too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6975 เมื่อ: 23 กันยายน 2555, 09:18:45 » |
|
| | อ้างถึง | | | | | | | |
พี่สิงห์ที่เคารพ, ศีล ๕ ก็ว่าคลุมเคลือปฏิบัติยากแล้ว พี่ยังอัดศีล๘ ลงมา...ให้ญาติโยมแถวนี้ อุบเงียบ...ไม่กล้ารับตรงๆ พ้ม,ทำได้ไม่หมด หนู๊,ทำไม่ได้ ....อ่ะนะ พี่สิงห์,จาหาใครจริงใจ ปากว่า มือถึงเหมือนน้องหนิ๊งได้...เป็นไม่มี.
ไหนคะ,พี่ว่าอะไร? ทุกวันพระเหรอคะ? ไหนใครว่า วันพระไม่ได้มีหนเดียว...อ๊ากกกกก ต้องอดกัน 4 ครั้งต่อเดือน? oh,no...too much!
แต่พี่ล่อสาวๆทรงอวบอั๋นไขมันแพล็มๆว่าศีล๘ ลดน้ำหนักได้...หนิงเลยต้องหวนมาเพ่งอีกรอบ ดื่มน้ำปะปาไงพี่ถูกสุดๆแถมไม่อ้วนไม่มีน้ำตาล!
พระที่เป็นโรคอ้วน เบาหวาน หลอดเลือด คงเพราะ ไม่ได้ออกกำลังคะ!! เออพี่สิงห์,พระเล่นกีฬาได้มั้ยคะ? ไม่ใช่กวาดลานวัดนะคะ อันนั้นไม่นับ!! กีฬาตะกร้อ แบด วิ่งเปี้ยว โหนเถาวัลย์ วิ่งผลัด หรือลงคลองว่ายน้ำ?
เอาล่ะ,เข้าเรื่องศีล๘คะ ข้อ๑ ,ข้อ๒ หนูกรุ้มกริ่มหวานคอแร้ง ง่ายอะไรเช่นนี้ พอข้อ๓ หนูเริ่มเหล่...ชักจะไม่ไว้ใจ อะไรจามาห้าม! ข้อ๔ sheเริ่มมีสายตาเจ้าเล่ห์ ข้อ๕ ยอมคะ 4ครั้งนะ? เอื๊อก! .. ..
ข้อ๖ สมองว่องไว นับนิ้วระวิง กินมื้อสุดท้าย12.00น. เข้านอน 24.00 น หรือดึกกว่า...12-13 ชม.ท้องว่าง หิวไส้กิ่ว ทรมาน ไม่นับที่ไปออกกำลังเมื่อกลางวันมาอีก เอ,เข้านอนแต่หัวค่ำทุ่มสองทุ่มดูจะrealistic แต่ไม่ใช่สำหรับ คนนอนดึก!!
ข้อ๗ โอย, no song?no dance? no film? no entertain? ไม่ให้ทาน้ำหอม ห้ามลูบครีมโลชั่น ทาsunblockก็ไม่ได้??
ข้อ๘ ห้ามนอนบนที่นอน...บนเตียง บนฟูกที่หลับมาจะ6,900คืน ให้ตื่นมาสดชื่น สมองผ่องใสทุกวัน??
ไม่คะ! 4ครั้งก็ยากคะ พี่ท่าน.
| | | | |
...อ่านที่หนุงหนิงตอบพี่สิงห์แล้วก็พอเข้าใจ... ...ที่พระอาจารย์เคยบอกไว้...ทำดีนั้นทำยาก...ทำไม่ดีนั้นทำง่ายค่ะ... ...ท่านพูดไว้ตอนที่พี่ตู่ถามว่าถ้านั่งสมาธิแล้วเมื่อยทำยังไง... ...ตอนที่ก่อนพระลูกชายจะบวช...พระก็มาปรึกษาว่าบวชแล้วต้องฉันมื้อเดียว...ถ้าเกิดหิวจะทำยังไง... ...จะบวชวัดไหนดี...วัดนั้นวัดนี้เป็นยังไง... ...ก็เล่าให้พระฟังตามที่เราได้เจอมา...แล้วให้พระเลือกเองค่ะ... ...แต่ได้บอกพระไปอย่างนึง...ตามที่เราได้ไปเคยอยู่มาแล้วว่า... ...พอถึงเวลาไปอยู่วัดจริงๆ...มันก็จะทำได้...มันจะไม่รู้สึกหิวหรอก...เพราะว่ามันอิ่มบุญค่ะ... ...ถ้าใครไม่เชื่อก็ลองดูนะคะ... ...ตอนที่พี่ตู่ไปอยู่วัด...มันจะหิวมากก็ตอนเช้าค่ะ...เพราะท้องว่างมาหลายชั่วโมง... ...เวลาเพลนี่จะไม่ค่อยหิวเท่าไร...แต่ก็ทานไปให้มีอาหารอยู่บ้างเพราะหลังเที่ยงก็ทานไม่ได้แล้ว... ...พอบ่ายๆก็ทานน้ำปานะ...ต่อจากนั้นถ้ารู้สึกหิวอีกก็ทานน้ำ...ก็เพียงพอแล้วค่ะ... ...เดี๋ยวนี้เวลาเอาของอะไรไปถวายพระ...ตอนไปเยี่ยม... ...พระลูกชายกลับเป็นฝ่ายห้ามค่ะ...ว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้หรอก... ...เพราะพระฉันไม่ได้ค่ะ...ก็จะให้กลับคืนมาเป็นส่วนมาก... ...ส่วนข้อออื่น 6 ถึง 8... ...