26 พฤศจิกายน 2567, 19:46:00
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 256 257 [258] 259 260 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3582025 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jeam
สมาชิกวิสามัญ
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 574

« ตอบ #6425 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 12:00:44 »

น่าจะเป็นคำกล่าวที่เป็นจริงครับ....แต่เป็นจริงในยุคกลางของยุโรปที่ว่า

...มหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา...

เพราะขณะนั้นศาสนจักรเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในสังคม
บอกอะไรคนก็ต้องเชื่อตาม ห้ามโต้แย้ง จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง

....โลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล
....โลกแบน
....พระเจ้าสร้างโลก
....

ดังนั้นมหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้น เป็นการศึกษาหาความจริง
และเมื่อค้นพบ จึงเป็นเรื่องที่เป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักรโดยตรง
ความรู้ต่างๆ ที่ถูกค้นพบ บางเรื่องต้องเก็บไว้ไม่เผยแพร่เป็นเวลานานๆ

กาลิเลโอเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสุด
แม้แต่นิวตั้น ก็ต่อต้าน ศาสนจักร...

อาจารย์ที่กล่าว...ตามความเห็นของผม...
เป็นการกล่าวไม่ครบ และไม่อธิบาย
ทำให้เกิดการโต้เถียงได้ในแง่มุมหลากหลาย....

ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และสติ ในการวิจารณ์...
      บันทึกการเข้า

I think, therefore I am.
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6426 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 12:49:35 »

ขอบคุณครับคุณเจียม
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #6427 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 12:53:05 »

 
อ้างถึง   
อาจารย์ที่กล่าว...ตามความเห็นของผม...
เป็นการกล่าวไม่ครบ และไม่อธิบาย
ทำให้เกิดการโต้เถียงได้ในแง่มุมหลากหลาย....

ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และสติ ในการวิจารณ์...

เห็นด้วยกับ คุณเจียม
ประโยคเต็มๆ น่าจะมีมากกว่านี้  (น่าจะเสี้ยวหนึ่งของบทความ)
ต้องใช้สติในการพิจารณา บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6428 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 15:18:03 »

ท่านที่ต้องการไปเยี่ยมเยียนแม่หญิงเรไร แม่หญิงดวงแข หรือแม่ศรีเมือง เชิญครับ..รายการน่าสนใจทีเดียว

เที่ยวอยุธยา ตามรอยพ่อเสมา "ขุนศึก"
25 มิถุนายน 2555 15:51 น.


       “ภัสสรสัญจร” ครั้งที่ 18 ตามรอยสัประยุทธ์นิยาย “ขุนศึก” สืบตำนานทหารกล้าจอมราชันย์ (สมเด็จพระนเรศวร-สมเด็จพระเอกาทศรถ) ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2555
      
       *********************************
      
       06.30 น. พบกัน ณ จุดนัดหมาย ป้ายรถเมล์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท(ใกล้อุโมงค์ลอดใต้ถนน
       ฝั่งคณะวิทยาศาสตร์) ลงทะเบียนและรับเอกสาร
      
       07.00 น. ออกเดินทางด้วยรถโค้ชปรับอากาศแสนสบายพร้อมอาหารเช้าบนรถสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
       ชมทัศนียภาพพร้อมฟังเรื่องราวสถานที่ต่างๆที่น่าสนใจตลอดสองข้างทางโดยมัคคุเทศก์ผู้เชี่ยวชาญ
      
       09.00 น. ยลวัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวงสำคัญที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์ แห่งกรุงศรีอยุธยา สักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ พร้อมชมศิลปกรรมและเกร็ดเรื่องราวน่ารู้ของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งในอดีตใช้เป็นที่ฝึกสอนวิชาศาสตราวุธ การสัประยุทธ์และตำรับพิชัยสงคราม สำหรับชายฉกรรจ์ผู้สมัครเข้าเป็นทหารหาญในกองทัพกรุงศรีอยุธยา
      
       10.00 น. เดินทางสู่วัดวรเชษฐาราม พระอารามหลวงโบราณอายุกว่า 400 ปี ซึ่งสมเด็จพระเอกาทศรถสร้างขึ้น เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ชมพระอุโบสถ พระวิหารฐานแอ่นโค้งท้องสำเภา และพระเจดีย์ทรวดทรงโบราณที่หาชมได้ยาก
      
       10.30 น. สืบค้นเรื่องราววิถีการดำเนินชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยาทั้งราชสำนักและชาวบ้าน พร้อมร่วมรำลึกอดีต อันน่าสนใจของเหล่าทหารอาสาต่างชาติและทหารอาสาโปรตุเกสแม่นปืน ที่ร่วมรบอยู่ในกองทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและมีบทบาทสำคัญต่อการทำสงคราม ณ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
      
       12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันหลากรสตามอัธยาศัย
      
       13.30 น. ทัศนาวัดสุวรรณดาราราม ตื่นตากับภาพจิตรกรรมฝาผนังพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่งดงามราวมีชีวิตในพระวิหาร เขียนโดยพระยาอนุศาสตร์จิตรกร(จันทน์ จิตรกร) จิตรกรเลื่องชื่อ สมัยรัชกาลที่ ๗ พร้อมฟังเรื่องราววีรกรรมอันหาญกล้าแห่งมหาราชชาตินักรบและพระอนุชาธิราช ในยุทธสงครามต่างๆ
      
       14.30 น. ชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ที่ในอดีตคือวังจันทรเกษมหรือวังหน้าซึ่งสมเด็จพระมหา ธรรมราชาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งดำรงพระยศ เป็นพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก
      
       15.30 น. ย้อนอดีตธรรมเนียมประเพณีและพิธีกรรมการคล้องช้างเพื่อนำมาใช้งานรวมถึงนำมาฝึกเป็น "ช้างทรง"
       และ "ช้างศึก" อันเป็นยุทธปัจจัยสำคัญในการศึกสงครามมาแต่อดีต ณ พะเนียดคล้องช้าง
      
