23 พฤศจิกายน 2567, 20:19:38
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 503 504 [505] 506 507 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3563306 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 35 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12600 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2557, 19:19:30 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้ พักผ่อนอยู่บ้าน นั่งทำงานในส่วนที่ต้องคิดวางแผน หาเครื่องจักรมาใช้ในกาารทำงาน ในอนาคตกันต่อไป และคิดว่าสามารถกระทำได้

บ่ายไม่มีอะไรกระทำ  เลยไปออกกำลังกายด้วยการซ้อมกอล์ฟ เพื่อเตรียม ตัวเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟอาชีพที่สนามกอล์ฟโวยาสพานอรามา วันที่ 25-27 ที่อำเภอสูงเนิน โคราช

ขอให้ทุกท่านมีสติในการดำรงชีวิต อย่าหลงอยู่ในความคิด กระทำในสิ่งที่ก่อประโยชน์ เป็นกุศล ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แม้สัตว์เดรฉาร

สวัสดี












เครื่องของสเปญ  ที่พี่สิงห์  ติดต่ออยู่ราคาถูก ซ่อมบำรุงนิดเดียว แต่ผลผลิตสูงสวยงาม ใช้งานง่าย ๆ



คานกลวงขนาด 200x400 mm. ยาวเท่าไรก็ตัดเอา

สำหรับผู้ที่สนใจ จะหาเครื่องจักร มารีดเสาเข็ม  พี่สิงห์  คิดว่าเครื่องจักร ของสเปญ ที่พี่สิงห์  กำลังติดต่อสามารถกระทำได้ ทั้งแผ่นพื้น คาน ผนัง และเสาเข็ม  อยู่ในเครื่องเดียวกัน  ใช้แรงงานน้อย  การซ่อมบำรุงถูกที่สุดในบรรดาเครื่องผลิต Hollow Core ทั้งหมดที่มีขายเพียง 10% ขอเครื่องอื่นเอง

จริง ๆ พี่สิงห์  ทำเป็น Animation การทำ Pile shoe และการต่อเสาเข็ม เพื่อเอาไปใช้กับเสาเข็มที่รีดจาก Hollow core machine

ส่วนใน Youtube นั้นเป็นเครื่อง Hollow Core Machine แบบ slide สู้เครื่องของสเปญไม่ได้  สามารถรีดได้ดีกว่ามาก และต้นทุนต่ำมาก  ราคาเครื่องก็ไม่แพง ถูกกว่าราคา Hollow Core Machine ที่ผลิตในเมืองไทยมาก แต่ดีกว่ามาก ๆ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12601 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2557, 21:04:36 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

การปฏิบัติธรรมนั้น แท้จริงมันต้องบวช  เพราะการบวชนั้นมีเวลามาก และไม่ต้องกังวลเรื่องการดำรงค์ชีวิต เพราะให้ชาวบ้านเลี้ยง นั้นเป็นแนวทางที่สมควรกระทำยิ่ง

การอยู่อย่างฆาราวาสนั้น มันยังอยู่ในสังคม  มันหนีไม่พ้น ที่จะต้องพลั้งเผลอไปบ้างเป็นบางขณะ เพราะยังต้องทำงาน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตนเอง  ไม่ต้องพึ่งใครทั้งสิ้น

แต่ก็มีข้อดี  คือจะได้ไม่หลงตัวเองว่า เราพ้นทุกข์แล้ว เพราะ จะทำให้เราต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย  ที่มากระทบกับเรา ที่เราจะต้องเอาชนะตนเองให้ได้ เพื่อวางอุเบกขาให้ได้  และเราจะได้มีตัวชี้วัดการปฏิบัติธรรมของเราได้

ผิดกับถ้าไปบวช  มีแต่สอนคนอื่นให้กระทำตาม  ไม่มีใครขัดใจ และพระก็ชอบสอนจนติดนิสัย  จึงไม่มีตัวชี้วัด  อาจทำให้หลงตนเองได้โดยไม่รู้ตัว ว่าพ้นทุกข์แล้ว  ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครมาทำให้พ้นทุกข์เลย

นา ๆ จิตตังทั้งนั้น  มันอยู่ที่ตัวของเราเองทั้งสิ้น

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12602 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2557, 21:17:56 »


วันที่ ๗ กรกฎาคม  เวลา 14:30 - 16:00 น.

พี่สิงห์  ได้รับเชิญ ให้ไปสอนโยคะ-ชิกง ให้กับอดีตข้าราชการของจังวัดสิงห์บุรี ที่เกษียรอายุ ในปีนี้ เป็นโครงการของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี  ที่ต้องการให้อดีตข้าราชการมีสุขภาพแข็งแรง และเป็นผู้นำของชุมชน  ในสิงห์บุรี  ที่ศาลากลางหลังเก่า

ใครสนใจที่จะไปฝึกชิกง-โยคะ  และเป็นอดีตข้าราชการของจังหวัดสิงห์บุรี  ก็เรียนเชิญ ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12603 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2557, 22:19:19 »

สาธุค่ะพี่สิงห์
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 มิถุนายน 2557, 21:04:36
สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

