       
       ดังนั้นการที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตทรัพย์สินต่างๆ ก็เพื่ออนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์ของพระภิกษุสงฆ์ให้เป็นไปได้ด้วยดีต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม ดังนั้นทรัพย์สินเหล่านี้จึงมีเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ ทรัพย์สินเหล่านั้นย่อมเป็นไปเพื่อการเข้าถึงพระนิพพานนั่นเอง
       
       บุคคลที่จะบวชเป็นบรรพชิตนั้นต้องสละทรัพย์สินทั้งปวง เช่น เงินและทอง เมื่อเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วก็จะต้องละเว้นเช่นเดียวกันและเป็นการไม่สมควรเลยที่บรรพชิตจะกลับมามีเงินทองอีก
       
       ในพระวินัยปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้อย่างชัดเจนไม่ให้ภิกษุรับ ใช้ให้คนอื่นรับ หรือแม้กระทั่งยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้ให้ตน นอกจากนี้ยังรวมถึงอะไรก็ตามที่มีค่าในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ เช่น ธนบัตร เหรียญ เช็ค บัตรกดเงินสด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต บัตรเครดิต ฯลฯ การรับเงินทองจึงเป็นการผิดพระวินัยและเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุที่รับไม่ว่าจะโดยเหตุผลใดๆ เช่น การรับเพื่อตัวหรือเพื่อสงฆ์ก็ตาม
       
       นอกจากนี้ การต้องอาบัตินั้นย่อมเป็นไปตามจำนวนของเงินทองนั้นอีกด้วย การที่พระภิกษุสงฆ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง เช่น การรับ การแลกเปลี่ยน และการซื้อขายก็ย่อมเป็นอาบัติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวนั้นมีระดับความสำคัญมากน้อยเท่าใด ความผิดที่เป็นอาบัตินั้นก็จะมากยิ่งขึ้นตามเท่านั้น ในคัมภีร์อรรถกถาได้อธิบายว่าเพราะเงินและทองเป็นสิ่งที่เรียกว่า “อนามาส” คือวัตถุอันภิกษุไม่ควรจับต้อง การที่พระภิกษุสงฆ์ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองที่มีค่ามากกว่า 5 มาสก ยังอาจทำให้ต้องอาบัติถึงขั้นปาราชิกได้อีกด้วย
       
       หากพระภิกษุสงฆ์รับเงินทองมาแล้วก็ต้องสละเงินทองนั้นในที่ประชุมสงฆ์ โดยให้ฆราวาสช่วยเปลี่ยนเป็นปัจจัย 4 โดยห้ามบอกว่าต้องการอะไรเป็นการเฉพาะ ส่วนภิกษุที่เป็นผู้รับเงินทองนั้นไม่มีสิทธิ์รับปัจจัย 4 ที่เกิดจากเงินทองนั้น หากไม่มีฆราวาสช่วยจัดการเงินทองดังกล่าว สงฆ์ต้องสมมติพระรูปหนึ่งเพื่อทิ้งเงินทองนั้น คัมภีร์อรรถกถาอุปมาเงินทองว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจดุจคูถและการบริโภคปัจจัย 4 ที่เกิดจากเงินทองนี้ว่าน่ารังเกียจเทียบเท่าการอวดอุตริมนุสธรรมและกุลทูสกกรรมคือการประทุษร้ายตระกูล
       
       แนวคิดดังกล่าวย่อมแสดงชัดเจนว่าการรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์เป็นเรื่องขัดกับพระธรรมวินัยเพียงใด ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าพระภิกษุสงฆ์จะรับเงินทองได้นั้นมีเพียงการให้กัปปิยการกหรือผู้ที่มีจิตศรัทธาเป็นผู้ถือเงินทองให้แล้วเปลี่ยนเป็นปัจจัย 4 ที่เหมาะสมกับความต้องการของพระภิกษุสงฆ์จึงจะไม่อาบัติ
       
       พระภิกษุสงฆ์ห้ามยุ่งเกี่ยวแม้กระทั่งสั่งว่าให้เงินทองนั้นไปวางไว้ที่ใด ในพระสุตตันตปิฎก พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเงินและทองเป็นปัจจัยต่อการผิดคุณธรรมอื่นๆ เช่น การพูดปด พระภิกษุสงฆ์จึงไม่พึงยินดี แสวงหาเงินทองโดยปริยายอะไรเลย เงินทองเป็นเรื่องของกามคุณที่เกี่ยวกับความเศร้าหมองของสมณะเพราะถูกกิเลสครอบงำเป็นทาสของตัณหา และหากยึดติดกับเงินทองก็ย่อมไม่เข้าใจในคุณธรรมชั้นสูงด้วย เงินทองไม่สามารถทำให้พ้นจากความแก่และความตายได้ เพราะความแก่ความตายเป็นของไม่เที่ยง เงินและทองก็เป็นเพียงปฐวีธาตุหามีสาระอันใดไม่
       
