|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7126 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 16:14:41 » |
|
|
|
|
|
kumpolcomcai
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่ในสถานที่ดีดี
ออฟไลน์
รุ่น: 2525
คณะ: สัตวแพทยศาสตร์
กระทู้: 10,307
|
|
« ตอบ #7127 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 09:44:32 » |
|
สวัสดีครับพี่สิงห์ ผม หมอตุ่น กำพล คมคาย ซีมะโด่ง 2525 คณะสัตวแพทย์ ขอรายงานตัวบนกระทู้นี้เป็นครั้งแรกครับ ปัจจุบันผมเป็นกรรมการสมาคมซีมะโด่ง รับหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ เป็นรองเลขา และผู้ช่วยฝ่ายทะเบียนครับ ก่อนหน้านี้ ผมได้แต่เข้ามาอ่าน ยังไม่กล้าเขียนอะไร แต่ต่อจากนี้ไป คงได้มีโอกาสเข้ามารายงานพี่สิงห์เป็นระยะๆ .....เมื่อคืน งานวันเกิดพี่ทองอู่ครบ 85 ปี สำเร็จลงไปด้วยดี ถึงคนจะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ผมคิดว่าอบอุ่นกว่าปีที่แล้ว ครั้งนี้มีคาราโอเกะด้วย พวกเราหลายคนจึงอยู่กันจนร้านปิด และออกจากร้านเป็นกลุ่มสุดท้าย ....และพี่ทองอู่ ก็ได้ร้องเพลง 3 เพลงสุดท้ายของงานให้พวกเราฟัง คือ เรือนแพ หยาดเพชร และดวงจำปา ซึ่งผมจะได้นำภาพบรรยากาศของงานมาลงบนเว็บซีมะโด่งในโอกาสต่อไปครับ หวังว่า พี่สิงห์ คงยินดีต้อนรับ และอ่านรายงานของผม พร้อมทั้งให้ข้อคิด และคำชี้แนะด้วยนะครับ สวัสดีครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7128 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 11:31:04 » |
|
สวัสดีครับ คุณหมอตุ่น
ใครแวะมาเยี่ยมเยือน ในห้องนี้ย่อมดีใจ และขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
และเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ที่มีไมตรีจิตที่ดี อาทิตย์นี้พี่สิงห์ งดเดินทางไปนครศรีธรรมราช หนึ่งอาทิตย์ ไม่ได้ไปร่วมงานสารทเดือนสิบของชาวนครศรีธรรมราช
เช้าวันเสาร์พบกันที่รถบัส หกโมงครึ่ง พี่สิงห์ จะไปเยี่ยมชาวซีมะโด่ง ที่นครสวรรค์และพิษณุโลก ด้วย ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7129 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 11:57:40 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...เที่ยวเผื่อด้วยนะคะ...
...และเต้นสิงห์เผ่นเผื่อด้วยค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7131 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 12:15:54 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
สิงห์เผ่น พี่สิงห์เต้นไม่เป็น เห็นเธอเต้นแล้วยังขำ อยู่เลย เพราะไม่เคยรู้หรือเห็นมาก่อน
จะลองให้ ท่านผู้ว่า ปรีชา เต้น แล้วจะถ่ายภาพมาฝาก ครับ
พี่สิงห์ ตั้งใจจะไปกราบหลวงพ่อพระพุทธชินราช ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
kumpolcomcai
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่ในสถานที่ดีดี
ออฟไลน์
รุ่น: 2525
คณะ: สัตวแพทยศาสตร์
กระทู้: 10,307
|
|
« ตอบ #7132 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 12:28:15 » |
|
ผมส่งภาพนี้มาเพื่อพี่สิงห์ครับ พี่ราเมศวร์มอบภาพนี้ให้ผม เรื่องราวเป็นอย่างไร พี่คงบรรยายภาพได้ดีกว่าผม และผมต้องขอขอบพระคุณพี่สิงห์มากๆครับ ที่กรุณาไปร่วมในโครงการเยี่่ยมเยียนชาวจุฬาฯนครสวรรค์และพิษณุโลกในครั้งนี้
|
|
|
|
kumpolcomcai
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่ในสถานที่ดีดี
ออฟไลน์
รุ่น: 2525
คณะ: สัตวแพทยศาสตร์
กระทู้: 10,307
|
|
« ตอบ #7133 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 12:36:33 » |
|
คนไหนคือพี่สิงห์ คนไหนคือพี่ประทาน คนไหนคือพี่รุ่ง คนไหนคือพี่ราเมศวร์
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7134 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 12:44:01 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ชมภาพทุกท่านที่มาอวยพรวันเกิดพี่ทองอู่แล้วค่ะ...ด้วยความขอบคุณค่ะ...
