22 พฤศจิกายน 2567, 19:59:44
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 166 167 [168] 169 170 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3546761 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4175 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 14:49:35 »


สถานะการณ์น้ำท้วมล่าสุดครับ น้ำจะโจมตีทางท่อระบายน้ำเป็นหลัก แบบ "กาลักน้ำ"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4176 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 14:54:29 »


                - สำหรับฝั่งธนบุรี นั้น น้ำกำลังจะเข้าโจมตีถนนพระราม ๒ แล้วครับ และได้ส่งกองหน้าไปก่อนแล้วคือ ไปโผล่ทางท่อระบายน้ำครับ

                - ถึงอย่างไรก็เอาไม่อยู่ ต้องปล่อยให้มันข้ามไป มิฉนั้นจะยิ่งยืดเยื้อเสียหายมากกว่าครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4177 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 19:59:46 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                สถานะการณ์น้ำท้วมในกทม. นั้น ผมจัดไว้เป็นประเภท "น้ำเหลือเดน" เหมือนกัน เพราะ กทม. รัฐบาล ศปภ. ปล่อยให้มันเข้ามาทางทิศเหนือ คือดอนเมือง สายไหม น้ำมวลนี้เมื่อเข้ามาในพื้นที่ กทม. แล้วมันไม่มีที่จะไป และยังมีน้ำมาเติมอยู่ มันจะมุ่งหน้าไปทางใต้ไปสู่พื้นที่ ที่ต่ำกว่า โดยไปทางท่อระบายน้ำผุดขึ้น สะสมระดับให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ มีทางเดียวที่จะเอาชนะมันได้ เพื่อหยุดมันคือ กทม.ต้องสูบทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียว เพราะกว่ามันจะไหลไปลงทะเลทางสมุทรปราการนั้น ต้องใช้เวลาเป็นเดือน ครับ

                 ถ้า กทม. สามารถระดมเครื่องสูบน้ำได้มากกว่านี้ น้ำก็จะแห้งเร็ว แต่ถ้าอยู่ระดับนี้ คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย สอง-สามอาทิตย์ ครับ เพราะที่ระดมสูบน้ำทิ้งจริงๆ มีเพียงคลองบางซื่อเป็นหลัก เพราะน้ำยังไม่ถึงคลองสามเสน แสนแสบ ครับ ส่วนทางทิศเหนือศักย์ภาพในการสูบน้ำทิ้ง น้อยมากครับ  รวมทั้งฝั่งธนบุรี ด้วยครับ

                 ดังนั้นสถานะการณ์เราต้องอยู่กับน้ำเป็นเดือน สิ่งที่จะตามมาคือ น้ำมันจะเน่า เหม็น เต็มไปด้วยเชื้อโรค ไม่เหมือนน้ำทางต่างจังหวัดที่ขุ่นสะอาดกว่ามาก ทางที่ดี ท่านใดที่น้ำท้วม ท่านอย่าลุยน้ำเลยเป็นสิ่งที่ดี ครับ นอกจากนี้จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างดี รวมทั้งขยะที่จะเน่าเต็ม พื้นที่ กทม. ครับ

                 สำหรับผม ประมาณไว้เพิ่มอีกหนึ่งอาทิตย์ จะรอให้น้ำแห้ง ถึงจะกลับเพราะไม่อยากไปรับเชื่้อโรคจากน้ำ  จะขอเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนที่นั่น ได้ทั้งนั้น ทางใต้บ้าง ทางสระบุรีบ้าง และทางโคราช อาทิตย์หน้าคงต้องไปอยู่โคราชสักสองสามวัน ไม่เช่นนั้นเขาจะโกรธเอาหาว่าผมไม่ไปเลย และยังมีงานให้ทำ คงต้องไปครับ

                 ช่วงนี้ต่างจังหวัดน้ำลงเห็นตลิ่งหมดแล้ว เหลือแต่น้ำที่เข้ามาในพื้นที่ กทม. ที่ไม่มีทางออกนี่ละครับ

                 ราตรีสวัสดิ์ ครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4178 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2554, 21:43:11 »

พี่สิงห์งดเดินทางไปยุโรป...
มีนาหน้าคะพี่ ได้สนุกแน่.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4179 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 07:56:25 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                ผมอยู่นครศรีธรรมราช อาทิตย์นี้ก็เหมือนอาทิตย์ที่แล้ว คือ นครศรีธรรมราชไม่มีฝนครับ ฝนจะหนัก ลมแรงก็ต่อเมื่อกรุงเทพฯ อากาสเย็น แต่ปีนี้ กทม. ประสพสภาวะน้ำท้วม เมื่อวานฝนก็ตก นครศรีธรรมราช เลยไม่มีฝนครับ

                ลอยกระทงปีนี้ที่นครศรีธรรมราชไม่คึกคัก ไม่มีการจัดงานอย่างเป็นทางการ มีแต่ประชาชน อบต.จัดงานวันลอยกระทงกันเอง ตามคูคลองธรรมชาติ ครับ

                สถานะการณ์น้ำท้วม กทม. คงเหมือนเมื่อวาน ระดับน้ำลดลง เหมือนกับต่างจังหวัดเช่น อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี เห็นตลิ่งเกือบหมดแล้ว ยกเว้น "น้ำเหลือเดน" ที่ไหลล้นถนนเข้าไปอยู่ตามทุ่ง ตามนิคมอุตสาหกรรม  ตามที่ว่างราบลุ่ม พอถนนโผล่ น้ำทุ่งพวกนี้กลายเป็นน้ำ "เหลือเดน" กลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่ไม่มีทางไป โดนกักโดยถนน ต้องสูบออก หรือเจาะถนนให้น้ำไหลผ่านเท่านั้น "น้ำเหลือเดน" นี้ จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย น้ำเน่าเหม็น ก่อเชื้อโรค

                รัฐบาล โดย ศปภ. ต้องคิดหาวิธี ระบาย "น้ำเหลือเดน" แล้วครับ ถ้าไม่รีบหาวิธี "น้ำเหลือเดน" นี้ ต้องใช้เวลาซึมลงดิน ระเหยไปในอากาศ และไหลตามคลองเล็กๆ กลับไปลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องใช้เวลาสอง-สามเดือน จึงจะหมดครับ แต่ "น้ำเหลือเดน" นี้ ไม่มีปัญหาสำหรับ กทม. อีกแล้วครับ ถ้าถนนสายรังสิต-ธัญญบุรีโผล่ หรือตลิ่งคลองรังสิตโผล่ นั่นเอง ครับ

                เรายังต้องอยู่กับน้ำที่ กทม. รัฐบาล ศปภ. ละเลยปล่อยให้มันเข้ามาตั้งแต่เริ่มต้นวิกฤตน้ำท้วม กทม. จนเป็นมะเร็งร้าย กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ใน กทม. แบบ "กาลักน้ำ" ไปผุดตามท่อระบายน้ำในพื้นที่ ที่ต่ากว่า  กทม.ต้องใช้วิธีสูบออกอย่างเดียว เพราะกว่าน้ำจะไปถึงทะเล เป็นเดือน ครับ ถ้า กทม. ตั้งใจสูบจริงๆ ต้องใช้เวลาสองอาทิตย์จึงจะดีขึ้นรถสามารถวิ่งได้ทุกสาย และจะหมดไปในอาทิตย์ที่สามนับแต่นี้ไปเป็นอย่างเร็ว ครับ เพราะปล่อยให้น้ำเข้ามาในปริมาณที่มากมหาศาล เกินไป นั่นเอง พวกเราต้องทำใจยอมรับกับมัน  ไม่ต้องวิตกกังวลทั้งสิ้น อยู่กับมันแบบเพื่อน อพยพได้ก็ไปเลยแบบผม จะได้ไม่ทุกข์กับมัน  มันจะเสียหายก็เพียงสิ่งของ หาเอาใหม่มาทดแทนภายหลังได้

                 สิ่งที่ท่านต้องระวัง คือโรคที่มากับน้ำเน่า เหม็น ต้องระวัง อย่าไปลุยน้ำมาก รักษาเท้าให้แห้งไว้ ครับ

                สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4180 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 09:53:43 »

คำเตือน
เรียน ชาวซีมะโด่งและทุกท่าน

น้ำที่ท่วมขังในปีนี้ เน่าเหม็นเร็วมาก เนื่องจากน้ำท่วมขังและผ่านมาหลายจังหวัด ซึ่งกินเวลานานหลายเดือนแล้ว
น้ำดังกล่าวจะกัดเท้ารุนแรง รวมทั้งมีผลต่อเล็บเท้าด้วย ขนาดผมเอง เล็บเท้ายังค่อยๆ หลุดครับ
ยาทาน้ำกัดเท้าเพียงอย่างเดียว เช่น Whitfield Ointment, ยาแดง เอาไม่อยู่ อาจมีอาการคันเท้าตามมา
ต้องใช้ยาที่มี Stearoid (ยาแก้อาการแพ้เช่น เพรดนิโซโลน ฯ) ประกอบอยู่ด้วย ขึงจะเอาอยู่ครับ
ท่านที่เดินลุยน้ำ แล้วพบว่ามีอาการปวดแสบปวดร้อน และคันที่เท้า ซอกหรือง่ามเท้า
เป็นอาการตามที่ผมบอกครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4181 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 09:58:26 »

แผนที่ทหารเผยกทม.16 เขต รอดน้ำท่วม
12 พฤศจิกายน 2554 01:58 น.


