คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 14:24:13
	พี่สิงห์ หนุ่มๆจะบวชพระแค่ 15 วันเป็นอย่างมาก เพราะภาระที่บ้านและอยากมีคู่ครอง อยากได้พระที่บวชยาว คงต้องบวชจากเณรที่ศรัทธาและขาดปัจจัยในการศึกษา ยึดวัดเป็นสถานที่พักพิงและศึกษาหาความรู้

สวัสดีครับ คุณเหยง

                        มันก็จริงตามนั้น

                        อย่างสามเณรจีรพันธ์ ที่พี่สิงห์จะเป็นเจ้าภาพหลักบวชให้ในครั้งนี้   โยมพ่อ - โยมแม่  เสียแล้ว  เหลือแต่พี่สาว  ก็มีครอบครัวแล้ว  พี่สาวอยากจะให้สึกออกมาช่วยกันทำมาหากิน  และไม่ขอเป็นเจ้าภาพในการบวชขอให้ญาติโยมที่วัดพระนอน เป็นเจ้าภาพกันเอง

                        เณรท่านบอกว่าท่านศึกษามาทางธรรม  ท่านไม่ขอศึกออกไปเป็นฆาระวาส  ขอบวชพระและศึกษาไปแบบนี้

                         ถ้าท่านจะบวชไม่สึกทางญาติโยมวัดพระนอนก็ยินดี  จะได้มีเจ้าอาวาสใน ๑๐ ปีข้างหน้า เพราะเจ้าอาวาสและหลวงตาคงจากไปหมดแล้ว  จะเป็นวัดร้าง

                         ตอนนี้มีแต่คนแก่บวช และเณรที่ยากจน เท่านั้น

                          สวัสดี

[Manop Klabdee]

 

                              วันนี้ได้นิมนต์หลวงพ่อต่างๆ สรงน้ำเนื่องในวันสงกรานต์  เลยได้โอกาสทำความสะอาดบ้านฝ

                              พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ บ.เอเซียกรุ๊ป  หวังว่ารถคงไม่ติด  แต่ขากลับติดแน่นอน เพราะมาจากสมุทรสาคร

                              กทม.ฝนไม่ตก   พายุฤดูร้อนไม่มี

                              อย่าลืมวันอังคารที่ ๒๓  เมษายน  มีงานรดน้ำดำหัวที่หอพัก  เวลา 17:00 น.

                              ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

[เหยง 16]

พี่สิงห์

ทางเหนือ จึงให้ความสำคัยกับการบวชเณร หรือ "ลูกแก้ว"
ซึ่งหากบวชและเรียนไม่สึก ก็จะได้พระขึ้นมาและอยู่ในเพศบรรพชิตตลอดไป

ภาคกลางเลยกลายเป็นบวชเอาหน้า (บวชแก้บนไปในทำนองนั้น)  7 บ้าง, 15 บ้าง เต็มที่คือ 1 เดือน
เดี่ยวนี้จะบวช 1 พรรษา ยังหายากเลยครับ

ผมไปงานบวชที่อำเภอแม่ระมาดมา เมื่อปลายเดือนที่แล้ว บวช 1 เดือน
ค่าหมอทำขวัญ ทศพล หิมพานต์ และวงดนตรีชุดใหญ่ 380,000 บาท
โต๊ะ 200 ตัวๆละ 1,700 บาท ตกร่วม 340,000 บาท
ยังไม่รวมค่าตกแต่งสถานที่ อุปกรณ์การบวช แสงเสียง 2 วัน
อาหารอีกหลายมื้อก่อนจัดงาน
รวมแล้วน่าจะ 1 ล้านบาทได้ครับ หรือเท่ากับวันละ 33,333.33 บาท
แต่เพราะพ่อแม่มีฐานะ เลยไม่ว่ากัน

[เหยง 16]

