22 พฤศจิกายน 2567, 22:41:17
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 176 177 [178] 179 180 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3547971 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 25 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4425 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 20:05:46 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

               เรื่องการย้ายโรงงานไปเขมรนั้น มันมีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะค่าแรงถูก ได้สิทธิพิเศษทางภาษี แต่สิ่งที่ต้องคำนึง คือ คุณภาพของแรงงาน ความสะดวกสบายทางด้านสาธารณูปโภค ราคาค่าก่อสร้างโรงงานแพง ไฟฟ้าไม่มีในหลายพื้นที่ ต้องปั่นไฟฟ้าใช้เอง ความปลอดภัยของเจ้าของกิจการ มันไม่สบายเท่าประเทศไทยหรอกครับ  ผมไปมาหลายครั้งแล้ว และปีหน้าว่าจะไปเยี่ยม คุณ Kim และคุณ Nancy ตอนนี้ได้แต่ติดต่อกันทาง Email เศรษฐกิจไม่สู้ดีเท่าไร เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว

               สำหรับเรื่องน้ำท้วมนั้น เขมร หนักกว่าเรา มีฝนจากพายุมากกว่าเรา และเป็นที่ราบ ปากแม่น้ำโขง ครับ

               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4426 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 20:10:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2554, 19:45:24
                ผมต้องเรียนให้ทุกท่านทราบ ผมเองนั้น ค่อนข้างที่จะเห็นแก่ตัว คือ ไม่ดู TV ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ เพราะสิ่งเหล่านี้มันก็คือกิเลส อย่างหนึ่ง ที่ผมพยายามห่างไกลมัน อยากจะอยู่แบบพอเพียงจริงๆ ไม่ไปไหนนอกจากไปทำงาน มีความรู้สึกตัว มีสติ ไม่ปล่อยใจให้ร่องลอยไปตามความคิดปรุงแต่ง อยู่กับความรู้สึกที่อิริยาบถ ให้มากเข้าไว้ มันไม่คิดมาก ดีครับ จะผิดหรือจะถูก เป็นเรื่องของเวลาที่จะพิสูจน์ และผมก็เป็นสุขดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น

                  ดังนั้น ผมจะไม่รู้ความเป็นไปของสังคม การเมือง เรื่องทั่วๆไปมากนัก ใครมีเรื่องอะไรบอกให้ทราบก็จะขอบพระคุณมาก ครับ

                  สวัสดี


พี่สิงห์คะ
หนิงฟังวิทยุ ดูข่าวทีวี และอ่่านนสพ.
ขาดการรับรู้แล้วพาลจะเบื่ออาหาร
แลไม่จำเริญอ็องออ (แปลว่าสมองคะ!
เพื่อนโป๊ะ,รัฐ 27 ชอบมีศัพท์เทคนิคมาให้
จำเรื่อยๆสมัยอยู่หอ)..

เมื่อวานหนิงดูข่าวอะไรสักอย่าง
ค้นก่อนคะ...ได้แล้วจะมาแปะที่นี่
โดยพลันคะ.

เจ็บเหงือก



ลงชื่อ
น้องเหงือกบวม
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4427 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 20:27:32 »

เห็นเค้าพูดถึงน้ำ น้ำมาก น้ำท้วม
ที่ดาวอังคารคะ ไม่มีสักหยด!
ยินว่าเคยมี แล้วแห้งงงไปไหนหมด
เจอะน้ำ เจอะบรรยากาศอยู่ได้เมื่อไหร่..
ได้ย้ายไปอยู่ดาวอังคารกันคะพี่สิงห์



<a href="http://122.155.18.14/~zp00000612/mediaplayer.swf?file=http://video.nasa.gov/core-dl/423/0/593/272328192/1462/423/977/ef7b4d0f9925abcc16373dd6d5536641.mp4" target="_blank">http://122.155.18.14/~zp00000612/mediaplayer.swf?file=http://video.nasa.gov/core-dl/423/0/593/272328192/1462/423/977/ef7b4d0f9925abcc16373dd6d5536641.mp4</a>

http://www.nasa.gov/mission_pages/msl/news/msl20110624.html
      บันทึกการเข้า


เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4428 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 20:31:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2554, 20:05:46
สวัสดีครับ คุณเหยง

               เรื่องการย้ายโรงงานไปเขมรนั้น มันมีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะค่าแรงถูก ได้สิทธิพิเศษทางภาษี แต่สิ่งที่ต้องคำนึง คือ คุณภาพของแรงงาน ความสะดวกสบายทางด้านสาธารณูปโภค ราคาค่าก่อสร้างโรงงานแพง ไฟฟ้าไม่มีในหลายพื้นที่ ต้องปั่นไฟฟ้าใช้เอง ความปลอดภัยของเจ้าของกิจการ มันไม่สบายเท่าประเทศไทยหรอกครับ  ผมไปมาหลายครั้งแล้ว และปีหน้าว่าจะไปเยี่ยม คุณ Kim และคุณ Nancy ตอนนี้ได้แต่ติดต่อกันทาง Email เศรษฐกิจไม่สู้ดีเท่าไร เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว

               สำหรับเรื่องน้ำท้วมนั้น เขมร หนักกว่าเรา มีฝนจากพายุมากกว่าเรา และเป็นที่ราบ ปากแม่น้ำโขง ครับ

               สวัสดี

พี่สิงห์

เขาก็แค่ข้ามไปสร้างโรงงานคนละฝั่งกับประเทศของเรา คือ ที่ปอตเปต เป็นหลัก หรือที่เสียมราษฎร์
และกลับเข้าไทยที่อรัญฯ มาเสพสุขในประเทศไทยต่อ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4429 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2554, 21:24:21 »

อีก 8 1/2 เดือนข้างหน้านะพี่!
ก็ยานเพิ่งส่งจากฐานเมื่อวานเอง.

animationข้างต้นที่พี่ชม
เป็นการทำงานของ "Marsrover"
เมื่อไปถึงแล้ว.



