24 พฤศจิกายน 2567, 11:29:46
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 516 517 [518] 519 520 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3572414 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 35 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12925 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2557, 16:40:04 »



พี่พงษ์   จิรโสภณ

นามรูปังอนิจจัง  นามรูปังทุกขัง  นามรูปังอนัตตา




พี่สิงห์  อยู่วัดธาตุทอง ศาลา ๑๔

ได้คุยกับพี่ชายพี่พงษ์  ที่เป็นชาวซีมะโด่ง เล่าให้ฟังว่า ตอนหลังพี่พงษ์  ไม่ยอมกินข้าว น้ำหนักเลยทรุด ไปอยู่ลพบุรีได้ไม่นานเลย อยู่กับน้องสาว  ก็จากไป  ได้แจ้งให้พี่สันติ(ใต้ฝุ่น) ช่วยลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐให้

ได้พบ ดร.สุริยา  เมา  อ.เกรียง  พี่เต่า  วนิดา ตะวัน พี่ สว.ชรินทร์ และ....

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12926 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2557, 19:37:24 »





สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

วันนี้ พี่สิงห์  ได้ไปรดน้ำศพของ พี่พงษ์   จิรโสภณ  ซีมะโด่ง 2507 ผู้จากไป  ตามวัฏฏะสงสาร

ทุกคนต้องตาย  จะตายช้า ตายเร็ว ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย เหลือเอาไว้แต่ความดี ให้ระลึกถึง

พี่พงษ์  เป็นพี่ที่น่ารักของพวกเราชาวซีมะโด่งยิ่ง ซีมะโด่งทัวร์  ถ้าขาดพี่พงษ์  ไปก็ไม่สนุก

นอกจากนี้สมัยที่พี่สิงห์ เป็นประธานชมรมฯ  พี่พงษ์  ก็เป็นท่านหนึ่งที่เป็นกำลังหลักของชมรมฯ  ต้องขอขอบคุณยิ่ง

วันนี้ชาวค่ายฯ จุฬาฯ ชาวซีมะโด่ง และญาติ ๆ ได้มาร่วมงานรดน้ำศพ และฟังพระสวดพระอภิธรรม จำนวนมากทั้งในและนอกศาลา ๑๔ วัดธาตุทอง

ขอให้วิญญาณของพี่พงษ์  จิรโสภณ  ได้รับรู้ถึงคุณงามความดีของพี่ ที่มีต่อชาวซีมะโด่ง  ชาวค่าย และญาติพี่น้อง ที่มาร่วมระลึกถึงพี่พงษ์ ในวันนี้

ขอให้วิญญาณพี่พงษ์  จิรโสภณ  ไปสู่สุขคติภพใหม่ ตามกรรมดีที่ได้ทำเทอญ

สวัสดร
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12927 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2557, 08:36:32 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

วันนี้เวลาประมาณ 18:30 น ทางสมาคมซีมะโด่ง เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม หน้าหีบศพ พี่พงษ์   จิรโสภณ  รุ่นพี่ชาวซีมะโด่ง 2507 เป็นนิสิตเก่า คณะรัฐศาสตร์ รุ่น 2507 และเป็นนิสิตเก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ รุ่น 2508

พี่สิงห์  ขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ที่มีเวลา ไประลึกถึง คุณความดีของพี่พงษ์   จิรโสภณ  ที่มีต่อชมรมซีมะโด่ง และพวกเราชาวซีมะโด่ง เสมอมา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12928 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2557, 18:00:48 »


อุโบสถย์ วัดธาตุทอง









อยู่ วัดธาตุทอง ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12929 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2557, 19:31:58 »



วันนี้ มีชาวซีมะโด่ง ไปฟังพระสวดพระอภิธรรม จำนวนมาก

รูปต้องรอให้ คุณอดิสร  เอามาโพสต์ ครับ

และขอขอบคุณชาวซีมะโด่งทุกท่าน ที่มาระลึกถึง พี่พงษ์  จิรโสภณ และฟังสวดพระอภิธรรม วันนี้พระสวด ติลักขณาทิคาถา  ภัทเทกรัตตคาถา สัพพปัตติทานคาถา บทแรกจำไม่ได้

พี่พงษ์   จิรโสภณ  ได้รับทราบแล้ว(อยู่ ๆ ก็มีกลิ่นศพ มากระทบให้รู้สึกได้ แล้วก็หายไป ขณะนั่งอยู่ในศาลา  ที่มีคนมากแต่คนอื่นไม่รู้สึกได้ เหตุการแบบนี้เกิดขึ้น ที่เวลาไปงานศพ  เฉพาะผู้ตายที่สนิทกัน เท่านั้น เพราะเขาต้องการสื่อให้ทราบแต่อยู่คนละภพจึงไม่สามารถติดต่อกันได้ ได้แต่แสดงโดยกลิ่น หรือขวัญธูปตามไป เท่านั้น)

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
supichaya
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: เศรษฐศาสตร์
กระทู้: 213

« ตอบ #12930 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2557, 10:03:52 »

ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12931 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2557, 12:14:27 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