       แผนที่ของกรมแผนที่ทหาร ระบุมีมวลน้ำขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าหาถ.พระราม 2 อีกทั้งยังมีมวลน้ำหลายเส้นทางทั้งเล็กและใหญ่ มุ่งสู่ "นิคมบางชัน - ลาดกระบัง" อีกด้วย ส่วนกทม.ที่น้ำไม่ผ่าน โอกาสรอดสูงมาก ได้แก่เขต "บางซื่อ ดุสิต วังทองหลาง ห้วยขวาง ราชเทวี ปทุมวัน บางรัก สาทร ห้วยขวาง วัฒนา คลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา คลองสาน พระโขนง บางนา"
       
       วันนี้ 12 พ.ย. เมื่อเวลา 00.05น. ทาง "เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ" ได้ระบุว่า แผนที่ของ"กรมแผนที่ทหาร "ประกอบด้วยข้อมูลจาก 2 หน่วยงาน คือ ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำที่กำลังท่วม เป็นข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กับข้อมูลความสูงภูมิประเทศ และข้อมูลแผนที่กรุงเทพฯของกรมแผนที่ทหาร
       
       แผนที่ฉบับนี้เป็นการนำข้อมูลน้ำล่าสุดมาทาบซ้อนกับข้อมูลที่กรมแผนที่ทหารมีอยู่ เพื่อประเมินทิศทางน้ำว่าจะไหลไปทางไหน โดยแบ่งน้ำไหลลูกศรขนาดใหญ่ แสดงถึงมวลน้ำใหญ่ และลดระดับกันไปตามปริมาณน้ำ ขณะที่สีฟ้าคือพื้นที่น้ำท่วมขัง
       
       จากแผนที่อัพเดท 11 พ.ย.พบว่าถนนพระรามสอง มีมวลน้ำขนาดใหญ่ไหลพุ่งตรงเข้ามา สองทิศทาง มาจากทั้งบางแค และหนองแขม ขณะเดียวกันยังมีน้ำก้อนใหญ่จากภาษีเจริญ จอมทอง มุ่งตรงสู่ดาวคะนอง
       
       ขณะที่ทางฝั่งตะวันออกของเจ้าพระยา คาดว่าจะมีมวลน้ำที่ผ่าน ศปภ.มาแล้วอาจจะไหลเข้ามาถึงคลองสามเสน ขณะเดียวกันจะมีน้ำจากลาดพร้าว และ บึงกุ่มมุ่งสู่เดอะมอลล์บางกะปิ นอกจากนั้น ยังคาดว่าอาจจะมีน้ำไหลมุ่งสู่มังคลาอีกด้วย
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า ระบบระบายน้ำบริเวณมังคลาและถนนรามคำแหงในปีนี้ มีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถดึงเข้าสู่อุโมงค์ยักษ์ที่พระราม9 จึงทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า แม้น้ำจะไหลเข้าสู่รามคำแหง แต่โอกาสท่วมจะน้อยเพราะระบบระบายน้ำ มีประสิทธิภาพ
       
       ส่วนสถานการณ์ 2 นิคมอุตสาหกรรม บางชันและลาดกระบัง หากพิจารณาจากแผนที่ทหารแล้ว พบว่ามีมวลน้ำหลายเส้นทางทั้งเล็กและใหญ่ มุ่งสู่ 2 นิคมฯดังกล่าว
       
       อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากแผนที่เส้นทางน้ำ จะพบว่ากทม.ชั้นในหลายเขตที่คาดว่าน้ำจะไม่ไหลผ่าน ซึ่งนั้นเท่ากับว่าโอกาสรอดน้ำท่วมมีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น เขตบางซื่อ ดุสิต วังทองหลาง ห้วยขวาง ราชเทวี ปทุมวัน บางรัก สาทร ห้วยขวาง วัฒนา คลองเตย บางคอแหลม ยานนาวา คลองสาน พระโขนง บางนา

       
       ดาวน์โหลดแผนที่... http://www.rtsd.mi.th/index.php

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000144366
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4182 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 10:02:57 »

มีคนเห็นด้วยกับการขุดแม่น้ำสายใหม่ครับ......


Home  Breaking News  ภาพข่าว  'เทพไท'เสนอสร้างแม่น้ำสายใหม่จากปากน้ำโพถึงบางบ่อช่วยระบายน้ำลงทะเล

'เทพไท'เสนอสร้างแม่น้ำสายใหม่จากปากน้ำโพถึงบางบ่อช่วยระบายน้ำลงทะเล
วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2011 เวลา 16:05 น. ช่างภาพกองบรรณาธิการ   

 


ที่อาคารรัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่รัฐบาลพนายามแก้ไขปัญหาแต่ว่ายังไม่เสนอแนวทางทีเป็นรูปธรรม มีการพยายามตั้งคณะกรรมการชุดตางๆเพื่อที่จะหาทางออกให้กับสังคมและต้องการซื้อเวลาออกไป

ในส่วนของตนเป็นเรื่องใหญ่ที่จะให้รัฐบาลได้พิจารณาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน แม้ว่าจะทำในลักษณะเมกะโปรเจกต์ก็ตาม โดยตนขอเสนอเมกะโปรเจกต์ขุดแม่น้ำสายใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นเส้นทางระบายน้ำจากปากน้ำโพผ่านจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี อยุธยาและปทุมธานีลงมาถึงอ่าวไทยที่อ.บางบ่อหรืออ.บางปะกง ระยะทางทั้งหมด 300 กิโลเมตร

โดยเป็นเส้นทางตรง ซึ่งความกว้างของแม่น้ำสายใหม่จะมีความกว้าง 1 กิโลเมตรโดยระยะความกว้างของการขุดคลองเพื่อให้น้ำไหลผ่านนั้น 300 เมตร ส่วนฝั่ง 2 ข้างก็จะใช้เป็นถนนมอเตอร์เวย์ความกว้างฝั่งละ 350 เมตร ซึ่งจะเสนอให้รัฐบาลจัดเวนคืนเพื่อพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อเอาทุนคืนจาการที่รัฐลงทุนสร้างแม่น้ำสายใหม่ขึ้นมา ทั้งนี้การขุดแม่น้ำสายใหม่งบลงทุนคำนวณแล้วระยะทาง 1 กิโลเมตรต่อเงิน 2 พันล้าน รวมระยะทางทั้งหมดต้องใช้งบประมาณ 600,000 ล้าน ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ตนคิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุด และจะแก้ปัญหาน้ำท่วมในทันที

นอกจากนี้ นายเทพไทได้นำแผนที่ดาวเทียมที่ระบุถึงปริมาณน้ำและเส้นทางแม่น้ำสายใหม่ที่นายเทพไทเสนอมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย โดยนายเทพไท กล่าวว่า ถ้าหากมีการขุดแม่น้ำสายใหม่ตามเส้นทางที่ตนระบุจะทำให้น้ำจากตอนบนของประเทศลงสู่อ่าวไทยได้โดยเร็ว ถือเป็นการแก้ปัญหาภาคกลางทั้งหมดและภาคตะวันออกของกทม.เช่น หนอกจอก คลองสามวา มีนบุรี ซึ่งตนยังได้คำนวณแล้วว่าแม่น้ำสายใหม่สามารถรับน้ำได้ถึง 2,100 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนปริมาณน้ำในปัจจุบันที่อยู่เหนือเขตกทม.มีประมาณ 10,000 ล้านลูกบาศ์กเมตร ระบายได้เพียงวันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการระบายถึง 100 วัน แต่ถ้ามีแม่น้ำเส้นนี้ขึ้นมาก็สามารถจะแก้ได้เพียง 1 เดือน
               