<a href="http://122.155.18.14/~zp00000612/mediaplayer.swf?file=http://video.euronews.net/flv/new/cut/NS-111127_NWSU_040B0-space_road_to_mars_there_is_life_on_mars_G.flv" target="_blank">http://122.155.18.14/~zp00000612/mediaplayer.swf?file=http://video.euronews.net/flv/new/cut/NS-111127_NWSU_040B0-space_road_to_mars_there_is_life_on_mars_G.flv</a>


http://de.euronews.net/2011/11/27/ein-neues-kapitel-in-der-marsforschung-/
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4430 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 20:35:52 »














สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง คุณเหยง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              เมื่อเช้าผมขับรถไปสิงห์บุรี ด้วยความอยากรู้ จึงหยุดรถบนดอนเมืองโทลเวย์ พยายามมองหาบ้าน ดร.สุริยา ที่ดอนเมือง คงอยู่แถวๆในภาพครับ ระดับน้ำยังมี ๑ เมตร อยู่เลยครับ แล้วเมื่อไรมันจะลดลงครับ ไม่มีวี่แววเลยจริงๆ ครับ

               Big Bag จะวางให้เสียสตางค์ แรงงาน เวลาทำไม ไม่ก่อประโยชน์ทั้งสิ้นครับ ท่านดูเอาเอง

               ดังนั้น วันนี้เมื่อเช้าประชาชนชาวแจ้งวัฒนะ จึงชุมนุมประท้วง ตั้งข้อเรียกร้อง เพราะน้ำท้วมมาหนึ่งเดือน แปดวัน น้อยกว่าบ้าน ดร.สุริยา ครับ เพราะน้ำมันไม่ลดลง กทม. รัฐบาล ปล่อยให้เป็นไปธรรมชาติต้องใช้เวลาอีกสองอาทิตย์เป็นอย่างน้อยครับ

               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4431 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 20:51:23 »



น้ำรอบนิคมอุตสาหกรรมไอเทค อยุธยา ครับ



น้ำทางบางปะหัน อยุธยา ฝั่งตะวันตกของสายเอเซีย


             - วันนี้ระดับน้ำที่ปทุมธานี สูงกว่าเมื่อวาน ๕ ซม. เหนือตลิ่ง แสดงว่ามีการระบายน้ำทุ่งมาลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มที่ปทุมธานี เพราะระดับน้ำที่ปากเกล็ดยังลดลง

             - อยุธยา ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๖๔ ซม.

             - บางไทร ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๙๙ ซม.

             - ปากเกล็ด ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๓๖ ซม.

             - สิงห์บุรี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๘๘ ซม.

               แต่น้ำทุ่ง ที่อยุธยา ยังเหลืออีกปริมาณมหาศาล ครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #4432 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 20:52:01 »

คลองวิภาวดี ปากซอยบ้านโพ๊ม
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4433 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:00:16 »





บ้านพี่สาว ที่ตำบลทับยา อำเภอินทร์บุรี สิงห์บุรี น้ำแห้งแล้ว ระดับน้ำสูงกว่าบ้านระดับหัวเข่า นานสามเดือนครับ

ช่วงน้ำท้วม วันพระ มีคนไปทำบุญเพียง สามคน เท่านั้น พระ เณร ไม่มีอาหารฉัน ครับ






แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สิงห์บุรีขณะนี้ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ ๔-๕ เมตร ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4434 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:08:56 »

ขนาดน้ำท่วม ยังมีคนไปร่วมทำบุญถึง 3 คน แสดงว่า คนไทยยังอยู่คู่วัดครับ เดือดร้อนก็ยังไปวัด
แต่วัดต้องเก่ง ช่วยตัวเองให้ได้ด้วย ของที่เคยมีคนนำมาถวาย ต้องนำออกมารวมกัน ทำของขบฉันให้พอให้ได้

ผมเคยไปดูพระเณรรื้อกุฎิของพระที่มรณะภาพ โอ้โห !! ของเพียบ
ขนาดไม้ขีดไฟรุ่นเก่าๆ นับเป็นสิบๆปี ยังมีอยู่ รวมทั้ง มาม่า ไวไว ยำยำ เก็บเป็นกองท่วมหัวจนเหม็นหื่น

หากยามจำเป็น พระผู้ใหญ่ต้องเป็นแกนนำครับ ลูกวัดถึงจะรอด
อย่ารอความช่วยเหลือ..พระพุทธเจ้าถึงมีคำว่า "อัตตาหิ อัตโนนาโถ" นั่นไง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4435 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:11:27 »




                - วันนี้ผมไปเยี่ยมแม่ ที่สิงห์บุรี ไปคุยกับท่าน แม่ยังเน้นกับผมเหมือนเดิม คือ เอาแม่ไปบ้านด้วย ย้ำแล้วย้ำอีก กลัวว่าผมจะลืม  ผมก็ได้แต่ครับ วันเสาร์ที่ ๑๐ เป็นวันพระ ผมจะเอาแม่ไปทำบุญที่วัดพระนอน และจะพาไปวัดโบสถ์ไปเยี่ยมเจ้าคุณที่แม่รู้จัก ครับ ตอนนี้แม่มีอาการแทรกเพิ่มขึ้น คือ ขาข้างซ้ายเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ทำให้ขาซีด น้องสาวทำใจไม่ได้กลัว จึงไม่กล้าบอกผม ต้องให้หลานสาวบอกผม ผมก็บอกว่า รับได้ทั้งนั้น สังขาร มันก็เป็นอย่างนี้ เพราะมันไม่เที่ยง มีแต่ทุกข์ อะไรจะเกิดผมรับได้ทั้งนั้น ผมจึงไม่แปลกใจเลย เมื่อแม่เห็นหน้าผม จึงบอกว่าเอาแม่ไปบ้านด้วยคนนะ เสมอ ครับ

                - ผมไปบ้านพี่สาว และเลยไปซื้อปลาช่อนแมาลาแดดเดียว และคนดุแลแม่ได้แกงส้มมะละกอเอาไว้ให้ ผมจึงได้รับประทานอาหารกลางวันเป็น แกงสมมะละกอ และปลาช่อนแดดเดียวทอดครับ

                - ผมเอามังคุดจากนครศรีธรรมราชไปป้อนให้แม่ด้วยครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4436 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 21:19:20 »




                นี่คือ น้ำทุ่ง ที่สิงห์บุรี ฝั่งตะวันออกของถนนสายเอเซีย ไม่รู้จะระบายไปที่ไหน ครับ ทั้งๆ ที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาต่ำกว่าตะลิ่ง ๔ เมตร  สำหรับฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทางบ้านผม ชาวนาหว่านข้าวนาปรัง ขึ้นต้นหมดแล้วทั้งทุ่ง ครับ   ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าข้าวจะไม่มี ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4437 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2554, 22:36:27 »

บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ครับ.......