ถ้าไปอยู่วัดจะเป็นเรื่องปกติมาก...และจะกลับรู้สึกสะดวกสบายเพราะไม่ต้องมานั่งทาครีมทาอะไรให้วุ่นวาย... ...ส่วนเรื่องร่างกายจะเหี่ยวก็ไม่ต้องกังวลแล้วเพราะเราตัดความเป็นตัวตนออกไปแล้ว... ...ส่วนคนที่ตัดไม่ได้...ก็เป็นเรื่องปกติของคนทางโลก...มันสวนทางกันอยู่แล้วค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6976 เมื่อ: 23 กันยายน 2555, 09:26:47 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์... ...สวดมนต์ดังๆคงไม่ได้ค่ะ...เพราะสวดในที่ชุมชน... ...ที่สนามบอลเวลานั่งดูเค้าเล่น...ก็ถือโอกาสสวดไปด้วย... ...แต่ถ้าอยู่คนเดียว...ก็สวดดังๆค่ะ... ...ให้เทวดา...และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย...รวมทั้งจิตวิญญานทั้งหลายที่ล่องลอยอยู่... ...ได้ยินได้อนุโมทนาไปด้วยค่ะ... ...และพอสวดเสร็จก็จะอุทิศส่วนกุศลให้ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับเราด้วยค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6977 เมื่อ: 23 กันยายน 2555, 18:54:16 » |
|
พี่ตู่คะ, แล้ว ทำดีต้องทำอย่างที่บ่งที่บอกไว้ใน..ตำรา นอกเหนือจากนั้นคือทำไม่ดี? อืม,คิดอีกแล้วคะนี่..คิดไกลด้วยค่ะ
วันนี้นั่งอ่าน GEOฉบับล่าสุดของเยอรมันที่เพิ่ง มาเมื่อวาน มีคอลัมภ์นึงเค้าพูดถึง"Weisheit" sageness,wisdom ภาษาไทยเรียกอะไรนะคะ รอบรู้?เหมือนผู้รู้ นักคิดคนนั้นคนนี้ได้รู้ ได้เข้าถึง การหลุดพ้นให้ได้จากวัตถุหรือความสำเร็จ อ้อมจักรวาลศึกษามาจากปรัชญากรีก,philosophy โบราณใครว่าอะไรสั่งสอนอะไร..เพื่อจุดมุ่งหมาย สุดท้าย-->การมีสมดุลในจิต ปล่อยวาง จิตแข็ง แต่แสดงออกด้วยความrelax กล้า และมองรอบๆ อย่างมีสติ...คุณภาพนี้ใช่จะเข้าถึงได้ทุกราย ค้นคว้าสืบเสาะ ทำไมผู้คนที่ hochintelligent ปราดเปรื่องสุดๆถึงแสดง/กระทำอะไรๆบางทีที่ ไม่ได้เปรื่องปราดอย่างที่เค้าเป็น...ได้พบข้อthesis ว่า...wisdom การรอบรู้เล็กๆในชีวิตประจำวันคะ small wisdomนี่แหละ มีประโยชน์กว่าไปรอบรู้จักรวาล God um die Welt!!เพื่อว่าจะได้อยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์นี้ ได้อย่างเอาตัวรอด และยังรักษาอารมณ์ขันไว้ให้ได้ด้วย.
นัก PhilosophคนนึงMichel de Montaigneบอกว่า, เป็นธรรมดาที่เรารู้มากขึ้นจากการสั่งสอนของผู้รู้คนอื่น แต่รอบรู้ฉลาดขึ้น ไม่ใช่ด้วยครูผู้รู้(แล้ว)เหล่านั้น.. แต่ด้วยตัวของเราเอง....แล้ว?เราจะอ่านหนังสือไปทำไม? อ่านเพื่อรู้จักตัวเองมากขึ้น!!อ่านเพื่อเข้าใจจิตเราว่าคงที่ คงเส้นคงวาไม่แกว่งไกวนั้นได้มีอะไรมาบวกมาเพิ่มในระดับที่สูงขึ้น การจะรู้สึกรอบรู้บรรลุนี้ได้ใกล้เคียงที่สุด...บางที, ในที่ ในสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะบรรลุ"ถึง"wisdomได้ ก็ได้คะ.
จบคอลัมภ์นี้,หนิงrelaxจริงๆนะคะนี่!
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6978 เมื่อ: 23 กันยายน 2555, 19:46:53 » |
|
...น้องหนุงหนิงคะ...
...ฉลาดรอบรู้ในที่นี้...คงหมายความว่า...สมองดีเรียนเก่ง...
...เรียนจนจบด๊อคเตอร์หรือยิ่งกว่า...