การปฏิบัติธรรมนั้น แท้จริงมันต้องบวช  เพราะการบวชนั้นมีเวลามาก และไม่ต้องกังวลเรื่องการดำรงค์ชีวิต เพราะให้ชาวบ้านเลี้ยง นั้นเป็นแนวทางที่สมควรกระทำยิ่ง

การอยู่อย่างฆาราวาสนั้น มันยังอยู่ในสังคม  มันหนีไม่พ้น ที่จะต้องพลั้งเผลอไปบ้างเป็นบางขณะ เพราะยังต้องทำงาน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตนเอง  ไม่ต้องพึ่งใครทั้งสิ้น

แต่ก็มีข้อดี  คือจะได้ไม่หลงตัวเองว่า เราพ้นทุกข์แล้ว เพราะ จะทำให้เราต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย  ที่มากระทบกับเรา ที่เราจะต้องเอาชนะตนเองให้ได้ เพื่อวางอุเบกขาให้ได้  และเราจะได้มีตัวชี้วัดการปฏิบัติธรรมของเราได้

ผิดกับถ้าไปบวช  มีแต่สอนคนอื่นให้กระทำตาม  ไม่มีใครขัดใจ และพระก็ชอบสอนจนติดนิสัย  จึงไม่มีตัวชี้วัด  อาจทำให้หลงตนเองได้โดยไม่รู้ตัว ว่าพ้นทุกข์แล้ว  ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครมาทำให้พ้นทุกข์เลย

นา ๆ จิตตังทั้งนั้น  มันอยู่ที่ตัวของเราเองทั้งสิ้น

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12604 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2557, 04:55:23 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ขอบคุณมาก

ทุกวัน เวลาขับรถพี่สิงห์ จะเปิด CD บรรยายธรรม การปฏิบัติธรรม ของหลวงพ่อสุรศักดิ์  วัดมเหยงค์ ตำบลหันตรา อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีอยู่ร่วมยี่สิบแผ่น ฟังทุกแผ่น ตลอดเพื่อ สอนตนเอง เพื่อตรวจสอบว่า เราปฏิบัติผิด หรือถูก เพื่อความก้าวหน้าในธรรม

พบว่าเราก็ไม่ได้ปฏิบัติผิดทาง  อารมณ์ต่าง ๆ ทั่เกิดขึ้น ก็เป็นไปตามที่หลวงพ่อสุรศักดิ์ท่านสอน เป็นตามนั้นทุกประการ เราก็สามารถยืนยันได้ว่าคำสอนของหลวงพ่อที่สอนนั้น ถูกต้อง ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะยกเอาพระไตรปิฎกมาสอน และสอดแทรกผลการปฏิบัติลงไปเอามาบอก มันก็เป็นจริวที่เราหาได้ด้วยตนเอง เพราะมันเป็นปัจจัตตัง

อย่างน้อยสุดเราก็มีคำสอนของหลวงพ่อสุรศักดิ์ เป็นตัวชีวัดหรือเปรัยบเทียบกับผลการปฏิบัติของเราไปในตัวด้วย

สวัสดียามเช้าค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12605 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2557, 06:36:42 »



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เช้านี้พี่สิงห์  มาถึงโรงงานเอเซียกรุ๊ป(1999) ที่บ้านแพ้วเวลา 06:11 น. ก็เริ่มทำงาน  ได้รับทราบปัญหาจากคนงาน

รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มทำงาน เพราะมี morning talk 07:00 น.

ชีวิตมันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องทำงานแบบมีสติ  ระลึกอยู่ที่กายเข้าใว้ในอิริยาบถ ของการทำงาน และระวังตามจิตตนเองให้ทัน และไม่ให้คิดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง  ไม่คิดในสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว  คิด-ทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และคิดวางแผนล่วงหน้า เท่านั้น

อย่าลืมทำจิตให้ผ่องใสด้วยการมีสติ ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12606 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2557, 06:50:27 »



ดร.สุริยา

เวลาไปประชุมกับหลวงพ่อสุรศักดิ์  ที่วัดมเหยงค์  มีข้อโต้แย้งกับหลวงพ่อไหม ?  มีใครขัดใจหลวงพ่อ  ไม่ทำตามที่ท่านสั่งไหม? มีใครมายั่วยวนท่านทางราคะไหม? .......มากมาย หรือท่านมีมารมาผจญไหม?

จะพบว่าไม่มีเลย เพราะทุกคนมาให้ท่านสอนการปฏิบัติธรรม  มากราบท่าน  มาทำบุญสร้างวัดกับท่าน

ดังนั้นท่านจึงไม่มีมารมาผจญเลย

จะมีก็เพียงมีวิริยะ  ระวังจิตตนเองในเรื่องชื่อเสียง ลาภสักการะที่ญาติโยมเอามาถวาย และคิดการใหญ่ในการสร้างวัด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นมารสิ้น

ผิดกับผมที่มีมารมาผจญตลอดเวลา  รับอยู่ได้บ้าง  สู้ไม่ได้บ้าง พ่่ายแพ้ประจำ เพราะมีแต่สิ่งยั่วยวนทั้งนั้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12607 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2557, 15:19:14 »



