21 กันยายน 2567, 00:25:22
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3459403 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 23 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3525 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 10:46:22 »

กรมอุตุฯแจง พายุ บันยัน อ่อนกำลังลงแล้ว ไม่กระทบไทย แต่จะมีฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้

วันนี้ (15 ต.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกของประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักได้บางแห่ง ในระยะ 1-2 วันนี้

อนึ่ง พายุดีเปรสชัน “บันยัน”บริเวณทะเลจีนใต้ได้อ่อนกำลังลงเป็น หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว และจะไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร แพร่ และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ กาฬสินธ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=169796
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3526 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 10:49:01 »

                       ผมไม่ชวนแกหรอก  ดร.มนตรี เพราะแกไม่ไป  ผมรู้จักสำนักงานแก อยู่ใกล้บ้านผม สมัยก่อนไปหาประจำครับ

ข่าวลับ แต่ไม่ลับ จริงหรือนี่ !!!

                        มีผู้รู้บอกผมมาว่า สาเหตุที่ทำไม? กรมชลประทานไม่ปล่อยน้ำไปทางทุ่งตะวันตก และสุพรรณบุรี นอกจามีสาเหตุมาจากคุณบรรหารแล้ว อดีตท่านนายก ดร.ทักษิณ   ชินวัตร  ได้ร่วมมือกับเศรษฐีตะวันออกกลาง ได้กว้านซื้อที่ดินฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่แถวๆ อ่างทองนี่ละ ปลูกข่าวจำนวนมหาศาล กลัวน้ำท้วมนาข้าวเสียหาย จึงร่วมมือกับคุณบรรหาร ไม่ปล่อยน้ำเข้าทุ่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา

                        ข้อสังเกตุจากผู้สื่อข่าวข้อมูลที่ไม่ยอมเผยตัว บอกว่า ดร.ทักษิณ ไม่ให้นายพายัพ  สส.บัญชีรายชื่อพรรเพื่อไทย และรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ว่าคุณบรรหารเลย  ปิดปากเงียบในฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดห้ามพูด  ให้เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างเดียวโดยรัฐบาล เป็นการเอาหน้า

                        และให้สังเกตุ คุณสรยุธ ไม่ไปทำข่าวที่สุพรรณบุรีเลย เพราะมันจะมีแต่พื้นที่ดิน  ไม่มีน้ำ  ไม่ยอมนำภาพนั้นมาเปิดเผยให้ประชาชนทั้งประเทศทราบเลย ว่าสุพรรณบุรีไม่มีน้ำ และกำลังจะเตรียมทำนาครั้งต่อไปกันอยู่ ซึ่งผมเสียดายมากว่าวันนั้นที่ผมผ่านสุพรรณบุรี ลืมถ่ายภาพ ชาวนาเตรียมทำนากันครับ

                        คอยดู ถ้าข้อมูลนี้ถูกต้อง กรมชลประทาน ขณะนี้กำลังใช้รถขุด มาขุดดินเพื่อซ้อมคันกั้นน้ำบนถนนสิงห์บุรี - อ่างทอง โดยมีข้ออ้างว่า น้ำจะท้วมเทศบาลอ่างทอง แท้ที่จริงกำลังจะปกป้องนาข้าวของพวกชาวตะวันออกกลาง ครับ

                         ให้พิจารณาด้วยปัญญา ตามหลัก "กาลามสูตร" เขาบอกผม ผมก็มาบอกต่อ เพราะผมจะไม่เก็บเอาไว้ให้มันทุกข์ ผ่านแล้วก็ลืม พยายามมีจิตอยู่กับ ปัจจุบัน จะได้ไม่ทุกข์ ครับ นี่หลักปฏิบัติของผม เพียงแต่ช่วงนี้แพ้มาร ราบวุธ หลงกระทำตามที่จิตตนเองคิด สั่ง ให้รูป-นาม มันทำตามมัน เศร้าสำหรับผมครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3527 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 11:56:30 »

ภาพล่าสุดและน่าจะเป็นภาพสุดท้ายของ "บันยัน" Banyan เนื่องจากแปรสภาพเป็นหย่อมความกดอากาศไปแล้ว



ภาพถ่ายทางดาวเทียม ไม่ปรากฎพายุในมหาสมุทรอินเดีย
แต่ฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะพบกลุ่มเมฆเหนือประเทศไทย เขมร ลาวและเวียตนาม ซึ่งเป็นอิทธิพลของ "บันยัน"


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3528 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 12:51:14 »

ข่าวสถานการณ์น้ำท้วม กรุงเทพมหานคร วันนี้ ณ เวลา 12:50 น.      


           14.30 น. ผู้ว่าฯ กทม. แถลงสถานการณ์น้ำ และความพร้อมรับมือของ กทม. วันนี้ ณ ศูนย์เฉพาะกิจฯ ศาลาว่าการกทม

           08.00 น. วันนี้สถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ อยู่ในเกณฑ์ปกติ น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ขึ้นสูงสุดเวลา 08.19 ที่ระดับ +2.18 เมตร ยังต่ำกว่าระดับเขื่อน ป้องกัน 62 ซม.

