28 มิถุนายน 2567, 01:07:14
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 179 180 [181] 182 183 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3329306 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4500 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 21:03:45 »

กทม. ติดตั้งเครื่องดันน้ำเร่งระบายน้ำในคลองทวีวัฒนาออกคลองภาษีเจริญ

วันศุกร์ที่ 02 ธันวาคม 2011 เวลา 16:58 น. กองประชาสัมพันธ์ กทม.

 
(2 ธ.ค.54) เวลา 15.00 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการติดตั้งเครื่องดันน้ำเครื่องที่ 2 บริเวณ คลองทวีวัฒนา ช่วงถนนเพชรเกษมตัดคลองทวีวัฒนา เขตหนองแขม ว่า บริเวณดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการดันน้ำ เนื่องจากมีลักษณะเป็นคอขวดทำให้น้ำในคลองทวีวัฒนาไหลสู่คลองภาษีเจริญได้ช้า กทม.จึงได้ติดตั้งเครื่องดันน้ำขนาด 24 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งสามารถดันน้ำได้ 1 ลบ.ม./วินาที พบว่าระยะเวลา 1 วัน ระดับน้ำในคลองทวีวัฒนาลดลง 5 ซม. กทม.จึงได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องดันน้ำเครื่องที่ 2 เพื่อเร่งดันน้ำในคลองทวีวัฒนาสู่คลองภาษีเจริญ คลองบางกอกใหญ่ และแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ 24 ชม. หากน้ำไหลเร็วก็จะสามารถเปิดประตูระบายน้ำทวีวัฒนากว้างขึ้นได้ ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้านี้ กทม.ไม่สามารถดำเนินการติดตั้งเครื่องดันน้ำได้เนื่องจากระดับน้ำในคลองทวีวัฒนาช่วงปลายน้ำมีระดับค่อนข้างสูง ประกอบกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังสูง หากติดตั้งเครื่องดันน้ำอาจจะส่งผลกระทบกับบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ได้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4501 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 21:10:27 »

                วันนี้ "กามโยคะ" เครื่องมัดสัตว์คือกาม ความใคร่ที่เกิดขึ้นจากอายตนะ ๕ คือตาเห็นรูป หูได้ยิน จมูกได้สัมผัส ลิ้นได้ลิ้มรส และกายได้สัมผัส และ "ภวโยคะ" เครื่องมัดสัตว์คือภพ ความพอใจในความมีความเป็น คือใจนึกคิดตามที่ตนชอบ เป็นพญามารสำหรับพี่สิงห์ ที่ทำให้ใจไม่มั่นคงเลยครับ
                 ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4502 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 21:35:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 15:29:00
สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

              พี่สิงห์อยากทราบว่า ประเทศไนจีเรีย มีความปลอดภัยไหม? พี่สิงห์ ไปรับปากเพื่อนเอาไว้ ว่าจะไปออกแบบก่อสร้างสร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้า คอร. บริหารการผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับวิศวกรไนจีเรีย จนกว่าเขาจะสามารถทำได้เอง เพื่อผลิตเสาไฟฟ้า คอร. ให้กับการไฟฟ้าไนจีเรีย ครับ โดยคิดค่าตัวไม่แพง โดยเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ถามว่าคุ้มไหม? ไม่คุ้มอยู่แล้ว ถือว่าไปช่วยเขาพัฒนาการไฟฟ้าให้ประชาชนมีกระแสไฟฟ้าใช้ ไม่ทุกข์ เป็นพอ ครับ

              อยากทราบคนไนจีเรียคบได้ไหม? ปลอดภัยไหม? อาหารการกินพอกินได้ไหม? อากาศร้อนมากไหม? ถึงอย่างไรพี่สิงห์ก็อยู่ได้อยู่แล้ว ไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น สามารถทำงานไป ปฏิบัติธรรมไป ได้ครับ

              พี่สิงห์ อยู่สนามบินสุวรรณภูมิ รอขึ้นเครื่องไปนครศรีธรรมราช boarding 16:30 น.

              สวัสดีครับ



พี่สิงห์ขา,
ขอโทษทีคะเพิ่งกลับมาอ่านวันนี้.
ไนจีเรีย? เค้ามีน้ำมันนี่พี่??แต่จนมาก
เงินเข้ากระเป๋าผู้นำหมด(เอ๊ะ,คุ้นๆว่า
คล้ายๆปราเทศสารขัณฑ์สมัยไหนนะ
ที่ผู้นำทำมาหากินเข้ากระเป๋าตัวเองเก่ง
ไม่กี่ปี 8 ปีมังคะ ก็มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้าน!!)

เดี๋ยวพี่,ขอหนิงอ่านวงในก่อน
เดี๋ยวจากลับมาbriefให้พี่ฟัง
แบบม้วนเดียวจบ.

ลงชื่อ
น้องหนิงแห่งอบิสซิเนีย
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4503 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 21:44:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 02 ธันวาคม 2554, 21:10:27
               วันนี้ "กามโยคะ" เครื่องมัดสัตว์คือกาม ความใคร่ที่เกิดขึ้นจากอายตนะ ๕ คือตาเห็นรูป หูได้ยิน จมูกได้สัมผัส ลิ้นได้ลิ้มรส และกายได้สัมผัส และ "ภวโยคะ" เครื่องมัดสัตว์คือภพ ความพอใจในความมีความเป็น คือใจนึกคิดตามที่ตนชอบ เป็นพญามารสำหรับพี่สิงห์ ที่ทำให้ใจไม่มั่นคงเลยครับ
                 ราตรีสวัสดิ์ครับ


ให้หนิง link หนังมาให้ชมมั้ยคะ!
รับรอง..

ว่าแต่,หนิงอ่าน 3 รอบแล้วคะ
ยังไม่เข้าใจที.

รู้แต่ว่าใครนะสำรวจสอบถาม
พี่ไทยmakeเก่งทุกคน (ไม่รู้โม้รึปล่าว!)
เรื่องนี้เขาๆเป็นรองก็แต่หนุ่มอินโด,
หนุ่มภารตะ และ หนุ่มตากาล็อก

so,ก(ร)ามกีฑายังไงๆ..พี่ก็ไม่พ้นคะ
1ใน 4 อันดับนั่นแล...7.4ครั้งคะ/เดือน

ว้ายยยย หนุงหนิงนี่ อะไรไม่รู้
เค้ายิ่ง tabu tabuอยู่


ค่า ค่า...เดี๋ยวจาหลบในแร้ะ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4504 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 00:09:43 »

Federal Republic of Nigeriaที่พี่สิงห์อาจจะได้ไป
ตั้งอยู่ในอัฟริกาตะวันตก ห้อมล้อมด้วยเพื่อนบ้าน:
Benin,Niger,Tschad และ Kamerun มีประชากรมากที่สุด
ของทวีปอัฟริกาเชียวนะพี่ มีระบอบการปกครอง
แบบพยายามจะเป็นประชาธิปไตยแบบทหารปฏิวัติ
(อุ๊ย,คุ้นๆอีกแล้วพี่!) ประเทศนี้มีน้ำมันเยอะแยะ
ยิ่งขุดยิ่งเจอ แต่ไม่สามารถนำประเทศไปสู่ความมั่งคั่งได้
..เพราะการคอรัปชั่น!