       16.30 น. สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช บริเวณหน้าเจดีย์ภูเขาทอง ตำบลลุมพลี พร้อมร่วมรำลึกพระวีรกรรมในการสงครามและยุทธศาสตร์การรบอันเลื่องชื่อในรัชสมัยของพระองค์
       พลิก
      
       17.30 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยความรู้และความประทับใจอย่างเต็มเปี่ยม
      
       19.00 น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
      
       *********************************************
      
       กำหนดการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
       นำชมโดย : จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา (นัท)
       มัคคุเทศก์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม
      
       อัตราค่าร่วมกิจกรรม ท่านละ 2,200 บาท (สองพันสองร้อยบาทถ้วน)
       * อัตรานี้รวม 1. ค่าพาหนะ(รถโค้ชปรับอากาศ )
       2. มัคคุเทศก์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม
       3. ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (มื้อเช้า)
       4. ค่าเข้าชมสถานที่
      
       ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา โทร. 08 1343-4261

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #6429 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 20:19:08 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 12:53:05
 
อ้างถึง   
อาจารย์ที่กล่าว...ตามความเห็นของผม...
เป็นการกล่าวไม่ครบ และไม่อธิบาย
ทำให้เกิดการโต้เถียงได้ในแง่มุมหลากหลาย....

ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และสติ ในการวิจารณ์...

เห็นด้วยกับ คุณเจียม
ประโยคเต็มๆ น่าจะมีมากกว่านี้  (น่าจะเสี้ยวหนึ่งของบทความ)
ต้องใช้สติในการพิจารณา บรึ๋ยยย

ผมได้อ่านบทความเต็มบทแล้ว  กล่าวในวาระ อบรมนักศึกษาใหม่ ของ อ.ยุกติ
ผม copy บทความนี้แล้วจะ upload แต่ทำไม่เป็น เลยไม่สามารถลงบทความเต็มๆให่ทุกคนอ่านได้

ผมว่า ท่าน เป็นคนหนุ่ม ที่มีความคิดในเชิงการวิเคราะห์ได้ดี วิพากษ์สังคมได้ดี
แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในตัวน้อยเกินไป การวิเคราะห์จึงเป็นการเอาจินตนาการของตัวเอง
ผสมเข้าไปมากเลยทีเดียวจึงขาดข้อเท็จจริงและข้อมูลจริง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการวิเคราัะห์ไป
แล้่วนำมาถ่ายทอด  จึงเกิดคำวิพากษ์ วิจารณ์ ตามมาเป็นอันมาก

แต่ถือว่าเป็นคนหนุ่ม ที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองดี   แต่ขาดวุฒิภาวะอยู่มากที่เดียว
คงต้องใช้เวลาให้เป็นผู้ใหญ่อีกหน่อย  และหาข้อมูล ให้มากอีกหน่อย ในการวิเคราะห์

      บันทึกการเข้า
jeam
สมาชิกวิสามัญ
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 574

« ตอบ #6430 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 21:27:29 »

คัดลอกมาครับ จากประชาไท.....
ไม่ขอแสดงความเห็น....


คำต้อนรับนักศึกษาใหม่ ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ
Thu, 2012-06-21 00:00
ยุกติ มุกดาวิจิตร

อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บันทึกถ้อยคำของเขาที่กล่าวต่อนักศึกษาใหม่วานนี้
ด้วยเนื้อหาที่คนซึ่งไม่ใช่นักศึกษาก็น่าจะอ่านด้วย ประชาไทจึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ

ขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ การเปิดภาคเรียนที่ธรรมศาสตร์ปี 2555 และแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษา
(ไม่ว่าจะอยากรับปริญญาหรือไม่ก็ตาม) ด้วยบางประโยคที่ผมบรรยายให้นักศึกษาปริญญาตรี ปี 1
ณ โครงการหนึ่งฟังที่ท่าพระจันทร์วันนี้

"ผมต่อต้านการใส่ชุดนักศึกษา ทำไมจะต้องเอาโลโก้มหาวิทยาลัยมาแปะติดบนเสื้อผ้า
โลโก้พวกนี้ติดไว้ตามตึก ตามรั้วมหาวิทยาลัยก็พอแล้ว
ส่วนความแตกต่างระหว่างโลโก้ธรรมศาสตร์กับแบรนด์ธรรมศาสตร์อยู่ตรงไหน พวกคุณต้องค้นหา...

"มหาวิทยาลัยในโลกนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นโรงเรียนฝึกวิชาชีพ แม้ในเริ่มต้นมหาวิทยาลัยไทยจะเป็นเยี่ยงนั้น
และด้วยความที่มันเกิดมาเพื่อเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพนั่นแหละ มันถึงยังบังคับให้นักศึกษาใส่ชุดนักศึกษามาจนทุกวันนี้...

"พวกคุณไม่ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเพียงเพื่อจะไปเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน
หากใครหน้าตาดีหน่อย พอเรียนจบก็อาจจะได้รับจ้างไปนั่งนับเงินหน้าเคาท์เตอร์ธนาคาร
แต่อาชีพพวกนั้นไม่ต้องจบมหาวิทยาลัยก็ได้...

"หากพวกคุณมาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วยังคิดอยู่ว่า พุทธศาสนาสอนทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ก็จงลาออกไปบวชซะ เพราะมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา เพื่อปลดปล่อยคนจากศาสนา...