ทำไงได้เมื่อ 'เพื่อไทย' มีนายเช่นนี้
เปลว สีเงิน28 พฤศจิกายน 2554 - 00:00

      คราสในภพที่ ๘ ของดวงเมือง คือราศีพิจิก เมื่อ ๒๕ พ.ย.๕๔ ผ่านไป วันนี้-เราก็ต้องสูญเสียประมุขสถาบันตุลาการ "ท่านมนตรี ยอดปัญญา" ประธานศาลฎีกา ไปเมื่อกลางดึกคืนวันที่ ๒๖ พ.ย.๕๔ ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ก็ขอแสดงความอาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย การสวดพระอภิธรรมจะมีไปจนถึงวันที่ ๓ ธ.ค. ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร จากนั้นเก็บศพไว้ ๑๐๐ วัน
     เป็นไงครับ เมื่อวาน-เป็นวันอาทิตย์ส่งท้ายสมัยประชุมสภาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ.
     ก็ได้ดู-ได้รู้-ได้เห็น แต่ละบทบาท แต่ละจิตสำนึก แต่ละนิสัยสันดาน ส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน-ผู้ซักฟอก และฝ่ายรัฐบาลที่ถูกซักฟอกกันไปแล้ว
     ผมว่าแค่ได้ดู-ได้ฟังก็พอแล้ว ไม่ต้องลุ้นผลโหวตเช้าวันนี้ (๒๘ พ.ย.) หรอกว่า "ภาคสภา" พล.ต.อ.ประชาจะพ่ายหรือจะผ่าน แต่ในภาคประชาชนผู้ฟังการอภิปราย รัฐบาล-โดย พล.ต.อ.ประชา ผู้รับหน้าเสื่อแทนยิ่งลักษณ์
     ไร้ราคายิ่งกว่า "เศษเนื้อข้างเขียง" ซะอีก!
     ความจริงนั้น ถ้ารัฐบาลนี้เกิดตามครรลองประชาธิปไตยคุณภาพ พล.ต.อ.ประชาก็จะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ ส.ส.เพื่อไทยที่รับบทองครักษ์ก็จะไม่ต้อง "ป่วนอภิปราย" จนกลายเป็นตัวสังคมขยะแขยงแบบนี้ เพราะจะต้องมี "นายกฯ" ที่สมบูรณ์ด้วยศักยภาพแห่งปัญญา และเดชาในสนามรบ
     เมื่อมีแม่ทัพคือนายกฯ ที่สมบูรณ์แล้ว พล.ต.อ.ประชา ซึ่งเป็นแค่ผู้ตาม ก็จะไม่ต้องมาทำงานในหน้าที่ผู้นำที่ตัวเองไม่มีคุณสมบัติทำได้ คืองานนำทัพรับศึกน้ำท่วม นั่นก็จะไม่ต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งดังที่เป็น
     แต่ทำไงได้ เมื่อ ส.ส.เพื่อไทยทั้งพรรคพอใจยก "น้องสาวเจ้าทรัพย์" เป็นหัวหน้า ทุกอย่างมันจึงเป็นไปตามตรรกะ ภายใต้ธงรบแม่ทัพที่ขาดเขลาเบาปัญญา กองทัพย่อมคลาคล่ำด้วยทหารกระหายโหดและโฉดชั่ว
     "ทหารกร้าน" กับ "ทหารกล้า" มันคนละแบบ!
     เอาหละ...ขอชมการทำหน้าที่ท่านหนึ่งคือ "นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ" รองประธานสภา ส.ส.พะเยา ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมวานนี้ ท่านเป็นคนที่สังคมไม่ได้หวังสูง แต่การทำหน้าที่ครั้งนี้ของท่าน "เยี่ยมที่สุด" ผมชื่นชม และคารวะท่านครับ
     ดูเขาสัประยุทธ์กันยังไม่เสร็จ ดังนั้น วันนี้ขออนุญาตลอก "สกู๊ปหน้า ๑" นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๒๕ พ.ย.๕๔ มาให้อ่านกัน เพราะเขาได้ค้นคว้าหาข้อมูลที่มาของน้ำและเรียบเรียงไว้ดีที่สุด อ่านแล้วตัดเก็บไว้เลยนะครับ 
     
