24 พฤศจิกายน 2567, 02:55:57
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 404 405 [406] 407 408 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3567495 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10125 เมื่อ: 06 กันยายน 2556, 17:17:24 »

อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
วันที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 09:10:02 น.
 
(ที่มา:มติชนรายวัน 5 ก.ย.2556)

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน ราคาสินแร่ เงิน ทองแดง อะลูมิเนียม รวมทั้งยางพาราได้ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเศรษฐกิจประเทศจีนขยายตัวในอัตราเลข 2 หลักมานานหลายปี

เคยเดินทางไปมณฑลยูนนานของจีน มองลงไปจากเครื่องบินเห็นพื้นที่จำนวนมากมายกลายเป็นสวนยางพารา เนินเขาเป็นลูกๆ ปลูกกันแต่ยางพารา
 

ที่ประเทศลาว แขวงทางเหนือตั้งแต่แขวงหลวงพระบาง หลวงน้ำทา พงสาลี ไซยะบุลี ลงมาจนถึงแขวงเวียงจันทน์ บอริคำไซย ก็เห็นสวนยางพาราเต็มไปหมด

ประเทศไทยในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมาก็นิยมปลูกยางพารากัน ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ ยังนึกในใจว่ายางพารานั้นปลูกได้แต่ที่ภาคใต้ของไทย ที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะยางพาราต้องการภูมิอากาศที่ฝนชุก ความชื้นสูง ที่เมืองไทยนอกจากภาคใต้ ก็มีภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ระยอง และตราด

เมื่อไปเห็นสวนยางที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ ที่ประเทศลาว และที่ยูนนาน ประเทศจีน ก็นึกในใจอยู่แล้วว่า เมื่อต้นยางพาราที่ปลูกใหม่นี้ สามารถกรีดเอาน้ำยางได้ ปริมาณน้ำยางก็คงจะล้นตลาด นึกเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา แต่คิดว่าเศรษฐกิจของจีน อินเดีย และรัสเซีย คงจะขยายตัวต่อไป ขณะเดียวกันราคาน้ำมัน ก็คงจะไม่อ่อนตัวลงเพราะถ้าราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง ราคายางเทียมหรือยางสังเคราะห์ ก็จะอ่อนตัวด้วย ทำให้ราคายางธรรมชาติ อ่อนตัวตามลงไปตามกัน

เหตุการณ์ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง เศรษฐกิจรัสเซียและจีนมีปัญหา สหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัว ความต้องการซื้อยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ยางพาราก็ลดลง ราคายางพาราก็พลอยร่วงลงไปอย่างรวดเร็วด้วย

ปัญหาของสินค้าเกษตรกรรมที่เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพืชล้มลุกอย่าง ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือพืชยืนต้น เช่น ผลไม้ต่างๆ รวมทั้งยางพารา และการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ สุกร ล้วนเป็นไปตามกฎหรือทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์

กฎหรือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ว่าก็คือ เมื่อราคาสินค้าประเภทนี้สูงขึ้น เกษตรกรก็หันมาปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้นพร้อมๆ กัน เพราะเห็นเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้มากขึ้น

เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว ปริมาณสินค้าก็จะออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้มีสินค้าล้นตลาด เมื่อสินค้าล้นตลาดราคาก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับเกษตรกรผู้ผลิตอย่างมาก

เมื่อราคาลดลงติดต่อกันสักพัก เกษตรกรก็ลดการปลูกหรือปริมาณสัตว์ที่เลี้ยงลง สินค้าก็จะเริ่มขาดตลาดราคาก็จะเริ่มสูงขึ้นหรือเกิดกรณีที่เศรษฐกิจของภูมิภาคหรือของโลกฟื้นตัวขึ้น ความต้องการสินค้าก็เริ่มสูงขึ้น ราคาก็ถีบตัวสูงขึ้น

แต่เศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจของโลกก็มีวัฏจักร เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเฟื่องฟูขึ้น การลงทุนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตลาดอิ่มตัว การลงทุนมากเกินตัว เศรษฐกิจก็ชะลอตัวแล้วก็กลายเป็นเศรษฐกิจขาลง

ดังนั้น วัฏจักรทางด้านการผลิต วัฏจักรทางด้านความต้องการของตลาด จึงเป็นปัจจัยสำคัญทั้ง 2 ด้าน ที่ทำให้ราคามีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักร สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรผู้ผลิตอยู่เป็นประจำ เป็นปรากฏการณ์ที่เราจะพบเห็นอยู่เสมอถ้าเราสังเกต

ยางพาราก็เป็นพืชที่ไม่พ้นไปจากกฎทางเศรษฐศาสตร์เช่นว่านี้ เราเคยเห็นราคายางตกต่ำมาแล้วหลายรอบในช่วง 20 ปีมานี้ ราคายางพาราตกต่ำจนประเทศมาเลเซียสนับสนุนให้เกษตรกรของเราเปลี่ยนสวนยางมาเป็นสวนปาล์มน้ำมันแทน ไทยเราก็ทำบ้างบางส่วน

สำหรับสินค้าเกษตรอย่างอื่น เกษตรกรอาจจะปรับตัวได้ง่าย เช่น สุกร ไก่ วัฏจักรราคาอาจจะไม่ยาว 2-3 ปีมีครั้งหนึ่งเพราะการเพิ่มการผลิตทำได้เร็ว สำหรับไก่ก็ไม่กี่เดือน สำหรับสุกรก็ไม่นาน แต่สำหรับไม้ยืนต้นอาจจะนาน

ยางพาราตั้งแต่เริ่มปลูกจนสามารถกรีดเอาน้ำยางต้องใช้เวลาถึง 6 ปี เมื่อต้นยางโตพอที่จะกรีดน้ำยางได้ก็พอดีถึงวัฏจักรราคา อยู่ในช่วงขาลงพอดี การปรับตัวก็อาจจะทำได้ยากเพราะเกษตรกรได้ลงทุนมาแล้วเป็นเวลานาน

กิจการสวนยางเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก เมื่อปลูกจนโตแล้วก็ต้องใช้แรงงานกรีดยาง ลำพังตัวเกษตรกรเองไม่สามารถจะกรีดยางในสวนของตนได้หมด อีกทั้งบุตรหลานที่มีการศึกษาสูงๆ ก็ไม่นิยมกลับบ้านไปกรีดยาง ดังนั้น การกรีดยางจึงต้องอาศัยแรงงานจากภายนอก และวิธีจ้างก็ไม่มีอะไรดีกว่าการแบ่งผลผลิตกัน เช่น 60-40 หรือ 50-50 แทนที่จะจ้างด้วยการออกค่าจ้าง เช่น การจ้างเกี่ยวข้าว หรือหักข้าวโพด

การปรับตัวต่อราคาจึงมีเพียงจะกรีดยางมากหรือน้อยเท่านั้นในระยะแรก เมื่อเศรษฐกิจภาคใต้เจริญขึ้น แรงงานที่เข้ามากรีดยางก็มักจะเป็นแรงงานจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจของประเทศเจริญขึ้น แรงงานจากภาคอีสานมีน้อยลง แรงงานจากประเทศพม่าและอินโดนีเซียก็มาแทนที่

ขณะนี้แรงงานในภาคอีสานและภาคเหนือก็กลับไปปลูกยางพาราที่บ้าน เมื่อต้นยางโตพอจะกรีดได้ก็คงมีปัญหาอย่างเดียวกัน จะหาแรงงานจากที่ไหนมากรีด ถ้าราคายางพาราอยู่ในระดับเกินกว่า 100 บาท รายได้จากการรับจ้างกรีดก็คงจะพอเป็นแรงจูงใจให้มีคนทำ แต่ถ้าราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำลงมาอยู่ในระดับ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม ปัญหาก็คงจะเกิดขึ้นทันที

สวนยางที่ประเทศลาวจำนวนมากก็ไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะกรีด คงต้องใช้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำการกรีดเช่นเดียวกับประเทศไทย

การกรีดยางก็ไม่สามารถใช้เครื่องจักรได้ ยังต้องใช้คนเดินกรีด และเดินเก็บน้ำยางไปทีละต้น ไม่เหมือนการปลูกข้าว ข้าวโพดและมันสำปะหลังรวมทั้งถั่วเหลือง ที่สามารถใช้เครื่องจักรมาแทนแรงงานได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็นประเทศที่ขาดแคลนแรงงานแล้วในขณะนี้ มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในภาคเศรษฐกิจใช้แรงงานมาก ในอนาคตจะทำอย่างไร

ถ้าพม่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศหลังจากที่ได้เปิดประเทศ และแรงงานจากพม่ากลับบ้าน ไปทำงานที่บ้าน ซึ่งขณะนี้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เราจะยังสามารถรักษากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ใช้แรงงานมากๆ เช่น การทำสวนยางไว้ได้หรือไม่ หรือถ้าพม่าเริ่มปลูกยางพาราบ้างเช่นเดียวกับ สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา และจีน ทำและดูดแรงงานไว้ที่บ้านเขา เราจะทำอย่างไร

