23 พฤศจิกายน 2567, 21:48:27
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 210 211 [212] 213 214 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3564294 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 17 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5275 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 12:52:29 »


ระวัง ! มีแต่ราคาคุย ทั้งรัฐบาล และกรมชลประทาน

สถานะการณ์น้ำในเขื่อน ขณะนี้ เพียงพายุลูกเดียวเท่านั้น พัดผ่านประเทศไทย

น้ำท้วมแน่ๆ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5276 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 12:54:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 08:00:45
สวัสดียามเช้า ครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                         เช้านี้ผมยังตื่นมาปฏิบัติธรรมตั้งแต่ช่วง อมฤตกาล (เวลา ที่พราหมณ์อินเดียโบราณ ที่ใฝ่หาความหลุดพ้น ตื่นขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการทางจิต คือตั้งแต่ตีสี่) และลงไปเดินจงกรมออกกำลังกาย ชีกง และโยคะ อากาศแจ่มใส่ ไม่มีเมฆ แต่ลมไม่มี ดังนั้น วันนี้เหงื่อท้วมตัวเลยทีเดียว

                         เช้านี้ผมนำ "แก่นแท้ ๆ ของพระพุทธศาสนา" ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต) มานำเสนอ เพื่อเจริญปัญญา  ต่อจากเมื่อวานนี้ครับ

                         อย่าลืมเช้านี้ "งดทำชั่ว  ทำดี  และทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส" จะเป็นมงคลต่อชีวิต ครับ

                         สวัสดี



-๒-

แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

โดย

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต)

ตอน ๖

ความจริงแห่งธรรมดาของโลกและชีวิต

ที่ต้องรู้ให้ทันและวางท่าทีให้ถูก


            ขอย้อนกลับมาที่ธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ที่ฝึกได้  พัฒนาได้  จะเป็นนิวตันก็ได้  เป็นไอน์สไตน์ก็ได้  หรือจะเป็นกวีที่เก่งกาจ  เป็นนักการศึกษา  ฯลฯ  เป็นได้หมด  จนกระทั่งประเสริฐสุด เป็น “พุทธะ” ก็ได้

            เมื่อมนุษย์ประเสริฐด้วยการเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาตนอย่างนี้  ก็เป็นอันว่าโยงกันแล้ว  คือธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่าฝึกฝน พัฒนาได้นั้นก็สอดคล้องกับความเป็นจริงของกฏธรรมชาติ  ย้อนกลับมาหาความจริงข้อแรกของธรรมชาติอีก  คือการที่มนุษย์ผู้ฝึกตนได้จะพัฒนาตนสำเร็จ  จะต้องรู้เข้าใจความจริงของกฏธรรมชาติและปฏิบัติให้ถูกตามกฏนั้น  เช่น  ปฏิบัติตามกฏแห่งเหตุปัจจัย  เป็นต้น

            ในบรรดากฏธรรมชาติทั้งหลาย  กฏใหญ่ก็คือความเป็นไปตาม “เหตุปัจจัย”  ซึ่งเป็นอย่างหนึ่งในหลักใหญ่ที่สุดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ๒ หลัก  คือ

            ๑. หลัก “ไตรลักษณ์” คือ  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา

            ๒. เบื้องหลังความเป็น อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ก็คือกฏธรรมชาติแห่งความเป็นไปตามเหตุปัจจัย  อันได้แก่ “อิทัปปัจจยตา”

            ฉะนั้นต่อจาก “ไตรลักษณ์”  พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนเรื่อง “ปฏิจจสมุปบาท”  หรือที่เรียกเต็มว่า “อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท”  คือความเป็นไปตามเหตุปัจจัยของสิ่งทั้งหลาย

            ถ้าเราเข้าถึงกระบวนการของเหตุปัจจัย  หลักการต่าง ๆ ก็โยงถึงกันแจ่มแจ้งหมด  และเข้าสู่การปฏิบัติในการที่จะฝึกตนได้  แต่ถ้ารู้แค่ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  เรายังทำอะไรไม่ได้  ได้แค่รู้ทันว่า สิ่งทั้งหลายเกิดดับ  เปลี่ยนแปลง  ไม่เที่ยง  ไม่คงที่  คงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้  เป็นไปตามเหตุปัจจัย  ก็ได้ แค่รู้และวางใจ  แต่ยังทำไม่ได้

            แต่พอรู้ว่า  อ้อ...กฏแห่งเหตุปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ก็คือ อิทัปปัจจยตา  ซึ่งเป็นอย่างนี้ ๆ  ตอนนี้ก็เอามาใช้ลงมือทำได้  คือเอามาใช้ในการฝึกฝนพัฒนาตนของมนุษย์  ซึ่งเป็นการเชื่อมระหว่าง “ธรรมชาติพิเศษของมนุษย์กับธรรมชาติสามัญ” ของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
            หันมาดูการนำกฏธรรมชาติมาใช้ในชีวิตมนุษย์

            พระพุทธศาสนามองชีวิตของมนุษย์ ว่าเกิดจากองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกัน  โดยสัมพันธ์กันเป็นระบบและเป็นกระบวนการ  เราจะเข้าใจมันก็ต้องแยกดูองค์ประกอบ  ฉะนั้น ตอนแรกเราก็แยกชีวิตออกก่อน  วิธีแยกง่าย ๆ ขั้นต้นที่สุดก็คือ  แยกองค์ประกอบ  เหมือนอย่างเราเอารถมาคันหนึ่ง  ก็แยกว่ารถคันนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง  สำหรับมนุษย์การแยกอย่างง่ายที่สุด คือแยกเป็น ๒ ได้แก่ “รูปธรรม” กับ “นามธรรม”

            เมื่อแยกละเอียดลงไปอีก  ด้านรูปธรรม หรือร่างกายประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ มาประชุมกันเข้า  มีมหาภูตรูป ๔ อุปาทานรูป ๒๔  และในแต่ละอย่างก็แยกย่อยออกไปอีก

            ส่วนในทางนามธรรม หรือทางใจ ก็แยกออกไปอีกเป็น เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  จากนั้น เวทนา ก็แยกย่อยออกไปเป็น เวทนา ๓ หรือเวทนา ๕ หรือเวทนา ๖  สัญญา ก็แยกย่อยออกไปเป็นสัญญา ๖  สังขาร ก็แยกย่อยออกไปต่าง ๆ  เช่นเป็นสัญเจตนา ๖ เป็นเจตสิก ๕๐  และวิญญาณก็แยกออกไปเป็น ๖ เป็น ๘๙ หรือเป็น ๑๒๑ เป็นต้น  แยกออกไป ๆ  ซึ่งเป็นการจำแนกแยกแยะในระบบ “ขันธ์ ๕”

            อย่างนี้เป็นระบบแยกซอย  เป็นการศึกษาธรรมชาติของชีวิตมนุษย์  เหมือนนักวิทยาศาสตร์แยกแยะองค์ประกอบด้านรูปธรรม  แต่ในที่นี้เอาง่าย ๆ  แยกแค่ ๒ เป็น “กายกับใจ” เพราะถ้าแยกมากจะยากยุ่ง  เอาไว้ไปศึกษารายละเอียดทีหลัง