      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4505 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 00:20:17 »

เขามีเนื้อที่มาก 900,000กว่าตร.กม.
เหนือ-ใต้ และ ออก-ตก (ตัดสั้นคะ!)
มีระยะวัดได้ 1,200 กม และ 1,100 กม.
มีแม่น้ำ Nigerพาดผ่านตะวันออก-ใต้
มี Nigerdeltaที่อุดมสมบูรณ์คะ

อากาศที่Nigeria พี่สิงห์คุ้นเคยจัง..ร้อนชื้น
จนถึงร้อนเป็นบร้า..แถมมีฝนเยอะคะ
(สงสัยจะคล้ายที่นครฯ)ฝนมาช่วงเม.ย-ตุลา
แถบทางใต้อุณหภูมิเฉลี่ย ~30°c
พฤศจิกา-มีนา เป็นฤดูแล้ง ฝนแห้งงไม่มี
ทางใต้จะชื้นกว่าทางเหนือ


      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4506 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 00:43:41 »

ประชากรเค้า 140 ล้านคนนั่น ตรวจนับครั้งสุดท้าย
ตั้งปี 2006 คะพี่สิงห์ ก่อนหน้านั้นนับปี 1991ได้ 89 ล้าน
ก็เดาๆได้ว่า 15 ปีเพิ่มขึ้น50ล้าน 5 ปีจาก2006-->2011
น่าจะ50/3=~15-16 ล้านคนคะ(sheคิดไปเรื่อย!)

อายุเฉลี่ยประชากร 51 ปี...อัตราส่วนการเกิด..wasss?
1000สตรีวัยเจริญพันธุ์ เกิด 45คะ สูงมากคะพี่สิงห์!
อัตราการเสียชีวิตต่อประชากร1000 คน 15 คนคะ

มีประชากรหลากหลายเผ่าพันธุ์ ภาษาพูดมีตั้ง 500 ภาษา
ว้ายยยย ทำไมเยอะจัง แต่สำหรับพี่สิงห์ no problem
เพราะ Nigeriaเคยเป็นcolonyของอังกฤษคะ ภาษาราชการ
เผลอๆจะดีกว่าชาวสารขัณฑ์ เหอๆ...แต่พี่สิงห์อย่าหวาด
สัดส่วนคนรู้ภาษาอังกฤษเค้า 53,3 % อิ อิ
ทางตอนเหนือเค้าอาจใช้ภาษาอารบิกนะพี่!

แถบ Nigerdeltaที่มีชาวต่างชาติมาติดต่อตั้งฐาน
อาจผสมผสานลิ้นเรียบร้อยระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศส

ศาสนาของNigeria 51% อิสลามคะพี่สิงห์ ตอนเหนือ
ส่วนอื่นๆ 40-48% เป็นคริสต์คะ นอกเหนือจากนี้นับถือ
ผี/เจ้าตามแบบฉบับอัฟริกัน

พี่สิงห์จะไปแถบไหนนะคะ?เค้ามีความขัดแย้งกัน
ระหว่างมุสลิม-คริสต์คะ...ตั้งแต่1991อิสลามก็ครอบคลุม
ทั่วไป



http://de.wikipedia.org/wiki/Nigeria
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4507 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 01:04:23 »

ไนจีเรียมีปัญหาการเจ็บป่วย ความยากจน
และผู้สูงวัยขึ้นกับครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู
ข้าราชการยังพอได้รับการเลี้ยงดูจากรัฐ
แต่เพราะรายได้ประชากรโดยทั่วไปต่ำ...
แต่ประชากรเกิดเอาเกิดเอา คลังของรัฐไม่มีเงิน
ตั้ง/วางแผนอะไรขึ้นมาก็ล้มเหลวหมดคะ
ที่จะประกันสุขภาพ ประกันรายได้คน.

โรคติดต่อ,ประชากรขาดอาหาร..ยังมีให้เห็น.


เดี๋ยว,
พี่ถามเรื่องอะไรนะคะ?
หนิงจะได้เจาะเรื่องเดียว.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4508 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 01:11:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 15:29:00
สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

              พี่สิงห์อยากทราบว่า ประเทศไนจีเรีย มีความปลอดภัยไหม? พี่สิงห์ ไปรับปากเพื่อนเอาไว้ ว่าจะไปออกแบบก่อสร้างสร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้า คอร. บริหารการผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับวิศวกรไนจีเรีย จนกว่าเขาจะสามารถทำได้เอง เพื่อผลิตเสาไฟฟ้า คอร. ให้กับการไฟฟ้าไนจีเรีย ครับ โดยคิดค่าตัวไม่แพง โดยเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ถามว่าคุ้มไหม? ไม่คุ้มอยู่แล้ว ถือว่าไปช่วยเขาพัฒนาการไฟฟ้าให้ประชาชนมีกระแสไฟฟ้าใช้ ไม่ทุกข์ เป็นพอ ครับ

              อยากทราบคนไนจีเรียคบได้ไหม? ปลอดภัยไหม? อาหารการกินพอกินได้ไหม? อากาศร้อนมากไหม? ถึงอย่างไรพี่สิงห์ก็อยู่ได้อยู่แล้ว ไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น สามารถทำงานไป ปฏิบัติธรรมไป ได้ครับ

                          สวัสดีครับ




อ้าว,เพิ่งตอบคำถามไปข้อเดียวเอง?
อ๊ากกกกก
 
ต้องอ่านใหม่คะ
เข้าถึง ethnoเชียวนะคะพี่
แต่อย่าห่วงคะ...นักสังคมวิทยาเค้ามองลึก
อยู่แล้วคะในส่วนประกอบทุกอย่าง...พี่ดูwikiดิ
ยาวเฟื้อย...หนิงกำลังเสียสมาธิกะเรื่องบอล
Euro 2012 เยอรมันต้องเตะพบกันหมดในกรุ๊ปกะ
ทีมหินทั้งนั้นเลยคะพี่:
Germany-Netherland-Denmark-Portugal
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4509 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 07:45:05 »


สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก
                       ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล ที่ไปค้นคว้ามาให้ พี่สิงห์จะได้ทำความเข้าใจ พิจารณาดู จะได้เตรียมกาย-ใจ ได้พร้อม ครับ และที่สำคัญ ต้องวระวังอินทรีย์(ตา หู จมูก  ลิ้น กาย ใจ) ไม่ให้หลงระเริงในสิ่งที่จะได้รับรู้ หรือตกเป็นทาษทางความคิด ครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4510 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 08:08:26 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              เนื่องจากเมื่อวาน ผมเองโดนมารเล่นงานอย่างหนัก จนนอนไม่หลับ พยายามเจริญสติ ทบทวน เอาชนะมันให้ได้ แต่ก็สามารถหลับได้ ตื่นมานั่งเจริญสติต่อตอนเช้า ช่วงที่เดินจางกรมออกกำลังกายตอนหกโมงเช้า อากาศสดชื่นมากมีลมเย็น ก็ได้ทบทวน "โพธิปักขยธรรม ๓๗ ประการ" ไปทีละข้อทำความเข้าใจไปด้วย เมื่อก่อนมองดูว่าไม่เข้าใจ จำได้อยาก แต่พอมีสติ พิจารณาดูแล้ว จำได้ หรือไม่ต้องท่องจำ ก็สามารถทราบได้ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มีเวลาจะเอามาขยายความให้ทราบกันครับ
               แต่วันนี้อยากจะเอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเกี่ยวกับ "มาร" มาเตือนตัวเอง และให้ทุกท่านได้พึงระลึกอยู่เสมอครับ


๓๕. มารย่อมข่มเหงและไม่ข่มเหงคนเช่นไร

               "ผู้มักเห็นว่าสวยงาม ไม่สำรวมอินทรีย์ (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ไม่รู้ประมาณในการบริโภค เกียจคร้าน มีความเพียรเลว มารย่อมข่มเหงผู้นั้นแหละ เหมือนลมทำลายต้นไม้ที่ไม่แข็งแรงฉะนั้น."