      แกะรอยน้ำท่วม ๕๔
      บันทึกไว้ก่อนเลือน/ไทยรัฐ ๒๕ พ.ย.๕๔

      อภิมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นยังเป็นวาทะถกเถียง เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นไม่จบสิ้น หาผู้หาญกล้ายืดอกแสดงความรับผิดชอบไม่ได้เหมือนปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
      มีทั้งโทษธรรมชาติปีนี้มีพายุพัดเข้ามาก รวมทั้งคิดไกลมองเป็นเกมการเมืองฝ่ายตรงข้ามใช้ จับมือกับพระพิรุณปล่อยฝนตกหนัก แล้วแอบกักเก็บน้ำไว้ในเขื่อน ไม่ยอมปล่อยระบาย วางยารอท่ารัฐบาลใหม่จะได้สำลักน้ำท่วมเสียความนิยมทางการเมือง
      ข้อครหาสาดโคลนกันไปมาเป็นเรื่องจริง หรือจินตนาการเพื่อโบ้ยผิดให้พ้นตัว
      สังคมข้อมูลข่าวสารสารพัดสื่อยุคนี้ เป็นเรื่องยากที่คนไทยจะรู้ได้เท่าทัน นอกจากจะต้องย้อนรอยไปดูความเป็นมาของมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ในยุคเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่
      มหาอุทกภัย 2554...ประเทศไทยเจอพายุซัดเข้ามาถึง 5 ลูกเต็มๆ เกินปัญญาจะรับไหว จริงเท็จแค่ไหน
      บันทึกข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ในหัวข้อ "ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ.2554” มีพายุเกิดขึ้นทั้งหมด 34 ลูก...แต่มีพายุที่พัดเข้ามาแถวบ้านเราแค่ 5 ลูก
      ลูกแรกเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน พายุ "ไหหม่า” ตามด้วย "นกเตน” ตอนปลายเดือนกรกฎาคม เว้นระยะพักไปเกือบ 2 เดือน มาในช่วง 23 ก.ย.-5 ต.ค. มีพายุก่อตัวไล่ตามกันมาติดๆ ถึง 3 ลูก นั่นคือ "เนสาด” ตามติดด้วย "ไห่ถาง” และปิดท้ายด้วย "นาลแก”
      แต่พายุ 5 ลูกที่ว่านั้น...ไม่ได้พัดเข้าไทยแบบเต็มๆ ทั้ง 5 ลูกแต่อย่างใด
      "ไหหม่า” พายุลูกแรก พัดจากฟิลิปปินส์มุ่งหน้าทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขึ้นเกาะไหหลำแล้วโฉบลงมาเข้าเวียดนาม อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันถึงจะเข้าลาว...26 มิ.ย. มาถึงไทยสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ
      ยิ่ง "เนสาด-ไห่ถาง-นาลแก” แม้จะเป็นพายุ 3 ลูก ที่ก่อตัวขึ้นมาในเวลาใกล้เคียงกัน แต่อิทธิพลความรุนแรงต่อไทยสู้ไหหม่าไม่ได้
      เพราะเนสาดออกจากฟิลิปปินส์ มุ่งหน้าไปทางเหนือของเกาะไหหลำแล้วเข้าจีนไปเลย ส่วนไห่ถาง ก่อตัวในทะเลทางใต้ของฮ่องกง พัดหมุนวนอยู่ในทะเลใกล้เวียดนามตอนเหนือ หมุนวนอยู่อย่างนั้น 4 วัน (24-27 ก.ย.) แล้วสลายตัวขึ้นฝั่งเวียดนามกลายเป็นดีเปรสชัน พอเคลื่อนเข้าลาวกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนจะเข้าไทย
      นาลแกมิต่างกัน แรกๆ ตั้งท่ามาแรง เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นถล่มฟิลิปปินส์แรงได้วันเดียว ลดระดับฮวบฮาบลงมาเป็นพายุโซนร้อนธรรมดา เกรดต่ำกว่าไต้ฝุ่น จากนั้นโฉบไปขึ้นเกาะไหหลำ แล้วดาวน์เกรดลงมาเหลือสถานะแค่ดีเปรสชัน จากนั้นวกลงใต้ขึ้นฝั่งเวียดนามที่เมืองดองฮอย สลายตัวกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนจะเข้าลาวและไทยอีกเช่นกัน
      ในบรรดาพายุ 5 ลูกที่กล่าวอ้าง มีแค่ "นกเตน” เจ้าเดียวเท่านั้นที่พอจะพูดได้ว่าเป็นพายุที่พัดเข้าประเทศไทย...เพราะตอนพัดเข้าเวียดนามก่อนจะเข้าลาวยังมีสถานะเป็นพายุโซนร้อน ออกจากลาวจะเข้าไทยได้ลดระดับเป็นดีเปรสชัน...แต่ก็แค่วันเดียวมาถึง จ.น่าน สลายกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ
      ถึงจะแค่ดีเปรสชัน...แต่พอจะคุยกับคนไม่รู้เรื่องอุตุนิยมวิทยาได้ว่า ประเทศไทยมีพายุพัดเข้ามาเหมือนกัน น้ำจึงได้ท่วมเป็นมหาอุทกภัย
      ในขณะที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์เจอพายุตัวแม่ของจริงไปเต็มๆ...แต่ไฉนถึงไม่เป็นข่าววิกฤติระดับโลก น้ำท่วมมาราธอนยาวนาน 3-4 เดือนเหมือนไทยเรา
       ส่วนปมประเด็นพระพิรุณรับจ๊อบนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามวางยาเก็บกักน้ำไว้ในเขื่อน ในช่วงรอยต่อรัฐบาลเก่ารัฐบาลใหม่...เท็จจริงเป็นเช่นไรต้องแกะรอยปริมาณน้ำในเขื่อน ที่ประชาชนธรรมดาสามารถหาสืบค้นได้ในเว็บไซต์ ...ได้ทั้งของกรมชลประทาน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและเกษตร (องค์การมหาชน)
      ไม่ต้องดูทุกเขื่อนทั่วไทย...ดูกันแค่เขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์ก็พอ เพราะเป็นที่ถูกกล่าวหามากที่สุด
      เริ่มต้นจ้องมอง...ดูปริมาณน้ำวันประกาศยุบสภาฯ 5 พ.ค.54
      วันนั้น ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 45% ของความจุอ่าง ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีอยู่ 50%...ผ่านไปเดือนครึ่ง ก่อนไหหม่าจะพัดมา น้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 55% เขื่อนสิริกิติ์ 54%
      หลังไหหม่าสลายตัวไป 7 วัน และก่อนเลือกตั้ง 1 วัน...2 ก.ค.54 น้ำในเขื่อนภูมิพลเพิ่มมาเป็น 58% ของความจุอ่าง เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำเพิ่มเป็น 64% ยังเก็บน้ำได้อีกเยอะ
      ห้วงเวลาถัดมา คนไทยรู้กันแล้วว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี 29 ก.ค.54 ก่อนดีเปรสชันนกเตนจะถึงไทย...น้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 63% เขื่อนสิริกิติ์ 77%
      5 ส.ค. สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี...เป็นวันที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีบันทึกไว้ว่า เป็นวันสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเป็นการเริ่มต้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
      8 ส.ค. มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ดีเปรสชันนกเตนสลายตัวไป 8 วันแล้ว...ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลเพิ่มมาอยู่ที่ 69% เขื่อนสิริกิติ์ 85%
      ปริมาณน้ำขนาดนี้มากเกินไปหรือไม่...ยังไม่อันตราย เพราะขีดความสามารถการรับน้ำของเขื่อนนั้นรับได้ 100% และต่อให้เกิน 100% ระดับน้ำเพิ่มขึ้นมาจ่อสันเขื่อนก็ยังรับได้
      แต่ในทางปฏิบัติ ถ้าไม่มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่ม จะเก็บกักกันแค่ 100% เพราะถ้าปล่อยให้เกิน 100% แรงดันน้ำจะกดทับประตูจนไม่สามารถเปิดประตู Spillway ได้นั่นเอง
      25 ส.ค. รัฐบาลชุดใหม่เสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อย คณะรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศได้เต็มสูบ...ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 75% เขื่อนสิริกิติ์ 93%
      และเป็นวันแรกที่เขื่อนสิริกิติ์เริ่มระบายน้ำผ่าน Spillway วันละ 7.35 ล้านคิว นอกเหนือจากระบายน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ระบายอยู่แล้ว วันละประมาณ 50-60 ล้านคิว มาตั้งแต่ 4 ส.ค.54
      ส่วนเขื่อนภูมิพลปริมาณน้ำอยู่ที่ 75% การระบายน้ำล้นยังไม่ได้ทำ มีแต่ระบายน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าวันละ 20-30 ล้านคิวอยู่แล้ว
      สถานการณ์ขณะนั้นน้ำท่วมยังคงอยู่แถวสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร...คงจำกันได้ 28 ส.ค. 54 ชื่อ "บางระกำโมเดล” มาโผล่เอาตอนนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยไปเยี่ยมเยียนแจกถุงยังชีพแถวนั้น ทัพน้ำยังมาไม่ถึงนครสวรรค์สักเท่าไร ให้บังเอิญเวลานั้นหลังจากนกเตนสลายตัว ไม่มีพายุไหนพัดเข้ามาอีกเลย...รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ พายุเว้นวรรคให้ลืมน้ำท่วมไปได้ถึง 2 เดือน
      วุฒิภาวะตระหนักภัยรับมือน้ำท่วมเลยจืดจาง ปล่อยให้มหาดไทย สิงห์คลองหลอดขยันใช้งบฉุกเฉินซื้อถุงยังชีพแจก รับหน้าสื่อแก้ปัญหา...ส่วนรัฐบาลหันไปให้ความสำคัญเรื่องอื่นที่ใหญ่กว่าแทน
      27 ส.ค. ลดราคาน้ำมัน, 6 ก.ย. ย้ายเลขาธิการ สมช.เพื่อจะได้โยก ผบ.ตร.มานั่งแทนแล้วดันญาติมาเป็นใหญ่ใน สตช., 13 ก.ย. รถยนต์คันแรก, 20 ก.ย. บ้านหลังแรก
      และแล้ววันเวลาหลงละเลิงประชานิยมต้องหยุด เมื่อ 3 พายุก่อตัว อาละวาดในช่วงเวลาไล่ๆ กัน เนสาด (23-30 ก.ย.), ไห่ถาง (24-27 ก.ย.), นาลแก (26 ก.ย.-5 ต.ค.) พร้อมๆ กับน้ำท่าเริ่มรุกเข้านครสวรรค์-อุทัยธานี-ชัยนาท-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ลพบุรี-อยุธยา
      5 ต.ค.54 เริ่มมีการระบายน้ำออกจากเขื่อนภูมิพลทางประตูน้ำล้นวันละ 40 ล้านคิว เพิ่มเติมจากที่ระบายเพื่อผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว 60 ล้านคิว เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นมาเป็น 98% ของความจุเต็มอ่าง ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ปริมาณน้ำอยู่ที่ 99% แต่ไม่ระบายน้ำล้น ระบายแค่เพื่อผลิตไฟฟ้าวันละ 60 ล้านคิว
      6 ต.ค. น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร, 7 ต.ค. เทศบาลอโยธยาใจกลางเมืองอยุธยาจมบาดาล...และผู้นำเพิ่งตั้งหลักได้ ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง
      8 ต.ค.น้ำทะลักแนวกั้นนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และอีกหลายนิคมอุตสาหกรรมจมน้ำตามมา เพราะเอาอยู่...จนกลายเป็นตำนานให้เล่าขานไปอีกนาน
      พระพิรุณรับจ๊อบ หรือคนมีจ๊อบแต่ทำไม่เป็น...ทั้งที่มีอำนาจเต็มตัวและมีเวลาให้รับมือถึง 2 เดือน
      เมื่อมีปัญญาคิดทำได้เท่านี้...สมควรแล้วที่ต้องโทษผีสางเทวดา
                                                                                       -สกู๊ปหน้า ๑ ไทยรัฐ