มีคอมเม้นต์ครับ เรื่องบวชคนแก่

เจอมาเองว่า ข้าราชการเกษียณ อยู่บ้านไม่ได้ เพราะบรรยากาศไม่ให้
ภรรยาและบุตรไม่ยินดี เนื่องจากคุณสามีเคยออกไปทำงานนอกบ้าน หรืออยู่ ตจว.
กลับมาเฉพาะวันหยุด เงินส่วนใหญ่ยกให้ภรรยาใช้จ่าย
เกษียยณแล้ว ต้องกิน 3 มื้อ อยู่บ้านตลอด ก่อให้ขัดนัยตาของภรรยาและบุตร
จึงให้ไปบวชที่วัดใกล้บ้าน เก็บของรอให้ภรรยาและบุตรไปเอากลับบ้าน
ฉันเพลแล้วยังคาบส่วนที่เหลือ (ขออภัยใช้คำรุนแรง)
รับกิจนิมนต์ทุกงาน ทั้งที่ยังท่องคาถาไม่ได้ เพื่อจะได้รับซองปัจจัย เอาไปฝากที่บ้าน
นั่งหลังสุด เพราะอ่อนพรรษา
ถึงเวลา 5 โมงเย็นก็ไม่เข้าโบสถ์ บอกเป็นเรื่องของพระหนุ่มๆ
แต่ขอโทษ กุฎิไหนมี karaoke, มี VCD ไม่เคยถอย จนเจ้าอาวาสบ่น
ผมไม่เคยถวายของ-ถวายปัจจัยให้เลยครับ รวมทั้งไม่นิมนต์ไปทำบุญบ้านด้วย (ระบุเฉพาะเลย-คงไม่บาปมั้ง ??)

[pusadee sitthiphong]

คุณเหยง บวชแบบเรียบๆง่ายๆก็ได้ เอิกเกริกแบบนั้นบวชแป๊บเดียวแล้วสึกเสียดาย พระเขาก็คงไม่ต้องการแบบนั้นหรอก

[เหยง 16]

คุณป้อม

พ่อแม่ของนากเป็นผู้จัด เราเป็นแค่ผู้ไปร่วมงาน
จริงๆแล้วก็ตามที่คุณป้อมว่า บวชล้าน บวชแสน หรือบวชแบบไม่เสียเงิน ก็ได้พระมาหนึ่งรูปเช่นกัน

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ คุณเหยง

                        พระพุทธองค์ ทรงสอนว่า อย่าสงเคราะห์ หรือสนับสนุนพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระวินัยหรือปาฏิโมกข์  ผู้ใดสนับสนุนเท่ากับช่วยกันทำลายพุทธศาสนา

                        เมื่อเราเห็นว่าพระรูปนั้นไม่ปฏิบัติตามพระวินัย  เราอย่าใส่บาตร  ไม่ถวายถวายปัจจัย และไม่คบหาสมาคมด้วย  เราไม่ผิด  กับเป็นการดีเสียด้วยซ้ำ

                        ปัจจุบันเราจะพบเห็นพระตามที่คุณเหยงบอกนั้น มีเป็นจำนวนมากครับ

                        พระสงฆ์นั้น  สะสมอาหารยังไม่ได้เลยครับผิดศีล

                        สวัสดี

[Manop Klabdee]

สวัสดีปีใหม่เมืองเจ้า คุณน้องป้อม ที่รัก

                           สมัยพี่สิงห์ บวชพระเมื่ออายุครบ ๒๐ปี พ่อพาไปหาท่านเจ้าคุณที่วัดโบสถ์เพื่อบวช ท่านเจ้าคุณบอกว่า ให้ไปท่องขานนาค ท่องได้แล้วมาทดสอบกับพระครูยงค์(ท่านเจ้าคุณ ณ ปัจจุบัน) ทดสอบผ่านก็กำหนดบวชเลยภายในสามวัน เอาแบบนี้

                           พี่สิงห์ บวชตอนบ่ายสามโมงเย็น โกนหัวที่บ้านเสร็จพามาวัด แห่รอบโบสถ์สามรอบ  ไม่ได้แจกการ์ดเชิญทั้งสิ้น  มีแต่ญาติ ๆ พอรู้ว่าผมจะบวชก็มาช่วยกัน  คนละไม้ละมือ เพราะบ้านผมพี่ๆ ไม่ได้บวชและไม่เคยจัดงานบุญ  ไม่ต้องทำขวัญนาคเพราะท่านเจ้าคุณบอกว่า เรียนถึงจุฬาฯ เมื่อบวชเสร็จ รุ่งเช้าก็นิมนต์พระไปทำบุญที่บ้าน เป็นเสร็จพิธี แค่นั้นเอง

                          ง่ายดีครับ

                          สวัสดี

[เหยง 16]

สวัสดีครับ พี่สิงห์

รถยนต์ยังไหลกลับ กทม.เรื่อยๆ
ตื่นมาช่วงตีสาม รถบนถนนหน้าบ้านยังเยอะอยู่เลย !!