"นักศึกษาโครงการนี้ต้องมี inclusive sensibility คือเซนซิทีฟกับความแตกต่างอย่างเปิดกว้าง ยอมรับ
ไม่ใช่เซนซิทีฟแบบดูถูก เหยียดหยาม
น่าอายที่ นศ. บางคนนั่งหัวเราะเยาะอาจารย์ต่างชาติที่พยายามพูดภาษาไทย
และหัวเราะเยาะกับเสียงภาษาต่างชาติที่พวกเขาฟังแล้วแปลกหู
(ในระหว่างที่อาจารย์เหล่านั้นเพียรพยายามแนะนำภาษาตนเองด้วยภาษาไทย)...

"ระหว่างที่ผมอยู่อเมริกา 5-6 ปี อยู่เวียดนามร่วม 3 ปี ไม่เคยมีใครหัวเราะเยาะสำเนียงเพี้ยนๆ แปร่งหูของผม
ประเทศไทยครอบงำพวกคุณกระทั่งไม่เพียงใจแคบแต่ยังเยาะเย้ยความแตกต่างอย่างสนุกสนานได้ถึงเพียงนี้
แต่ประเทศต่างๆ ในโลกนี้เขาสอนให้ยอมรับความแปลกแปร่งโดยไม่ต้องสงสัย...

"อยู่ธรรมศาสตร์ คุณเถียงกับอธิการบดีอย่างมีเหตุมีผลได้ ไม่เหมือนแบบที่เพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า
เขาตกใจเมื่อเข้าไปในห้องทำงานอธิการฯ แล้วพบว่า มีจอมอร์นิเตอร์กำลังดูแม้กระทั่งห้องเรียนในมหาวิทยาลัย
ไม่รู้มหาวิทยาลัยนั้นจ้างอธิการฯ มาเป็นยาม หรือจ้างยามมาเป็นอธิการฯ...

"จงเรียนรู้เพื่อการศึกษา (education) ไม่ใช่เรียนตามใบบอกทาง (instruction)
การศึกษาไม่ใช่คู่มือเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ต้องเรียนให้คิดเป็น...

"แล้วเพลาๆ positive thought (การคิดบวก) ไว้บ้าง เรียนมหาวิทยาลัยต้องมี critical mind (คิดวิพากษ์)...

"ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ"

      บันทึกการเข้า

I think, therefore I am.
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6431 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2555, 21:41:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 20:19:08
 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 12:53:05
 
อ้างถึง   
อาจารย์ที่กล่าว...ตามความเห็นของผม...
เป็นการกล่าวไม่ครบ และไม่อธิบาย
ทำให้เกิดการโต้เถียงได้ในแง่มุมหลากหลาย....

ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และสติ ในการวิจารณ์...

เห็นด้วยกับ คุณเจียม
ประโยคเต็มๆ น่าจะมีมากกว่านี้  (น่าจะเสี้ยวหนึ่งของบทความ)
ต้องใช้สติในการพิจารณา บรึ๋ยยย

ผมได้อ่านบทความเต็มบทแล้ว  กล่าวในวาระ อบรมนักศึกษาใหม่ ของ อ.ยุกติ
ผม copy บทความนี้แล้วจะ upload แต่ทำไม่เป็น เลยไม่สามารถลงบทความเต็มๆให่ทุกคนอ่านได้

ผมว่า ท่าน เป็นคนหนุ่ม ที่มีความคิดในเชิงการวิเคราะห์ได้ดี วิพากษ์สังคมได้ดี
แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในตัวน้อยเกินไป การวิเคราะห์จึงเป็นการเอาจินตนาการของตัวเอง
ผสมเข้าไปมากเลยทีเดียวจึงขาดข้อเท็จจริงและข้อมูลจริง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการวิเคราัะห์ไป
แล้่วนำมาถ่ายทอด  จึงเกิดคำวิพากษ์ วิจารณ์ ตามมาเป็นอันมาก

แต่ถือว่าเป็นคนหนุ่ม ที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองดี   แต่ขาดวุฒิภาวะอยู่มากที่เดียว
คงต้องใช้เวลาให้เป็นผู้ใหญ่อีกหน่อย  และหาข้อมูล ให้มากอีกหน่อย ในการวิเคราะห์


เมื่ออ่านบทความที่คุณเจียมคัดมาลงจบ ต้องขอกล่าวว่า
สมชาย17 ถอนคำพูดในสองบรรทัดสุดท้ายด่วน เพราะอาจารย์ท่านนี้ fully mature ถึงที่สุดแล้ว
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #6432 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2555, 01:00:42 »

  อ่านแล้ว ก็ต้องปลงขนาดระดับอาจารย์ที่ ไป ได้รับการศึกษามาสูงมาสอนคนยังหลุดลุ่ยได้ถึงขนาดนี้ ศาสนาพุทธที่ท่านยก
  ขึ้นมา ในเชิงเปรียบเทียบ ก็ไม่เห็นได้ไปขยายความ ตรงไหน? อะไร คือ ศาสนาพุทธสอนไว้ทุกอย่าง ใครพูด ? น่าจะกลับ
 ไปอยู่อเมริกา อีกสัก 3-4 ปี เผื่อจะได้คำตอบ  ว่าใครพูด  ไอ้สิ่งที่อาจารย์พูดช่วงท้ายๆ นี้ อเมริกาเขาต้องฝึกกันตั้งแต่อนุบาล   
  ประชากรจึงจะมี  CRITICAL MIND  มาบอกเด็กตอนเรียน ป. ตรี มันไม่สายไปหน่อย หรือ ครับท่าน.......
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #6433 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2555, 07:44:27 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 21:41:32
อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 20:19:08
 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 12:53:05
 
อ้างถึง   
อาจารย์ที่กล่าว...ตามความเห็นของผม...
เป็นการกล่าวไม่ครบ และไม่อธิบาย
ทำให้เกิดการโต้เถียงได้ในแง่มุมหลากหลาย....

ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และสติ ในการวิจารณ์...