               " ผู้ไม่มักเห็นว่าสวย สำรวมอินทรีย์ (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) รู้ประมาณในการบริดภค มีศรัทธา ปรารภความเพียร มารย่อมไม่ข่มเหงผู้นั้น เหมือนลมไม่ทำลายภูเขาอันล้วนด้วยสิลา ฉะนั้น."


               ผมได้มาพิจารณาตัวผมเอง สาเหตุที่ "มาร" มาผจญคือ เราไม่สำรามอินทรย์ คือ การสำรวมใจ ปล่อยใจพลั่งเพลอ ไปกับสิ่งที่เคยได้รับ ได้สัมผัส และชอบ เมื่อมาประสพทางอินทรีย์ คือ อายตนะ ๕ ตา หู จมูก ลิ้น กาย อีกครั้ง ทำให้ใจพลั้งเผลอ คือคิดปรุงแต่ง เพราะขาดสติ หรือมีสติอยู่ แต่จิตหลงอยู่ในโมหะ คือหลงไปกับจิตตนเอง ที่พยายามหาเหตุผล มาสนับสนุน ในสิ่งที่จิตมันปรุงแต่ง นั้น

                 หนทางที่จะเอาชนะมันให้ได้ จึงต้องมาทบทวน "โพธิปักขยธรรม ๓๗ ประการ" ขณะเดินจงกรม เพื่อเตือนตัวเอง ต้องใช้อย่างมากเพื่อให้เกิดปัญญา มาเอาชนะมันครับ

                 สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #4511 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 08:09:39 »

อรุณสวัสดิ์ครับพี่สิงห์ เห็นหลายคนบอกว่าอากาศเริ่มหนาวแล้ว (แต่ กทม ยังไม่หนาวเลย)
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ^^
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4512 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 08:19:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 03 ธันวาคม 2554, 08:09:39
อรุณสวัสดิ์ครับพี่สิงห์ เห็นหลายคนบอกว่าอากาศเริ่มหนาวแล้ว (แต่ กทม ยังไม่หนาวเลย)
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ^^

สวัสดีครับ คุณน้องไพรสนต์

              พี่สิงห์ รักษาสุขภาพ อยู่แล้ว แต่เธอเอง "ยังอยู่ในความประมาท" เพราะคิดว่าตัวเองยังหนุ่มแน่น อายุยังน้อย เลยไม่ได้ออกกำลังกาย นอนดึก กินไม่เป็นเวลา ไม่กินอาหารเช้า กินอาหารเย็นมาก และที่สำคัญไม่ถ่ายอุจจาระก่อน 07:00 น.

              เดือนนี้เป็นเดือนธันวาคม อากาศเย็น หนาว กทม.ไม่หนาวเพราะว่า ยังมีพื้นที่โดยรอบมีน้ำท้วมขังมาก การระเหยของน้ำ นำความร้อนมาสู่ผิวดิน เหมือนอยู่กลางทะเล ย่อมมีความร้อนเกิดขึ้นแทนอากาศที่เย็นครับ

               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #4513 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 08:45:36 »

ครับ พี่สิงห์ ...

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 11:35:51
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 09:36:58
สวัสดีครับพี่สิงห์ ...


เมื่อสักครู่ ผมโทรหารือกับ พี่หมอตุ่น เพื่อเตรียมการจะเข้าไปลงแขก ทำความสะอาดบ้านพี่สิงห์กัน ... โดยร่วมกับทีมงานของชมรมฯ


 ... เนื่องจากตอนนี้ทราบว่าพี่สิงห์อยู่ที่ สิงห์บุรี ... จึง อยากทราบวัน- เวลา ที่พีสิงห์สะดวก สำหรับการเข้าไปทำความสะอาดบ้านที่วิภา 22 ครับ


ไม่แน่ใจว่า ถ้าเป็นวันเสาร์ี่ที่ 10 ธันวาคม นี้ พี่สิงห์ สะดวกหรือไม่ ครับ ...


สวัสดีครับ ดร.มนตรี คุณหมอตุ่น และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

               ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณ น้องๆ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่านที่เอื้ออารีย์ต่อพี่สิงห์ ที่จะมาทำความสะอาดบ้านให้ จริงๆ พี่สิงห์ ทำความสะอาดหมดเรียบร้อยแล้ว  สำหรับเชื้อรา นั้นเท่าที่สำรวจดูไม่มี มีแต่สีบ้านที่มันบวมลอกออกมา ก็จะผสมโรงทาสีใหม่ทั้งหลังเลย แต่ต้องรอ เพราะตอนนี้หาช่างอยาก คงอีกสักพักหนึ่งครับ

               สำหรับกลิ่นนั้น พี่สิงห์ ก็ใช้วิธี เอาเป็ดไปทำความสะอาดเป็นจุดๆ ไป เกือบจะไม่มีแล้ว ตอนนี้สามารถอยู่ได้สบายตามอัตภาพครับ กำลังรอทำประตูบ้านใหม่ ซึ่งกำลังทำวงกบ-ประตูอยู่ที่โรงงานสูงเนิน อาทิตย์หน้า คงสามารถเอามาติดตั้งได้

               ดังนั้น พี่สิงห็ คงไม่รบกวนน้องๆ ทุกท่านแล้วครับ และขอขอบพระคุณมากในน้ำใจที่มีต่อกัน ยังมีชาวซีมะโด่ง ที่เดือดร้อนมากกว่าพี่สิงห์ และบ้านจมน้ำมานานเกือบสองเดือนแล้ว คือ บ้าน ดร.สุริยา  อาจารย์ถาวร  โชติชื่น คุณน้องเอมอร และอีกหลายท่าน กำลังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราอยู่ครับและถ้าไปกันวันไหนบอกพี่สิงห์ด้วย จะขอร่วมเดินทางไปช่วยทำความสะอาด ด้วยคนหนึ่งครับ

               วันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม พี่สิงห์ ได้นัดกับน้องสาวและบอกแม่ว่า จะพาแม่ไปทำบุญที่วัดพระนอน เพราะตรงกับวันพระพอดี แม่คงอยู่กับพี่สิงห์ ไม่นานแล้ว จึงต้องพยายามกลับไปดูแล ท่านให้มากไว้ และวันที่ ๕ ธันวาคม ก็จะกลับไปหาท่าน และอาจจะพาไปทำบุญ เข้าใจว่าที่วัดคงจัดทำบุญใส่บาตรพระเพื่อในหลวงของเรา พี่สิงห์อาจจะปฏิบัติธรรมที่วัดด้วยครับ เพราะพาแม่ไปแล้ว สุขภาพ-จิต แม่ดีขึ้น ก็อยากที่จะพาไป ดีกว่าทำบุญให้ท่าน เมื่อท่านจากไปแล้ว ครับ

               ขอบคุณมาก

               สวัสดี


               สำหรับพวกเราใครอยากที่จะทำบุญ ไปเที่ยวสิงห์บุรี ไปช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วม พระ-เณรที่ผ่านความลำบากมาจากน้ำท้วม และไปหาอาหารไทยแบบชาวบ้าน ก็เรียนเชิญ แจ้งมาที่ห้องนี้ได้เลย ครับ
              

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4514 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 09:55:13 »

วันเสาร์ ที่ 3 ธันวาคม 2554 เวลา 09.52 น.
 สถานการณ์น้ำวันนี้
 สถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2554 (เวลา 09.00 น.)


น้ำเหนือ
 - ระดับน้ำเจ้าพระยาที่ อ.บางไทร 2.72 ม.รทก. (ลดลงจากเมื่อวาน 11 ซม.)
 