...เป็นการรอบรู้ในทางโลก...
...ซึ่งคนละอย่างกับทางธรรมค่ะ...
...คนที่บรรลุทางธรรมได้ไม่ต้องเรียนมากๆก็ได้ค่ะ...
...บางคนจบแค่ ป.4...แต่บางคนก็จบแพทย์จบวิศวะ...
...มันคนละประเด็นกันแล้วค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6979 เมื่อ: 23 กันยายน 2555, 19:48:06 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ และคุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก
ศีล ๕ เป็นมหาศีล ถ้าเราละได้ จะทำให้เราสามารถอยู่ในสังคม เป็นที่รัก และไว้ใจได้ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน เลย เรารักษากาย วาจา ใจ ของเราให้เป็นปกติ จิตเป็นมหากุศล คนอื่นสามารถทราบได้
ศีล ๘ นั้น เพื่อส่งเสริมให้เราสามารถเอาชนะจิตของเราได้อีกระดับหนึ่ง เพราะข้อที่เพิ่มขึ้นมานั้น ไม่เป็นพิษ เป็นภัย ต่อกาย-ใจ เราเลย เรายังสามารถอยู่ได้ และได้เรียนรู้ใจของเรา ในเวทนาที่เกิดขึ้น เช่นจากการไม่กินข้าวเย็น จะได้รู้ว่ากาย-ใจ มันเป็นอย่างไร เราหิวที่กาย หรือใจมันหิว เราสามารถใช้ปัญญาพิจารณาได้ และเห็นไตรลักษณ์ในอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ อย่างเก่งผ่านสามวันไปแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะที่วุ่นวายมันเกิดจากจิตของเรา ความเคยชินของเราทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับกายเลย ไม่เชื่อลองปฏิบัติดู มีแต่จิตเราเท่านั้นที่คิด ปรุงแต่งไปต่าง ๆ นาๆ
คนที่หัวสมองเก่ง อ่านมาก เรียนมาก จำได้ดี นั้น ก็ไม่สามารถจะบรรลุธรรมได้ เพราะการบรรลุธรรมนั้น มันไม่ได้เกิดจากความคิด มันเกิดจาการที่ รูป-นาม ได้ศึกษาอารมณ์ที่เกิดขึ้น ที่เกิดจากเหตุ-ปัจจัย แล้วมันเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายมันก็คลายความยินดี ต่างๆ คลายความยึดมั่นถือมั่นทั้งหมด ไปเองตามธรรมชาติ เป็นแบบธรรมชาติ
ตัวอย่างพระอานนท์ เป็นพหูสูตร ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ามาก จดจำธรรมได้หมด มีปัญญาดี สามารถสอนพระ อุบาสก อุบาสิกา ได้เป็นอย่างดี แต่ในสมัยพุทธกาล ไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เพราะพระอานนท์กระทำแต่เรื่องอื่นๆ เพื่อผู้อื่นทั้งนั้น ไม่ได้อยู่กับการพิจารณากาย-ใจตนเองเลย มันก็เลยไม่ได้รับรู้กาย-ใจ ไม่ได้เรียนรู้จริงๆ จิตมันก็ไม่เบื่อหน่าย
จนกระทั่งพระอานนท์ปล่อยวางทุกสิ่ง มาดูจิตตนเอง จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ รู้อิริยาบถตัวเองระหว่างเอนกายจะนอน
การปฏิบัติธรรมนั้น ความเก่ง ฉลาด จำเก่ง เอามาใช้ไม่ได้ ครับ เพราะมันเป็นเรื่องของความคิด เป็นสมมติบัญญัติ
การบรรลุธรรม มันเกี่ยวข้องกับ ความรู้สึกตัวที่กาย-ใจ รู้สิ่งที่เกิดขึ้นเอง(ไม่ได้คิด) เพราะมันจะไม่คิด และศึกษาอารมณ์(สภาวะธรรม) ที่เกิดขึ้นกับเราจากทางทวารทั้งหกคืออายตนะ อันได้แก่ ตา หุ จมุก ลิ้น กาย ใจ และอย่าลืมสภาวธรรมที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนมีเหตุ-ปัจจัย ทั้งสิ้น และเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ ต้องรู้สึกได้ด้วยตัวเอง จิตมันถึงจะเกิดความเบื่อหน่าย และจิตต้องเป็นจิตมหากุศล ด้วย จึงจะก้าวหน้า หรือบรรลุธรรมได้
ทุกวันนี้คนเราอยู่ในโลกของความคิด อยู่ในโลกของสมมติบัญญัติ มันจึงลืมศึกษากาย-ใจ ตนเอง และหลงอยู่กับจิตตนเอง จนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นความรู้สึกตัว อะไรเป็นอารมณ์ อะไรเป็นความคิด เพราะชินกับความคิดมาตั้งแต่เกิด จึงตกเป็นทาษของความคิดโดยไม่รู้ตัว
การปฏิบัติธรรมนั้น เพื่อให้เราได้ทราบพฤติกรรมของกาย-จิต และอารมณ์ สาเหตุแห่งการเกิดอารมณ์ และการปล่อยวาง เมื่อเราทราบแล้วเราสามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันของเรา เราก็พอสามารถที่จะพ้นทุกข์ได้ ปล่อยวางได้ และคลายความยึดมั่นถือมั่น ได้พอสมควร เท่านี้ก็คุ้มแล้วครับ ไม่ต้องหวังนิพพานทั้งสิ้น เราก็ยังอยู่ในสังคม ทำงาน คบเพื่องฝูงของเราไปได้ พอสมควร
ขอบใจเธอทั้งสองมาก ที่เอาความคิดดีๆ มาแบ่งปันครับ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
|
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6982 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 07:28:43 » |
|
สวัสดีครับ อีกครั้ง ผมใส่บาตรพระเรียบร้อยแล้ว
เรามาว่ากันต่ออีกสักเล้กน้อยครับ ถึงข้อควรระวัง !