       ที่สำคัญ การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์ยังเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่สอง การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์จึงมีผลต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาอีกด้วย
       
       ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันนี้ เช่น เรื่องรายรับ รายจ่าย การบริหารจัดการ รวมถึงทรรศนะต่างๆ ผู้วิจัยได้นำเสนอจากข้อมูลเอกสารและจากการสัมภาษณ์ซึ่งพบว่ารายได้และรายจ่ายของพระภิกษุสงฆ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพพื้นที่ กิจกรรมต่างๆ ศรัทธาของฆราวาส ซึ่งการบริหารจัดการนั้นก็มีหลายรูปแบบทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและกฎหมายของสงฆ์



       ทรัพย์สินไม่ใช่ของสงฆ์แต่เป็นของศาสนา
       
       ในงานวิจัยพบข้อมูลจากการสัมภาษณ์ทำให้ทราบว่าพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันมีทรรศนะเรื่องเงินทองแตกต่างกันไป เช่น ทรรศนะว่าเงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติ ทรรศนะว่าเงินทองเป็นของส่วนตัว ทรรศนะเคร่งครัดตามพระธรรมวินัยและทรรศนะที่จะปรับเปลี่ยนพระธรรมวินัย แต่โดยรวมแล้วไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันล้วนมีเงินทองเป็นของส่วนตัวแทบทั้งสิ้น
       
       การมีเงินทองเป็นทรัพย์สินส่วนตัวยังทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น ปัญหาการฉ้อโกงทรัพย์สินวัด ปัญหาการเรี่ยไรเงินทอง ปัญหาการล่อลวงและขโมยทรัพย์สินพระภิกษุสงฆ์ ปัญหาด้านอาชญากรรม และปัญหาการปลอมบวช
       
       นับว่าปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคม โดยเฉพาะผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องศรัทธา คุณภาพของพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในสังคมไทยอีกด้วย หากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ไม่ทำให้ได้รับศรัทธาจากประชาชนอย่างมากมายโดยเฉพาะเรื่องเงินและทองเช่นนี้แล้ว ปัญหาต่างๆ เช่น การปลอมบวช การเรี่ยไร การฉ้อโกงคงเกิดขึ้นได้ยาก
       
       งานวิจัยนี้ได้วิเคราะห์เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์โดยเฉพาะเรื่องเงินและทองว่าขัดกับหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการ นอกจากในพระวินัยปิฎกที่แสดงไว้ชัดเจนแล้วว่าการรับเงินและทองเป็นความผิด การมีเงินทองและสิ่งของแทนเงิน เป็นของส่วนตัวนั้นยังขัดกับหลักมหาประเทศ 4 เพราะเงินทองเป็นสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร จึงเป็นสิ่งไม่ควร
       
       ทั้งนี้หากพระภิกษุสงฆ์มีการใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตที่ไม่มีบัญญัติในพระวินัย แต่สิ่งเหล่านี้ตรงกับหลักมหาประเทศที่ว่า แม้พระพุทธเจ้ามิได้ทรงห้ามเรื่องบัตรเครดิต ฯลฯ แต่ทรงห้ามการรับเงินและทอง บัตรเครดิต ฯลฯ เข้ากับเงินและทองที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม
       
       ดังนั้นบัตรเครดิต ฯลฯ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรด้วย หากพิจารณาเรื่องของกามคุณแล้ว เงินทองเป็นกามคุณที่บรรพชิตต้องงดเว้นทั้งก่อนบวชและเมื่อบวชแล้ว เงินทองเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ประเสริฐเพราะเป็นกามคุณที่ไม่เที่ยงจึงมีโทษมากมาย และยังเป็นปัจจัยให้เกิดการประพฤติผิดคุณธรรมต่างๆ เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของตัณหาอีกด้วย เงินทองจึงเป็นสิ่งที่พระภิกษุสงฆ์ควรงดเว้น
       