http://www.thaipost.net/news/281111/48811
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4438 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 08:15:38 »


สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                - เช้านี้มีข่าวดี บ้าน ดร.สุริยา คือ ทางเขตหลักสี่ ได้ไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำจากคลองเปรมประชากร ออกเพื่อให้ระดับน้ำในคลองลดลง จะทำให้ แจ้งวัฒนะ ดอนเมือง น้ำจะลดลง และนอกจากนี้ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่หมู่บ้านเมืองเอก เพื่อสูบน้ำกลับไปลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ และลงแม่น้ำเจ้าพระยาต่อไป ถ้า กทม. ศปภ. เร่งสูบน้ำ ประชาชนผู้เดือดร้อนก็คงไม่ประท้วง ครับ

                - วันนี้ได้ข่าว ชาวบางบัวทองจะชุมนุมประท้วง เพราะรัฐบาลท่านไม่ทำอะไรเลย คือไม่เร่งระบายน้ำทิ้ง

                - ทางรังสิตหมู่บ้าน ไวท์เฮาส์ รัตนโกสินทร์ ทางเทศบาลปทุมธานี-รังสิต กำลังเอาเครื่องสูบน้ำไปติดตั้ง คาดว่าต้องใช้เวลาสองอาทิตย์ในการสูบน้ำทิ้ง

                - ประตูน้ำพระยาสุเรนทร์ ชาวบ้านก็พยายามให้เปิดประตูน้ำมากกว่า ๑.๕ เมตร เพราะระดับน้ำไม่ลดลงเลยครับ

                  ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่น้ำท้วมมามากกว่าหนึ่งเดือดแล้ว ทางรัฐฐาลท่านไม่ทำอะไรเลยโดยเฉพาะท่านนายก เพราะท่านไม่มีความคิดอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นเราต้องยอมรับความจริง เพราะประชาชนเลือกคนแบบนี้มาเป็นรัฐบาล ที่ไม่ได้ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง  ท่านทำงานตามที่นายสั่งเท่านั้น ไม่ได้รักประเทสไทยอย่างแท้จริง มีแต่ความแค้น ส่วนตัว ที่ท่านคิดว่าท่านไม่ได้ผิดอะไรทั้งสิ้น ก็ว่ากันไป แต่ละคน แต่ที่แน่ๆ คือ ประชาชนผู้เลือกรัฐบาลด้วยตัวเอง ต้องเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #4439 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 09:14:00 »

มันน่าจะเร่งสูบซะตั้งนานแล้ว
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4440 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 09:46:37 »

กทม.เผยแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูเยียวยา และป้องกันน้ำท่วม

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 12:41 น.


