22 พฤศจิกายน 2567, 20:31:23
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 495 496 [497] 498 499 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3546965 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 11 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12400 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 05:20:49 »



สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ตอนนี้ต้นนกยูงที่สนามกอล์ฟ President กำลังออกดอกสวยงาม เจริญตา มีให้เห็นเกือบทุกหลุมทั้ง ๓๖ หลุม

ปกติพี่สิงห์  ตีตอนหกโมงเช้า  แปดโมงครึ่งก็สามารถเล่นเเสร็จ ๑๘ หลุม เดินเร็ว ๆ เดินอย่างมีสติไปเล่นเพื่อออกกำลังกาย

แต่ถ้าวันอาทิตย์ ๑๘ หลุมจะเล่นเสร็จ สี่โมงครึ่ง เพราะคนมาก  การไปเล่นกอล์ฟ พี่สิงห์  ต้องนำข้าวใส่กล่องไปเป็นอาหารเช้า และต้องหาข้าวกินก่อนเที่ยง  แต่ถ้าแข่งขันกอล์ฟอาชีพ  จะต้องนำข้าวใส่กล่องไปกินเป็นอาหารกลางวันก่อนเที่ยง กรณีต้องออกรอบในตอนเช้า ยกเว้นออกก่อนเจ็ดโมง

ก็ทำอย่างนี้ทุกครั้ง  ไม่มีปัญหาใด ๆ ช่วงนี้เล่นกอล์ฟได้ดีอีกครั้ง

เธอสบายดีนะ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12401 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 05:26:13 »



วันนี้ไม่มีอะไรทำ  ขอไปนั่งทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว  สมุทรสงคราม  เพื่อว่าพรุ่งนี้หาเหตุ  กลับก่อน  เพราะกลัวว่าจะไปร่วมงานพี่กาญจนา  ไม่ทัน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12402 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 18:13:59 »



สวัสดียามเย็นครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เดี๋ยวนี้ รถในถนนพระรามสอง จากสมุทรสงคนาม มาจริง ๆ จ้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง ตอยเข้า กทม. เหนื่อยในการขับรถ แต่ได้อาศัย CD ของหลวงพ่อสุรศักดิ์  แห่งวัดมเหยงค์ ตำบลหันตรา อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา เป็นเพื่อน เพราะส่วนใหญาใน VD ท่สนจะนำพระสูตรในพระไตรปิฎก มาขยายความให้หัง และการสอนการปฏิบัติธรรมของท่าน  ท่านยึดพระไตรปิฎกเป็นหลัก  เช่นเดียวกับที่พี่สิงห์  ก็ยึดหลักธรรมในพระไตรปิฎกเป็นหลัก  แนวความคิดของท่าน ผลการปฏิบัติธรรมที่ท่านนำมาสอนญาติโยม ที่ท่านบรรยายนั้น เป็นเช่นเดียวกับที่ พี่สิงห์  รู้ไม่ผิดเพี้ยน

ดังนั้น CD ของท่าน จึงเป็นทั้งเพื่อน และตัวกระตุ้นให้เรามีวิริยะในการปฏิบัติธรรม  เมื่อยามเบื่อหน่ายในวิริยะ วันนี้ทำให้มีกำลังวิริยะขึ้นมาก  ว่าอย่าให้เสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์  ยังมีโอกาส ก็ได้เตือนตนเอง

ต้องระวังกาย  วาจา  ใจ  ให้มากเพราะเรายังอยู่ในสังคม  เลยทำให้หลงไปได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12403 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2557, 18:21:27 »





สามเณรปลูกปัญญาธรรม ๓ 
ท่านทำวัตรเย็น เราก็นั่งปฏิบัติธรรม ของเราไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12404 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 05:16:04 »



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้ไปทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว สมุทรสงคราม

ตอนเย็นมีงานเลี้ยง ฉลองครบรอบวันเกิด พี่กาญจนา  ว่องชวณิชย์ ที่ร้านกุหลาบ  ซอยอารีย์

ต้องมีสติ-สัมปชัญญะ  อยู่กับการรู้สึกตัวให้มาก ๆ  คือรู้ที่กาย มีเวทนาก็รู้ ไม่เพลินเพลิน และไม่ชัง  จิตมีอารมณ์ก็รู้ ไม่หลงไปกระทำตามจิต และอยู่ธรรมของพระพุทธองค์