เห็นบอกว่า วันนี้พี่ไปสมุทรสาครหรือ ? ขาออกยังไม่น่ากังวล
แต่ขากลับ น่าจะมีรถกลับจากใต้ หัวหิน ชะอำ อยู่ครับ

[too_ploenpit]

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน...

...เรื่องงานบวชสำหรับคนมีฐานะเค้าคงอยากจัดใหญ่ๆค่ะ...

...เพราะคิดว่าลูกคงบวชแค่หนเดียวและพ่อแม่ก็ได้บุญเต็มๆ...

...แต่สำหรับบางคนก็พอมีสตังค์นะคะแต่ก็จัดธรรมดาๆ...

...และจัดง่ายๆแบบวัดป่าคือโกนหัวเข้าวัดเลยและมีพิธีสงฆ์ครบก็ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ...

...อย่างตู่บวชลูกชายก็จัดง่ายๆไม่มีพิธีอะไรตอนเย็น...

...เช้าขึ้นมาก็พานาคไปวัดทำพิธีบวชเลย...

...ญาติที่ต่างจังหวัดยังถามว่าเลี้ยงโต๊ะจีนหรือเปล่า...

...บอกว่าไม่ได้เลี้ยงค่ะ...เตรียมอาหารกล่องให้ตอนเที่ยงคนละกล่องเท่านั้น...

...และบอกเค้าเลยว่าไม่ต้องมาหรอก...ไม่รู้บาปหรือเปล่าค่ะ...

...เพราะเค้าอยู่ต่างจังหวัด...ถ้ามาต้องหารถให้ยุ่งยากอีก...

...สำหรับคนบ้านนอก...การเลี้ยงโต๊ะจีนจะถือว่ามีหน้ามีตามากๆค่ะ...

...ไม่ว่าจะรวยหรือไม่รวยนะคะ...ถ้าเค้าพอมีเงินเค้าก็จะทำค่ะ...

[เหยง 16]

พี่ตู่ครับ

คนไทยไปตามคนจีนแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้เหตุและผล
คนจีนในอดีตมีหลายหลากฐานะ ยาก-ดี-มี-จน แตกต่างกันมาก
เมื่อมีงานมงคลสักครั้ง เขาก็จัดเลี้ยงให้ทุกคนที่ไปร่วมงาน (ไม่แยกฐานะ) ได้อิ่มเหมือนกัน
โต๊ะจีนมีข้อเสียคือ เลี้ยงได้เพียงมื้อเดียว ไม่มีของเหลือจากโต๊ะ
เพราะเลี้ยงตามจำนวนคน ซึ่งปกติต้องนั่งเต็มโต๊ะ
การเลี้ยงโต๊ะจีนจึงมีที่มา-ที่ไป

คนไทยเตรียมงานบวช ก็เตรียมสำรับกับข้าวนานาชนิด ขนมหวานหลากหลาย
เลี้ยงเพลฉลองพระใหม่ เลี้ยงคนที่ไปร่วมงานได้อิ่ม
ตักเติมได้ตลอดเวลาจนเสร็จงาน
ที่สำคัญมีเหลือพอแบ่งปันให้หิ้วกลับบ้านได้อีก

เห็นความแตกต่างของการจัดโต๊ะจีน กับการจัดเตรียมอาหารแบบคนไทยแล้วน่ะครับ!!!

ผมเคยสังเกตุ ในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนที่ผ่านมาใน ตจว.
มีหลายบ้าน (ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี) จะพาลูกหลานติดตามไปร่วมงานเลี้ยงด้วย 1 คน
ให้ได้มีโอกาสทานอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่งครับ

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 07:31:45
	สวัสดีครับ พี่สิงห์ รถยนต์ยังไหลกลับ กทม.เรื่อยๆ ตื่นมาช่วงตีสาม รถบนถนนหน้าบ้านยังเยอะอยู่เลย !! เห็นบอกว่า วันนี้พี่ไปสมุทรสาครหรือ ? ขาออกยังไม่น่ากังวล แต่ขากลับ น่าจะมีรถกลับจากใต้ หัวหิน ชะอำ อยู่ครับ