...ทุกท่านยังสุขภาพแข็งแรงดี...และดูมีความสุขกันถ้วนหน้าค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7135 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 12:50:05 » |
|
คุณหมอตุ่น คราวที่แล้วที่ไปพิจิตร พี่สิงห์ ได้ทำภาพ Power Point หนึ่งชุด ฉายให้ทุกท่านได้ชม เป็นภาพท่านผู้ว่า ปรีชา สมัยอยู่หอ ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7137 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 20:29:54 » |
|
|
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #7139 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 11:55:49 » |
|
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์ เข้ามาห้องพี่สิงห์ ได้อ่านแล้วสบายใจค่ะ เสียดายไม่ได้ไปนครสวรรค์กับพี่สิงห์ พอดี เป็นช่วงที่ต้องดูแลแม่ ผลัดกับน้องสาวค่ะ จังหวะพอดีกัน หวังว่าโอกาสหน้าคงมีโอกาสไปเที่ยวกับพี่สิงห์นะคะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7140 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 12:00:08 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
ยังมีที่ว่าง เอาคุณแม่ ลูกๆ ไปด้วย ได้ครับ กรณีที่ท่านยังสามารถเดินได้
เธอเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า
พี่สิงห์ ยังหาเวลาไปสอนชิกงเธอยังไม่ได้เลยครับ
สวัสดี
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #7141 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 12:06:33 » |
|
ขอบคุณค่ะ พี่สิงห์ คงมีโอกาสได้สอนเวลาไป trip ของหอดวยกันค่ะ ตอนเกษียณ กรมได้ให้คุณศุภกิจ นิมมานนรเทพ มาสอนฝึก พลังลมปราณ น่าสนใจเหมือนกันะคะ พี่สิงห์เคยทราบไหมคะ เห็นว่า สอนกันที่ธรรมศาสตร์ค่ะ หากสนใจจะforwordให้ค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7142 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 13:06:07 » |
|
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก
๖๑. สิ่งที่ขอร้องหรือปราถนาให้เป็นไปอย่างใจไม่ได้ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ฐานะ ๕ อย่างเหล่านี้ อันสมณะ หรือพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกไม่พึงได้ คือ :-
๑.ของสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา อย่าได้แก่เลย
๒.ขอสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา อย่าได้เจ็บเลย
๓.ขอสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา อย่าได้ตายเลย
๔.ขอสิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา อย่าได้สิ้นไปเลย