ดร.สุริยา

หลักง่าย ๆ ของผมในการทำงาน  เวลาเดินดูงาน  ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ก็ให้รู้สึกตัว  ถ้าฟุ้งซ่านก็ภาวนา พุทธ   โธ  เข้าไปด้วย  ถ้าไม่ฟุ้งซ่านก็เดินไป  เคลื่อนไหวไป ก็รู้สึกตัวไป ไม่ต้องภาวนา  มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติเอง

ตัวชี้วัดคือ  ไม่คิด  หรือคิด  พอรู้ตัวก็ไม่คิด  สลับอยู่อย่างนี้  โดยไม่ต้องตั้งใจ  มันเกิดของมันเอง

ข้อดี  คือทำงานเสร็จก็ลืมไปเลย ไม่คิดกังวลกับมัน  มันก็สบายใจดี ไปวันหนึ่ง ๆ

ประกอบกับเราไม่ต้องรับผิดชอบมาก เพราะไม่มีหน้าที่ประจำ มีหน้าที่ให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหา หาแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการ - ทำงาน ติดต่อคน และคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งการสอนบุคคลากรในการทำงาน และให้มีชีวิตที่ดีขึ้น อยู่อย่างไรไม่ให้เป็นโรคเรื้อรัง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12608 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2557, 20:47:39 »

สวัสดียามค่ำ ครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

ช่วงอาสาฬหบูชา - เข้าพรรษา ที่จะมาถึงในเดือนหน้านั้น  พี่สิงห์  ต้องกราบขออภัยทุกท่านที่ไม่สามารถไปร่วมสังสรรค์ที่เขื่อนภูมิพลได้ เพราะตั้งใจจะไปทำบุญ ที่วัดพระนอน และในช่วงเข้าพรรษา ทุกวันพระ จะสอนการปฏิบัติธรรม อยู่วัด ให้พี่-น้องชาวบ้านบางพระนอน ที่ถืออุโบสถศีล ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา  เพื่อสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านบางพระนอน เพราะทุกคนอยากปฏิบัติธรรม แต่ไม่มีผู้นำ และไม่มีใครสอนให้ปฏิบัติธรรม  ซึ่งมีคนสนใจอยู่วัดมากกว่า ๓๐ ท่านอยู่แล้ว และพี่สิงห์  จะได้ถือโอกาส  ปฏิบัติธรรมไปในตัวด้วย

และยังสามารถสอนชาวบ้านฝึกชิกง-โยคะ  ได้ทุกวันพระ

และจะนอนค้างที่วัดบนศาลา คนเดียว เพื่อฝึกความกลัวออกไปจากจิต

นี่คือความตั้งใจของพี่สิงห์ ในพรรษานี้ และทุกวันพระจะไม่ทำงาน ขอไปทำงานให้วันอื่นแทน  เจ้านายไม่มีใครขัดข้อง

อยู่ที่ตัวพี่สิงห์ เองว่าจะสามารถทำได้ไหม?

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12609 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2557, 21:54:30 »

พี่สิงห์ที่เคารพ
จริงๆค่ะอย่างพี่สิงห์อธิบายเลยค่ะ
ติ๋มก็เพิ่งได้รับความจริงอันหนึ่งค่ะ มีท่านผู้รู้ปริยัติกล่าวว่า เราไม่จำเป็นต้องวิ่งหาเกจิอาจารย์ให้ทดสอบอารมณ์ให้ยุ่งยาก
ถ้าฟังธรรมะเข้าใจแล้วปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง จิตเราจะรู้เองว่าเราทำถูกหรือผิด เราถึงขั้นไหน สอบอารมณ์ตนเองได้ตลอดเวลาด้วยสติ



อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 มิถุนายน 2557, 04:55:23
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ขอบคุณมาก

ทุกวัน เวลาขับรถพี่สิงห์ จะเปิด CD บรรยายธรรม การปฏิบัติธรรม ของหลวงพ่อสุรศักดิ์  วัดมเหยงค์ ตำบลหันตรา อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีอยู่ร่วมยี่สิบแผ่น ฟังทุกแผ่น ตลอดเพื่อ สอนตนเอง เพื่อตรวจสอบว่า เราปฏิบัติผิด หรือถูก เพื่อความก้าวหน้าในธรรม

พบว่าเราก็ไม่ได้ปฏิบัติผิดทาง  อารมณ์ต่าง ๆ ทั่เกิดขึ้น ก็เป็นไปตามที่หลวงพ่อสุรศักดิ์ท่านสอน เป็นตามนั้นทุกประการ เราก็สามารถยืนยันได้ว่าคำสอนของหลวงพ่อที่สอนนั้น ถูกต้อง ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะยกเอาพระไตรปิฎกมาสอน และสอดแทรกผลการปฏิบัติลงไปเอามาบอก มันก็เป็นจริวที่เราหาได้ด้วยตนเอง เพราะมันเป็นปัจจัตตัง

อย่างน้อยสุดเราก็มีคำสอนของหลวงพ่อสุรศักดิ์ เป็นตัวชีวัดหรือเปรัยบเทียบกับผลการปฏิบัติของเราไปในตัวด้วย

สวัสดียามเช้าค่ะ
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12610 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557, 11:27:09 »



เช้าวันนี้ ไปออกกำลังกายเดินตีกอล์ฟ ครับ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #12611 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557, 14:27:41 »