ต้องไปเยี่ยมหมอพีร์  บรรจง ป่วยเลือดออกทางจมูกมาสามวันแล้ว ทั้ง ๆ ที่อุดจมูกไม่ให้หายใจ ต้องหายใจทางปาก  คุณหมอที่โรงพยาบาล ขัดแย้งกันสองท่าน เลยไม่ได้รับการดูแลที่ดี ทั้งที่หมอพีร์ ก็เป็นหมออยู่โรงพยายาลสิงห์บุรี  หมอวิฑิต  พ่อก็เป็นรองผู้อำนายการโรงพยาบาลสิงห์บุรี อต่กำลังเกษียรวันที่ 3 กันยายน นี้ แม่ก็เป็นพยาบาลอยู่สิงห์บุรี ขอเกษียรก่อนเวลา แต่ไม่ได้รับการดูแลจากเพื่อนหมอด้วยกัน อาการแย่ลง จึงตัดสินใจย้ายจากโรงพยาบาลสิงห์บุรี ไปอยู่โรงพยาบาลลพบุรีแทน

เหตุการแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย  

แสดงว่า ประชาชนทั่วไปนั้น ไม่มีที่พึ่งที่ดีในการรักษาพยาบาล เพราะยังมีคุณหมอ ไร้น้ำใจอยู่จำนวนมากตามโรงพยาบาลของรัฐ

นึกสังหรณ์ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  ว่าต้องมีอะไรไม่ปกติเกิดขึ้นกับครอบครัว

ผู้อำนวยการลพบุรี เป็นอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรี และมีหมอ หู ตา คอ จมูก สามท่าน พรุ่งนี้ส่องกล้องหาสาเหตุแท้จริง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12932 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2557, 14:51:36 »

พี่สิงห์


เสียชื่อครับ ที่"จังหวัดสิงห์บุรีได้ชื่อว่าเป็นเมืองน่าอยู่ที่สุด" ไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12933 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2557, 17:56:45 »



สวัสดีครับ คุณเหยง

หัวกระบวนมันไม่ดี ตอนนี้ หมอ เภสัช ทันตแพทย์ พยาบาล ลาออกไปทำงานเอกชนม์ กันหลายคนแล้ว สู้ผู้อำนวยการคนเดิม ที่ย้ายไปอยู่ลพบุรีไม่ได้

วันนี้ตอนไปเยี่ยมหมอแพต คุณหมอวีระศักดิ์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลพบุรี  อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรี ก็มาเยี่ยม และสั่งให้หมอเฉพาะทาง รักษาส่องกล้องเลยพรุ่งนี้เพราะกลัวแผลที่สำลีอุดเอาไว้ไม่ให้หายใจมาสามวันเน่า วันเสาร์ก็ทำงาน

อย่าลืมโรคแพ้อากาศ ก็อันตรายเพราะเวลากระทบอากาศเย็นดึก ๆ เลือดกำดาวจะไหล เพราะความดันเลือดมันสูง และไหลไม่หยุด กินข้าวก็ได้ทีละน้อย  หายใจทางปาก เพื่อน ๆ หมอพีร์ที่เป็นหมอเฉพาะทาง อยู่ไกล จึงมาดูไม่ได้  ได้แต่แนะนำหมอพีร์ทาง line มัันต้องส่่องกล้องหาสาเหตุ ที่แท้จริง  ว่าเส้นเลือดเส้นไหน ขาด แตก ที่เป็นสาเหตุเลือดไหลมาก

ตอนนี้หมอพีร์  น้ำหนักลดมากเพราะเลือดไหลออกมาก และกินข้าวได้น้อยเพราะมันจะทำให้แผลที่จมูกเจ็บจนน้ำตาไหล

วันนี้ ลูกน้องแผนกปฐมภูมิ มาเยื่อมสิบกว่าคน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12934 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2557, 14:19:44 »





สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เมื่อคืน นอนหลับดี เป็นปกติ ไม่กระสับกระส่าย แสดงว่า บุคคลในครอบครัว หรือใกล้ชิด เป็นปกติ

ก็เป็นจริง คุณหมอพีร์  หลับได้ดี เลือดหยุดไหลแล้ว คุณหมอ สามารถเปิดเอาสำลีออกจากจมูกได้ข้างหนึ่งแล้ว จะได้หายใจสะดวก เพราะหายใจทางปากมาสี่วันแล้ว ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้น แผลยังอักเสบอยู่ คุณหมอ  จึงยังอุดสำลีเอาไว้ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่า เลือดหยุดไหลจริง ๆ

เมื่อวันที่ 22-23 สิงหาคม ที่ผ่านมาก็เช่นกัน กระสับกระส่าย ว่าง อยากไปวัดป่าสุคะโต  มากแต่เพราะอายุมาก กลัวเรื่องการขับรถหลับ จึงไม่ได้ไป เพราะตั้งใจเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า จะไปเยี่ยมหลวงพ่อคำเขียน  สุวณฺโณ

ผลคือ ก็ไม่ได้ไป และหลวงพ่อคำเขียน  สุวณฺโณ  ก็จากไปจริง ได้แต่ไปกราบสรีระสังขาร ท่านเท่านั้น  

เดี๋ยวนี้ เวลาสังหรณ์ใจอะไร เลยต้องกระทำไม่รอช้า เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว

วันจันทร์ที่ ๑ กันยายน มีกิจต้องกระทำสองเรื่อง คือ ไปทำบุญที่วัดพระนอน และต้องไปเผาพี่พงษ์  จิรโสภณ  เวลา 17:00 น. ก็ต้องกระทำทั้งสองอย่าง ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้

วันเสาร์ที่ ๖ กันยายน  ก็จะไปปลงสรีระสังขารหลวงพ่อคำเขียน  สุวณฺโณ  ที่วัดภูเขาทองวนาราม หมู่บ้านมะไฟหวาน  อำเภอแกร่งคร้อ  จังหวัดชัยภูมิ