            อย่างไรก็ตาม  ชีวิตมนุษย์ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย  ไม่ใช่ของตาย  ชีวิตต้องเคลื่อนไหว  ดังที่เรียกว่าดำเนินชีวิต  แม้แต่รถยนต์ซึ่งไม่มีชีวิตก็มีการเคลื่อนไหว  เมื่อแยกองค์ประกอบของมันออกดูแล้ว  จากนั้นก็ศึกษาตอนมันวิ่งแล่นว่ามันทำงานอย่างไร  โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบย่อยขณะทำงาน

            ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน  เมื่อแยกส่วนออกดูองค์ประกอบตอนอยู่นิ่งเฉยแล้ว  ก็ต้องศึกษาขณะที่มันดำเนินไปหรือขณะทำงานด้วย  การแยก ๒ แบบนี้ไม่เหมือนกัน  แต่ก่อนจะถึงแบบที่ ๒  ก็ต้องศึกษาแบบที่ ๑ ก่อน

            เหมือนแพทย์ศึกษาชีวิตด้านกาย ต้องศึกษา anatomy คือกายวิภาค  แยกองค์ประกอบให้เห็นอวัยวะต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง  เป็นอย่างไร  แล้วศึกษา physiology คือสรีรวิทยา  ให้รู้ว่า อวัยวะต่าง ๆ  ทำงานอย่างไร  และสัมพันธ์กันอย่างไร  ทั้งเป็นกระบวนการและเป็นระบบ

            ในทางธรรมก็เริ่มด้วยแยกองค์ประกอบที่อยู่นิ่ง ๆ เป็นกายกับใจ  ต่อจากนั้นก็แยกให้เห็นการทำงานเป็นกระบวนการว่า องค์ประกอบทั้งหลายสัมพันธ์เป็นเหตุปัจจัยแก่กันอย่างไร  การแยกองค์ประกอบแบบนี้จะเห็นได้ในหลัก “ปฏิจจสมุปบาท”   ซึ่งมีองค์ประกอบ ๑๒ ส่วน เป็นปัจจัยแก่กันหมุนเวียนไปเป็นวงจร






แก่นพระพุทธศาสนา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5277 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 13:08:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 10:58:35
พี่สิงห์ ไปแสวงบุญ-ปฏิบัติธรรม ๑๐ วัน ที่ อินเดีย - เนปาล ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕


วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์

                       16:30 น. ณ. สนามบินสุวรรณภูมิ  จุดนัดหมายสายการบิน Jet Airways
                       20:50 น. ออกเดินทางสู่สนามบินกัลกัตต้า
                       21:45 น. ถึงสนามบินเมืองกัลกัตต้า (เวลาที่อินเดีย)
                       22:45 น. คณะออกเดินทางไป วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา เมืองคยา รับพิหาร

วันพฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์

                       07:45 น. เดินทางถึงวะดไทยมคธพุทธวิปัสสนา
                       11:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน
                       14:00 น. นำคณะสู่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู็ เป็นพระพุทะเจ้า นมัสการพระมหาเจดีย์พุทธคยา สวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและเวียนเทียน
                       18:30 น. รับประทานอาหารเย็น

วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์

                       06:00 น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า
                       06:30 น. รับประทานอาหารเช้าที่ วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา
                       07:00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงราชคฤห์  ขึ้นเขาคิชกูฎ  นมัสการมูลพระคันธกุฎี  กุฏิพระอานนท์  ถ้ำสุกรขาตา  ถ้ำพระโมคคัลลานะ โรงพยาบาลพ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจน์ และวัดเวฬุวนาราม
                       11:00 น. รับประทานอาหารกล่อง หรือ ที่วัดไทยนาลันทา ชมมหาวิทยาลัยนาลันทา กราบนมัสการหลวงพ่อองค์ดำ
                       17:00 น. ถึงไวสาลี สักการะ "ปาวาฬเจดีย์"
                       18:00 น. เดินทางสู่ที่พัก Vaishali Hotel และรับประทานอาหารเย็น

วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์

                        05:30 น. รับประทานอาหารเช้า
                        06:30 น. ออกเดินทางสู่ นครกุสินารา
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารกล่อง บนรถ)
                        15:30 น. ถึงนครกุสินารา เข้าสู่สาลวโนทยาน สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สวดมนต์ ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ เวียนเทียน ที่ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
                        18:30 น. ออกเดินทางไปสู่ เมืองโครักปูร์ เข้าพักและรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม คล๊ากอิน

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์

                        05:00 น. รับประทานอาหารเช้า
                        06:00 น. ออกเดินทางสู่ ลุมพินี ประเทศเนปาล
                        09:00 น. ผ่านด่านโสเนาว์รี
                        09:30 น. เข้าสู่บริเวณลุมพินี  นมัสการสถานที่ประสูติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดมนต์  นั่งสมาธิ เวียนเทียน
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม พวา ประเทศเนปาล
                        13:30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย
                        19:30 น. เข้าพักที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา และรับประทานอาหารเย็น

วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
                        07:00 น. ออกเดินทางสู่วัดพระเชตวันมหาวิหาร สวดมนต์ทำวัตรเช้า  นั่งสมาธิ เวียนเทียนที่พระคันธกุฎี ที่พระพุทธองค์ประทับ  กุฏิพระอรหันต์ ๘ ทิศ นมัสการอานันโพธิ์ ชมคฤหาสน์อนาถบิณฑิกเศรษฐี และชมสถานที่พระพุทะองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์  ออกเดินทางสู่เมืองพรราณาสี
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน-ทอดผ้าป่า ที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
                        20:00 น. เดินทางถึงเมืองพาราณสี พักที่โรงแรมฮินดูสถาน

วันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์

                        05:00 น. ออกเดินสู่แม่น้ำคงคา  ชมพิธีการอาบน้ำเพื่องล้างบาป  ล่องเรือในแม่น้ำคงคา
                        07:00 น. กลับที่พัก รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
                        08:00 น. ออกเดินทางไปนมัสการสถานที่แสดงปฐมเทศนา สวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตร นั่งสมาธิ ทำประทักษิณรอบธัมเมกขสถูป ๓ รอบ  ชมมูลคันธกุฎีที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมาคมศรีมหาโพธิ์ ชมพิพิธภัณฑ์ นมัสการเจาวคานธีสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบเบญจวัคคีย์
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมฮินดูสถาน
                        12:00 น. ออกเดินทางสู่พุทธคยา
                        19:30 น. เดินทางถึงวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา รับประทานอาหารเย็นและค้างคืน
                                     พี่สิงห์จะปฏิบัติธรรม เนื่องในวันเกิดครบ ๖๑ ปี
    

วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่วัด
                        08:00 น. ออกเดินทางไปกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชมวัดนานาชาติ
                        11:30 น. รับประทานอาหารกลางวันที่วัด
                        15:30 น. ออกเดินทางไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น  นั่งสมาธิ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์
                        17:00 น. รับประทานอาหารเย็นที่วัด
                        19:00 น. สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม  ออกเดินทางไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทั้งคืน

วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. ฝึกโยคะ รับประทานอาหารเช้า
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน  ออกเดินทางไปเมืองกัลกัตต้า
                        22:00 น. ถึงสนามบินเมืองกัลกัตต้า
                        23:00 น. เช็คอิน

วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์

                        01:30 น. ออกเดินทางกลับประเทสไทย สายการบิน Jet Airways
                        05:40 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ


                         วิทยากรบรรยาย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (ดร. พระมหาสุเทพ  อกิญฺจโน)


                        
 

ต้องกราบขออภัย พี่-น้อง ชาวซีมะโด่ง และกรรมการชมรมฯ ทุกท่าน

ที่ปีนี้ ผมไม่สามารถไปร่วมงาน "คืนสู่เหย้า ชาวซีมะโด่ง" ได้

ผมขอไปแสวงบุญ - ปฏิบัติธรรม เพื่อตัวเองบ้าง

เพราะเวลามันตรงกัน แยกรูป-นามไม่ได้

เอาไว้โอกาสหน้า

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5278 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 13:20:17 »

พี่สิงห์ครับ
ยาสระผมของโรงแรมทวินโลตัสขวดเล็ก กระทัดรัด
มีสมุนไพร ผมลองใช้ดู รู้สึกดีกว่ายี่ห้อที่เคยใช้ประจำ
ผมไปเดินหาตามห้าง มีแต่ขวดโตๆ พกพาไม่สดวก
รบกวนพี่สิงห์ช่วยนำติดตัวไปอินเดียสักขวด สองขวดนะครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5279 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 15:30:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 13:20:17
พี่สิงห์ครับ
ยาสระผมของโรงแรมทวินโลตัสขวดเล็ก กระทัดรัด
มีสมุนไพร ผมลองใช้ดู รู้สึกดีกว่ายี่ห้อที่เคยใช้ประจำ
ผมไปเดินหาตามห้าง มีแต่ขวดโตๆ พกพาไม่สดวก
รบกวนพี่สิงห์ช่วยนำติดตัวไปอินเดียสักขวด สองขวดนะครับ
อะไรที่ได้มาฟรีๆ อาจารย์กุบอกดีหมด
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5280 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 19:39:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 15:30:44
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 13:20:17
พี่สิงห์ครับ
ยาสระผมของโรงแรมทวินโลตัสขวดเล็ก กระทัดรัด
มีสมุนไพร ผมลองใช้ดู รู้สึกดีกว่ายี่ห้อที่เคยใช้ประจำ
ผมไปเดินหาตามห้าง มีแต่ขวดโตๆ พกพาไม่สดวก
รบกวนพี่สิงห์ช่วยนำติดตัวไปอินเดียสักขวด สองขวดนะครับ
อะไรที่ได้มาฟรีๆ อาจารย์กุบอกดีหมด

                 
                  ตอนนี้ไปขอแม่บ้านทำความสะอาดห้องมาได้แล้ว

                  พรุ่งนี้ ดร.กุศล  ต้องบนบานศาลกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ X-ray ที่สนามบินนครศรีธรรมราช อนุญาติให้ด้วย แต่จะพยายามแพคใส่ถุงพลาสติกติดกาวไว้ และแต่บุญกรรม ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5281 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 08:06:23 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       ผมอยู่นครศรีธรรมราชสามวัน ฝนไม่ตกเลย ตอนเย็นอากาศดีมีลมพัดเย็น ๆ แต่ตอนเช้าไม่มีลม ครับ

                       เย็นนี้ผมกลับ กทม. Boarding 16:50 น. โดย Nok Air

                       เช้านี้ผมไม่มี "แก่นพระพุทธศาสนา" ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต) มาให้ทุกท่านได้เจริญปัญญา  เพราะว่า หนังสือเล่มนั้นเป็นสมบัติของห้อง301 ตึก 80 ปี หลวงพ่อแพร โรงพยาบาลสิงห์บุรี  ห้ามนำออกจากห้องเขามีให้ผู้ป่วย-คนเฝ้า ได้อ่านเป็นการฆ่าเวลา  ในเมื่อเขาห้าม  ผมก็เลยไม่ได้เอากลับบ้านมาเขียน ต้องไปเขียนขณะเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลครับ

                        แต่อย่างไรก็ดี ผมขอทบทวนดังนี้

                        หัวใจของพระพุทธศาสนา คือ "งดทำชั่ว  กระทำความดี  และทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส" หรือในภาษาธรรมะ จะเรียกว่า "ศีล  สมาธิ  ปัญญา" ครับ

                        แก่นของพระพุทธศาสนา คือ หนึ่ง "กฏไตรลักษณ์" ได้แก่ "อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา" และสอง หลักการว่าด้วย "เหตุปัจจัย" คือ "อิทัปปัจจยตา" หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า หลักการ "อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท" หรือวงจรทุกข์นั่นเอง

                        ส่วนหลักปฏิบัติจริงๆในแก่นพุทธศาสนาเพื่อให้พ้นทุกข์ คือ "มรรค มีองค์ ๘" คือ สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นชอบตามหลักอริยสัจ ๔ , สัมมาสังกัปโป มีความดำริชอบในทางทำกุศลกรรมให้เกิด คือการประพฤติทางใจชอบ  ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่น ไม่อยากได้สิ่งของของผู้ที่มิได้ให้ ไม่คิดอกุศล เป็นต้น, สัมมาวาจา มีวาจาชอบ คือการประพฤติทางวาจาชอบ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด หรือพูดทำให้เกิดวิวาทกัน , สัมมากัมมันตะ คือมีการกระทำชอบ คือการประพฤติทางกายชอบ ไม่เบียดเบียนหรือฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมยทรัพย์ของผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นและสัตว์ได้รับทุก , สัมมาอาชีวะ คือมีอาชีพทีชอบ คือการประกอบอาชีพที่สุจริต ไม่เอาเปรียบผู้อื่น วินวินด้วยกันในการทำมาหากิน, สัมมาวายามะ คือมีความเพียนชอบ ทุกสิ่งที่ต้องกระทำนั้น ต้องใช้ความอุตสาหะในการกระทำด้วยความอดทน ตามหลัก อิทธิบาท ๔, สัมมาสติ คือในการกระทำทุกสิ่งของรูป-นามนั้น ต้องมีความระลึกได้หรือรู้สึกตัวอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้จิตล่องลอยออกนอกกาย-ใจ, สัมมาสมาธิ ในการกระทำของรูป-นามนั้น นอกจากจะมีความระลึกได้หรือรู้สึกตัวแล้ว ต้องกระทำต่อเนื่องด้วยใจตั้งมั่น จนเกิดเป็นตาปัญญา หรือเกิดปัญญาญาณขึ้นภายในจิต จนหลุดพ้นได้