สวัสดีครับ คุณเหยง

                              ผิดคาด  ขากลับจากสมุทรสาคร  รถไม่ติดเลย  ซึ่งปกติจะติดประจำ

                              กทม. ฝนไม่ตก  แต่พรุ่งนี้บ่ายต้องไปนครศรีธรรมราช

                              สวัสดี

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 12:24:50
	พี่ตู่ครับ คนไทยไปตามคนจีนแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้เหตุและผล คนจีนในอดีตมีหลายหลากฐานะ ยาก-ดี-มี-จน แตกต่างกันมาก เมื่อมีงานมงคลสักครั้ง เขาก็จัดเลี้ยงให้ทุกคนที่ไปร่วมงาน (ไม่แยกฐานะ) ได้อิ่มเหมือนกัน โต๊ะจีนมีข้อเสียคือ เลี้ยงได้เพียงมื้อเดียว ไม่มีของเหลือจากโต๊ะ เพราะเลี้ยงตามจำนวนคน ซึ่งปกติต้องนั่งเต็มโต๊ะ การเลี้ยงโต๊ะจีนจึงมีที่มา-ที่ไป คนไทยเตรียมงานบวช ก็เตรียมสำรับกับข้าวนานาชนิด ขนมหวานหลากหลาย เลี้ยงเพลฉลองพระใหม่ เลี้ยงคนที่ไปร่วมงานได้อิ่ม ตักเติมได้ตลอดเวลาจนเสร็จงาน ที่สำคัญมีเหลือพอแบ่งปันให้หิ้วกลับบ้านได้อีก เห็นความแตกต่างของการจัดโต๊ะจีน กับการจัดเตรียมอาหารแบบคนไทยแล้วน่ะครับ!!! ผมเคยสังเกตุ ในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนที่ผ่านมาใน ตจว. มีหลายบ้าน (ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี) จะพาลูกหลานติดตามไปร่วมงานเลี้ยงด้วย 1 คน ให้ได้มีโอกาสทานอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่งครับ

                         ธรรมดา มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ  จิตมนุษย์

                          สวัสดี

[too_ploenpit]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 12:24:50
	พี่ตู่ครับ คนไทยไปตามคนจีนแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้เหตุและผล คนจีนในอดีตมีหลายหลากฐานะ ยาก-ดี-มี-จน แตกต่างกันมาก เมื่อมีงานมงคลสักครั้ง เขาก็จัดเลี้ยงให้ทุกคนที่ไปร่วมงาน (ไม่แยกฐานะ) ได้อิ่มเหมือนกัน โต๊ะจีนมีข้อเสียคือ เลี้ยงได้เพียงมื้อเดียว ไม่มีของเหลือจากโต๊ะ เพราะเลี้ยงตามจำนวนคน ซึ่งปกติต้องนั่งเต็มโต๊ะ การเลี้ยงโต๊ะจีนจึงมีที่มา-ที่ไป คนไทยเตรียมงานบวช ก็เตรียมสำรับกับข้าวนานาชนิด ขนมหวานหลากหลาย เลี้ยงเพลฉลองพระใหม่ เลี้ยงคนที่ไปร่วมงานได้อิ่ม ตักเติมได้ตลอดเวลาจนเสร็จงาน ที่สำคัญมีเหลือพอแบ่งปันให้หิ้วกลับบ้านได้อีก เห็นความแตกต่างของการจัดโต๊ะจีน กับการจัดเตรียมอาหารแบบคนไทยแล้วน่ะครับ!!! ผมเคยสังเกตุ ในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนที่ผ่านมาใน ตจว. มีหลายบ้าน (ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี) จะพาลูกหลานติดตามไปร่วมงานเลี้ยงด้วย 1 คน ให้ได้มีโอกาสทานอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่งครับ

...เหยงคะ...

...เดี๋ยวนี้คนไปกินเลี้ยงโต๊ะจีนคงฉลาดขึ้นค่ะ...

...เพราะเค้าจะพกถุงพลาสติคไปด้วย...

...พี่ตู่เห็นกับตา...อาหารเหลือเบอะบะจากโต๊ะ...

...ญาติของเจ้าภาพรู้สึกเสียดาย...

...ข้าวผัดหรืออาหารที่เสิร์ฟตอนท้ายๆจะไม่ค่อยมีคนทาน...

...เดี๋ยวนี้เค้าไม่อายกันแล้วค่ะ...

...เพราะถ้าจัดในสถานที่บางแห่งเค้าจะชาร์ตทุกอย่าง...

...ไม่มีสิทธิ์มาว่าหรือทักท้วงทั้งสิ้นค่ะ...

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                         บ่ายนี้ Boarding 14:15 น. เดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช

                         ตอนเย็นมีนัดกับ คุณน้อง Tippy ที่นครศรีธรรมราช เวลา 19:00 น.