สถานการณ์ที่ว่าจะมีทั้งวัฏจักรราคา อันเกิดจากการขึ้นลงของเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก การเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานในประเทศ ในขณะที่ระยะยาวราคาที่แท้จริงของสินค้าเกษตร กล่าวคือราคาของสินค้าปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อไม่เพิ่มแต่กลับตกลง รวมทั้งค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้นในระยะยาว อนาคตของยางพาราซึ่งเป็นต้นไม้ยืนต้น มีวัฏจักรปรับตัวจากปริมาณน้อยหรือช้ากว่าสินค้าอื่นๆ น่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน

เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้นในปี 2558 ที่จะมีการเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายๆ อย่าง สินค้าทุกอย่างถ้าจะไปรอดคงต้องปล่อยให้การผลิต การส่งออกและราคาเป็นไปตามกลไกตลาด รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงคงต้องใช้งบประมาณมากและอาจจะไม่ได้ผลอย่างที่เห็นอยู่ ควรจะคิดล่วงหน้าเอาไว้ เพราะปัญหานี้คงจะเกิดขึ้นแน่ในอนาคต

ยางพาราก็เป็นสินค้าอีกตัวที่จะเป็นปัญหา

 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378380415&grpid=01&catid=&subcatid=

 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10126 เมื่อ: 06 กันยายน 2556, 17:35:42 »

"ธีรภัทร เจริญสุข"เขียน"ปัญหาราคากับยางพาราลุ่มน้ำโขง"
วันที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 11:24:07 น.

ที่มา : คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง มติชนรายวัน

โดย ธีรภัทร เจริญสุข

ในอดีต เชื่อกันว่ายางพาราปลูกได้เฉพาะในภาคใต้เท่านั้น แต่จากการศึกษาของกรมส่งเสริมการเกษตร เริ่มมีการสนับสนุนการปลูกยางพาราเชิงพาณิชย์ในภาคอื่น โดยเฉพาะภาคอีสานอย่างต่อเนื่องเมื่อ พ.ศ. 2547 โดยเฉพาะในแถบจังหวัดลุ่มแม่น้ำโขงที่มีสภาพ

ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ แหล่งน้ำและความชื้นที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง ซึ่งในจังหวัดเกิดใหม่อย่างบึงกาฬ ยางพาราได้กลายเป็นสินค้า

สำคัญของจังหวัด มีพื้นที่ปลูกกว่า 8 แสนไร่ คิดเป็นกว่าหนึ่งในสี่ของพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งภาคอีสาน 3.2 ล้านไร่ มีการจัดงานประจำปีในชื่องานวันยางพาราบึงกาฬ ชาวสวนยางมีรายได้สูงเป็นกำลังซื้อสำคัญของธุรกิจในท้องถิ่น ชนิดที่ว่าบริษัทรถสั่งรถโฟร์วีล รถ SUV มาขายไม่ทันความต้องการ

จากนั้นราคายางที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากถึงกิโลกรัมละ 150-160 บาทใน พ.ศ. 2554 เป็นแรงดึงดูดให้เกษตรกรภาคอีสานหันมาปลูกยางพารามากขึ้น โดยเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมอย่างอื่นเป็นสวนยางพารา และได้ความรู้ แรงงานในการทำสวนยาง มาจากกลุ่มแรงงานชาวอีสานที่เคยไปรับจ้างกรีดยางอยู่ภาคใต้ รวมถึงกลุ่มชาวสวนยางบางส่วนที่อพยพหนีความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนขึ้นมาซื้อที่ดินทำสวนยางพารา ซึ่งสวนยางพาราร้อยละ 80 ของประเทศไทย เป็นสวนยางของเกษตรกรเอกชนรายย่อย โดยสิ่งสำคัญในการปลูกยางคือกล้าพันธุ์ยางนั้นหายากจนราคาดีดตัวขึ้นสูง เป็นที่จับตาของบรรดาโจร

ขนาดสวนยางของนายตำรวจท่านหนึ่งของ สภ.อ.เมืองหนองคาย ลงกล้ายางไว้หนึ่งเดือน กลับมาดูอีกที ถูกมือดีลักขุดเอาไปจนหมดสวนก็มี

ต่างจากฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและประเทศกัมพูชาที่มีการให้สัมปทานทำสวนยางพาราขนาดใหญ่ระดับอุตสาหกรรม โดยบริษัทสัญชาติจีน เวียดนาม และไทย เพื่อส่งผลผลิตยางพาราป้อนสู่อุตสาหกรรมที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบ

ตั้งต้น เช่น ถุงมือยาง ยางรถยนต์ และของเล่น ส่วนเกษตรกรรายย่อยนั้นไม่สามารถทำสวนยางพาราได้เอง เนื่องจากขาดภูมิความรู้ในการทำสวนยาง อีกทั้งยังขาดกล้าพันธุ์ยางพาราที่จะนำมาปลูก

การทำสวนยางแบบอุตสาหกรรมในลาวและกัมพูชา ยังส่งผลต่อการรุกล้ำพื้นที่ป่า เนื่องจากทางรัฐบาลได้ให้สัมปทานทำสวนยางในเขตพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมติดกับเขตป่าสงวน โดยเฉพาะในแขวงหลวงน้ำทา และแขวงสาละวันของลาว ที่ได้รับสัมปทานสวนยางกว่า 11,000 เฮกตาร์ (ประมาณ 70,000 ไร่) บ่อยครั้งที่บริษัทที่ได้รับสัมปทาน จะรุกเข้าไปตัดไม้จากป่าไม้สมบูรณ์เพื่อนำไม้ซุงออกมาส่งขาย บริษัท "ขุนนางยางพารา" (Rubber Barons) เหล่านี้ มักประดับประดาสำนักงานและบ้านพักผู้บริหารด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ๆ จำพวกไม้สัก ประดู่ ชิงชัน พะยูง จากป่าไม้ในเขตที่ตนได้รับสัมปทาน เปลี่ยนป่าไม้เนื้อแข็งเขตร้อนให้กลายเป็นป่ายางพารา ทำลายระบบนิเวศพื้นถิ่นโดยสิ้นเชิง

เมื่อราคาน้ำมันโลกเริ่มตก ส่งผลต่อราคายางพาราในฐานะสินค้าทดแทน เหลือเพียงกิโลกรัมละ 70-80 บาท กระแสนิยมในการทำสวนยางก็เริ่มซาลง ในขณะที่ชาวสวนยางในภาคอีสานผู้ที่ลงทุนปลูกไปแล้วก็ยังพอเก็บผลผลิตขายในระดับพอกินพออยู่ได้ ไม่ร่ำรวยอู้ฟู่อย่างที่เคยเป็น

มาก่อน เพราะกรีดได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอพักฤดูฝนเหมือนสวนยางภาคใต้ แม้จะมีเสียงบ่นอยู่พอสมควรจากรายได้ที่ลดลงบ้างก็ตาม

ในขณะเดียวกัน ลาวและกัมพูชาก็เริ่มระงับโครงการให้สัมปทานสวนยางพาราใหม่ โดยจากแผนการให้สัมปทานยางพารา 181,480 เฮกตาร์ ( ประมาณ 1,134,000 ไร่) ได้ถูกระงับไปกว่า 70% เนื่องจากบริษัทที่มาขอสัมปทานเห็นว่าราคายางไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงทางรัฐบาลได้รับการร้องเรียนเรื่องการทำลายป่าไม้ของบริษัทเหล่านั้นจากชาวบ้านในพื้นที่ และกลุ่มองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติที่เป็นห่วงว่าป่าไม้ของชาติจะกลายเป็นป่ายางพาราเสียหมด

ปัญหาราคายางตกต่ำ ด้านหนึ่งจึงเป็นเรื่องเดือดร้อนของเกษตรกรไทย แต่สัตว์ป่าในลาวและเขมรคงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378441531&grpid=&catid=02&subcatid=0200

 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10127 เมื่อ: 06 กันยายน 2556, 20:52:45 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                     ขอบคุณมากที่เอาข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับยางพารามาให้ทราบ

                     จริง ๆ ผมไปเห็นป่ายางพาราในลาวมาแล้วก็หลับตาเห็นอนาคตของยางพาราได้เลย ว่ามันจะมาถึงทางตัน คือราคาตกต่ำ และ ขาดแคลนแรงงานกรีดยาง

                      ถ้าสวนยางพาราทำแบบชาวภาคใต้ คือ ทำในครอบครัว ใช้แรงงานครอบครัว เขาไม่ได้ทำกันมากมายอะไร เพราะทำมากกรีดไม่ทัน  กรีดไม่ไหว

                      แต่เพราะความโลภของคนอยากรวย เอาเงินมาก ๆ เลยขยาย ทำเป็นอุตสาหกรรม จึงต้องจ้างแรงงานกรีดยาง มันจึงมีปัญหาขึ้นมา  ช้าวบ้านทำแบบครอบครัวก็เดือดร้อน  พวกทำเป็นอุตสาหกรรมก็เดือดร้อน