เห็นด้วยกับ คุณเจียม
ประโยคเต็มๆ น่าจะมีมากกว่านี้  (น่าจะเสี้ยวหนึ่งของบทความ)
ต้องใช้สติในการพิจารณา บรึ๋ยยย

ผมได้อ่านบทความเต็มบทแล้ว  กล่าวในวาระ อบรมนักศึกษาใหม่ ของ อ.ยุกติ
ผม copy บทความนี้แล้วจะ upload แต่ทำไม่เป็น เลยไม่สามารถลงบทความเต็มๆให่ทุกคนอ่านได้

ผมว่า ท่าน เป็นคนหนุ่ม ที่มีความคิดในเชิงการวิเคราะห์ได้ดี วิพากษ์สังคมได้ดี
แต่ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในตัวน้อยเกินไป การวิเคราะห์จึงเป็นการเอาจินตนาการของตัวเอง
ผสมเข้าไปมากเลยทีเดียวจึงขาดข้อเท็จจริงและข้อมูลจริง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการวิเคราัะห์ไป
แล้่วนำมาถ่ายทอด  จึงเกิดคำวิพากษ์ วิจารณ์ ตามมาเป็นอันมาก

แต่ถือว่าเป็นคนหนุ่ม ที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองดี   แต่ขาดวุฒิภาวะอยู่มากที่เดียว
คงต้องใช้เวลาให้เป็นผู้ใหญ่อีกหน่อย  และหาข้อมูล ให้มากอีกหน่อย ในการวิเคราะห์


เมื่ออ่านบทความที่คุณเจียมคัดมาลงจบ ต้องขอกล่าวว่า
สมชาย17 ถอนคำพูดในสองบรรทัดสุดท้ายด่วน เพราะอาจารย์ท่านนี้ fully mature ถึงที่สุดแล้ว

ขอบคุณครับ พี่ป๋อง รักนะ
ตอนนี้ ยังไม่ถอนครับ  จ๊าากกก
ขอให้ผมได้ติดตามผลงาน การบรรยาย การเขียนเชิงวิเคราะห์ ต่อไป
ถ้าเห็นว่า Mature แล้ว(ในสายตาผม) ผมจะถอนคำพูดใหครับ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6434 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2555, 08:55:23 »

      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #6435 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2555, 13:21:02 »

คนจบเมืองนอกเมืองนาเขาก็มีความคิดอิสระตามลัทธิ ความเชื่อที่สอนกันมา
ผมเรียนจบเมืองไทย ศึกษาการจัดการศึกษาแบบไทยๆก็พบว่า
เรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ของเราต้องพึ่งพากันมาโดยตลอด โดยไม่เคยขัดแย้งกัน
นับตั้งแต่พระปิยมหาราช พระมหาธีรราช ตราบจนมหาราชองค์องค์ปัจจุบัน
หลักสูตรการศึกษาทุกยุคทุกสมัยก็เน้นด้านคุณธรรมและจริยธรรมอย่างชัดเจน
โรงเรียนรัฐบาลดังๆทั้งหลายก็อาศัยที่วัดทั้งนั้น
จึงมีชื่อโรงเรียนวัดโน่น วัดนี่ เช่นวัดมกุฎ วัดเทพศิรินทร์ และวัดราชาเป็นต้น
พอโรงเรียนดังขึ้นมามีหลายโรงเรียนตัดชื่อวัดนำหน้าออกแล้วเติมคำท้ายเสียเพราะพริ้ง
มีโรงเรียนแห่งหนึ่งเก่าแก่มาก นักเรียนเขาก็อยากตัดคำว่าวัดออกเหมือนกันเพราะจะได้ทันสมัย
แต่ผอ.ซึ่งเป็นเพื่อนรุนเดียวกับผมเองคัดค้านสุดฤทธ์ รวมทั้งครูที่โรงเรียนด้วย
โรงเรียนนั้นคือโรงเรียนวัดสังเวช.......
นอกจากไม่ยอมตัดชื่อวัดนำหน้าแล้วท่านยังกระซิบมาว่า โรงเรียนเดี๊ยนจนมาก ใครมีเงินเหลือใช้ขอทุนการศึกษาด้วยเน้อ
 ฮือๆ ฮือๆ ฮือๆ
      บันทึกการเข้า
jeam
สมาชิกวิสามัญ
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 574

« ตอบ #6436 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2555, 21:44:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 28 มิถุนายน 2555, 13:21:02
คนจบเมืองนอกเมืองนาเขาก็มีความคิดอิสระตามลัทธิ ความเชื่อที่สอนกันมา
ผมเรียนจบเมืองไทย ศึกษาการจัดการศึกษาแบบไทยๆก็พบว่า
เรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ของเราต้องพึ่งพากันมาโดยตลอด โดยไม่เคยขัดแย้งกัน
นับตั้งแต่พระปิยมหาราช พระมหาธีรราช ตราบจนมหาราชองค์องค์ปัจจุบัน
หลักสูตรการศึกษาทุกยุคทุกสมัยก็เน้นด้านคุณธรรมและจริยธรรมอย่างชัดเจน
โรงเรียนรัฐบาลดังๆทั้งหลายก็อาศัยที่วัดทั้งนั้น
จึงมีชื่อโรงเรียนวัดโน่น วัดนี่ เช่นวัดมกุฎ วัดเทพศิรินทร์ และวัดราชาเป็นต้น
พอโรงเรียนดังขึ้นมามีหลายโรงเรียนตัดชื่อวัดนำหน้าออกแล้วเติมคำท้ายเสียเพราะพริ้ง
มีโรงเรียนแห่งหนึ่งเก่าแก่มาก นักเรียนเขาก็อยากตัดคำว่าวัดออกเหมือนกันเพราะจะได้ทันสมัย
แต่ผอ.ซึ่งเป็นเพื่อนรุนเดียวกับผมเองคัดค้านสุดฤทธ์ รวมทั้งครูที่โรงเรียนด้วย
โรงเรียนนั้นคือโรงเรียนวัดสังเวช.......
นอกจากไม่ยอมตัดชื่อวัดนำหน้าแล้วท่านยังกระซิบมาว่า โรงเรียนเดี๊ยนจนมาก ใครมีเงินเหลือใช้ขอทุนการศึกษาด้วยเน้อ
 ฮือๆ ฮือๆ ฮือๆ

ชื่อโรงเรียนเทพศิรินทร์ เป็นชื่อพระราชทาน เมื่อปี 2445 ตามราชกิจจานุเบกษา...