“ถามวาการขุดแม่น้ำสายใหม่ได้อะไรบ้าง 1.มีการสร้างงานอย่างมหาศาลของประเทศ 2.เราได้แม่น้ำสายใหม่ 1 สายเพื่อที่จะระบายน้ำท่วมได้ทันท่วงทีซึ่งในทางเทคนิคยังสามารถทำประตูปิดเปิดได้ 3.มีช่องทางในการขนส่งทางน้ำจากท่าเรือปากน้ำโพไปสู่อ่าวไทย ซึ่งที่ผ่านมาการขนส่งผ่านแม่น้ำจ้ำพระยามีความเสียเวลาเพราะแม้น้ำเจ้าพระยามีความคดเขี้ยว 4.เมื่อขุดคลองกว้าง 300 เมตร ก็จะมีถนนมอเตอร์เวย์เป็นคันกันน้ำจากนครสวรรค์ถึงกทม.5.สองข้างทางมอเตอร์เวย์เราก็จะได้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกิดผังเมืองใหม่ขึ้นมา 6.เราจะได้ระบบชลประทานในภาคกลางทั้งหมดนั้นก็คือ ทุกคลองที่เชื่อมแม่น้ำสายใหม่เราก็ทำประตูเปิดปิดน้ำเพื่อที่จะทำระบบชลประทานเพื่อการเพาะปลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคกลางที่ต้องทำนา 7.เราจะได้แหล่งน้ำไว้อุปโภคบริโภคโดยเฉพาะแหล่งน้ำที่เก็บไว้ทำน้ำประปา”นายเทพไท

นายเทพไท กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าควรทำเป็นวาระแห่งชาติเป็นเมกะโปรเจกต์ ตนจึงนำเรื่องนี้เสนอต่อสังคม หากรัฐบาลใจกว้างนำเรื่องนี้ไปศึกษาตนคิดว่าดีกว่าที่จะไปคิดเรื่องตั้งกระทรวงน้ำ หรือคิดเรื่องนำกรมชลประทานไปอยู่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯเพราะไม่พอใจนายบรรหาร ศิลปะอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ยั่งยื
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4183 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 20:25:03 »


                ถ้าเราดูตามแผนที่ทางทหารที่ถ่ายภาพจากดาวเทียมจะพบว่าน้ำยังอยู่ตามทุ่งอีกมาก มันก็เป็นความจริง  แต่ถ้าเราไปดูของจริง ผมยกตัวอย่างที่ผมเห็นมากับตาจริงๆ คือน้ำที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของถนนสายเอเซีย จุดเริ่มต้นของน้ำจะอยู่ที่วิทยาลัยพลศึกษาอ่างทอง ใกล้ๆท่าวุ้งเลยทีเดียว ล่องใต้มาถึงดอนพุด มาลงแม่น้ำป่าสักที่อำเภอคลองหลวง อยุธยา และมาที่อำเภออุทัย นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ มึงบรรจบถนนพหลโยธินที่บางปะอิน จะพบว่าน้ำจำนวนมหาศาลนี้ถูกกักโดยถนนสายเอเซียที่โผล่พ้นน้ำแล้ว และถนนพหลโยธิน เป็นวงล้อม มีทางออกทางเดียวเท่านั้นที่อำเภอคลองหลวง แต่น้ำในนิคมอุตสาหกรรมนั้น อยูใต้ลงมาอีกไม่มีทางไปมีเพียงสะพานเล็กๆบนสายเอเซียเท่านั้นที่จะระบายออกได้ แต่น้ำฝั่งตะวันตกของถนนสายเอเซียทางนอคมอุตสาหกรรม ไอเทค ก็โดนกักโดยถนนรอมแม่น้ำเจ้าพระยาอีก ผมถึงบอกว่า น้ำที่เห็นนั้นมีจริง แต่มันกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดไปแล้ว ไม่มีทางระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยาเลย ระบายได้ก็ส่วนน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณที่มีอยู่ ครับ

                 แม้กระทั้งน้ำทางด้านเหนือรังสิต คือน้ำที่ธรรมศาสตร์  AIT นวนคร ปทุมธานี เพราะถนนสายทางด่วนไปบางปะหันโผล่น้ำแล้ว ถนนในปทุมหลายสายกฌโผล่น้ำแล้ว น้ำเลยโดนกักเป็นทะเลสาบหมด รวมทั้งน้ำที่รังสิตฝั่งตะวันออก ก็โดนถนนกัก เช่นเดียวกัน

                 ดังนั้น เราจะดูจากภาพถ่ายดาวเทียวไม่ได้ ครับ ต้องดูของจริงๆ เพราะน้ำมันไม่มีทางออก ถูกปิดกั้นโดยถนนรอบด้าน ผมถึงบอกว่ามันจะไม่มีผลต่อ กทม. ยกเว้นเราไปสูบมันออกมา หรือเจาะถนนเท่านั้น  เป็นสิ่งที่ ศปภ. รัฐบาล ต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรกับมัน ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ผมให้อีกสาม-สี่เดือนอย่างเร็วครับถึงจะระบายออกได้หมด  แต่ต้องถามชาวบ้านก่อนเพราะจะได้ผลกระทบจากการสูบออกมา แน่นอนต้องมีบางหมู่บ้านน้ำท้วมอีกครั้ง

                  และในทำนองเดียวกัน น้ำที่เห็นทั้งหมดเกือบ 70% ถูกปิดกั้นโดยถนนหมด เป็นทะเลสาบน้ำจืด ผมถึงเรียก "น้ำเหลือเดน" ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4184 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 20:42:40 »

               หลายท่านคงดีใจที่ได้รับทราบข่าวทาง TV ที่ระดับน้ำลดลงใน กทม. และน้ำได้หยุดที่คลองบางซื่อ ที่ทาง กทม. ตั้งเครื่องสูบน้ำถึง ๒๐ เครื่องในการสูน้ำลงเจ้าพระยา และตั้งเครื่องสูบน้ำ ๒๗ เครื่องที่คลอง ๑๓ สูบน้ำในคลองรังสิตไปออกทางนครนายก จึงทำให้ระดับน้ำลดลง

                 สำหรับผมเองนั้น ต้องให้เห็นถนนสายรังสิต-ธัญญบุรี ไม่มีน้ำไหลผ่านข้ามถนน จึงจะแน่ใจได้ว่าน้ำในคลองรังสิต จะไม่มาเติมน้ำทางทิศเหนือที่ดอนเมืองและสายไหม และระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาต่ำกว่าระดับน้ำในคลองรังสิต ครับ ตอนนี้ไม่เห็นภาพดังกล่าวเลย  จึงยังมั่นใจไม่ได้มาก เพราะ ถ้าเครื่องสูบน้ำ กทม. พัง ระดับน้ำมันก็ขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้ ปริมาณน้ำที่สูบทิ้งมีมากกว่าปริมาณน้ำที่ไหลมา แต่ถ้าเครื่องสูบเสีย มันก็เป็นไปในทางตรงกันข้ามครับ  จึงยังไม่ไว้ใจทั้งสิ้น ครับ

                 สำหรับน้ำทางรามอินทรา มีนบุรี ตอนนี้ กทม. เปิดให้น้ำเข้ามาทางคลองสามวาลงมาที่คลองแสนแสบ ดังนั้น พื้นที่ริมคลองแสนแสบ จะมีน้ำท้วมที่บางกะปิ เพื่อให้น้ำมาไหลลงอุโมงค์ระบายน้ำที่พระราม ๙ และไปสูบลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่พระโขนง