                      การปล่อยราคาลอยตัวตามกลไกตลาด เป็นสิ่งที่ถูกต้อง  แต่เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทย  ต้องการเอาใจคะแนนเสียง และต้องการอำนาจรัฐ  จึงนำวิธีการประชานิยมมามอบให้  เมื่อการให้ประชานิยมมันไม่ทั่วถึง  มันย่อมเกิดเหตุการณ์แบบนี้  รู้ ทั้งรู้ แต่เพราะอยากได้อำนาจรัฐคืน  เพื่อหวังผล......ตามที่ตนเองตั้งเป้าเอาไว้  มันย่อมเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างมันมีเหตุ-ปัจจัย ของมันเอง

                       เมื่อไม่เป็นไปตามกฏธรรมชาติ  ก็ต้องมีผลลับแบบนี้ และจะยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก  อย่าลืมจิตคนนั้น ไม่รู้จักเพียงพอ  ยิ่งได้ยิ่งอยากเอาให้มากๆ  สุดท้ายมันก็ต้องล้ม   มีคนเจ็บ มาตั้งต้นกันใหม่  ไม่มีอะไรยั่งยืน โบราณถึงบอกว่า สมบัติผลัดกันชมไง

                       ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10128 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 05:39:20 »

สวัสดียามเช้ามืดครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     ช่วงอมฤติกาล คือตั้งแต่ตีสามเป็นต้นไป เป็นช่วงที่เหมาะแก่การเจริญสติภาวนา พิจารณากาย-ใจ คอยตามจิตตนเอง และเป็นช่วงวิปัสสนาพิจารณาธรรมยิ่งนัก

                     ดังนั้น ในช่วงนี้ จิตมันจะตื่น  ขึ้นอยู่กับตัวเราว่า จะภาวนาหรือไม่ มันจะมีมารมาผจญ

                     ถ้าท่านภาวนา มารมันก็จะมารังควาน แต่แล้วจิตท่านจะตื่น แจ่มใส โปร่ง โล่ง เบามีแสงสว่างเย็นวาบเกิดในจิต นั่นแหละสภาวะจิตที่เหมาะกับการเจริญสติยิ่ง เพราะจะมีแต่เพียงสติ-สัมปชัญญะ ปราศจากการคิด จะเกิดวิปัสสนาปัญญาพิจารณาเห็นจริงในธรรม

                     อย่าลืม สภาวะความว่างเปล่านั้นมีในคนทุกคน เมื่อท่านรู้สึกตัว ไม่เป็นผู้รู้สึกตัว หรือเมื่อท่านมีสติ ท่านจะไม่คิด ไม่หลงอยู่ในความคิด ท่านเป็นผู้เห็นความคิด ปัญญาภายในมันจะเกิด  ขอให้ท่านรู้สึกตัว สภาวะความว่างเปล่ามันมีอยู่แล้ว  ท่านสามารถค้นพบด้วยตัวท่านเอง และจำสภาวะว่างเปล่าอันนี้ให้จิตมันจำ ทำให้มันเกิดต่อเนื่องเป็นลูกโซ่  ทำบ่อย ๆ จิตมันจะชินไปเอง

                      สภาวะว่างเปล่านี้ ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ เพราะไม่ได้คิดมีแต่รู้สึกตัวทั่วพร้อม เป็นปัจจุบัน

                     นกเอี้ยงร้องเตือน ได้เวลาไปเดินจงกรมออกกำลังกายยามเช้า ฝึกโยคะ-ชิกง ที่ลานเอนกประสงค์ชั้นสามแล้วครับ

                      สวัสดี
















      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10129 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 08:47:12 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                 สอง-สามวัน มานี้ พญามาร ธิดามาร และบริวารของมาร มาผจญหนัก แทบจะไม่รอดแล้ววันนี้

                 ก่อนที่พระพุทธองค์ จะทรงตรัสรู้ เมื่อพญามาร ธิดามาร และบริวาร ยกเป็นกองทัพมาผจญพระพุทธองค์ อย่างน้อยประกอบด้วย กามราคะที่เกิดจาก รูป เสียง กลิน รส สัมผัสทางกาย และใจคิดนึกไปต่าง ๆ นา ๆ มีพยาบาทเกิดขึ้นในจิต มีความพลุ้งพล่านเดือดดาลใจ มีความหดหู่  ง่วงเหงาหาวนอน มีความลังเลสงสัย มีความโลภ มีความโกรธ มีความหลง มาผจญหนัก

                  พระพุทธองค์ ทรงเอาบาระมี ๑๐ ประการ คือ

                  บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มีดังนี้

                  ทานบารมี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ

                  ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรงศีล

                  เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น

                  ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป

                  วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ

                  ขันติบารมี ขันติ มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์

                  สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี

                  อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ

                  เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น

                  อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำว่า "ช่างมัน" ไว้ในใจ

                  มาเป็นเหตุผลข้องอ้าง เอามารชนะมาร พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญมาแล้ว ปฏิบัติมาแล้ว  พญามารยอมรับความจริงอันนี้ พระพุทธองค์ จึงทรงพ้นจากบ่วงมารมาได้

                   พี่สิงห์  ไม่รู้เลยว่าชาติก่อนบำเพ็ญอะไรมาบ้าง หรือไม่ได้บำเพ็ญมาเลย มันเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาแล้วทั้งสิ้น  จึงไม่รู้

                   ก็ได้แต่มาทบทวน ณ ปัจจุบัน เราก็มีศีล  เราก็มีสัจจะ  เราก็มีวิริยะ  เราอยู่ด้วยสติ-สัมปชัญญา  ใช้ปัญญา เราทราบความจริง เราทราบว่านี่ละคือมาร ที่มารังควานเรา ที่อยากจะให้เราหลงอยู่ในความคิด เป็นทาสของความคิด  ไร้ซึ่งความรู้สึกตัว อยู่แต่ในความคิดของจิต

                    เมื่อทราบจุดประสงค์ของมารแล้ว  ทำไม่เราต้องไปอยู่ใต้อำนาจมันด้วย  จงถอนออกมาเสียเถิอ มานพ เอ๋ย

                    อย่าไปรู้สึกกับมัน เปลี่ยนให้มาเห็นความรู้สึก หรือเห็นความคิด อย่าไปอยู่ในความคิด นี่ละทางสายเอก ที่จะต้องกระทำ

                    เมื่อรู้สึกตัว  พญามาร ธิดามาร บริวารมาร  มันก็หายไปแล้ว

                    ดังนั้น จงรู้สึกตัว ๆ ๆ ๆ บ่อย ๆ ๆ ๆ ให้มาก ๆ ๆ ๆ มันมีอยู่แล้วในคนทุกคนไม่ละเว้น  จงจำไว้ให้มั่น คุณมานพ

                    ก็ได้แต่เตือนตัวเอง ให้เอาชนะพญามาร ธิดามาร และบริวารของมาร ครับ

                    สวัสดี






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10130 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 09:17:29 »

ฝนยังคงหนาแน่นและตกหนักเป็นบางแห่ง เช่นเมื่อวานนี้ ซึ่งจังหวัดน่าน เชียงรายมีน้ำท่วมขังบางแห่ง
แต่ฝนไม่ตกลงในบริเวณที่เก็บน้ำเหนือเขื่อน
ทะเลมีคลื่มสูง-ลมแรง ต้องระมัดระวัง


พยากรณ์อากาศ ประจำวันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8-9 กันยายน 2556 คลื่นกระแสลมตะวันออกจะพัดเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้
 
ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่
ส่วนมากทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
แปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

[/size]
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10131 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 10:15:02 »

ฝนทิ้งช่วงทำน้ำเขื่อนหลักน้อย อาจไม่พอใช้หน้าแล้งปีหน้า


รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เผย น้ำในเขื่อนหลักทั่วประเทศยังมีน้อย ยันมีหลายพื้นที่ฝนทิ้งช่วง ระบุอาจไม่พอใช้ช่วงหน้าแล้งปีหน้า…

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2556 ที่โรงแรมโกลเด้นแลนด์ รีสอร์ท ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา นายวราวุธ ขันติยานันท์ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเป็นประธานเปิดการฝึกอบรม อาสาสมัครฝนหลวง เพื่อการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการฝนหลวง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามโครงการจิตอาสาช่วยพระบิดาปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2556 โดยมี นายปนิธิ เสมอวงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำอาสาสมัครฝนหลวงจากอำเภอต่างๆ ในพื้นที่ขอนแก่น, นครราชสีมา, ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ ให้ความสนใจเข้ารับการอบรม อำเภอละ 5 คน รวมทั้งสิ้น 200 คน

นาย วราวุธ ขันติยานันท์ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งว่า สถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่ยังมีประชาชน และเกษตรกรต้องการน้ำฝน เพื่อทำการเกษตร ขณะที่น้ำในเขื่อนหลักทั่วประเทศที่ยังมีน้อย เกรงจะไม่พอใช้ช่วงหน้าแล้งปีหน้า ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยบินทำฝนหลวงขึ้นทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเติมน้ำลงอ่างเก็บน้ำให้มากที่สุด
อย่าง ไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มคลี่คลายลง เนื่องจากมีฝนตกลงมา แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่พี่น้องประชาชนและเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง เนื่องจากฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังมีอีกหลายจังหวัด ที่ยังร้องขอให้ทางฝนหลวงนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวงทุกวัน ซึ่งในส่วนของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง มีเจ้าหน้าที่และเครื่องบินปฏิบัติการประจำอยู่ทุกภาค พร้อมจะขึ้นบินทำฝนหลวงทุกวัน
โดยช่วงนี้จะเน้นขึ้นบินในพื้นที่ทาง การเกษตรที่ต้องการน้ำฝนในการทำนา และบางช่วงที่สภาพอากาศเหมาะสม ก็จะขึ้นบินเหนืออ่างเก็บน้ำสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อต้องการให้น้ำฝนตกในเขื่อน เพื่อที่จะได้กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งปีหน้า สำหรับในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง อยู่ที่ จ.ขอนแก่น แต่จะมีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 3 หน่วย ประกอบด้วย หน่วยฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา, หน่วยฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น และหน่วยฝนหลวงจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2556 นี้.


