30 มิถุนายน 2567, 13:08:36
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 178 179 [180] 181 182 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3334676 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4475 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 11:35:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 09:36:58
สวัสดีครับพี่สิงห์ ...


เมื่อสักครู่ ผมโทรหารือกับ พี่หมอตุ่น เพื่อเตรียมการจะเข้าไปลงแขก ทำความสะอาดบ้านพี่สิงห์กัน ... โดยร่วมกับทีมงานของชมรมฯ


 ... เนื่องจากตอนนี้ทราบว่าพี่สิงห์อยู่ที่ สิงห์บุรี ... จึง อยากทราบวัน- เวลา ที่พีสิงห์สะดวก สำหรับการเข้าไปทำความสะอาดบ้านที่วิภา 22 ครับ


ไม่แน่ใจว่า ถ้าเป็นวันเสาร์ี่ที่ 10 ธันวาคม นี้ พี่สิงห์ สะดวกหรือไม่ ครับ ...


สวัสดีครับ ดร.มนตรี คุณหมอตุ่น และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

               ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณ น้องๆ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่านที่เอื้ออารีย์ต่อพี่สิงห์ ที่จะมาทำความสะอาดบ้านให้ จริงๆ พี่สิงห์ ทำความสะอาดหมดเรียบร้อยแล้ว  สำหรับเชื้อรา นั้นเท่าที่สำรวจดูไม่มี มีแต่สีบ้านที่มันบวมลอกออกมา ก็จะผสมโรงทาสีใหม่ทั้งหลังเลย แต่ต้องรอ เพราะตอนนี้หาช่างอยาก คงอีกสักพักหนึ่งครับ

               สำหรับกลิ่นนั้น พี่สิงห์ ก็ใช้วิธี เอาเป็ดไปทำความสะอาดเป็นจุดๆ ไป เกือบจะไม่มีแล้ว ตอนนี้สามารถอยู่ได้สบายตามอัตภาพครับ กำลังรอทำประตูบ้านใหม่ ซึ่งกำลังทำวงกบ-ประตูอยู่ที่โรงงานสูงเนิน อาทิตย์หน้า คงสามารถเอามาติดตั้งได้

               ดังนั้น พี่สิงห็ คงไม่รบกวนน้องๆ ทุกท่านแล้วครับ และขอขอบพระคุณมากในน้ำใจที่มีต่อกัน ยังมีชาวซีมะโด่ง ที่เดือดร้อนมากกว่าพี่สิงห์ และบ้านจมน้ำมานานเกือบสองเดือนแล้ว คือ บ้าน ดร.สุริยา  อาจารย์ถาวร  โชติชื่น คุณน้องเอมอร และอีกหลายท่าน กำลังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราอยู่ครับและถ้าไปกันวันไหนบอกพี่สิงห์ด้วย จะขอร่วมเดินทางไปช่วยทำความสะอาด ด้วยคนหนึ่งครับ

               วันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม พี่สิงห์ ได้นัดกับน้องสาวและบอกแม่ว่า จะพาแม่ไปทำบุญที่วัดพระนอน เพราะตรงกับวันพระพอดี แม่คงอยู่กับพี่สิงห์ ไม่นานแล้ว จึงต้องพยายามกลับไปดูแล ท่านให้มากไว้ และวันที่ ๕ ธันวาคม ก็จะกลับไปหาท่าน และอาจจะพาไปทำบุญ เข้าใจว่าที่วัดคงจัดทำบุญใส่บาตรพระเพื่อในหลวงของเรา พี่สิงห์อาจจะปฏิบัติธรรมที่วัดด้วยครับ เพราะพาแม่ไปแล้ว สุขภาพ-จิต แม่ดีขึ้น ก็อยากที่จะพาไป ดีกว่าทำบุญให้ท่าน เมื่อท่านจากไปแล้ว ครับ

               ขอบคุณมาก

               สวัสดี


               สำหรับพวกเราใครอยากที่จะทำบุญ ไปเที่ยวสิงห์บุรี ไปช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วม พระ-เณรที่ผ่านความลำบากมาจากน้ำท้วม และไปหาอาหารไทยแบบชาวบ้าน ก็เรียนเชิญ แจ้งมาที่ห้องนี้ได้เลย ครับ
             
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4476 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 12:18:24 »


                - ระดับน้ำที่ปทุมธานี ต่ำกว่าตลิ่ง ๑๕ ซม.

                - ระดับน้ำที่ปากเกล็ด นนทบุรี ต่ำกว่าตลิ่ง ๔๙ ซม.

                  ผมหวังว่า กรมชลประทานคงเปิดประตูระบายน้ำ จุฬาลงกรณ์ให้น้ำในคลองรังสิต ดอนเมือง ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา และในทำนองเดียวกัน น้ำที่ยังท้วมขังอยู่ในขณะนี้ จะได้ไหลกลับมาลงคู คลอง และไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4477 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 12:26:54 »





             เรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่าน ร่วมทำบุญครบ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม ศกนี้

               กำหนดการ

                     08:30 น. พบกันที่บริเวณโบสถ์กลางน้ำ ไหว้พระ และท่านอาจารย์เผ่า  ดร.สุริยา ในฐานะผู้ออกแบบ จะพาชมโบสถ์กลางน้ำที่หลวงพ่อปัญญา  ได้สร้างเอาไว้ให้

                     10:00 น. พบกันที่หอฉัน ห้องพิธี ทำบุญ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ฟังพระสวดมนต์  ถวายปัจจัย พระให้พร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้เสียชีวิต คือคุณฉันทนา  รวมเมฆ

                     11:00 น. ถวายภัตตาหารเพล พระนิสิต ๑,๐๐๐ รูป

                     12:00 น. พระอธิการบดี เจ้าอาวาส แสดงปาฐกถาธรรม พระนิสิต ๑,๐๐๐ สวดมนต์ ให้พรพระ กรวดน้ำ

                     12:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่หอฉัน (ทางวัดจัดเตรียมเอาไว้ให้)


                                 ใครจะทำบุญ  ใครจะไปร่วมงาน เรียนเชิญลงชื่อด้วยครับ

                                  ถือว่าเราไปทำบุญเลี้ยงพระด้วยกัน เป็นการส่งท้ายปีเก่า สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ให้มันไหลไปกับน้ำที่ท้วมซึ่งผ่านไปแล้วครับ

                                  คุณน้องใหม่ อย่าลืมไปรับท่านอาจารย์สุพพัดดา  ด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมาก ๆ

                                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4478 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 12:38:08 »


สถานการณ์น้ำวันนี้
 สถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2554 (เวลา 09.00 น.)


น้ำเหนือ
 - ระดับน้ำเจ้าพระยาที่ อ.บางไทร 2.92 ม.รทก. (ลดลงจากเมื่อวาน 8 ซม.)
 
น้ำทะเลหนุนสูง
 - วันนี้เวลา 12.40 น. ระดับ +1.17 ม.รทก. และเวลา 21.02 น. ระดับ +0.80 ม.

ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาด
 - ระดับน้ำสูงสุด เมื่อวานนี้ เวลา 10.00 น. ระดับ +2.04 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 76 ซม.)
 - ระดับน้ำ เช้าวันนี้ เวลา 09.00 น. ระดับ +1.77 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 103 ซม. น้ำกำลังขึ้น )
 - คาดการณ์จากกรมอุทกศาสตร์ วันนี้ เวลา 12.40 น. ระดับ +2.02 ม.รทก.
 