                 แต่อย่างไร ก็กลัวมอบคนเสื้อแดงทางรังสิตฝั่งตะวันออก ที่ถูกน้ำท้วมอยู่ไปเปิดประตูระบายน้ำคลอง ๑ ๒ ๓ ๔ ให้น้ำไหลลงคลองรังสิต จนล้นเอ่อ ก็จะมาเติมทางทิศเหนือ คือดอนเมืองสายไหม ได้เหมือนกันครับ เพราะน้ำที่ท้วมอยู่นั้นไม่มีที่ไปเหมือนกัน ต้องกลับมาลงคลองรังสิต เพื่อระบายลงเจ้าพระยา  แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้  ต้องรอไปอีกสักระยะ ประชาชนจะรอไหวไหมเท่านั้นครับ

                 ตอนนี้ทางรัฐบาล ยังไม่ได้คิดเลย ครับ เรื่องเหล่านี้

                 ราตรีสวัสดิ์ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4185 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2554, 20:51:54 »

               วันนี้คุณอ้อย (กรองอร) โทรศัพท์มาหา ชวนให้ไปพักที่บ้าน หรือจะให้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง  ผมต้องขอบคุณที่เป็นห่วง และได้สอบถามว่า อาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ไปอยู่ศูนย์อพยพ ที่ไหน ผมบอกว่าเข้าไปอยู่กับพี่สาว แสนสบายไม่ต้องเป็นห่วงทั้งสิ้น

                ดร.กุศล  โทรศัพท์ มาบอกว่า คุณแววตา  ได้โทรศัพท์มาชวนให้ไปพักได้ ที่คอนโด ถ้าเป็น ดร.กุศล และ พี่สิงห์

                สำหรับผมนั้น อย่างที่บอกครับ ขอเป็นนกขมิ้น ค่ำไหนนอนที่นั่น สุขบ้าง ทุกข์บ้าง  อยู่ใต้ก็นอนโรงแรม แต่ค่าใช้จ่ายแพง จึงตัวระวังเหมือนกัน  อยู่สระบุรี นอนที่สำนักงาน PSTC ไม่ต้องเสียสตางค์ และมีข้าวกินฟรี  แต่ต้องช่วยทำงานให้เขาเป็นการแลกเปลี่ยน เช่นเดียวกับทาง ST GROUP ที่สูงเนินต้องไปนอนโรงแรม ค่าใช้จ่ายสูง ต้องคิดมากเหมือนกัน ครับ จึงต้องทำตัวแบบนกขมิ้น ครับ

                วันจันทร์กลับกรุงเทพฯ คุณดิเรก MD ของ PSTC มารับที่สนามบินเพื่อเดินทางไปสระบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พี่พงษ์ศักดิ์ ประธานบริษัท PSTC มาหาที่โรงงาน เป็นห่วง ว่าผมอยู่อย่างไร เพื่อมาบอกกับพนักงานให้ช่วยกันดูแลอาจารย์มานพ  ให้ดีด้วย

                ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4186 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 07:52:44 »

สวัสดียามเช้า ครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

               เช้านี้ผมยังไม่ได้ติดตามข่าวน้ำท้วม กทม. เลย สถานะการณ์หน้่ที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ คือระดับน้ำลดลงจากการสูบทิ้งของ กทม. แต่สำหรับชาวถนนพระรามสอง ต้องยอมให้น้ำมันท้วมผ่านไป จะไปกักมันไว้ เอาไม่อยู่ จะยิ่งเสียเวลาไปนานขึ้นเท่านั้นครับ

               อย่าลืมทุกท่านที่เฝ้าบ้านน้ำท้วมอยู่ หรือผู้อพยพแบบผม ควรรอให้น้ำลดจริงๆ เพราะน้ำสกปรกมากเต็มไปด้วยเชื้อโรค และกลิ่นเน่าเหม็น ไม่ควรที่จะสัมผัสกับมัน แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรล้างและฝอกสบู่ทุกครั้งครับ

               เช้านี้ผมก็ยังไปเดินจงกรมออกกำลังกายที่เทอเรสชั้นสามหนึ่งชั่วโมง แล้วมารับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มกล้องกับผักสด วันอาทิตย์ผมอยู่ที่โรงแรมทั้งวัน ครับ

               สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4187 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 08:08:59 »

วิธีการทำจิตให้ผ่องใส

               วิธีการทำจิตให้ผ่องใส นั้นเราสามารถกระทำได้ง่ายๆ คือ "การประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ" อยู่เป็นนิจนั่นเอง ถ้ากาย วาจา และใจ ของเรากระทำในสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นและตนเอง จิตของเราก็บริสุทธิ์ผ่องใสแล้วครับ

                การประพฤติชอบทางกาย ประกอบไปด้วย
                   - ไม่ทรมารหรือฆ่าสัตว์และมนุษย์
                   - ไม่กระทำความเดือดร้อน หรือข่มเหง หรือรังแก ให้กับสัตว์และมนุษย์
                   - ไม่ลักทรัพย์หรือหยิบฉวยสิ่งของ ของผู้อื่น ที่ไม่ได้รับอนุญาติ
                   - ไม่ข่มเหง รังแก หรือพรากลูกเมียผู้อื่น หรือสัตว์
                   -  ... เป็นต้น

                การประพฤติชอบทางวาจา ประกอบไปด้วย
                   - ไม่พูดปด
                   - ไม่พูดคำหยาบคาย
                   - ไม่พูดส่อเสียด
                   - ไม่พูดเพ้อเจ่อ
                   - ไม่พูดด้วยเสียงอันดัง
                   - ไม่พุดในสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
                   - ... เป็นต้น

                การประพฤติชอบทางใจ ประกอบไปด้วย
                    - ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่น
                    - ไม่คิดเบียดเบียนสัตว์
                    - ไม่คิดอยากได้สิ่งของ ของผู้อื่น
                    - ไม่คิดพรากลูกเมียผู้อื่น
                    - ไม่คิดในทางที่ไม่ดีต่อผู้อื่น
                    - ... เป็นต้น

                พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนให้มนุษย์สำรวมกาย วาจา และใจ อยู่เป็นนิจ อย่างนี้ จิตมนุษย์จะเป็นสุข ผ่องใส สังคมมนุษย์จะสามารถอยู่ร้วมกันได้อย่างสงบสุขครับ
              


               หรือการประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ นั้น จาสามารถปฏิบิติได้ง่ายๆ ซึ่งพุทธสานิกชนม์ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ละเลย คือ การรักษาศ๊ล ๕ ให้บริสุทธิ์นั่นเอง
            
                 ศีล ๕ ประกอบด้วย
                       ๑. ละเว้นจากการฆ่าสุตว์
                       ๒. ละเว้นจากการลักทรัพย์
                       ๓. ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
                       ๔. ละเว้นจากการพูดปด
                       ๕. ละเว้นจากการตั้งอยู่ในความประมาท ด้วยการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย
                 พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า ผู้ใดรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์อยู่เป็นนิจ ย่อมประพฤติชอบด้วยกาย วาจา และใจ สังคมมนุษย์มีแต่ความสุขและสงบ ไม่มีการเบียดเบียน เอาเปรียบ แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น กัน



                  หรือ ในทางปฏิบัติ การทำจิตให้ผ่องใสนั้น ก็คือ การสร้างความรู้สึกตัวให้เกิดขึ้น อยู่กิยอิริยาบถหลัก คือ การเดิน ยืน นั่ง นอน ก็ให้มีความรู้สึกตัวตลอดเวลา
                  หรือ ให้มีความรู้สึกตัวในอิริยาบถย่อย คือ การหายใจ กินกิน กายถ่ายของเสีย การคู้แขน การเหยียดแขน การเหยียกขา หรือการหยิบสิ่งของต่างๆ นั่นเอง
                  เมื่อเรามีความรู้สึกตัว จิตของเราก็จะไม่คิด คือไม่ปรุงแต่ง หรือคิดนอกกาย-ใจ หรือส่งจิตออกนอก ไปคิดในสิ่งที่ร่างกายไม่ได้กระทำ ก็จะก่อความไม่สยายกาย-ใจ ตามมาคือก่อทุกข์ ภายหลัง นั่นเอง
                  แต่ถ้าจิตของเรามีความรู้สึกตัวในสิ่งที่กายกำลังกระทำตลอดเวลา จะเป็นจิตที่สงบ บริษุทธิ์ สามารถมีจิตอยู่เหนือ รูป-นาม ได้ ครับ

                                    