๕.ขอสิ่งที่มีความพินาศไปเป็นธรรมดา อย่าได้พินาศไปเลย
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ปุถุชนผู้มิได้สดับ เมื่อสิ่งที่มีความแก่ , ความเจ็บ, ความตาย, ความสิ้นไป, ความพินาศไปเป็นธรรมดา. แก่, เจ็บไข้, ตาย, สิ้นไป, พินาศไปแล้ว ย่อมไม่พิจารณาอย่างนี้ว่า “มิใช่เราคนเดียวที่มีสิ่งซึ่งมีความแก่, ความเจ็บไข้, ความตาย, ความสิ้นไป , ความพินาศไปเป็นธรรมดา. อันแก่, เจ็บไข้, ตาย, สิ้นไป, พินาศไป แท้จริงสัตว์ทั้งหลายที่มีการมา การไป การตาย การเกิดทั้งหมด ก็มีสิ่งซึ่งมีความแก่ ความเจ็บไข้ ความตาย ความสิ้นไป ความพินาศไปเป็นธรรมดา. อันแก่ เจ็บไข้ ตาย สิ้นไป พินาศไป เช่นเดียวกัน ก็ถ้าเมื่องสิ่งซึ่งมีความแก่ ฯลฯ มีความพินาศไปเป็นธรรมดา. แก่แล้ว ฯลฯ พินาศไปแล้ว ฯลฯ เราจะพึงเศร้าโศก ลำบากใจ บ่นเพ้อ ตีอก คร่ำครวญ หลงใหล แม้อาหารของเราก็จะไม่ทำความพอใจให้(รับประทานข้าวไม่ลง) แม้ความเป็นผู้มีผิวพรรณทรามก็จะก้าวลงในกาย แม้การงานก็จะไม่ดำเนินไป แม้ศัตรูก็จะดีใจ แม้มิตรก็จะเสียใจ. เมื่อสิ่งที่มีความแก่ ฯลฯ ความพินาศไปเป็นธรรมดา. แก่ ฯลฯ พินาศไปแล้ว เขาก็จะเศร้าโศก ลำบากใจ บ่นเพ้อ ตีอก คร่ำครวญ หลงใหล ปุถุชนผู้มิได้สดับนี้เรากล่าวว่า ถูกลูกศร คือความโศกอันมีพิษแทงเอาแล้ว ย่อมทำตัวเองให้เดือดร้อน.
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนอริยสาวก(ผู้นับถือศาสนาของพระอริยะ) ผู้ได้สดับแล้ว เมื่อมีสิ่งที่มีความแก่ ฯลฯ ความพินาศไปเป็นธรรมดา. แก่แล้ว ฯลฯ พินาศไปแล้ว ย่อมพิจารณาอย่างนี้ว่า “มิใช่เราคนเดียวที่มีสิ่งซึ่งมีความแก่ ฯลฯ ความพินาศไปเป็นธรรมดา. อันแก่ ฯลฯ พินาศไป แท้จริงสัตว์ทั้งหลายที่มีการมา การไป การตาย การเกิดทั้งหมด ก็มีสิ่งซึ่งมีความแก่ ฯลฯ ความพินาศไปเป็นธรรมดา. อันแก่ ฯลฯ พินาศไปเช่นเดียวกัน ก็ถ้าเมื่อสิ่งซึ่งมีความแก่ ฯลฯ ความพินาศไปเป็นธรรมดา. แก่แล้ว ฯลฯ พินาศไปแล้ว เราจะพึงเศร้าโศก ลำบากใจ บ่นเพ้อ ตีอก คร่ำครวญ หลงใหล แม้อาหารของเราก็จะไม่ทำความพอใจให้(รับประทานข้าวไม่ลง) แม้ความเป็นผู้มีผิวพรรณทรามก็จะก้าวลงในกาย แม้การงาน ก็จะไม่ดำเนินไป แม้ศรัตรูก็จะดีใจ แม้มิตรก็จะเสียใจ. เมื่อสิ่งซึ่งมีความแก่ ฯลฯ ความพินาศไปเป็นธรรมดา แก่แล้ว ฯลฯ พินาศไปแล้ว เขาก็จะไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากใจ ไม่บ่นเพ้อ ไม่ตีอก ไม่คร่ำครวญ ไม่หลงใหล อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วนี้ เรากล่าวว่า ถอนเสียได้ซึ่งลูกศร คือความโศก อันมีพิษที่ปุถุชนผู้มิได้สดับถูกแทงแล้ว ทำตนเองให้เดือดร้อน ส่วนอริยสาวกเป็นผู้ไม่เศร้าโศก เป็นผู้ปราศจากลูกศร ย่อมทำตนเองให้สงบระงับ.