น้ำทุ่ง
 - พื้นที่ดอนเมือง (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 10 ซม.
 - ระดับน้ำคลองหกวาสายล่าง ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 4 ซม.
 - ฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 5 ซม.
 
ภาพรวมสถานการณ์ใน กทม. (24 ชั่วโมงที่ผ่านมา)
 
พื้นที่ฝั่งพระนคร ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขัง ในพื้นที่เขตดอนเมือง หลักสี่ สายไหม บางเขน ลาดพร้าว คันนายาว มีนบุรี คลองสามวา
 - คลองเปรมประชากร ระดับน้ำลดลง 5-7 ซม. แต่ช่วงดอนเมืองระดับน้ำยังสูง
 - คลองบางเขน ระดับน้ำลดลง 4-7 ซม.
 - คลองลาดพร้าว ระดับน้ำลดลง 2-8 ซม.
 - คลองบางซื่อ ระดับน้ำลดลง 8 ซม.
 - คลองแสนแสบ ระดับน้ำลดลง 4 ซม.
 - คลองประเวศน์บุรีรมย์ ระดับน้ำลดลง 2-3 ซม.
 
พื้นที่ฝั่งธนบุรี ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขัง ในพื้นที่เขต ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน หนองแขม บางแค ภาษีเจริญ
 - คลองต่าง ๆ โดยทั่วไป ระดับน้ำลดลง 1-4 ซม.
 
      บันทึกการเข้า
TU14
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 342

« ตอบ #4479 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 13:49:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 12:26:54




              เรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่าน ร่วมทำบุญครบ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

               กำหนดการ

                     08:30 น. พบกันที่บริเวณโบสถ์กลางน้ำ ไหว้พระ และท่านอาจารย์เผ่า  ดร.สุริยา ในฐานะผู้ออกแบบ จะพาชมโบสถ์กลางน้ำที่หลวงพ่อปัญญา  ได้สร้างเอาไว้ให้

                     10:00 น. พบกันที่หอฉัน ห้องพิธี ทำบุญ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ฟังพระสวดมนต์  ถวายปัจจัย พระให้พร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้เสียชีวิต คือคุณฉันทนา  รวมเมฆ

                     11:00 น. ถวายภัตตาหารเพล พระนิสิต ๑,๐๐๐ รูป

                     12:00 น. พระอธิการบดี เจ้าอาวาส แสดงปาฐกถาธรรม พระนิสิต ๑,๐๐๐ สวดมนต์ ให้พรพระ กรวดน้ำ

                     12:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่หอฉัน (ทางวัดจัดเตรียมเอาไว้ให้)


                                 ใครจะทำบุญ  ใครจะไปร่วมงาน เรียนเชิญลงชื่อด้วยครับ

                                  ถือว่าเราไปทำบุญเลี้ยงพระด้วยกัน เป็นการส่งท้ายปีเก่า สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ให้มันไหลไปกับน้ำที่ท้วมซึ่งผ่านไปแล้วครับ

                                  คุณน้องใหม่ อย่าลืมไปรับท่านอาจารย์สุพพัดดา  ด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมาก ๆ

                                 สวัสดี



พี่สิงห์คะ ไปวันไหนคะตุ๊หาวันที่ไม่เจอ หรือว่าพี่สิงห์ลืมลง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4480 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 15:18:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ TU14 เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 13:49:35
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 12:26:54




              เรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่าน ร่วมทำบุญครบ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

               กำหนดการ

                     08:30 น. พบกันที่บริเวณโบสถ์กลางน้ำ ไหว้พระ และท่านอาจารย์เผ่า  ดร.สุริยา ในฐานะผู้ออกแบบ จะพาชมโบสถ์กลางน้ำที่หลวงพ่อปัญญา  ได้สร้างเอาไว้ให้

                     10:00 น. พบกันที่หอฉัน ห้องพิธี ทำบุญ ๕๐ วัน คุณฉันทนา  รวมเมฆ ฟังพระสวดมนต์  ถวายปัจจัย พระให้พร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้เสียชีวิต คือคุณฉันทนา  รวมเมฆ

                     11:00 น. ถวายภัตตาหารเพล พระนิสิต ๑,๐๐๐ รูป

                     12:00 น. พระอธิการบดี เจ้าอาวาส แสดงปาฐกถาธรรม พระนิสิต ๑,๐๐๐ สวดมนต์ ให้พรพระ กรวดน้ำ

                     12:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่หอฉัน (ทางวัดจัดเตรียมเอาไว้ให้)


                                 ใครจะทำบุญ  ใครจะไปร่วมงาน เรียนเชิญลงชื่อด้วยครับ

                                  ถือว่าเราไปทำบุญเลี้ยงพระด้วยกัน เป็นการส่งท้ายปีเก่า สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ให้มันไหลไปกับน้ำที่ท้วมซึ่งผ่านไปแล้วครับ

                                  คุณน้องใหม่ อย่าลืมไปรับท่านอาจารย์สุพพัดดา  ด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมาก ๆ

                                 สวัสดี



พี่สิงห์คะ ไปวันไหนคะตุ๊หาวันที่ไม่เจอ หรือว่าพี่สิงห์ลืมลง

สวัสดีค่ะ คุณน้องอรสา ที่รัก

            วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม ศกนี้ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4481 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 15:29:00 »

สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

              พี่สิงห์อยากทราบว่า ประเทศไนจีเรีย มีความปลอดภัยไหม? พี่สิงห์ ไปรับปากเพื่อนเอาไว้ ว่าจะไปออกแบบก่อสร้างสร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้า คอร. บริหารการผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับวิศวกรไนจีเรีย จนกว่าเขาจะสามารถทำได้เอง เพื่อผลิตเสาไฟฟ้า คอร. ให้กับการไฟฟ้าไนจีเรีย ครับ โดยคิดค่าตัวไม่แพง โดยเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ถามว่าคุ้มไหม? ไม่คุ้มอยู่แล้ว ถือว่าไปช่วยเขาพัฒนาการไฟฟ้าให้ประชาชนมีกระแสไฟฟ้าใช้ ไม่ทุกข์ เป็นพอ ครับ

              อยากทราบคนไนจีเรียคบได้ไหม? ปลอดภัยไหม? อาหารการกินพอกินได้ไหม? อากาศร้อนมากไหม? ถึงอย่างไรพี่สิงห์ก็อยู่ได้อยู่แล้ว ไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น สามารถทำงานไป ปฏิบัติธรรมไป ได้ครับ

              พี่สิงห์ อยู่สนามบินสุวรรณภูมิ รอขึ้นเครื่องไปนครศรีธรรมราช boarding 16:30 น.

              สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #4482 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 15:55:45 »

มาสวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่สิงห์
เดินทางอีกแล้ว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4483 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 17:08:18 »

ฝากให้พี่สิงห์อ่านครับ...เกิดเหตุเมื่อตอนสายของเมื่อวานนี้ แต่มาออกข่าวในวันนี้ครับ

‘นาแล้งน้ำเมืองสุพรรณ’ อาเพศสั่งได้...นัยมหานทีวิปโยค 54 ?!?
30 พฤศจิกายน 2554 18:00 น.


       กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกจับจ้องอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้ ก็เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘อู่ข้าวอู่น้ำ’ อย่างจังหวัดสุพรรณบุรีที่มีรายได้หลักมาจากการเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าวที่กินอาณาบริเวณนับล้านไร่ กลับกลายเป็นพื้นที่แล้งน้ำขั้นวิกฤต ขาดแคลนน้ำในการทำนาอย่างหนัก!
      
       แน่นอนว่าการทำนาปลูกข้าว ‘น้ำ’ นั้น ถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้เกิดผลิตผลทางการเกษตร สุพรรณฯ เองก็เป็นพื้นที่การผลิตข้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่ง ฉะนั้นการขาดแคลนน้ำในการทำนาของทั้ง 5 อำเภอ ซึ่งได้แก่ อ.อู่ทอง อ.ดอนเจดีย์ อ.เดิมบางนางบวช อ.ศรีประจันต์ และอ.เมือง จึงก่อความเดือดร้อนแก่ชาวนาอย่างยิ่งยวด
      
       งานนี้ร้อนถึงอดีต รมว.เกษตรฯ ‘ประภัตร โพธสุธน’ ที่ขึ้นแท่นเป็นแกนนำ พาม็อบชาวนานับพันลุกฮือออกมาเรียกร้องให้กรมชลประทานปล่อย ‘น้ำ’ สู่ทั้ง 5 อำเภอที่ประสบภัยขาดแคลนน้ำในการทำกิน
      
       น่าแปลก…ขณะที่หลายอำเภอในจังหวัดสุพรรณฯ ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ แต่ทำไมที่พื้นที่ใกล้เคียงอย่าง อุทัยธานี, ชัยนาท, นครสวรรค์, กรุงเทพฯ (รวมถึงบางอ.ในสุพรรณฯ เช่น อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง อ.สามชุก) ฯลฯ กลับจำต้องเผชิญภัยพิบัติน้ำท่วมขั้นวิกฤติสร้างความเสียหายโดยไม่ได้นัดหมายไปตามๆ กัน
      
       ซึ่งข้อสงสัยตรงนี้ก็คงสะท้อนกลับไปยังข่าวลือที่ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองสั่งปิดประตูระบายน้ำพลเทพ ซึ่งเป็นประตูน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีนในจังหวัดสุพรรณฯ อันส่งผลให้แม่น้ำเจ้าพระยาจำต้องระบายน้ำเพียงสายเดียว และมวลน้ำมหาศาลก็เข้าท่วมจังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ สิงห์บุรี, อ่างทอง, อยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี ฯลฯ ตามลำดับ
      
       เมื่อ ‘น้ำ’ เดินทางมาไม่ถึง ‘นา’
       อนึ่ง การที่ที่นาทั้ง 5 อำเภอของเมืองสุพรรณฯ กลับกลายเป็นพื้นที่ขากแคลนน้ำ ก็คงต้องย้อนกลับมามองกันที่ต้นสายปลายเหตุว่า แท้จริงแล้วเกิดเหตุเภทภัยอะไรกับเมืองสุพรรณฯ ถึงได้มีปริมาณน้ำขาดๆ เกินๆ สร้างความเดือดร้อนแก่กลุ่มชาวนา
      
       “แต่เดิมสุพรรณฯ มีน้ำทำนาทั้งปี จะมีปีนี้ที่ขาด สาเหตุจากกรมชลประทานเขาบอกมาว่าเรานั้นใช้น้ำเปลือง และทำให้เกิดโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาด ดังนั้นจึงต้องทำลายวงจรของมันซะ ซึ่งในข้อนี้ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เพราะชาวบ้านเขาก็ปลูกแบบนี้มาตลอดก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าห้ามทำไมไม่ไปห้ามสนามกอล์ฟ ห้ามรีสอร์ตด้วยล่ะ ทำไมชาวนาต้องมารับกรรมฝ่ายเดียว”
      
       เดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี สะท้อนถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำของสุพรรณฯ ในปีนี้ ซึ่งเกิดจากการทำงานของกรมชลประทาน และนโยบายด้านเขื่อนของ กฟผ.
      
       “คือเขื่อนของบ้านเรานั้น อยู่ในความควบคุมของ กฟผ. ไม่ว่าจะเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ ทีนี้เขาก็ต้องการเอาน้ำไปทำไฟฟ้า เพราะต้นทุนมันถูก ยิ่งเก็บน้ำไว้มากเท่าไหร่เขาก็ทำไฟได้มากเท่านั้น น้ำท่วมที่ผ่านมาก็เนื่องมาจากเขื่อนด้วยเหมือนกัน”
      
       ตามสภาพทางภูมิศาสตร์แล้ว พื้นที่ที่ขาดน้ำในการทำนาทั้ง 5 อำเภอนั้น ล้วนเป็นที่ดอนทั้งสิ้น ส่วนพื้นที่ที่ต่ำมากๆ ก็ยังคงอยู่ในภาวะน้ำท่วมเช่นเดิม เดชา กล่างเพิ่มเติมว่าชล ประทานส่วนหนึ่งก็สร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวนาทำนาหน้าแล้งกันอยู่แล้ว ปกติในพื้นที่เมืองสุพรรณฯ ก็จะปลูกข้าวนาปีและข้าวนาปรัง ซึ่งข้าวนาปีนั้นจะเป็นพวกข้าวพื้นเมือง ส่วนข้าวนาปรังจะเป็นพันธุ์ข้าวที่ส่งเสริมมาตั้งแต่ปี 2512 อาทิ กข 31 หรือ ปทุม 80 ซึ่งจะได้ผลผลิตที่สูง
      
       ด้าน มาลี น้อมระวี ชาวนา อ.ดอนเจดีย์ พื้นที่ดอนของเมืองสุพรรณฯ ที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ กล่าวสะท้อนภาพความเป็นจริงที่กำลังเกิดกับชาวนาบางส่วนในสุพรรณฯ
      
       “เป็นอะไรไม่ปล่อยน้ำมาให้ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติเราก็ทำนาได้โดยไม่ต้องไปวิดจากคลองขึ้นมา เขาคงไม่ได้ปล่อยน้ำมาล่ะมั้ง ส่วนมากยิ่งบนๆ ของอำเภอ เขาก็ต้องใช้น้ำวิดน้ำมาเข้านา เพราะน้ำชลประทานไม่ยอมไหลมาทางท่อ นี่ก็เพิ่งจะดำนามา โชคดีตรงที่ยังไม่ต้องใช้น้ำมาก ยังพอมีน้ำให้ตีเครื่อง (ตีเครื่อง เป็นภาษาของชาวบ้าน หมายถึงขั้นตอนการเตรียมดินในนาข้าวที่ต้องเอารถไถพรวนดิน ซึ่งต้องอาศัยน้ำเพื่อให้ปั่นดินได้)”
      
       มาลีกล่าวเพิ่มเติมว่า การทำนาในจังหวัดสุพรรณฯ นั้นจะมีรายละเอียดของแต่ละพื้นที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งทำให้การทำนาที่นี่ (โดยเฉพาะหลักๆ อ.ดอนเจดีย์) ไม่ได้แบ่งออกเป็นนาปี และนาปรัง แต่จะเริ่มทำการปักดำทันที่หลังเก็บเกี่ยว ซึ่งมีระยะเวลาที่กระจัดกระจายไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เธอได้ให้ข้อเสนอแนะสำหรับชาวนาในพื้นที่ขาดแคลนว่าปีนี้น้ำน้อยกว่าปกติคงต้องใช้วิธีวิดน้ำจากแหล่งธรรมชาติ จะมามัวรอการไหลของน้ำตามท่อของระบบชลประทานไม่ได้
      