                  หรือในทางปฏิบัติชั้นสูง ท่านต้องสำรวมจิตของท่านให้อยู่เหนือความอยาก อยู่เหนือในสิ่งที่เคยได้รับ ที่เคยได้สัมผัส อยู่เป็นนิจ  โดยใช้ วิธี "อุเบกขา" คือ การวางเฉยและพิจารณาด้วยปัญญา ตามเหตุ ปัจจัย นั้นๆ ว่าทุกสิ่งล้วนเกิดจากมีเหตุเป็นปัจจัยทั้งสิ้น เมื่อเหตุดับ  ปัจจัยจึงดับ
                  วิธีพิจารณาก็คือ พยายามสำรวมกาย-ใจ จากสิ่งที่เห็นด้วยตา จากสิ่งที่ได้ยินด้วยหู จากสิ่งที่ได้ดมกลิ่นจากจมูก จากสิ่งที่ได้ลิ้มรสด้วยลิ้น จากสิ่งที่ได้สัมผัสทางกาย และจากสิ่งที่ใจนึก-คิด ในเบื่องต้นให้ใช้ปัญญา ทำจิตให้อยู่เหนือจากการสัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พยายามระงับความอยากที่เกิดขึ้นแห่งจิตนั้น ด้วยการทำ "อุเบกขา" ฝึกไปเรื่อยๆ บ่อยๆ จิตมันจะสำรวมได้เอง ครับ


              
                   วิธีที่จะฝึกจิต ให้อยู่เหนือในสิ่งที่สัมผัสทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือ เราต้องปรับความคิดของเราเสียใหม่ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ คือ ธรรม ทั้งหลาย เป็นอนัตตา คือ ตัวเรา สิ่งที่เราคิด(จิต) และสิ่งรอบๆกายนั้น มันไม่มีตัวตน เมื่อไม่มีตัวตนที่แท้จริง ล้วนเกิดจากจิตตัวเองทั้งนั้น เมื่อเราคิดอย่างนี้ จะทำให้เราสามารถ ไม่ไปยึดมั่น ถือมั่นว่า นั่นตัวเรา นั่นของๆเรา  เมื่อไม่ถือมั่น ยึดมั่นเสียแล้ว เราก็มีความอยากน้อยลง ๆ จนสามารถที่จะวางเป็นอุเบกขา อยู่กับการรู้สึกตัว(สติ) จนมีจิตตั้งมั่น(เป็นสมาธิ) ได้ สักวันหนึ่งเราก็สามารถที่จะมีจิตอยู่เหนือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้ หรืออย่างน้อย จะทำให้เราไม่สบายกาย ไม่สบายใจ หรือทุกข์น้อยลง ครับ

                   ขอให้ทุกท่าน ตรองด้วย "ปัญญา" แล้วท่านจะพบกับความจริงแห่งจิตของท่านได้

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4188 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:15:16 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                - สำหรับทุกท่านที่น้ำท้วมบ้าน ทันทีทันใด และน้ำท้วมอยู่เกิน ๗ วัน แบบบ้านผม และบ้านอาจารย์ถาวร  โชติชื่น ทางรัฐบาล จะจ่ายเงินทดแทนให้ ๕,๐๐๐ บาท นั้น เราถือเสียว่าทางรัฐบาล ให้เราเอาเงินนั้น ไปทาสีบ้านใหม่ก็แล้วกัน ผมเองก็จะเอาเงินจำนวนนั้นไปจ้างช่างมาทาสีบ้านเสียใหม่ รวมทั้งซ่อมรั้วด้วยครับ มันอาจจะไม่พอ ก็เพิ่มไปอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง เราก็จะได้บ้านใหม่ ครับ

                - วันนี้ อาจารย์ถาวร   โชติชื่น โทรศัพท์ มาคุยด้วย และทักท้วงว่า "ไปบอกทำไมว่าผมไปอยู่บ้านพี่สาว ไม่ใช่ศูนย์อพยพ" ผมก็ขอเรียนให้ทราบว่า ผมเชิญชวนให้ทุกท่าน รักษาศีล ๕ ให้มั่นไว้ เพราะจะทำให้สังคมเป็นสุขได้ ผมก็ต้องปฏิบัติตามนั้นเป็นตัวอย่าง คือต้องพุดความจริง ไม่ยอมทุศีล ๕ ข้อ ต้องละเว้นจากการพูดปด ครับ

                - วันนี้ทางรัฐบาลบอกว่า น้ำที่กำลังท้วม กทม. อยู่นั้นมีประมาณหนึ่งในสามของน้ำที่อยู่ราบลุ่มภาคกลางทั้งหมด แสดงว่ารัฐฐาลยอมรับความจริงแล้วว่า น้ำอีกสองในสามนั้นมันเป็นน้ำที่จะอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ อยู่ตามไร่นา อยู่ตามนิคมอุตสาหกรรม ที่ไม่มีทางออกกลายเป็น "น้ำเหลือเดน" ตามที่ผมได้บอกไว้แต่ต้น หนึ่งในสามผมว่ามากเกินไปครับ ฝั่งพระนครมีเพียงแค่ในคลองรังสิตและที่สนามบินเท่านั้น  ส่วนฝั่งธนบุรี ก็มีเพียงน้ำที่มาจากบางขุนเทียน และน้ำที่มาเติมจากคลองต่างๆ ในฝั่งธน เท่านั้น  สถานะการณ์ระดับน้ำมันลดลงมากแล้ว ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4189 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 11:22:15 »

กทม. คาดหากไม่มีปริมาณน้ำใหม่เข้ามา ทุกพื้นที่จะแห้งภายใน 2 สัปดาห์
วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2011 เวลา 18:58 น.
  
กทม. คาดหากไม่มีปริมาณน้ำใหม่เข้ามา ทุกพื้นที่จะแห้งภายใน 2 สัปดาห์


               (12 พ.ย. 54) เวลา 14.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมบริเวณ ถ.พุทธมณฑลสาย 2 เขตบางแค ว่า ปริมาณน้ำในพื้นที่ดังกล่าวลดลง 5-10 ซม. แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังมีน้ำปริมาณมากและยังแผ่ขยายไปในหลายพื้นที่ คาดว่าสถานการณ์น้ำจะทรงตัวอีกซักระยะ

               โดยเฉพาะปริมาณน้ำกรุงเทพฯฝั่งตะวันตกยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์น้ำบริเวณด้านเหนือและฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ นั้น การตั้งกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก สามารถช่วยชะลอการไหลของน้ำได้พอสมควร ที่ผ่านมามีปัญหาจุดฟันหลอ 3 จุด ซึ่งขณะนี้ได้เร่งดำเนินการเสร็จแล้ว 1 จุด แต่ยังเป็นห่วงประชาชนในหลายพื้นที่ที่มีความกังวลว่าการวางบิ๊กแบ็กอาจจะทำให้เดือดร้อนจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และจะรื้อถุงกระสอบทราย หรือคันกั้นน้ำต่างๆ ดังนั้น จึงอยากขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับกทม. โดยกทม. พร้อมหารือ กับ ศปภ. ว่าจะยังใช้บิ๊กแบ็กต่อไปหรือไม่

                นอกจากนี้ได้มีมวลน้ำบางส่วนมาถึง ถ.พระราม 2 แล้ว แต่ขณะนี้ยังสามารถป้องกันได้ แต่ต้องประเมินสถานการณ์ ทุกระยะ ซึ่งทุกพื้นที่หากไม่มีปริมาณน้ำใหม่เข้ามา คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ปริมาณน้ำจะลดลง โดยตั้งเป้าให้ทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่ถนนสายหลัก แต่รวมถึงตรอกซอกซอยต่างๆแห้งในช่วงปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชน

                                                              ---------------------


เห็นข่าวนี้แล้วเศร้า จริงๆ ตั้งเป้า ปีใหม่ มันนานเกินไปครับท่านผู้ว่า กทม. ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4190 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 13:42:01 »

                สำหรับนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง ๕ แห่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ทางจังหวัดและนิคมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ๑๕ ธันวาคม จึงจะสามารถสูบน้ำออกได้หมด เพราะน้ำมีจำนวนมหาศาล ที่ต้องเร่งสูบออกอย่างเดียวครับ และน้ำจำนวนนี้คงระบายต่อไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ช้าๆ ปริมาณไม่มาก คงไม่มีผลเท่าไร ต่อ กทม. ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4191 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 13:58:20 »