                 (28 พ.ย.54) ณ ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า): แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู เยียวยา ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2554 โดยกทม.จะเร่งประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในทุกมิติอย่างรวดเร็ว พร้อมวางระบบบริหารจัดการน้ำท่วม และลดความสูญเสียของกทม.ในอนาคต แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ มาตราการระยะสั้น (90 วัน), มาตรการระยะปานกลาง (1 ปี) และมาตรการระยะยาว (มากกว่า 1 ปี) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับ พร้อมกำหนดกิจกรรมและระยะเวลาในการดำเนินงานต่อไป
 
ระยะสั้นเร่งเยียวยาจิตใจประชาชน
 
                 สำหรับมาตรการระยะสั้นจะเร่งเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมเร่งสำรวจข้อมูล และการจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย สร้างโอกาสทางธุรกิจ เช่น การฝึกอาชีพ การจัดหาแหล่งงาน แหล่งเงินกู้ จัดสรรงบประมาณเร่งด่วนในการปรับปรุงทางกายภาพในพื้นที่ชุมชน พื้นที่สาธารณะ ปรับปรุงทางระบายน้ำ ภูมิทัศน์ บูรณะศาสนสถาน ซ่อมแซมโรงเรียน ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ระยะกลางเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

                 ในส่วนของมาตรการระยะปานกลาง เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำระบบคลองและแนวป้องกันน้ำท่วมที่ยังมีจุดอ่อนรองรับการระบายน้ำในปี 2555 โดยขุดลอกคลอง 2,000 แห่ง ก่อสร้างเขื่อนถาวรในแนวป้องกันน้ำท่วมที่ยังมีจุดอ่อน จัดการอุปสรรคขวางทางระบายน้ำต่างๆ พร้อมติดตั้งเครื่องเร่งผลักดันน้ำในคูคลองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย จัดวางระบบการประสานงานและให้มีระบบเตือนภัยให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งจัดระบบข้อมูลสารสนเทศให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการวางแผนฟื้นฟูเมืองและป้องกันน้ำท่วมในอนาคต
 
เตรียมพัฒนาระบบลำเลียงน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว
 
                  นอกจากนี้ กทม.ยังได้เตรียมแผนฟื้นฟูฯ ระยะยาวโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการลำเลียงน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม เช่น อุโมงค์และระบบระบายน้ำต่างๆ ขุดลอกคลองขนาดเล็ก – ใหญ่ พร้อมปรับปรุงกฎหมาย ผังเมือง และกำหนดมาตรการดูแลผู้ถูกรอนสิทธิ สร้างระบบฐานข้อมูลการบริหารจัดการน้ำให้รองรับการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดใกล้เคียง
                                                               ---------------------------------------
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4441 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 09:49:03 »

โฆษกกทม.เผยมีผู้แอบอ้างเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์โดยพลการ

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2011 เวลา 16:32 น.
 
 
                 (28 พ.ย.54) ที่ศาลาว่าการกทม.  15.30 น. : นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีมีผู้แอบอ้างคำสั่ง ศปภ. โดยนำประชาชนเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ เขตสายไหม โดยพลการจากเดิม 1 เมตร เป็น 1.50 เมตร เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) ว่า  ศปภ.มีหนังสือเลขที่ 369/2554 ลงวันที่ 25 พ.ย.54 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ที่ระดับ 1.50 เมตร ซึ่งหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือขอความอนุเคราะห์ไม่ใช่คำสั่งให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำ ขณะเดียวกันในวันที่ 26 พ.ย.54 กทม.ได้มีหนังสือตอบกลับไปยังศปภ.เพื่อชี้แจงว่าไม่สามารถเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ที่ระดับ 1.50 เมตร ได้ เนื่องจากจะกระทบกับหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2554 ลงวันที่ 23 ต.ค.54 ซึ่งให้อำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการใช้ดุลพินิจในการเปิดประตูระบายน้ำตามความเหมาะสมและเกิดผลกระทบต่อประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครน้อยที่สุด โดยคำสั่งระบุให้กทม.บริหารจัดการน้ำจากพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยร้ายแรงไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา โดยให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำในเขตพื้นที่รับผิดชอบเพื่อรองรับการระบายน้ำจากกรมชลประทานผ่านระบบสูบน้ำของกทม.ไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และคำนึงระดับน้ำที่เหมาะสมเพื่อไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เช่น กทม.ได้เปิดประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ จากเดิม 1.20 เมตร เป็น 1.50 เมตร และ ประตูระบายน้ำแสนแสบ เขตมีนบุรี จากเดิม 1 เมตร เป็น 1.30 เมตร เพื่อเร่งระบายน้ำพื้นที่ด้านเหนือและตะวันออกให้เร็วที่สุด
 
                โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ผู้แอบอ้างและนำประชาชนดำเนินการเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์โดยพลการ คือ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 10 โดยแอบอ้างคำสั่งของนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ ศปภ. ดำเนินการโดยพลการ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีคำสั่งจากศปภ.ให้เปิดประตูระบายน้ำพระยาสุรเนทร์แต่อย่างใด พร้อมกันนี้ ผู้แอบอ้างได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลสายไหม เมื่อวันที่ 27 พ.ย.เวลา 19.59 น. ภายหลังจากเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ โดยกล่าวหาการทำงานของกทม.รวมกว่า 3 หน้ากระดาษ ซึ่งทำให้กทม.เกิดความเสียหาย และประชาชนเกิดความเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายตรวจสอบข้อกล่าวหาทั้งหมดอย่างรอบคอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทั้งกทม.จะทำหนังสือแจ้งให้ผู้อำนวยการศปภ.รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
 
                โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า กทม.บริหารจัดการน้ำโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และตัดสินใจดำเนินการทุกอย่างด้วยหลักของเหตุและผล แม้ประชาชนจะไม่พอใจทั้ง 100% แต่ทำให้การบริหารจัดการน้ำสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของกรุงเทพมหานครต่อไป
                                                                 ------------------------------
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4442 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 10:04:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2554, 09:14:00
มันน่าจะเร่งสูบซะตั้งนานแล้ว