ไทยรัฐออนไลน์


http://www.thairath.co.th/content/region/368303
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10132 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 11:10:46 »

ฟังการประเมินผลกระทบจากผู้มีอาชีพที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 10:09 น.  ข่าวสดออนไลน์
ม็อบยาง-ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

รายงานพิเศษ

การชุมนุมของเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมัน ที่ต่อเนื่องมานับแต่วันที่ 23 ส.ค.

ขยับมาตรการกดดันรัฐบาล จากการชุมนุมประกาศข้อเรียกร้อง ไปสู่การปิดถนน รางรถไฟ และขยายพื้นที่กดดัน เป็นปกติของการชุมนุมทั่วไป

ขณะที่รัฐบาลยึดหลักการเจรจาโดยไม่ใช้ความรุนแรง มีการพูดคุยระหว่างรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกับแกนนำผู้ชุมนุมเป็นระยะ

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่ยืดเยื้อ การปิดถนน ปิดทางรถไฟกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิต การจ้างงาน และนำเข้า-ส่งออก

โดยมีความเห็นจากหน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวของ

ปริญญา ศิริสารการ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
อดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ


การปิดถนนและเส้นทางเดินรถไฟ ทำให้การขนส่งสินค้าทั้งภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรต้องหยุดชะงัก

ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญ เนื่องจากสินค้าภายในประเทศและสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศต้องส่งผ่านไปยังท่าเรือแคลง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่ส่งต่อสินค้าไปยังทวีปยุโรป

การปิดเส้นทางคมนาคมดังกล่าว นอกจากทำให้การขนส่งสินค้าต้องหยุดชะงักแล้ว ผู้ส่งต้องหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นหรือขนส่งโดยวิธีอื่น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มต้นทุนและเสียค่าใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง

นอกจากนั้นการชุมนุมยังเริ่มส่งผลกระทบถึง ผู้ประกอบอาชีพอื่น ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาราคายางแต่ต้องประสบปัญหาเรื่องการเดินทาง

ส่วนด้านการท่องเที่ยวยังถือว่าการชุมนุมไม่ค่อยสร้างปัญหาเท่าไร เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูท่องเที่ยวหรือช่วงไฮซีซั่น

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมภายใต้กรอบความขัดแย้งทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย เพราะประเทศมหาอำนาจที่มีกำลังส่งนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลกำลังจับตามองสถานการณ์ในไทย

หากการชุมนุมเริ่มบานปลายไปกว่านี้ประเทศเหล่านั้นก็จะประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ถือว่าสร้างความเสียหายอย่างมากต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจของประเทศ

การชุมนุมในลักษณะที่เข้าไปปิดกั้นหรือยึดครองสถานที่สำคัญเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสนใจนั้นกำลังสร้างปัญหาให้ประเทศไทยอย่างมาก เพราะการชุมนุมลักษณะนี้เริ่มถูกทำให้เป็นบรรทัดฐาน เป็นธรรมเนียม

เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการในการแก้ปัญหาเบื้องต้น ด้วยการเจรจากับผู้ชุมนุมจากนั้นค่อยวางแผนแก้ปัญหาในระยะยาว หากรัฐบาลปล่อยให้การชุมนุมมีไปอย่างยืดเยื้อ ก็เสี่ยงต่อการที่ระดับการชุมนุมจะเพิ่มขึ้น

แม้ว่าการชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยางขณะนี้ยังไม่ถือว่าสร้างปัญหาหรือส่งผลกระทบในขั้นเสียหายร้ายแรง แต่รัฐบาลควรรีบดำเนินการเจรจาหาข้อยุติ โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังสลายการชุมนุม เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์ไม่ดีร้ายลง

และหากรัฐบาลสามารถทำให้การชุมนุมยุติโดยเร็วก็ไม่จำเป็นต้องออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการชุมนุมนี้ เพราะการชุมนุมยังไม่ได้ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจติดด้านลบ

หลังจากนี้เชื่ออีกว่ากลไกทางเศรษฐกิจจะไหลกลับไปอยู่ในสภาพเดิม ถ้ารัฐบาลทำความเข้าใจกับผู้ชุมุนมโดยเร็ว

ภูเบศ จันทนิมิ
ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย


แม้จะมีม็อบปิดถนนหรือมีการชุมนุมกันยืดเยื้อ ระบบการขนส่งก็ยังมีเส้นทางอื่นๆ ให้ไป จึงไม่ได้กระทบมากนัก

แม้ต้องขับรถอ้อมหรือระยะทางเพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้ต้นทุนในการขนส่งเพิ่มขึ้นแบบมีนัยยะ จนต้องปรับราคาสินค้าประมงหรืออาหารทะเลเพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค

ราคาสินค้าประมงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ได้เกิดจากม็อบปิดถนน ดังนั้น ไม่ต้องกลัวสินค้าขาดตลาด หรือราคาแพง ยกเว้นมีลมมรสุม เรือประมงจอดกันมากทำต่อไปไม่ได้เพราะแรงงานมีปัญหา

ในฐานะเกษตรกรเช่นกัน ม็อบคือเกษตรกรชาวสวนยาง ประมงก็เป็นเกษตรกรอีกกลุ่ม เราเห็นใจชาวสวนยางเพราะมีปัญหาจริงๆ ถ้าไม่เดือดร้อนคงไม่มาชุมนุม

การปิดถนน ยอมรับภาคประมงได้รับผลกระทบบ้างแต่กระทบเพียงชาวประมงในนราธิวาส สงขลา ปัตตานี ที่ทำให้การขนส่งล่าช้าบ้าง แต่ไม่ถึงกับก่อให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมประมง

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่


ขณะนี้การท่องเที่ยวของภาคใต้ไม่ใช่ เฉพาะจ.กระบี่ กำลังมีปัญหา ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากช่วงเดียวกันของ ปีก่อนๆ ช่วงโลว์ซีซั่นนักท่องเที่ยวจะลดลง 30% จากสถานการณ์ปกติ

แต่ภายหลังที่มีม็อบชาวสวนยางและเคลื่อน ไหวจะปิดสนามบิน มีการสอบถามจากนักท่องเที่ยวทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนามและลาว รวมถึงออสเตรเลียว่าภาคใต้เที่ยวได้หรือไม่ ม็อบยุติหรือยัง

ทางสมาคมไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ เพราะการปิดถนน หรือเผาบ้านเผาเมือง ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลัวและเป็นภาพติดตามาแล้ว นักท่องเที่ยวจึงชะลอเที่ยวไทย ที่จะมาก็ยกเลิก

ส่งผลให้ขณะนี้นักท่องเที่ยวหายไปจากภาคใต้ประมาณ 50% ของสถานการณ์ปกติ

ช่วงวันที่ 5-8 ก.ย.นี้ มีการจัดงานโปรโมตการท่องเที่ยว บูธที่จัดงานโปรโมตการท่องเที่ยวภาคใต้จะได้รับคำถามในเรื่องของความสงบ ปัญหาม็อบจากนักท่องเที่ยวคนไทยจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวคนไทยยังไม่เชื่อมั่น

หากปิดต่อเนื่องอีกสัก 3 วัน นักท่องเที่ยวภาคใต้เป็นศูนย์แน่นอน

อยากให้การชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง อยากให้ชาวสวนนึกถึงภาพรวมของประเทศชาติบ้าง โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่เปราะบางมาก และเป็นธุรกิจเดียวที่ยังทำเงินให้ประเทศได้ตอนนี้

ยู เจียรยืนยงพงศ์
ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย


การชุมนุมประท้วงที่ต่อเนื่องกว่า 10 วัน ส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถขนส่งสินค้าไปจำหน่ายยังพื้นที่ภาคใต้ได้ ล่าสุด สร้างความเสียหาย ต่อธุรกิจภาพรวมคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทแล้ว

สินค้าที่ได้รับผลกระทบแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.สินค้าพลังงาน ซึ่งได้แก่น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซ ในพื้นที่ภาคใต้เริ่มขาด แคลน ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเกาะและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

2.สินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพาราแผ่นไม่สามารถส่งออกไปยังมาเลเซียเพราะรถไม่สามารถขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือปีนังได้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยวันละ 70 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 10 วัน ประมาณ 700 ล้านบาท