                ถนนสายรังสิต-ธัญญบุรี กม. 0-15 ยังมีน้ำท้วมขัง 30-50 ซม. เรายังไว้ใจไม่ได้ แสดงว่าน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ยังสามารถที่จะมาเติมน้ำทางดอนเมือง และสายไหม ได้ตลอดเวลา แต่เวลานี้มี Big Bag กั้นบางส่วนจึงทำให้ระดับน้ำลดลง เราต้องรอจนกว่า ตลิ่งคลองรังสิตโผล่ จึงจะมั่นใจได้ 100% ว่าจะไม่มีน้ำใหม่มาเติมทางดอนเมืองและสายไหม ครับ

                 สำหรับน้ำในสนามบินดอนเมืองนั้น กทม. และทหารอากาศคงต้องหาวิธีสูบออกลงตามคูคลองในกทม. แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถกระทำได้เพราะ คลองใน กทม. ก็มีน้ำเติม ไม่รู้จะระบายไปที่ไหนเหมือนกันครับ ต้องรอไปก่อน ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4192 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 14:04:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2554, 13:42:01
                สำหรับนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง ๕ แห่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ทางจังหวัดและนิคมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ๑๕ ธันวาคม จึงจะสามารถสูบน้ำออกได้หมด เพราะน้ำมีจำนวนมหาศาล ที่ต้องเร่งสูบออกอย่างเดียวครับ และน้ำจำนวนนี้คงระบายต่อไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ช้าๆ ปริมาณไม่มาก คงไม่มีผลเท่าไร ต่อ กทม. ครับ

พี่สิงห์

สูบน้ำออกจากนิคมฯ ทั้ง 5 แห่ง ย่อมต้องบังคับน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา
หากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น การสูบน้ำออกของ กทม. ย่อมต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นด้วย
บ้านผมเริ่มจมน้ำในเดือนสิงหาคม จนน้ำลดลงวันที่ประมาณ 24 ต.ค. ก็นานถึง 3 เดือนมีเศษ
กทม. ใช้เวลาอีกประมาณ 45 วันจนแห้ง ก็คงไม่นานเกินรอ
คาดว่าอีกไม่เกิน 20 วัน แม้จะมีน้ำปริ่มๆ ข้อเท้า(ในบางจุด) เราก็สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้บ้างแล้ว
ส่วนที่เป็นแอ่งลึก น้ำท่วมสูง ก็รอเวลาต่อไปอีกสักนิด

อนึ่ง ผมให้เวลา กทม. ทำความสะอาด 32 เขต รวมทั้งสิ้น 3 เดือนครับ
โน่น เดือนมีนาคม 2555 กทม. ถึงจะสะอาดครบทุกเขตครับ....ผมมั่นใจ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4193 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 14:09:24 »


ประกาศอพยพประชาชน 3 ชุมชน ในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2011 เวลา 12:45 น. กองประชาสัมพันธ์ กทม.


                 (13 พ.ย.45) เวลา 10.00 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งในวันนี้ระดับน้ำในพื้นที่โดยทั่วไปลดลง  ระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำทั้งด้านนอกและด้านในส่วนใหญ่ลดลง ประมาณ 1- 2 ซม. ยกเว้นที่ลาดกระบังและประเวศบุรีรมย์ด้านนอกยังสูงกว่าด้านในเล็กน้อย ระดับน้ำที่ท่วมในพื้นที่ลดลง แต่น้ำได้แผ่ขยายเข้าไปในพื้นที่อื่น ๆ  เช่นฝั่งตะวันตก ที่ถนนบางบอนน้ำเริ่มขึ้น แต่ยังไม่สูงมาก ส่วนน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุด เวลา 09.45 น. วัดได้ที่ 2.28 เมตร ขณะที่ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,597 ลบ.ม./วินาที (ลดลงจากเมื่อวานนี 58 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำที่ อ.บางไทร 3.81 ม.รทก. (ลดลงจากเมื่อวาน 1 ซม.)  ทั้งนี้ปัจจุบันมีผู้เข้าพักในศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 163 แห่ง จำนวน  16,015 คน  ในพื้นที่ 28 เขต

                 เนื่องจากขณะนี้น้ำยังไหลเข้าท่วมในพื้นที่บางส่วนของเขตบางขุนเทียน โดยระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง กทม.ได้ประเมินสถานการณ์แล้วเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน 3 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนการเคหะแห่งชาติโครงการ 1 ชุมชนทรัพย์สินพัฒนา และชุมชนเชื่อมสัมพันธ์ ถนนพระรามที่ 2 ซอย 88  จึงได้ประกาศแจ้งให้ประชาขนที่อาศัยใน 3 ชุมชนดังกล่าวอพยพออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งขนย้ายสิ่งของ ทรัพย์สินมีค่า และปลั๊กไฟขึ้นที่สูง เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากขณะนี้มีมวลน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่บางส่วนและระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เด็ก สตรีมีครรภ์และคนชราเป็นลำดับแรก โดยให้ไปอาศัยอยู่ยังศูนย์พักพิงชั่วคราวของ กทม. หรือสถานที่ปลอดภัยทันที นอกจากนี้ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือที่สำนักงานเขต และศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร (ศปภ.กทม.) โทร. 1555 และ 0 – 2221 - 1212 ได้ตลอด 24 ชม.
 
แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2011 เวลา 13:54 น.
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4194 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 14:30:46 »


               สำหรับบ้านผม ซอยวิภาวดีรังสิต 22 คงเป็นระดับเดียวกับการบินไทย คือ ระดับน้ำสูง 0.65 m. ถนนหน้าบ้านระดับน้ำอยู่ที่ตาตุ่มเท้า ในบ้านระดับน้ำสูง 25 ซม. พื้นบ้านยังจมน้ำ ผมคงจะต้องเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนไปอีกหนึ่งอาทิตย์ ต้องจัดเวลาว่าจะนอนที่ไหนบ้าง ให้ยังสามารถที่จะไปทำงานที่ นครศรีธรรมราชได้  ซึ่งการเดินทางต้องได้รับความเมตตาจากทางคุณดิเรก  MD ของ PSTC ที่จะเดินทางไป-กลับ สระบุรี - กทม. และผมต้องจัดการเดินทาง ทาง Nok Air ให้สอดคล้องด้วย ครับ

                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4195 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 20:07:09 »

วันอาทิตย์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา 19.40 น.
สถานการณ์น้ำวันนี้
สถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 (เวลา 12.00 น.)


น้ำฝน
- 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่มีฝนตก
- ปริมาณฝนรวมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 12 พ.ย. 54 รวม 2,257.5 มม. มากกว่าค่าเฉลี่ย 39.0%
- คาดการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา วันนี้และวันพรุ่งนี้ ไม่มีฝนและมีอากาศเย็น

น้ำเหนือ ( ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา)
 - ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,597 ลบ.ม./วินาที (ลดลงจากเมื่อวานน้ำ 58 ลบ.ม./วินาที)
- ระดับน้ำที่ อ.บางไทร 3.81 ม.รทก. (ลดลงจากเมื่อวาน 1 ซม.)

น้ำทะเลหนุนสูง
 - วันนี้ เวลา 09.45 น. ระดับ +1.18 ม.รทก. และเวลา 18.27 น. ระดับ +0.99 ม.รทก.
- พรุ่งนี้ เวลา 10.35 น. ระดับ +1.17 ม.รทก. และเวลา 18.54 น. ระดับ +0.97 ม.รทก.

ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาด
 - ระดับน้ำสูงสุดเมื่อวานนี้ เวลา 08.30 น. ระดับ +2.40 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 40 ซม.)
- ระดับน้ำสูงสุดวันนี้ เวลา 08.30 น. ระดับ +2.28 ม.รทก. (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 52 ซม.)
- คาดการณ์จากกรมอุทกศาสตร์ วันพรุ่งนี้ เวลา 10.35 น. ระดับ +2.34 ม.รทก.
- ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุดวันที่ 30 ต.ค. 54 ระดับ +2.53 ม.รทก.