            จากเหตุการณ์ฝนตกหนักช่วงเย็นวานนี้ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังผิวจราจรหลายเส้นทาง ในพื้นที่เขตบางเขน จตุจักร ดินแดง ราชเทวี เวลานี้ทุก ๆ จุด น้ำแห้งเป็นปกติ

            สถานการณ์น้ำเหนือ+น้ำทะเลหนุน ปัจจุบันแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพมหานคร ยังสามารถป้องกันได้ไม่มีผลกระทบกับพื้นที่ในแนวป้องกันของกรุงเทพมหานคร (ซึ่งป้องกันได้ที่ระดับเฉลี่ย 2.50 ม.- 3.00 ม.)

            ระดับน้ำในคลองด้านตะวันออก (คองแสนแสบ คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลอง 13 คลองหลวงแพ่ง) เขตคลองสามวา มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง มีระดับสูง มีผลกระทบบางพื้นที่ ถนนบางสายมีระดับน้ำท่วมขังสูง 10-30 เซนติเมตร บางหมู่บ้านมีน้ำท่วมขัง อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

             ระดับในคลองด้านตะวันตก (คลองมหาสวัสดิ์ ) มีระดับสูง ต้องเฝ้าระวัง
 
             ระดับน้ำในคลองด้านเหนือ (คลองรังสิต คลองหกวาสายล่าง) มีระดับสูง ต้องเฝ้าระวัง

             กรมอุตุฯ คาดว่าจะมีฝนฟ้าคะนอง 80% ของกรุงเทพฯ วานนี้วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ที่เขตบางรัก 104.5 มม.

             คลองที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยวันนี้ คือ คลองบางซื่อ และคลองน้ำแก้ว ส่วนคลองสายหลักอื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

             •   The flood situation today remains stable. The water level at Chao Phraya has reached its peak of +2.18 meters at 8:19 am which is 62 cm below the embankment.

             •   The Meteorological Department of Thailand reported that there is a 80% chance of thundershower in Bangkok today. Yesterday, Bangrak district received the highest amount of rainfall at 104.5 mm.

             •   The water level in Bang Sue Canal and Nam Kaew Canal have slightly increased while the rest of city canals are still in the normal level


สรุป ประชาชนในแนวคั้นกั้นน้ำ กทม. พยายามทำตัวเป็นปกติ

ดำเนินกิจกรรมที่ต้องกระทำไปตามธรรมชาติ

อย่าตื่นกลัวกังวลไปเลย ทุกข์เปล่าๆ  กทม. รับได้สบาย ครับ

แต่ถ้าอยากเตรียมพร้อมเอาไว้ก็ไม่ว่ากัน  จะได้คลายวิตกกังวล

อย่าดูข่าวทาง TV มากนัก เพราะมันจะทำให้ท่านกลัวเกินเหตุ

อย่าลืมเขาขายข่าว  มันเป็นอาชีพของเขา
 
สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3529 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 12:59:48 »

ผมจะไปถ้ำกระบอกหลังน้ำลด เพื่อบำบัดการเสพติดข่าวที่นำเสนอโดยคุณสรยุทธ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3530 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 13:17:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 15 ตุลาคม 2554, 12:59:48
ผมจะไปถ้ำกระบอกหลังน้ำลด เพื่อบำบัดการเสพติดข่าวที่นำเสนอโดยคุณสรยุทธ

เป็นความคิดที่ดี
  
แต่เอาอย่างผมดีกว่า ไม่ดู  ถึงแม้ดู รับทราบ  ทำจิตให้เหนือสิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง พอเป็นอดีตก็ลมเสีย

มีความสุขครับ

ผมอยากให้ตัวเอง หงุดหงิด โกรธ คุณบรรหาร  ท่านอธิบดีกรมชลประทาน  

แต่จิตมันวางเฉยของมัน  ผมเลยสั่งให้มันโกรธก็ไม่ได้ ครับ

ตัวอย่าง

               สมัยพุทธกาล พราหมณ์ท่านหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) เป็นคนที่โต้ตอบกับใครแล้ว คู่ต่อกรต้องเหงื่อแตกพร่านทุกคน แม้กระทั่งอาจารย์ทั้งหกของตน และนิครนนารทถาบุตรปริพาชก  จึงมาขอเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อโต้ตอบ ได้ถามปัญาข้อหนึ่งแด่พระพุทธองค์ว่า ตามที่พระสมณโคดม ว่าตัวเรานั้นให้เข้าใจว่าเป็น "อนัตตา" นั้นผิด ไม่ถูกต้อง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "ถ้าอย่างนั้นตามความเห็นของท่าน ว่ากระไร" พรหามณ์ตอบว่า เราต้องคิดว่าตัวเรานั้นเป็น "อัตตา" มีตัวมีตน พระพุทธองค์จึงบอกว่า ถ้าท่านคิดว่าเป็น "อัตตา" ท่านจงบังคับ "รูป-นาม" ของท่าน ไม่ให้ มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ได้หรือไม่ พรหามณ์ตอบว่า "บังคับ รูป-นาม ไม่ได้" พระพุทธองค์ก็ตอบว่า ถ้าท่านบังคับ "รูป-นาม" ของท่านไม่ได้ ก็แสดงว่า รูป-นาม นั้น ต้องเข้าใจว่ามันเป็น "อนัตตา" ไม่มีตัวตนเพราะเราบังคับมันไม่ได้ พรหามณ์ยอมรับ ว่าเป็นเช่นนั้น