             สาธุค่ะพี่ิสิงห์  ตอนนี้สำนึกได้ว่าอนุโมทนาบุญยังสู้ปฏิบัติเอง ภาวนาเองไม่ว่าที่ไหนก็ตาม
                                ทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของพี่ก็ยังดี
                               และเห็นด้วยกับติ๋มด้วยจ๊ะ
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12612 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557, 16:25:30 »



สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

ขอบคุณมาก

พี่สิงห์  อยู่สนามบินดอนเมือง รอขึ้นเครื่อง Nok Air ไปนครศรีธรรมราช Boarding 17:00 น. ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12613 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557, 16:35:19 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

การปฏิบัติธรรม โดยยึดพระไตรปิฎกเป็นหลักนั้นดีที่สุด พระพุทธองค์สอนไว้หมดแล้ว พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ อยู่กับความเป็นจริง แต่เป็นชีวิตเราที่ใช้ค้นหาความจริง เราจะรู้ได้ด้วยตนเอง โดยมีดรรชนีตัวชีวัดคือ มีสติ และไม่คิด มันจะรู้ด้วยตนเองไปเรื่อย ๆ อย่าลืม

หนทางแห่งการปฏิบัติสู่พระนิพพาน
๑. มีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๒. มีศีล อย่างน้อยศีล ๕
๓. สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๔. อยู่อย่างพอเพียงในปัจจัย ๔
๕. มีสติ-สัมปชัญญะ
๖. ทำสติให้เป็นสมาธิ จนสามารถละนิวรณ์ ๕ ได้
๗. ทำสมาธิให้เกิดณานที่ ๑ ๒ ๓ ๔
๘. ทำสมาธิให้อยู่ในณานที่ ๔ จนเกิดวิมุตติ

เครื่องมือในการปฏิบัติธรรมคือ โพธิปักขิยะธรรม ๓๗ ประการ

ขอให้เจริญและก้าวหน้าในธรรม

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12614 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557, 19:35:30 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

พี่สิงห์  อยู่นครศรีธรรมราช

อากาศไม่ดีเลย  ถ้าไม่แข็งแรง เป็นไข้หวัดแน่ ๆ มันตรงข้ามกับ กทม.

ขณะนั่งนกแอร์ ก็ได้นั่งเจริญสติ เป็นการพักผ่อนจิต หยุดการคิด เมื่อรู้สึกตัว มันก็ว่างจากการคิด แล้วทำอารมณ์ให้อยู่กับความว่างเปล่า ก็อยู่ในสุญญตาธรรมได้

คินนี้ฟุตบอลโลกเริ่มต้นกันแล้ว  ระวังสุขภาพกันด้วยนะครับ

และคืนนี้เช่นกัน golf รายการ U.S. Open ก็เริ่มต้นแข่งขันเหมือนกัน

พี่สิงห์  ขอทรายเพียงผลการแข่งขันเท่านั้น คงไม่ดูุ

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12615 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2557, 21:58:37 »

ไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดกันไปทำไม..เพราะ..ไทยไม่ได้ส่งนักฟุตบอลไปแข่ง

แถมเวลาถ่ายทอดก็ล่วงตีสามของวันใหม่ไปแล้ว..จะเพลียกันขนาดไหน??
สงสัยจะให้ไปโกงเวลาทำงานช่วบบ่ายของวันใหม่ หลังจากไปโอนเงินเสียค่าพนันบอลไปแล้ว ??
คสช. จะไม่เข้าท่า ก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12616 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 00:09:44 »

สาธุค่ะพี่สิงห์

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 12 มิถุนายน 2557, 16:35:19
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

การปฏิบัติธรรม โดยยึดพระไตรปิฎกเป็นหลักนั้นดีที่สุด พระพุทธองค์สอนไว้หมดแล้ว พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ อยู่กับความเป็นจริง แต่เป็นชีวิตเราที่ใช้ค้นหาความจริง เราจะรู้ได้ด้วยตนเอง โดยมีดรรชนีตัวชีวัดคือ มีสติ และไม่คิด มันจะรู้ด้วยตนเองไปเรื่อย ๆ อย่าลืม

หนทางแห่งการปฏิบัติสู่พระนิพพาน
๑. มีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๒. มีศีล อย่างน้อยศีล ๕
๓. สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๔. อยู่อย่างพอเพียงในปัจจัย ๔
๕. มีสติ-สัมปชัญญะ
๖. ทำสติให้เป็นสมาธิ จนสามารถละนิวรณ์ ๕ ได้
๗. ทำสมาธิให้เกิดณานที่ ๑ ๒ ๓ ๔
๘. ทำสมาธิให้อยู่ในณานที่ ๔ จนเกิดวิมุตติ

เครื่องมือในการปฏิบัติธรรมคือ โพธิปักขิยะธรรม ๓๗ ประการ

ขอให้เจริญและก้าวหน้าในธรรม

สวัสดี
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12617 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 08:37:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 มิถุนายน 2557, 21:58:37
ไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดกันไปทำไม..เพราะ..ไทยไม่ได้ส่งนักฟุตบอลไปแข่ง