                         หรือพุดง่าย ๆ คือ การสำรวมกาย วาจา ใจ อยู่เป็นนิจ เห็นสักแต่เห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้ลิ้มรสสักแต่ว่าได้ลิ้มรส ได้สัมผัสสักแต่ว่าได้สัมผัส และไม่ปล่อยจิตออกนอกตัว  พิจารณากาย-ใจอยู่เป็นนิจ  ไม่ยึดมั่นอะไรทั้งสิ้น นั่นเอง จนเกิดตาปัญญา สามารถรู้ได้เองว่าหลุดพ้นแล้ว ไม่มีกิจที่พึงกระทำอีกต่อไปแล้ว

                         ผมขอให้ทุกท่านได้ทบทวนดูนะครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5282 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 09:12:16 »

Phra Paisal Visalo
มีแฟนเพจบางคนเล่าว่า มีลูกบางคนที่จะรังเกียจไม่อยากจะเช็ดอึ เช็ดฉี่ให้พ่อแม่ที่กำลังป่วยหนักจนช่วยตัวเองไม่ได้ แต่จะให้คนอื่น ๆ ทำแทน หรืออาจจะใช้วิธีมาเยี่ยมบ้าง ซื้อของให้ท่านบ้าง เขาตั้งคำถามว่า ความกตัญญู ทำได้แค่เพียงซื้อของมาเยี่ยมพ่อแม่เท่านั้นหรือ ประเด็นนี้ทำให้นึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเขียนมาเล่าถึงลูกที่เสียสละเพื่อพ่อแม่
เธอเล่าว่า


กว่า 3 ปีแล้วที่ปุ๊ก หรือ ดร.อภิสรา อนงคณะตระกูล อดีตผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทใหญ่โตได้ลาออกจากหน้าที่การงานที่กำลังมีอนาคตไกลเพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์อย่างมีความสุข

ดร.ปุ๊กดูแลแม่เองทุกอย่าง ตั้งแต่การอาบน้ำ ทำกับข้าว ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดหลังการขับถ่าย ฯลฯ เหมือนดูแลเด็กเล็กๆ พูดคุยหยอกล้อให้แม่อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งๆ ที่แม่จำลูกและใครๆ ไม่ได้เลย ดร.ปุ๊กอาศัยความรู้ที่เรียนมา หมั่นศึกษาหาวิธีการต่าง ๆจากหนังสือ ตำรา อินเตอร์เน็ต และพี่สาวที่เป็นพยาบาล เพื่อมาดูแลแม่

หลังลาออกจากงานประจำก็หางานพิเศษเป็นวิทยากรจัดการอบรม เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงตัวเอง ทั้งที่บ้านมีฐานะดี พี่น้องคนอื่นๆ ก็มีฐานะมั่นคง และยินดีช่วยเหลือเรื่องเงิน

ดร.ปุ๊กเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อตื่นมาพลิกตัวแม่ตอนห้าทุ่ม เปิดเพลงสุนทราภรณ์ที่แม่ชอบให้ฟัง เปิดเทปธรรมะ เพลงสวดมนต์ เปิดวิทยุ เพื่อให้แม่รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ลูกๆ คนอื่นๆจะพาแม่ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ พาไปไหว้พระ

ลูกๆไม่รู้สึกอายที่มีแม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ วันลอยกระทง สงกรานต์ก็พาแม่ไปเที่ยว เวลาแม่มีอาการป่วยก็พาไปหาหมอ ดูแลไม่ให้เกิดแผลกดทับ เวลาแม่อึเลอะเทอะ ก็ไม่หงุดหงิด แต่รู้สึกดีใจว่าแม่จะได้ไม่อึดอัดท้อง ไม่ต้องใช้ยาระบายหรือสวนให้

เธอเปิดตู้เย็นให้แม่ได้เห็นอาหารต่างๆ ทำอาหารให้แม่ไม่เบื่ออาหาร เช่น ต้มยำ น้ำพริกผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์ก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้แต่ถ้าเนื้อผลไม้แข็งก็จะปั่นให้ พาแม่นั่งรถเข็นให้ได้เห็นต้นไม้ใบหญ้า เห็นผ้าที่ตากไว้ ให้แม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ

เธอดูแลแม่ราวกับเป็นแก้วตาดวงใจ ใครๆมาเห็นภาพแม่ลูกก็ชื่นตา ชื่นใจ

เธอทำกายภาพให้แม่ทุกวัน โดยพี่ชายจะอุ้มให้แม่ยืน จับแม่เดิน ให้แม่ก้าวขาตาม ทุกเช้าเมื่อแม่ยืนเธอจะช่วยตบหลังและยกแขนแม่ขึ้นลงประกอบเพลง ให้แม่ฝึกหายใจเข้าออกเพื่อบริหารปอด หากไม่ถ่ายจะให้กินมะละกอ ช่วยกดหน้าท้อง ช่วยนวดผิวหนังไม่ให้เกิดแผลกดทับ หากแม่สำลัก จะช่วยกดจุดเพื่อให้จามออกมา

“ปุ๊กมีความสุขที่ได้ดูแลแม่ ทำให้เขาสบายเนื้อสบายตัว ยิ้มหรือหัวเราะได้ เวลาทำอะไรให้เขา เราจะนึกว่าเมื่อเด็กๆ เขาก็ทำให้เราแบบนี้

เขาก็เช็ดอึ อาบน้ำป้อนข้าวให้เราอย่างนี้ เรางอแง อาละวาดไม่ยอมกินข้าวเขาก็อดทนดูแลเรามา เราทำให้เขาเหมือนที่เขาทำให้เรามา เลยมีความสุข ไม่ได้ทำเพียงเพราะเป็นหน้าที่”


แอบลอกมาจากเฟสบู๊ค ของพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #5283 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 09:57:33 »


ผมกด like ให้พี่ป๋อง เยอะๆๆ รักนะ
ชอบครับ  บทความดีๆอย่างนี้(กลัว พฤติกรรมดีๆ อย่างนี้ จะหายไปจากสังคมไทย ครับ)
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5284 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 10:09:05 »

                            
                               ขอบคุณ ดร.สุริยา เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เอามาโพสต์ไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ เตือนสติสำหรับผม ในการดูแลแม่  ผมก็ทำเท่าที่ผมจะกระทำได้  ยอมทุกอย่างในสิ่งที่ตนเคยได้รับ เหลืออยู่อย่างเดียวคือ ยังต้องทำงานบ้างเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับคนดูแลแม่  ที่ต้องให้มากกว่าเงินเดือน  ผมโชคดี ที่มีคนดูแลให้อย่างดี  ทำทุกอย่างมากกว่าที่ลูกจะพึงทำให้แม่ได้  ผมจึงเป็นเพียงผู้กำกับและตัดสินใจ