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12405 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 15:43:57 »

พี่สิงห์

ฝากความระลึกถึงและอวยพรพี่กาญจนาด้วย

และเดินทางกลับด้วยความปลอดภัยครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12406 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 19:38:37 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12407 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 19:59:56 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12408 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 20:15:42 »



วันนี้ฝนตกหนักมากที่ บ้านแพ้วสมุทรสงครามตั้งแต่สี่โมงครึ่ง ถึงหกโมงเย็น ไม่สามารถออกมาจากโรงงานได้  ต้องรอจนฝนหายจึงกลับบ้านได้ตอนหกโมงเย็น  เดชบุญพอเลยสมุทสาครมาแล้วรถไม่ติด มาติดบนทางด่วน  แต่ก็ไปถึงร้านกุหลาบได้ในเวลาทุ่มครึ่ง กำลังมอบของขวัญ  อวยพรให้พี่กาญจนา  ว่องชวณิชย์  พอดี

แต่ท่านรักษาการนายก คุณราเมศวร์  มาเป็นคนสุดท้าย  เขาถ่ายภาพหมู่กันไปแล้ว  เลยต้องถ่ายภาพหมู่ใหม่ครับ

ดีใจที่ได้พบ คุณน้องต้อย   ที่มาเยี่ยมคุณแม่

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12409 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2557, 21:01:20 »


      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12410 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 02:56:13 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์
ช่วงนี้อาการแพ้น้อยลง ทำโยคะเกือบทุกวันค่ะ วันเสาว์หยุดเพราะทำอาหารไปวัด
วันอาทิตย์มอบให้ครอบครัว

ตอนนี้เป็นห่วงน้องชายที่ดูแลบ้านที่เชียงใหม่ แผ่นดินไหวเมื่อวันก่อนทำให้เพดานร้าวเพิ่มขึ้นจากคราวที่แล้วค่ะ
คงต้องหาวิศวกรโครงสร้างไปดู ไม่อยากให้ถล่มลงมาทับน้องๆ
พี่สิงห์มีอะไรจะแนะนำไหมคะ
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12411 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 05:22:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ ติ๋ม จันทร์ฉาย เมื่อ 08 พฤษภาคม 2557, 02:56:13
สวัสดีค่ะพี่สิงห์
ช่วงนี้อาการแพ้น้อยลง ทำโยคะเกือบทุกวันค่ะ วันเสาว์หยุดเพราะทำอาหารไปวัด
วันอาทิตย์มอบให้ครอบครัว

ตอนนี้เป็นห่วงน้องชายที่ดูแลบ้านที่เชียงใหม่ แผ่นดินไหวเมื่อวันก่อนทำให้เพดานร้าวเพิ่มขึ้นจากคราวที่แล้วค่ะ
คงต้องหาวิศวกรโครงสร้างไปดู ไม่อยากให้ถล่มลงมาทับน้องๆ
พี่สิงห์มีอะไรจะแนะนำไหมคะ


สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ถ้ารอได้  เดือนมิถุนายน  พี่สิงห์  มีโปรแกรมจะไปเชียงใหม่-เชียงราย  จะแวะไปดูให้ หรือ

ถ้ากังวลมาก ตอนนี้ ให้ถ่ายภาพการแตกร้าวของคอนกรีต ที่คาน ผนัง ที่พบ ส่งมาให้ดูก่่อน และ

เอาดินสอไปขีดรอยแตกทั้งความยาว ความกว้าง และเอากระจกติดกาวไปแป๊ะรอยแตก เพื่อดูว่ารอยแตกนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือ

ไปแจ้งที่โยธา  จังหวัด ให้้เขาไปตรวจสอบให้ หรือ

ไปที่คณะวิศวฯ เชียงใหม่ ให้เขาไปตรวจสอบให้ หรือ

บอก ดร.สุริยา  ขอร้องให้ ดร.สุริยาโทรศัพท์ไปบอก ดร.อภิวัฒน์  ให้ไปช่วยตรวจสอบให้ครับ

ได้ทั้งนั้น  ไม่ต้องเกรงใจ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12412 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 05:35:48 »