- ในการปฏิบัติธรรม(ภาวนา) นั้น ไม่ว่าท่านเคยกระทำมาก่อน หีือเริ่มต้นใหม่ก็ตาม ก่อนที่จะเข้าสู่ ญาณที่ ๑ ได้นั้น จิตท่านจะเหมื่อย หงุดหงิด คันตามเนื่อตัว เบื่อหน่าย ง่วง หาว อยากนอน ต่างๆ นาๆ ท่านต้องพิจารณาว่า นั่นเป็นกิริยา หร่ือปฏิกิริยาของจิต ที่จะต่อต้านการภวนาของท่าน ให้ถือว่านั่นละ "มาร"
ท่านต้องมีสมาธิ(ความตั่งใจมั่น) กระทำต่อไป เอาชนะความไม่อยากของจิตท่านให้ได้ ด้วยการอยู่แบบอุเบกขา คือไม่สนใจ กระทำต่อไป สักพักใหญ่ๆ ท่านก็จะผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ ท่านจะรู้สึกดีขึ้น และเมื่อท่านหยุดคิดเข้าสู่ญาณที่สองแล้ว ท่านจะสบายกาย ใจ ไปเอง สามารถภาวนาต่อไปได้ โดยไร้ "มาร" ที่มารบกวนแบบตอนต้นเลย
- เมื่อจิตของท่านสงบปราศจาก การคิด ท่านจะชอบ เพราะมันสงบดี กรณีที่ท่านนั่งภาวนาและหลับตา ท่านต้องระวังให้ดี เพราะท่านจะตกอยู่ในภวัง หรือเผลอ เพ่ง นั่งสัปงก หลับไป อาจจะเกิดเห็นภาพในความฝัน(นิมิต) ไปกันใหย่เตลิดเข้าป่าไปเลยก็มี ท่านต้องระวังให้ดี แสดงว่าท่านขาดสติ-สัมปชัญญะ ท่านต้องกลับมาให้ได้ และรู้ตัวด้วยว่ามันผิดทางแล้ว อย่าไปหลงอยู่กับมัน
จากญาณที่สาม สู่ญาณที่ ๔ นี่ละสำคัญมาก คนส่วนใหญ่ไปติดอยู่กับความสงบตรงนี้ เลยไปไม่ถึงไหน จิตยังไม่เป็นมหากุศลจิตควรแก่งานวิปัสสนาเลย ยังไม่ก้าวเข้าสู้การวิปัสสนาที่แท้จริงเลย มันก็ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น
ท่านจะเห็นว่านักปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่ ไปกราบหลวงพ่อมาก็มาก ฟังธรรมจากหลวงพ่อมาก็มาก ทำบุญมาก็มาก ไปนั่งปฏิบัติธรรม มาก็มาก ไม่เห็นได้อะไรเลย
มันก็จริง และถุกต้องครับ เพราะจิตของท่านยังไม่ได้เป็นจิตมหากุศล ควรแก่งานเลย ท่านเลยแยกแยะ ความรู้สึกตัว สภาวธรรม)อารมณ์) และความคิด ได้ออก
อย่าลืมว่าสิ่งที่ท่านต้องการหานั้น มันไม่มีตัวตัน หาเท่าไรก้ไม่พบ ยิ่งอยาก ก็ยิ่งหาไม่พบ
มันต้องให้เป็นธรรมชาติ ปล่อยมัน มันจะพบและรู้ได้ด้วยตัวเอง
เมื่อท่านหาไม่พบ ท่านจึงเบื่อหน่าย เลิกปฏิบัติไปเอง เป็นส่วนใหญ่ ครับ
จริงๆ แล้วถ้าท่านสังเกตสักนิด ท่านจะค้นพบมากมายในกาย-จิต ของท่าน ท่านจะรู้ธรรมชาติของจิต ความต้องการของมนุษย์ ท่านสามารถนำเอาสิ่งที่ท่านรู้ มาใช้ประโยชน์กับการที่ต้องอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป ได้อย่างสงบสุข มีทุกข์น้อยๆ ครับ
แต่เมื่อท่านรู้ความจริงแล้ว ท่านจะเบื่อหน่าย ท่านจะอยากอยู่อย่างสันโดด มักน้อย ตรงข้ามกับผู้อื่น ท่านจะสุูญเสีย ความเชื่อมั่น เพราะท่านจะ ไม่มีเกียรติ ไม่มีเงิน ไม่มีเพื่อน ความเป็นอยู่จะลำบาก แต่นั่นเป็นสายตาของผู้อื่นที่มองดูท่าน ไม่ใช่ตัวท่าน จิตท่านจะตรงข้าม เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดา ท่านต้องผ่านด่านนี้ให้ได้ มันยากจริงๆ ครับที่จะต้องอยู่ในสภาวะแบบนั้น
ขอหยุดสาธยายแต่เพียงเท่านี้ เพื่อรับประทานอาหารเช้า และเดินทางไปสิงห์บุรี ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6983 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 07:43:36 » |
|
อย่าลืมนะครับ
การปฏิบัติธรรม นั้น ท่านค้นหาในสิ่งที่ไม่มีตัวตน ท่านจะไม่พบอะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่า เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าท่านพิจารณาแบบโยนิโสมนสิการ ในความว่างเปล่า ที่ไม่มีอะไรเลยนั้น มันกลับมีอะไรๆ ที่มหัศจรรย์ ที่มีอยู่แล้วในมนุษย์ทุกคน เพียงแต่เขาเหล่านั้น ตกอยู่ในความคิดตนเอง มันจึงค้นหาไม่พบ ทั้งๆ ที่มันอยู่กับตัวมาตั้งแต่เกิด น่าเสียดาย ๆ