                         วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับคุณน้อง Tippy ที่กลับไปดูแลคุณพ่อ อยู่ที่นครศรีธรรมราช ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากคุณพ่อเส้นโลหิตแตกในสมอง มีเลือดออก  จนเกือบเสียชีวิต เพราะความดันไม่มี  ไตไมาทำงาน นอนอยู่โรงพยาบาลจนมีแผลกดทับที่หลังใหญ่มาก แต่ก็สามารถผ่านวิกฤตมาได้  จนแผลกดทับเกือบหายเป็นปกติแล้ว  แต่ต้องนอนอยู่บนเตียง ช่วยตัวเองไม่ได้เลย และก็ได้รับข่าวดี คุณน้อง Tippy ซื้อที่นอนสำหรับผู้ป่วยแผลกดทับเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อจึงดีขึ้น

                         โรคเรื้อรังได้แก่ ความดัน  เบาหวาน หลอดเลือด หัวใจ และเสันโลหิตในสมองแตก  ทุกคนมีสิทธิ์เป็นถ้าไม่ดูแลตนเองเรื่องอาหาร  ออกกำลังกาย  พักผ่อนให้เพียงพอ  ท่านถามตัวเองว่า ท่านจะมีคนดูแลท่านเป็นปี ๆ เป็นเวลา ๓-๕ ปีก่อนที่ท่านจะจากไปมีไหม? อย่างคุณน้อง Tippy ที่ต้องไปอยู่ดูแลคุณพ่อทุกชั่วโมง ต้องทำอาหารเหลว และพลิกตัวทุกสองชั่วโมง

                         ถ้าไม่มีแบบพี่สิงห์  ก็ต้องระวังตนเองจงหนักครับ

                         สวัสดี

[Manop Klabdee]

                    มีร้าน Otop  ที่สนามบินดอนเมือง ครับ

[เริง2520]

พี่สิงห์

ผมต้องระวังตนเองจงหนัก ตามที่พี่แนะนำครับ

[khesorn mueller]

พี่สิงห์ที่เคารพ,
เพิ่งเข้ามาเก็บกระทู้พี่ 4 หน้าสุดท้ายคะ
ได้ชมพิธีกรรมทางศาสนาในวันสงกรานต์
ที่พี่สิงห์จัด/ร่วมในครอบครัวพี่แล้วปลื้มใจแทนคะ.
ประเพณีลักษณะนี้เราก็เคยได้ทำสมัยเป็นเด็ก
ยังจำได้ ระลึกบรรยากาศออกคะ.

ที่หนิงทึ่งจัดสุดขีดคือพี่สิงห์ได้ไปเยี่ยมครูเก่าพี่
ที่หนิงชมไป นึกไป ถ้าพี่สิงห์วัยนึง ครูพี่จะอายุเท่าไหร่?
75-80?รึ 85ไปแล้ว?ดูดีมีสุขภาพมากๆค่ะ..ผู้เฒ่าแห่ง
ปีพศ.2556 หนิงเดาต่อไปอีกคะ ท่านทั้งคู่มีกันและกันคะ
ทำให้ดูแลรักษากันและกันให้ชีวิตมีอะไร ป้องกันโรคภัยได้ด้วยค่ะ
ทางอ้อม.

ได้เห็นท่านอาจารย์สุพพัดดา..
ขอกราบสวัสดีอาจารย์คะ!
ภาพเก่าสมัยอยู่หอคืนกลับมาทันที
เวลาที่ไล่กันห่างออกไปไม่มีวันตามกันทัน
หนิงมีแต่ภาพท่านอาจารย์สมัยอยู่หอฯ
ที่ชั้น2 สำนักงาน เรานิสิต,ออกลิฟต์มา
หันหน้าเข้าหาสำนักงานเจอะท่านอาจารย์นั่งทำงาน
ที่โต๊ะที่วางcenterของห้อง หากท่านอาจารย์มองมา
จะมีการยิ้มทักทายคะ แต่หากท่านอาจารย์ก้มทำงาน
เราจะย่องเงียบค่ะ! เพื่อไม่ให้รบกวนเสียงดังหรือ
เพราะเป็นธรรมเนียมก็ไม่ทราบคะ ว่า,ผู้ใหญ่กะเด็ก
ต้องหลบกันสักนิด หลบทำไม??หนิงก็ไม่รู้ค่ะพี่สิงห์.
อาจารย์ใจดี หนิงมีภาพอาจารย์สุพพัดดายิ้มแย้มมาให้
25ปี 26ปีก็ยังไม่เคยลืมคะ.