เรื่องแผ่นดินไหว  เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว ตอนนั้นพี่สิงห์  เป็นผู้ร่างมาตรฐานเสาเข็ม มอก.๓๙๖-๒๕๔๙  ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ พี่สิงห์ได้กำหนดค่าต่ำสุดในการใส่เหล็กเสริมอัดแรงในคอนกรีตเเพื่อไม่ให้โรงงานเสาเข็มใส่เหล็กน้อยเกินไปซึ่งเขานิยมใส่น้อยมากสำหรับเสาเข็มสั้นตามต่างจังหวัด  โดยพี่สิงห์  บอกว่าเหตุผลที่กำหนดคือ  อย่างน้อยป้องกันแผ้นดินไหวได้บางส่วน  แต่ผู้ผลิตทั้งหลายบอกว่า ไม่จำเป็น ไม่ควรกำหนด ทั้งที่กำหนดเอาไว้นอกจากมีผลดีในแง่การรับแรงแล้ว ยังทำให้ทุกโรงงานมีต้นทุนใกล้เคียงกันเพราะต้องใส่เหล็กเสริมอัดแรงเท่ากัน

บัดนี้สิ่งที่พี่สิงห์  คาดคะเนเอาไว้เราพบประสพแล้ว

ใครจะเชื่อศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในประเทศไทยจริงแล้ว

คงต้้องแก้ไขมาตรฐานเสาเข็มกำหนด minimum effective stress เพิ่มขึ้นอีกจาก 25 ksc. เป็น 49 ksc. โดยทั่วไป เสียแล้ว

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12413 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 05:42:43 »



คุณโด่ง

ธุรกิจเสาเข็ม  ผนังสำเร็จรูป  ทางใครทางมัน  จริงอยู่ใครๆ ก็ทำได้  แต่จะมีใครบ้างที่ประสพความสำเร็จ

ถ้าไม่รู้จริง  ในทุกด้าน  ดร. ก็ ดร. รู้แต่วิชาการ  มันเอาธุรกิจ  ไม่รอดหรอก  เห็นมามากแล้ว

มันต้องมีกึ๋น  ในทุกด้านมากกว่าคำว่า ดร.  มันถึงจะเอาอยู่  นี่คือความจริง  มันจึงไม่แปลก ที่ ดร.โรงงานของคุณ เอาไม่อยู่  จนขวนขวายจะไปหางานใหม่ 

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12414 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 07:24:18 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้ ทุกเที่ยวบินของ Nok Air เดินทางไปนครศรีธรรมราชเต็มหมด พี่สิงห์ เลยต้องไปเช้าวันศุกร์ กลับวันเสาร์เย็น  ผลที่ตามมา คงไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น วศฯ ที่จะไปทำบุญที่วัดรังสิต และเล่นกอล์ฟได้

เช้านี้อยู่บ้าน เลยได้หุงข้าวใส่บาตรพระเช้าที่หน้าบ้าน

วันนี้คงได้ทำงานอยู่ที่บ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12415 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 07:53:28 »



ในสมัยพุทธกาล  ที่เมืองสาวัตถี  บ้านของท่านเศรษฐี พ่อสามีของนางวิสาขา
นางวิสาขากำลังดูแล จัดอาหารให้ท่านเศรษฐี รับประทานอาหารเช้าอยู่ ขณะนั้นมีพระภิกษุบิณฑบาตรผ่านมา และท่านก็ยืนสงบเพื่อรอรับการใส่บาตรอาหารของท่านเศรษฐี

ท่านเศรษฐี  ไม่สนใจเพราะท่านจะทำบุญกับพระชีเปือย สาวกของพระมหาวีระ เจ้าลัทธิเชน

เมื่อเป็นดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ นางวิสาาขาจึง เรียนให้พระท่านทราบว่า " เชิญพระคุณท่าน ไปรับบาตรที่อื่นเถิด คุณพ่อสามีของดิฉันท่านกำลังบริโภคของเก่าอยู่"

ในความหมายของ นางวิสาขา คือ ท่านเศรษฐีมีถานะร่ำรวย มีการเป็นอยู่ที่ดีในชาตินี้เป็นเพราะชาติก่อน ๆ ท่านกระทำกรรมดีเอาไว้มาก ท่านจึงได้รับผลที่ดีในชาตินี้