น้ำทะเลหนุนสูง
 - วันนี้เวลา 12.55 น. ระดับ +1.03 ม.รทก. และเวลา 23.18 น. ระดับ +0.42 ม.

ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาด
 - ระดับน้ำสูงสุด เมื่อวานนี้ เวลา 11.45 น. ระดับ +1.86 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 94 ซม.)
 - ระดับน้ำ เช้าวันนี้ เวลา 09.00 น. ระดับ +1.22 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 158 ซม. น้ำกำลังขึ้น )
 - คาดการณ์จากกรมอุทกศาสตร์ วันนี้ เวลา 12.55 น. ระดับ +1.85 ม.รทก.
 
น้ำทุ่ง
 - พื้นที่ดอนเมือง (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 4 ซม.
 - ระดับน้ำคลองหกวาสายล่าง ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 4 ซม.
 - ฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 3 ซม.
 
ภาพรวมสถานการณ์ใน กทม. (24 ชั่วโมงที่ผ่านมา)

 
พื้นที่ฝั่งพระนคร ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขัง ในพื้นที่เขตดอนเมือง หลักสี่ สายไหม บางเขน ลาดพร้าว คันนายาว มีนบุรี คลองสามวา
 - คลองเปรมประชากร ระดับน้ำลดลง 4-6 ซม. แต่ช่วงดอนเมืองระดับน้ำยังสูง
 - คลองบางเขน ระดับน้ำลดลง 4-5 ซม.
 - คลองลาดพร้าว ระดับน้ำลดลง 4-6 ซม.
 - คลองบางซื่อ ระดับน้ำลดลง 1-4 ซม.
 - คลองแสนแสบ ระดับน้ำลดลง 1-4 ซม.
 - คลองประเวศน์บุรีรมย์ ระดับน้ำลดลง 1-4 ซม.
 
พื้นที่ฝั่งธนบุรี ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขัง ในพื้นที่เขต ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน หนองแขม บางแค ภาษีเจริญ
 - คลองต่าง ๆ โดยทั่วไป ระดับน้ำลดลง 1-3 ซม.
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4515 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 10:16:18 »

               สำหรับพื้นที่ ที่ยังมีน้ำท้วมขังอยู่ขระนี้นั้น น่าสงสารมาก เพราะน้ำท้วมมานาน น้ำเน่า เหม็น ยุง ขยะแยะ ถ้ายังพอมีเงิน มีข้าวกินก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีข้าว ไม่มีเงิน ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ทุกท่านก็คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่า มันจะเป็นอย่างไร?

                 ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี  กทม.โดยผู้ว่า ฯ จะต้องเร่งดำเนินการโดยทุกวิธี สูบน้ำระบายออกให้แห้งโดยเร็วที่สุด ความเดือดร้อนของประชาชนจะได้หายไปจากจิตใจ ครับ

                 ผมก็ได้แต่หวังอยู่ลึกๆ ว่า ๕ ธันวาคม ศกนี้ จะดีขึ้น คือน้ำแห้งหมดทุกพื้นที่ หรืออย่างน้อย 90% ครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4516 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 12:13:46 »


              - จังหวัดปทุมธานี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๓๐ ซม.

                - ปากเกล็ด นนทบุรี ระดับน้ำต่ากว่าตลิ่ง ๖๘ ซม.

                  ถ้าผมเป็นประชาชน ที่น้ำยังท้วมขังอยู่ ผมก็ต้องออกมาชุนุมประท้วง เพื่อบอกให้รัฐบาล มาหาทางสูบน้ำทิ้ง มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะรัฐฐาลท่าน ไม่ทำหน้าที่ ที่ท่านจะต้องกระทำให้กับประชาชน เพราะประชาชนเลือกท่านให้เป็นรัฐบาล รับผิดชอบ รวมทั้งพื้นที่ กทม. ที่ท่านผู้ว่า กทม. จะต้องกระทำ เอาน้ำพวกนี้ออกไปให้หมดโดยเร็ว  ถ้าท่านไม่ทำ ทำล่าช้า ระวังประชาชนจะตอบแทนท่านบ้าง ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4517 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 12:24:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 03 ธันวาคม 2554, 01:11:35
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 15:29:00
สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

              พี่สิงห์อยากทราบว่า ประเทศไนจีเรีย มีความปลอดภัยไหม? พี่สิงห์ ไปรับปากเพื่อนเอาไว้ ว่าจะไปออกแบบก่อสร้างสร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้า คอร. บริหารการผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับวิศวกรไนจีเรีย จนกว่าเขาจะสามารถทำได้เอง เพื่อผลิตเสาไฟฟ้า คอร. ให้กับการไฟฟ้าไนจีเรีย ครับ โดยคิดค่าตัวไม่แพง โดยเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ถามว่าคุ้มไหม? ไม่คุ้มอยู่แล้ว ถือว่าไปช่วยเขาพัฒนาการไฟฟ้าให้ประชาชนมีกระแสไฟฟ้าใช้ ไม่ทุกข์ เป็นพอ ครับ

              อยากทราบคนไนจีเรียคบได้ไหม? ปลอดภัยไหม? อาหารการกินพอกินได้ไหม? อากาศร้อนมากไหม? ถึงอย่างไรพี่สิงห์ก็อยู่ได้อยู่แล้ว ไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น สามารถทำงานไป ปฏิบัติธรรมไป ได้ครับ

                          สวัสดีครับ




อ้าว,เพิ่งตอบคำถามไปข้อเดียวเอง?
อ๊ากกกกก
 
ต้องอ่านใหม่คะ
เข้าถึง ethnoเชียวนะคะพี่
แต่อย่าห่วงคะ...นักสังคมวิทยาเค้ามองลึก
อยู่แล้วคะในส่วนประกอบทุกอย่าง...พี่ดูwikiดิ
ยาวเฟื้อย...หนิงกำลังเสียสมาธิกะเรื่องบอล
Euro 2012 เยอรมันต้องเตะพบกันหมดในกรุ๊ปกะ
ทีมหินทั้งนั้นเลยคะพี่:
Germany-Netherland-Denmark-Portugal


สวัสดีค่ะ คุณน้องหนิ๋งหนิ๋ง ที่รัก

            ฟุตบอลล์ยูโร 2012 สายนี้หินจริงๆ ทุกทีมมีโอกาสเข้ารอบ หรือตกรอบได้ที่งสี่ทีม แต่อย่างไร พี่สิงห์ ว่าเยอรมัน ยังเหนือกว่ามาก ถ้าคิดว่าตัวเองเข้าแข่งขัน ยูโร 2012 เพื่อเป็นแช้มป์ยุโรปให้ได้ ก็ต้องเล่นด้วยศักยภาพแช้มป์ ไม่ใช่เล่นเพื่อเข้ารอบ ครับ

            พี่สิงห์ ยังไม่รู้รายละเอียดว่า จะไปอยู่เมืองไหน เขาบอกว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ เขาออกให้หมด พี่สิงห์ กะว่าจะไปหาเมียเอามาให้ ดร. สุริยา  สักคนหนึ่ง เพราะสงสาร กลัวว่าแก่ๆ จะอยู่คนเดียวไม่ได้แบบ พี่สิงห์ครับ แต่ก็กลัวเรื่องผิว เหมือนกัน เพราะ ดร.สุริยา ชอบผิวสีขาวแบบหม๋วย ๆ ครับ

            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4518 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 12:30:55 »