                    ผมกำลังจะบอกว่า รูป เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ นั้น มันเป็นธรรมชาติที่ต้องพึงมีพึงเป็น ไม่สามารถตัดมันออกได้ แต่เราสามารถฝึกจิตเราให้อยู่เหนือมันได้

                    สวัสดี


หมายเหตุ        ขอบคุณ  คุณเหยงมาก เป็นข่าวที่ดี คน กทม. จะได้หมดกังวล ครับ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #3531 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 13:40:49 »

ขออนุญาตครับพี่สิงห์ เห็นว่าบทความนี้น่าจะสะท้อนปัญหาได้ดี
จึงคัดลอกมานำเสนอ หากพี่เห็นว่าไม่สมควร ลบได้เลยครับ

น้ำท่วม...บริหารจัดการไม่เป็น

   คัดลอกจาก www.posttoday.com

ไม่ใช่ภัยพิบัติลงโทษแต่...บริหารน้ำผิดพลาด

รุนแรงจนรัฐบาลต้องประกาศเป็น "วาระแห่งชาติ" ระดมความร่วมมือจากทุกสรรพกำลังมาร่วมแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศที่จนถึงเวลานี้ 26 จังหวัด กำลังจมน้ำ ประชาชนกว่า 2.2 ล้านครัวเรือนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก
         
นอกจากบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรที่เสียหายไปแล้วกว่า 9.6 ล้านไร่ มวลน้ำก้อนมหึมายังรุกคืบสร้างความเสียหายต่อเนื่องฝ่าปราการป้องกันเบื้องต้นรุกล้ำไปยังนิคมอุตสาหกรรม จนมูลค่าความเสียหายพุ่งสูงหลายแสนล้านบาท ยังไม่รวมยอดผู้เสียชีวิตที่สูงถึง 281 ราย

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงอุตุนิยมวิทยา มายาวนาน ฟันธงว่าวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ใช่เป็นผลพวงจาก "ภัยพิบัติ" แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำไม่เป็น!!!
         
"คือไม่สามารถจะบริหารน้ำได้ ไม่มีการติดตามข้อมูลตั้งแต่ต้นฤดูฝนว่าจะตกเยอะไหม ควรเก็บน้ำในเขื่อนไว้เท่าไหร่ ปรากฏว่าทุกคนเก็บน้ำไว้ในเขื่อนใหญ่หมด ทั้งกรมชลประทาน การไฟฟ้าฯ ซึ่งกลัวว่าจะไม่มีน้ำใช้ในหน้าแล้งซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ผิด
         
...ถ้าฝนตกต่อเนื่องทั้งกลางฤดู ปลายฤดู ยังตกอยู่ ปริมาณช่องว่างน้ำในเขื่อนจะไม่สามารถเก็บน้ำฝนกลางฤดูได้ ตอนนี้เขื่อนใหญ่เต็มหมดแล้วปัญหาคือ เมื่อเขื่อนใหญ่เต็มหมดแล้ว ก็ปล่อยน้ำในเขื่อนออกมาพร้อมกัน ปริมาณน้ำที่ปล่อยมามากกว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกใส่เขื่อน"
         
ดร.สมิทธ อธิบายว่า การปล่อยน้ำจากเขื่อนใหญ่ทั้ง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ทำให้น้ำมารวมตัวในภาคกลางตอนบนไล่มาตอนล่าง ขณะที่ภาคกลางก็มีน้ำฝนที่ตกมาอยู่ท้ายเขื่อนอยู่ในที่ลุ่มอยู่แล้ว ดังนั้นน้ำในขณะนี้จึงมหาศาลมาก หลายคนบอกน้ำปล่อยมานิดเดียวแต่เพราะน้ำมีอยู่แล้วในที่ลุ่ม ในนา เมื่อปล่อยมาพร้อมกันปริมาณน้ำจึงมาก ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมพร้อมกัน ตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา
         
"เป็นวิกฤตบริหารน้ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่มีการวางแผนไว้ก่อน อันที่จริงเราควรเก็บน้ำไว้ครึ่งหนึ่ง และถ้ามีฝนกลางฤดูที่แล้วก็สามารถเก็บน้ำไว้อีกได้"
         
ทั้งนี้ ที่ผ่านมานักวิชาการหลายคนบอกว่าน้ำไม่เคยสูงเช่นนี้ บางคนบอกน้ำเยอะแต่ไม่เคยท่วม ทุกคนต่างคนต่างมีข้อมูลของตัวเอง แต่ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงกันเรื่องข้อมูล เพราะข้อมูลที่แท้จริงกรมอุตุนิยมวิทยามีอยู่แล้ว เรามีสถานีวัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน กว่า 200 แห่งที่วัดปริมาณฝนได้
         
สำหรับแนวทางการแก้ไขในเวลานี้ ดร.สมิทธเห็นว่า จำเป็นที่จะต้องหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนเพราะช่วงนี้ไม่มีปริมาณน้ำฝนที่จะตกเข้าเขื่อนแล้วทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนนี้3 เขื่อนใหญ่ก็จะไม่มีน้ำเข้าแล้ว ดังนั้นถ้าเรายังปล่อยน้ำมหาศาลซ้ำเติมระบบน้ำท่วมที่อยู่ในภาคกลาง น้ำจะท่วมหมด
         