       นอกจากนี้การมีเงินทองยังขัดกับหลักความไม่สะสมและยังเป็นปัจจัยแก่ความยึดมั่นถือมั่นอีกด้วย หากการบวชของพระภิกษุสงฆ์เป็นไปเพื่อการสะสมทรัพย์สินเงินทองย่อมไม่ใช่เป้าหมายของพระพุทธศาสนาเพราะมิได้เป็นไปเพื่อความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา เลี้ยงง่าย ปรารภความเพียร และยังต่ำทรามเมื่อเทียบกับสุนัข สิ่งเหล่านี้ล้วนขัดกับหลักการเรื่องการปล่อยวางและการไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนที่เป็นหัวใจประการหนึ่งของพระพุทธศาสนา
       
       หากพิจารณาด้วยเกณฑ์นี้ ทรัพย์สินเงินทองจึงขัดกับหลักธรรมดังกล่าวด้วย ดังนั้นการที่พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวย่อมผิดหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการดังที่ได้กล่าวแล้ว และหากพิจารณาในมุมของกฎหมาย การที่พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวก็ถือว่าไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน
       
       แม้ว่ากฎหมายบางมาตราอาจมีช่องที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวได้ แต่กฎหมายเหล่านั้นก็มิได้มีเจตนารมณ์ที่จะให้พระภิกษุสงฆ์มีทรัพย์สินเป็นของส่วนตัว เพราะถือว่าทรัพย์สินที่พระภิกษุสงฆ์ได้มานั้นล้วนเป็นทรัพย์สินของศาสนาทั้งสิ้นจึงไม่ควรที่จะยึดถือมาเป็นสมบัติส่วนตัว หากจะมีช่องทางให้พระภิกษุสงฆ์มีทรัพย์สินได้นั้นก็เพื่อจะได้ทำกุศลเพื่อช่วยมวลมนุษย์ด้วยการให้ทาน
       
       ดังนั้นในมุมมองของกฎหมายทางโลกก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่พระภิกษุสงฆ์จะมีทรัพย์สินส่วนตัว การมีทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์จึงขัดกับพระธรรมวินัยและกฎหมายทางโลก
       
       พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว
       
       จากการสัมภาษณ์ ข้อมูลรายได้ส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ เช่น เงินนิตยภัต เงินค่าสอน เงินจากกิจนิมนต์ทั่วไป เงินจากกิจกรรมพิเศษทางศาสนา หากจะวิเคราะห์ตามพระธรรมวินัย การมีรายได้ของพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นเงินทองไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ตามย่อมผิดพระวินัยบัญญัติ ทำให้ทราบว่าเมื่อพระภิกษุสงฆ์มีเงินทองแล้วก็สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆ ได้อย่างมากมาย ซึ่งอาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยก็เป็นได้ จึงผิดพระวินัยบัญญัติในข้อการนำเงินทองไปแลกเปลี่ยน
       
       ส่วนเรื่องรายจ่ายส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ เช่น รายจ่ายส่วนตัว รายจ่ายการกุศล รายจ่ายด้านการศึกษา หากการใช้เงินทองในเรื่องเหล่านี้ไม่มีไวยาวัจกรจัดการให้แล้วก็ย่อมเป็นอาบัติอยู่นั่นเอง ส่วนเรื่องการจัดการกับทรัพย์สินส่วนตัวนั้น เนื่องจากไม่มีกฎหมายประกาศไว้ชัดเจน วิธีการปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์จึงมีความแตกต่างกันไป เช่น การเปิดบัญชีรวมเงินส่วนตัวเข้ากับบัญชีวัด การเปิดบัญชีส่วนตัว ไม่เปิดบัญชีแต่เก็บไว้ในตู้บริจาค กุฏิเจ้าอาวาส ฯลฯ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน หากการเก็บรักษาเงินทองเหล่านี้ไม่มีไวยาวัจกรช่วยจัดการให้พระภิกษุสงฆ์แล้วก็ย่อมเป็นอาบัติอยู่นั่นเอง
       
       ส่วนการวิเคราะห์ทรรศนะจากการสัมภาษณ์นั้น ทรรศนะที่กล่าวว่าเงินทองเป็นเพียงแค่สิ่งสมมติเพราะเป็นเพียงกระดาษที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไม่มีค่าในตัวเอง ซึ่งต่างจากสมัยพุทธกาลที่เป็นเงินทองจริงๆ คำกล่าวนี้ย่อมขัดกับพระวินัยเพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามเงินทองเท่านั้น แม้ยางไม้ กระดูก หนัง เมล็ดผลไม้ที่สมมติเป็นเงินทองได้นั้นก็ย่อมผิดพระวินัย
       