                               อาทิตย์นี้ตั้งใจไว้เมื่อเช้าว่า จะบอกกับน้องสาวและคนดูแลแม่ว่า  ถ้าเราอยากให้คนที่เรารักสบาย และจากไปอย่างสบาย ก็ต้องให้แม่อยู่ที่โรงพยาบาลนี่ละดีที่สุด มันเป็นความจริง แต่เราต้องทนลำบากกัน เพราะเรายังต้องมีภาระที่กระทำ  ความไม่สะดวกสบายต่างๆ แต่ถ้าเราคิดว่า แม่ลำบากกว่าเรา เพราะช่วยตัวเองไม่ได้เลย ท่านยอมรับสภาพทุกอย่าง เราจะปล่อยให้ตายก็ยอมรับ แม่ไม่เคยบ่นเลยว่าเจ็บปวด ท่านอดทนมากกว่าเรา  ส่วนพวกเรายังทำอะไรได้แต่อดทนสู่ท่านไม่ได้เลย ในความลำบากครั้งนี้

                                ถ้าเอาแม่อยู่บ้านพวกเราสบายแต่แม่จะจากไปเร็ว และจากไปแบบเหมือนกับเราจงใจให้ท่านตาย ทั้งๆที่ ท่านยังสามารถพูดได้  ติดต่อกับเราได้  แล้วเราจะเอาท่านไปอยู่บ้านทำไม  ผมเองตามที่หลวงพ่อไพศาลกล่าวไว้  ถ้าไม่มีคนดูแล  ผมสามารถที่จะทำได้ทุกอย่างตามที่กล่าว และคงไม่ทำงานเลย ขออยู่กับแม่  เพราะแม่ลำบากให้ผมมามากมายนักในการเลี้ยงดูและให้การศึกษา  สำหรับพี่ชายสองคนไม่อยากพูดถึงทั้งสิ้น ความคิดเขาตรงข้ามกับผมและน้องสาว  นั่นคือสาเหตุที่ผมต้องอยู่สิงห์บุรีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเป็นกันชน มือไม่พายแต่อย่าเอาเท้าลาน้ำเป็นพอ

                               ผมตั้งใจว่าจะคุยให้แม่ฟังเกี่ยวกับหัวใจและแก่นของพระพุทธศาสนา ก่อนไปอินเดียและการปล่อยวางตามหลัก "ไตรลักษณ์" ครับ

                                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #5285 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 10:54:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2555, 09:57:33
ผมกด like ให้พี่ป๋อง เยอะๆๆ รักนะ
ชอบครับ  บทความดีๆอย่างนี้(กลัว พฤติกรรมดีๆ อย่างนี้ จะหายไปจากสังคมไทย ครับ)
อ่านแล้วมีความสุขทั้งเรื่องเล่าจากพี่ป๋องและเรื่องราวของพี่สิงห์
สังคมคงไม่แล้งคนดีๆแบบนี้น่ะน้องสมชาย ...
เราต้องช่วยกันตามหา
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #5286 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 11:19:04 »

กดlike ให้พี่ป๋องอีกคนค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5287 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 11:45:01 »

                      

                        วันที่ ๑ มีนาคม ศกนี้ คุณอ้อย(กรองอร)แจ้งว่า หลวงพ่อพระไพศาล  วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จะมาเทศน์ที่บ้านเช้า ชลบุรี ชาวซีมะโด่งท่านใดสนใจจะไปฟังหลวงพ่อพระไพศาล วิสาโล  เรียนเชิญด้วยครับ และถ้าจะกรุณา แจ้งลงชื่อเอาไว้ที่นี่ หรือโทรศัพท์ไปเรียนให้คุณอ้อย ทราบ จะได้จัดที่เอาไว้ให้ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5288 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 11:53:50 »

                          
                            ดร.สุริยา

                            ภาพที่ผมเห็น เวลาน้องสาวมานอนบนเตียงกับแม่ พูดคุย และพาแม่สวดมนต์ทุกวัน แม่สวดได้บ้าง ไม่ได้บ้างเพราะลืมและเหนื่อย น้องก็สะอื่นไปด้วย ด้วยความใกล้ชิด ผูกพัน คุยกันรู้เรื่อง และรู้ว่าแม่จะจากไปไม่ช้าก็เร็ว  ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ด้วยความสะเทือนใจในภาพที่เห็นและจิตจะปรุงแต่งตาม   แต่จิตผมแข็งพอที่จะไม่ปรุงแต่ง  ไม่มีอาการหวั่นไหว ใด ๆ ทั้งสิ้น  ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผมเวลานี้

                            ผมเองบอกน้องสาวไว้แล้วว่า  ถ้าผมจำเป็นต้องอยู่ ผมยอมที่จะไม่ไปอินเดีย  ยอมเสียเงิน 31,500 บาท ทันที เพราะปีหน้ายังไปได้  แต่ถ้าแม่ไม่เป็นอะไร อยู่ได้อีกนาน ผมก็อยากจะไป เพราะเสียเงินไปแล้ว และคุยกับแม่แล้วเรื่องนี้ แม่ให้ไปจะคอยเอาบุญกลับมาฝากแม่

                            ผมจะรอจนชั่วโมงสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องบินว่าจะไปอินเดีย หรือไม่ไป

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5289 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 13:13:17 »

                   
                        เมื่อสักครู่ รศ.ประกายแก้ว   ได้โทรศัพท์มาถามข่าว แม่ ก็ได้เล่าให้ฟังไป

                        และผมบอกไปว่า งานคืนสู่เหย้า ปีนี้ ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เพราะต้องไปอินเดีย 

                        รศ.ประกายแก้ว ตอบมาทันที่เลยว่า งานคืนสู่เหย้าจัดอยู่ประจำแล้ว ให้ไปอินเดียเห่อ จะได้นำบุญมาฝากแม่ด้วย

                        ทำให้ผมโล่งอก  เพราะกังวลเหมือนกันว่าจะโดน รศ.ประกายแก้ว  ต่อว่า ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5290 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 15:28:39 »

                      
                        ผมอยู่สนามบินนครศรีธรรมราช รอขึ้นเครื่องกลับ กทม.

                        เมื่อเช้านี้ "ไพร่เสื้อแดง" นายณัฐวุธ   ใสเกื้อ  ภายหลังจากได้รับตำแหน่งแต่งตั้งให้เป็น "อำมาตย์เสื้อแดง" (ผมเขียนตามที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราชตั้งให้) เสนาบดีรัฐมนตรีช่วยว่าการคุมกระทรวงเกษตรฯ  ได้เดินทางกลับบ้านตนเอง นครศรีธรรมราช  เพื่องแสดงแสนยานุภาพให้ประจักษ์สายตาประชาชนชาวนครศรีธรรมราช ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน  ปรากฏว่าบรรดาลิ้วล่อ ได้เกณฑ์ไพร่พล  ติดป้ายต้อนรับเต็มเมือง ข้าราชการมาต้อนรับกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะผู้กำกับการตำรวจนครศรีธรรมราช  ยกกำลังพลมาต้อนรับอย่างอบอุ่น แน่นสนามบินนครศรีธรรมราช ยิ่งใหญ่กว่านายกอภิสิทธ์ และนายกยิ่งลักษณ์ ไปเยี่ยมนครศรีธรรมราชเสียอีก

                        ต่อไป ดร.ทักษิณ  จะใช้ใคร สามารถใช้ได้ มีคนอาสาทำให้ เพราะจะได้รับตำแหน่งใหญ่โต  และถ้าต้องการเกณฑ์ประชาชนไปประท้วง  จะมีประชาชนอาสาจำนวนมากขึ้นเพราะได้รับเงิน  ตายก็ได้รับเงิน มีแต่ได้ทั้งนั้น  นี่คือค่านิยมที่ผิดที่คนจะทำเพื่อ ดร.ทักษิณมากยิ่งขึ้น ลืมความถูก - ผิดของสังคมไทย ไปเสียแล้ว เพราะความอยาก......