แต่ถ้าชาตินี้ ที่ท่านเกิิดเป็นมนุษย์ ไม่กระทำกรรมดี ไม่อนุเคราะห์กับคนที่เห็นสมควรอนุเคราะห์เช่น พระภิกษุสงฆ์ บิดา-มารดา ครู-อาจารย์ ญาติ-พี่น้อง และคนยากไรที่สมควรอนุเคราะห์ หรือช่วยเหลือสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ให้ได้รับความลำบากเป็นต้น ไม่ทำกรรมดี  ถ้าเกิดในชาติหน้าย่อมได้รับผลของกรรมนั้น คือ ตกอยูในสภาวะที่ต่ำกว่าชาตินี้หรือไปเกิดเป็นสัตว์เดรฉาร หรือไปเกิดในนรกภูมิ

ดังนั้น เราโชคดีที่เกิดเป็นมนุษย์ เกิดในประเทศที่มีพุทธศาสนา ที่พระสงฆ์ยังสืบทอดพระพุทธศาสนาสืบมา  อย่าเสียโอกาส  ท่านจงนำพุทธศาสนานี้มาปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ด้วยเทอญ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #12416 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 11:48:13 »

               พี่สิงห์ค่ะ ตอนออกจากร้านอาหารไม่ได้สวัสดีพี่ เจอแต่พี่ป๋อง ถ่ายรูปรอบสองเสร็จก็อาศัยโด่งมาส่งที่
                          บีทีเอสอารีย์  ไม่แปลกใจว่าทำไมต้องเข้าซีมะโด่งดอทคอมเข้ากระทู้พี่สิงห์เพราะรวดเร็ว ไปไหนม าก็ขึ้น             
                          จอเลย  พี่ใช้มือถือนี่เอง(ซึ่งต้อยใช้ไม่เป็น)   
                         
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12417 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 16:51:31 »



สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

พี่สิงห์  ใช้ผ่านมือถือในการเข้า-เขียน ในเวบได้เร็วกว่า computer note book เพียงแต่มันทำตัวหนังสือให้ตัวโต อยากเลยไม่ได้ทำค่ะ

วันนี้ไม่มีอะไรทำเลยไปโรงงานบ้านแพ้ว ไปแล้วมีอะไรต้องกระทำมันก็ผ่านไปวันหนึ่ง ๆ ก็ดีเหมือนกัน และได้ฟัง CD หลวงพ่อสุรศักดิ์ นานหน่อย เวลาขับรถ ได้ทบทวนเนื้อหาในพระไตรปิฎกไปในตัว  อย่าลืมคิดในทางธรรม มันไม่มีทุกข์ พระพุทธองค์สอนเอาไว้  เลยไม่มีเรื่องอะไรต้องคิดมาก


อยู่บ้านก็อาศัยสามเณรปลูกปัญญาธรรม ๓ เป็นเพื่อน เราก็นั่งเจริญสติเข้าญาณของเราไป  มันก็เท่านั้นเอง

เรื่องการเมือง ก็ไม่รู้เรื่อง  และเราทำอะไรไม่ได้เพราะแต่ละท่านจะเอาตามความคิดตนเอง มันก็เลยมีแต่วิวาท

พรุ่งนี้เช้าเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12418 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2557, 19:44:09 »



วัดป่าวัดนี้ พระพุทธรูปองค์นี้  พี่สิงห์  ไปกราบมาครั้งหนึ่ง ที่ไปพบคุณพัชรีที่วัด  เป็นวัดสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงษ์ เมื่อปีที่แล้ว



แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นมหันตภัย  เศร้าใจที่เรามีรัฐบาลง้อย  ไม่ทำอะไรเลยนอกจากต้องการกระทำตามความคิดตนเอง  ทำเพื่อตนเอง ไม่ทำเพื่อประชาชน

พรรคฝ่ายค้านก็หลงตนเอง  ต้องการชนะตามความคิดตนเอง  ทั้งที่ภัยนี้มากมายนัก ไม่มีหน่วยงานไหนช่วยเหลือ ความเสียหายมีในอาคาร ที่พักอาศัยของประชทชนจำนวนมาก

มีเพียง วสท. และบางหน่วยงานของราชการออกมาช่วยเหลือ แต่ไม่มีเงินและอำนาจเพียงพอ เป็นการประชาสัมพันธ์ให้รู้เท่านั้น

ข้อสังเกต ความเสียหายส่วนมากเป็นอาคารที่ไม่มีเสาเข็ม

ขณะนี้  ชาวบ้านต้องการวิศวกรโยธาเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยบ้านพักอาศัย แต่ต้องมีประสพการณ์

ก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ?