แถมเวลาถ่ายทอดก็ล่วงตีสามของวันใหม่ไปแล้ว..จะเพลียกันขนาดไหน??
สงสัยจะให้ไปโกงเวลาทำงานช่วบบ่ายของวันใหม่ หลังจากไปโอนเงินเสียค่าพนันบอลไปแล้ว ??
คสช. จะไม่เข้าท่า ก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ


สวัสดีครับ คุณเหยง

มันนานาจิตตัง แล้วแต่จะคิด  จะมองในแง่ไหน  มีทั้งดี และไม่ดี

ถ้าถูกใจเราก็ดี และ
ถ้าถูกใจเรา เป็นประโยชน์ต่อสังคม-ส่วนรวม ก็ดีที่สุด

ถ้าไม่ถูกใจเราและ
ถ้าไม่ถูกใจเรา ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม-ส่วนรวม ก็เลวที่สุด

มันก็เป็นอย่างนี้ นี่ละจิตมนุษย์

หรืออย่าง รายการวิทยุ FM 99 ของอสมท. ต่างก็บอกว่าห้ามเล่นการพนัน แต่การจัดรายการของเขานั้น รวมทั้งนักบรรยายหลายท่าน มีแต่รายกายส่งเสริมทางอ้อมว่าจะพนันคู่ไหน ทั้งนั้นเพราะถ้าไม่ทำรายการแบบนี้ก็ไม่มีคนฟัง  รายได้ก็ไม่มา เท่ากับส่งเสริมให้เล่นพนันบอลล์ แต่ปากบอกว่าการเล่นพนันบอลล์ไม่ดี เป็นต้น

อย่าไปคิดวิตกกังวลเลย  ระวังกาย  วาจาของเรา หรือระวังตนเองไม่ให้คิด ด้วยการมีสติหรือรู้สึกตัวดีกว่า สุขกว่ากันแยะเลย

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "จิตมนุษย์นั้นสอนได้"

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12618 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 09:42:23 »



อาหารเช้า



อาหารเพล วันนี้


สวัสดีครับ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา  ศีล  สุตะ  จาคะ  ปัญญา  เธอมีความปราถนาอย่างนี้ว่า ทำอย่างไรหนอ  เราจะเข้าถึงเจโตวิมุตติ  ปัญญาวิมุตติ อันปราศจากอาสวะเพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้ง(ตรัสรู้) ด้วยอภิญญาเองในปัจจุบัน  ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุนั้นย่อมไม่เกิดอีกในภพไหน ๆ "

หมายความว่า ถ้าเธอ ประกอบด้วยศรัทธา  ศีล  สุตะ  จาคะ  ปัญญา เจริญให้มากแล้ว  ทำให้มากแล้ว เธอปราถนาสิ่งใด ย่อมได้ผลตามที่ปราถนา นั้น จนถึงความปราถนาที่สุดคือ พระนิพพาน  ย่อมบังเกิดขึ้นกับเธอได้  ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์-สมบูรณ์ของศรัทธา  ศีล  สุตะ  จาคะ  ปัญญา ที่เธอปฏิบัติได้ นั่นเอง  เธอจะรู้ได้ด้วยตนเอง


สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12619 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 10:00:40 »



อานาปานสติสูตร


ปวารณาสงเคราะห์ที่วัดเชตวัน

(282-283) คราวหนึ่ง  ขณะที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่มิคารมาตุปราสาทในวัดบุพพาราม  กรุงสาวัตถี  พร้อมด้วยพระเถระองค์สำคัญ ๆ หลายรูป เช่น พระสารีบุตร  พระมหาโมคคัลลานะ  พระมหากัสสปะ  พระมหากัจจายนะ  พระมหาโกฏฐิตะ พระมหากัปปินะ  พระมหาจุนทะ  พระเรวตะ  พระอานนท์ และรูปอื่น ๆ อีก  พรรษานั้นพระเถระบางท่านก็ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ้าง ๒๐ รูปบ้าง ๔๐ รูปบ้าง ภิกษุนวกะ(พระใหม่) ทั้งหลายที่ได้รับการอบรมสั่งสอน  ต่างก็เข้าถึงคุณวิเศษ(ฌานและวิปัสสนารุดหน้า) ยิ่งขึ้น

คืนจันทร์เพ็ญวันหนึ่งซึ่งเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ และเป็นวันปวารณา(วันออกพรรษา) พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่กลางแจ้งท่ามกลางภิกษุสงฆ์ เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นหมู่สงฆ์นั่งสงบนิ่งกันอยู่  จึงมีพระวาจาแสดงความพอพระทัยในการปฏิบัติธรรมของภิกษุทั้งหลาย  ทรงเพิ่มให้กำลังใจแก่ภิกษุเหล่านั้นเพื่อการบรรลุธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป  และรับสั่งว่าจะทรงอยู่ในกรุงสาวัตถีต่อไปอีกจนครบ ๔ เดือนฤดูฝน คือจนถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ ซึ่งดอกโกมุทกำลังบานสะพรั่ง

พวกภิกษุในชนบทเมื่อทราบข่าว  ต่างก็ออกเดินทางบ่ายหน้าสู่กรุงสาวัตถีเพื่อเข้าเฝ้า  ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนภิกษุให้พระเถระทั้งหลายอบรมสั่งสอนอีกมากมาย