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ฐานะ ๕ อย่างเหล่านี้แล อันสมณะ หรือพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกไม่พึงได้ (ทำให้ไม่ได้ คุณมานพ ขยายความเอง).”
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7143 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 13:08:20 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร
ส่งมาเลย จะพิจารณา ศึกษาดูก่อน ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7144 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 13:22:34 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...อ่านพระสูตรแล้วค่ะ...
...สำหรับตู่หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ...
...คงไม่ตีอกชกหัวค่ะ...แต่คงอดเศร้าโศกไม่ได้...
...เมื่อคืนก่อนได้ฟังหลวงพ่อองค์หนึ่งเทศน์ในทีวี...
...บอกว่าการทำบุญให้ผู้ตายตามกำหนดในช่วงของแต่ละวันและเมื่อครบ 3 วัน 7 วัน 100 วัน...หรือเมื่อครบหนึ่งปี...
...จะทำให้ตัวญาติคลายจากความเศร้าโศกได้ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7145 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2555, 17:24:29 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
มันก็ถูกต้องของหลวงพ่อ ในทางโลก เพราะจะทำให้ญาติสบายใจว่าได้ทำบุญให้แล้ว ถูกต้องครบตามประเพณี ไม่มีอะไรที่จะต้องติดค้าง เสียดาย คร่ำครวญอีกแล้ว ผู้ตายก็ได้จากไปจริงๆ นานแล้ว ความเศร้าโศกมันก็จะหายไปเพราะรู้ความจริง ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
จากพระสูตรที่นำมานั้น พระพุทธองค์ให้รู้จักทุกข์ แต่ไม่ให้ไปเป็นทุกข์เสียเอง มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน หลีกหนีไม่พ้น ให้คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องประสบ คือ - ความเกิดก็เป็นทุกข์ และเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ที่จะตามมา - ความแก่ก็เป็นทุกข์ - ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ - ความตายก็เป็นทุกข์ - ความประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบ ไม่พอใจ ก็เป็นทุกข์ - ความปราถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ - ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์
เมื่อมันเป็นอย่างนี้ทุกคน เราก็วางจิตของเราให้ถูกที่ มันก็จะพ้นทุกข์ไปได้พอสมควร ด้วยการอยู่อย่างไม่ประมาท ด้วยการอยู่กับสติ เพราะมันจะไม่ทุกข์
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7146 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 09:57:09 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ตอนคุณพ่อคุณแม่เสีย...ทานข้าวไม่ลงเป็นปีๆเลยค่ะ...
...แบบว่าอยู่กับคุณพ่อคุณแม่มาตลอด...ยกเว้นตอนเรียนจุฬาฯ...
...เวลาทานข้าวจะคิดถึงทั้งสองท่านตลอด...
...พอทานไปสองสามคำ...มันจะทานไม่ลงทันทีเลยค่ะ...
...ตอนอยู่หอตู่ผอมมาก...
...จบแล้วไปทำงานก็ยังเป็นอยู่ค่ะ...
...ขนาดชุดแต่งงานยังต้องปิดคอปิดแขนแถมมีระบายเหนืออกค่ะ...
...ความเศร้ามันเกาะกินใจทำยังไงก็ไม่คลายค่ะ...