       นอกจากนี้ หากเงินเป็นเพียงกระดาษจริงแล้ว ปัญหาการฉ้อโกงทรัพย์สินวัด ปัญหาการเรี่ยไรเงินทองโดยไม่สมควร และปัญหาการปลอมบวชเป็นพระเพื่อหวังทรัพย์สินเงินทองก็คงไม่เกิดขึ้นเพื่อแย่งชิงกระดาษซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมติอย่างแน่นอน การอ้างว่าเงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติแล้วสามารถใช้ได้นั้นยังขัดกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอภิธรรมปิฎกว่าเงินทองนั้นเป็นเพียงธาตุดิน จึงเป็นเพียงสิ่งสมมติและไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นและไม่ควรใช้แต่อย่างใด
       
       แต่พระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันกลับอ้างตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้าว่าเงินทองเป็นสิ่งสมมติที่ควรใช้ได้ ทรรศนะต่อมาที่ว่าเงินทองนั้นเป็นของส่วนตัวได้หากฆราวาสถวายเจาะจง คำกล่าวนี้ก็ผิดกับพระวินัยเพราะการรับเงินทองย่อมเป็นอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์และต้องสละเงินทองนั้นเสียก่อนเพราะเงินทองไม่ใช่บริขาร 8 และไม่ใช่ทั้งทรัพย์สินหลักและทรัพย์สินเสริมแต่ประการใด เพราะเงินทองนั้นเป็นอนามาสคือสิ่งที่ไม่ควรจับต้องเช่นเดียวกันกับร่างกายและเครื่องแต่งกายสตรี เงินทอง อาวุธ
       
       นอกจากนี้ พระภิกษุสงฆ์ที่กล่าวอ้างเรื่องนี้ยังบกพร่องต่อหน้าที่ในการให้ความรู้เรื่องพระธรรมวินัยแก่ฆราวาส แตกต่างจากท่านพระยสกากัณฑกบุตรที่ทำให้ชาวเมืองวัชชีเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่าพระภิกษุสงฆ์ไม่สามารถรับเงินและทองได้ พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นยังควรนำพระพุทธพจน์ที่ตรัสว่าควรถวายสงฆ์หรือส่วนรวมมากกว่ามาชี้แจง
       
       ทรรศนะอีกประการหนึ่งที่นำมาสนับสนุนการประพฤติย่อหย่อนในพระธรรมวินัยก็คือข้ออ้างที่ว่าสมัยปัจจุบันนี้มีความแตกต่างจากสมัยพุทธกาล ข้ออ้างดังกล่าวย่อมผิดกับหลักมหาประเทศ 4 เพราะหลักมหาประเทศสามารถใช้ได้ในทุกกรณีที่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงบัญญัติไว้และมีความทันสมัยและยืดหยุ่น
       
       อย่างไรก็ดี การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์นี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่ถูกต้องจึงไม่จำเป็นต้องนำหลักมหาประเทศ 4 มาอ้างอีก ในทางตรงกันข้ามการอ้างว่าต้องปรับพระธรรมวินัยนั่นเองที่เป็นการทำให้ขัดกับหลักการของพระธรรมวินัย การกล่าวอ้างว่าต้องปรับพระธรรมวินัยยังลดค่าพระธรรมวินัยอีกด้วย เพราะพระธรรมวินัยกลายเป็นของใช้ได้ชั่วคราวไม่ใช่สัจธรรมแต่อย่างใด
       
       วิธีคิดดังกล่าวยังขยายผลไปถึงความไม่เคารพในพระพุทธเจ้าได้ด้วย เพราะพระธรรมวินัยนั้นย่อมเกิดจากพระพุทธองค์และมีผลต่อความเสื่อมของพระพุทธศาสนาอีกด้วย พุทธศาสนาเถรวาทยอมรับมติในการสังคายนาที่พระมหากัสสปะเป็นประธานจึงไม่มีการลดทอนสิกขาบทแต่อย่างใด
       