ความเป็นมาของชื่อมีความซับซ้อน เรียกขานกันหลายอย่างก่อนหน้า 2445...
ทำให้มีคนเข้าใจผิดว่าโรงเรียนตัดคำว่าวัดออกเอง
เคยมีการชี้แจงกับรายการของ ข่าวสรยุทธ์ ช่อง 3 เมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่มีข่าวว่าบางโรงเรียนต้องการตัดคำว่าวัดออกจากชื่อ

เสนอข้อมูลในฐานะเป็นศิษย์เก่า
คงไม่เป็นการกล่าวถึงเรื่องส่วนตัวเกินไปนะครับ....

กลายมาเป็นเรื่องชื่อโรงเรียนได้ยังไงเนี่ย.....
งง งง
      บันทึกการเข้า

I think, therefore I am.
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #6437 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2555, 01:20:19 »

พี่ป๋องก็ช่างหาแบบฝึกหัดมาสอบพวกเราเนาะ

อ.ยุกติ อาจเพิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่เขาอาจเรียนมหาวิทยาลัยรุ่นใกล้ๆกลับกาลิเลโอ
เลยฝังใจอยู่กับความทรงจำที่ว่ามหาวิทยาลัยเกิดมาเพื่อเป็นปรปักษ์กับศาสนา
เลยปฏิเสธที่จะเรียนรู้ว่าศาสนามีอะไรบ้างและเป็นอย่างไร
ดูๆก็น่่าสงสารเหมือนมนุษย์ประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเมืองเรานี่แหล่ะ
ต้องกล้าพูดกล้าด่ารู้จริงรู้ไม่จริงกูไม่รู้ล่ะขอด่าเท่ห์ๆเข้าไว้เดี๋ยวก็ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี

การแสดงความคิดที่มันไม่เหมือนใครมันเท่น่ะเดี๋ยวจะได้ดังและถ้าได้ยินไปถึงมนุษย์ยุคใหม่แถวดูไบจับพลัดจับผลูเกิดเข้าตาก็อาจได้เป็นขุนศึกในสังกัดก็ได้นา


หมายเหตุ
มนุษย์ยุคใหม่มีคุณสมบัติโดดเด่นอย่างหนึ่งคือไร้รากเหง้าเผ่าพันธ์ุประโยชน์ปัจจุบันเท่านั้นที่สำคัญ
555555555
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6438 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2555, 01:45:08 »

คนแบบนี้ น่ากลัวนะครับป้าแจ่ม
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #6439 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2555, 02:53:44 »

สวัสดีค่ะ  พี่สิงห์ พี่ป๋อง พี่เจียม พี่สมชาย พี่กุศล พี่ปี๊ด พี่แจ่มใส พี่เหยง .. (หมดไหมเนี่ย) .. และพี่น้อง

ไม่ได้เขียนความเห็นหรือพูดคุยกับพี่สิงห์มาระยะเวลาหนึ่ง
แต่มีโอกาสเข้ามาอ่านเป็นระยะนะคะ

เรื่องที่พี่ ๆ กำลังคุยกันอยู่นี้  น่าสนใจมากค่ะ
ชอบใจพี่เจียมที่ช่างหาข้อมูลมาเล่า
พี่ ๆ คุยกันต่อนะคะ 
งานนี้ขอเป็นผู้ฟังเพื่อเก็บข้อมูลค่ะ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #6440 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2555, 16:06:28 »

  ขอขัดจังหวะ พี่ๆน้องๆหน่อยนะค๊าาาาาา.................

 พอดีว่านึกถึงคำสั่งพี่ศินิได้ว่าให้เอาของมาฝากพี่สิงห์ ด้วยความคิดถึง

 ของที่ว่า คือสิ่งนี้ค่ะ.................











     มีแต่รูปมาให้นะคะ...ส่วนของกินจริงนั้น น้องๆลูกสาวท้าวสามลทั้ง 7

     จัดการให้เรียบร้อยด้วยความอิ่ม อร่อยเป็นที่สุดแล้วค่ะ....อิอิอิ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6441 เมื่อ: 29 มิถุนายน 2555, 17:47:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 05:42:53
สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                                 ขอหยุดพักผ่อนไปนครวัด-นครธม-ตีกอล์ฟ ที่เสียมเรียบ 3 วัน ตามคำขอ ของอาซ้อร้านคูฮงฮวด สุรินทร์ ครับ

                                 สวัสดี


พี่สิงห์กลับมารึยังคะ?
27-28-29 คือวันนี้?
สนุกมั้ยพี่?
เล่าให้ฟังนะคะ.
      บันทึกการเข้า


swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #6442 เมื่อ: 30 มิถุนายน 2555, 19:17:07 »

สะตอผัดกุ้ง  แหล่มมากที่สุดเลยค่ะ พี่อ้อย    หลั่นล้า



      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6443 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:08:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 09:14:02
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 มิถุนายน 2555, 21:41:08
สวัสดี ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                            ดร.สุริยา ผมว่า คนที่แสดงเป็นสีเมือง หน้าที่จะแสดงเป็นเรไรมากกว่า  ส่วนคนที่แสดงเป็นเรไรนั้น ปากไม่สวย

                            เมื่อสักครู่เปิดTV ไปช่อง 3 เลยแวะชมละครขุนศึกประเดี๋ยว อ้าวถึงตอนจบเสียแล้ว และก็ไม่ได้ดู  ทั้งที่ชาวบ้านเขาดูกันทั่วเมือง กลัวติดใจ  จนต้องนอนดึก ไม่ดูดีกว่า

                           ดร.สุริยา เราไร ใครแสดง  สีเมืองใครแสดง และมันจบอย่างไร สีเมืองแต่งงานกับใคร  น้องเบ็นแต่งงานกับใคร  จริงๆ ผมก็ไม่ทราบว่าตัวละครเป็นใครบ้างเลย เพราะไม่ได้ดู แต่สงสัยว่ากรรมดี กรรมชั่ว มีจริงไหม? ในละคร อยากทราบว่า น้องสาวเสมาแต่งงานกับใคร และได้ดี มีสุขไหม?