...ถ้าไม่มีหลักธรรมะของพระพุทธองค์มาปลุกปลอบใจ...คงแย่ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7147 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 11:13:42 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
ปุถุชนทุกคน ที่ไม่ได้สดับในคำสอนของพระพุทธองค์ ถึงแม้สดับคำสอนของพระพุทธองค์แล้วก็ตาม ถ้ายังไม่สามารถได้ดวงตาเห็นธรรม(เข้าใจในความหมายได้เอง ว่ามันเป็นจริงเช่นนั้น ไม่ได้เสแสร้งความคิด) ย่อมถูกลูกศรอาบยาพิษทำร้าย คืออยู่ในความเศร้าโศก จากทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากของผู้ให้กำเนิด คือบิดา-มารดา มันก็สมควรอยู่
แต่ถ้าได้สดับตามคำสอนของพระพุทธองค์แล้ว ย่อมคิดได้ เพราะมันก็เป็นความจริงตามนั้น เมื่อมันเกิดกับคนทุกคนไม่ละเว้น มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของโลก เมื่อคิดได้ดังนี้ ความเศร้าโศกมันก็จะค่อยๆ คลายไปเอง
เดี๋ยวนี้เธอเป็นศิษย์ของ สมณโคดม แล้ว ขอให้อยู่กับความจริง อยู่กับธรรมชาติ มีความรู้ตัว(สติ) ความคิดมันจะน้อยลง(จะเกิดโดยธรรมชาติที่ไม่รู้ตัว) เมื่อความคิดน้อยลง ความทุกข์มันก็น้อยลงตามไปด้วย ยิ่งเธอ ณ ปัจจุบัน ไม่มีอะไรต้องกังวลมากมายนัก มันควรจะใช้ชีวิตที่สุข สงบได้ หรือหาความสุขที่แท้จริง ตามคำสอนของพระพุทธองค์ได้
อย่าลืม ใครจะเป็นอะไร ทำอย่างไร ถูกใจเราหรือไม่ถูกใจเรา มันก็เป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่ตัวเรา เราเพียงสำรวมอินทรีย์ คือ รักษากาย วาจา ใจ ของเราให้เป็นปกติ ด้วยเห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้ลิ้มรสสักแต่ว่าได้ลิ้มรส ได้สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัส และไม่ปล่อยใจลอยหรือคิดนอกตัว ณ ปัจจุบัน เราก็ไม่ปรุงแต่ง ไม่อยาก ไม่ทำให้ใครหรือสัตว์เดือดร้อน นี่ละการปฏิบัติธรรม อย่างแท้จริง ยังสามารถทำงาน ทำกิจวัตรส่วนตัว เป็นประจำทุกวันได้
อย่าลืมให้ "รู้"(สติ) มากกว่า "หลง" (อยู่ในความคิด และอารมณ์)
สมมติ ถ้าตอนที่เธอเศร้าโศกเสียใจถึงบิดา-มารดา อยู่นั้น ถ้าเธอมีสติอยู่กับอิริยาบถของรูป เธอก็จะทราบได้ทันทีว่า ความคิดเศร้าโศกนั้นมันจะหายไป บังเอิญเธอไม่รู้ในขณะนั้น เธอหลงในโมหะ เธอจึงมีแต่เศร้าโศก
เธอลองพิจารณาดูเมื่อเทียบกับตอนนี้ เธอก็จะได้คำตอบเอง เพราะเธอได้ก้าวล่วงไปอีกก้าวหนึ่งแล้วในทางธรรม
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7148 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 12:31:48 » |
|
คำถาม - คำตอบ ถูกใจก็ดี ไม่ถูกใจมีแต่วิวาท มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง น่าเลื่อมใส ยกย่อง เป็นผู้อาวุโส ในที่นี้ผมขอตั้งชื่อให้ว่า พี่ ก.ไก่ ครับ
พี่ ก.ไก่ เป็นคนศึกษาทางธรรมะ มามาก ชอบเป็นคนตั้งคำถามให้ผู้ปฏิบัติธรรม ตอบ รวมทั้งหลวงพ่อต่างๆ ด้วย มานานแล้ว และผลคือ คำตอบที่ได้นั้นไม่ถูกใจตนเอง ตนเองก็หลงดีใจว่า เขา(ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น หลงอยู่แต่ตำรา ไม่รู้จริง) สู้เราไม่ได้ มีแต่เราที่รู้จริง ในคำตอบนั้น
ประมาณ สองปี ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรม พี่ ก.ไก่ ก็ตั้งคำถามกับผมว่า "คุณในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม คุณรู้ไหมว่า คำว่า "วาโยธาตุ" ที่แปลว่า "ธาตุลม" นั้น มันผิด ที่จริงมันควรจะแปลว่าอากาศ ที่เราหายใจเข้าต่างหาก" คุณว่าถูกต้องไหม ?