สวัสดี
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #6984 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 09:29:10 » |
|
ติดตามอ่านกระทู้นี้ มาตลอด สอง สามวันมา นี้ ได้ประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ พี่สิงห์
|
|
|
|
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์
รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369
|
|
« ตอบ #6985 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 11:19:03 » |
|
คำพูดเดียวกับพี่สมชายค่ะ
|
.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6986 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 12:35:43 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์... ...ตู่ไม่สามารถแยกแยะได้ออกค่ะว่าได้ญานอะไร... ...แต่บางครั้งรู้สึกสงบ...มีความสุขก็พอใจแล้วค่ะ... ...บางครั้งมีปิติเกิดขึ้น...อิ่มอกอิ่มใจ...แล้วก็มีความรู้สึกว่าตัวเราใหญ่ขึ้นๆ...ร่างพองจนคับห้องที่นั่งอยู่ค่ะ... ...ตกใจเลยลืมตาขึ้นมา...โธ่เอ๋ย...ยังนั่งอยู่ที่เดิม... ...แต่ว่ามันก็เป็นสุขค่ะ...อันนี้จับลมหายใจแค่แป๊บเดียวเอง... ...บางครั้งภาวนาแบบยุบหนอพองหนอ... ...แล้วแยกแยะรูปนามได้แต่ยังไม่คล่องมากค่ะ...พยายามอยู่ค่ะแต่จะได้แบบพื้นๆ... ...ตาปิดไปแล้ว...ก็จะรับได้ทางหู..จมูก..ลิ้น..กาย..ใจ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #6987 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 21:11:45 » |
|
ช่วยดูเรื่องทางโลกให้หน่อยครับ ถามตรงข้ามกับที่ถามสถาปนิกไป band-beam บางที่สุดได้สักเท่าไร 0.50 ม. บางไปไหม? มีสเปคตัวใดคุม (กว้างเท่าไรก็ได้ กว้างมากก็เป็น slab ไปซะเลย)
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6988 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 21:17:24 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
ตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวเบา ลอยได้ เห็นนั่น เห็นนี่ .......
มันไม่ถูกต้องแล้วครับ เธอหลงไปในภวังค์ ตามที่จิตมันต้องการ เกิดจินตนาการไปต่างๆ นาๆ
ดีที่เธอฉลาด ลืมตา มันก็ไม่มีอะไรเลย ยังนั่งอยู่ ไม่ได้เป็นไปตามที่นิมิตรเห็นเลย
นี่ละบรรดาหลวงพ่อท่าน สอนนักสอนหนา ต้องระวัง ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องอยู่ใกล้ชิดครู เพราะจิตมันจะพัดหลง ไปมากกว่านี้ ดังนั้น ต้องพยายามอย่าให้เผลอ ตกอยู่ในภวังค์ และหลับ มันจินตนาการไปต่างๆ นาๆ นั่นผิดทางแล้ว จำเอาไว้
การปฏิบัติธรรม มันเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาๆ นี่เอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ มีแต่ความจริง ที่เป็นธรรมชาติ อยู่กับสติ-สัมปชัญญะ รู้ความจริงแห่งจิต รู้เท่าทันมัน เราสามารถยังยั้งมัน เพราะเวลามีอารมณ์ โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นเราจะรู้ทันที พอเรารู้เท่านั้น ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็จะดับไปทันที เราก็จะมีเวลาพิจารณาหรือรู้เท่าทันมันด้วยปัญญา การเกิดอารมณ์นั้น รู้เหตุ-ปัจจัยของมัน และสามารถวางอุเบกขาได้ ไม่กระทำตามที่จิตมันมีอารมณ์นั้น ความสงบก็จะเกิดขึ้น เป็นปกติไม่เต้นไปตามอารมณ์นั้น