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5291 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 15:47:40 »

แล้วทำไมพระท่านบอกให้ตามดูให้รู้เฉยๆ อย่าไปตัดสินผิดถูกล่ะ พระท่านหมายความว่าเช่นไร
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
jeam
สมาชิกวิสามัญ
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 574

« ตอบ #5292 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 20:19:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2555, 09:12:16
Phra Paisal Visalo
มีแฟนเพจบางคนเล่าว่า มีลูกบางคนที่จะรังเกียจไม่อยากจะเช็ดอึ เช็ดฉี่ให้พ่อแม่ที่กำลังป่วยหนักจนช่วยตัวเองไม่ได้ แต่จะให้คนอื่น ๆ ทำแทน หรืออาจจะใช้วิธีมาเยี่ยมบ้าง ซื้อของให้ท่านบ้าง เขาตั้งคำถามว่า ความกตัญญู ทำได้แค่เพียงซื้อของมาเยี่ยมพ่อแม่เท่านั้นหรือ ประเด็นนี้ทำให้นึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเขียนมาเล่าถึงลูกที่เสียสละเพื่อพ่อแม่
เธอเล่าว่า


กว่า 3 ปีแล้วที่ปุ๊ก หรือ ดร.อภิสรา อนงคณะตระกูล อดีตผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทใหญ่โตได้ลาออกจากหน้าที่การงานที่กำลังมีอนาคตไกลเพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์อย่างมีความสุข

ดร.ปุ๊กดูแลแม่เองทุกอย่าง ตั้งแต่การอาบน้ำ ทำกับข้าว ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดหลังการขับถ่าย ฯลฯ เหมือนดูแลเด็กเล็กๆ พูดคุยหยอกล้อให้แม่อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งๆ ที่แม่จำลูกและใครๆ ไม่ได้เลย ดร.ปุ๊กอาศัยความรู้ที่เรียนมา หมั่นศึกษาหาวิธีการต่าง ๆจากหนังสือ ตำรา อินเตอร์เน็ต และพี่สาวที่เป็นพยาบาล เพื่อมาดูแลแม่

หลังลาออกจากงานประจำก็หางานพิเศษเป็นวิทยากรจัดการอบรม เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงตัวเอง ทั้งที่บ้านมีฐานะดี พี่น้องคนอื่นๆ ก็มีฐานะมั่นคง และยินดีช่วยเหลือเรื่องเงิน

ดร.ปุ๊กเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อตื่นมาพลิกตัวแม่ตอนห้าทุ่ม เปิดเพลงสุนทราภรณ์ที่แม่ชอบให้ฟัง เปิดเทปธรรมะ เพลงสวดมนต์ เปิดวิทยุ เพื่อให้แม่รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ลูกๆ คนอื่นๆจะพาแม่ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ พาไปไหว้พระ

ลูกๆไม่รู้สึกอายที่มีแม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ วันลอยกระทง สงกรานต์ก็พาแม่ไปเที่ยว เวลาแม่มีอาการป่วยก็พาไปหาหมอ ดูแลไม่ให้เกิดแผลกดทับ เวลาแม่อึเลอะเทอะ ก็ไม่หงุดหงิด แต่รู้สึกดีใจว่าแม่จะได้ไม่อึดอัดท้อง ไม่ต้องใช้ยาระบายหรือสวนให้

เธอเปิดตู้เย็นให้แม่ได้เห็นอาหารต่างๆ ทำอาหารให้แม่ไม่เบื่ออาหาร เช่น ต้มยำ น้ำพริกผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์ก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้แต่ถ้าเนื้อผลไม้แข็งก็จะปั่นให้ พาแม่นั่งรถเข็นให้ได้เห็นต้นไม้ใบหญ้า เห็นผ้าที่ตากไว้ ให้แม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ

เธอดูแลแม่ราวกับเป็นแก้วตาดวงใจ ใครๆมาเห็นภาพแม่ลูกก็ชื่นตา ชื่นใจ

เธอทำกายภาพให้แม่ทุกวัน โดยพี่ชายจะอุ้มให้แม่ยืน จับแม่เดิน ให้แม่ก้าวขาตาม ทุกเช้าเมื่อแม่ยืนเธอจะช่วยตบหลังและยกแขนแม่ขึ้นลงประกอบเพลง ให้แม่ฝึกหายใจเข้าออกเพื่อบริหารปอด หากไม่ถ่ายจะให้กินมะละกอ ช่วยกดหน้าท้อง ช่วยนวดผิวหนังไม่ให้เกิดแผลกดทับ หากแม่สำลัก จะช่วยกดจุดเพื่อให้จามออกมา

“ปุ๊กมีความสุขที่ได้ดูแลแม่ ทำให้เขาสบายเนื้อสบายตัว ยิ้มหรือหัวเราะได้ เวลาทำอะไรให้เขา เราจะนึกว่าเมื่อเด็กๆ เขาก็ทำให้เราแบบนี้

เขาก็เช็ดอึ อาบน้ำป้อนข้าวให้เราอย่างนี้ เรางอแง อาละวาดไม่ยอมกินข้าวเขาก็อดทนดูแลเรามา เราทำให้เขาเหมือนที่เขาทำให้เรามา เลยมีความสุข ไม่ได้ทำเพียงเพราะเป็นหน้าที่”


แอบลอกมาจากเฟสบู๊ค ของพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล


ขอบคุณพี่ป๋อง เป็นอย่างยิ่งครับ
สำหรับเรื่องที่ดีๆ ที่พี่ได้นำมาให้ได้อ่าน....
     sorry sorry sorry
      บันทึกการเข้า

I think, therefore I am.
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5293 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2555, 21:44:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2555, 15:28:39
                      
                        ผมอยู่สนามบินนครศรีธรรมราช รอขึ้นเครื่องกลับ กทม.