(284) วันคืนล่วงเลยไปจนถึงวันสุดท้ายของฤดูฝน  คืนนั้นราตรีแจ่มกระจ่างด้วยจันทร์เพ็ญแห่งเดือน ๑๒ ดอกโกมุทกำลังบานสะพรั่ง  พระพุทธองค์ประทับนั่งอยู่ ณ ที่กลางแจ้ง โดยมีภิกษุสงฆ์นั่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง  ทรงเหลียวดูหมู่สงฆ์ซึ่งอยู่ในอาการสงบนิ่งกันทุกรูป  แล้วตรัสขึ้นว่า

"ภิกษุทั้งหลาย !  ชุมนุมนี้ไม่คุยกัน  ชุมนุมนั้ไม่มีเสียงพูดจา  แน่วนิ่งอยู่ในแก่นธรรมอันบริสุทธิ์"

"ภิกษุทั้งหลาย !  ภิกษุสงฆ์นี้  ชุมนุมนี้  สมกับเป็นชุมนุมที่ควรแก่การเคารพ  ควรแก่การต้อนรับ  ควรแก่การทักษิณาทาน  ควรแก่การนบไหว้  เป็นเนื้อนาบุญของโลกสุดหาใดเปรียบ  ภิกษุสงฆ์นี้  ชุมนุมนี้  กล่าวได้ว่า เป็นชุมนุมชนที่เขาถวายของน้อย  ให้อานิสสงส์มาก  เขาถวายของมาก  อานิสสงส์มากเป็นทวี  ภิกษุสงฆ์นี้  ชุมนุมนี้  ชาวโลกยากที่จะได้พบเห็น  ภิกษุสงฆ์นี้  ชุมนุมนี้คู่ควรที่ผู้คนจะแบกขนเสบียงเดินทางไกลเป็นโยชน์ๆ เพื่อจะได้ดูชม"

(285-287) จากนั้น  ตรัสถึงภิกษุที่นั่งอยู่ในที่นั้นว่ามีประเภทต่าง ๆ กัน คือ มีทั้งพระอรหันต์  พระอนาคามี  พระสกคามี  พระโสดาบัน  มีทั้งภิกษุผู้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ภิกษุผู้เจริญสัมมัปปธาน ๔ ภิกษุผู้เจริญโพชฌงค์ ๗  ภิกษุผู้เจริญมรรคมีองค์ ๘  ภิกษุผู้เจริญเมตตา  ภิกษุผู้เจริญกรุณา ภิกษุผู้เจริญมุฑิตา  ภิกษุผู้เจริญอุเบกขา  ภิกษุผู้เจริญสุภสัญญา  ภิกษุผู้เจริญอนิจจสัญญา และภิกษุผู้เจริญอานาปานสติ"

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12620 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 10:39:03 »



อานาปานสติสูตร

เจริญอานาปานสติ ทำให้ธรรม ๓ อย่างบริบูรณ์ได้

สำหรับผู้เจริญอานาปานสติ  พระพุทธองค์ตรัสในตอนนี้ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมากมีอานิสสงส์มาก"

"ภิษุทั้งหลาย ! อานาปานสติที่ภิกษุเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว  จะยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้  สติปัฏฐาน ๔ ที่ภิกษุเจริญแล้วทำให้มากแล้ว  จะยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้  โพชฌงค์ ๗ ที่ภิกษุเจริญแล้วทำให้มากแล้ว  จะยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้"

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12621 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 10:40:57 »



อานาปานสติสูตร

วิธีเจริญอานาปานสติสูตรให้ได้ผลมาก

หลังจากตรัสว่า  การเจริญอานาปานสติ  จะทำให้ธรรม ๓ อย่างนั้นบริบูรณ์ได้แล้ว  พระพุทธองค์ก็ทรงแจกแจงวิธีเจริญอานาปานสติ ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการเจริญสติปัฏฐาน ๔  โพชฌงค์ ๗  และวิชชา-วิมุตติ  ตามลำดับ

(ความเห็นพี่สิงห์  วิชชา นั้นสามารถรู้ได้สัมผัสได้ ด้วยจิต  เราจะรู้ได้ด้วยตนเอง และรู้ได้โดยไม่ได้ตั้งใจ มันก็เห็นได้จริงในธรรมนั้น แบบดวงตาเห็นธรรม เข้าใจมันจริง ๆ โดยที่ไม่ได้คิด  ไม่ได้วิเคราะห์ แต่ประการได้ มันระลึกขึ้นมา และเข้าใจจากภายในได้ทันที ถึงกับร้องว่า อ๋อ มันเป็นเช่นนี้เอง  แต่วิมุตติ  ยังไม่ทราบ ยังไม่เคยสัมผัส  จึงตอบไม่ได้)

(288) "ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติ  ที่ภิกษุเจริญแล้วอย่างไร  ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลมากมีอานิสสงส์มาก ?"

"ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้

(๑). ไม่ว่าจะเข้าอยู่ป่าก็ตาม  อยู่ที่โคนไม้ก็ตาม  อยู่ในเรือนว่างก็ตาม  เธอนั่งขัดสมาธิ (คู้บัลลังก์) ตั้งกายตรง  ตั้งสติมั่นไว้เฉพาะหน้า (ตั้งสติกำหนดลมหายใจ) เธอย่อมมีสติหายใจออก  มีสติหายใจเข้า

(๒). เมื่อหายใจออกยาวก็รู้ชัดว่าหายใจออกยาว  เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว  เมื่อหายใจออกสั้นก็รู้ชัดว่าหายใจออกสั้น  เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ชัดว่าหายใจเข้าสั้น  ตั้งใจฝึกฝน (สิกฺขติ) ว่าเราจักกำหนดรู้กาย (ลมหายใจ) ทั้งปวง (สพฺพกายปฏิสํเวที)หายใจออก  เราจักกำหนดรู้กายทั้งปวงหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่าเราจักระงับกายสังขาร (หมายถึงทำให้ลมหายใจละเอียดประณีตยิ่ง ๆ  ขึ้นโดยลำดับ) หายใจออก  เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า

(๓). ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักกำหนดรู้ปีติหายใจออก  เราจักกำหนดรู้ปีติหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักกำหนดรู้สุขหายใจออก  เราจักกำหนดรู้สุขหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักกำหนดรู้จิตตสังขาร (หมายถึงสภาวธรรมที่ปรุงแต่งจิตคือสัญญาและเวทนา) หายใจออก  เราจักกำหนดรู้จิตตสังขารหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักระงับจิตตสังขารหายใจออก  เราจักระงับจิตตสังขารหายใจเข้า

(๔). ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักกำหนดรู้จิต (จิตฺตปฏิสํเวที - รู้ว่าจิตขณะนั้นประกอบด้วยเจตสิกธรรมอะไรอยู่) หายใจออก  เราจักกำหนดรู้จิตหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักทำจิตให้ร่าเริง (อภิปฺปโมทยํ  จิตฺตํ - ทำจิตให้บันเทิง, ให้เบิกบาน) หายใจออก  เราจักทำจิตให้ร่าเริงหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักตั้งจิตมั่น (สมาทหํ  จิตฺตํ) หายใจออก  เราจักตั้งจิตมั่นหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักผ่อนคลายจิต (วิโมจยํ  จิตฺตํ - เปลื้องจิต) หายใจออก  เราจักผ่อนคลายจิตหายใจเข้า

(๕). ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักเพ่งพิจารณาความไม่เที่ยง (อนิจฺจานุปสฺสี) หายใจออก  เราจักเพ่งพิจารณาความไม่เที่ยงหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักเพ่งพิจารณาความคลายกำหนัด (วิราคานุปสฺสี - เพิงพิจารณาความไม่ยินดีติดใจ) หายใจออก  เราจักเพ่งพิจารณาความคลายกำหนัดหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักเพ่งพิจารณาความดับกิเลส (นิโรธานุปสฺสี) หายใจออก  เราจักเพ่งพิจารณาความดับกิเลสหายใจเข้า  ตั้งใจฝึกฝนว่า  เราจักเพ่งพิจารณาความสละคืนกิเลส (ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี) หายใจออก  เราจักเพ่งพิจารณาความสละคืนกิเลสหายใจเข้า"

"ภิกษุทั้งหลาย ! อานาปานสติที่ภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้  ทำให้มากแล้วอย่างนี้  จึงมีผลมากมีอานิสสงส์มาก"




คุณอุทัย   บุญเย็น  อธิบายขั้นตอนการเจริญอานาปนสติ

คำว่า "ตั้งใจฝึกฝน" แปลจากคำว่า "สิกฺขติ" (ซึ่งมักจะแปลกันว่าสำเหนียก หรือศึกษา) ทั้งนี้ก็เพราะต้องการสื่อความหมายว่า เป็นการฝึกจิต หรือกำหนดจิตพร้อมกำหนดลมหายใจเข้า - ออก  คือฝึกโดยการกำหนดในจิตอย่างที่ภาษาอังกฤษ พูดว่า he  trains himself,  thinking...

การเจริญอานาปานสติตามพุทธวจนะนี้  มี  ๕ ช่วง คือ
(๑). ช่วงต้น  เริ่มตั้งแต่เลือกสถานที่ให้เหมาะ  จนถึงตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้า - ออก
(๒). ช่วงกำหนดรู้กายสังขาร (ลมหายใจ) ช่วงตอนนี้ใช้เจริญ กายานุปัสสนาสติปัฏฐานได้
(๓). ช่วงกำหนดรู้เวทนา ไปจบลงที่ระงับจิตตสังขาร (เวทนาและสัญญา) ช่วงนี้ใช้เจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานได้
(๔). ช่วงกำหนดรู้จิต  ไปจบลงที่เปลื้องจิต  ช่วงตอนนี้ใช้เจริญ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานได้
(๕). ช่วงเพ่งพิจารณาธรรม (คำว่าเพ่งพิจารณา  แปลจากคำว่า อนุปสฺสี - ตามดู, ตามพิจารณา) ไปจบลงที่เพ่งพิจารณาความสละคืนกิเลส  ช่วงตอนนี้ใช้เจริญ ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานได้