น้ำทุ่ง
- พื้นที่ดอนเมือง ( 6 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำ ระดับน้ำลดลง 1 ซม.
- ระดับน้ำคลองหกวาสายล่าง ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง ( 6 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 2 ซม.
- ฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ( 6 ชม.ที่ผ่านมา) ระดับน้ำทรงตัว

ระดับน้ำในคลองต่าง ๆ
 - ระดับน้ำล้นตลิ่ง ฝั่งพระนคร คลองบางซื่อ ช่วงถ.พหลโยธิน จตุจักร, คลองลาดพร้าว ช่วงวัดลาดพร้าว ซ.เสนานิคม และซ.ลาดพร้าว 56, คลองน้ำแก้ว ช่วงถนนรัชดาภิเษก รร.เจ้าพระยาปาร์ค
- ระดับน้ำล้นตลิ่ง ฝั่งธนบุรี คลองมหาสวัสดิ์ ช่วงพุทธมณฑลสาย 2, คลองบางพรม, คลองบางเชือกหนัง , คลองบางแวก ตอนคลองทวีวัฒนา และตอนถ.พุทธมณฑลสาย 1, คลองบางจาก ตอนถ.พุทธมณฑลสาย 2, คลองพระราชมนตรี ช่วงถนนพระราม 2
- เฝ้าระวังคลองแสนแสบ ช่วงมีนบุรี - บางกะปิ มีระดับน้ำสูง
- เฝ้าระวังคลองประเวศน์บุรีรมย์ ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- เฝ้าระวังคลองพระยาราชมนตรี มีระดับน้ำสูง
- เฝ้าระวังคลองชักพระ, คลองมอญ, คลองบางกอกใหญ่ มีระดับน้ำสูง
- ส่วนคลองอื่น ๆ ยังปกติ

ภาพรวมสถานการณ์ใน กทม.
- ระดับน้ำในคลองหกวาสายล่าง ระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ยังคงมีระดับสูง
- ระดับน้ำในคลองเปรมประชากร ทางตอนบน(ดอนเมือง) ยังคงมีระดับสูงและล้นตลิ่ง พื้นที่ด้านในยังคงมีระดับสูง เนื่องจากต้องรับปริมาณน้ำจากคลองบางซื่อเพิ่มเติม
- ระดับน้ำในคลองลาดพร้าว ระดับน้ำทรงตัว แต่ยังคงมีระดับสูง เนื่องจากยังต้องรับน้ำจากคลองหกวาสายล่างลงมาเติมตลอดเวลา
- ระดับน้ำในคลองบางซื่อช่วงถนนรัชดาภิเษก ลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ระดับน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ ระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ยังคงมีระดับสูง และยังคงมีน้ำจากศาลายา หลากเข้าพื้นที่ลงสู่คลองทวีวัฒนา
- ดำเนินการเรียงกระสอบทรายเสริม แนวคันป้องกันน้ำท่วมคลองมหาสวัสดิ์ ระยะทาง 7 กิโลเมตร (ดำเนินการแล้ว 4 กม.)
- มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมในสถานีสูบน้ำต่าง ๆ เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำ
- สถานีสูบน้ำทุกแห่ง ยังคงทำงานเต็มที่ ระบายน้ำออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครตลอดเวลา
- เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถตลอดเวลา ทั้งที่เป็นผู้ประสบอุทกภัยเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป
- เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วง 1-2 วันนี้

            ปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สะพานพระราม 8 = 3832ลูกบาศก์เมตร/วินาที
            ปริมาณน้ำไหลผ่านคลองบางกอกน้อย 143.30ลูกบาศก์เมตร/วินาที
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4196 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 20:26:47 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                - วันนี้น้องสาวได้โทรศัพท์มาหา เพราะแม่อยากคุยกับผม แม่จะมาช่วยล้างบ้านหลังน้ำท้วม ขณะนี้น้ำที่อำเภอเมือง สิงห์บุรี ระดับน้ำเสมอตลิ่งแล้ว คงจะเข้าสู่สภาวะปกติในเร็ววันครับ สำหรับเทศบาลสิงห์บุรี

                - ส่วนน้ำที่บ้าน ที่อำเภออินทร์บุรี พี่สาวบอกว่ายังอยู่ที่ระดับอก คงต้องรอไปอีกสอง-สามอาทิตย์จึงจะปกติ รวมแล้วจะครบสามเดือนแล้วที่บ้านพี่สาวจมน้ำมาอย่างยาวนาน และต้องรอคอยต่อไปอีก ครับ

                - จังหวัดอ่างทอง เป็นจังหวัดแรกที่ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง เข้าสู่สภาวะปกติมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว

                - ระดับน้ำที่บางไทรก็พ้นตลิ่งเรียบร้อยแล้ว

                - ระดับน้ำที่อยุธยา ปทุมธานี ยังไม่พ้นตลิ่งครับ คงต้องรอไปอีกสามอาทิตย์เป็นอย่างต่ำเพราะน้ำลดลงวันละ ๒ ซม. เท่านั้น แต่ที่อยุธยาเหลือไม่มากแล้วเพียง ๐.๕๐ ม.เองครับ

                - วันนี้พี่วสันต์ ได้โทรศัพท์มารายงานว่า น้ำบนถนนในซอยส่วนใหญ่แห้งแล้วเหลือเพียงท้ายซอยหน้าบ้านผมและติดคลอง พรุ่งนี้น่าที่จะดีขึ้นคือถนนพ้นน้ำทั้งหมด ถ้าพ้นน้ำจริง น้ำในบ้านผมคงแห้งเพราะในบ้านระดับสูงกว่าถนนประมาณ ๑๐ ซม. ครับ  ผมกำลังรอคอยเพราะว่าพรุ่งนี้ Nok Air ยกเลิกเที่ยวบินเช้า ผมต้อง Boarding 12:10 น. ถึงสุวรรณภูมิ 13:10 น. อาจจะเข้าบ้านเพื่อไปทำความสะอาดบ้าน ถ้ารถ Taxi สามารถไปส่งที่บ้านได้  แต่จะลำบากเรื่องอาหารการกิน และห้องน้ำเท่านั้น และหวังว่าน้ำบนถนนวิภาวดีจะสามารถให้รถเล็กผ่านได้ ครับ

                 - สำหรับ ดร.กุศล นั้น หนีน้ำท้วมไปอยู่บ้านพ่อที่ดาวคะนอง ซึ่งน้ำไม่ท้วม เพราะที่บางเขนน้ำท้วมสูง เลยไปขอข้าวกินฟรีไม่ได้ และได้ข่าวว่า ดร.กุศล กำลังจะไปที่ศูนย์อพยพ ชลบุรี เพราะมีข้าวกิน และถือโอกาสไปเยี่ยมพ่อที่ โรงพยาบาลพานทอง ด้วยครับ

                   ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #4197 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2554, 22:59:39 »

ช่วยพยายามนึกภาพตาม
ทางการวางบิ๊กแบ๊ก โดยเริ่มจากประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ที่คลองรังสิตประยูรศักดิ์
เลียบทางรถไฟลงมาทางใต้จนมาเกือบถึงสถานีรถไฟดอนเมือง แนวที่ว่านี้คือลำตัวส่วนสูงของตัว L
จากนั้นลองนึกภาพตัวเองยืนบนบิ๊กแบ๊กตำแหน่งใต้สุดที่ว่านี้ มองไปทางทิศใต้ วางบิ๊กแบ๊กเป็นแนวตั้งฉากไปทางซ้ายมือ
ข้ามพาดผ่านถนนวิภาวดี ให้เป็นส่วนของฐานตัว L...ดังนั้นหมู่บ้านอยู่เจริญที่ผมอพยพหนีน้ำมา ก็กลายเป็น
ทะเลสาบแก้มลิงไปโดยปริยาย...ช่วงนี้จึงเห็นเพื่อนบ้านผมออกข่าวบ่อยๆ ว่าออกมาทำลายบิ๊กแบ๊ก