"ความเสียหายเป็นแสนล้านบาท ประเทศไทยมีหน่วยงานที่ดูแลปัญหาเกี่ยวกับน้ำภายใต้สังกัดกระทรวงต่างๆ กว่า 20 หน่วยงาน แต่เราไม่มีดาตาเบส ต่างฝ่ายต่างทำไม่เอาข้อมูลมาแชร์กัน จึงทำให้ขาดผลวิเคราะห์ในการตัดสินใจ
       
 ...การบริหารน้ำถ้าไม่มีการประสานงานกันทั้งกรมอุตุฯ กรมชลฯ การไฟฟ้าฯ ว่าควรจะเก็บหรือปล่อยน้ำแค่ไหนมันก็ไม่มีฐานข้อมูลที่นำมาคำนวณปริมาณน้ำว่าควรจะปล่อยหรือพร่องน้ำในระดับใดจึงจะทำให้พื้นที่ไม่เดือดร้อน"
         
นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าการไม่มีเอกภาพในการทำงาน การที่นักวิชาการทะเลาะกันเอง ไม่มีความรู้อย่างแท้จริงนำไปเสนอรัฐบาล จึงทำให้ระบบรวนทั้งหมด สุดท้ายก็นำไปสู่ปัญหาอุทกภัยทั้งๆ ที่น้ำมวลใหญ่ที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนใหญ่ๆนั้นบริหารจัดการได้
       
"ฝนปีนี้อาจจะมากกว่าปีที่แล้ว แต่การบริหารน้ำที่เราเก็บไว้มากไป แล้วปล่อยมาทีเดียว ไม่ปล่อยให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติ หากปล่อยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นฤดูตามธรรมชาติ กลางฤดูพอฝนตกก็เก็บบ้างปล่อยบ้างปลายฤดูก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยทีเดียวเยอะๆ น้ำก็จะไม่ท่วม ถ้าเราไม่ปล่อยน้ำก้อนใหญ่จากเขื่อน 3 แห่ง รับรองว่าน้ำไม่ท่วม กทม.ปริมณฑล พระนครศรีอยุธยา และอีกหลายจังหวัดอย่างที่เห็นกันอยู่"
         
มาตรการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าเวลานี้ ดร.สมิทธ มองว่า อันดับแรกเขื่อนใหญ่ควรหยุดปล่อยน้ำและหาทางระบายน้ำที่อยู่ในแม่น้ำใหญ่ๆ ทั้งแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกงให้ลงทะเลเร็วที่สุด ด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณปากแม่น้ำทั้งสามสาย เพราะช่วงนี้น้ำทะเลหนุนสูง น้ำเหนือไหลมาสมทบจะทำให้น้ำนิ่ง ไหลช้าลง ก็ต้องเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลก็จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม กทม.ได้
         
"แต่เพราะหลายเขื่อนยังปล่อยมาหลาย100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่แม่น้ำต่างๆระบายต่อวันได้ไม่ถึง 50 ล้านลูกบาศก์เมตรทุกเขื่อนพร้อมใจกันปล่อย มันก็มารวมกันที่ภาคกลาง เหมือนเราเทน้ำลงมาพร้อมกัน น้ำที่เต็มแก้วเมื่อเติมไปอีกมันก็ล้น
       
 ...เรื่องนี้ไม่ใช่ภัยพิบัติลงโทษ แต่เป็นเพราะการบริหารน้ำที่ผิดพลาด หากเราบริหารไม่ดีท่วมแน่ ถ้าไม่รู้จักเก็บน้ำในเขื่อนไว้ให้เหมาะสม นอกจากนี้การบริหารในเขื่อนเล็กๆแต่ละเขื่อนไม่สามารถระบายออกทะเลได้รวดเร็วพอ มันก็เอ่อในที่ลุ่มภาคกลาง"
         
ประเมินมาตรการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ออกมาถูกทางหรือไม่นั้น ดร.สมิทธ มองว่าจริงๆ รัฐบาลควรตั้งศูนย์เฉพาะกิจแต่แรกเพราะการบริหารภัยพิบัติใหญ่ๆ ต้องตั้งศูนย์เฉพาะ ต้องมีผู้บริหารใหญ่และผู้ควบคุมศูนย์คนเดียว จะเป็น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอกหรือนายกรัฐมนตรี ก็ได้ แต่ต้องตัดสินใจคนเดียว ทว่าตั้งช้าไปหน่อย แม้ตอนนี้จะเริ่มมีการตัดสินใจเดินหน้าแก้ไขหลายเรื่องแล้วแต่มาเริ่มตอนวิกฤตน้ำใกล้ท่วม กทม.ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอยู่มาก ทำให้ผลกระทบเยอะ
         
ส่วนความตื่นตระหนกของชาวบ้านที่ไม่มั่นใจสถานการณ์ และแก้ปัญหาด้วยการสร้างพนังกั้นน้ำหน้าบ้านตนเองจนวัตถุดิบขาดตลาดนั้น ดร.สมิทธ เห็นว่าอาจไม่ถูกต้องตามวิธีการ เพราะเป็นการสร้างที่ไม่มีหลักวิชาการการเอาดินวาง เอากระสอบทรายมาวาง มันสู้แรงดันน้ำไม่ได้
         