3.สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เริ่มขาดแคลนเช่นกัน รวมทั้งผู้ประกอบการขนส่งยังมีภาระต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1,500 บาท/เที่ยว เพราะต้องหันไปใช้ทางเลี่ยง

ปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าดังกล่าวไปยังภาคใต้เฉลี่ยวันละ 1 พันเที่ยว หากต้นทุนเพิ่มวันละ 1,500 บาท ก็เท่ากับผู้ประกอบการมีต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 1.5 ล้านบาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค บริโภคให้ปรับเพิ่มขึ้น

4.สินค้าอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิเตอร์ และชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเพราะเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการผลิตสูง

ประชาชนในภาคใต้เป็นกลุ่มคนได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนผู้ประกอบการขนส่งต้องช่วยตัวเอง เราไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้รัฐเข้ามาจ่ายเงินชดเชย หรือรับภาระความเสียหาย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่รัฐจะช่วยเหลือคนทุกกลุ่ม

สิ่งที่รัฐต้องรีบทำคือเร่งเจรจา หาข้อสรุปให้ได้ข้อยุติเร็วที่สุด และเตรียมมาตรการแก้ปัญหาระยะยาว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09EVXlNell6Tmc9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10133 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 14:15:57 »

ความจริง ยางพารา

                      เท่าที่สอบถามชาวบ้านดู สำหรับผู้ที่ปลูกยางพาราเป็นครัวเรือน นั้นเขาพอใจราคายางที่ ๘๐ บาท ต่อ กิโลกรัม

                      ขณะนี้รัฐบาล ประกันราคาที่ ๙๐ บาท ต่อ กิโลกรัม  ชาวบ้านพอใจแล้ว แต่พูดไม่ได้  ได้สูงก็ดี

                      แต่พวกที่ฉวยโอกาส คือกลุ่มนายทุน ที่ทำเป็นอุตสาหกรรม กำลังฉวยโอกาศ อยากได้ ๑๐๐ บาท เพราะมีสินค้ากักตุนเอาไว้แล้ว จากการรับซื้อในราคาที่ต่ำ  ส้มกำลังหล่มทับหลังเท้า ซึ่งเป็นหัวโจกในการชุมนุม

                      มันจึงไม่มีข้อยุติ  จะมีการชุมนุมต่อ ในวันที่ ๑๔ ปิดถนนที่ท่าศาลา เขาว่ามาอย่างนั้น

                      เข้าใจว่า (ประเมินเอาเอง) อาทิตย์หน้า ที่จะประชุมกันนั้น น่าจะออกมาที่ ๙๕ บาท ต่อ กิโลกรัม

                      แค่นี้พ่อค้าคนกลาง นักฉวยโอกาส พวกนายทุน ก็ได้เงินเพิ่มหลายอัฐ แล้ว

                      คนพื้นที่ เขาตอบพี่สิงห์ อย่างนี้

                      สวัสดี

                    
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10134 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 14:26:31 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     วันนี้ Nok Air เบี้ยวอีกแล้ว เดิม Boarding 15:55 น. เปลี่ยนเป็น 16:40 น. เพราะต้องรอผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ที่เดินทางมาจากเกาะสมุย ที่ตัวเองไปขายตั๋วเอาไว้มาไม่ทัน ด้วยเหตุผล ผู้โดยสารกลุ่มนี้ ขึ้นเรือช้าไปหนึ่งชั่วโมง  ทั้งที่เครื่องบิน Nok Air ก็มาจอดคอยแล้ว เป็นแบบนี้ประจำ  จนพี่สิงห์ ชินเป็นนิสัยเสียแล้ว  นักบิน - ลูกเรือ ก็บ่น เพราะมาจอดคอย

                     ผู้โดยสารบางส่วนของเชฟล่อน ที่จะต้องบินไป อุบล พิษณุโลก เชียงใหม่ เครื่องบินเที่ยวเหล่านั้น ก็ต้องเลื่อน รอผู้โดยสารจากนครศรีธรรมราช เหมือนกัน  ผู้โดยสารไม่ผิด แต่ Nok Air ผิด มันจึงเป็นลูกโซ่

                     นี่ละตัวอย่าง มุ่งการทำตลาดต่อเนื่อง แต่ตัวเองคุมเวลาไม่ได้  มันเสียหาย  เสียความรู้สึก หมด

                     ช่วงที่ Nok Air บินขึ้นจากนครศรีธรรมราช ถ้าเจออากาศปิดแบบเมื่อวานขึ้นไม่ได้แน่นอนครับ

                     สวัสดี

                     
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10135 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 16:04:42 »


                       ปกติเวลานี้ พี่สิงห์  ต้องอยู่บนอากาศแล้ว

                       กำลังรอผู้โดยสารจากเกาะสมุย  ยังมาไม่ถึง เครื่อง Nok Air มาจอดคอยแล้ว

                       เย็นนี้ อากาศเปิด ครับ ยังไม่มีเมฆฝนพัดผ่านในเวลานี้

                       ไม่มีชาวบ้านชุมนุม  สงบดี

                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10136 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 16:10:43 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                      ถ้าสถานะการณ์ฝน ทิ้งช่วงอย่างนี้ เกษตรกรชาวนา แย่แน่นอน ไม่มีน้ำทำนา  แมลงก็มาเยือน

                      สินค้าอุปโภค  บริโภค  ปัจจัยพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ ขึ้นราคา

                      จะอยู่กันอย่างไร   ต้องมีสติอยู่ด้วยความไม่ประมาท อยู่อย่างพอเพียง  ลดความต้องการของตนเองลง

                      ใข้เงินให้ก่อประโยชน์  ต้องเข้มงวดการใช้จ่ายแล้ว

                      ปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน  สำหหรับรัฐบาลประชานิยม เพราะความต้องการของคน ไม่สิ้นสุด ไม่ต้องการลำบาก

                      คุณเหยง  ช่วยหาคำตอบที  เพื่อว่ารัฐบาลมาอ่านพบ  จะได้นำไปปฏิบัติ

                      สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10137 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 18:51:17 »

                         พี่สิงห์  อยู่ กทม.  เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ

                         วันนี้มี สส. กรรมาธิการกระทรวงศึกษา เห็นพี่สิงห์ นั่งอยู่  ยกมือไหว้ด้วยใจเคารพ เพราะแต่งชุดขาว ถือศีล

                        พี่สิงห์ ต้องยกมือไหว้ตอบ ทันที  ไม่รู้จักมาก่อนครับ

                         นั่ง Taxi  กลับบ้านก็ถามไปปฏิบัติธรรม ที่ไหนมา

                         พี่สิงห์ ก็ตอบว่า ไปทำงานครับ  ส่วนธรรมนั้นปฏิบัติอยู่เสมอ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #10138 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 19:46:48 »

               สวัสดีค่ะพี่สิงห์     ถ้าส.สท่านนั้นได้มาอ่านกระทู้อย่างติดตามเรื่อยๆก็จะรู้สึกอยากปฎิบัติธรรม
                                      และจะเข้าใจว่าการแต่งชุดสีขาวก็ใช้เป็นชุดทำงานด้วยน่ะค่ะ
                                     หนึ่งวันกว่าที่พี่มากระบี่ทำให้ต้อยเข้าใจแล้วว่าข้อเขียนของพี่ในกระทู้นี้พีถือปฎิบัติ
                                      ศีลแปดได้อย่างหมดจดงดงามจนน่านำมาเป็นแนวทาง....รู้สึกปลื้มและถือเป็นบุญ
                                     ที่มีใครมาภาวนาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่สถานที่นั้นนั้น.....ขอบพระคุณค่ะพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10139 เมื่อ: 07 กันยายน 2556, 20:47:33 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 07 กันยายน 2556, 19:46:48
              สวัสดีค่ะพี่สิงห์     ถ้าส.สท่านนั้นได้มาอ่านกระทู้อย่างติดตามเรื่อยๆก็จะรู้สึกอยากปฎิบัติธรรม
                                      และจะเข้าใจว่าการแต่งชุดสีขาวก็ใช้เป็นชุดทำงานด้วยน่ะค่ะ
                                     หนึ่งวันกว่าที่พี่มากระบี่ทำให้ต้อยเข้าใจแล้วว่าข้อเขียนของพี่ในกระทู้นี้พีถือปฎิบัติ
                                      ศีลแปดได้อย่างหมดจดงดงามจนน่านำมาเป็นแนวทาง....รู้สึกปลื้มและถือเป็นบุญ
                                     ที่มีใครมาภาวนาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่สถานที่นั้นนั้น.....ขอบพระคุณค่ะพี่สิงห์


สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

              ขอบคุณมาก ที่ชม

              ถึงเธอจะชม พี่สิงห์ ก็เห็นความรู้สึกตนเอง ระลึกได้ไม่ให้เป็นตัวเองรู้สึก คือไม่ยินดีในคำชมนั้นได้ เพราะมันจะเป็นการรู้สึก จิตมันระลึกของมันเอง เตือนตัวเองเสมอ