รู้ประวัติพุทธสาวก อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๓๔

พระมหาปันถกเถระ

เอตทัคคะในทางผู้เจริญวิปัสสนา


               พระมหาปันถก เป็นลูกชายของธิดาของธนเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ มีน้องชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งพี่น้องทั้งสองคนนี้เดิมชื่อว่า “ปันถก” เหมือนกันแต่เพราะท่านเป็นคนพี่จึงได้นามว่า“มหาปันถก” ส่วนคนน้องได้นามว่า “จูฬปันถก” ทั้งสองพี่น้องถือว่าอยู่ในวรรณะจัณฑาล เพราะพ่อแม่ต่างวรรณะกันโดยพ่อเป็นวรรณศูทร ส่วนแม่เป็นวรรณแพศย์ ประวัติมีดังต่อไปนี้:-
 
               • ธิดาเศรษฐีหนีตามชายหนุ่ม

                มารดาของท่านนั้น เป็นธิดาของธนเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ เมื่อเจริญเติบโตย่างเข้าสู่วัยสาว เป็นผู้มีความงามเป็นเลิศ บิดามารดาจึงห่วงและหวงเป็นนักหนา ได้ป้องกันรักษาให้อยู่บนปราสาทชั้นสูงสุด มิให้คบหากับบุคคลภายนอก จึงเป็นหตุให้นางมีความใกล้ชิดกับคนรับใช้ ซึ่งเป็นชายหนุ่มในเรือนของตนจนได้เสียเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาทั้งสองกลัวว่าบิดามารดาและคนอื่นจะล่วงรู้การกระทำของตน จึงพากันหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอื่นที่ไม่มีคนรู้จัก อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาจนภรรยาตั้งครรภ์ เมื่อภรรยาตั้งครรภ์ใกล้คลอด ได้ปรึกษากับสามีว่า “ถึงอย่างไร พ่อแม่ก็คงไม่ทำอันตรายลูกของตนได้ ดังนั้น ขอให้ท่านช่วยพาดิฉันกลับไปคลอดที่บ้านเดิมด้วยเถิด การคลอดในที่ห่างไกลพ่อแม่นั้นไม่ค่อยจะปลอดภัย”

                ฝ่ายสามีเกรงว่าบิดามารดาของภรรยาจะลงโทษจึงไม่กล้าพาไป และได้พยายามพูดบ่ายเบี่ยงผลัดวันประกันพรุ่งออกไปเรื่อย ๆ จนภรรยาเห็นท่าไม่ได้การเมื่อสามีออกไปทำงานข้างนอกจึงหนีออกจากบ้าน เดินทางมุ่งหน้าสู่บ้างเกิดของตนเอง แต่ครรภ์ของนางได้รับการกระทบกระเทือนจึงคลอดบุตรในระหว่างทางฝ่ายสามีกลับเข้าบ้านไม่พบภรรยา ถามได้ทราบความจากคนใกล้เคียงแล้ว ออกติดตามโดยด่วน ได้มาพบภรรยาคลอดลูกอยู่ในระหว่างทาง และแม่ลูกทั้งสองก็แข็งแรงปลอดภัยดี กิจที่จะไปคลอดลูกยังบ้านเกิดของตน นั้นก็เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงพากันกลับสู่บ้านของตน และได้ตั้งชื่อกุมารนั้นว่า “ปันถก” เพราะว่าเกิดในระหว่างหนทางครั้นต่อมา นางได้ตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง และเหตุการณ์ก็เป็นเหมือนครั้งแรก นางได้คลอดลูกระหว่างทางอีก และตั้งชื่อให้ว่า “ปันถก” เหมือนคนแรกแต่เพิ่มคำว่า มหา ให้คนพี่ เรียกว่า “มหาปันถก” และเพิ่มคำว่า จูฬ ให้คนน้องเรียกว่า “จูฬปันนถก”

               • มาอยู่กับตายายจึงได้บวช

                สองสามีภรรยานั้นได้ช่วยกันเลี้ยงดูลูกทั้งสอง อยู่ครองรักกันมานาน จนกระทั่งลูกเจริญเติบโตขึ้น ได้วิ่งเล่นกับเด็กเพื่อน ๆ กัน ได้ฟังเด็กคนอื่น ๆ เรียกญาติผู้ใหญ่ว่า ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นต้น ส่วนของตนไม่มีคนเหล่านั้นให้เรียกเลย จึงซักไซ้ถามจากบิดามารดาอยู่บ่อย ๆ จนทราบว่าญาติผู้ใหญ่ของตนนั้นอยู่ที่เมืองราชคฤห์ จึงรบเร้าให้บิดามารดาไปพบท่านเหล่านั้น จนในที่สุดบิดามารดาอดทนต่อการรบเร้าไม่ไหว จึงตัดสินใจพาลูกทั้งสองไปพบ ตา ยาย ที่เมืองราชคฤห์เมื่อเดินทางมาถึงเมืองราชคฤห์แล้ว ได้พักอยู่ที่ศาลาหน้าประตูเมืองไม่กล้าที่จะเข้าไปหาบิดามารดาในทันที เมื่อพบคนรู้จักจึงสั่งความให้ไปบอกแก่เศรษฐีว่า ขณะนี้ลูกสาวของท่านพาหลานชายสองคนมาเยี่ยม ฝ่ายเศรษฐียังมีความแค้นเคืองอยู่ จึงบอกแก่คนที่มาส่งข่าวว่า “สองผัวเมียนั้น อย่ามาให้เห็นหน้าเลย ถ้าอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง ก็จงเอาไปเลี้ยงชีพเถิด แต่ขอให้ส่งหลานชายทั้งสองคนมาให้ก็แล้วกัน” สองสามีภรรยานั้น รับทรัพย์สินเงินทองไปเลี้ยงชีวิตแล้วส่งลูกชายทั้งสองคนให้มาอยู่กับเศรษฐีผู้เป็นตา ฝ่ายเศรษฐีก็เลี้ยงดูหลาน ๆ ด้วยความรักใคร่ พาไปฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาที่วัดเวฬุวันเป็นประจำ แต่ถึงอย่างไร หลานทั้งสองก็สร้างความลำบากใจแก่เศรษฐีผู้เป็นตาอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อมีคนถามว่า “หลานชายทั้งสองคนนี้เป็นบุตรของลูกสาวคนไหนของท่าน” ก็รู้สึกละอายที่จะตอบ “เป็นบุตรของลูกสาวคนที่หนีตามชายหนุ่มไป”

                ดังนั้น เมื่อต่อมา มหาปันถก หลานคนโตเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา กล่าวขออนุญาตเพื่อบรรพชาเป็นสามเณร คุณตาผู้เศรษฐีจึงรีบอนุญาตด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง พาไปบวชเป็นสามเณร ท่านเป็นสามเณรจนอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านพยายามบำเพ็ญเพียรเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ สิ้นอาสวะกิเลสทั้งปวง

             • ได้รับยกย่องในตำแหน่งเอตทัคคะ

               พระมหาปันถก เมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้ช่วยกิจการพระศาสนาเป็นกำลังช่วยงานพระบรมศาสดา ตามกำลังความสามารถ พระบรมศาสดา ได้ทรงมอบหมายให้ท่านรับหน้าที่ “ภัตตุทเทศก์” ผู้แจกจ่ายภัตตาหารและกิจนิมนต์ ตามบ้านทายกทายิกา และอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย เพื่อให้ภิกษุสงฆ์ได้รับลาภสักการะโดยทั่วถึงกัน ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยยุติธรรม จนเป็นที่พอใจของบรรดาเพื่อนสหธรรมิก และทายกทายิกาอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย ท่านได้รับความสุขจากการหลุดพ้นสิ้นกิเลสอาสวะทั้งปวงแล้ว ท่านได้ระลึกถึงน้องชายของท่าน ต้องการที่จะให้น้องชายได้รับความสุขเช่นเดียวกับตนบ้าง จึงไปขออนุญาตจากคุณตาแล้วพาจูฬปันถก ผู้เป็นน้องชายมาบวชเป็นศาสนทายาทอีกคนหนึ่งพระมหาปันถก เป็นผู้มีความชำนาญในการเจริญวิปัสสนา จึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง ผู้เจริญวิปัสสนา