             บังเอิญเขตดอนเมืองนั้น เป็นเสื้อแดง ก็ต้องให้คนเสื้อแดงช่วย คือ รัฐบาล และบังเอิญเป็นเขตรอยต่อปทุมธานี ก็เสื้อแดง และบังเอิญผู้ที่ทำลายคันกั้นน้ำก็เสื้อแดงที่ทำให้น้ำเข้ามาดอนเมืองและแจ้งวัฒนะทางคลองประปา ท่านผู้ว่า กทม. เกรงกลัวคนเสื้อแดง ก็เลยไม่ทำอะไรเหมือนกัน ปล่อยให้รัฐบาลเสื้อแดงท่านแก้ไข แต่รัฐบาลเสื้อแดงท่านทำอะไรไม่เป็น มันก็ต้อง ไปลงที่ประชาชนเสื้อแดงที่เลือกให้เป็นรัฐบาล

             ดังนั้น พื้นที่โดยรอบที่มีปัญาทั้งหมด น้ำท้วมขังขณะนี้นาน คือเขตเสื้อแดง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ธัญญะบุรี บางบัวทอง รังสิต สายไหม ลำลูกกา มีนบุรี หนองจอก ประชาชนก็ต้องไปถามรัฐบาลเสื้อแดง ว่าทำไมปล่อยให้น้ำท้วมนาน น้ำเน่า เดือดร้อนอย่างนี้ และน้ำจะแห้งเมื่อไร ?

             นี่คือความเดือดร้อนของประชาชนเสื้อแดง โดยรับฐาลเสื้อแดง ก็เป็นแบบนี้ละครับ

             สวัสดี  
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4443 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 10:13:32 »


                - วันนี้ระดับน้ำที่ ปทุมธานี สูงกว่าเมื่อวาน ๓ ซม. เหนือตลิ่ง แสดงว่าเป็นผลจากการที่มีหลายจุดระดมสูบน้ำที่ท้วมขังอยู่ออก จำนวนมาก ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเพิ่มขึ้นที่ปทุมธานี ครับ

                - สำหรับที่ปากเกล็ด นนทบุรี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง ๔๑ ซม. ท่านต้องคิดเอาเองนะครับ ว่าทำไม บ้านท่านน้ำจึงท้วมอยู่ มันต้องสูบทิ้งลงเจ้าพระยา ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #4444 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 10:32:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2554, 10:04:02
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2554, 09:14:00
มันน่าจะเร่งสูบซะตั้งนานแล้ว

             บังเอิญเขตดอนเมืองนั้น เป็นเสื้อแดง ก็ต้องให้คนเสื้อแดงช่วย คือ รัฐบาล และบังเอิญเป็นเขตรอยต่อปทุมธานี ก็เสื้อแดง และบังเอิญผู้ที่ทำลายคันกั้นน้ำก็เสื้อแดงที่ทำให้น้ำเข้ามาดอนเมืองและแจ้งวัฒนะทางคลองประปา ท่านผู้ว่า กทม. เกรงกลัวคนเสื้อแดง ก็เลยไม่ทำอะไรเหมือนกัน ปล่อยให้รัฐบาลเสื้อแดงท่านแก้ไข แต่รัฐบาลเสื้อแดงท่านทำอะไรไม่เป็น มันก็ต้อง ไปลงที่ประชาชนเสื้อแดงที่เลือกให้เป็นรัฐบาล

             ดังนั้น พื้นที่โดยรอบที่มีปัญาทั้งหมด น้ำท้วมขังขณะนี้นาน คือเขตเสื้อแดง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ธัญญะบุรี บางบัวทอง รังสิต สายไหม ลำลูกกา มีนบุรี หนองจอก ประชาชนก็ต้องไปถามรัฐบาลเสื้อแดง ว่าทำไมปล่อยให้น้ำท้วมนาน น้ำเน่า เดือดร้อนอย่างนี้ และน้ำจะแห้งเมื่อไร ?

             นี่คือความเดือดร้อนของประชาชนเสื้อแดง โดยรับฐาลเสื้อแดง ก็เป็นแบบนี้ละครับ

             สวัสดี  


คนเสื้อขาว คอปกฟ้า เลยต้องมาพลอย เดือดร้อนไปกับเขาด้วย ...    เหนื่อย

สวัสดีครับ พี่สิงห์ พี่ป๋อง พี่เหยง พี่หนิง และพี่ๆ ทุกท่าน ...

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4445 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 16:30:19 »

กทม.เตรียมความพร้อมอพยพผู้ประสบภัยก่อนเปิดภาคเรียน

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2011 เวลา 13:07 น.


                 (29 พ.ย.54) นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า โรงเรียนสังกัดกทม. จำนวน 345 โรงเรียน ในพื้นที่ 40 สำนักงานเขต จะเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 ในวันที่ 6 ธ.ค.54 นี้ ซึ่งกทม.ได้กำหนดจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน โดยในวันที่ 30 พ.ย.54 นี้ จะทยอยส่งผู้อพยพที่ประสบภัยน้ำท่วมและสมัครใจกลับบ้าน พร้อมมอบถุงทำความสะอาดเพื่อนำไปใช้ในการทำความสะอาดบ้านเรือนด้วย โดยสำนักงานเขตจะจัดรถรับ – ส่งประชาชนไปยังจุดรวมพล ณ ชุมชนต่างๆ ส่วนผู้อพยพที่ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ กทม.จะเปิดศูนย์เยาวชนฯ ศูนย์กีฬาฯ รวมทั้งค่ายลูกเสือของกทม. ให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย
 
ชวนจิตอาสาร่วมทำความสะอาดโรงเรียน

                 สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ที่ยังมีระดับน้ำท่วมสูง จำนวน 91 โรงเรียน ในพื้นที่ 10 สำนักงานเขต ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเรียนได้ในวันที่ 6 ธ.ค.54 จะเลื่อนไปเปิดเรียนในวันที่ 13 ธ.ค.54 ประกอบด้วย เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตบางบอน เขตทวีวัฒนา เขตหนองแขม เขตบางแค เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี และเขตบางเขนทั้งนี้ กทม.ขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมทำความสะอาดโรงเรียนตั้งแต่ 1–5 ธ.ค.54 สำหรับหน่วยงานที่ประสงค์จะเข้าร่วมฯ สามารถประสานโดยตรงที่สำนักงานเขตทุกแห่ง โดยในวันเสาร์ที่ 3 ธ.ค.54 คณะผู้บริหาร กทม.จะร่วมกับ ภาคเอกชน และกลุ่มจิตอาสา ทำความสะอาด ฉีดพ่นยุง ฆ่าเชื้อรา ในโรงเรียนวัดหลักสี่ เขตหลักสี่, โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) และโรงเรียนประชาอุทิศ (จันทาบอนุสรณ์) เขตดอนเมือง เปิดสอนชดเชยในวันเสาร์ – อาทิตย์ และช่วงเย็นของวันธรรมดา
 