ทราบข่าวพี่ทิ้ปปี้จากพี่สิงห์
หนิงขอเป็นกำลังใจนะคะ
ช่วงนี้พี่ทิ้ปปี้คงวิตกกังวลต่อสุขภาพพ่อพี่เค้า
ขอพี่ทิ้ปปี้พักผ่อนดูแลระวังสุขภาพตัวเองด้วยค่ะ
พี่ทิ้ปปี้เป็นพี่โรงเรียนหนิงค่ะพี่สิงห์,
หนิงรู้สึกสนิทใจในความจริงใจของพี่เค้ามาตั้งแต่
ได้รู้จักกันครั้งแรกที่งานเลี้ยงนครปฐมค่ะ...ปี2007


วันนี้พี่สิงห์คงอยู่นครศรีธรรมราช
ชีวิตพี่คงลดความรีบเร่งหลังหลายวันที่แล้วๆ
กลับสู่กิจวัตรที่เคยปฏิบัติมา
สงบสุขนะคะ ไม่ว่าจิตพี่กำลังอยู่ภวังค์ไหน.

[khesorn mueller]

เพราะ,
emotionalนี้ (เขิน!)
กะรูปข้างล่างคะพี่ท่าน
ทำให้สะดุดคิด:
1.พี่สิงห์เผลอไปกด
2.พี่สิงห์เขินจริง!
3.อารมณ์ขันของพี่?
แต่รูปข้างล่างไม่ได้อยู่ในmoodนั้นแน่ๆ
หนิงแน่ใจ.

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 18 เมษายน 2556, 11:27:10
	สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน                          บ่ายนี้ Boarding 14:15 น. เดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช                          ตอนเย็นมีนัดกับ คุณน้อง Tippy ที่นครศรีธรรมราช เวลา 19:00 น.                          วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับคุณน้อง Tippy ที่กลับไปดูแลคุณพ่อ อยู่ที่นครศรีธรรมราช ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากคุณพ่อเส้นโลหิตแตกในสมอง มีเลือดออก  จนเกือบเสียชีวิต เพราะความดันไม่มี  ไตไมาทำงาน นอนอยู่โรงพยาบาลจนมีแผลกดทับที่หลังใหญ่มาก แต่ก็สามารถผ่านวิกฤตมาได้  จนแผลกดทับเกือบหายเป็นปกติแล้ว  แต่ต้องนอนอยู่บนเตียง ช่วยตัวเองไม่ได้เลย และก็ได้รับข่าวดี คุณน้อง Tippy ซื้อที่นอนสำหรับผู้ป่วยแผลกดทับเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อจึงดีขึ้น                          โรคเรื้อรังได้แก่ ความดัน  เบาหวาน หลอดเลือด หัวใจ และเสันโลหิตในสมองแตก  ทุกคนมีสิทธิ์เป็นถ้าไม่ดูแลตนเองเรื่องอาหาร  ออกกำลังกาย  พักผ่อนให้เพียงพอ  ท่านถามตัวเองว่า ท่านจะมีคนดูแลท่านเป็นปี ๆ เป็นเวลา ๓-๕ ปีก่อนที่ท่านจะจากไปมีไหม? อย่างคุณน้อง Tippy ที่ต้องไปอยู่ดูแลคุณพ่อทุกชั่วโมง ต้องทำอาหารเหลว และพลิกตัวทุกสองชั่วโมง                          ถ้าไม่มีแบบพี่สิงห์  ก็ต้องระวังตนเองจงหนักครับ                          สวัสดี

ฝากความระลึกถึง รวมทั้งความห่วงใยถึงน้องทิปปี้ด้วยครับ


17200

[khesorn mueller]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 19:15:41
	มีคอมเม้นต์ครับ เรื่องบวชคนแก่ เจอมาเองว่า ข้าราชการเกษียณ อยู่บ้านไม่ได้ เพราะบรรยากาศไม่ให้ ภรรยาและบุตรไม่ยินดี เนื่องจากคุณสามีเคยออกไปทำงานนอกบ้าน หรืออยู่ ตจว. กลับมาเฉพาะวันหยุด เงินส่วนใหญ่ยกให้ภรรยาใช้จ่าย เกษียยณแล้ว ต้องกิน 3 มื้อ อยู่บ้านตลอด ก่อให้ขัดนัยตาของภรรยาและบุตร จึงให้ไปบวชที่วัดใกล้บ้าน เก็บของรอให้ภรรยาและบุตรไปเอากลับบ้าน ฉันเพลแล้วยังคาบส่วนที่เหลือ (ขออภัยใช้คำรุนแรง) รับกิจนิมนต์ทุกงาน ทั้งที่ยังท่องคาถาไม่ได้ เพื่อจะได้รับซองปัจจัย เอาไปฝากที่บ้าน นั่งหลังสุด เพราะอ่อนพรรษา ถึงเวลา 5 โมงเย็นก็ไม่เข้าโบสถ์ บอกเป็นเรื่องของพระหนุ่มๆ แต่ขอโทษ กุฎิไหนมี karaoke, มี VCD ไม่เคยถอย จนเจ้าอาวาสบ่น ผมไม่เคยถวายของ-ถวายปัจจัยให้เลยครับ รวมทั้งไม่นิมนต์ไปทำบุญบ้านด้วย (ระบุเฉพาะเลย-คงไม่บาปมั้ง ??)