               ท่านดำรงอายุสังขาร สมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4519 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 12:38:25 »

             เรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่าน ร่วมทำบุญครบ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม ศกนี้

               กำหนดการ

                     08:30 น. พบกันที่บริเวณโบสถ์กลางน้ำ ไหว้พระ และท่านอาจารย์เผ่า  ดร.สุริยา ในฐานะผู้ออกแบบ จะพาชมโบสถ์กลางน้ำที่หลวงพ่อปัญญา  ได้สร้างเอาไว้ให้

                     10:00 น. พบกันที่หอฉัน ห้องพิธี ทำบุญ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ฟังพระสวดมนต์  ถวายปัจจัย พระให้พร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้เสียชีวิต คือคุณฉันทนา  รวมเมฆ

                     11:00 น. ถวายภัตตาหารเพล พระนิสิต ๑,๐๐๐ รูป

                     12:00 น. พระอธิการบดี เจ้าอาวาส แสดงปาฐกถาธรรม พระนิสิต ๑,๐๐๐ สวดมนต์ ให้พรพระ กรวดน้ำ

                     12:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่หอฉัน (ทางวัดจัดเตรียมเอาไว้ให้)


                                 ใครจะทำบุญ  ใครจะไปร่วมงาน เรียนเชิญลงชื่อด้วยครับ

                                  ถือว่าเราไปทำบุญเลี้ยงพระด้วยกัน เป็นการส่งท้ายปีเก่า สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ให้มันไหลไปกับน้ำที่ท้วมซึ่งผ่านไปแล้วครับ

                                  คุณน้องใหม่ อย่าลืมไปรับท่านอาจารย์สุพพัดดา  ด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมาก ๆ

                                 สวัสดี

[/quote]


การทำบุญโดยการถวายภัตตาหาร แด่พระนิสิต ๑๐๐๐ รูป ที่กำลังศึกษาพระศาสนา เป็นมหาบุญ ครับ


              ขอเรียนเชิญ ทุกท่านร่วมทำบุญ ๕๐ วันการจากไปของ คุณฉันทนา  รวมเมฆ และร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ เลี้ยงพระนิสิต ๑๐๐๐ รูป เนื่องในเทศการปีใหม่ ครับ
                
               สวัสดี


               มูลเหุตที่คิดทำบุญ ๕๐ วัน ให้แดง เพราะพวกเราที่ไปร่วมงานตั้งใจจะร่วมทำบุญอุทิศให้แดง แต่ทางญาติงดรับซอง เลยปรารภกับพี่สิงห์ว่า งั้นเอาไว้นัดกันไปทำบุญให้แดงเมื่อครบ ๕๐ วัน จึงเป็นที่มาของงานวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ สถานที่ เวลา และ กำหนดการที่พี่สิงห์แจ้งไว้ ชาวซีมะโด่งที่มีความประสงค์จะร่วมทำบุญ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี

                ชื่อบัญชี ชมรมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
                ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนวิทยุ เลขที่บัญชี 709-2-422245

                โอนแล้วกรุณา Fax ใบ Pay-in ไปยังคุณ กนกวรรณ (นก) ที่ 02 4363796 หรือโทรแจ้ง คุณนก ที่ 081 5845075

                รายชื่อ ผู้ที่จะเดินทางไปทำบุญ ๕๐ วันให้แดง ฉันทนา รวมเมฆ ณ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

                        ๑. อ. เผ่า
                        ๒. พี่สิงห์๋
                        ๓. พี่ป๋อง
                        ๔. พี่แต๋ง
                        ๕. แก้ว
                        ๖.
                        ๗.
                           ฯลฯ

                ขอเชิญชวนชาวหอไปร่วมทำบุญให้แดง กันค่ะ

                 Tang 16
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #4520 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 13:19:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 ธันวาคม 2554, 08:19:18
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 03 ธันวาคม 2554, 08:09:39
อรุณสวัสดิ์ครับพี่สิงห์ เห็นหลายคนบอกว่าอากาศเริ่มหนาวแล้ว (แต่ กทม ยังไม่หนาวเลย)
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ^^

จริงๆครับพี่สิงห์. ผมไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลยครับ. กินข้าว นอน ก้อไม่เปนเวลา. เห้ออออ
สวัสดีครับ คุณน้องไพรสนต์

              พี่สิงห์ รักษาสุขภาพ อยู่แล้ว แต่เธอเอง "ยังอยู่ในความประมาท" เพราะคิดว่าตัวเองยังหนุ่มแน่น อายุยังน้อย เลยไม่ได้ออกกำลังกาย นอนดึก กินไม่เป็นเวลา ไม่กินอาหารเช้า กินอาหารเย็นมาก และที่สำคัญไม่ถ่ายอุจจาระก่อน 07:00 น.

              เดือนนี้เป็นเดือนธันวาคม อากาศเย็น หนาว กทม.ไม่หนาวเพราะว่า ยังมีพื้นที่โดยรอบมีน้ำท้วมขังมาก การระเหยของน้ำ นำความร้อนมาสู่ผิวดิน เหมือนอยู่กลางทะเล ย่อมมีความร้อนเกิดขึ้นแทนอากาศที่เย็นครับ

               สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4521 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 19:55:01 »

รู้ประวัติพุทธสาวก อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๓๕

พระจูฬปันถกเถระ

เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ

              พระจูฬปันถก เป็นน้องชายร่วมมารดาบิดาเดียวกันกับท่านพระมหาปันถก เมื่อพระมหาปันถก สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วได้รับความสุขจากการหลุดพ้นสิ้นกิเลสาสวะทั้งปวงแล้ว มีความปรารถนาจะให้จูฬปันถก น้องชายมีความสุขเช่นนั้นบ้างจึงไปขออนุญาตจากธนเศรษฐีผู้เป็นคุณตา ซึ่งก็ได้รับอนุญาตและให้ความร่วมมือด้วยดี เพราะคุณตาก็เป็นผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว เมื่อจูฬปันถกได้รับการอุปสมบทเรียบร้อยแล้ว ท่านพระมหาปันถก ผู้เป็นพี่ชายได้สอนคาถาพรรณนาพุทธคุณหนึ่งคาถา ความว่า...

              ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ
              ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ
              องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ
              ตปนุตมาทิจฺจมิวนฺตลฺเข ฯ

             “ดอกปทุมชาติที่ชื่อว่าโกกนุท ขยายกลีบแย้มบานตั้งแต่เวลารุ่งอรุณยามเช้า กลิ่นเกษร หอมระเหยไม่รู้จบเธอจงพินิจดูพระสักยมุนีอังคีรส ผู้มีพระรัศมีแผ่ไพโรจน์อยู่ ดุจดวงทิวากร ส่องสว่างอยู่กลางนภากาศ ฉะนั้น”

           • ปัญญาทึบพี่ชายไล่สึก

               ด้วยคาถาเพียงคาถาเดียวเท่านั้น ปรากฏว่าพระจูฬปันถก เรียนอยู่นานถึง ๔ เดือนก็ยังจำไม่ได้ ท่านพระมหาปันถกพี่ชาย พยายามเคี่ยวเข็ญอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็เห็นว่าท่านเป็นคนโง่เขล่าปัญญาทึบ เป็นคนอาภัพในพระพุทธศาสนา ไม่สามารถจะบรรลุคุณพิเศษเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนาได้ จึงตำหนิประณามท่านแล้วขับไล่ออกจากสำนักไป ด้วยคำว่า

              “จูฬปันถก เธอใช้เวลาถึง ๔ เดือน ยังไม่อาจเรียนคาถาแม้เพียงบาทเดียวได้ นับว่าเธอเป็นคนอาภัพ ไม่สมควรอยู่ในพระศาสนานี้ เพียงคาถาเดียวยังเรียนไม่ได้แล้วจะทำกิจแห่งบรรพชิตให้ถึงที่สุดได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจงออกไปเสียจากที่นี้เถิด”

                ในวันนั้น หมอชีวกโกมารภัจ ได้กราบอาราธนาพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป ไปเสวยและฉันภัตตาหารที่บ้านของตนในวันรุ่งขึ้นในฐานะที่พระมหาปันถก ผู้มีหน้าที่เป็นภัตตุทเทศก์ ได้จัดนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ทั้งหมดในพระอาราม ใปฉันภัตราหารที่บ้านของหมอชีวกโกมารภัจ นั้น เว้นเฉพาะพระจูฬปันถก เพียงรูปเดียวเหลือไว้ในพระอารา, พระจูฬปันถก เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตและวาสนาของตนเอง คิดว่าตนเองเป็นอาภัพบุคคลในพระพุทธศาสนา ไม่สามารถที่จะบรรลุโลกุตรธรรมได้ จึงตัดสินใจที่จะสึกออกไห้เป็นฆราวาสแล้วทำบุญสร้างกุศลต่างๆ ตามควรแก่ฐานะ จึงได้หลบออกจากวัดตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะนั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จจงกรมอยู่ ได้ทอดพระเนตรเห็นเธอเดินมาจึงตรัสถามว่า:-

                “จูฬปันถก นั้นเธอจะไปไหนแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ?”

                “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระมหาปันถกได้ขับไล่ข้าพระพุทธเจ้าออกจากอาราม ดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจะไปลาสิกขา พระเจ้าข้า”

                “จูฬปัถก เธอมิได้บวชเพื่อที่ชาย เธอบวชเพื่อตถาคตต่างหาก เมื่อพี่ชายขับไล่เธอ เหตุไฉนเธอจึงไม่มาหาตถาคต การกลับไปอยู่ครองเรือนจะมีประโยชน์อะไร มาอยู่กับตถาคตจะประเสริฐกว่า”

               พระบรมศาสดา พาเธอไปที่พระคันธกุฏี ประทานผ้าขาวบริสุทธิ์ผืนเล็ก ๆ ให้เธอผืนหนึ่ง แล้วทรงแนะนำให้เธอบริกรรมด้วยคาถาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ พร้อมกับใช้มือลูบคลำผ้าผืนนั้นไปด้วย เธอรับผ้ามาด้วยความเอิบอิ่มใจ แสวงหาที่สงบสงัดแล้วเริ่มปฏิบัติบริกรรมคาถา ลูบคลำผ้าที่พระพุทธองค์ประทานให้เธอบริกรรมได้ไม่นาน ผ้าขาวที่สะอาดบริสุทธิ์ผืนนั้น ก็เริ่มมีสีคล้ำเศร้าหมองเหมือนผ้าเช็ดมือ จึงคิดขึ้นว่า “ผ้าผืนนี้เดิมทีมีสีขาวบริสุทธิ์ แต่อาศัยการถูกต้องสัมผัสกับอัตภาพของเรา จึงกลายเป็นผ้าสกปรก เศร้าหมอง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ” แล้วเจริญวิปัสสนากรรมฐานยกผ้าผืนนั้นขึ้นเปรียบเทียบกับอัตตภาพร่างกายเป็นอารมณ์ ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ คือปัญญาอันแตกฉานมี ๔ ประการคือ

              ๑. อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
              ๒. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม
              ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติคือภาษา
              ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ

              ครั้งรุ่งเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังเรือนของหมอชีวกโกมารภัจ เพื่อเสวยภัตตาหารตามที่หมอชีวกกราบอาราธนาไว้ เมื่อหมอชีวกน้อมนำภัตตาหารเข้าไปถวายพระบรมศาสดา พระองค์ทรงปิดบาตรแล้วตรัสว่า “ยังมีพระภิกษุอีกรูปหนึ่ง อยู่ที่วัด” หมอชีวกจึงส่งคนไปนิมนต์ให้ท่านมาฉันภัตตาหาร

           • ประกาศความเป็นอรหันต์

               ขณะนั้น พระจูฬปันถก เพื่อจะประกาศความเป็นพระอรหันต์ของตน ให้ปรากฏ จึงได้เนรมิตพระภิกษุขึ้นถึงจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ในพระอารามอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ กัน บ้างก็สาธยายพุทธคุณ บ้างก็ซักจีวร บ้างก็ย้อมจีวร เป็นต้น เมื่อคนรับใช้มาถึงวัดได้เห็นพระภิกษุจำนวนมากมายอย่างนั้น จึงรีบกลับไปแจ้งแก่หมอชีวก พระพุทธองค์ทรงสดับอยู่ด้วย จึงรับสั่งให้คนใช้นั้นไปนิมนต์ท่านที่ชื่อจูฬปันถก

               คนรับใช้ไปกราบนิมนต์ตามพระดำรัสนั้น ด้วยคำว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า พระบรมศาสดารับสั่งให้มานิมนต์พระจูฬปันถก ขอรับ” ปรากฏว่าพระภิกษุทุกรูปต่างก็พูดเหมือนกันว่า “อาตมา ชื่อพระจูฬปันถก” คนรับใช้ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องกลับไปกราบทูลพระบรมศาสดาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก พระพุทธองค์ ตรัสแนะว่า:- “ถ้าพระภิกษุรูปใดพูดขึ้นก่อน เธอจงจับมือภิกษุรูปนั้นไว้แล้วนำท่านมา ส่วนพระภิกษุ ที่เหลือก็จะหายไปเอง” คนรับใช้ ปฏิบัติตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแนะนำนั้นแล้ว ได้นำพระจูฬปันถก สู่ที่นิมนต์ เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว พระบรมศาสดาทรงมอบให้ท่านเป็นผู้กล่าวภัตตานุโมทนา อันเป็นการเสริมศรัทธาแก่ทายกทายิกา

            • บุพกรรมของพระจูฬปันถก

               ในอดีตกาล ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ พระจูฬปันถก ได้บวชเป็นพระภิกษุในครั้งนั้นด้วย ท่านเป็นผู้มีปัญญาดี จำทรงหลักธรรมคำสอนได้เร็วแม่นยำ ท่านเห็นเพื่อนภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งปัญญาทึบท่องสาธยายหัวข้อธรรมเพียงบทเดียวก็จำไม่ได้ จึงหัวเราะเยาะท่าน ทำให้ภิกษุรูปนั้นเกิดความอับอายเลิกเรียนสาธยายหัวข้อธรรมนั้น เพราะกรรมเก่าในครั้งนั้นจึงเป็นผลติดตามให้ท่านมีปัญญาทึบโง่เขลาในอัตภาพนี้

               พระจูฬปันถก สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เป็นกำลังช่วยกิจการพระศาสนาตามความสามารถของท่านและโดยที่ท่านเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในมโนมยิทธิ พระบรมศาสดาจึงทรงยกยองท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ (นิรมิตกายอื่นจากกายนี้)

               ท่านดำรงอายุสังขาร สมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4522 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 20:16:10 »

ทำไมกระทรวงเกษตรต้องมีชื่อ บรรหาร พ่วงไปทุกที่
แค่นี้ ยังไม่พออีกหรือ ??