จริงๆ เธอรับทราบเรื่องญาณแล้ว และเกิดขึ้นกับเธอแล้ว เพียงแต่เธอยังจับความรู้สึกไม่ได้เท่านั้นเอง
หรือไม่ต้องสนใจอะไรเลยทั้งสิ้น ให้อยู่กับการรู้สึกตัวนี่ละ สักวันมันจะแยกแยะออกได้เอง ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6989 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 21:31:23 » |
|
สวัสดีครับ คุณสมชาย
นึกว่าจะไม่มีใครสนใจ ยังกลัวว่า ดร.สุริยา จะเล่นงานเอา หรือถูกอาจารย์รุ่งศักดิ์ ตำหนิเอา
พี่สิงห์ ก็เขียนตามที่มันเกิดกับตัวเราที่เรารู้ได้ เท่านั้น ตอนนี้ก็พยายามเอาตัวเองเป็นหนูตะเภา อยู่ในหลายเรื่อง เพื่อแก้ข้อข้องใจ แต่บางครั้งก็เสียเวลาไปเปล่าๆ เหมือนกัน
การที่จะรู้สึกตัวได้มากๆ นั้น ไม่ยากเลยจริงๆ ครับ คุณสมชาย
อารมณ์เกิดขึ้นทั้งในทางดี ทางร้าย ก็สามารถรู้เท่าทันได้ทันที และไม่หลงตามมันครับ เพียงแต่หวั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่หลง ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6990 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 21:37:05 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องยาหยี ที่รัก
กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย
ฝรั่งโปรตุเกตุ ไม่ทราบอะไรนักอะไรหนา ถามในสิ่งที่เขาน่าจะรู้ เกี่ยวกับการทำงาน Post-tension เรื่องการดึงเหล็กเสริมอัดแรง เลยกำลังจะบอกไปว่า ถ้ามันจะมีปัญหาจริงๆ ก็จะให้ทาง SIW พาไปโปรตุเกตุ จะได้ไปอธิบาย คำนวณ และดึงให้ดูเลย จะได้หมดข้อสงสัย
เธอและครอบครัวสบายดีหรือเปล่า หวังว่าคงสบายดีนะคะ
สวัสดี
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6992 เมื่อ: 24 กันยายน 2555, 22:05:59 » |
|
แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สะพานสิงห์บุรี ระดับน้ำลดลงจากอาทิตย์ที่แล้วประมาณหนึ่งเมตร
ขณะนี้ชาวนาสิงห์บุรีเลิกวิตกกังวลกันแล้ว และหันมาเริ่มทำนากันใหม่แล้ว เพราะรู้แล้วว่าน้ำไม่ท้วมแน่นอน เพราะถ้าไม่ทำนา จะไม่มีกิน ไม่เชื่อเกษตรอำเภอที่ไม่ให้ทำนา
ออกพรรษาปีนี้ สงสัยน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะไม่พอแข่งเรือยาว ครับ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6993 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 02:23:46 » |
|
พี่ตู่, Weisheit ไม่ใช่คนเรียนเก่งคะ! เป็นคนธรรมดาที่ฉลาดรู้ ฉลาดคิดต่อชีวิต ต่อสังคมแวดล้อมรอบๆตัวด้วยความrelax ด้วยความสงบในจิต ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเค้า จะเชื่ออะไรก็ตามแต่ เค้าอยู่ในโลกนี้ได้ด้วย ความสุขคะ...สุขในชีวิตประจำวัน,Weisheit อาจเป็นผู้สูงอายุ อายุยืนๆที่มีทัศนะต่อโลก positive มีชีวิตยาวนานอยู่ได้ด้วยตัวเอง...เค้าเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิต และมีชีวิตให้ได้ในโลกนี้อย่างฉลาดรอบรู้ ไม่เกรงกลัวต่อ อนาคตที่เหลือน้อย เค้าrelaxต่อการมองสิ่งที่ผ่านมา และสิ่งที่เป็นอยู่ รวมทั้งสิ่งที่กำลังจะมาถึง! จะนักปราชญ์ นักปรัชญาไหนๆสมัยใดๆ...สอนสั่งกันเข้าไปเถอะ คนที่อยากจะไปใหถึง...Weisheit ไม่ใช่จะถึงได้ทุกคน!! เค้าไม่ได้พูดถึงศาสนาคะ...และไม่ได้พูดถึงพุทธ แต่เค้ายกตัวอย่างพุทธและนิกายในพุทธที่พยายาม"หลุด" แต่ Weisheitไม่ใช่หลุดคะ...มีชีวิต ใช้ชีวิตธรรมดานี่แหละค่ะ อย่างมีความสุข ...โดยปลอดให้ได้จากการยึด การติดในอะไร ใดๆก็ตาม
นึกภาพออกมั้ยคะ?