                        เมื่อเช้านี้ "ไพร่เสื้อแดง" นายณัฐวุธ   ใสเกื้อ  ภายหลังจากได้รับตำแหน่งแต่งตั้งให้เป็น "อำมาตย์เสื้อแดง" (ผมเขียนตามที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราชตั้งให้) เสนาบดีรัฐมนตรีช่วยว่าการคุมกระทรวงเกษตรฯ  ได้เดินทางกลับบ้านตนเอง นครศรีธรรมราช  เพื่องแสดงแสนยานุภาพให้ประจักษ์สายตาประชาชนชาวนครศรีธรรมราช ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน  ปรากฏว่าบรรดาลิ้วล่อ ได้เกณฑ์ไพร่พล  ติดป้ายต้อนรับเต็มเมือง ข้าราชการมาต้อนรับกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะผู้กำกับการตำรวจนครศรีธรรมราช  ยกกำลังพลมาต้อนรับอย่างอบอุ่น แน่นสนามบินนครศรีธรรมราช ยิ่งใหญ่กว่านายกอภิสิทธ์ และนายกยิ่งลักษณ์ ไปเยี่ยมนครศรีธรรมราชเสียอีก

                        ต่อไป ดร.ทักษิณ  จะใช้ใคร สามารถใช้ได้ มีคนอาสาทำให้ เพราะจะได้รับตำแหน่งใหญ่โต  และถ้าต้องการเกณฑ์ประชาชนไปประท้วง  จะมีประชาชนอาสาจำนวนมากขึ้นเพราะได้รับเงิน  ตายก็ได้รับเงิน มีแต่ได้ทั้งนั้น  นี่คือค่านิยมที่ผิดที่คนจะทำเพื่อ ดร.ทักษิณมากยิ่งขึ้น ลืมความถูก - ผิดของสังคมไทย ไปเสียแล้ว เพราะความอยาก......

                        สวัสดี


"ณัฐวุฒิ"กลับเมืองคอนบ้านเกิดทำบุญอัฐิบรรพบุรุษ เสริมสิริมงคลนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
วันที่ 04 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 18:15:24 น.
 

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์   นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์  เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดที่  ที่บ้านพักเลขที่ 44/5 ม.8  ต.ทุ่งใส   อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช   และร่วมกับบรรดาญาติๆทำบุญให้กับอัฐิบรรพบุรุษปู่ย่าตายาย ของตระกูล "นาคแก้ว"  ที่เป็นตระกูลใหญ่ของฝ่ายนางปรียา ใสยเกื้อ แม่ของนายณัฐวุฒิ

ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ได้ถือโอกาสทำบุญให้กับตนเองเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองด้วย ภายหลังรับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นรัฐมนตรีคนแรกของ อ.สิชล นครศรีธรรมราช โดยมีบรรดาญาติๆของตระกูลนาคแก้ว และตระกูลใสยเกื้อ รวมทั้งประชาชนชาว ต.ทุ่งใส จำนวนกว่า 500 คน รวมทั้งบรรดาข้าราชการตำรวจและฝ่ายปกครองระดับสูงหลายคนและแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชประมาณหลายร้อยคนมาร่วมในพิธีทำบุญดังกล่าวด้วย จนบริเวณบ้านดังกล่าวแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

อ่านข่าวและชมภาพได้ที่...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328349698&grpid=02&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5294 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2555, 20:35:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 04 กุมภาพันธ์ 2555, 15:47:40
แล้วทำไมพระท่านบอกให้ตามดูให้รู้เฉยๆ อย่าไปตัดสินผิดถูกล่ะ พระท่านหมายความว่าเช่นไร

                 
                   ที่นำเสนอนั้น มันเป็นเรื่องของทางโลก  ทางสังคมที่จะต้องเกี่ยวข้อง รับรู้บ้าง เดี๋ยวเขาจะหาว่าตามไม่ทัน

                   ส่วนพระท่านบอกให้ตามดูให้รู้เฉยๆ นั้น ท่านสอนในกรณีของการเจริญสติ-วิปัสสนา มันจะเกิดเวทนา สังขาร จิตมันคิด ปรุงแต่งขึ้นมาก็ให้วางอุเบกขา  อย่าไปปรุงต่อ ตามดูจิตมันเฉย ๆ

                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5295 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2555, 20:58:51 »












สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                      เมื่อเช้า ดร.กุศล  ได้โทรศัพท์มาหาผมบอกว่า คุณแม่ของ คุณบวร  วงศ์สินอุดม เสียแล้ว ศพอยู่ที่วัดพระศรีฯ จะณาปกิจศพวันเสาร์ มีสวดพระอภิธรรมทุกวันเวลา 18:30 น.

                      ผมจึงยังไม่ได้ไปสิงห์บุรีไปหาแม่  ต้องไปฟังพระสวดพระอภิธรรมก่อน เนื่องจากวันเผา ผมอยู่อินเดีย ครับ

                      สาเหตุ ที่ ดร.กุศล ทราบ เนื่องจากทุกเช้า ดร.กุศล  ต้องขี่จักรยานมาที่วัดพระศรีฯ เพื่อขอข้าววัดกิน( ดร.สุริยา พูด) ผ่านมาทางศาลา ๑๔ เห็นนามสกุล "วงศ์สินอุดม"  นึกเอ๊ะใจ หยุดรถเข้าไปชะโงกดูโรงศพ ที่ศาลา ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร ดูรูป ก็เดาไม่ออก เลยโทรศัพท์ ไปถามคุณบวร ว่ารู้จัก คุณยุพิน  วงศ์สินอุดม  ไหม? นามสกุลเดียวกับนาย ศพอยู่ศาลา ๑๔ วัดพระศรีฯ คุณบวร ก็ตอบกลับว่า นั้นแม่กูเอง !

                      ดังนั้น  เมื่อเย็นที่ผ่านมา ผมเลยไปกราบศพท่าน  อโหสิกรรมต่อท่าน เพราะยามมีชีวิตอยู่ สมัยที่ท่านยังอยู่ข้างบ้านผม เจอหน้ากันบ่อย ได้พูดคุย  ได้ทักทายกันเสมอ  ครั้งสุดท้ายที่พบท่านคือ ตอนที่ผมนำทัวร์ซีมะโด่ง ไปไหว้หลวงพ่อเงิน ทอดผ้าป่าที่วัด ที่บางมูลนาค และเยี่ยมท่านผู้ว่าปรีชา  เรืองจันทร์ ที่พิจิตร ครับ ก็นานมากแล้ว ๔ ปีได้

                      ผมไปถึงวัด ห้าโมงครึ่ง  ได้คุยกับคุณบวรและคุณติ๋ม  ภรรยา และถ่ายรูปเอามาให้ท่านได้ชม โดยคุณติ๋ม เป็นผู้ถ่ายภาพ

                      พอหกโมงไปแล้วก็มีพวกเราชาวซีมะโด่งมาสมทบ ตามรูป ผมเลยได้เจอหน้าน้อง ๆ รุ่น 2515 หลายท่านที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก ก็ดีใจที่ได้เจอครับ

                      ดังนั้น ผมขอเรียนเชิญชาวซีมะโด่งทุกท่าน ไปร่วมงานฟังพระสวดพระอภิธรรมและณาปนกิจศพ คุณแม่ยุพิน  วงศ์สินอุดม  คุณแม่ของคุณบวร วงศ์สินอุดม  อดีตประธานชมรมฯร่วม ซีมะโด่ง 2515 ด้วยครับ

                      สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5296 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2555, 21:13:24 »

ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณแม่ยุพิน วงศ์สินอุดม คุณแม่ของพี่บวร วงศ์สินอุดม ด้วยครับ
สมัยอยู่ที่บ้านแฝดในซอยหลังการบินไทย (ปี 2521-2522) ได้พูดคุยอยู่กันท่านเป็นประจำ
ท่านเรียกผมว่า"เหยง" ทุกคำ จำแม่นมากๆ จนงานแต่งของพี่บวร จากนั้นไม่ได้พบกันนานพอดู