พี่ๆ,
เรื่องนี้อ่านแล้วคิดตามได้มากมาย
หนิงไม่ได้คิดตามสภาพสถานะเค้าที่
ลาบวชนะคะ,ก่อนหน้านั้นค่ะ ในสถานะพ่อ/สามี
ที่ทำงานมาเหนื่อยยากตลอดเวลาจนเกษียณ
retireกลับมาอยู่บ้าน บ้านที่ตัวเองผ่อน/ส่งกัน
กว่าจะหมด กว่าจะปลด ถามว่า,เค้าได้ถนอมดูแล
สัมพันธภาพกับภรรยาเค้ามากน้อยแค่ไหน??
คนทุกคนมีอายุกันได้คะ หากค่อยๆพัฒนาเปลี่ยนแปลง
ไปพร้อมๆคู่ชีวิต ไม่"ห่าง"กันทางจิต ภรรยาเค้า,
ระลึก ขอบคุณในสามี หรือเคยได้กล่าวขอบคุณสามี
ที่ส่งเสียให้มีให้ใช้ไม่ขาดไม่แคลน รึเธอมองว่าในเมื่อ
ทำให้เกิดก็ต้องเลี้ยงดู ในเมื่อแต่งกะเธอก็ต้องเลี้ยงดู?
ในชีวิตทั่วไปหรือชีวิตคู่ล้วนต้องระวังตลอดเวลาคะ
ระวังที่จะไม่"รับ"ฝ่ายเดียว หรือไม่"ให้"จนไร้สติ ฝ่ายเดียว

น่าเสียดายคะ,ที่หากสุขภาพเค้าเกื้อหนุน
เงินทองมีไม่ติดขัด ลูกหลานเติบโตช่วยตัวเองได้
เค้าน่าจะได้ทำอะไรร่วมกันกะคู่ครอง คู่ชีวิต
เดินทาง ไปเยี่ยมเยียน พบปะสังสรรค์เพื่อนฝูง
คนรู้จัก ฟื้นฟูงานอดิเรก หาอะไรที่ทำแล้วสนุก
ทำแล้วเพลิดเพลิน....สองคน!
 
การretireเกษียณ จึงเหมือนชีวิตภาคที่สองคะ
ที่ต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง เรียนรู้กันและกันอีกครั้ง
ในสภาพที่แตกต่างจากที่เคยเริ่มเมื่อตอนตั้งต้นชีวิตคู่
เพราะเวลาที่25-30-35ปีผ่านมาน่ะ คนเปลี่ยนแปลงคะ
เปลี่ยนที่ร่างกาย เปลี่ยนที่ความรู้สึกนึกคิด
ต้องปรับใหม่เลยล่ะคะหากใช้ชีวิตแยกกัน...กลับมาอยู่
ร่วมกันทั้งวันaround the clock ไม่คุ้นก็ลำบากคะ

แต่ทางออกที่...ไม่ต้องไปบวช...ก็มีคะ มีมากมาย
หากตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือกันและกัน ชราอย่างมีสุขภาพ
อย่าง  vital อย่างคนที่ถึงพร้อมแล้วซึ่งชีวิตที่ผ่าน
เป็นเซนญอร์ที่เด็กๆอิจฉา มีเวลา มีสตังส์ มีความสุข
ไม่ใช่ยูโทเปียคะ ทำได้ และต้องตั้งใจค่ะ...ถ้าอยากจะเป็น.