              เธออย่าลืม เธอทำบุญมามากพอแล้ว ลองเข้าไปหาหลวงพ่อสมบูรณ์ พาคุณธวัช และลูก ๆ ไปปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์ ทั้งวัน เป็นการพักใจ สร้างความรู้สึกตัว ให้ห่างจากที่ทำงาน หรือเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม พร้อมที่จะทำงานวันต่อไปได้ ความรู้สึกดี ๆ มันจะเกิดขึ้นเอง ในการทำงาน ทุกข์ก็จะลดน้อยลงไป

               ลองดู ครูบาอาจารย์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามมรรค ๘ ยังมีอยู่ ขับรถเพียงยี่สิบนาทีเอง

               กลับจากญี่ปุ่นแล้ว เวลาไปทำงานที่นครศรีธรรมราช พี่สิงห์ จะพาพนักงานไปปฏิบัติธรรม กับหลวงพ่อสมบูรณ์  เพื่อหวังผลในการทำงานให้ดีขึ้น  จะค้างที่วัดสักสอง-สามคืน มันสะดวกกว่าไปวัดป่าสุคะโต มาก

               และขออนุโมทนา  ที่เธอจะถือศีล ๘ เป็นสิ่งที่ดีของชีวิต ครับ

               สวัสดีค่ะ  
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10140 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 09:42:13 »

ฝนตกหนาตาในแทบทุกภาคของประเทศ
แต่มักไม่ตกลงในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน
ทะเลมีคลื่นสูง ลมแรง เทีี่ยวทะเลต้องระมัดระวัง


พยากรณ์อากาศ ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันออกได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนัก
บางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางด้านตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดชัยภูมิ และนครราชสีมา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก
ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และนราธิวาส

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 80
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10141 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 14:22:18 »

สวัสดีครับ คุณเหยง ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                            วันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัว

                             คนไม่มีครอบครับแบบ พี่สิงห์ ก็ต้องไปหาเพื่อน ที่สนามกอล์ฟ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ  ได้ออกกำลังกาย  เป็นวันพักผ่อน และอยู่บ้าน

                              ช่วงนี้พบว่า ปลวกขึ้นบ้าน  จะต้องกำจัด  ศีลก็มี  จะทำอย่างไร ที่ก่อประโยชน์ เป็นกุศล

                              วันนี้แวะร้านฟาซิโน  ซื้อไม้เท้าสามขา  จะไปให้คุณครูสืบเนื่อง  ที่อินทร์บุรี  เอาไว้ใช้เวลาเดิน ป้องกันการล้ม คุณครูเป็นโรคกระดูกพรุน การทรงตัวไม่ดี  และซื้อเครื่องวัดความดันให้กับตนเอง และวัดความดันได้ 129 - 77  หัวใจเต้น 64 ครั้งต่อนาที  คนขายบอกว่าดีมาก แสดงว่าคุณลุงออกกำลัยกายประจำ

                               อากาศไม่สู้ดี  ฝนคงจะตก  กำลังจะรีดผ้า และจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าไปญี่ปุ่น ตามคำเชิญของ SIW

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10142 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 15:49:08 »

พี่สิงห์


ต้องถือว่าปลวกรุกราน ทำร้ายที่อยู่อาศัยของเรา
ยากที่จะกันตัวมันให้พ้นไปจากบ้าน โดยไม่ทำร้ายซึ่งกันและกันได้
เป็นความจำเป็นอย่างหนึ่ง...
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #10143 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 16:50:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 07 กันยายน 2556, 14:26:31
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     วันนี้ Nok Air เบี้ยวอีกแล้ว เดิม Boarding 15:55 น. เปลี่ยนเป็น 16:40 น. เพราะต้องรอผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ที่เดินทางมาจากเกาะสมุย ที่ตัวเองไปขายตั๋วเอาไว้มาไม่ทัน ด้วยเหตุผล ผู้โดยสารกลุ่มนี้ ขึ้นเรือช้าไปหนึ่งชั่วโมง  ทั้งที่เครื่องบิน Nok Air ก็มาจอดคอยแล้ว เป็นแบบนี้ประจำ  จนพี่สิงห์ ชินเป็นนิสัยเสียแล้ว  นักบิน - ลูกเรือ ก็บ่น เพราะมาจอดคอย

                     ผู้โดยสารบางส่วนของเชฟล่อน ที่จะต้องบินไป อุบล พิษณุโลก เชียงใหม่ เครื่องบินเที่ยวเหล่านั้น ก็ต้องเลื่อน รอผู้โดยสารจากนครศรีธรรมราช เหมือนกัน  ผู้โดยสารไม่ผิด แต่ Nok Air ผิด มันจึงเป็นลูกโซ่

                     นี่ละตัวอย่าง มุ่งการทำตลาดต่อเนื่อง แต่ตัวเองคุมเวลาไม่ได้  มันเสียหาย  เสียความรู้สึก หมด

                     ช่วงที่ Nok Air บินขึ้นจากนครศรีธรรมราช ถ้าเจออากาศปิดแบบเมื่อวานขึ้นไม่ได้แน่นอนครับ

                     สวัสดี

                     


พี่สิงห์ที่เคารพ
กรณีนี้บางทีไม่ใช่ผู้โดยสารคะที่ผิด
เพราะมาขึ้นเครื่องช้า...ต้องมีอะไร
ผิดพลาดทางเทคนิคแน่ๆคะ..อย่างการtransit
เครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง หรือการรอขึ้นเครื่อง
ที่เข้าlanding ...delay!ผู้โดยสารน่ะมาตามเวลา
กันอยู่แล้ว ระบบcheck inขึ้นเครื่องไม่มีการคอยใคร!!
มาช้าก็ตกเครื่องคะพี่ท่าน...no pardon!
หนิงเจอะหลายครั้ง...ไม่สนุกตรงที่,เครื่องภายในdelay
เครื่องที่รอคือเครื่องinter....เค้าต้องรอค่ะ เพราะไม่ใช่
ความผิดพลาดของผู้โดยสาร ที่เครื่องdomesticมาล่าช้า
คนที่จะต่อเครื่อง interในลำนั้น เค้าจะรู้ได้ไงใช่มั้ยคะ??
วิ่งกันสิพี่...ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งกันเท้าพัลละวัน น่าสงสารคะ!
เพื่อไปขึ้นเครื่อง inter.ให้ได้ คนเดินทางเค้าจะเห็นอกเห็นใจ
รวมทั้งเข้าใจทางสายการบินด้วยว่าบางที ขึ้นไม่ได้ก็ไม่ได้!!
หากตรวจพบเทคนิคที่ต้องแก้ไขทันที ซ่อมกันตรงนั้น.

การโดยสารเครื่องบินจึงกระทบกันเป็นลูกโซ่ค่ะพี่..
พี่สิงห์ได้โดยสารด้วยระบบที่ทันสมัย ถือว่าโชคดีกว่า
อีกหลายคนที่...ชั่วชีวิต..ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #10144 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 16:55:04 »


อ่านเรื่องยางไม่ทันแล้วคะ
วันนี้ที่หมู่บ้านเค้ามีงานคะพี่ท่าน
จะไปชมขบวนพาเหรดเค้าก่อน
ค่อยกลับมานั่งอ่านเบื้องหลังยางคะ
หนิงกำลังตามข่าวอยู่
      บันทึกการเข้า


เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10145 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 20:53:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 08 กันยายน 2556, 16:50:35
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 07 กันยายน 2556, 14:26:31
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     วันนี้ Nok Air เบี้ยวอีกแล้ว เดิม Boarding 15:55 น. เปลี่ยนเป็น 16:40 น. เพราะต้องรอผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ที่เดินทางมาจากเกาะสมุย ที่ตัวเองไปขายตั๋วเอาไว้มาไม่ทัน ด้วยเหตุผล ผู้โดยสารกลุ่มนี้ ขึ้นเรือช้าไปหนึ่งชั่วโมง  ทั้งที่เครื่องบิน Nok Air ก็มาจอดคอยแล้ว เป็นแบบนี้ประจำ  จนพี่สิงห์ ชินเป็นนิสัยเสียแล้ว  นักบิน - ลูกเรือ ก็บ่น เพราะมาจอดคอย

                     ผู้โดยสารบางส่วนของเชฟล่อน ที่จะต้องบินไป อุบล พิษณุโลก เชียงใหม่ เครื่องบินเที่ยวเหล่านั้น ก็ต้องเลื่อน รอผู้โดยสารจากนครศรีธรรมราช เหมือนกัน  ผู้โดยสารไม่ผิด แต่ Nok Air ผิด มันจึงเป็นลูกโซ่

                     นี่ละตัวอย่าง มุ่งการทำตลาดต่อเนื่อง แต่ตัวเองคุมเวลาไม่ได้  มันเสียหาย  เสียความรู้สึก หมด

                     ช่วงที่ Nok Air บินขึ้นจากนครศรีธรรมราช ถ้าเจออากาศปิดแบบเมื่อวานขึ้นไม่ได้แน่นอนครับ

                     สวัสดี

                     


พี่สิงห์ที่เคารพ
กรณีนี้บางทีไม่ใช่ผู้โดยสารคะที่ผิด
เพราะมาขึ้นเครื่องช้า...ต้องมีอะไร
ผิดพลาดทางเทคนิคแน่ๆคะ..อย่างการtransit
เครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง หรือการรอขึ้นเครื่อง
ที่เข้าlanding ...delay!ผู้โดยสารน่ะมาตามเวลา
กันอยู่แล้ว ระบบcheck inขึ้นเครื่องไม่มีการคอยใคร!!
มาช้าก็ตกเครื่องคะพี่ท่าน...no pardon!
หนิงเจอะหลายครั้ง...ไม่สนุกตรงที่,เครื่องภายในdelay
เครื่องที่รอคือเครื่องinter....เค้าต้องรอค่ะ เพราะไม่ใช่
ความผิดพลาดของผู้โดยสาร ที่เครื่องdomesticมาล่าช้า
คนที่จะต่อเครื่อง interในลำนั้น เค้าจะรู้ได้ไงใช่มั้ยคะ??
วิ่งกันสิพี่...ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งกันเท้าพัลละวัน น่าสงสารคะ!
เพื่อไปขึ้นเครื่อง inter.ให้ได้ คนเดินทางเค้าจะเห็นอกเห็นใจ
รวมทั้งเข้าใจทางสายการบินด้วยว่าบางที ขึ้นไม่ได้ก็ไม่ได้!!
หากตรวจพบเทคนิคที่ต้องแก้ไขทันที ซ่อมกันตรงนั้น.