อย่าลืมการปฏิบัติธรรมต้องมีสัจจะต่อตนเอง และต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง อย่าทำ ๆ หยุด ๆ ต้องประกอบไปด้วยความเพียรยิ่ง เอาชนะมารและเสนามาร ที่ยกกองทัพเข้ามาราวีจิตของเรา อย่ายอมแพ้ ต้องสู้ให้ถึงที่สุด  จิตมนุษย์นั่นต้องฝึก เพราะฝึกได้ ตามคำสอนของพระพุทธองค์

อาทิตย์นี้ อยู่บ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12935 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2557, 14:29:31 »



คุณโยธิน  นายกสามาคมซีมะโด่ง

มอบเงินทำบุญของสมาคม และของชาวซีมะโด่ง

ให้กับพี่พีระ จิรโสภณ น้องชายของพี่พงษ์  จิรโสภณ  ซึ่งก็เป็นชาวซีมะโด่ง เช่นกัน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12936 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2557, 19:36:22 »


สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

ช่วงนี้มาร และเสนามาร ยกกองทัพมาโจมตีพี่สิงห์  มาก เผลอไม่ได้จะตกอยู่ในความคิดนิดเดียว ถูกโจมตีทันที  ก็ต้องสร้างความรู้้สึกตัวจากทวารทั้งหก คือเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัมผัส รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมมารมณ์ ก็ให้รู้สึกตัว เพื่อให้ตัดความคิดออกไป ไม่ให้หลงอยู่ในความคิด เพราะจิตมันชอบคิด

มนุษย์นั้น จะรู้สึกตัวได้จากอายตนะ ภายใน ที่เป็นทวารเปิดรับ หรือความรับรู้ หรือวิญญาณ  แต่เราอย่าไปคิด ให้รู้สึกตัว เป็นผู้ดู  ผู้รู้เท่านั้น อย่าไปเป็นผู้คิด ผู้รู้ ผู้เป็น

ต้องระวังตนเองด้วยความเพียรยิ่ง และมีศีลเป็นตัวกำกับ ไม่ให้เผลอไปกับกาย และวาจา ที่ยังรักษาได้ แต่ใจนั้นรักษาอยาก  การจะรักษาใจได้นั้น จะตัดมันได้ต้องระดับพระอรหันต์

เรายอมแพ้้จิตมันไปก่อน แต่ไม่ยอมแพ้ทางกาย  วาจา ที่เป็นกิเลสอย่างหยาบ  

การรู้สึกตัวเท่านั้น ที่จะทำให้เราพอจะเอาชนะจิตได้ ไม่เผลอใจ ไปตามมารและพระยามาร ที่มันโจมตีทางจิต

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12937 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2557, 07:35:26 »

สวัสดีครับพี่สิงห์


วันนี้ไปไหนครับ หรืออยู่บ้าน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12938 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2557, 11:27:05 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

วันนี้อยู่บ้าน  เช้าไปออกกำลังกายตีกอล์ฟ ตีได้ Hole in One ที่หลุม 8 รอบ West ระยะ 162 หลา ตีทวนลม ใช้เหล็ก 5 ตีตกทางซ้ายของหลุม หนึ่งหลา ลูกวิ่งตาม line ลงหลุมไปเลย

วันนี้อาจจะไปเฝ้าคุณหมอแพต ที่โรงพยาบาลลพบุรี

และมีนัดกับเลขา อาจารย์ถาวร  สอนโยคะ เพราะเขาปวดต้นคอเวลานอน  คงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอนใหม่

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12939 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2557, 20:02:30 »









วันนี้เที่ยง RCU กระบี่เลี้ยงต้อนรับ สมาคมซีมะโด่ง

คุณสุภา  แห่งการบินไทย  กระบี่ แจ้งมา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12940 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2557, 20:55:40 »

ระลึกถึง พี่พงษ์   จิรโสภณ

ฌาปนกิจศพ วันที่ ๑ กันยายน เมรุวัดธาตุทอง เวลา 17:00 น.



ผมรู้จัก พี่พงษ์   จิรโสภณ เมื่อตอนที่ผมมารับตำแหน่ง เป็นประธานชมรมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาฯ หรือชมรมซีมะโด่ง ของชาวหอจุฬาฯ ครั้งแรก เมื่อผมมารับมอบตำแหน่งต่อจากท่าน อดีต สว.ตาก พี่ชรินทร์  หาญสืบสาย และผมได้เรียนเชิญพี่พงษ์  จิรโสภณ ด้วยวาจาในครั้งนั้น ขอให้พี่พงษ์  เป็นกรรมการชมรมด้วย ซึ่งพี่พงษ์  ก็ตอบรับด้วยความยินดี และเป็นกำลังหลักของชมรมซีมะโด่ง ตลอด ๓ สมัย ๖ ปี ที่ผมเป็นประธานชมรม

   พี่พงษ์  จิรโสภณ เป็นชาวซีมะโด่ง รุ่นที่ 2507 เป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 2507 และเป็นนิสิตคณะสถาปัตย์กรรมศาสตร์ รุ่น 2508

   พี่พงษ์ เป็นพี่ที่น่ารักของน้อง ๆ ชาวซีมะโด่ง ยิ่ง เป็นคนทันสมัย มีความกระตือลือล้น มีความคิดสร้างสรรค์ รับผิดชอบ ไม่เคยปฏิเสธ ในการทำงานของชมรม รักในการทำงานให้ชมรม ให้กับชาวหอเป็นอย่างมาก