ทั้งนี้ น้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร หนักถึง 1 ตันถ้าสร้างเขื่อนสูง 2 เมตร แสดงว่ามีแรงดันน้ำถึง 2 ตัน ดังนั้นหากเขื่อนสร้างไม่แข็งแรงน้ำจะซึม กระสอบทรายไม่หนักพอก็ทลาย น้ำก็จะไหลอย่างรวดเร็วและแรงจนเอาไม่อยู่
         
ดร.สมิทธ อธิบายถึงแนวคิดที่ในอดีตเคยเสนอให้ตั้ง "กระทรวงน้ำ" ขึ้นมารับผิดชอบดูแลเรื่องนี้โดยตรง ว่าเป็นเพียงข้อเสนอของนักการเมืองที่จะทำให้มีตำแหน่งทางการเมืองเพิ่มขึ้นทั้งรัฐมนตรี ที่ปรึกษาและข้าราชการการเมือง เป็นการสร้างตำแหน่งเปล่าๆ
         
"ผมว่าทำอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็เหมาะสมแล้ว คือการตั้งศูนย์เฉพาะแล้วรวมเอานักวิชาการผู้มีความเชี่ยวชาญด้านน้ำมารวมกัน แต่ว่าการบริหารต้องการคนที่รู้เรื่องมาคุยกัน อย่าให้มานั่งเถียงกัน และการตัดสินใจก็ให้นายกฯ เป็นผู้ชี้ขาด"


เขื่อนใหญ่ต้องหยุดปล่อยน้ำ

ยังต้องลุ้นระทึกกับมวลน้ำก้อนใหญ่ ที่คาดว่าจะถึง กทม.ในวันสองวันนี้ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ยังอดเป็นห่วงฝีมือ กทม. กับการผันน้ำ กทม. หากเกิดน้ำทะลักเข้าพื้นที่เข้ามาจริงๆ

"ผมไม่เชื่อฝีมือ กทม. เพราะไม่เคยศึกษาหรือไปดูเขื่อน เช่น เขื่อน จ.ปทุมธานี ที่เพิ่งแตกไป กทม.ก็ไม่ดูแลบอกว่าท้องถิ่นสร้างขึ้นเอง ทั้งที่จริงแล้ว กทม.ควรมีหน้าที่ไปดูแลพื้นที่ด้วย เพราะน้ำที่จะแตกจากปทุมฯ จะเข้า กทม.กทม.อยู่ติดจังหวัดต้นน้ำ ถ้าเถียงกันอย่างนี้ กทม.จมแน่"
         
ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าเขื่อนรอบๆ กทม.จะมีความแข็งแรงพอหรือไม่ เพราะเขื่อนกั้นน้ำของ กทม.มีทั้งเขื่อนดินและเขื่อนคอนกรีต กระสอบทรายโดยเฉพาะในพื้นที่รอบนอก ทาง อบต. และอบจ. จะเป็นคนดูแล โดยใช้ผู้รับเหมาก่อสร้าง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ อาจทำให้มีปัญหาเรื่องความแข็งแรง
         
"อันนี้ถือเป็นจุดอ่อนจะทำให้เกิดวิกฤตน้ำในกทม.ได้ ขณะนี้น้ำล็อตใหญ่ที่มาจากเขื่อนภูมิพลสิริกิติ์ ป่าสักชลสิทธิ์ กำลังผ่านเข้ามาใน 3-4 จังหวัดที่ท่วมอยู่แล้ว กทม.จึงต้องระวังเพราะเป็นช่วงน้ำทะเลหนุน ตอนนี้ดูแล้ว กทม.คงรอดยาก"
         
ดร.สมิทธ ประเมินว่า วิธีการแก้ไขให้ได้ผลเร็วคือ ต้องหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนใหญ่ จากนั้นตั้งเครื่องสูบน้ำที่ปลายแม่น้ำที่จะลงสู่ทะเลให้มากที่สุดเพื่อสูบน้ำออกปากอ่าว นี่คือวิธีเดียวที่จะระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
         
"การเอาเรือไปดันน้ำจะดันได้เฉพาะผิวน้ำเท่านั้น ไม่สามารถดันน้ำที่อยู่ลึกไปข้างล่างได้พระราชดำรัสของในหลวงเรื่องการสร้างคลองลัดโพธิ์ การที่เป็นคลองแคบจะทำให้การดันน้ำไหลออกจากคลองได้เร็ว แต่ถ้าเอาเรือหลายลำไปผูกแล้วดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้าง เป็นการเสียน้ำมันเปล่า เพราะดันได้แค่ผิวน้ำเท่านั้นเรื่องนี้ต้องคิดต้องรู้ลักษณะของน้ำ ดังนั้นที่ถูกต้องคือการตั้งระบบสูบน้ำที่ปลายคลองหรือปลายแม่น้ำออกสู่ทะเลเลย"
         