ได้พบท่านอีกครั้ง ก็ที่งานศพของคุณพ่อที่บางมูลนาก หลายปีมาแล้วเช่นกันที่ชาวหอไปร่วมงาน
โดยผ่านเส้นทางหน้าบ้าน

ขอให้คุณแม่ยุพิน วงศ์สินอุดม จงสู่สุขคติภพด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5297 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2555, 07:59:24 »


 สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       - ขอขอบคุณ  คุณเหยง  แทนบวร ด้วย ที่คุณเหยงยังระลึกถึง คุณแม่ยุพิน  วงศ์สินอุดม

                       - ขอบคุณ คุณเจียม  ที่สรรเสริญ  ทำให้ ดร.สุริยา  เกิดปีติในจิต

                       - เช้านี้ผมอยู่บ้าน ตื่นมาช่วงอมฤตกาล เพื่อปฏิบัติธรรม หุงข้าวใส่บาตรพระ  เดินจงกรมที่หน้าบ้าน  ขณะที่เดินจงกรมเพื่อเป็นการฆ่าเวลา รอพระมาบิณฑบาตร  จิตมันก็คิดขึ้นมา เกี่ยวกับ สังคมครอบครัว(ผัว-เมีย-ลูก-พ่อ-แม่และญาติ) ทำไม่จึงแตกร้าวกัน และจะมีธรรมอะไรที่จะทำให้สังคมครอบครัวเป็นสุขได้

                         (ดร. สุริยา  คุณรุ่งศักดิ์  อาจจะตั้งข้อสงสัยว่า มันเดินจงกรมอยู่  ทำไมปล่อยจิตออกนอก หรือมันพอใจเพียงเท่านี้หรือ ?)

                         (ความจริงก็คือ คนเราไม่สามารถกักจิตตนเองให้นิ่งเฉย นาน ๆ ได้ จิตมันย่อมคิดปรุงแต่งไปเรื่อยตามธรรมชาติที่เราบังคับมันไม่ได้  แต่เราสามารถอยู่เหนือมันได้ หมายความว่า ถ้าเรามีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าเรากำลังทำอะไร? เช่น เดินจงกรม หรือยกมือสร้างจังหวะ เราสามารถแยกได้ ความรู้สึก และคิด แต่เราไม่ปล่อยให้จิตมันคิดเรื่อยเปื่อยตกอยู่ในโมหะ คือความคิดของตัวเอง เราจงใจให้มันคิด แต่กรณีของผม มันเป็นการคิดจากภายใน เพื่อให้เกิดปัญญา ให้เรารู้ มันเป็นความรู้ที่ก่อประโยชน์  ผมไม่ได้พอใจเพียงเท่านี้ แต่มันเป็นขั้นตอนที่จะต้องประสบ อีกยาวนาน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับกาย-ใจ ของเรา ในการปฏิบัติธรรม ต้องเรียนรู้ แต่อยู่ในกรอบแห่งสัจจธรรม ยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์เป็นหลัก ด้วยเหตุปัจจัย และปฏิบัติตามหลักโพชณงค์ ๗ ข้อ "ธัมมะวิจยะ" เพื่อให้จิตได้เปลี่ยนอิริยาบถ ไม่อยู่นิ่งๆ ที่เป็นเพียง "หินทับหญ้า" เท่านั้น)

                          ผมพยายามใครครวญ สังคมครอบครัวไทย ถ้าครอบครัวนั้นเพียงยึดหลัก "รักษากาย วาจา ใจ ให้สุจริตอยู่เป็นนิจ" และใช้หลัก "เหตุปัจจัย" ที่วิญญููชนม์พึงยอมรับ มาใช้ในการดำรงชีวิต เพียงเท่านี้ สังคมครอบครัวก็เป็นสุขได้ ประชาชนในประเทศจะสงบสุข

                          การที่จะ "รักษากาย วาจา ใจ ให้สุจริตอยู่เป็นนิจ" นั้น ก็คือการรักษาศีลห้า นั่นเอง ง่ายๆ แต่กระทำยาก

                          ส่วนการดำรงชีวิตก็ใช้หลัก "เหตุปัจจัย" มาใช้แก้ปัญหาทุกชนิด  ไม่เข้าข้างตนเอง เพียงแต่หาต้นเหตุจริงๆ ให้พบ และการแก้คือ กระทำตรงกันข้ามกับสาเหตุนั้น ปัญหาก็จะหมดไป

                          ส่วนการจะทำงานให้สำเร็จนั้น ก็ต้องใช้ "อิทธิบาท ๔" "อินทรีย์ ๕" "พละ๕" และสุดท้ายคือ "โพชณงค์ ๗" เพียงแต่เราปฏิบัติตาม "มรรค องค์ ๘" เท่านั้น

                          แต่ในกรณีต้องเกี่ยวกับบุคคล และเป็นหัวหน้าคนก็ต้องยึดหลัก "ทิศ ๖" และ "พรหมวิหาร ๔"

                          และสุดท้ายจริง ๆ ที่วิญญูชนม์พึงรับได้คือ ยึดหลัก "สัจจธรรม ความจริง" และ "กาลามะสูตร" ครับ

                          เช้านี้กับข้าวใส่บาตรพระ ประกอบด้วย ข้าวกล้องหุง หมูผัดพริกขิง ขนมกล่องการบินไทย(ดร.กุศล หยิบมาให้จากงานฟังพระสวดพระอภิธรรม แม่คุณบวร เมื่อคืน) นมกล่องถั่วเหลือง และน้ำดื่ม

                          รับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทำธุระนิดหน่อย(Pass Port) แล้วจะเดินทางไปสิงห์บุรี ไปดูแลแม่ ครับ

                          อย่าลืม ใครมีเวลาว่าง เรียนเชิญไประลึกถึง ฟังพระสวดพระอภิธรรมศพคุณแม่ยุพิน  วงศ์สินอุดม  ซึ่งเป็นคุณแม่ของคุณบวร  วงศ์สินอุดม  อดีตประธายชมรมฯร่วม รุ่น 2515

                          สวัสดี

หมายเหตุ
                          เมื่อคืนเจอเหรัญญิกชมรมฯ คุณน้องกนกวรรณ เลยได้ฤกษ์งามยามดี จ่ายเงินค่า ทุนอยู่หอพักสำหรับนิสิต ๑ ทุน เทอมหลัง ๔,๐๐๐ บาท ที่ทางชมรมฯออกเงินไปให้ก่อนแล้ว โล่งอกไปที กลัวลืม


      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5298 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2555, 08:11:33 »

ขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ... นำ คุณแม่ยุพิน  วงศ์สินอุดม  สู่สุคติ ...
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5299 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2555, 11:39:43 »

ท่านอาจารย์แดง รุ่งศักดิ์ ขอเรียนเชิญจัดหนักจัดเต็มสักกัณฑ์สิครับ ฐานถูกพาดพิง
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
  หน้า: 1 ... 210 211 [212] 213 214 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><