   ในการจัดซีมะโด่งทัวร์ ครั้งแรก ที่เรียกว่าทัวร์ปลาแรด พาชาวซีมะโด่งไปท่องเที่ยวที่จังหวัดอุทัยธานี พี่พงษ์ สองพงษ์ (ซีมะโด่ง รุ่น 2507 มีคนชื่อพงษ์ สามท่าน คือ พี่พงษ์  จิรโสภณ พี่เกียรติพงษ์  มีเพียร และพี่พงศ์  ปริญญาโรจน์ เป็นซีมะโด่ง รุ่น 2507 ร่วมกับพี่ชรินทร์  หาญสืบสาย) คือพี่พงษ์มีเกียรติ(ชื่อมีคำว่า “เกียรติ”) หรือ ศาสตราจารย์ พล.ต.ต ดร. เกียรติพงษ์  มีเพียร และพี่พงษ์ไม่มีเกียรติ(ชื่อไม่มีคำว่า “เกียรติ”) หรือ พี่พงษ์  จิรโสภณ (ซึ่งฉายานี้ พี่ปิ้ง เป็นคนตั้ง และทุกคนก็รับทราบยอมรับตลอดมา) รับหน้าที่เป็นพิธีกร บนรถ สร้างความสนุกสนานให้กับพวกเราชาวซีมะโด่ง และตอนหลังพัฒนาเป็นรายการสถานีวิทยุโอ้โลม ปฏิโลม โดยมีพี่ ปิ้ง  เป็นเจ้าของสถานี เวลาเราจัดทัวร์ไปต่างจังหวัด เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับพวกเราชาวซีมะโด่ง ขณะอยู่บนรถทัวร์

   พี่พงษ์  ชอบเล่าเรื่องประสบการณ์ในการทำงานที่ประเทศบรูไนยิ่ง เพราะมีความหลังมากมาย มีหนังสือสกุลไทยเป็นเพื่อน  พี่พงษ์ อ่านจนสามารถถักโครเช ได้ เพราะในสมัยนั้น ประเทศบรูไน  กำลังพัฒนาจึงไม่มีอะไรเลย

   พี่พงษ์  เป็นอีกท่านหนึ่งที่ถ่ายภาพได้สวย  ได้ถ่ายภาพพวกเราชาวซีมะโด่งทัวร์ ที่สวยงาม มาให้น้อง ๆ

   พี่พงษ์  ชอบคุยกับเด็ก ๆ โดยเฉพาะลูกของคุณทรงเกียรติที่ชื่อแมงหวี่  อาจจะเรียกว่า  แมงหวี่ เป็นเพื่อต่างวัยย์ของพี่พงษ์  ก็ว่าได้

   พี่พงษ์  เป็นนักกิจกรรม  ชอบทำกิจกรรมในการสงเคราะห์ที่เกิดประโยชน์แก่สังคม

   ความดีของพี่พงษ์  ยังมีอีกมากมาย ให้ระลึกถึง

   การจากไปของพี่พงษ์ จิรโสภณ นั้นรวดเร็วเกินความคาดหมายของพวกเราชาวซีมะโด่ง ที่คอยเป็นกำลังใจ  คอยติดตาม โทรศัพท์ ไปคุย ไปเยี่ยม  เสมอมา
 
ขอให้ดวงวิญญาณของพี่พงษ์  จิรโสภณ  จากโลกนี้ไปแบบไม่มีอะไรยึดมั่นถือมั่นทั้งสิ้น

        พี่พงษ์  จิรโสภณได้ทำหน้าที่ ที่เกิดมานั้นสมบูรณ์แล้ว  ยกเว้นเรื่องเดียว คือไม่มีครอบครัว เช่นเดียวกับผม  แต่ก็เป็นเรื่องปกติของสังคมในปัจจุบัน
 
         ขอให้ดวงวิญญาณของพี่พงษ์  จิรโสภณ  ไปสู้สุคติภพในสรวงสวรรค์ เทอญ

   ในโอกาสนี้ ผมขอนำ พระสูตร ที่พระสารีบุตร ได้แสดงธรรมให้ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี รับฟังในขณะที่ท่านกำลังป่วยหนัก ใกล้จะถึงแก่กรรม ให้ทั้งดวงวิญญาณของพี่พงษ์   จิรโสภณ  และญาติ มิตร ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้นำไปพิจารณา


อนาถปิณฑิโกวาทสูตร

อนาถบิณฑิกเศรษฐีป่วยหนักใกล้จะถึงแก่กรรม
   อรรถกถากล่าวถึงคำบอกเล่าว่า  แต่ไหนแต่ไรมา เมื่อยังเดินได้เป็นปกติ  ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จะเข้าวัดถวายการอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธองค์วันละ ๒-๓ ครั้งไม่เคยขาด และได้อุปถัมภ์บำรุงพระมหาเถระ (เช่น พระสารีบุตร  พระมหาโมคคัลลานะ เป็นต้น) เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อพระพุทธองค์ทุกอย่าง แต่คราวนี้ท่านป่วยหนัก  นอนอยู่กับที่  ลุกเดินไม่ได้ เป็นวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว

หลักธรรมสำหรับผู้ป่วยหนัก
   ในการแสดงธรรมโปรดท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีนี้น พระสารีบุตรได้แนะนำด้วยวิธีไม่ให้ยึดมั่น ในเรื่องต่อไปนี้ คือ
-   ไม่ยึดมั่นในอายาตนะภายใน ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยอายตนะภายในนั้นๆ เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในอายาตนะภายนอก ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์ และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยอายตนะนั้นๆ เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในวิญญาณ-ความรับรู้ ๖ คือ จักษุวิญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ  กายวิญญาณ มโนวิญญาณ และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยวิญญาณ ๖ นั้นๆ เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในสัมผัส(ผัสสะ) ๖ คือ สัมผัสทางตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยสัมผัสนั้นๆ  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยสัมผัสนั้นๆ เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในเวทนา(ความรู้สึก) ๖ คือ เวทนาที่เกิดจากสัมผัส ๖ นั้นๆ  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยเวทนานั้นๆ  เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในธาตุ ๕ คือ ปฐวีธาตุ  อาโปธาตุ  เตโชธาตุ  วาโยธาตุ  อากาสธาตุ  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาสัยธาตุนั้นๆ เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในขันธ์ ๕ คือ รูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้อาศัยขันธ์นั้นๆ เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในอรูป ๔ คือ อากาสานัญจายตนะ  วิญญาณจายตนะ  อากิญจัญญายตนะ  เนวสัญญานาสัญญายตนะ  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยอรูปนั้นๆ  เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในโลกนี้  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยโลกนี้  เกิดขึ้นได้
-   ไม่ยึดมั่นในโลกหน้า  และไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยโลกหน้า  เกิดขึ้นได้
และพระสารีบุตร ได้กล่าวแก่ท่านอนาถบิณฑิกะว่า “คฤหบดี ! เพราะฉะนั้น ท่านพึงใส่ใจนึกว่า อารมณ์ใดที่เราได้เห็น  ได้ฟัง  ได้ทราบ  ได้รู้แจ้ง  ได้ค้นหา  ได้เพ่งพิจารณาด้วยใจแล้ว  เราจักไม่ยึดมั่นในอารมณ์นั้นๆ  และจักไม่ให้วิญญาณ-ความรับรู้ที่อาศัยอารมณ์นั้นๆ  เกิดขึ้นแก่เราได้  ขอใส่ใจนึกไว้อย่างนี้เถิด”

คฤหัสถ์ก็ควรได้ฟังธรรมที่สอนบรรพชิต
   สิ้นสุดคำเทศนาของพระสารีบุตร  ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ร้องให้น้ำตาไหล  พระอานนท์เห็นก็ได้ถามว่า ท่านยังมีความห่วงอาลัยอยู่หรือ ? ท่านเศรษฐีตอบว่า  หามิได้  หากแต่ว่า  ตัวเองใกล้ชิดพระศาสดาและหมู่ภิกษุอันทำให้เจริญใจมานานแล้ว  ก็ไม่เคยได้ฟังคำสอนเช่นนี้
   พระอานนท์กล่าวว่า คำสอนเช่นนี้  คฤหัสถ์ไม่อาจจะเข้าใจได้ แต่สอนให้บรรพชิตเข้าใจได้
   ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีกล่าวขอร้องว่า  ควรได้สอนธรรมเช่นนี้ให้คฤหัสถ์ผู้นุ่งขาวได้เข้าใจบ้าง  หาไม่แล้ว  คนที่เกิดมามีกิเลสเบาบางก็จะเสื่อมคลายไปจากธรรม  จะเป็นคนไม่รู้ธรรมเพราะเหตุที่ไม่ได้ฟัง
   วันนั้น  หลังจากได้เทศนาโปรดท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีด้วยคำสอนดังกล่าวแล้ว พระสารีบุตรและพระอานนท์ ก็เจริญพรลา
   หลังจากพระเถระทั้งสองจากไปไม่นาน ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ถึงแก่กรรม บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

   ขอให้ดวงวิญญาณของพี่พงษ์   จิรโสภณ  และญาติ มิตร ได้ดวงตาเห็นธรรมนี้ เป็นจริงด้วยเทอญ ความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเรา  ว่าเป็นตัวตนของเรา  ว่าเราเป็นนั่น นั่นเป็นของเรา  จะได้บรรเทาเบาบาง หรือหมดลง เปรียบเหมือนไฟที่ไม่มีเชื้อ ย่อมติดไฟไม่ได้  ฉันใดฉันนั้น

   สวัสดี

- สภาพความไม่มีตัวตน ไม่ได้คิดว่าเป็นตนเอง เป็นเพียงเห็นจิต ที่มาอาศัยร่างอะไรก็ไม่รู้ แล้วประกอบไปด้วยสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ เกิดขึ้น เพราะความหลงผิดของเรามาแต่เกิด ที่ไม่เห็นความจริงอันนี้  มันก็เป็นอย่างที่เราเป็นและหลงอยู่กับมัน มันจึงมีความอยากเต็มไปหมด สิ่งนั้นมันมีจริง สัมผัสได้จริง เมื่อเห็นความจริงอันนี้ จิตมันเกิดสังเวช เบื่อหน่ายขึ้นมาทันที แต่น่าเสียดาย มันยังไม่ยั่งยืนตลอดไป  แต่ก็ทำให้เรามีศรัทธาเพิ่มขึ้น