การโดยสารเครื่องบินจึงกระทบกันเป็นลูกโซ่ค่ะพี่..
พี่สิงห์ได้โดยสารด้วยระบบที่ทันสมัย ถือว่าโชคดีกว่า
อีกหลายคนที่...ชั่วชีวิต..ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน.


กรุ๊ปทัวร์ของไทยซื้อตั๋วเอาไว้ หากเครื่องออกก็เจอปัญหาตั๋วคืน จึงจำยอมต้องรอ
นักท่องเที่ยวขึ้นเรือเฟอรี่ออกจากสมุยล่าไป 1 เที่ยว เครื่องบินก็ต้องจอดรออีก 1 ชั่วโมง
แบบนี้ ผู้โดยสารตามเวลาปกติเดือดร้อนครับ
มักจะเป็นแบบนี้ในช่วงวันหยุด ที่กรุ๊ปทัวร์ลงสมุยผ่านสนามบินสุราษฎร์ธานี หรือสนามบินนครศรีธรรมราช
เพราะเครื่องลงสมัยมีราคาแพงกว่าการเดินทางผ่านสนามบินอื่นและใช้รถทัวร์พาต่อไปสมุย
อีกทั้งจำนวนที่นั่งลงสมุยก็จำกัดด้วย เพราะเป็นของคุณหมอ และการบินไทยเท่านั้น
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10146 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 21:01:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 07 กันยายน 2556, 16:10:43
สวัสดีครับ คุณเหยง

                      ถ้าสถานะการณ์ฝน ทิ้งช่วงอย่างนี้ เกษตรกรชาวนา แย่แน่นอน ไม่มีน้ำทำนา  แมลงก็มาเยือน

                      สินค้าอุปโภค  บริโภค  ปัจจัยพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ ขึ้นราคา

                      จะอยู่กันอย่างไร   ต้องมีสติอยู่ด้วยความไม่ประมาท อยู่อย่างพอเพียง  ลดความต้องการของตนเองลง

                      ใข้เงินให้ก่อประโยชน์  ต้องเข้มงวดการใช้จ่ายแล้ว

                      ปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน  สำหหรับรัฐบาลประชานิยม เพราะความต้องการของคน ไม่สิ้นสุด ไม่ต้องการลำบาก

                      คุณเหยง  ช่วยหาคำตอบที  เพื่อว่ารัฐบาลมาอ่านพบ  จะได้นำไปปฏิบัติ

                      สวัสดี


พี่สิงห์

ยางมาลำดับหนึ่ง รัฐบาลก็ไม่ดูแล
ข้าว-เดิมมียอดส่งออกตามมาติดๆ แต่รัฐบาลรับซื้อไว้ในคลังสินค้า รอวันเสื่อม??
เหลือจริงๆ ก็ท่องเที่ยวนี่แหละ หากมีเรื่องเลวร้ายเรื่อยๆ ทั้งจี้ ชิง ปล้น แถมข่มขืนนักท่องเที่ยว
อุบัติเหตุเกิดบ่อยทั้งรถไฟ รถตู้ รถโดยสาร อีกไม่นาน แกลบก็ไม่มีให้คนไทยกิน
มันเข้ามาเป็นผู้แทนฯ เพื่อพาพ่อมันกลับบ้านอย่างเดียว เรื่องอื่นคิดและทำไม่เป็นครับ !!~


วันที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 01:54 น.  ข่าวสดออนไลน์
2 ล้านล้านต้องเดินหน้า - มุมมองฝรั่งวิเคราะห์ไทย

รายงานพิเศษ
สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย ยังเป็นที่จับตาของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นว่า อาจเข้าสู่สภาวะถดถอย


ประเด็นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ในงานเสวนาหัวข้อ "การจัดการความเสี่ยงในระดับสากล" จัดโดยบริษัทประเมินความเสี่ยงด้านการลงทุน MBMG ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมามี สก๊อต แคมป์เบลล์ ผู้บริหารฝ่ายการลงทุนของบริษัท MiltonOptimal เป็นวิทยากร


พอล แกมเบิลส์ ผู้จัดการร่วมบริหารของบริษัท MBMG ให้สัมภาษณ์ "ข่าวสด" ถึงทัศนะต่อทิศทางและอนาคตทางการเงินของไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดในวงการและคุ้นเคยกับประเทศไทยมาหลายสิบปี ว่า ไทยมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างมาก เนื่องจากมีจุดแข็งหลายประการ


เช่น การมีประชากรที่รู้หนังสือถึงร้อยละ 92.5 มีแรงงาน ราคาถูก และมีภาคอุตสาหกรรมที่สามารถพัฒนาเพิ่มได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเงินลงทุนที่สำคัญของต่างชาติ นอกจากนี้ ไทยยังมีสินค้าส่งออกที่สำคัญเช่น ข้าว และยางพารา ซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐานตั้งต้นที่นำไปใช้ในการผลิตขั้นต่อๆ ไป


หัวใจสำคัญของการพัฒนานั้น คือการส่งเสริมด้านระบบสาธารณูปโภค มาเลเซียมีจีดีพีต่อหัวแซงไทย โดยค่าเฉลี่ย รายได้ต่อหัวของประชากรของไทยอยู่ที่ราว 170,000 บาทต่อปี แต่มาเลเซียอยู่ที่ราว 300,000 บาทต่อปี ทั้งที่มีระบบเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน เพราะมาเลเซียมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและการขนส่งที่ดีกว่าไทย


"ถ้าหากไทยส่งเสริมด้านสาธารณูปโภค ไทยจะก้าวไปในจุดเดียวกับมาเลเซียได้ แต่ถ้าไม่มีการลงทุนในด้านนี้เพิ่มเติม ก็อาจถอยหลังไปอยู่กับอินโดนีเซียในปัจจุบัน ที่มีจีดีพีต่อหัวน้อยกว่าไทย" นาย แกมเบิลส์เตือน


ผู้บริหารอาวุโสของ MBMG จึงสนับสนุนการลงทุนด้านสาธารณูปโภคและการขนส่งครั้งใหญ่ของรัฐบาลไทย เพราะมองว่าการชะลอการตัดสินใจในด้านนี้ จะไม่เป็นประโยชน์ระยะยาว พร้อมระบุว่า แทนที่จะเถียงกันว่าจะกู้หรือไม่กู้ จะกู้แบบไหน ควรไปให้ความสำคัญกับประสิทธิผล ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสของโครงการจะดีกว่า


"รัฐบาลไทยต้องไม่ก่อหนี้มากเกินไป แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเริ่มขยับตัวในด้านสาธารณูปโภคตามกรอบการลงทุน 2 ล้านล้านให้เร็วที่สุด" นายแกมเบิลส์กล่าวพร้อมเสริมว่า การลงทุนด้านนี้ก็ต้องไปควบคู่กันกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีเพื่อเตรียมเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558


"ไทยอาจสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันการผลิตสินค้าขั้นพื้นฐาน ดังนั้นการปรับตัวสู่การผลิตสินค้าที่เพิ่มมูลค่า เช่น สินค้าด้านเทคโนโลยีจะช่วยให้ไทยมีจุดแข็งทางเศรษฐกิจ และค้าขายกับคู่ค้าในภูมิภาคได้มากขึ้น"


ถึงแม้นายแกมเบิลส์ไม่เห็นด้วยกับบางโครงการของรัฐบาลไทย เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่รัฐสูญเงินจำนวนมาก แต่ก็สนับสนุนนโยบายประชานิยมอื่นๆ เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ และนโยบายรถคันแรก เพราะมองว่าเป็นการกระตุ้นธุรกิจด้านรถยนต์หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ แม้พักหลังๆ จะเริ่มล้นตลาด