กรมชลจัดเต็มเครื่องสูบ-ใช้งบเยียวยา8พันล. อีก7วันสวนส้มโอนครปฐมโผล่พ้นน้ำ


นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การระบายน้ำทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก พร้อมด้วยนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ และผู้บริหารกรมชล ประทานว่า ตามที่กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานเร่งรัดดำเนินมาตรการลดปริมาณน้ำเหนือและเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขณะนี้แม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำลดลงและปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่ทุ่งฝั่งตะวันตกบริเวณทุ่งเจ้าเจ็ด-บางยี่หน ทุ่งพระยาบรรลือ และทุ่งพระพิมล ลดลงตามไปด้วย

สำหรับแม่น้ำท่าจีนที่มีสภาพลำน้ำคดเคี้ยว กรมชล ประทานได้เร่งการระบายน้ำให้ไหลลงสู่ทะเลได้เร็วขึ้น ด้วยการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำตามคลองต่างๆ ในแม่น้ำท่าจีน เช่น คลองโยง คลองมหาสวัสดิ์ โดยคลองโยง มีประตูระบายน้ำกว้าง 6 เมตร จำนวน 2 ช่อง มีสถานีสูบน้ำถาวร 8 เครื่อง และได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ขนาด 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 2 เครื่อง และขนาด 12 นิ้ว รวม 3 เครื่อง รวมระบายน้ำได้วันละประมาณ 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ระดับน้ำในคลองโยงเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ลดลง 28 เซนติเมตร และแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการระบายน้ำในภาพรวมแล้ว ปัจจุบันกรมชลประทานได้เข้าไปเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระดับพื้นที่ คือ การระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง ทั้งในเขตชุมชนและพื้นที่การเกษตร โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินงานทำคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย และติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยในพื้นที่เกษตรที่เป็นสวนส้มโอ ต.ทรงคะนอง อ.สามพราน จ.นคร ปฐม กรมชลประทานได้บูรณาการร่วมภาคประชาชนและองค์กรท้องถิ่น นำเครื่องจักร เครื่องมือ ทำคันกั้นตามแนวถนน ความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร และติดตั้งเครื่องสูบน้ำสนับสนุนภารกิจ จำนวน 31 เครื่อง เพื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำท่าจีน สามารถระบายน้ำได้วันละ 5.5 แสนลูกบาศก์เมตร และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำท่วมขังให้รวดเร็วยิ่งขึ้น กรมชลประทานจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว เพิ่มเติมอีก 10 เครื่อง ทำให้สามารถระบายน้ำได้ถึงวันละ 6.8 แสนลูกบาศก์เมตร

ดังนั้น จากมาตรการดังกล่าวคาดว่าในอีก 1 สัปดาห์ร่องสวนจะโผล่พ้นน้ำ เกษตรกรจะสามารถเข้าฟื้นฟูสวนส้มโอของตนเองได้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้วางกรอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น และพืชผักที่ได้รับความเสียหายที่คาดว่าจะมีจำนวนทั้งสิ้น 50,000 ราย เป็นพื้นที่ 0.46 ล้านไร่

โดยเกษตรกรได้รับเงินสดช่วยเหลือเป็นมูลค่า 7,300 บาท/ราย แบ่งเป็น ค่าพันธุ์ไม้ผลและเมล็ดพันธุ์ผัก 5,000 บาท/ราย ค่าเตรียมพื้นที่เพาะปลูก 2,000 บาท และค่าสนับสนุนการปลูกพืชบริโภคครัวเรือน 300 บาท/ราย คาดว่าจะใช้งบประมาณเยียวยา 8,000 ล้านบาท

หน้า 9

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdOVEF6TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB3TXc9PQ==
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4523 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 20:26:21 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

              การที่มีชื่อคุณบรรหาร ทุกครั้ง เพราะ ต้องการหาเสียง และเพื่อลบล้างความผิดของตัวเองที่ฝังอยู่ในจิต เป็นอาสวะกิเลส ติดแน่นอยู่ในสันดาน อยากแก่การลบเลือนจะตามรบกวนจิตคุณบรรหาร ไปตลอดชีวิต มันเป็นกรรมที่ก่อขึ้นอย่างใหญ่หลวงในชาตินี้ของคุณบรรหาร ที่คุณบรรหาร  คิดว่าตัวเองไม่ผิด แต่ลึกๆ ตัวคุณบรรหาร สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าผลจากการกระทำ สั่งการของตนนั้น มันสร้างความฉิบหายให้กับประเทศชาติ และประชาชนเดือดร้อนจำนวนมหาศาล ล้างภาพอย่างไร ในจิต ก็ล้างไม่ออก เพราะ "รู้ได้โดยเฉพาะตน" ที่เป็นคนก่อกรรมนั้น

              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4524 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2554, 20:41:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 ธันวาคม 2554, 12:24:55
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนิ๋งหนิ๋ง ที่รัก

            ฟุตบอลล์ยูโร 2012 สายนี้หินจริงๆ ทุกทีมมีโอกาสเข้ารอบ หรือตกรอบได้ที่งสี่ทีม แต่อย่างไร พี่สิงห์ ว่าเยอรมัน ยังเหนือกว่ามาก ถ้าคิดว่าตัวเองเข้าแข่งขัน ยูโร 2012 เพื่อเป็นแช้มป์ยุโรปให้ได้ ก็ต้องเล่นด้วยศักยภาพแช้มป์ ไม่ใช่เล่นเพื่อเข้ารอบ ครับ

            พี่สิงห์ ยังไม่รู้รายละเอียดว่า จะไปอยู่เมืองไหน เขาบอกว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ เขาออกให้หมด พี่สิงห์ กะว่าจะไปหาเมียเอามาให้ ดร. สุริยา  สักคนหนึ่ง เพราะสงสาร กลัวว่าแก่ๆ จะอยู่คนเดียวไม่ได้แบบ พี่สิงห์ครับ แต่ก็กลัวเรื่องผิว เหมือนกัน เพราะ ดร.สุริยา ชอบผิวสีขาวแบบหม๋วย ๆ ครับ

            สวัสดี

พี่สิงห์ขา,
วันนี้หนิงนั่งนานไม่ได้คะ
เมื่อเช้าวุ่นๆกะตัดกิ่ง กวาดเก็บต้นไม้
fit for winter คะ แล้วใส่รถไปทิ้ง รถเขรอะ
ก็ต้องพาไปดูดฝุ่น-ล้าง แวะซื้อกับข้าว
ที่ลืมๆเมื่อวาน เดี๋ยวหนิงจะนั่งรถไฟ
ไปงานคริสต์มาสที่เมืองÖhringenไปกัน15คน
จะดื่มไวน์ร้อน4แก้วคะ..2แก้วดื่มเอง,2แก้วดื่มให้พี่
แฟ็ดแน่!

หาให้พี่ป๋องทำไมคะ?หาให้พี่เองสิ!
สาวไนจีเรียนเจ้าเนื้อคะ..แต่สวยๆมีนะพี่
ผิวพรรณเป็นเรื่องภายนอกคะ..จิตพี่
ต้องมองกันที่จิตใจ..
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 179 180 [181] 182 183 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><