ผมก็ตอบว่า ผมไม่ทราบ ในเมื่ออรรถกถาบอกว่า "รูป" นั้น ประกอบไปด้วย ธาตุดิน (ในส่วนที่เป็นของแข็ง เช่นกระดูก เนื้อ ผิวหนัง เอ็น) ธาตุไฟ (ส่วนที่รับรู้ได้ว่าร้อน เย็น) ธาตุน้ำ(ในส่วนที่เป็นของเหลว) และธาตุลม ธาตุลมในที่นี้คืออากาศที่หายใจ อากาศตามช่องว่างในร่างกาย-อวัยวะ และส่วนที่ไม่มีอากาศที่เป็นที่ว่างในร่างกาย-อวัยวะ.
พี่ ก.ไก่ ก็ยังยืนกรานว่า ธาตุลม คืออากาศที่หายใจเข้า นั้นถูกต้องแล้ว
ผมก็ไม่พูดอะไรอีก นิ่งไปเฉย ๆ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พี่ ก.ไก่ พอสบโอกาสก็ตั้งคำถามกับผมขอให้ตอบด้วย คือ
คำถามแรก คุณในฐานะนักปฏิบัติธรรม คุณว่า หลักปฏิบัติหรือหลักการ ของพุทธศาสนา ที่คุณเข้าใจนั้นเป็นอย่างไร?
ผมก็ตอบว่า หลักปฏิบัติ หรือหลักการของพุทธศษสนา นั้น คือ "ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น" (ที่จริง จะตอบว่าทุกข์ก็ได้ อริยสัจ ๔ ก็ได้ มรรคองค์ ๘ ก็ได้ ความเป็นอนัตตา ก็ได้ ความไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ผมตอบในหลักของการปฏิติบัติธรรม คือไม่ยึดมั่นถือมั่น เพื่อการปล่อยวางของรูป-นาม ตามธรรมชาติ)
พี่ ก.ไก่ ตอบว่า ผิด คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมศึกษามาทางเซ็น คำตอบคือ "นิพพาน"
ผมก็ตอบกลับไปว่า ถ้า พี่ ก.ไก่ ถามผมว่าจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนา คืออะไร ผมก็จะตอบว่าคือ "นิพพาน" (ในสมัยพุทธกาล การปฏิบัติทางจิตไม่ว่า พราหมณ์ สำนักทั้ง ๖ ก็เหมือนกับพุทธศาสนา เพียงแต่พุทธศาสนา มีจุดประสงค์ศูงสุดคือ นิพพาน ซึ่งสำนักอื่นๆ ไม่มี นอกจากนี้พุทธศาสนายึดหลักทางสายกลาง อยู่ในศีล ซึ่งต่างจากศาสนาอื่นทั้งสิ้น ที่มีแต่คำสอน หลักปฏิบัติ และไม่มีจุดประสงค์สุดท้าย)
คำถามที่สอง ในมรรคมีองค์ ๘ ข้อที่ว่า สัมมาอาชีโว มีอาชีพชอบนั้น ถ้าคนมีอาชีพฆ่าสัตว์ เป็นอาชีพที่สุจริต ไม่เบียดเบียนใคร คุณว่าเขามีอาชีพชอบไหม ? หรือ ชาวประมงที่มีอาชีพประมง ในการจับปลามาขาย เป็นอาชีพที่สุจริต ไม่เบียดเบียนใคร คุณว่าเขามีอาชีพชอบไหม?