สําหรับสถานการณ์เงินไหลออกนั้น นายแกมเบิลส์วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะฟื้นตัว เห็นได้จากอัตราการจ้างงานของสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสหรัฐส่งสัญญาณหยุดคิวอี (มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ เป็นการนำเงินเข้าสู่ระบบ) ทำให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย และจีน ประสบกับภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนกลับไปถือครองค่าเงินในสกุลดอลลาร์อีกครั้ง


อย่างไรก็ดี นายแกมเบิลส์ไม่เห็นด้วยกับนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักที่มองว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้วจริงๆ เพราะอาจมีการถดถอยอีกครั้ง ไทยเองก็ยังต้องระวังผลกระทบทางอ้อมที่เกิดจากการไหลออกของเงินทุนทั้งในประเทศ และในภูมิภาคด้วย


ต่อคำถามว่า ประเทศไทยจะเกิดฟองสบู่แตกอีกรอบเหมือนในปี 2540 หรือไม่ นายแกมเบิลส์อธิบายว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้มีเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี นโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยในการควบคุมวินัยทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ก็ไม่หละหลวมเหมือนในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง


แต่ขอเตือนว่ารัฐบาลและสถาบันการเงินของรัฐบาลจะต้องไม่ก่อหนี้มากเกินไป ขณะที่การกระจายรายได้ของไทยยังไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการลงทุนแบบกระจุกตัวในบางกลุ่มอุตสาหกรรม และในบางพื้นที่ซึ่งเป็นฟองสบู่ เพราะฉะนั้น ความเสี่ยงเกิดฟองสบู่แตก ยังมีอยู่ แต่ถ้าจะแตกก็แตกแค่บางอุตสาหกรรมเท่านั้น


เมื่อถามว่าเสถียรภาพการเมืองไทยจะกระทบต่อเศรษฐกิจด้วยหรือไม่ นายแกมเบิลส์หัวเราะและตอบว่า "ไม่หรอกครับ เพราะมีรัฐประหารมาเกือบ 30 ครั้ง เศรษฐกิจไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฝ่ามือเลย"

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09EVTRNREV5T1E9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10147 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 21:18:27 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                   ขอบคุณมากที่แวะเข้ามา

                   สำหรับพี่สิงห์  ชินเสียแล้ว เพราะมันเป็นอย่างนั้นประจำ ต้องรอผู้โดยสารจาก เกาะสมุย

                   แต่กรณี มีงานที่ กทม.ต้องกระทำ พี่สิงห์ ไม่ยอม  ทาง Nok Air ก็ผ่อนปรน โดยจัดให้ไป Air Asia แทน เพราะ ปกติ Air Asia จะออกจากนครศรีธรรมราช หลัง Nok Air ประมาณ สิบนาที  แต่ก็เกรงใจ Nok Air อยู่ เอาไว้กรณีจำเป็นจริง ๆ

                   เท่าที่สอบถาม  ตอนนี้ทาง Nok Air เข็ดแล้ว  กำลังหาทางยกเลิก เดินทางต่อไปสมุย  แต่มีฝรั่ง บริษัททัวร์ที่ซื้อจองล่วงหน้าเอาไว้  เขากำลังหาทางแก้ไขอยู่ เพราะผู้โดยสารปกติ มันเดือดร้อน

                   นั่งเครื่องบินตรงจาก กทม.ไปลงสมุยแพงกว่านั่งจาก ดอนเมืองไปลงที่นครศรีธรรมราช แล้วมีรถไปส่งท่าเรือ เกือบเท่าตัว  ฝรั่งจึงชอบเดินทางมาลงนครศรีธรรมราช เพียงแต่ว่าต้องนั่งเรือสองชั่วโมงเท่านั้น แต่เขาก็ยอม เพราะได้ชมวิว และชนบทไทย

                   วันหลังพี่สิงห์จะไปตีกอล์ฟ สมุย โดยซื้อตั๋วมาลงนครศรีธรรมราช ดีกว่าให้พนักงานไปส่งที่สมุย และถูกกว่าด้วย

                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #10148 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 21:32:55 »

สวัสดีครับ คุณเหยง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                 กู้สองแสนล้านล้านบาท มาลงทุนนั้น ผมไม่ขัดข้องทั้งสิ้น

                 แต่ผมไม่เห็นด้วยในการจัดการสาธารณูปโภคที่กู้เงินมา เพราะมันไม่มีโครงการที่คุยเอาไว้เลย มีแต่รถไฟรางคู่ปกติธรรมดา เท่านั้น รถไฟก็หัวรถจักรเดิม  ไม่มีโครงการชัดเจน  จะเป็นการตำน้ำพริกละลาบแม่น้ำ  ใช้เงินไม่ก่อประโยชน์

                 และที่สำคัญ มันไม่โปร่งใส  พรรคเพื่อไทย ได้เงินเต็ม ๆ จากการคอรับชั่นในโครงการ หรือกินตามน้ำ ไม่ต่ำกว่า 30% เช่นเดียวกับสนามบินสุวรรณภูมิ อดีตที่ผ่านมา  นั่นละความจริง  ที่คนไทยเพิกเฉย ยอมรับให้กินตามน้ำ

                 ส่วนรถไฟความเร็วสูง  ต้องตั้งบริษัทใหม่ หาเอกชนมาลงทุน เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ไม่เกี่ยวกับ สองล้านล้านบาท

                  ฟองสบู่ถ้ามันจะแตก สำหรับประเทศไทยในอนาคต  น่าจะมาจาก รัฐบาลถังแตกมากกว่า คือไม่มีเงิน เพราะใช้นโยบาลประชานิยมมากเกินไปเกินขอบเขตที่ไม่สมดุลย์ ต้องกู้เกินเพดาน เช่นเดียวกับกรีซ หรือเสปญ ที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ หรือไม่ต่างชาติถอนเงินในตลาดทุน ครับ

                  เราต้องยอมรับความจริง  บอกประชาชนให้ทราบ  อย่าปกปิด เพราะกลัว  ฟองสบู่มันกำลังโต มานานแล้ว ให้ดูใครจะกู้เงินแบ้งค์ เป็นอย่างไร ที่ผ่านมา เข้มงวดขนาดไหน เพราะแบ้งค์เขาก็ต้องเตรียมตัว ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม

                  หรือตอนนี้โรงงานเสาเข็ม งานไม่ค่อยมี กำลังแย่งงานกันแล้ว กลุ่มพี่-น้อง ยังต้องแย่งงานกันเลย มันชี้ให้เห็นแล้ว ระวัง

                   ถ้าเรารู้ตัว อยู่อย่างพอเพียง  เราก็อยู่ได้  แต่เสียดาย นักธุรกิจเขาวัดกันด้วยความร่ำรวยเหยียบได้เหยียบ เพื่อจะได้ยิ่งใหญ่คนเดียว  มันจึงต้องมีฟองสบู่แตกอยู่เสมอ ในโลกเศรษฐกิจ ไม่ละเว้น

                  ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
               

                
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #10149 เมื่อ: 08 กันยายน 2556, 22:01:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 08 กันยายน 2556, 21:18:27
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                   ขอบคุณมากที่แวะเข้ามา

                   สำหรับพี่สิงห์  ชินเสียแล้ว เพราะมันเป็นอย่างนั้นประจำ ต้องรอผู้โดยสารจาก เกาะสมุย

                   แต่กรณี มีงานที่ กทม.ต้องกระทำ พี่สิงห์ ไม่ยอม  ทาง Nok Air ก็ผ่อนปรน โดยจัดให้ไป Air Asia แทน เพราะ ปกติ Air Asia จะออกจากนครศรีธรรมราช หลัง Nok Air ประมาณ สิบนาที  แต่ก็เกรงใจ Nok Air อยู่ เอาไว้กรณีจำเป็นจริง ๆ

                   เท่าที่สอบถาม  ตอนนี้ทาง Nok Air เข็ดแล้ว  กำลังหาทางยกเลิก เดินทางต่อไปสมุย  แต่มีฝรั่ง บริษัททัวร์ที่ซื้อจองล่วงหน้าเอาไว้  เขากำลังหาทางแก้ไขอยู่ เพราะผู้โดยสารปกติ มันเดือดร้อน

                   นั่งเครื่องบินตรงจาก กทม.ไปลงสมุยแพงกว่านั่งจาก ดอนเมืองไปลงที่นครศรีธรรมราช แล้วมีรถไปส่งท่าเรือ เกือบเท่าตัว  ฝรั่งจึงชอบเดินทางมาลงนครศรีธรรมราช เพียงแต่ว่าต้องนั่งเรือสองชั่วโมงเท่านั้น แต่เขาก็ยอม เพราะได้ชมวิว และชนบทไทย

                   วันหลังพี่สิงห์จะไปตีกอล์ฟ สมุย โดยซื้อตั๋วมาลงนครศรีธรรมราช ดีกว่าให้พนักงานไปส่งที่สมุย และถูกกว่าด้วย

                   สวัสดี


พี่สิงห์

ผมตีตั๋วไปสมุยไม่ได้ อีกทั้งแพงมากๆ ต้องนั่ง BUS ไปตลอดคืน
อาบน้ำที่ Co-Op แล้วไปต่อเรือไปสมุย
โครตๆ เลย
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 404 405 [406] 407 408 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><