       ว่าด้วยระบบชลประทานในสุพรรณฯ
      
       ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าถึงแม้สุพรรณฯ จะมีพื้นที่ของระบบชลประทานอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกตารางนิ้ว เพราะนั้นหมายถึงจำนวนเงินมหาศาลที่ต้องนำไปลงทุน ซึ่งก็คงต้องกลับมาดูว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ สำหรับ 5 อำเภอที่ประสบภัยแล้งท่ามกลางปัญหาน้ำท่วมรุมเร้าคนไทยทั่วประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำอย่าง หาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการ บริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ แสดงทัศนะว่า
      
       “สุพรรณฯ มีพื้นที่เยอะมากกว่าระบบชลประทาน ต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีน้ำใช้ทุกพื้นที่ เรื่องการใช้น้ำในพื้นที่การเกษตรอาจจะไม่มีศักยภาพมากพอที่จะส่งน้ำไปถึงได้ ประเทศเราเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เรามีพื้นที่ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพยังไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ จากพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 15 ล้านไร่ แต่มีพื้นที่ชลประทานไม่เกิน 4 ล้านไร่ ยกตัวอย่างหลายๆ จังหวัดที่มีเขื่อนเยอะแยะไปหมด แต่ระบบชลประทานมันก็ไม่สามารถส่งถึงได้ คือมันมีทั้งพื้นที่ที่อยู่ในชลประทาน กับพื้นที่ที่อยู่นอกชลประทาน
      
       “ฉะนั้น ถ้าถามว่าจังหวัดสุพรรณฯ มีพื้นที่อยู่นอกชลประทานไหม...มี เพราะว่า 5 อำเภอไม่ใช่ว่าทุกอำเภอจะมีระบบชลประทาน พื้นที่ส่วนใหญ่ของทั้ง 5 อำเภอตามปกติจะเป็นพื้นที่ที่ไม่มีน้ำเพียงพอในช่วงรอยต่อระหว่างหน้าฝนกับหน้าแล้งอยู่แล้ว บางส่วนยังเป็นพื้นที่อับฝนด้วยซ้ำ”
      
       หาญณรงค์อธิบายขยายภาพเส้นทางเดินของน้ำในจังหวัดสุพรรณฯ ว่า สุพรรณฯ เป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำท่าจีน จากประตูระบายน้ำพลเทพ จ.ชัยนาท ที่ผันมายังแม่น้ำท่าจีน ซึ่งพื้นที่บางส่วนนั้นรับน้ำจากชลประทานแม่น้ำท่าจีน ส่วนอีกด้านหนึ่งคือลุ่มน้ำห้วยกระเสียวที่อยู่ในจังหวัดสุพรรณฯ เอง นอกจากนี้ยังมีส่วนที่มาจากโครงการชลประทานของแม่กลอง คือผันน้ำมาจากทางจังหวัดของทางฝั่งของกาญจนบุรี
      
       อย่างไรก็ตาม พื้นที่ทั้ง 5 อำเภอของสุพรรณฯ แล้งน้ำ นั้นย่อมเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำโดยตรง ยิ่งในช่วงสภาวการณ์น้ำท่วม ก็เลยมีข้อกังขาในเรื่องการปิดประตูน้ำที่จะส่งไปยังระบบชลประทานบางส่วน
      
       “กรณีของจังวัดสุพรรณฯ ที่เห็นในภาพข่าว มันก็คือในคลองระบบชลประทานน้ำไม่เต็ม ตามความเข้าใจผมมันก็คือว่าน้ำในระบบมันอาจไม่สามารถส่งไปถึงปลายน้ำเหมือนกับที่เคยเป็นอย่างที่ผ่านมา เพราะคำว่าน้ำท่วมมันไม่ได้ท่วมทั้งจังหวัด บางพื้นที่มันก็แล้ง เพราะหนึ่ง-แรงดันน้ำไม่พอ สอง-ต้นน้ำอาจจะใช้น้ำมาเกินไป แล้วก็มีการใช้น้ำไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเคยมีงานวิจัยว่าแม้คจะมีระบบชลประทานก็จริง แต่ปริมาณน้ำที่จะส่งไปผลสำเร็จถึงที่มีไม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งระบบ ช่วงหลังก็มีความขัดแย้งไม่ต่างกับบิ๊กแบ๊กเท่าไหร่”
      
       หาญณรงค์แสดงทัศนะทิ้งท้ายถึงการปิดประตูระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมในบางส่วนว่า หากไม่ทำการศึกษาอย่างรอบคอบ อาจกระทบระบบชลประทาน และก่อความเสียหายต่อเกษตรกรรมอย่างที่ชาวนาสุพรรณฯ กำลังเผชิญ
      
       “การปิดประตูน้ำเพื่อจะแก้ไขปัญหาน้ำไม่ให้ท่วมในบางส่วน มันทำให้ประตูในระบบบางอันถูกปิดหรือเปล่า มันต้องแบ่งน้ำในพื้นที่น้ำท่วมไปสู่พื้นที่ชลประทานบางส่วนเพื่อลงนา ส่วนที่เป็นคลองที่สามารถแบ่งน้ำได้ ไม่ใช่ปิดประตูตายตามคำสั่งของผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ได้ดูว่ามันจะเป็นอย่างไร จังหวัดนี้มันมีผู้มีอำนาจเหนือรัฐมนตรี เวลาเขาสั่งอะไรมาก็ปิดเลย ไม่ได้มาดูว่ากระทบกับระบบชลประทานคนอื่นหรือเปล่า”
      
       ทางด้านประชาชาชนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง บุญชู ภู่ผึ้ง ก็ร่วมแสดงความคิดว่าทั้ง 5 อำเภอนั้นอาจเป็นที่ดอน ซึ่งตามธรรมชาติของน้ำจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำเสมอ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบต้องวางแผนชัดเจนตั้งแต่แรก
      
       “การที่ 5 อำเภอนี้แห้งแล้งไม่มีน้ำมาทำนา อาจจะเป็นเพราะการบริการน้ำไม่ดีมาตั้งแต่แรก จึงทำให้มีสภาพเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ เราจะต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร มันไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง มันคือสิ่งที่ต้องช่วยกัน เริ่มตั้งแต่ผู้ว่าฯ ลงมา จนถึงผู้ใหญ่บ้าน กำนัน คนในชุมชน ว่าเรามีความคิดเห็นอย่างไร จะช่วยกันแก้ปัญหานี้อย่างไร”
      
       ขณะที่ คนึงนิจ นาคมงคล พนักงานบริษัทเอกชน ก็แสดงความสงสัยในการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ของจังหวัดสุพรรณฯ
      
       “มันก็แปลกนะ ตรงอื่นเขาท่วมกัน แต่มีสุพรรณฯ นี่แหละที่แห้งจนไม่มีน้ำปลูกข้าว เพราะปกติทุกปีจังหวัดสุพรรณบุรีท่วมตลอด คือท่วมเยอะกว่านี้ เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ราบลุ่ม เป็นที่สำหรับปลูกข้าว ทำไร่ทำสวน ซึ่งปีนี้น้ำมันก็ยังท่วมแต่ท่วมน้อยกว่าเดิม ทั้งๆ ที่แม่น้ำที่ไหลผ่านก็เป็นแม่น้ำสายเดียวกันคือแม่น้ำท่าจีน แต่ตลกดีที่แม่น้ำท่าจีนตอนบนแถวสุพรรณฯ มันไม่ท่วม มันกลับมาท่วมตรงแม่น้ำท่าจีนตอนล่างก็คิดว่าน่าจะเกิดจากการที่คนตั้งใจจะไปกั้นน้ำหรือเปล่า กลายเป็นว่าจังหวัดอื่นๆ ตอนล่างลงไป ทั้งปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่รับน้ำไปแทน”
       ..........
      
       ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าพื้นที่เกษตรกรรมใดจะประสบภัยแล้ง หรือภัยน้ำท่วม ก็สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศทั้งสิ้น ซึ่งตัวเลข ณ ขณะนี้ผลผลิตข้าวนาปีก็หายไปทันที 5 ล้านตัน ประมาณความเสียหายเฉพาะนาข้าวก็กว่า 72,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้คงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ระดับประเทศที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขอย่างบูรณาการ มิเช่นนั้นวิกฤตการณ์สลับขั้ว น้ำท่วม-ขาดน้ำ ก็จะกลับมาสร้างความคลางแคลงใจแก่ชาวไทยอย่างไม่จบสิ้น
       >>>>>>>>>>
       ………
      
       เรื่อง : ทีมข่าว CLICK


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000152764
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4484 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 20:28:26 »

ระดมเครื่องสูบน้ำภาคเอกชนเดินหน้ากู้พื้นที่น้ำท่วม คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์น้ำแห้ง

วันพฤหัสบดีที่ 01 ธันวาคม 2011 เวลา 15:02 น.

 
                (1 ธ.ค.54) ที่ศาลาว่าการกทม. เวลา 14.00 น. :  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวความร่วมมือกับภาคเอกชนในการกู้พื้นที่น้ำท่วมขังภายในชุมชนและหมู่บ้านในเขตกรุงเทพมหานคร โดยการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากหน่วยงานภาคเอกชน 8 บริษัท จำนวน 36 เครื่อง สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร 20 เครื่อง และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 57 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง 4 พื้นที่ ได้แก่ 1.หมู่บ้านโกสุมนิเวศน์ 2 เขตดอนเมือง ซึ่งมีน้ำสูง 25 ซม.จากผิวจราจร โดยจะเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลงสู่คลองตาอูฐและคลองบางพูด จะทำให้ระดับน้ำในหมู่บ้านลดลงโดยเฉลี่ยวันละ 5 ซม. 2.ซอยแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ น้ำท่วมขังสูง 50-60 ซม. จะสูบน้ำสู่คลองเปรมประชากร คลองบางตลาด และท่อระบายน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำในพื้นที่ลดลงวันละประมาณ 10 ซม. 3.เคหะชุมชนทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ระดับน้ำสูง 20-30 ซม. จะระบายน้ำสู่คลองตาอูฐและทำให้น้ำลดลงประมาณ 5-7 ซม. และ 4.ถนนรามอินทรา ซอย 1-39 เขตบางเขน ระดับน้ำสูง 15-20 ซม. จะเร่งสูบน้ำลงคลองถนนและคลองกระเฉด ทำให้น้ำลดลงวันละประมาณ 10 ซม. ทั้งนี้ กทม.จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ธ.ค.54 ในส่วนของพื้นที่น้ำท่วมขังสูงจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 14 ธ.ค.54
 
                ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในทุกพื้นที่ แต่การจะเร่งระบายน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขังจะต้องทำการปิดล้อมพื้นที่เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาเพิ่มอีก และเร่งระบายน้ำออกโดยใช้เครื่องสูบน้ำจำนวนมากสูบลงท่อระบายน้ำหรือคลองในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วยิ่งขึ้น ในส่วนของหมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตบางแค นั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีขนาดพื้นที่กว้างทำการปิดล้อมพื้นที่ได้ยาก อีกทั้งระดับน้ำในคลองทวีวัฒนายังสูงมาก หากสูบน้ำออกตอนนี้น้ำจะไหลวนกลับเข้ามาในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำในคลองทวีวัฒนาลดลงและสามารถทำการปิดล้อมพื้นที่ได้ กทม.จะระดมเครื่องสูบน้ำและทำการระบายน้ำหมู่บ้านเศรษฐกิจ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ที่มีน้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ ทันที  และทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ จะแห้งภายใน 31 ธ.ค.54 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ

                สำหรับภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพื่อกู้หมู่บ้านน้ำท่วม จำนวน 36 เครื่อง ประกอบด้วย บริษัทริเวอร์ เอนจีเนียริ่ง จำกัด 14 เครื่อง บริษัทอมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 5 เครื่อง ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์ 5 เครื่อง บริษัท ซิโน-ไทย เอนจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 4 เครื่อง บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง จำกัด 2 เครื่อง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 2 เครื่อง บริษัท ไออีทีแอล จำกัด 2 เครื่อง และบริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด 2 เครื่อง
                                                                        ---------------------
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4485 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 20:31:21 »



พี่สิงห์ขา,
สวัสดีค่ะ ไม่ได้คุยกะพี่สิงห์2-3วัน
คิดถึงจัง!

หนิงยังอยู่ 2 -3หน้าที่แล้วคะ
ชอบรูปนี้มาก สวยคะ
หาบ้านพี่ป๋องอยู่คะ
ว่าจะหลังไหน...หลังจริงรึหลังreflektในน้ำ
ฮี่ฮี่.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4486 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 20:42:18 »




พี่สิงห์คะ,
คุณแม่พี่ย้ายกลับเมื่อไหร่คะ?
ดวงตาท่าน "Sehnsucht"คะ
โหยหา เป็นห่วง..คิดถึง อาวรณ์
พี่รีบพาท่านกลับบ้านนะพี่.

ถามค่ะ,ในรูปมือท่านสวมถุง
ทำไมต้องสวมคะ?
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4487 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 20:50:37 »



aüüüükkkkkkkkkkkkk
(เสียงหนูกลืนน้ำลาย!)
ตอนสายตาเหลือบไปเห็น..
ปลาช่อนแม่ลาแดดเดียว
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4488 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 21:00:07 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

              ขอบคุณมาก ที่นำข่าวมาบอกครับ

              ที่ผ่านมา คุณบรรหาร และอธิบดีกรมชลประทาน  แก้ตัวมาตลอด ไม่ยอมรับความจริงในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป สร้างความเดือดร้อนใหญ่หลวงให้กับประชาชนชาวไทย และประเทศไทย คือทำให้เกิดมหาน้ำท้วม

              ตอนนี้เท่ากับชาวสุพรรณบุรีเอง เป็นผู้หาคำตอบที่แท้จริงให้กับสังคม คือ ตัวการที่ทำให้เกิดมหาน้ำท้วม กับประเทศไทย จนเดือร้อนทุกหย่อมหญ้า ได้เปิดเผยออกมาให้ทราบกันจะ ๆ อย่างนี้ละครับ

              ความจริง มันย่อมหนีความจริงไปไม่พ้น ครับคุณบรรหาร และคุณชลิต อธิบดีกรมชลประทาน ท่านจะตอบคำถามของชาวสุพรรณบุรีที่ไม่มีน้ำทำนากันอย่างไร?