-สภาวะธรรมกายนั้น เป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่ได้ปรุงแต่ง เพราะมันไม่มีตนเอง จึงไม่คิดอะไรเลย กระทำไปตามกิริยา ที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น  สภาพนี้ก็สัมผัสได้ แต่ยังไม่ยั่งยืนเท่านั่นเอง มีแต่ศรัทธายิ่ง ต่อไป





ภาพสุดท้ายของ พี่พงษ์   จิรโสภณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12941 เมื่อ: 01 กันยายน 2557, 20:56:34 »



ท่านวีระศักดิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี  
เพื่อนร่วมห้องของพี่พงษ์ ที่หอจุฬาฯ
ไปเยี่ยมพี่พงษ์ ก่อนเสียชีวิต ๒ วัน
ผู้เขียน-อ่านคำไว้อาลัย พี่พงษ์  จิรโสภณ



หนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพ พี่พงษ์   จิรโสภณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12942 เมื่อ: 01 กันยายน 2557, 21:08:51 »





อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ท่านวีระศักดิ์  
อ่านคำไว้อาลัย เคยเป็นรูมเมตพี่พงษ์ สมัยอยู่หอพักซีมะโด่ง







ขอขอบคุณมากครับ ที่ช่วยปิดทองหลังพระ  จัดหน้าให้ใหม่

สวัสดี




      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12943 เมื่อ: 02 กันยายน 2557, 07:16:31 »


บรรยากาศ ก่อนการฌาปนกิจศพ พี่พงษ์   จิรโสภณ

มีศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร  ศรีสะอ้าน อดีตผู้อำนายการค่าย สจม. รุ่น ๑ เป็นประธาน และมี รศ.นายแพทย์ภิรมณ์ อธิการบดี จุฬาฯ  ชาวค่าย สจม. ชาวซีมะโด่ง และเพื่อนโรงเรียนเตรียมอุดม  มาร่วมงานจำนวนมาก เต็มศาลา

พี่สิงห์  ไปถึงวัดธาตุทอง ก่อนสี่โมงเย็น แขกเริ่มทะยอยมา ได้เจอคุณประภาศรี  มานั่งคิยอยู่ก่อนแล้ว

ได้บอกคุณทรงเกียรติ  ไปว่าคนเราตายก่อนแบบพี่พงษ์อย่าให้อายุเกิน เจ็ดสิบปี  เพื่อนฝูงที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะมาเผา แบบที่เห็น มีแต่ผู้สูงอายุ ทั้งนั้น

แต่ถ้าอยู่นานอายุเกิน ๘๕ ปีขึ้นไป เพื่อนฝูงตายหมดแล้ว  อยู่ที่ญาติ ๆ แล้วละ

แต่ถ้าคิดแบบพี่สิงห์  ก็สบายใจ ไม่วิตกกังวล คือ ยามมีชีวิติอยู่ เราทำกุศลให้มาก ตายไปไม่ต้องกังวลว่าใครจะทำบุญให้ ใครมาเผา เพราะเราไม่รู้เรื่องแล้ว ใครไม่เอาไปเผา มันก็ส่งกลิ่นเหม็น จนรำคาญ เขาก็เอาไปเผาเองแหละ












ดร.สุริยา  เป็นคนถ่ายภาพ  ขอขอบคุณมาก



      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12944 เมื่อ: 02 กันยายน 2557, 08:24:27 »



งานฌาปนกิจศพ พี่พงษ์  จิรโสภณ

ไม่มีใครร้องให้ เพราะทุกคนรู้ว่าพี่พงษ์ เป็นคนดีพระย่อมคุ้มครอง  ปกติคนเป็นมะเร็งก่อนตายไฟธาตุจะแตก  ปวดมากจนต้องให้มอร์ฟีนระงับปวด

แต่พี่พงษ์  ตรงกันข้าม หมดแรงด้วยความเหนื่อย หายใจไม่ทัน และเสียชีวิตลงด้วยอาการสงบ เฉย ๆ เพราะสังขารนี้ไม่เที่ยงหนอ ย่อมสลายลงไปเป็นธรรมดา  ดังนั้นอย่าไปยึดมั่นถือมั่นในรูป-นาม นั้นเลย




















พี่พงษ์  จิรโสภณ  จากไปพร้อมกับความดีที่น่าจดจำ

พวกเราล่ะ มีอะไรให้น่าจดจำบ้าง  เร่งประกอบความดี เป็นกุศล เถิด

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #12945 เมื่อ: 02 กันยายน 2557, 19:33:11 »

            สวัสดีค่ะพี่สิงห์ ได้อ่านข้อคิด ธรรมะดีดีจากพี่เสมอ และขอบคุณที่ส่งภาพจากสมาคมซีมะโด่งที่กระบี่
                                 ของต้อยถ่ายจากเทปเลต มือถือยังหาเวลาว่างให้คนโหลดลงโน๊ตบุคไม่ได้ค่ะ
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12946 เมื่อ: 03 กันยายน 2557, 04:57:57 »

ธรรมบูชา คุณอาจารย์ หลวงพ่อคำเขียน  สุวัณโณ

ความเป็นไตรลักษณ์ ของ รูป-นาม




สังขารทั้งหหลาย ไม่เที่ยงหนอ

ความเกิดก็เป็นทุกข์
ความแก่ก็เป็นทุกข์
ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นทุกข์ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความร่ำไรรำพัน ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์
ความปราถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์
ความประสพกับสิ่งไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ นั่นก็เป็นทุกข์
ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่พอใจ นั่นก็เป็นทุกข์
และความตายก็เป็นทุกข์
รวมความแล้ว ขันธ์(รูป-นาม) ๕ เป็นตัวทุกข์ (ไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตน)