                            หรือใครที่ดูละคร ช่วยเขียนสั้นๆ ให้ผมทราบบ้างจะได้เอาไปคุยกับเขารู้เรื่องครับ

                            พรุ่งนี้ เวลา 10:00 - 12:00 น. พี่สิงห์ ไปสอนโยคะ ให้กับอดีตหัวหน้าส่วนข้าราชการ สิงห์บุรี ที่ศาลาผู้ว่าราชการจังหวัดหลังเก่า ข้างศาล สิงห์บุรี  ใครจะเรียนโยคะ เชิญได้เลยครับ

                            เสร็จแล้วจะไปเยี่ยมแม่ครับ

                            สำหรับการปฏิบัติธรรม นั้นความก้าวหน้าไม่มี แต่จิตอยู่กับปัจจุบันเป็นส่วนใหญ่  เลยขอปฏิบัติอยู่ในกรอบของ มรรค ๘  หรือ โอวาทปาฏิโมกข์ มันก็สุขดี ไม่คิดอะไรมาก  เพราะไม่มีอะไรต้องคิด อยู่แบบว่าง ๆ อย่างนี้แหละ เป็นอะไรเป็นกัน พิจารณาความทุกข์ต่างๆ กำหนดรู้ แต่ไม่ขอเข้าไปทุกข์ ปล่อยมันไป ไม่ขอยึดมั่นกับอะไรๆ ให้มากนัก เพราะความยึดมั่นนี่ละตัวนำทุกข์มาให้ทั้งสิ้น เพราะความยึดมั่น เป็นเหตุ ตัณหาเลยตามมาเป็นแถว มีแต่ทุกข์ทั้งสิ้น  ขอห่างไกลดีกว่า

                            ราตรีสวัสดิ์

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 25 มิถุนายน 2555, 22:07:33
ผมไม่ได้ดูเลยครับ ทั้งขุนศึก ขุนเดช ขุนส่า คงต้องให้ผู้รู้เข้ามาตอบ
ยูโรฯ ผมยังใช้ฟังทางวิทยุเอาเลยครับ ไม่ยอมเป็นหนี้บุญคุณ อากู๋ GMM มากเกินควร
(ขี้เกียจตามไปใช้ในชาติปางหลัง)



...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...พี่ป๋อง...และแฟนคลับทุกท่าน...

...พอดีตู่ได้ดูขุนศึกบ้าง...แม้จะไม่ทุกตอน...เลยอยากตอบค่ะ...เท่าที่รู้...

...ไล่กันทีละคำถามของพี่สิงห์เลยค่ะ...

...คนที่แสดงเป็นเรไร...คือ...พลอย-เฌอมาลย์...เป็นซุปตาร์...

...เป็นคนสวยแบบไทยๆ...หน้าตาหวานหยด...

...ตู่ชอบเธอตั้งแต่ได้ดูละครเรื่องแรกที่พลอยแสดง...หน้าต่างบานแรก...เธอสวยมากๆค่ะ...

...ส่วนคนที่แสดงเป็นศรีเมืองนั้น...เป็นดาราใหม่...ชื่ออะไรยังไม่รู้จักค่ะ...แต่เธอก็สวยแบบไทยๆ...

...แต่ถ้าจะให้มารับบทนางเอกเลยนั้น...คงเป็นการก้าวข้ามกันมากไปค่ะ...

...คำถามต่อไป...ศรีเมืองแต่งกับใคร...ศรีเมืองเป็นเมียรองของเสมาค่ะ...

...เสมาได้รับปากกับพ่อของศรีเมืองซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของเสมาก่อนที่จะตาย...

...ขอให้รับศรีเมืองเป็นเมียรอง...เพราะเห็นว่าเสมาเป็นคนดีซื่อสัตย์และมีจิตใจมั่นคงค่ะ...

...เสมาเลยต้องทำตามที่รับปากไว้เพราะความกตัญญู...

...เบ๊นซ์-พรชิตา...แสดงเป็น...ดวงแข...น้องสาวของขัน(ตัวโกง)ไม่ได้แต่งงานค่ะ...

...เพราะพลาดหวังในตัวเสมาและไม่สามารถรักใครได้...

...น้องสาวของเสมา...ชื่อจำเรียง...ได้แต่งงานกับมั่น...เพื่อนสนิทของเสมาค่ะ...

...รายละเอียดคงต้องรอให้...น้อง ดร.กุศล...มาเล่าค่ะ...จะได้รายละเอียดกว่านี้...

...ส่วนตอนจบก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรมทุกอย่างค่ะ...

...พระเอกก็ลาออกจากราชการเพราะเบื่อความวุ่นวายแข่งขันชิงดี...

...มาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอยู่กับครอบครัวค่ะ...

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                               แสดงว่าจบแบบไม่เสียน้ำใจพี่สิงห์ คือ ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว ใครทำกรรมใดไว้  ย่อมได้กรรมนั้น  แต่พี่สิงห์ ยังยืนยัน(ส่วนตัวด้วยจิตของพี่สิงห์) เหมือนเดิมว่า นักแสดงในละครครั้งนี้ นั้น ศรีเมือง สวยกว่าเรไร(พลอย) ครับ

                               สวัสดิี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6444 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:16:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 10:08:20


กรุณาช่วยลองตามเรื่องนี้ดู เพื่อฝึกให้ใจเป็นกลาง

อาจารย์ท่านนี้สอนอยู่ธรรมศาสตร์

 
                       มันก็จริงของท่าน !