              ในทำนองเดียวกัน ที่สิงห์บุรีฝั่งตะวันตกหลังบ้านผม ที่กรมชลประทานไม่ยอมปล่อยน้ำเข้านา ทั้งๆ ที่ชาวนาก็ปราถนาให้น้ำเข้านา เพื่อจะได้มีปุ๋ยธรรมชาติ และฆ่าแมลง ด้วยน้ำ กรมชลประทาน ท่านก็ไม่ยอมปล่อยเข้าไปเพราะกลัวน้ำไปท้วมสุพรรณบุรี  ตอนนี้ชาวนาสิงห์บุรีเขาปลูกข้าวนาปรังกันแล้ว แต่อนิจจา น้ำไม่มี ในคลองชลประทานก็ไม่มี แต่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา คือฝั่งตะวันออก ทั้งหมดของสิงห์บุรี น้ำทุ่งยังมีอยู่แยะ ชาวบ้านน้ำยังท้วมอยู่สามเดือนแล้วครับ  นี่ละความแตกต่างที่เกิดขึ้น คนละฝากแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งหนึ่งไม่มีน้ำทำนา แต่อีกฝั่งหนึ่งน้ำยังท้วม ครับ

               เกิดเป็นชาวนาไทย มันก็เป็นอย่างนี้ เพราะชาวนาไม่มีอำนาจอะไรทั้งสิ้น เขาจะให้น้ำท้วม หรือไม่ท้วมก็ได้ ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ความจริงมันก้เป็นอย่างนี้ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เพราะมันไม่มีแม่บท ข้อบังคับ ในการระบายน้ำ มันขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจสั่งการ ทั้งสิ้น และความคิดของคนจะคิดเข้าข้างตนเอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเสมอ จิตคนมันเป็นอย่างนี้

                ผมก็อยากทราบเหมือนกัน รัฐบาลคุณยิ่งลักษร์ ศปภ. ท่านจะว่าอย่างไร สุพรรณบุรี ๕ อำเภอ สิงห์บุรีฝั่งตะวันตกแล้ง ไม่มีน้ำทำนาปรัง !!! คงเป็นข่าวที่ตะลกที่สุดในโลก และประชาชนคนไทย ครับ

               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4489 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 21:13:47 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

               - ถุงพลาสติกใส่เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แม่ดึงสายยางให้อาหารเหลงออก เวลาแม่ลืมตัว เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองน้อย (อัลไซเมอร์) เอาไปอยู่บ้านพี่สาวนั้น มันจะทำให้แม่ลำบากมากกว่า ครับและห่างไกลหมอ ไปมาไม่สะดวก ยกเว้นผมต้องไปอยู่ด้วย อยู่บ้านน้องสาว มีคุณหมอตั้งสองคน และใกล้โรงพยาบาล ที่จะต้องไปเอาอาหารเหลวมาให้แม่ สองวันครั้ง ครับ  พี่สิงห์ตั้งใจจะพาไปทำบุญ และถ้าไม่ไหวๆจริงๆ ได้รับคำยืนยันจากหมอ พี่สิงห์ก็จะพากลับบ้านตามที่แม่ขอร้องสั่งเอาไว้ และผมจะไปอยู่ด้วย ครับ

               - บ้านของ ดร.สุริยา อยู่ในซอยเข้าไปลึกมองไม่เห็นหรอก มีแต่ป้ายหมู่บ้าน เป็นคลองแทนครับ

               - ตอนนี้ปลาช่อนแดดเดียวสิงห์บุรี มีแต่ปลาทุ่ง ทั้งนั้นครับ และปลาสร้อยแดดเดียวกำลังจะมีแล้ว รอให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงอีกหน่อยครับ อร่อยแน่นอน รวมถึงปลาเห็ด(ทอดมัน)ที่ทำจากปลาสร้อยด้วย

               - วันที่ ๕ ธันวาคม พี่สิงห์ ตั้งใจจะไปทำบุญ และจะพาแม่ไปด้วยครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4490 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 21:14:20 »



เพิ่งสังเกตคะ!
พบว่าจัดจาน 2 ที่
พี่สิงห์ทานข้าวกะใคร??
คะ
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4491 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 21:19:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 15:55:45
มาสวัสดีตอนบ่ายค่ะ พี่สิงห์
เดินทางอีกแล้ว
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

            พี่สิงห์ อยู่ที่นครศรีธรรมราช ฝนไม่ตก แต่ Nok Air ช้าเสมอ เพราะต้องรอเวลาสำหรับบินขึ้น ช้าไป ๓๐ นาที ครับ มาถึงโรงแรมก็หนึ่งทุ่มแล้ว จึงไม่ได้ออกกำลังกาย ได้แต่ไปซาวด์น่า และมานั่งทำงานที่ห้องพักแทนครับ

            พี่สิงห์ ต้องมาเที่ยวเย็นเสมอ เลยต้องพึ่งเบอร์เกอร์คิง ผลคือน้ำหนักขึ้น เพราะเวลาไปสูงเนิน ก็กินแต่ของดีๆ เสมอ มันอดไม่ได้ เพราะคนเลี้ยงเขาอยากินแบบนั้น ก็ต้องตามใจเขาครับ

            ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4492 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 21:28:04 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

           พี่สิงห์ รับประทานคนเดียว มีไข่เจียวเพิ่มด้วย เดิมทีจะรับประทานกับหลานสาว แต่พอดี แพรว เขานัดกับพวกพยาบาลที่ทำงานกับคุณหมอวิทิต(พ่อแพรว) ที่คลีนิคไว้ ไปกินข้าวกลางวันกัน พี่สิงห์ก็กินคนเดียวครับ

           ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #4493 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2554, 23:17:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 01 ธันวาคม 2554, 20:31:21
พี่สิงห์ขา,
สวัสดีค่ะ ไม่ได้คุยกะพี่สิงห์2-3วัน
คิดถึงจัง!

หนิงยังอยู่ 2 -3หน้าที่แล้วคะ
ชอบรูปนี้มาก สวยคะ
หาบ้านพี่ป๋องอยู่คะ
ว่าจะหลังไหน...หลังจริงรึหลังreflektในน้ำ
ฮี่ฮี่.



