โรงเรียนอินทโมลีประทาน มีนักเรียนประมาณ 2,300 คน เปิดถึง ม.3
ธรรมนิยาย ลีลาวดี ตอน 9
๑. ความจริงเปิดเผย
๒. ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
๓. จะรักใคร อย่ารักสุดหัวใจ
๔. ถ้าใครมาตำหนิเรา เขาคือผู้ให้ขุมทรัพย์
ความจริงถูกเปิดเผย
ลีลาวดีเมื่อรู้ความจริงทั้งหมด ก็เลยบวชเป็นภิกษุณี เที่ยวตามหาพระเรวัตตะ มาตลอด จนเดินทางมาถึงวัดเวฬุวัน ขอพบพระเรวัตตะ เมื่อท่านสืบแน่ชัดว่าใช่
พระเรวัตตะด้วยความโกรธ(รักมาก ก็โกรธมาก) จึงไม่ยอมให้พบ ภิกษุณีลีลาวดี มาอ้อนวอนที่กุฏิ ก็ไร้ผล สุดท้ายนางล้มป่วยลงด้วยความตรอมใจ
พระเรวัตตะก็หนีไปบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำสุกรขาตา แต่ก็ไร้ผล กายสงบ แต่ใจมีแต่ลีลาวดี พรุ่งพล่านไม่เป็นสมาธิ
นางภิกษุณีลีลาวดา ให้คนมาบอกว่า ขอพบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย เพื่อบอกความจริงให้พระเรวัตตะทราบ
เมื่อพระเรวัตตะมาพบเธอนอนจมไข้ หายใจรวยริน โดยมีนางภิกษุณีอาวุโสดูแลอยู่ ไม่มีริ้วรอยความสวยหลงเหลืออยู่เลนด้วยความตรอมใจจากความรัก "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" รักมาก รักหมดหัวใจก็ทุกข์มากเท่านั้น
ภิกษุณีลีลาวดีมองหน้า อธิบายความจริงให้ทราบ เรื่องจดหมาย ชาตินี้เธอใช้กรรมหมดแล้ว ขอให้พระเรวัตตะอภัยให้เธอด้วย ชาติหน้ามีจริง ขอให้เธอได้สมหวังพระเรวัตตะ
พระเรวัตตะ ได้กล่าวขอโทษต่อนาง และให้อภัยนาง แต่ชาตินี้มีกรรมขอใช้กรรมเก่าให้หมดไป ขอพบกันในชาติหน้า ตนยกโทษให้
ภิกษุณีลีลาวดี ยิ้มด้วยน้ำตา เธอหลับตาลง หายใจแผ่วเบาลง ๆ สิ้นใจไปอย่างสงบ
พระเรวัตตะได้ฌาปนกิจศพเธออย่างสมเกียรติ และเอากระดูเธอใส่เจดีย์เอาไว้ที่ข้างประตูวัดพระเวฬุวัน และทุกคืน จะมานั่งอยู่กับเจดีย์จนเห็นแสงเงินแสงทองจึงจากไป
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
พระเรวัตตะ ถึงจะสอนคนมามากแต่ก็มาติดบ่วงความรัก จึงมีแต่ทุกข์ จนไม่สามารถบำเพ็ญความเพียรได้ ท่านพยายามหลบไปบำเพ็ญเพียรที่ถ้าสุกรขาตา
วีนหนึ่งขณะท่านบำเพ็ญเพียร ก็เห็นหฐิงงาม พยายามปีนยอดเขาขึ้นมา แล้วก็นั่งร้องให้ น่าเวทนายิ่ง ท่านจึงส่งเสียงให้ทราบ แล้วไปสนทนาด้วย
ดูกรกุลธิดา ทำไม่ท่านโศกนัก นางบอกว่านางผิดหวังความรักจากชาย จึงคิดจะมาฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดหน้าผา
ดูกรกุลธิดา ถึงแม้เธอจะโดดลงไปตายสมใจ แต่เธอจะตายแต่ร่าง ส่วนใจนั้น จะติดไปเกิดในภพใหม่ ทุกครั้งที่เกิดมีแต่ทุกข์ รักมาก ก็โศกมาก ทุกข์มาก ดูอย่างเราเป็นต้น(ท่านเล่าความรักของท่านให้ฟัง)
การแก้ปัญหามีสองทางคือ หนึ่งฆ่าตัวตาย(แต่ใจไม่ตาย) สองคือ อดทน แล้วมันจะผ่านไป เราแก้ปัญหาของเราด้วยความอดทน จึงได้หนีมานี่ละ
นางจึงคลายโศกลง
จะรักใคร อย่ารักหมดใจ
เมืาอนางคลายโศกลง และไม่คิดค่าตัวตาย ท่านจึงสอนต่อไปว่า ต่อไปจะรักใคร อย่ารักหมดหัวใจ ให้แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยเอาความรักที่เหลือไปแบ่งให้พ่อ-แม่ญาติ เพื่อ ครูอาจารย์ เพื่อว่าเมื่อผิดหวังจะได้ไม่โศกหมดใจจนคิดฆ่าตัวตาย
กระจกมีสองด้าน
ทุกสิ่งในโลกนี้มีสองด้านเสมอ เมื่อสุข ก็มีทุกข์ สมหวัง ก็ผิดหวัง มีมืด ก็มีสว่าง ฉนั้น จงเผื่อใจไว้บ้าง จะได้ไม่เสียใจแบบเดิมอีก
นางเห็นธรรมความจริงดัง พระเรวัตตะสอน จึงได้ก้มลงกราบ ไม่คิดฆ่าตัวตาย และจะไม่รักใครหมดหัวใจ จะใช้ความอดทนเอาชนะใจตนเอง
พระเรวัตตะ สุขใจที่ได้ช่วยชีวิตนาง และทำให้ตนเองลืม ลีลาวดีลงได้บ้าง สงบขึ้น
ใครมาด่าว่าเรา นั่นเขากำลังให้ขุมทรัพย์
มีภิกษุลูกเศรษฐีมาบวช ไม่ชอบให้ใครมาสอน และท่านก็ไม่ประพฤติธรรม เอาแต่ใจตนเอง จนเป็นที่เอือมระอาของเหล่าภิกษุ ด้วยกัน
ดังนั้นวันหนึ่งท่านจึงไปพบ ได้ยกตัวอย่างมากมาย จนในที่สุดท่านก็เอาชนะได้ ภิกษุก้มลงกราบ เพนาะตนเป็นคนรวย เอาแต่ใจตนเอง จึงมองไม่เห็นการกระทำของตนเองว่า ไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน บัดนี้ท่านรู้ตัวแล้ว จึงก้มกราบท่านที่ชี้ขุมทรัพย์ ที่ตนมองไม่เห็นได้
อย่าลืมนะครับ อย่าหลงอยู่ในความคิด "ใครมาด่าว่าเรานั้น เขากำลังให้ขุมทรัพย์แก่เรา ที่เรามองจิตเราไม่ห็น แต่งคนอื่นเขามองเห็น เราก็แก้เสีย จะมีแต่สุขยิ่ง เป็นการลดทิฏฐิ ตนเอง ละความยึดมั่น ถือมั่นในตนเอง
จบครับ
สวัสดี