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12419 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 08:22:15 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เช้าวันนี้ ได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน และสมทบทุน 500 บาท บริจาคเพื่อซื้อกาแฟ เลี้ยงผู้ปฏิบัติธรรมของวัดลาดพร้าว ที่จะจัดปฏิบัติธรรมที่วัดตั้งแต่วันเสาร์ถึงวันอังคาร เนื่องในเทศกาลวิสาขะบูชาปุณมี

ขณะนี้อยู่ที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางไปทำงานที่ นครศรีธรรมราช

อาทิตย์นี้ กทม. ประเทศไทย  มีแต่ความวุ่นวายทางการเมือง มันเป็นธรรมดาของประชาธิปไตย ที่ต้องแตกแยกทางความคิด  แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ถ้านักการเมืองไม่เห็นประโยชน์ส่วนตน (ตัวกู  ของกู  กูเป็นนั่น  นั่นของกู) มีสักกายะทิฏฐิ อยู่อย่างนี้ มีแต่ความขัดแย้งที่รุนแรง วิวาท วุ่นวาย เดือดร้อน และบาดเจ็บ-ชีวิต

นักการเมืองประเภทนี้โง่นัก เเพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาไม่ง่ายเลย น่าเสียดาย

นักการเมืองต้องรู้จักคิดว่า อำนาจนั้นไม่เคยมีใครอยู่ในอำนาจจนแก่ตาย  ย่อมสับเปลี่ยนกันไปเป็นธรรมดา ใครซื่อสัตย์ ไม่เห็นประโยชน์ส่วนตนก็อยู่ได้นาน  

แต่อนิจจา เหมือนกันหมดทั่วโลก ใครได้อำนาจไปแล้ว ก็จะหลงอยู่ในอำนาจ มีคนยกย่องให้เกียรติ ยิ่งลืมตัว เป็นใหญ่  กลับมาเป็นคนธรรมดาไม่ได้  นี่ละหลงอยู่ในความคิด ผลสุดท้าย ก็โดนเขาบังคับให้ลงจนได้

แต่นักการเมืองไทยมีแต่ความโลภ เพราะคิดว่าตนเองอยู่ไม่นาน ในตำแหน่ง ต้องหาผลประโยชน์กอบโกยโดยเร็ว ให้มากเอาไว้  มันจึงเป็นอย่างที่เห็น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12420 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 12:15:40 »



ถึงแม้จะพิการ  แต่เป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ได้ดีคนหนึ่ง ที่โรงงานบ้านแพ้ว
ทำหน้าที่เติมน้ำมันรถ และควบคุมการเบิก-จ่ายสโตร์

สวัสดีครับ  ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุุกท่าน

พี่สิงห์  อยู่นครศรีธรรมราช

อากาศโดยทั่วไป ท้องฟ้ามีเมฆ บ่าย ๆ คงมีฝนตกเป็นบางพื้นที่ ก็ดีเพราะต้นไม้  สัตว์  คน  กำลังต้องการน้ำ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12421 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 18:51:03 »



กลายเป็นว่า บรรดารอยเลื่อน หรือฟ้อล ต่าง ๆ ในเมืืองไทยเป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง พร้อมที่จะเคลื่อนตัวเมื่อไรก็ได้  อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้ เพราะมนุษย์ทำลายธรรมชาติ เช่นสูบน้ำมันขึ้นมามาก  สูบน้ำบาดาลขึ้นมามาก สร้างอาคารสูงล้ำไปในอากาศจำนวนมาก  โลกมันย่อมปรับตัวให้สมดุลย์ เพื่อยังโคจรไปด้วยดีในระบบสุริยะ

เย็นวันนี่ได้เดินออกกำลังกายบนสายพาน ฝึกชิกง-โยคะ  สบายตัวดีครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #12422 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2557, 20:52:56 »

เป็นเพราะอากาศที่ร้อนสูงขึ้น ส่งผลให้ดินร้อนขึ้นด้วยหรือไม่ ??