                 เพื่อเป็นการชดเชยเวลาที่ปิดภาคเรียนเนื่องจากภาวะน้ำท่วม กทม.จะเปิดทำการเรียนการสอนชดเชยในช่วงเย็นวันธรรมดา ตั้งแต่เวลา 15.00 – 16.00 น. ตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนจนถึงวันที่ 27 ก.พ.54 และสอนชดเชยในวันหยุด สำหรับโรงเรียนที่เปิดภาคเรียนในวันที่ 6 ธ.ค.54 กทม.จะสอนชดเชยวันละ 5 ชั่วโมง ในวันเสาร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.54 – 3 มี.ค.55 ส่วนโรงเรียนที่เปิดภาคเรียนในวันที่ 13 ธ.ค.54 กทม.จะสอนชดเชยวันละ 5 ชั่วโมง ในวันเสาร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.54 – 3 มี.ค.55 และในวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.54 – 15 ม.ค.55 (ยกเว้นวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค.55)
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4446 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 16:36:47 »

สวัสดีครับ ดร.มนตรี

                ขอต้อนรับกลับ กทม. ครับ และขอบคุณที่ซื้ออุปกรณ์ฉีดคลอรีนฆ่าเชื้อเอามาเผื่อแผ่ผู้ประสพภัยน้ำท้วมอย่างผมครับ แต่อย่าลืม บ้าน ดร.สุริยา จมน้ำมาเดือนครึ่งแล้ว คงต้องเกณฑ์ชาวเวบไปช่วยกันคนละไม้ละมือครับ ผมเชื่อว่า ถ้า กทม. ตั้งใจสูบจริง อาทิตย์หน้า ดร. สุริยา ได้กลับบ้านไปทำความสะอาดแน่นอน ถึงตอนนั้น ดร.มนตรี คุณมิ้ง และทุกท่านต้องไปช่วยกันแล้วครับ ดร.สุริยา ต้องเตรียมเปิดล้างห้องน้ำไปมากๆ และเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เอาไปด้วยครับ

                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4447 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 16:39:46 »

สถานการณ์น้ำวันนี้
 สถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 (เวลา 09.00 น.)

 
น้ำเหนือ
 - ระดับน้ำเจ้าพระยาที่ อ.บางไทร 3.06 ม.รทก. (ลดลงจากเมื่อวาน 4 ซม.)
 
น้ำทะเลหนุนสูง
 - วันนี้เวลา 11.36 น. ระดับ +1.32 ม.รทก. และเวลา 19.28 น. ระดับ +1.03 ม.
 - วันพรุ่งนี้เวลา 12.13 น. ระดับ +1.25 ม.รทก. และเวลา 20.21 น. ระดับ +0.94 ม.

ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาด
 - ระดับน้ำสูงสุด เช้าวานนี้ เวลา 09.00 น. ระดับ +2.20 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 60 ซม.)
 - ระดับน้ำสูงสุด เย็นวานนี้ เวลา 18.45 น. ระดับ +1.89 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 91 ซม. )
 - ระดับน้ำ เช้าวันนี้ เวลา 09.00 น. ระดับ +2.16 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 64 ซม. น้ำกำลังขึ้น )
 - คาดการณ์จากกรมอุทกศาสตร์ วันนี้ เวลา 11.36 น. ระดับ +2.13 ม.รทก.
 
น้ำทุ่ง
 - พื้นที่ดอนเมือง (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 5 ซม.
 - ระดับน้ำคลองหกวาสายล่าง ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 5 ซม.
 - ฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา (24 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 3 ซม.
 
ภาพรวมสถานการณ์ใน กทม. (24 ชั่วโมงที่ผ่านมา)

พื้นที่ฝั่งพระนคร ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขัง ในพื้นที่เขตดอนเมือง หลักสี่ สายไหม บางเขน ลาดพร้าว คันนายาว มีนบุรี คลองสามวา
 - คลองเปรมประชากร ระดับน้ำลดลง 1-4 ซม. แต่ช่วงดอนเมืองระดับน้ำยังสูง
 - คลองบางเขน ระดับน้ำลดลง 1-3 ซม.
 - คลองลาดพร้าว ระดับน้ำลดลง 3-4 ซม.
 - คลองบางซื่อ ระดับน้ำลดลง 1-3 ซม.
 - คลองแสนแสบ ระดับน้ำลดลง 2-3 ซม.
 - คลองประเวศน์บุรีรมย์ ระดับน้ำลดลง 2-5 ซม.
 
พื้นที่ฝั่งธนบุรี ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขัง ในพื้นที่เขต ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน หนองแขม บางแค ภาษีเจริญ
 - คลองต่าง ๆ โดยทั่วไป ระดับน้ำลดลง 1-2 ซม.
 
      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #4448 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 16:44:34 »

แวะมาทันพี่สิงห์พอดีเลย สวัสดียามเย็นครับพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4449 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2554, 16:49:18 »




สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

               - เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมขับรถจากสิงห์บุรีไปสระบุรี โดยขับจากอ่างทองไปสระบุรีผ่านดอนพุด น้ำทุ่งที่สิงห์บุรี อ่างทอง ทางฝั่งตะวันออกของถนนสายเอเซีย ยังมีอีกมาก ตามภาพครับ

               - และวันนี้วันอังคาร ผมขับรถจากสระบุรีกลับกรุงเทพฯมาทาง อำเภออุทัย ผ่านนิคมอุตสาหกรรมฌรจนะ ทั้ง ๓ แห่ง ระดับน้ำทุ่งเหลือน้อยแล้วครับ เป็นนิมิตรหมายอันดี และภายในนิคมน้ำแห้งหมดแล้ว  ยกเว้นนิคมไฮเทค รอบๆ ยังมีน้ำทุ่งจำนวนมาก และระดับยังสูงครับ ก็ต้องคอย และสูบทิ้งกันต่อไปครับ สำหรับผู้ที่มีหน้าที่กู้นิคม คือ ทหารช่างของกองทัพบก ครับ

                 สภาพโดยรวม เกือบจะปกติแล้วครับผมว่าก่อนวันที่ ๕ ธันวาคม ควรที่จะเข้าสู่สภาวะปกติเกิน ๘๐% ครับ

                 ผมอยู่กรุงเทพฯ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 176 177 [178] 179 180 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><