ผมก็ตอบพี่ ก. ไก่ ไปว่า (ถึงตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่า ผมกำลังเจอกับคนเช่นไร ผมพยายามมีความรู้สึกตัว ทำจิตให้ปกติ เพราะผุ้ถามไม่ใช่ สัพพัญญูชน แบบสัจจกนิครนณ์ ที่ยอมรับในความเป็นจริง หรือทีฆนขะปริพาชก) ผมก็ตอบว่า คำถามนี้ผมขอไม่ตอบได้ไหม เพราะถ้าผมตอบทางโลก ก็ถูกใจ พี่ ก.ไก่ ถ้าตอบทางธรรม ก็ไม่ถูกใจพี่ ก.ไก่ ก็จะว่าผมผิด จิตคนมันเป็นอย่างนี้ เมื่อผมรู้ความจริงแห่งจิตคน ผมไม่อยากวิวาท กับคนอีกแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์
พี่ ก.ไก่ ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เอากับผม ที่ผมตอบอย่างนี้ หาว่าผมมีทิฏฐิ
ข้อนี้จริงๆ ผมจะตอบว่า มันคงไม่ใช่อาชีพชอบ ตามที่พระพุทะองค์ ทรงสั่งสอน เพราะอาชีพอย่างอื่นก็มีให้เลือกที่จะไม่เบียดเบียนสัตว์ หรือฆ่าสัตว์ อย่าลืม มรรคองค์ที่ ๖ ก็บอกเอาไว้แล้วว่า สัมมาวายามะ มีความเพียรชอบ คือ เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป และเพียรทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ในเมื่อมีอาชีพ ฆ่าสัตว์ จับปลา เป็นการทำลายชีวิตผู้อื่น ผิดศีล ๕ จะเรียกว่าอาชีพชอบได้เช่นไร ผิดจากคำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าผมตอบไปตามนี้มีแต่วิวาท สู้ไม่ตอบดีกว่า ประเสริฐกว่า เพราะไม่มีใครผิด-ถูก
พี่ ก.ไก่ ก็ยังไม่ลดละ ถามผมต่อไปว่า ในมรรคข้อที่ว่า สัมมากัมมันโต การทำการงานชอบนั้น พระท่านแปลผิด ที่จริงควรจะแปลว่า การปฏิบัติชอบ คุณมีความเห็นอย่างไร ?
ผมก็ตอบพี่ ก.ไก่ ไปว่า สัมมากัมมันโต มันเป็นเรื่องของการประพฤติชอบทางกาย ในมรรคมีองค์ ๘ นั้นพระพุทธองค์ได้อธิบายเอาไว้แล้ว ตามที่มีในพระสูตรบทสวดมนต์ของพระ คือ การทำการงานชอบนั้นเป็นไฉน คือ ๑.ไม่ฆ่าสัตว์ ๒.ไม่ลักทรัพย์ ๓. ไม่พรากลูกเมียเขา มันชัดเจนอยู่แล้ว ในคำตอบ มันก็ต้องเป็นไปตามนั้น
พี่ ก.ไก่ ก็ว่า ผมมีทิฏฐิ
ที่จริงสิ่งที่ผมตอบนั้น ก็ตอบตามข้อความในพระสูตร ทั้งนั้น ผมก็ต้องยึดตามนั้น จะว่าผมมีทิฏฐิ ได้อย่างไร ?