อยู่ในซอย หลังตึกแถวหลังนี้ไป 700 เมตรครับ
หลานข้างบ้านจ้างช่างมาซ่อมเครื่องซักผ้าที่จมน้ำให้ใช้งานได้แร๊ะ 1,000 บาทเท่านั้น
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4494 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 07:58:11 »

               คำโบราณ กล่าวไว้ "แข่งเรือ แข่งพาย นั้นสามารถแข่งขันกันได้  แต่แข่งบุญ แข่งวาสนา นั้นแข่งกันอยาก" เพราะมันเป็นอดีต ผ่านไปแล้ว คือมันเป็นเรืองของการกระทำความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลสังคม ในภพที่ผ่านมา ดร.สุริยา ภพก่อนทำความดี ช่วยเหลือเกื้อกูล เอาไว้มาก ชาตินี้จึงได้อานิสงฆ์ มีคนคอยช่วยเหลือค้ำชู กระทำให้เสมอ จึงเกิดความสะดวกสบายไปหมด

                 แต่ถ้าชาตินี้ ดร.สุริยา "ยังอยู่ในความประมาท" เกิดภพหน้าคงไม่ได้รับความสะดวกสบายมากไปกว่าชาตินี้แล้วละครับ

                 อรุณสวัสดิ์ครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน

                 เช้านี้ผมขอให้ทุกท่าน จำคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ให้มั่น "ต้องอยู่ด้วยความไม่ประมาท" ควรกระทำแต่ความดีในทางกุศลธรรม รักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ผ่องใส เมื่อมีเงิน สิ่งของเหลือใช้พอจะเจือจุนบุคคลอื่นได้ ก็ควรกระทำ เพราะการเป็นผู้ให้นั้น จะทำให้ใจเราเบิกบาน มีความสุข ครับ แต่ถ้ามีเวลาก็ขอให้ ทำความรู้สึกตัว(สติ) อยู่ในอิริยาบถ หลัก คือการยืน เดิน นั่ง นอน และอิริยาบถย่อย เช่นการหายใจ กิน ขยับแขน-ขา และการทำงาน ทำด้วยความรู้สึกตัว และอย่าคิดนอกกาย-ใจ เพียงแค่นี้ก็เป็นการสำรวมกาย วาจา ใจ และการปฏิบัติธรรม ตามคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรงสอนให้ "อยู่ด้วยความไม่ประมาท" แล้วครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #4495 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 08:03:44 »

สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่สิงห์
 ได้มาฟัง ข้อคิดธรรม แต่เช้า ก่อนเริ่ม ทำงาน
 ขอบคุณค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4496 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 08:24:16 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              เช้านี้ผมตื่นมาปฏิบัติธรรม ตั้งแต่ 04:30 น. หกโมงเช้าก็ไปเดินจงกรมออกกำลังกาย ที่เทอเรสโรงแรมชั้นสาม อากาศสดชื่น มีลมเย็นพัดแรง มีเสียงนกเอี้ยงพูดคุยกันส่งเสียงเรียกพวกพ้องให้ออกไปหาอาหารกันแซดไปหมด ต้องทำใจว่า "ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน" ผมเดินไปกลับ ความยาว 80-100 เมตร จำนวน 30 เที่ยว และเดินถอยหลังอีก 2 เที่ยว หลังจากนั้นก็รำ ชิกง และตามด้วยท่านนมัสการพระอาทิตย์สามรอบ จบด้วยการฝึกโยคะ ท่าต้นไม้ ทั้งสองขาสลับกันเพื่อฝึกจิต และการทรงตัวยืนขาเดียว หมดไปหนึ่งชั่วโมงพอดีสำหรับเช้านี้

              ขึ้นไปบนห้องรับประทานลูกเสาวรสจำนวน ๒ ผล และผ่าอีกสองผลใส่จาน ลงเอาไปให้คุณ ดลนภา เพื่อนร่วมการออกกำลังกาย ที่จะมาวิ่งประมาณ ๒ ชั่วโมง บนลู่วิ่งห้องฟิตเนสโรงแรม เสมอ วันที่ผมมาเพราะเจอทุกอาทิตย์ แต่ไม่เคยคุยกันเลย แต่เธอจะสวัสดีผมเสมอเมื่อพบกันครับ

              หลังจากนั้นก็ลงไปรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มกล่อง กับผักสดแซมด้วยปลาตัวเล็กทอดกรอบและยำผักกาดกระป่อง จบด้วยผลไม้คือฝรั่ง-กล้วยเล็บมือนาง ครับ

              ช่วงนี้คงมีการเชิญชวนให้ประชาชนคนไทย ใส่เสื่อที่มีตราสัญญลักาณ์เฉลิมฉลองพระชนมายุในหลวงครบ ๘๔ พรรษา ใส่สีอะไรก็ได้ยกเว้นสีแดง สีเหลือง นอกจากนี่ยังเชิญชวนให้ประชาชนปฏิบัติธรรม เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน

               ถ้าทุกท่านปฏิบัติธรรม อย่างน้อยสุดท่านจะได้แก่ตัวท่านเอง คือท่านสามารถ สำรวม กาย วาจา ใจ หรือไม่ประพฤติผิดศีล ๕ จะมากจะน้อยดีทั้งนั้น ครับ และถ้าท่านพิจารณากาย-ใจของท่านไปด้วย ท่านจะเห็นความจริงของชีวิต  จะทำให้จิตใจท่าน สงบ รู้จักเสียสละ ปล่อยวาง ไม่อยากกระทำความชั่วทั้งปวง ไม่มีอะไรที่จะทำให้ท่านมีความสุข เท่ากับความสุขที่เกิดจากใจของท่านที่สงบ หยุดคิด หยุดปรุงแต่ง อีกแล้วครับ ท่านจะรู้จัก "สันติสุข   ที่เกิดจากความสงบแห่งจิต หรือ มหาสุญญตา ที่ท่านสามารถสัมผัสได้ ด้วยตัวท่านเอง แน่นอน ขอเพียงพิจารณาด้วย"ปัญญา" ครับ

               สวัสดีครับ           
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4497 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 11:30:32 »


                - เขื่อนเจ้าพระยาระดับน้ำ หน้าเขื่อนต่ำกว่าตลิ่ง ๒๙ ซม. ระดับน้ำ ท้ายเขื่อนต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๑๐ เมตร

                - จังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๐๐ เมตร

                - จังหวัดอุทัยธานี   ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๔๑ เมตร

                - จังหวัดสิงห์บุรี     ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๔๑ เมตร

                - จังหวัดอ่างทอง   ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๒๔ เมตร

                - จังหวัดอยุธยา     ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๑.๒๒ เมตร

                - บางไทร             ระดับน้ำต่ากว่าตลิ่ง ๑.๒๖ เมตร

                - จังหวัดปทุมธานี   ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง   ๒๐  ซม.

                - ปากเกล็ด           ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง   ๖๑  ซม.

                   ดังนั้น จะเห็นว่า กรมชลประทานไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยา ก็ได้  จะระบายน้ำไปทางไหนก็ได้ ไม่มีผลทั้งสิ้นต่อน้ำที่ท้วมขังอยู่ขณะนี้ เพราะระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งทั้งหมด กรมชลประทานควรจะปล่อยน้ำเข้าไปทางคลองชลประทานภาคกลาง ที่กำลังปลูกข้าวอยู่ ที่สุพรรณบุรี หรือสิงห์บุรีฝั่งตะวันตก ที่ข้าวกำลังรอน้ำจากกรมชลประทานในการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อชดเชยข้าวที่ถูกน้ำท้วม แต่คลองชลประทานก็ไม่มีน้ำให้ชาวนาสูบไปปลูกข้าว  ความจริงมันเป็นอย่างนี้  ผมคิดได้ แต่ช่วยไม่ได้เพราะผมไม่มีหน้าที่ อย่างท่านอธิบดีกรมชลประทาน ที่ท่านมองไม่เห็นปัญหา ท่านชอบให้ประชาชนชุมนุมประท้วงเสียก่อน ค่อยให้ ทางรัฐบาลออกมารับหน้าเสื้อและหาทางแก้ไข รัฐบาลท่านก็คิดเรื่องแบบนี้ไม่เป็นเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะประชาชนเป็นผู้เลือกนายมาเองคือรัฐบาล ครับ