กระบวนการเจริญอานาปานสติ  ถือว่าเริ่มเข้าที่นับตั้งแต่ช่วงตอน (๒) คือช่วงกำหนดรู้กายสังขาร  เมื่อแจกแจงขั้นตอนจากช่วงตอนนี้ไปจนจบ  ก็ได้หัวข้อของการเจริญอานาปนสติ ๑๖ หัวข้อ  อรรถกถาเรียกกระบวนการทั้งหมดนี้ว่า "โสฬสวัตถุอานาปานสติกัมมัฏฐาน" (อานาปานสติกัมมัฏฐาน ๑๖ หัวข้อ)

ใน ๑๖ หัวข้อนี้แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน คือ (๒) - (๓) - (๔) - (๕)  จำนวน ๔ ส่วนนี้เรียกว่า  จตุกกะ  หมายความว่า  กระบวนการเจริญอานาปานสติ มี ๔ หมวด

อรรถกถากล่าวว่า  ผู้เริ่มฝึกอานาปานสติ  ให้ฝึกปฏิบัติเฉพาะจตุกกะ แรก  คือ ช่วงตอน(๒)  ส่วนที่เหลือเป็นวิธีปฏิบัติของผู้ได้ฌานแล้ว  และ  ๓  จตุกกะ แรก คือ (๒) - (๓) - (๔)  ใช้ได้ทั้งสมถะและวิปัสสนา  จตุกกะ สุดท้าย คือ (๕) ใช้ได้สำหรับวิปัสสนาอย่างเดียว

ความแตกต่างระหว่าง อานาปานสติ กับการฝึกเกี่ยวกับลมหายใจ  เช่นวิธีควบคุมลมหายใจของโยคะ ที่เรียกว่า ปราณยาม เป็นต้น  อยู่ที่ว่า อานาปานสติ มุ่งฝึกสติ  ไม่ใช่ฝึกหายใจ  การฝึกควบคุมลมหายใจในลัทธิอื่น  พระพุทธองค์เคยผ่านมาแล้วเมื่อคราวบำเพ็ญทุกรกิริยาก่อนตรัสรู้

โปรดสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า  ในบรรดาวิธีปฏิบัติกรรมฐาน  มีอานาปานสติกรรมฐานเท่านั้น ที่กำหนดอิริยาบถไว้ชัดเจนว่าให้นั่งคู้บัลลังก์ (นั่งขัดสมาธิ) ตั้งกายตรง กรรมฐานอย่างอื่นไม่ระบุเจาะจงอย่างนี้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12622 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2557, 22:17:28 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์


เดี๋ยวนี้ช่วงเย็นๆ ลมแรง ฟ้ามืด จึงปิดเครื่องไปออกกำลังกาย
พบว่า ฝนไม่ตก เมฆดำลอยขึ้นไปทางเหนือ
ปีนี้อากาศแปรปรวนเป็นอย่างมาก ร้อนเป็นที่สุด
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12623 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2557, 05:48:59 »

สวัสดัยามเช้าครับ คุณเหยง

นับว่าเป็นข่าวดี  ที่ทราบว่าคุณเหยง  ไปออกกำลังกายตอนเย็น

บริเวณบ้าน กว้างขวาง ลานตากข้าว เช้า ๆ - เย็น ๆ น่าที่จะไปเดิน ดูให้ทั่ว สักหนึ่งชั่วโมง เพียงแค่นี้เอง ได้ทั้งงานและร่างกาย ที่ห่างไกลโรค

มันจำเป็นแล้วครับ การออกกำลังกาย และเราก็มีเวลา  อยุ่ที่จะกระทำหรือไม่ !

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12624 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2557, 07:28:55 »



อาหารมื้อเช้าต้องกินอย่างราชา เพราะร่างกายไม่ไได้รับสารอาหารมา ๒๐ ชั่วโมง แล้ว



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เมื่อคืน นครศรีธรรมราชฝนตก แต่ไม่หนัก ตกไปเรื่อย ๆ ลานเอนกประสงค์แฉะ ไม่เหมาะกับการเดิจออกกำลังกาย จึงต้องเดินในร่มและทดแทนด้วยชิกง-โยคะ ให้มาก เป็นเวลา ๑ ชั่วโมง

ผมหวังว่า พุทธวจนะ ในเรื่องอานาปานสติ ทุกท่านคงเกิดปัญญาเข้าใจได้นะครับ

แต่อย่าลืม อานาปานสติ นั้นกระทำอยาก สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่

อานาปานสติ ถ้าทำได้ เอาชนะนิวรณ์ ๕ ได้ เหมาะแก่การเจริญ ฌานที่ ๑ ๒ ๓ ๔ มากครับ โดยเฉาะการมีสติ-สัมปชัญญะ อยู่ในฌานที่ ๔ เหมาะแก่การงานวิปัสสนาทางปัญญาจากภายในที่จิตมันรู้ขึ้นมาเอง

อย่าลืมจิตมนุษย์นั้นฝึกได้ พระพุทธองค์ท่านทรงสอนวิธีฝึกให้แล้ว อยู่ที่ท่านแล้วละ ขอเพียงท่านมีศรัทธา-วิริยะ ว่ากระทำได้จริง  ท่านจะทราบด้วยตนเอง เพราะมันเป็นปัจจัตตัง

โปรดติตาม กายคตาสติสูตร

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 503 504 [505] 506 507 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><