       ดังนั้น คำกล่าวอ้างว่าพระภิกษุสงฆ์สามารถใช้เงินทองได้เพราะพระพุทธเจ้าทรงให้ลดทอนสิกขาบทเล็กน้อยได้นั้นจึงไม่ถูกต้อง ส่วนคำกล่าวอ้างที่ว่า พระภิกษุสงฆ์ในสมัยนี้ไม่สามารถประพฤติสิกขาบทตามพระธรรมวินัยได้เพราะเป็นเรื่องยาก คำกล่าวนี้ก็ย่อมแสดงว่าพระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ไม่น่าสรรเสริญตามพระธรรมวินัยเพราะประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์และยังล่วงสิกขาบท ทั้งๆ ที่ความยากลำบากนี้ยังไม่ได้ทำให้พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้น้ำตานองหน้าหรือถึงแก่ชีวิตแต่ประการใด
       
       เสนอทางแก้เพื่อรักษาพระธรรมวินัย
       
       จะเห็นได้ว่าทรรศนะต่างๆ ที่ขัดกับพระธรรมวินัยย่อมมีข้อโต้แย้งได้หลายประการ ทรรศนะการรักษาพระธรรมวินัยจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์นี้ ผู้วิจัยมีความเชื่อว่าหากใช้วิธีแก้ไขตามพระธรรมวินัยก็น่าจะเป็นทางออกที่สามารถทำได้และจะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวกับพระสงฆ์นี้อย่างถาวรอีกด้วย
       
       นอกจากการแก้ปัญหาโดยอาศัยพระธรรมวินัยแล้ว ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ ในฐานะผู้วิจัย คิดว่าทางออกของการแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินของพระสงฆ์นี้ยังต้องอาศัยวิธีส่งเสริมคุณภาพพระภิกษุสงฆ์ตามพระธรรมวินัย เช่น การปลูกฝังอุดมการณ์การบวช การศึกษาพระธรรมวินัย และการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดผสมผสานกับการแก้ไขเชิงระบบโดยอาศัยรัฐ เช่น การสร้างระบบกลั่นกรองพระภิกษุสงฆ์ให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยมีบทลงโทษที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการปลอมบวชต่อไป และควรทำฐานข้อมูลพระภิกษุสงฆ์เพื่อจะได้ทราบประวัติเพื่อป้องกันผู้เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสียบวชซ้ำและนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์ ทั้งยังเป็นการป้องกันการปลอมบวชได้อีกด้วย
       
       ส่วนการจัดการทรัพย์สินและการอุปถัมภ์ปัจจัย 4 โดยรัฐนั้นสามารถทำได้โดยตั้งกองทุนของวัดเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นกองกลางโดยบริหารจัดการภายในวัด ให้รัฐเป็นผู้สนับสนุนอุปถัมภ์งบประมาณทั้งหมด โดยอาศัยข้อกฎหมายในการดูแลจัดการทรัพย์สินแทนวัดและทรัพย์สินส่วนตัวหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคณะสงฆ์ให้มีการตรวจสอบระบบบัญชีได้อย่างโปร่งใสในทุกระดับ โดยมีการแบ่งแยกบัญชีส่วนตัวกับของวัดให้ชัดเจน
       
       นอกจากนี้ การจัดตั้งองค์กรของภาคสังคมและสภาชาวพุทธแห่งชาติที่ประกอบด้วย รัฐ คณะสงฆ์ และประชาชนเพื่อพัฒนาการพระศาสนาและอุปถัมภ์คณะสงฆ์ก็ดี การจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา เพื่อทำหน้าที่ดุจไวยาวัจกรในการจัดการด้านการเงินให้แก่คณะสงฆ์ก็ดี และการกลับเข้าไปหาพระธรรมวินัยดั้งเดิม เช่น อาศัยระบบไวยาวัจกรที่ซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ดูแลการเงินประจำวัดก็อาจเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้
       
       คัดเลือกไวยาวัจกรที่มีคุณภาพโปร่งใส
       
       งานวิจัยนี้ยังได้ชี้ทางออกของการแก้ปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์ว่า เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล วิธีแก้ไขก็คือการประพฤติพระธรรมวินัยให้ถูกต้องโดยมีไวยาวัจกรที่ซื่อสัตย์เป็นผู้สนับสนุน
       
       หากเป็นกิจการของวัดก็ใช้วิธีแก้ด้วยพระธรรมวินัย โดยมีไวยาวัจกรประจำวัดทำหน้าที่จัดการด้านการเงิน ทั้งนี้ต้องได้รับการสนับสนุนและตรวจสอบจากภายในวัดและชุมชนรอบวัดเพื่อความโปร่งใส และมีการตรวจสอบได้จากส่วนกลางซึ่งอาจเป็นมหาเถรสมาคมหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เป็นได้
       