ตอนเขาเริ่มทำบิ๊กแบ๊ก มีเสียงออกมาว่าจะทำเป็นรูปตัว L
พอเขาวางบิ๊กแบ๊กไปได้ สามวัน ผมก็เข้าใจได้ว่าลำตัวส่วนสูงของตัว L คือแนวทางรถไฟ
แต่ก็คิดไม่ออกว่า ฐานตัว L มันอยู่แนวไหน เดาว่าคงวางเสริมไปตามคลองรังสิตประยูรศักดิ์
บ่นกับเพื่อนที่เชียงใหม่ว่า ไม่เห็นใครออกมาพูดให้ชัดๆ ว่า "ฐานตัว L มันอยู่แนวไหน"
เพื่อนผมบอกว่า "ขืนบอกไปชัดเจนก็เจอการต่อต้านจากชาวบ้านแน่นอน ดังนั้นต้องเฉไฉให้สับสนไปก่อน
ไว้เสร็จก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหามวลชน" เพื่อนผมก็ช่างคิดไปได้เนอะ


      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4198 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 08:07:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2554, 22:59:39
ช่วยพยายามนึกภาพตาม
ทางการวางบิ๊กแบ๊ก โดยเริ่มจากประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ที่คลองรังสิตประยูรศักดิ์
เลียบทางรถไฟลงมาทางใต้จนมาเกือบถึงสถานีรถไฟดอนเมือง แนวที่ว่านี้คือลำตัวส่วนสูงของตัว L
จากนั้นลองนึกภาพตัวเองยืนบนบิ๊กแบ๊กตำแหน่งใต้สุดที่ว่านี้ มองไปทางทิศใต้ วางบิ๊กแบ๊กเป็นแนวตั้งฉากไปทางซ้ายมือ
ข้ามพาดผ่านถนนวิภาวดี ให้เป็นส่วนของฐานตัว L...ดังนั้นหมู่บ้านอยู่เจริญที่ผมอพยพหนีน้ำมา ก็กลายเป็น
ทะเลสาบแก้มลิงไปโดยปริยาย...ช่วงนี้จึงเห็นเพื่อนบ้านผมออกข่าวบ่อยๆ ว่าออกมาทำลายบิ๊กแบ๊ก

ตอนเขาเริ่มทำบิ๊กแบ๊ก มีเสียงออกมาว่าจะทำเป็นรูปตัว L
พอเขาวางบิ๊กแบ๊กไปได้ สามวัน ผมก็เข้าใจได้ว่าลำตัวส่วนสูงของตัว L คือแนวทางรถไฟ
แต่ก็คิดไม่ออกว่า ฐานตัว L มันอยู่แนวไหน เดาว่าคงวางเสริมไปตามคลองรังสิตประยูรศักดิ์
บ่นกับเพื่อนที่เชียงใหม่ว่า ไม่เห็นใครออกมาพูดให้ชัดๆ ว่า "ฐานตัว L มันอยู่แนวไหน"
เพื่อนผมบอกว่า "ขืนบอกไปชัดเจนก็เจอการต่อต้านจากชาวบ้านแน่นอน ดังนั้นต้องเฉไฉให้สับสนไปก่อน
ไว้เสร็จก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหามวลชน" เพื่อนผมก็ช่างคิดไปได้เนอะ

           

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

             ผมว่าคนคิดวาง Big Bag โง่ หรือ แกล้งโง่ ผมไม่เข้าใจ คนพวกนั้นจริงๆ ครับ

             ตามความคิดผมเมื่อรู้ว่า ศปภ.จะวาง Big Bag ผมถึงสรรเสริญ ความคิดนั้น แต่ตอนนี้ ผมหมดศรัทธา มาตั้งนานแล้ว เมื่อเห็น ตำแหน่ง Big Bag เสียดายทั้งเวลา เงิน กำลังคน เพราะอย่างที่เห็น แต่ก็ดีเหมือนกัน ประชาชนจะได้รู้ความจริง เพราะรัฐบาลนี้ ประชาชนเป็นผู้เลือกมาเองทั้งสิ้น แบบงมงาย ครับ

             การวาง Big Bag ตามความคิดผมที่ได้รับข้อมูลมาทีแรกคือ ศปภ. ร่วมกับ ปูนซิเมนต์ไทย(จัดหา Big bag) และบ.อิตาเลี่ยนไทย(นำเรือมาวาง Big Bag) คือ การรถไฟขน Big Bag มาที่ดอนเมืองหรือหลักสี่ ต่อจากนั้น ทหารเอารถ GMC คันโตๆ(หรือรถขนหินที่เหมืองของ ปูนซิเมนต์ไทย) มาขน Big Bag ไปลงเรือของ บ.อิตาเลี่ยนไทยที่คลองรังสิต เรือของอิตาเลี่ยนไทย มีเครนในตัว และบรรทุก Big bag ได้มาก เรือก็วิ่งไปตามแนวคลองรังสิต วาง Big Bag ขนถนนเรียบคลองตามแนวคลองรังสิต ฝั่งทิศใต้เรียบคลองตั้งแต่ประตูจุฬาลงกรณ์เรื่อยไปจนถึงคลอง ๑ ๒ ๓ ๔ จะปิดกั้นน้ำทางด้านทิศเหนือที่เข้ามาทาง ดอนเมือง สายไหมทั้งหมด และที่ริมคลองรังสิตนั้น มีแนวถนนเป็นคันกั้นน้ำอยู่แล้ว ถ้าวางแนวนี้ แก้ที่ต้นเหตุได้ 100% ชาวบ้านที่มีปัญหาชมชนจะไม่มีเลย เพราะอยู่ในแนวคันกั้น Big Bag ทั้งหมด รวมทั้งชุมชนบ้าน ดร.สุริยา ด้วย ปัญหาชุมชน จึงไม่มีทั้งสิ้น เพราะทุกคนได้ประโยชน์ทั้งหมด เป็นการวางถูกที่ ใช้ Big Bag น้อย แต่ทำไม ศปภ. ไม่วางตามแนวนี้ ผมก้ไม่ทราบ หรือพระเจ้าจะลงโทษ ศปภ. รัฐฐาลพรรคเพื่อไทย จึงดลใจให้วาง Big Bag ตามรางรถไฟ ก่อปัญหาต่างๆ ตามมาและความไม่เชื่อถือเกิดขึ้น

               เมื่อผมเห็นภาพการวาง Big Bag จากรถไฟ ครั้งแรก ผมจึงรู้ทันทีว่า บ้านผมน้ำท้วมแน่นอน ไม่มีทางเลี่ยง เพราะเวลาไม่มีแล้ว จึงต้องรีบอพยพออกทันที ยอมแพ้ เพราะ ศปภ. โง่ จริงๆ งานนี้ ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็น คนไม่เชื่อว่ากั้นน้ำได้จริง ชุมชนที่อยู่เหนือ Big Bag เดือดร้อน เป็นการประจาน ศปภ. และรัฐบาล ไปในตัว ที่ทำงานไม่เป็น ทั้งๆ ประชาชนเหล่านั้นนำโดยนายการุณ สส.พื้นที่ คนของเสื้อแดงเองแท้ๆ แต่เพราะอำนาจเงิน จึงต้องปิดปากเงียบ มันก็ดีแล้ว ประชาชนจะได้ทราบความจริงตากระจ่างเสียที แต่ก็จะลืมไปด้วยเงินที่เขาจะฟาดหัวให้แบบดูถูกที่ คนไทยสามารถซื้อด้วยได้เงิน

                เมื่อมีการรื้อ Big Bag จากประชาชน ผมก็คงจะยังไม่เข้าไปกอบกู้บ้าน ทั้งๆ ที่สามารถกระทำได้แล้วก็ตาม เพราะเจ้า Big Bag นี่ละ วางไม่ถูกที่ ถูกเวลา ประชาชนจึงมีแต่ความเดือดร้อน เพราะการกระทำของรัฐบาลตัวเอง สู้ปล่อยให้เป็นธรรมชาติของมัน เพราะผมเชื่อว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ระดับน้ำในคลองรังสิต จะต่ำกว่าขอบถนนแน่นอน Big Bag ก็ไม่มีความจำเป็น เพราะน้ำเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว เพราะน้ำกำลังลดลงอยู่ครับ

                สวัสดีครับ


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4199 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2554, 08:46:49 »

                เมื่อเช้าเห็นภาพทาง TV แล้ว ระดับน้ำที่ถนนหน้าซอย วิภาวดีรังสิต ๒๒ ไม่มีน้ำ ในบ้านผมคงแห้งแล้วเช่นกัน แต่สถานะการณ์ Big Bag ยังไม่แน่นอน จึงขอไปนอนที่สระบุรี หนึ่งคืน และไปเก็บของด้วย ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 166 167 [168] 169 170 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><