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 18 เมษายน 2556, 12:41:36
	พี่สิงห์ ผมต้องระวังตนเองจงหนัก ตามที่พี่แนะนำครับ

สวัสดีครับ คุณน้องเริง 20 ที่รัก

             รู้ตัวเองนั้นดีแล้ว  แต่ต้องเอาชนะจิตตนเองให้ได้  อย่าไปเป็นทาสมัน  ให้ทำตรงกันข้ามกับที่จิตมันชอบ

             วันอังคารที่ ๗ พฤษภาคม  พี่สิงห์  ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเรื่อง "การอยู่อย่างไร้โรค(เรื้อรัง)" และสอนการออกกำลังกายแบบ ชิกง และโยคะ  ให้กับอดีตข้าราชการครูที่เกษียรอายุแล้ว ของอำเภออินทร์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรี  ที่ห้องประชุมโรงเรียนอินทร์บุรี  จำนวน ๑๐๐ ท่าน ในช่วงเช้าภายหลังจากท่านนายอำเภออินทร์บุรี  กล่าวเปิดแล้ว

             เป็นอะไร ๆ ที่ทำให้ตัวเองมีประโยชน์ต่อสังคม ครับ

             พี่สิงห์ อยู่นครศรีธรรมราช  ร้อน ฝนไม่ตกเลย

             สวัสดี

[เริง2520]

พี่สิงห์

ผมเห็นตัวอย่าง

ผู้ชายที่ตื่นนอนมาแล้วเดินไม่ได้ ๒ คน ทำงานไม่ได้ เดินใช้วอคเกอร์

น่าจะเป็นอัมพฤกษ์ เสียดายที่มาป่วย กำลังทำงานเลี้ยงครอบครัว และสร้างฐานะ ครับ

[Manop Klabdee]

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                    ขอชมว่าวันนี้เธอเขียนเรื่องราวได้ดีมาก ๆ มันก็เป็นจริงตามที่เธอเขียนนั่นแหละชีวิตมนุษย์และครอบครัว

                    อีกสักครู่เจอคุณน้อง Tippy จะบอกให้ทราบว่าเธอระลึกถึง  จริง ๆ แล้วคุณน้อง Tippy เธอก็เข้ามาอ่านนกระทู้นี้  แต่ด้วยความเกรงใจ  จึงไม่ได้เขียนอะไร  ลงไปเลย

                    พี่สิงห์  ชวนคุณน้อง Tippy มากินข้าว  โดยมีพี่สิงห์  นั่งดู  เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลาย  ห่างบ้านบ้าง  เพราะดูแลคุณพ่อ มาตั้งหลายเดือนแล้ว  ไปไหนไม่ได้เลย  ด้วนอานิสสงค์นี่ละ คุณพ่อเธอเลย  ยังมีชีวิตต่อเพื่อให้ลูก ได้ดูแลกันต่อไปในช่วงบั่นปลายของชีวิต

                    พี่สิงห์  ไม่รู้คิดผิด  คิดถูก  ที่มีงานทำเพิ่ม อีกที่หนึ่งในวันพุธ  เลยทำให้มีอะไรต้องคิดมาก  เพราะเขาปราถนาเราจริง ๆ  ก็จะพยายามทำเท่าที่จะทำได้ เพื่อการมีชีวิตของเราต่อไปจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป

                     ชีวิตพี่สิงห์  ก็มีแต่ครู อาจารย์ และผู้มีพระคุณ  ที่เอื้ออารีย์เรามา  ถึงเวลาที่เราต้องดูแลท่านบ้าง  ตามโอกาส  เพราะท่านก็เหงา  ท่านจะดีใจเมื่อเห็นลูกศิษย์ที่ท่านเคยเมตตา มากราบท่าน  ในยามที่ท่านอายุมาก ๆ และพี่สิงห์ ก็เป็นลูกศิษย์ที่ท่านภูมิใจ  เพราะเข้าวิศวฯ จุฬาฯ ได้  เป็นบุคคลในหอเกียรติยศของโรงเรียนอินทร์บุรี

                     พี่สิงห์ ต้องกระทำ  ตามที่เราจะสามารถทำได้  ถือว่าเป็นหน้าที่ค่ะ

                     ได้เวลาไปพบคุณน้อง Tippy แล้วครับ

                     สวัสดี

[Manop Klabdee]

                     เดี๋ยวนี้ คุณน้องTippy ทำหน้าที่ของลูกดูแลคุณพ่อ อย่างดี

                     ทำทุกอย่างให้พ่อ  ดีกว่าพยาบาลอีก  นับว่าเป็นกุศล ของผู้เป็นพ่อ

                     ขอสรรเสริญเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จริง

                     สวัสดี