       ขณะที่ปัญหาการจัดการทรัพย์สินส่วนรวมหรือของคณะสงฆ์นั้นต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยให้มีงบประมาณเพียงพอแก่การใช้สอยผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือมหาเถรสมาคม ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณจากเงินที่ได้โดยการบริจาคหรือจากธนาคารพุทธศาสนาก็เป็นได้ โดยให้ธนาคารพุทธศาสนาทำหน้าที่ดุจไวยาวัจกรในการดูแลทรัพย์สินของพระสงฆ์ไม่ให้ผิดพระธรรมวินัยและต้องมีระบบตรวจสอบที่โปร่งใสชัดเจน ทั้งจากฝ่ายพระสงฆ์และจากรัฐ
       
       แนวความคิดดังกล่าวจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีระบบไวยาวัจกรที่มีคุณภาพ ทั้งนี้การรับไวยาวัจกรก็จำเป็นต้องมีระบบคัดเลือกและตรวจสอบจากส่วนกลางอย่างมีคุณภาพเพื่อป้องกันปัญหาการฉ้อโกงและทุจริต เช่นเดียวกับระบบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดที่จะต้องสามารถเปิดเผยข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งจากภาคประชาชน คณะสงฆ์ และรัฐ โดยรัฐต้องออกกฎหมายสนับสนุนให้กิจกรรมเหล่านี้ดำเนินไปได้ด้วยดี
       
       โดยทั้งหมดนี้ล้วนต้องอาศัยหลักการในพระธรรมวินัยทั้งสิ้น พระภิกษุสงฆ์จึงต้องศึกษาและประพฤติปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง จึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งต่อพระภิกษุสงฆ์ต่อพระธรรมวินัยและต่อสังคมไทยสืบไป ถ้าหากพระภิกษุสงฆ์ไม่ศึกษาและประพฤติตามพระธรรมวินัยอย่างถูกต้องแล้ว ระบบใดๆ ก็ตามก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์นี้ได้อย่างที่เคยเป็นมาตลอด
       
       อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่องทรัพย์สินเงินทองของพระสงฆ์นี้มีมานานในสังคมไทยแล้วอย่างน้อยก็กว่าสองร้อยปี นับตั้งแต่ปรากฏอยู่ในกฎหมายตราสามดวง หากสืบค้นไปแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ผู้วิจัยจึงมีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าบัณฑิตในกาลก่อนก็พยายามที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้มาตลอดประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
       
       แต่ผลก็ยังคงเป็นดังเช่นที่ได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบันทั้งปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ใกล้เคียงกันเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไปบ้างตามบริบทของสังคมเท่านั้น คำตอบของปัญหาและวิธีการแก้ไขเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์นี้ก็อาจจะเป็นคำตอบเดียวกันตลอดมา ก็คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของพระธรรมวินัยที่ต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่ใจด้วยการดับกิเลส
       
       ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงอาจเป็นการย้อนรอยเดิมที่บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อนได้ย่อมาแล้ว และอาจเป็นการเปิดทางให้บัณฑิตในอนาคตได้เห็นร่องรอยของปัญหา รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในอนาคตที่น่าจะต้องมีอยู่ต่อไป ตราบที่มนุษย์ทั้งหลายยังไม่พ้นจากวงจรของกิเลสและความทุกข์

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000038620
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14390 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 18:13:27 »



ศีล ข้อที่ ๑๐ ที่สามเณร ต้องปฏิบัติ คือ

๑๐. ห้ามรับเงิน รับทอง

แต่พระท่านว่า สามารถรับปัจจัยได้  ที่อยู่ในรูปของเงิน ด้วยการนำเงินไปซื้อปัจจัย พระท่านต้องทำกิจกรรม  จะทำอะไร มันต้องใช้เงิน

จะว่าอย่างไร  จะทำย่างไร  ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง มีทั้งถูก และผิด

มันอยู่ที่เจตนา ผิดถูกท่านรู้ดี  แต่ ท่านไม่ยอมรับ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้!