ดังนั้น ขันธ์ ๕ นี้ หรือรูป-นาม นี้ เราอย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนของเราเลย มันไม่มีตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลใด ๆ มันเป็นเพียงธาตุทั้งสี่ อันประกอบด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกันด้วยเหตุ-ปัจจัย และมีจิต มาอาศัยอยู่เท่านั้น แต่เพราะความเคยชินมาตั้งแต่เกิด หลงมาตั้งแต่เกิด เราเลยยึดว่ามันเป็นตัวตนของเราไปสิ้น จึงมีแต่ความอยาก(ตัณหา)ร่ำไป ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเหตุให้เกิดสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ทำความดี ทำชั่ว เป็นเวรกรรมนำติดตัวไปในภพหน้า ไม่สิ้นสุดเมื่อตายลง

มนุษย์นั้นทำดีก็ได้  ทำชั่วก็ได้ แต่เทวดา สัตว์เดรฉาน เปรตนรก ทำไม่ได้ ได้แต่รับผลของกรรมอย่างเดียว ดังนั้น มนุษย์จึงรักชีวิตตนเองเป็นที่สุด

ของทุกท่าน  จงเห็นความจริงอันนี้ ละสักกายะทิฏฐิ ลงเสีย จะมีแต่สุข กระทำแต่กรรมดี ละบาปทั้งปวงลงได้

สังขาร จิตใจ ของพี่พงษ์  จิรโสภณ มีแต่ทุกข์ แม้จะอุ้มเหลนก็ทำไม่ได้ ไม่มีแรง  จิตใจก็ห่อเหี่ยว เพราะรู้ตัวเองว่ากำลังจะต้องตาย  ทุกข์ต้องเป็นอย่างนี้ เพราะมนุษย์  สัตว์โลก ย่อมรักชีวิตตนเองเป็นที่สุด จะปกป้องชีวิตเป็นที่สุด  แต่เมื่อรู้ว่าต้องตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่รักษาไม่ได้ จิตมันห่อเหี่ยว หมดอะไรตายอยากในชีวิตที่เหลือ มีแต่ปรุงแต่ง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะต้องประสพ เมื่อรู้ว่าต้องตายลงแล้ว

แต่ด้วยความดี  ที่พี่พงษ์  จิรโสภณ  ได้กระทำเอาไว้  จึงตายแบบไม่ทรมารอะไรมากนัก สิ้นแรง สิ้นลมไปเฉย ๆ

ดังนั้น เราเมื่อยังมีชีวิตอยู่  จงดูแลร่างกายให้ดีเถิด เพื่อว่าเราจะได้อาศัยมันนาน ๆ ในเมื่อยังมีอะไรต้องกระทำ แต่ท่านที่ไม่มีอะไรทำก็ต้องรักษามันให้นานเอาไว้เช่นกัน จนกว่ามันจะหมดสภาพไปเอง  ชีวิตมันก็เท่านี้

นอกจากนี้ท่านต้องรักษาใจ  สะสมอริยะทรัพย์ให้เกิดขึ้น  กระทำแต่สิ่งที่เป็นกุศลกรรม เพื่อนำไปในภพหน้า หรือไม่ก็ตั้งสติปัฏฐาน ๔ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ให้เกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลไปเกิดในภพต่าง ๆ ชดใช้กรรมที่กระทำเอาไว้ตอนเกิดเป็นมนุษย์ คือไม่เกิดอีกเลย นั่นคือสภาวะของ  พระนิพพาน

วันนี้มาทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว สมุทรสงคราม

สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12947 เมื่อ: 03 กันยายน 2557, 07:03:35 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ที่เคารพ
หายไปนานหลายอาทิตย์ค่ะ ไปเดินเที่ยวดูธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ ป่าเขา ลำธาร ทั้งใจกายสบายกระปี้กระเป่า กลับมาก็ได้ดูแลเด็กๆ สอนโน้นนี้ บวกธรรมะบ้างเล็กน้อยค่ะ
ปฏิบัติช่วงนี้เน้นทำใจสบาย ดูว่าเขากระเจิดกระเจิงมากน้อยอย่างไรอ่ะค่ะ ก็ค่อนข้างใช้ได้สำหรับคนเดินเตาะแตะ ทางนี้ยาวไกลค่ะ ติ๋มยังต้องทำสม่ำเสมออย่างท่านว่าไว้
พี่สิงห์มีความคิดจะบวชหรือเปล่าคะ
ระลึกถึงเสมอค่ะ

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 19 กรกฎาคม 2557, 20:38:45
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ไม่ได้สวัสดีกันเสียนาน ยังระลึกถึงอยู่

ฝนมันตกบางพื้นที่เท่านั้น ภาคกลางยังไม่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอในการปลูกข้าวนาปีเลย เขื่อนภูมิพล  สิริกิตติ์ ยังไม่มีน้ำ

มีแต่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ภาคเหนือบางจังหวัด และภาคอิสานบางจังหวัดเท่านั้นที่ฝนตก

ความก้าวหน้าในธรรมไปถึงไหนแล้ว

วันนี้ ญาติที่วัดพระนอน เขาถามว่า

"ทำไม? ไม่บวช วัดเราจะไม่มีเจ้าอาวาสแล้ว ทั้งเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาส  สังขารไม่ไหวแล้ว"