                        สมัยอดีตที่ผ่านมา ที่ยังไม่มีโรงเรียน ไม่มีวิทยาลัย  ไม่มีมหาวิทยาลัย นั้น มนุษบย์ ยังหลงงมงายในสิ่งศักดิ์สิทธื์ ตามธรรมชาติ เมื่อมีศษสนาเกิดขึ้น คำสอนของศาสนาทำให้มนุษย์ ไม่หลงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธื์(เฉพาะศาสนาพุทธ) หันมาปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา เพื่อให้สังคมเป็นสุขอยู่กันอย่างสงบ  ยังทำมาหากินได้ ไม่เบียดเบียนกัน ยกเว้นบางศาสนาเท่านั้น

                         เมื่อมีโรงเรียน มีวิทยาลัย  มีมหาวิทยาลัย เกิดขึ้น สิ่งนี้เองที่พรากมนุษย์ออกจากศาสนา อย่างแท้จริง ผมเห็นด้วยทุกประการ ผลที่ตามมาคือ คนห่างไกลศาสนา เพราะคิดว่าศาสนาไม่ได้ให้อะไรเขาเท่ามหาวิทยาลัย

                         ดังนั้นคำที่กล่าวว่า จงไปบวชซะ จึงถูกต้องครับ เพราะนั่นคือหoทางตัดทางโลกหมดแล้ว ปล่อยวางเพื่อตัวเอง ไม่หลงอยู่กับโลกของความรู้ ที่ได้จากมหาวิทยาลัย ที่คนมีความรู้ แต่จิตใจเต็มไปด้วยอกุศลกรรม โดยเฉพาะนักการเมือง(ต้องได้ปริญญาตรี) ครับ

                         สวัสดี
               
       
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6445 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:21:19 »


                             เห็นภาพนี้แล้ว ไม้เมืองเดิม ถ้ายังมีชีวิตอยู่ คงไม่อนุญาติให้ จัดทำเป็นละครแน่นอน

                             ดีแล้วที่ผมไม่ได้ดู ครับ 

                             มันหมดอะไรตายอยากเลยครับ "ขุนศึก"

                             นี่ละกฏไตรลักษณ์ ย่อมเป็นจริงเสมอ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6446 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:28:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 11:05:10
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 10:08:20


กรุณาช่วยลองตามเรื่องนี้ดู เพื่อฝึกให้ใจเป็นกลาง

อาจารย์ท่านนี้สอนอยู่ธรรมศาสตร์

...พี่ป๋องคะ...

...ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์เลยค่ะ...

...ศาสนากับมหาวิทยาลัยน่าจะไปด้วยกัน...

...คนที่มีความรู้ทางโลก...ถ้ามีทางธรรมด้วย...

...ก็จะสมบูรณ์ที่สุดค่ะ...



                         สิ่งที่คุณน้องตู่บอกไว้ ถูกที่สุดครับ

                         พิจารณาให้ดี  สิ่งที่สอนกันอยู่ทางด้านวิชาชีพ โดยเฉพาะวิชาการบริหารบุคคล นั้น เอามาจากพุทธศาสนาทั้งสิ้นโดยเฉพาะอาจารย์ฝรั่ง เอามาตามหลักการ แต่ทำเป็นภาษาสมัยใหม่เท่านั้น ที่คนยกย่อง

                          ถ้าเอามาทั้งหมด สังคมมนุษย์ จะไม่วุ่นวายแบบนี้ เพราะ มรรคมีองค์ ๘ สอนให้อยู่อย่างพอเพียง ไม่ใช่โลภแบบหลักสูตร ปัจจุบันที่ไม่มีสิ้นสุด  จึงมีผู้เดือดร้อนเพิ่มมากขึ้นเสมอ เพราะได้ไม่รู้จักพอ และไม่รู้จักคำว่า "ให้"

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6447 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:34:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ jeam เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 12:00:44
น่าจะเป็นคำกล่าวที่เป็นจริงครับ....แต่เป็นจริงในยุคกลางของยุโรปที่ว่า

...มหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา...

เพราะขณะนั้นศาสนจักรเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในสังคม
บอกอะไรคนก็ต้องเชื่อตาม ห้ามโต้แย้ง จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง

....โลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล
....โลกแบน
....พระเจ้าสร้างโลก
....

ดังนั้นมหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้น เป็นการศึกษาหาความจริง
และเมื่อค้นพบ จึงเป็นเรื่องที่เป็นปฏิปักษ์กับศาสนจักรโดยตรง
ความรู้ต่างๆ ที่ถูกค้นพบ บางเรื่องต้องเก็บไว้ไม่เผยแพร่เป็นเวลานานๆ

กาลิเลโอเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสุด
แม้แต่นิวตั้น ก็ต่อต้าน ศาสนจักร...

อาจารย์ที่กล่าว...ตามความเห็นของผม...
เป็นการกล่าวไม่ครบ และไม่อธิบาย
ทำให้เกิดการโต้เถียงได้ในแง่มุมหลากหลาย....

ต้องใช้ปัญญาในการรับฟัง และสติ ในการวิจารณ์...