ญาติโยมก็ชอบทำบุญด้วยเงิน  มันสะดวกดี พระท่านได้ของตามประสงค์ เราไม่เสียเวลาไปซื้อ ให้ท่าน  ท่านไปจัดการของท่านเอง

แต่ที่มันเป็นปัญหาคือ เงิน ที่เกินกว่าความจำเป็น ของพระท่าน ต่างหาก  ญาติโยมมันจำนวนมาก เงินมันมาก  เงิน นำมาซึ่ง ความคิดปรุงแต่ง  ความโลภ  ความอยาก  ที่ยังละไม่ได้  ผลมันจึงเป็นอย่าง ที่เห็น

แต่ถ้าท่านเอาชนะตนเองได้ ละได้ เรื่องตรวจสอบ ระเบียบ ต่าง ๆ มันไม่มีความหมายเลยทั้งสิ้น  แต่เพราะมันละไม่ได้ มันจึงไม่ยอมให้ตรวจสอบ ไงล่ะ

นี่ละความเป็นตัวกู  ของกู  หรือหลงอยู่ในความคิดตนเองละ !

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #14391 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 20:49:21 »



พี่ท่าน,
ยินว่าอากาศที่เจียงฮายบ่ดี๋?
หนูล่ะห่วงพี่ท่านซะจริงเชียว!
ต้องนี่คะ สวมออกนอกสถานที่
กันควัน กันฝุ่น กันแก๊ซเชียวค่า
สวมไปตีกอล์ฟยังได้ ใครจาทำไม!!




      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14392 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 20:54:43 »


มีนกสองตัว  ลองหาให้พบ ตัวมันเล็กมาก ๆ สีเขียว-น้ำเงินเข้ม

ทุกท่านเคย ดูโฆษณา น้ำดื่มสิงห์ ที่มีนกบินดื่มน้ำสิงห์ ไหม ?

ทีแรกพี่สิงห์  เข้าใจว่าเป็นนกปลอม

แต่วันนี้เห็นนกชนิดนั้น สองตัว บินแบบนั้น พยายามกินน้ำผึ่งที่เกษรดอกไม้ ต้นไม้ต้นนี้ ที่ อาคารรับรองของท่าน ว วชิรเมธี  ตัวมันเล็กมากแบบในทีวีเลย ครับ

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14393 เมื่อ: 08 เมษายน 2558, 08:25:03 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

วันนี้ ฝนตกแต่เช้าเลย เป็นเรื่องที่ดี อากาศจะได้ดีขึ้น ฝุ่นระออกลดลง อากาศเย็นลง และพืช สัตว์ ได้น้ำ

วันนี้ มาทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว  สมุทรสาคร  ขับรถมาทำงาน เพราะเกรงใจคนไปรับ  ก็ต้องฝึกตนเอง ให้ร่างกายมันปรับตัว และเราก็สำนึกว่าเราเป็นผู้ป่วย

วันนี้ คนงาน พนักงาน ดีใจ จะมีเงินกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะมีเงินโบนัส ออกวันนี้ คนงานทำงานเพียงครึ่งวัน

ฝนแรกต้อง ระวังร่างกาย  อย่าตากฝน เพราะอาจจะเป็นไข้หวัดได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14394 เมื่อ: 08 เมษายน 2558, 20:17:26 »



สวัสดียามค่ำ ทุกท่านครับ

วันนี้ฝนตก ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้

หนักมาก ปานกลาง  ตกน้อย ก็ยอม ๆ ไป สำหรับบางท่านที่โชคร้าย มีพายุฤดูร้อน บ้าน สวนทุเรียนเสียหาย  ก็ถือว่า เป็นกรรมไป  ฝนแล้งลำบากมากกว่า อย่าไปโทษฝนตกเลย

อย่างน้อยสุด อากาศที่ร้อนจัดในเดือนเมษายน ก็เย็นลง แม่น้ำมีน้ำมากขึ้น ปลาจะได้รอดตาย  พืชที่กำลังรอน้ำ ก็ได้น้ำ

ฝนตก ทำให้ชีวิตทุกชีวิต ทั้งพืช และสัตว์  สามารถอยู่ได้ต่อไป

อ่างเก็บน้ำสาธารณะ ที่หลังไร่ เชิญตะวัน  น้ำน้อยมาก จนต้นโพธิ์ ของท่าน ว วชิรเมธี  ใบเหลือง กำลังจะตาย  หวังว่าฝนตกครั้งนี้ จะทำให้ต้นโพธิ์ รอดชีวิตได้  มีใบเขียว  ทันได้ออกทีวี  รวมทั้งหญ้า  ต้นลำไย และต้นไม้ต่าง ๆ ในไร่เชิญตะวัน  จะมีใบเขียว ทันออกทีวี เช่นกัน

ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #14395 เมื่อ: 08 เมษายน 2558, 21:43:42 »