สำหรับแนวคิดที่ กทม.ลงทุนทำอุโมงค์ยักษ์มีการระบายน้ำจากที่ลุ่มของกทม. เช่น รามคำแหงหนองจอก แทนที่จะระบายออกอ่าวไทย แต่กลับเอามาออกที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งไม่ช่วยอะไรเลยเพราะจะทำให้เจ้าพระยาล้นตลิ่งอีก หมุนเวียนถ้าจะลงทุนให้มากหน่อย วางท่อให้ยาวแล้วไปลงที่อ่าวไทยจะดีกว่า และทำให้ กทม.ปลอดภัยจากน้ำท่วมด้วย ไม่รู้ทำไมถึงคิดกันแค่นี้ เห็นว่าผู้ว่าฯกทม.จะทำอีกหลายอุโมงค์แต่ไม่รู้จะไปออกที่ไหน
         
ดร.สมิทธ ประเมินถึงสถานการณ์พายุบันยันที่วิเคราะห์แล้วเชื่อว่าไม่เข้าไทย แต่การที่นักวิชาการไม่มีความรู้แล้วไปให้ข้อมูลกับ ศปภ.และนายกฯ ว่าพายุจะสร้างผลกระทบต่อประเทศทำให้เกิดความตื่นกลัวกันหมด คนไม่รู้มาพูดทำให้ตกใจและประเมินพลาด
         
"พายุลูกนี้จะเข้าที่อ่าวตังเกี๋ย ประเทศจีนจากนั้นก็จะไปเวียดนามเข้ามาทางเหนือบ้านเราก็จะทำให้มีฝนตกนิดหน่อยที่เชียงใหม่ เชียงรายจากนั้นจะทำให้อากาศหนาวเย็นลง ผมอยากขอให้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องอุตุนิยมวิทยา หรืออุทกวิทยา หยุดให้ข้อมูล เพราะจะให้เกิดความตระหนก แตกตื่นกันไปหมด"
         
ดร.สมิทธ วิเคราะห์ต่อไปว่า หลังจากนี้ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วหากมีพายุเข้ามาจะไม่ส่งผลให้มีฝนตก หรือถ้าตกก็จะไม่มาก สิ่งที่กรมอุตุฯ และรัฐบาลต้องระวังต่อไป คือ ร่องลมมรสุมที่จะเลื่อนจากภาคกลางตอนล่างไปยังตอนใต้ ผ่านสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ซึ่งปีที่แล้วช่วงเดือนเดียวกันก็มีพายุดีเปรสชันก่อตัวทางทะเลจีนตอนล่างพัดเข้าสู่อ่าวไทย คลื่นลมที่พัดมาจะทำให้เกิดคลื่นพายุหมุนซัดชายฝั่ง(สตอร์ม เซิร์จ) สูง 4-5 เมตร และจะส่งผลกระทบให้ภาคใต้ เช่น ปัตตานี ยะลา
         
ดังนั้น ข้อมูลในการเตือนภัยพิบัติของกรมอุตุฯ จะต้องแม่น และหากสภาวะลมแรงจะทำให้สตอร์ม เซิร์จ สูงถึง 5-6 เมตร ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแนวฝั่งและรัฐบาลต้องเตือนให้เขาอพยพไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย

 

      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3532 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 16:12:16 »

ยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่นนทบุรี ปทุมธานี รอน้ำไหลไปหา
แล้วจะกั้นรักษากรุงเทพไว้ทำไม ??


สุดอั้นนิคมฯบางปะอินแตก-น้ำทะลักจมบาดาล
วันเสาร์ ที่ 15 ตุลาคม 2554 เวลา 16:03 น


นิคมฯบางปะอินจมน้ำแล้ว หลังคันกั้นน้ำไม่สามารถต้านกระแสน้ำได้ ส่งผลให้ 90โรงงานในนิคมฯจมบาดาล เผย 3 นิคมฯกับ 1 เขตประกอบการในเมืองกรุงเก่าท่วมครบแล้ว รวมมูลค่าลงทุนร่วม 2 แสนล้าน

วันนี้ (15 ต.ค.) นายนราพจน์ ทิวถนอม รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)  กล่าวว่า ขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาทั้งหมดแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องได้ป้องกันอย่างเต็มที่แต่ในที่สุดคันกั้นน้ำก็ไม่สามารถต้านกระแสน้ำได้ ส่งผลให้นิคมฯทั้งหมดที่ กนอ. ดูแลใน จ.พระนครศรีอยุธยา 3 แห่ง และอีก 1 เขตประกอบการโรจนะถูกน้ำท่วมหมดแล้ว

ทั้งนี้ นิคมฯบางปะอิน มีโรงงาน 90 แห่ง ในพื้นที่ 1,962 ไร่ มีมูลค่าลงทุน 60,000 ล้านบาท และการจ้างงาน 60,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกิจการของนักลงทุนญี่ปุ่น 38.89% รองลงมานักลงทุนจากสหรัฐฯ 14.81%, มาเลเซีย 12.96% เป็นต้น โดยกลุ่มที่มีลงทุนสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องยนต์, เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้พื้นที่นิคมฯ ที่ถูกน้ำเข้าท่วมแล้วประกอบด้วย นิคมฯ สหรัตนนคร มี 43 โรงงาน จ้างงาน 14,696 คน มูลค่าลงทุน  9,472 ล้านบาท, นิคมฯบ้านหว้า (ไฮเทค) มี 143 โรงงาน จ้างงาน 51,186 คน มูลค่าลงทุน 65,312 ล้านบาท ขณะที่เขตประกอบการโรจนะ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมโรงงาน มี 198 โรงงาน มูลค่าลงทุน 60,000 ล้านบาท จ้างงาน 90,000 คน เมื่อรวมทั้ง 4 แห่งพบว่ามีมูลค่าลงทุนรวม ประมาณกว่า 1.94  แสนล้านบาท