รอยเลื่อนจึงมีพลังเพิ่มขึ้น
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #12423 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 03:02:35 »

กราบขอบพระคุณพี่สิงห์ค่ะ
กำลังติดต่อน้องๆเขาให้ติดต่อไปถึงพี่ต้อ (สรสิทธิ์) ค่ะ พี่ต้อคงติดต่อพี่แม้วให้หาพวกพี่น้องโยธาช่วยดูค่ะ




อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 08 พฤษภาคม 2557, 05:22:14
อ้างถึง
ข้อความของ ติ๋ม จันทร์ฉาย เมื่อ 08 พฤษภาคม 2557, 02:56:13
สวัสดีค่ะพี่สิงห์
ช่วงนี้อาการแพ้น้อยลง ทำโยคะเกือบทุกวันค่ะ วันเสาว์หยุดเพราะทำอาหารไปวัด
วันอาทิตย์มอบให้ครอบครัว

ตอนนี้เป็นห่วงน้องชายที่ดูแลบ้านที่เชียงใหม่ แผ่นดินไหวเมื่อวันก่อนทำให้เพดานร้าวเพิ่มขึ้นจากคราวที่แล้วค่ะ
คงต้องหาวิศวกรโครงสร้างไปดู ไม่อยากให้ถล่มลงมาทับน้องๆ
พี่สิงห์มีอะไรจะแนะนำไหมคะ


สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ถ้ารอได้  เดือนมิถุนายน  พี่สิงห์  มีโปรแกรมจะไปเชียงใหม่-เชียงราย  จะแวะไปดูให้ หรือ

ถ้ากังวลมาก ตอนนี้ ให้ถ่ายภาพการแตกร้าวของคอนกรีต ที่คาน ผนัง ที่พบ ส่งมาให้ดูก่่อน และ

เอาดินสอไปขีดรอยแตกทั้งความยาว ความกว้าง และเอากระจกติดกาวไปแป๊ะรอยแตก เพื่อดูว่ารอยแตกนั้นจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือ

ไปแจ้งที่โยธา  จังหวัด ให้้เขาไปตรวจสอบให้ หรือ

ไปที่คณะวิศวฯ เชียงใหม่ ให้เขาไปตรวจสอบให้ หรือ

บอก ดร.สุริยา  ขอร้องให้ ดร.สุริยาโทรศัพท์ไปบอก ดร.อภิวัฒน์  ให้ไปช่วยตรวจสอบให้ครับ

ได้ทั้งนั้น  ไม่ต้องเกรงใจ

สวัสดี

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #12424 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2557, 07:21:19 »


สวัสดียามเข้าครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เช้านี้ได้เดินจงกรมออกกำลังกาย  ฝึกชิกง-โยคะ และรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมทวินโลตัส

พระนิพพาน มีอยู่
หนทางของการปฏิบัติเพื่อให้ถึงพระนิพพาน ก็มีอยู่
พระสงฆ์ผู้สืบทอดพุทธศาสนา ผู้ชี้ช่องทางปฏิบัติให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ก็มีอยู่

แต่ทำไม พวกเราพุุทธศาสนิกชนม์ จึงละเลย เดินไม่ถูกทาง ไม่มุ่งไปพระนิพพาน

เป็นเพราะพวกเราขาดซึ่ง พลศรัทธา  ขาดซึ่งพลวิริยะ อย่างแรงกล้า ในการปฏิบัติ ให้ถึงพระนิพพาน นั่นเอง

หนทาง แนวทางในการปฏิบัติหรือฝึก เพื่อพระนิพพาน คือ

๑. มีศรัทธา
๒. มีศีล
๓. สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้ทรงไว้ซึ่งอุเบกขา
๔. รู้ประมาณใน ปัจจัย ๔ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม แลยารักษาโรค
๕. ไม่เกียจคร้านกระทำความเพียรอยู่เป็นนิจ
๖. มีสติ-สัมปชัญญะ
๗. ทำสติ-สัมปชัญญะ ให้เป็นสมาธิ จนสามารถละนิวรณ์ ๕ ได้
๘. ดำรงสมาธิให้อยู่ในณานที่ ๑ ๒ ๓ ๔
๙. ทำสมาธิให้อยู่ในณานที่ ๔ น้อมใจพิจารณา การเกิด-ตายของหมู่สัตว์ ..(ไม่สามารบอกได้เพราะยังไปไม่ถึง)