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6994 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 07:40:22 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก
มันก็มาจากพุทธศาสนาของสมณโคดม นั่นแหละ เพราะสิ่งที่สมณโคดม ค้นพบนั้น คือความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ อยู่แล้ว พระองค์เพียงเอามาบอกกล่าว เอามาแสดง รวบรวมเป้นหมวดหมู่ และใส่สมมติบัญญัติเข้าไปเท่านั้นแหละ ดังนั้นศาสนาพุทธ หรือจพเรียกว่า คำสอนที่เป็นจริงตามธรรมชาติก็ได้
สำหรับสิ่งที่เธอบอกมานั้น ถ้าเทียบในศาสนาพุทธคือ ระดับโสดาบัน นั่นเอง
ศาสนาพุทธแบ่งออกเป็น(ผู้สำเร็จในธรรม คือได้ดวงตาเห็นธรรม) โสดาบัน สกคามี อนาคามี และอรหันต์ ครับ
ดีใจครับที่โค๊ชทีมฮอพเฟ่นฮาม ไม่ถูกปลดเพราะทีมชนะ การไม่มีงานทำนั้น ครอบครัวเดือดร้อนครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6995 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 08:06:03 » |
|
Dr. Suriya
๑. ความหนาของคาน
กรณีมี supports สองด้าน ความหนาของคานต้องเท่ากับหรือมากกว่า ๔๐ เท่าของความยาว
กรณี Canti lever ความหนาของคานต้องเท่ากับหรือมากกว่า ๓๐ เท่าของความยาว
กรณีที่ความหนาน้อยกว่านี้ ท่านต้องตรวจสอบ Deflection ต้องไม่เกินข้อกำหนด คือ L/360 and L/180 ตามลำดับ
๒. การดึงเหล้กเสริมอัดแรง
สำหรับงาน Post-tension ดึง 70% ของ ultimate tensile strength
Total Losses ต้องคำนวณโดยตรงตามหลัก ACI = elastic shortenning + shrinkage + creep + relaxation + friction
หรือประมาณ 25% และไม่เกิน 60%ของ ultimate tensile strength
๓. กรณีเป็นคาน และมีความสำคัญ ไม่นิยมให้เกิดแรงดึงในคาน และต้องใส่เหล็กเสริมตามยาวที่เป็น RC จำนวนหนึ่ง ทั้งข้างบน กลาง และล่าง และเอาไว้สำหรับผูกเหล็กปลอก
๔. กรณี stress เกินข้อกำหนด เราหา stress ส่วนเกินนั้นได้ คูณด้วย section modulus จะได้ค่า bending moment ส่วนเกิน
ดังนั้น เหล็กเสริม RC ส่วนเกิน = M/(fs*j*d) ไส่เผื่อเล็กน้อยไม่ให้น่าเกลียด
๕. สำหรับ ปลายคาน ต้องใส่เหล็ก PC ให้กระจายยกบางส่วนขึ้น นิยมเป็น parabolar เพื่อไม่ให้ stress ที่ปลายคานเกินข้อกำหนด (แนะนำอย่าเกิดแรงดึงดีกว่า ถึงแม้ code จะบอกว่าเกินได้ก็ตาม)
๖. อย่าลืมใส่เหล้กกันแตกที่ปลายคานด้วยล่ะ
๗. strength of concrete at transfer load 280 ksc. (cylinder) หรือ 250 ksc. ก็ได้แต่ไม่แนะนำ ๘. strength of concrete at design load 350 ksc. (cylinder)
เท่าที่นึกออกก็มีเท่านี้
ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ อย่าประหยัดเกินไป มันไม่ใช่เรื่องของเรา อะไรที่คิดว่าจะเป็นอันตรายต้องเผื่อเอาไว้ใส่ RC เข้าไปไม่เป็นพิษเป็นภัย ทั้งสิ้น
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6996 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 08:12:37 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผุ้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน
เช้านี้อยู่บ้านเลยได้ หุงข้าวใส่บาตรพระตอนเช้า ที่หน้าบ้าน ครับ
กำลังจะออกเดินทางไปทำงานที่ PSTC สระบุรี ครับ
การปฏิบัติธรรมภาวนา เป็นเรื่องของการศึกษา รูแ-นาม ของเราที่เราหลงว่าเป็นตัวตนของเรา เราต้องรู้ด้วยตัวเอง เพราะมันเป็น "ปัจจัตตัง" คือ ผู้รู้ รู้ได้เฉพาะตน ครับ
อย่าลืมรักษากาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติ สร้างความรู้สึกตัวให้มาก ยืน เดิน นั่ง นอน หยิบ กิน ก็รู้ตัว คิดก็รู้ตัว มีอารมณ์เกิดขึ้นก็รู้ตัว และรู้เท่าทันมัน หาเหตุ-ปัจจัย ที่เกิดขึ้นให้พบ และจะพบว่ามันก็เป็นของมันธรรมดาๆ เช่นนั้นเอง เราจะไปปรุงแต่งมันทำไมให้โง่ อุเบกขาจะเกิดขึ้นเองเป็นไปตามธรรมชาติครับ
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6997 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 08:42:26 » |
|
...น้องหนุงหนิง...
...คุณฝรั่งอะไรเนี่ย...ไม่ได้พูดถึงพุทธก็แล้วไปค่ะ...
...ถ้างั้นก็ไม่เกี่ยวกับพี่ตู่และพี่สิงห์ที่เป็นพุทธแท้ๆและมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่แก่นของพุทธ...