สุดท้ายผมก็เรียน พี่ ก.ไก่ ว่าจิตคนมันเป็นอย่างนี้ พระพุทธองค์ให้ระวัง เพราะมันจะมีแต่วิวาท ไม่ก่อประโยชน์
พี่ ก. ไก่ ก็มองหน้าผมแบบ.... ผมเลยถือโอกาส ตอบไปว่า สุดท้ายพระพุทธองค์ก็ทรงสอนว่า ธรรมทั้งหลายล้วนเป็นอนัตตา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทั้งสิ้น แล้วผมก็เดินหนี ไม่ขอโต้คารมด้วย เพราะมีแต่ วิวาท เพราะ พี่ ก.ไก่ ไม่ได้เป็นสัพพัญญูแบบ สัจจกนิครนณ์ ที่ฟังคำตอบของพระพุทธองค์แล้ว รู้ว่าสิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิด แต่พี่ ก.ไก่ ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าตอบตรงความเห็นของตนนั้น ถูก ตอบอย่างอื่นผิด เป็นทิฏฐิ อย่างนี้อย่าคุยด้วยเป็นดีที่สุด ถ้าคุยด้วย ต้องตั้งสติให้มั่น เพราะจะมีแต่วิวาททางความคิด ไม่ก่อประโยชน์ ปล่อย พี่ ก. ไก่ แกหลงอยู่ในความคิดของแกแบบนั้นดีแล้ว ในทางธรรม ท่านก็ไปได้แค่นั้น ติดอยู่กับสมมติบัญญัติถอนตัวเองไม่ออกจากโมหะ ทั้งๆที่ศึกษาพระไตรปิฎกมามาก เพราะ พี่ ก.ไก่ รู้ในสิ่งที่ผมตอบ เพียงแต่ตัวเองไม่ชอบคำตอบอย่างนั้น
นั่นละ ทำไมพระพุทะองค์จึงบัญญัติศ๊ล ๒๒๗ ข้อให้ภิกษุ ปฏิบัติ เพราะกลัวถูกทำร้าย เมื่อต้องโต้คารมย์กับพวกที่มีทิฏฐิ เพราะภิกษุทั่วไป ไม่เหมือนพระองค์ ดังนั้นเวลาพระจะเทศน์ จึงต้องมีอาสนะสูงกว่า ผู้ฟัง เพราะจิตอ่อนแล้ว จึงสั่งสอนได้
และพระพุทธองค์ก็บอกแล้วว่า สิ่งที่พระองค์รู้นั้น มากมายนัก แต่พระองค์เอาเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นมาสอน
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7149 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2555, 14:42:44 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ตอนที่ตู่เสียคุณแม่ไปนั้น...ยังไม่เคยได้ศึกษาหรือได้อ่านหนังสือธรรมะค่ะ...
...เพียงแค่ได้เรียนพุทธประวัติและหลักธรรมะบางข้อในโรงเรียน...
...แต่ตอนนั้นเราก็ไม่นึกถึงหรือคิดที่จะนำหลักนั้นมาใช้เลย...
...เพราะเราไม่ได้ปฎิบัติมาก่อนค่ะ...
...พี่สิงห์ไม่ได้ไปเถียงกับคุณ ก.ไก่...ก็ดีแล้วค่ะ...
...ในสังคมไทยยังมีคนแบบนี้อีกเยอะเลยค่ะ...
...คุยไปก็คงไม่ได้ประโยชน์ค่ะ...เพราะเค้ามีมิจฉาทิษฐิ...
...จะพลอยทำให้พี่สิงห์รำคาญใจและพลอยไม่สบายใจไปด้วยค่ะ...
...สู้คุยกับคนที่มีพื้นฐานแบบเดียวกันไม่ได้ค่ะ...
...หรือคนที่กระหายธรรมะจะเข้าคอกันมากกว่าค่ะ...
...แบบพวกที่อยู่วัดค่ะ...จะคุยเรื่องเกจิอาจารย์ที่พวกเค้านับถือกันได้เป็นวันๆค่ะ...
...สะดุดใจกับคำที่ว่า...ถ้าตอบทางโลกก็ถูกใจพี่ ก.ไก่...
...ถ้าตอบทางธรรมก็ไม่ถูกใจพี่ ก.ไก่...ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|