หนทางนี้แลเป็นหนทางปฏิบัติมุ่งสู่พระนิพพาน

สวัสดี

เสขปฏิปทาสูตร

การปฏิบัติ ไฝ่ศึกษาของพระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา

พระอานนท์กล่าวว่า การที่พระอริยสาวกสมบูรณ์ด้วยศีล  คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย (ระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) รู้ประมาณในการบริโภค ประกอบเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเครื่องตื่น ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ อย่าง อันได้แก่ ศรัทธา  หิริ  โอตตัปปะ  พาหุสัจจะ  ลงมือทำความเพียร  สติ  ปัญญา ได้ ณาน ๔ อันเป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบันตามต้องการ

สรุปว่า อริยสาวกผู้ประกอบด้วยคุณธรรมดังกล่าวมาแล้ว ก็ควรจะตรัสรู้ได้

เปรียบเหมือน แม่ไก่กกไข่ดี  แม้ไม่ต้องการปราถนาให้ไข่เป็นตัวออกมาโดยสวัสดี  ก็คงจะออกมาได้โดยสวัสดี  

แล้วแสดงการได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ(ญาณระลึกชาติได้) จุตูปปาตญาณ(ญาณอันเห็นความตายความเกิด) และอาสวักขยญาณ(ญาณอันทำอาสวะให้สิ้น) ว่า  เปรียบเหมือนลูกไก่ทำลายกะเปาะไข่ออกจากไข่เป็นขั้น ๆ ๓ ขั้นด้วยกัน


ผู้มีเสขปฏิปทา

พระอานนท์แสดงธรรมเรื่องเสขปฏิปทาแก่พวกเจ้าศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ ที่สัณฐาคาร ใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเพื่อใช้เป็นที่ธรรมปฏิบัติ

อริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีเสขปฏิปทา ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม ควรจะชำแรกกิเลส ควรจะตรัสรู้ ควรจะบรรลุธรรมอันปลอดโปร่งจากกิเลสเครื่องประกอบ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเมื่อ
- เป็นผู้ถึงพร้อมด้วย ศีล
- คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
- รู้ประมาณในโภชนะ
- ประกอบความเพียรเครื่องตื่น
-  ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม ๗ ประการ
- เป็นผู้ได้ฌาน ๔ อันเป็นธรรมอาศัยซึ่งจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ตามความปรารถนา เป็นผู้ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก.

------------------------

อริยสาวกชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลเมื่อ
- สำรวมระวังในพระปาติโมกข์
- ถึงพร้อมด้วยมารยาทและโคจร
- มีปกติเห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย
- สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

อริยสาวกชื่อว่า เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายเมื่อ
- เห็นรูปด้วยจักษุ ฟังเสียงด้วยโสต ดมกลิ่นด้วยฆานะ ลิ้มรสด้วยชิวหา ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ แล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
- ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำ
- อย่างนี้แลชื่อว่ารักษาจักขุนทรีย์  โสตินทรีย์  ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ มนินทรีย์ ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์ ถึงความสำรวมในโสตินทรีย์ ถึงความสำรวมในฆานินทรีย์ ถึงความสำรวมในชิวหินทรีย์ ถึงความสำรวมในกายินทรีย์ ถึงความสำรวมในมนินทรีย์

อริยสาวกชื่อว่าเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะเมื่อ
- พิจารณาโดยแยบคายแล้วกลืนกินอาหาร
- ไม่ใช่เพื่อจะเล่น เพื่อจะมัวเมา
- เพื่อความผ่องใส เพื่อความงดงาม
- เพียงเพื่อความดำรงอยู่แห่งกายนี้ เพื่อให้กายนี้เป็นไปได้
- เพื่อบำบัดความอยากอาหาร
- เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ ด้วยคิดว่า จักกำจัดเวทนาเก่าเสียด้วย จักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้นด้วย ความเป็นไปแห่งอิริยาบถ ความเป็นผู้ไม่มีโทษ และความอยู่
เป็นผาสุกจักมีแก่เรา