สวัสดี

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12948 เมื่อ: 03 กันยายน 2557, 10:00:19 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ตอนนี้ยังไม่ได้ห่มผ้าเหลือง มันก็มีความเป็นพระเหมือนกัน
เพราะเราอยู่ในชุดขาว ก็ต้องสำรวมกาย วาจ ใจ อยู่แล้ว แต่มันดีกว่าตรงที่เราสามารถทำอะไรได้ ไม่ต้องไปขอจากใครเท่านั้น
เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง คงต้องบวช  แต่ก็รู้ว่าในสังคมพระนั้น อยู่ยาก ท่านก็มีสังคมของท่านในแต่ละวัด นั่นแหละ พระจึงชอบสร้างวัดใหม่ คือ ปลูกบ้านอยู่เอง

มันอยู่ที่ตัวเราครับ อยู่ได้ทั้งนั้น
แต่ชุดขาวสอนธรรมไม่ได้  เพราะคนไม่เชื่อ  ก็ปล่อยเขาไป
จะสอนเฉพาะผู้ที่ศรัทธาในพุทธสาสนา  ต้องการรู้ความจริงเท่านั้น

อนาคตคงบวช

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12949 เมื่อ: 04 กันยายน 2557, 07:31:33 »

ธรรมบูชา คุณอาจารย์ หลวงพ่อคำเขียน   สุวัณโณ

มนุษย์ เกิดมาเพื่ออะไร ?




สัตว์โลกนั้น มนุษย์เป็นสัตว์ที่ประเสริฐที่สุด สามารถฝึกได้ ทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้
ทำดีมีปัญญาที่สุดจนสามารถ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ได้  
ทำชั่วก็ชั่วที่สุด สามารถฆ่าพระ ฆ่าบิดา-มารดา ก็ทำได้ เช่นกัน

กว่าสัตว์โลก จะเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้น
พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้น ยากกว่า การที่เต่าตาบอดที่อาศัยอยู่ก้นทะเลลึก เวลาต้องการหายใจเอาอากาศเข้าไปในร่างกายนั้น ต้องใช้เวลาถึง ๑๐๐ ปี กว่าจะว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำ พอดีที่จะมีห่วงลอยมา จนสามารถเอาหัวสอดห่วงที่ลอยมานั้นได้พอดี เพื่อพักหัวอยู่ในอากาศ และหายใจ

ดังนั้น การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น จึงเป็นที่ปราถนาของเหล่าสัตว์เดรฉาน และเหล่าเทวดา ยิ่ง

เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสกระทำดี เป็นกุศล กระทำมรรค ๘ ให้เกิดขึ้น จนบรรลุ พระนิพพาน ได้

เพราะมนุษย์ที่เกิดขึ้นมานั้น สิ่งสูงสุดที่ต้องการ คือ พระนิพพาน (ไม่เกิดอีกแล้ว)

แต่เพราะกรรมเก่า และอวิชชา  จึงทำให้มนุุษย์หลงอยู่ในความคิดตนเอง มีความอยาก(ตัณหา) เป็นเหตุ
มนุษย์จึงตกอยู่ในห่วงกรรม ยังยึดติดกับสังโยชน์ จนละไม่ได้ จึงต้องตกอยู่ในวัฏฏะสงสาร เกิด-ตาย เกิด-ตาย ซ้ำแล้วศ้ำอีก จนกว่าจะใช้กรรมเก่าหมด และกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพื่อสร้างกรรมดี ละบาปทั้งปวง และทำมรรค ๘  ให้ถึงซึ่ง พระนิพพาน ได้ในที่สุด จึงจะหลุดจากวัฏฏะสงสารได้

หลวงพ่อคำเขียน  ท่านถึงซึ่ง พระนิพพาน แล้ว

พวกเราล่ะ ทำไมไม่เอาท่านเป็นครู กระทำดี ละบาป ตั้งสติอยู่ด้วยมรรค ๘ ก็จะถึงซึ่ง พระนิพพานได้ เช่นกัน

เรายังไม่ตาย  ยังมีโอกาสที่จะถึงซึ่งพระนิพพานได้  อย่าละโอกาสนั้นเสีย อายุเราก็มากแล้ว ใกล้ถึงฝั่งเต็มที(ตาย) เวลาเหลือน้อยแล้ว ต้องเร่งความเพียรในการทำมรรค ๘ เพื่อถึงซึ่ง พระนิพพาน ในชาตินี้ จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล เกิด-ตาย เกิด-ตาย อยู่ในวัฏฏะสงสาร อีก

ขอทุกท่านจงพิจารณาให้เห็นธรรมนี้เถิด
อย่าหลงอยู่ในความคิดคตนเองเลย จงละออกมาด้วยสติ และใช้ปัญญาในการดำรงชีวิตด้วย มรรค ๘ ท่านก็จะสมหวังที่เกิดเป็นมนุษย์ในชาติสุดท้ายได้ ในชาตินี้ เทอญ

ศาสนาอื่นทุกศาสนา ไม่รู้จัก พระนิพพาน  แต่ปราถนาเมื่อตายแล้วจะไปอยู่กับพระเจ้า แต่ต้องทำความดี ละบาปทั้งปวง เหมือนกัน แต่ไม่รู้จักการตั้งสติปัฏฐาน ๔ ให้ถึงซึ่งพระนิพพานได้

วันนี้ อยู่บ้านครับ เช้าได้เดินจงกรมออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 516 517 [518] 519 520 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><