สวัสดีครับ คุณเจียม

                               ผมตอบ ดร.สุริยา  ก่อนแล้วอ่านของคุณน้องตู่ โดยไม่ได้อ่านของคุณเจียม

                               ของคุณเจียม ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ

                                แต่บังเอิญมันเป็นทางคริสตจักร สมันนั้น ไม่ใช่พุทธศาสนา  มันจึงไม่แปลกอะไรที่ทุกศาสนาในอดีต จึงทำลายพุทธศาสนา ให้หายไปจากโลกชั่วคราว เพราะพุทธศาสนา สอนให้คนอยู่อย่างสันติ แท้จริง

                                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6448 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:41:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ jeam เมื่อ 27 มิถุนายน 2555, 21:27:29
คัดลอกมาครับ จากประชาไท.....
ไม่ขอแสดงความเห็น....


คำต้อนรับนักศึกษาใหม่ ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ
Thu, 2012-06-21 00:00
ยุกติ มุกดาวิจิตร

อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บันทึกถ้อยคำของเขาที่กล่าวต่อนักศึกษาใหม่วานนี้
ด้วยเนื้อหาที่คนซึ่งไม่ใช่นักศึกษาก็น่าจะอ่านด้วย ประชาไทจึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ

ขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ การเปิดภาคเรียนที่ธรรมศาสตร์ปี 2555 และแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษา
(ไม่ว่าจะอยากรับปริญญาหรือไม่ก็ตาม) ด้วยบางประโยคที่ผมบรรยายให้นักศึกษาปริญญาตรี ปี 1
ณ โครงการหนึ่งฟังที่ท่าพระจันทร์วันนี้

"ผมต่อต้านการใส่ชุดนักศึกษา ทำไมจะต้องเอาโลโก้มหาวิทยาลัยมาแปะติดบนเสื้อผ้า
โลโก้พวกนี้ติดไว้ตามตึก ตามรั้วมหาวิทยาลัยก็พอแล้ว
ส่วนความแตกต่างระหว่างโลโก้ธรรมศาสตร์กับแบรนด์ธรรมศาสตร์อยู่ตรงไหน พวกคุณต้องค้นหา...

"มหาวิทยาลัยในโลกนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นโรงเรียนฝึกวิชาชีพ แม้ในเริ่มต้นมหาวิทยาลัยไทยจะเป็นเยี่ยงนั้น
และด้วยความที่มันเกิดมาเพื่อเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพนั่นแหละ มันถึงยังบังคับให้นักศึกษาใส่ชุดนักศึกษามาจนทุกวันนี้...

"พวกคุณไม่ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเพียงเพื่อจะไปเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน
หากใครหน้าตาดีหน่อย พอเรียนจบก็อาจจะได้รับจ้างไปนั่งนับเงินหน้าเคาท์เตอร์ธนาคาร
แต่อาชีพพวกนั้นไม่ต้องจบมหาวิทยาลัยก็ได้...

"หากพวกคุณมาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วยังคิดอยู่ว่า พุทธศาสนาสอนทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ก็จงลาออกไปบวชซะ เพราะมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา เพื่อปลดปล่อยคนจากศาสนา...

"นักศึกษาโครงการนี้ต้องมี inclusive sensibility คือเซนซิทีฟกับความแตกต่างอย่างเปิดกว้าง ยอมรับ
ไม่ใช่เซนซิทีฟแบบดูถูก เหยียดหยาม
น่าอายที่ นศ. บางคนนั่งหัวเราะเยาะอาจารย์ต่างชาติที่พยายามพูดภาษาไทย
และหัวเราะเยาะกับเสียงภาษาต่างชาติที่พวกเขาฟังแล้วแปลกหู
(ในระหว่างที่อาจารย์เหล่านั้นเพียรพยายามแนะนำภาษาตนเองด้วยภาษาไทย)...

"ระหว่างที่ผมอยู่อเมริกา 5-6 ปี อยู่เวียดนามร่วม 3 ปี ไม่เคยมีใครหัวเราะเยาะสำเนียงเพี้ยนๆ แปร่งหูของผม
ประเทศไทยครอบงำพวกคุณกระทั่งไม่เพียงใจแคบแต่ยังเยาะเย้ยความแตกต่างอย่างสนุกสนานได้ถึงเพียงนี้
แต่ประเทศต่างๆ ในโลกนี้เขาสอนให้ยอมรับความแปลกแปร่งโดยไม่ต้องสงสัย...

"อยู่ธรรมศาสตร์ คุณเถียงกับอธิการบดีอย่างมีเหตุมีผลได้ ไม่เหมือนแบบที่เพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า
เขาตกใจเมื่อเข้าไปในห้องทำงานอธิการฯ แล้วพบว่า มีจอมอร์นิเตอร์กำลังดูแม้กระทั่งห้องเรียนในมหาวิทยาลัย
ไม่รู้มหาวิทยาลัยนั้นจ้างอธิการฯ มาเป็นยาม หรือจ้างยามมาเป็นอธิการฯ...

"จงเรียนรู้เพื่อการศึกษา (education) ไม่ใช่เรียนตามใบบอกทาง (instruction)
การศึกษาไม่ใช่คู่มือเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ต้องเรียนให้คิดเป็น...

"แล้วเพลาๆ positive thought (การคิดบวก) ไว้บ้าง เรียนมหาวิทยาลัยต้องมี critical mind (คิดวิพากษ์)...

"ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ"



                          ถูกต้องที่คุณสมชาย  บอกทุกประการ

                          เมื่อผมได้มาอ่าน คำพูดของท่าน อาจารย์ท่านนี้ไม่มีความรู้อะไรเลย ไม่เหมาะสมเป้นอาจารย์เลย เพราะมีแต่ความคิดเห็นของตัวเองเป็นหลัก  อยากให้คนคิดแบบตัวเอง และที่สำคัญคือ ไม่รู้จักพุทธศาสนา เลย มันเป็นกรรมของท่านจริงๆ น่าสงสาร

                          สวัสดี  
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6449 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2555, 08:45:54 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย

                                 ฝากขอบคุณพี่ศีนิ ด้วยครับ  แต่อยากกินของจริงมากกว่า

                                 สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 256 257 [258] 259 260 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><