อริยสาวกชื่อว่าเป็นผู้ประกอบความเพียรเครื่องตื่นเมื่อ
- เวลากลางวันชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกั้นจิต ด้วยการเดิน การนั่ง
- เวลากลางคืน ในปฐมยาม ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกั้นจิต ด้วยการเดิน การนั่ง
- เวลากลางคืน ในมัชฌิมยาม สำเร็จสีหไสยาสน์โดยข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ มนสิการสัญญาในอันที่จะลุกขึ้น
- เวลากลางคืน ในปัจฉิมยาม ลุกขึ้นแล้ว ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกั้นจิต ด้วยการเดิน การนั่ง

อริยสาวกชื่อว่าเป็น ผู้ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม ๗ ประการ เมื่อ
๑. เป็นผู้มีศรัทธา คือเชื่อความตรัสรู้ของพระตถาคต ว่าพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม.
๒. เป็นผู้มีหิริ คือ ละอายกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ละอายต่อการถึงพร้อมแห่งอกุศลธรรม
๓. เป็นผู้มีโอตตัปปะ คือ สะดุ้งกลัวกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต สะดุ้งกลัวต่อการถึงพร้อมแห่งอกุศลธรรม
๔. เป็นพหูสูต ทรงธรรมที่ได้สดับแล้ว สั่งสมธรรมที่ได้สดับแล้ว ธรรมเหล่าใดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ธรรมทั้งหลายเห็นปานนั้น อันท่านได้สดับมามาก ทรงจำไว้ได้ สั่งสมด้วยวาจา ตามเพ่งด้วยใจ แทงตลอดด้วยดี
๕. เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อถึงพร้อมแห่งกุศลธรรม มีความเข้มแข็ง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย
๖. เป็นผู้มีสติ คือ ประกอบด้วยสติและปัญญาเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง ระลึกได้ ตามระลึกได้ แม้ซึ่งกิจการที่ทำไว้นานแล้ว แม้ซึ่งถ้อยคำที่พูดไว้นานแล้ว
๗. เป็นผู้มีปัญญา คือ ประกอบด้วยปัญญา อันเห็นความเกิดและความดับ อันเป็นอริยะ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ

อริยสาวกชื่อว่าเป็นผู้ได้ฌานทั้ง ๔ อันเป็นธรรมอาศัยซึ่งจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ตามความปรารถนา เป็นผู้ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก อริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้เมื่อ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
- บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่  
- บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย   เพราะปีติสิ้นไป  
- บรรลุตติยฌานที่พระอริยทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข  
- บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

บัณฑิตจึงกล่าวอริยสาวกนี้ว่าเป็นผู้มีเสขปฏิปทา

อริยสาวกนั้นอาศัยจตุตถฌาน มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นยิ่งกว่านี้อย่างเดียว
- ย่อมระลึกชาติก่อนได้ว่าในภพโน้น เรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น  มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้  ข้อนี้เป็นความแตกฉานแห่งฌานข้อที่หนึ่ง
-  ย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ข้อนี้ เป็นความแตกฉานแห่งฌานข้อที่สอง
-  ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ข้อนี้เป็นความแตกฉานแห่งฌานข้อที่สาม

ความเป็นผู้มีวิชชาและจรณะ
อริยสาวกเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจรณะ
- เป็นถึงพร้อมด้วยศีลประการหนึ่ง
- เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายประการหนึ่ง
- เป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะประการหนึ่ง
- เป็นผู้ประกอบความเพียรเครื่องตื่นประการหนึ่ง
- เป็นผู้ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม ๗ ประการ ประการหนึ่ง
- เป็นผู้ได้ฌานทั้ง ๔ อันเป็นธรรมอาศัยซึ่งจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ตามความปรารถนา เป็นผู้ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ประการหนึ่ง

อริยสาวกเป็นผู้ถึงพร้อมวิชชา ๓
-  ระลึกชาติได้
-  มีทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ เห็นการจุติ อุปบัติในหมู่สัตว์ทั้งหลาย
- แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ซึ่งปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่ง

คาถาสนังกุมารพรหม อันกล่าวดีแล้ว ประกอบด้วยประโยชน์
- ในชุมชนที่ยังรังเกียจกันด้วยโคตร กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐสุด
- ในหมู่เทวดาและมนุษย์ ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ประเสริฐสุด.
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 495 496 [497] 498 499 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><