                   ตอนนี้ดีใจที่ ทาง กทม. เพิ่งคิดได้ว่า น้ำที่ท้วมขังอยู่นั้น ไม่มีทางไป ต้องระดมเครื่องสูบน้ำจากของรัฐ และเอกชล มาช่วยกันสูบน้ำที่ท้วมขังทิ้ง เพื่อพื้นที่ กทม. จะได้แห้งเสียทีหนึ่ง ท่านผู้ว่าจะมาพูดเรื่องน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ฟังเลย มันล้าสมัย ประชาชนเขาไม่โง่ที่จะให้ท่านหรอกได้อีกแล้ว ว่าท่านกลัวน้ำท้วมนั่น ท้วมนี่ มันไม่มีหรอกครับ ไม่มีใครเชื่อท่านทั้งสิ้น ดังนั้น ประชาชนเขาถึงบอกให้เปิดประตูไปให้หมด มันก็ไม่ท้วมที่ใดเพิ่มทั้งสิ้น มันควรปล่อยให้น้ำไหลตามธรรมชาติของมัน มันจะได้แห้งพร้อมๆ กัน ทั่วกทม.เสียที รวมถึงที่บางบัวทอง ด้วยครับ

                   สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4498 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 11:49:35 »



การทำบุญถวายภัตตาหารแด่ พระนิสิต ที่กำลังเรียนหนังสือเพื่อสืบทอดพระศาสนานั้น

เป็นมหาบุญอีกอย่างหนึ่ง ที่พวกเราชาวพุทธ ควรสนับสนุน ถ้าสามารถให้ได้ ครับ

              มูลเหุตที่คิดทำบุญ ๕๐ วัน ให้แดง เพราะพวกเราที่ไปร่วมงานตั้งใจจะร่วมทำบุญอุทิศให้แดง แต่ทางญาติงดรับซอง เลยปรารภกับพี่สิงห์ว่า งั้นเอาไว้นัดกันไปทำบุญให้แดงเมื่อครบ ๕๐ วัน จึงเป็นที่มาของงานวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ สถานที่ เวลา และ กำหนดการที่พี่สิงห์แจ้งไว้ ชาวซีมะโด่งที่มีความประสงค์จะร่วมทำบุญ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี

                ชื่อบัญชี ชมรมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
                ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนวิทยุ เลขที่บัญชี 709-2-422245

                โอนแล้วกรุณา Fax ใบ Pay-in ไปยังคุณ กนกวรรณ (นก) ที่ 02 4363796 หรือโทรแจ้ง คุณนก ที่ 081 5845075

                รายชื่อ ผู้ที่จะเดินทางไปทำบุญ ๕๐ วันให้แดง ฉันทนา รวมเมฆ ณ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

                        ๑. อ. เผ่า
                        ๒. พี่สิงห์๋
                        ๓. พี่ป๋อง
                        ๔. พี่แต๋ง
                        ๕. แก้ว
                        ๖.
                        ๗.
                           ฯลฯ

                ขอเชิญชวนชาวหอไปร่วมทำบุญให้แดง กันค่ะ

                 Tang 16
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4499 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2554, 13:29:22 »

เปิดประตูระบายน้ำ 3 แห่งให้กว้างขึ้นเร่งระบายน้ำทางเหนือลงอุโมงค์ยักษ์

วันศุกร์ที่ 02 ธันวาคม 2011 เวลา 11:38 น.


                 (2 ธ.ค.54) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 11.15 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหากรุงเทพฯ ว่า  วันนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เวลา 12.55 น. สูงประมาณ 1.96 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนคูคลองสายต่างๆ ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง เช่น คลองหกวาสายล่างลดลง 6 ซม. คลองเปรมประชากร 8 ซมง คลองมหาสวัสดิ์ 4 ซม. ส่วนสถานการณ์ด้านเหนือและตะวันออกดีขึ้นชัดเจน ดังนั้น กทม.จะเปิดประตูระบายน้ำให้กว้างขึ้น 3 แห่ง ได้แก่ ประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ จากเดิม 1.40 เมตร เป็น 1.50 เมตร ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ มีนบุรี เพิ่มอีก 20 ซม. จากเดิม 1.30 เมตร เป็น 1.50  เมตร ประตูระบายน้ำลำบึงขวาง เพิ่มอีก 10 ซม. จากเดิม 1.20 เมตร เป็น 1.30 เมตร เพื่อระบายน้ำจ.ปทุมธานี และคลองหกวาสายล่างเข้าสู่ระบบการระบายน้ำของพื้นที่ชั้นในลงสู่อุโมงค์ยักษ์ที่สถานีสูบน้ำพระโขนง ด้านกรุงเทพฯ ตะวันตกยังติดตามต่อเนื่อง โดยยังคงระดับบานประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาไว้ที่ระดับ 50 ซม. เนื่องจากพื้นที่ด้านตะวันตกน้ำยังสูง โดยคลองทวีวัฒนาระดับน้ำลดลงเล็กน้อย
 
                ด้านการจัดเก็บขยะ ขณะนี้วานี้จัดเก็บได้ 12,000 ตันต่อวัน จากปริมาณขยะในภาวะปกติ 8,500 ตันต่อวัน แม้จะเก็บได้มากแต่ยังมีขยะตกค้าง ดังนั้น ก่อนวันที่ 5 ธ.ค.นี้ กทม.จะระดมคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กทม. และจังหวัดต่างๆ ที่สนับสนุนกทม. พร้อมเชิญอาสาสมัครและผู้มีจิตอาสา ร่วมกันจัดเก็บขยะในพื้นที่กรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ ใน 9 เขตน้ำท่วม โดยจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.)เป็นต้นไป ซึ่งกทม.จะแจ้งสถานที่ดำเนินการให้ทราบอีกครั้ง
 
                 ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้กทม.พิจารณาร่วมกับ ศปภ. ในการเปิดประตูระบายน้ำแนวคลองมหาสวัสดิ์ ว่า กทม.จะทำหนังสือถึง ศปภ. เพื่อหารือร่วมกันในการปรับเพิ่ม-ลดประตูระบายน้ำของกทม. ได้แก่ ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ซึ่งปัจจุบันเปิดอยู่ที่ระดับ 50 ซม. ประตูระบายน้ำคลองซอย 1 เมตร ประตูระบายน้ำขุนศรีบุรีรักษ์ 1 เมตร ประตูระบายน้ำคลองควาย 1 เมตร และในส่วนของกรมชลประทาน ได้แก่ ประตูระบายน้ำฉิมพลี และประตูระบายน้ำนครชัยศรี เพื่อบริหารจัดการน้ำคลองมหาสวัสดิ์มีประสิทธิภาพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตลอดแนวคลองมหาสวัสดิ์ต่อไป
                                                                                  -----------------


เป็นผม จะเปิดให้หมดทุกประตูเลย เพราะระดับน้ำไม่ได้แตกต่างกันมาก และไม่มีน้ำมาเติม มันจะได้แห่งพร้อมๆ กัน สนุกออก
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 178 179 [180] 181 182 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><