...แต่น้องหนุงหนิงได้พยายามยกตัวอย่างคนนั้นคนนี้มาหรือบางทีอาจเป็นเสมือนไอดอลของหนุงหนิง...
...ถ้าหนุงหนิงคิดว่าแบบนี้ดีก็ทำไปเลยค่ะ...ไม่จำเป็นต้องสุดโต่งแบบในคอลัมน์นี้...
...พี่สิงห์ได้กรุณาเปรียบนายฝรั่งคนนี้ว่า...เท่ากับระดับโสดาบัน...
...แต่ตู่ว่าสูงเกินไป...โสดาบันแม้จะเป็นระดับแรกของการหลุดพ้น...
...แต่คงไม่ใช่แค่มีคุณสมบัติแบบนายคนนี้แน่...
...มันเทียบกันไม่ได้ค่ะ...พี่สิงห์...
...สมมุติว่าละตัวตนได้แล้ว...แต่ข้อวิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาสล่ะคะ...
...ขออภัยที่ต้องพูดศัพย์อภิธรรม...เพราะเป็นคุณสมบัติที่โสดาบันต้องมี...
...ตู่ใช้วิธีเรียนและอ่านก่อนค่ะ...
...ไม่งั้นไม่เข้าใจปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น...
...ปฎิบัติไปด้วยและอ่านหนังสือธรรมะไปด้วย...ทำให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6998 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 09:00:15 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์... ...ตอนรู้สึกว่าตัวลอย...ไม่ได้ตกอยู่ในภวังค์ค่ะ...มีสติดีทุกอย่าง... ...และเพิ่งนั่งไปแพล็บเดียวเอง...แต่รู้สึกว่ามันสงบเร็วมาก... ...ที่เรียกว่าทุกอย่างรวมเป็นหนึ่งเดียว... ...ตู่ว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งของจิตมากกว่าค่ะ...มีน้ำหูน้ำตาไหลด้วย... ...(ปรากฎการณ์อย่างหนึ่งของการปฎิบัติธรรม...อย่าคิดว่ามีน้ำออกมาจากหูจริงๆนะคะ...เดี๋ยวน้องหนุงหนิงสงสัยอีก)... ...และเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เป็นค่ะ...หลังจากนั้นไม่เคยมีอีก... ...ตู่ว่าอาจจะเป็นเพราะสถานที่ที่ปฎิบัติ...ในขณะนั้น... ...มีความเป็นพิเศษ...เพราะเคยเป็นห้องที่ในหลวงและพระราชินีเคยมาประทับพักอิริยาบท... ...ก่อนที่จะมาทำพิธีเปิดตึกที่ ร.พ.วัดญาณฯค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
jamsai
Full Member
ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์
กระทู้: 416
|
|
« ตอบ #6999 เมื่อ: 25 กันยายน 2555, 11:26:42 » |
|
๑. สวัสดีค่ะพี่สิงห์ ติดตามอ่านอยู่บ่อยๆ ก็ได้เรียนรู้กับพี่สิงห์ไปเรื่อยๆ ขออนุโมทนากับความก้าวหน้าในเส้นทางที่พี่สิงห์เดินอยู่ และดีใจด้วยกับตู่ที่มีความเจริญในธรรมระดับนี้ เดิมคิดว่าตู่ไม่สนใจด้วยซ้ำไป ขออนุโมทนาด้วยเช่นกัน และปลื้มใจที่พระต้นท่านบวชอย่างมีเป้าหมายที่สาธุชนพึงกระทำ ตู่มีบุญที่พระต้นท่านตั้งใจบวชและปฏิบัติตามพระวินัยอย่างดีเช่นนี้ ปลื้มใจแทน ๒. สวัสดีน้องหนุงหนิง ไม่ได้ทักทายกันนาน แต่ก็ตามข่าวอยู่นะคะ ที่อ้างอิงข้อเขียนข้างต้นมา เพราะ อยากขยายความเข้าใจ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน คำว่า "หลุด" ของคุณฝรั่งและน้องหนิงแปลว่าอะไร ลองขยายความสักนิด แต่ในพุทธศาสนา หลุด คำนี้ อธิบายแบบคนที่อยู่ในโลกียธรรมอย่างพี่คืออิสระภาพจากสิ่งที่ติดข้องอยู่ เป็นลำดับๆไป การอยูเป็นสุขได้โดยไม่ขึ้นกับสภาพสิ่งแวดล้อม หรือปัญหาที่อยู่รอบตัว ก็เป็นอีกนัยหนึ่งของคำว่าหลุด ถ้าพิจารณาแค่ที่น้องหนิงเขียนมา คุณฝรั่งเธอก็ใช้วิธีเดียวกับคำสอนของพุทธศาสนานั่นแหล่ะ คืออยู่กับปัจจุบันขณะ ให้รู้เห็นตามจริง น่าเสียดายหากเขารู้หลักวิปัสสนามากขึ้นเขาอาจไปไกลกว่านั้นได้ วันนี้ขอคุยแค่นี้ก่อนนะคะ
|
ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
|
|
|
|