สวัสดีครับ พี่สิงห์. พี่เหยง  พี่ป้อม  น้องหนุงหนิง

ผมเข้ามาอ่านบทความดีๆ เป็นประจำแต่ไม่ได้ โพสต์ 

ดีใจที่พี่สิงห์ ขับรถเองได้ แสดงว่าแผลผ่าตัดน่าจะเข้าสู่ปกติแล้วครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14396 เมื่อ: 09 เมษายน 2558, 06:04:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 08 เมษายน 2558, 21:43:42

สวัสดีครับ พี่สิงห์. พี่เหยง  พี่ป้อม  น้องหนุงหนิง

ผมเข้ามาอ่านบทความดีๆ เป็นประจำแต่ไม่ได้ โพสต์  

ดีใจที่พี่สิงห์ ขับรถเองได้ แสดงว่าแผลผ่าตัดน่าจะเข้าสู่ปกติแล้วครับ


หญ้าขาดน้ำ มันเป็นสีนี้


สวัสดีครับ คุณสมชาย

ขอบคุณมาก

ขับรถได้  แต่ขับไกล รถติด มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน

ต้องพ้นสองเดือน คือสิ้นเดือนเมษายน ถึงจะแน่ใจได้ว่าแผลหายเป็นปกติ

คุณสมชาย สบายดีทั้งสองคนนะครับ

รักษาสุขภาพกาย-ใจ ด้วย  ต้องดูแลมันบ้าง

ดูแลกาย เรื่องอาหาร  ออกกำลังกาย  นอนหัวค่ำ

ดูแลจิต  ด้วยการเจริญสติภาวนา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14397 เมื่อ: 09 เมษายน 2558, 06:09:19 »


หญ้าขาดน้ำมีใบเหลืองใกล้ตาย  ออกทีวีไม่ดีแน่

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

ขอบคุณมาก

หน้ากากแบบนั้น มันไม่มีขายทั่วไป และแพง

พี่สิงห์  มีเพียงหน้ากากของ ๓ เอ็ม เป็นใยกระดาษ ปิดปาก จมูกเท่านั้น

มันแพ้ควันไฟ  อากาศ เฉพาะวันแรก  รับประทานยาแก้แพ้ พอวันที่สองมันก็ชิน

กลับมากรุงเทพฯ มันก็หายไม่เป็นอะไร

เธอและครอบครัว  สบายดีนะ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14398 เมื่อ: 09 เมษายน 2558, 08:27:20 »



น้อยคนนัก ประชาชนคนไทย ที่นับถือพุทธศาสนา จะรู้ว่า

ร่างกาย จิตใจที่เราหลงคิดว่าเป็น เรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นของเรา นั้น เป็นความเห็นที่ผิด เพราะพระโดยทั่วไป ท่านก็เห็นเป็นตัวกู  ของกู เหมือนกัน เมื่อท่านเห็นดังนี้ ท่านก็เลย ไม่สอนเรื่องรูป-นาม เพราะท่านก็ไม่เข้าใจในรูป-นาม เหมือนกัน

ผลคือ ประชาชนคนไทย ไม่รู้ความจริงในชีวิตว่าประกอบไปด้วยอะไร เราเกิดมาทำไม บนโลกใบนี้ จึงมีแต่หลงเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์  อ้อนวอนให้ช่วย ไม่เชื่อเรื่องกรรม  
ดังนั้น พุทธศาสนาในประเทศไทยจึงเป็น แบบ ยันตระ คือสวด อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ ไปสิ้น จึงมีแต่เสื่อม กับเสื่อม เพราะเข้าใจผิด ตรงกันข้ามกับคำสอนของพระพุทธองค์ เสียสิ้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14399 เมื่อ: 09 เมษายน 2558, 18:32:36 »




สวัสดี ยามเย็น ทุกท่านครับ

วันนี้ อากาศไม่ร้อนมากนัก

ได้เดินทางไปสระบุรี รถติดมาก แสดงว่า คนกำลังเดินทางกลับไปบ้านในเทศกาลสงกรานต์

กลางวันไปรับประทานชาบูผัก ที่ร้านสระบุรี

บ่ายไปดูพื้นที่สร้างโรงงาน Hollow Core Slab สำหรับโรงงาน PSTC

บ่าย ๔ โมงเย็น ไปรดน้ำศพ คนงานทำความสะอาดของโรงงาน PSTC ที่เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน เข้าใจว่าช๊อคจากการขาดน้ำตาลกระทันหันในเลือด ผลคือหัวในวายตาย และอยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยทัน

ตอนนี้ กลับมาบ้าน กทม. แล้วครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 574 575 [576] 577 578 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><