 
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=561&contentId=169866
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3533 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 17:13:49 »



      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3534 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 19:20:33 »

ชาวอ่าวทองฮือ เปิดถนนระบายน้ำออกถ.สายอ่างทอง-โพธิ์พระยา
15 ตุลาคม 2554 18:49 น.

 
        ชาวต.ศาลาแดง อ่างทอง กว่า 200 คน ฮือทำลายคันกั้นน้ำถ.สายอ่างทอง-โพธิ์พระยา หลังทางการปิดถนนให้น้ำไหลออกทุ่งฝั่งตรงข้าม ขณะที่ผู้ว่าฯ ยอมเปิดดินที่กั้นไว้ หวังช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ เตรียมถกผู้นำชุมชนอีกครั้ง
       
       วันนี้(15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนจาก ต.ป่างิ้ว ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง กว่า 200 คน ได้มาชุมนุมที่บริเวณจุดกลับรถ โรงเรียนสตรีอ่างทอง ต.ป่างิ้ว อ.เมืองอ่างทอง ที่ ถนน สายอ่างทอง-โพธิ์พระยา ซึ่งทางราชการได้ปิดหลังจากน้ำไหลบ่าท่วม ต.ศาลาแดงและ ต.ป่างิ้ว สูง 2 เมตร เพื่อให้น้ำไหลข้ามถนนออกท้องทุ่งฝั่งตรงข้ามซึ่งเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เป็นการผ่อนระดับน้ำที่สูงขึ้นในตำบลของตน ทั้งนี้ผู้ชุมนุมยืนยันให้เปิดถนนเพื่อให้น้ำไหลออกจากหมู่บ้าน ขณะเดียวกันได้มีการนำรถแบคโฮ มาเปิดดินคลุกออกจากที่ได้ปิดกั้นไว้ที่จุดกลับรถดังกล่าวออก
       
       นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า ได้ผ่อนคลายให้เปิดถนนเพื่อให้น้ำไหลผ่านบริเวณดังกล่าว เพื่้อให้ความรู้สึกดีขึ้น ก็ต้องสร้างความเข้าใจถึงเหตุผลกับผู้ชุมนุมอีกครั้ง

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000131670
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3535 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 19:26:41 »

ต่อไปคงเป็นภาคอีสานแล้วครับ

                                กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น. 
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกของประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

อนึ่ง ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่เข้าปกคลุมประเทศเวียดนามและลาวตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันพรุ่งนี้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร แพร่ และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ กาฬสินธ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3536 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 20:31:03 »

เวลา 19:30 น. วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม กทม. สรุปสถานการณ์น้ำ

ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร สรุป สถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ในกรุงเทพฯ

                       •  บริเวณตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร พื้นที่ได้รับผลกระทบได้แก่ เขตดอนเมือง ช่วงประตูระบายน้ำคลองรังสิตเชื่อมคลองเปรมประชากร สาเหตุจากน้ำเหนือไหลบ่าเข้าพื้นที่ ได้แก้ไขโดยเสริมแนวกระสอบทรายและทำการติดตามเฝ้าระวังตลอด ๒๔ ชม. และเขตสายไหม ถนนเลียบคลองสองและคลองหกวา สาเหตุจากน้ำเหนือไหลบ่าเข้าพื้นที่ แก้ไขโดยเสริมแนวกระสอบทราย ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และทำการติดตามเฝ้าระวังตลอด ๒๔ ช.ม.

                       • บริเวณด้านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ( คลองสามวา มีนบุรี หนองจอก และลาดกระบัง ) บริเวณจุดที่น้ำท่วมขัง ตามถนนและชุมชนที่ตั้งอยู่ริมคลอง สาเหตุ พื้นที่ต่ำระดับน้ำในคลองท่วมสูง และมี ฝนตกหนักในพื้นที่ แก้ไขโดยเสริมแนวกระสอบทรายทำคันดิน เปิดทางระบายน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำ

                       • บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองด้าน ( ๒๗ ชุมชน ๑๓ เขต ) จุดท่วมขังบริเวณชุมชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา สาเหตุเกิดจากน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน การรั่วซึมตามแนวป้องกันริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ได้แก้ไขโดย เสริมแนวกระสอบทรายทำคันดิน เปิดทางระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พร้อมเฝ้าระวัง ๒๔ ช.ม.

                        • บริเวณด้านฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ( เขตทวีวัฒนา ) มีน้ำท่วมขัง ตามถนนและชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ สาเหตุเกิดจากการรั่วซิม ตามแนวป้องกันริมคลอง และมีฝนตกหนัก แก้ไข โดยเสริมแนวกระสอบทรายและติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายออก พร้อมทั้งเฝ้าระวัง

ผู้ว่า กทม.แถลงผ่าน อสมท ช่อง 9

                        วันอาทิตย์ 16 วันจันทร์ที่ 17 วันอังคาร ที่ 18 ตุลาคม ศกนี้ มวลน้ำจำนวนมากจะมาถึงกรุงเทพมหานคร ดังนั้น จากการประเมินสถานการณ์ของ กทม. ที่ผู้ว่าขึ้นเครื่องบินดูปริมาณน้ำ ต้องประเมินกันใหม่หมด เพราะมีปริมาณน้ำมากมหาศาลที่จะผ่าน กทม. ต้องเสริมคันกั้นน้ำเพิ่มใหม่หมด เกินความคาดหมาย ดังนั้นผมขอให้พวกเราอยู่บ้านเฝ้าระวังกันครับ

โฆษก กรมชลประทาน แถลง (อธิบดีไม่กล้าเสนอหน้าแล้ว กลัวคำถามที่ตอบไม่ได้ คือ ทำไมไม่ผันน้ำไปสุพรรณบุรี)

                         ไม่ได้พูดถึงการผันน้ำเข้าแม่น้ำท่าจีน คือไปทางสุพรรณบุรีเลย และลงทุงเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ได้แต่บอกตัวเลขการระบายน้ำจากเขื่อน  ซึ่งผมรู้ดีกว่าท่านอีก ไม่มีอะไรให้มั่นใจเลย กรรมแท้ๆ กรมชลประทาน และบอกว่าน้ำจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติกลางเดือนธันวาคม แสดงว่านครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี จะต้องจมน้ำไปอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ถึงจะดีขึ้น

                          แต่ถ้าเป็นผม ผมจะผันน้ำไปทางสุพรรณบุรี และทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ทันที นครสวรรค์จะแห้งทันทีภายในครึ่งเดือน และสิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี ระดับน้ำจะเข้าสู่ปกติได้ภายในหนึ่งเดือน หรือลดลงอย่างมากจนสามารถกู้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ให้กลับคืนมาได้
                           ดร.จิตเกษม โทรศัพท์มาหาผม บอกว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำให้กรมชลประทานระบายน้ำลงทะเลทางแม่น้ำท่าจีน (สุพรรณบุรี) แต่ผมไม่เห็นกรมชลประทานออกข่าวเลยว่าจะปฏิบัติตามที่ทรงแนะนำ ยังเงียบฉี่ และไม่พูดถึงเลยเสียด้วยซ้ำ นี่หรือข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                            คุณเหยง ผมสนับสนุนให้ชาวอ่างทอง ทำลายคันกั้นน้ำบนถนนสาย สิงห์บุรี - อ่างทอง ที่กำลังดำเนินการกันอยู่ เพราะชาวนาบ้านนอก ก็มีความคิดเหมือนกับผม ครับ

                            และคอยดู คันกั้นน้ำบนถนนสาย สิงห์บุรี - เขื่อนชัยนาท  จะโดนประชาชนทำลายเช่นเดียวกัน เพื่อให้น้ำระบายลงทุ่งตะวันตก ที่กรมชลประทานไม่ทำ  แต่ประชาชนจะทำ เพราะเขาก็มีความคิดเหมือนกับผม ทนไม่ไหวแล้ว คอยดู

                            ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3537 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 20:42:15 »

สวัสดีครับ คุณตะวัน

                        ผมไม่ลบออกครับ มันเป็นความคิดเห็นของคนที่มีประสพการณ์มาแล้ว และเป็นจริง  ผมได้อ่านบนเครื่องบินแล้วครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3538 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2554, 21:14:06 »

                       เมื่อเวลา 18:00 น. เพื่อให้มั่นใจในข้อมูลเพื่อ บอก ดร.จิตเกษม ที่จะไปจัดรายการวิทยุ ทาง FM 99 เวลา 11:00 น. "รายการบ้านเขาเมืองเรา" ผมได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับหลานเขย ที่ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี ว่า น้ำในทุ่งแม่ลา-การ้องมีน้ำไหม? หลานเขยตอบว่า ไม่มีน้ำเลย ชาวนาเกี่ยวข้าวหมดแล้ว รอให้ทางกรมชลประทานปล่อยน้ำเข้านา แต่ยังไม่ปล่อย

                       แสดงว่ากรมชลประทาน ไม่ได้คิดจะระบายน้ำที่ยังมีอีกปริมาณมากที่นครสวรรค์ ระบายลงทุ่งฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาลงทะเลที่แม่น้ำท่าจีนเลย ทุ่งนี้ประกอบไปด้วย อำเภอสรรพยา อำเภอโพนางดำ อำเภอหันคา ฝั่งตะวันตก ของจังหวัดชัยนาท อำเภออิมทร์บุรี บางระจัน ค่ายบางระจัน ท่าช้าง ของจังหวัดสิงห์บุรี ต่อด้วยหลายอำเภอของจังหวัดอ่างทอง ทุ่งบรมธาตุ และสุพรรณบุรีเขตติดต่อ

                       กรมชลประทานอย่ามาบอกตัวเลขการระบายน้ำออกจากเขื่อนเลยครับ ควรงดปล่อยน้ำออกจากเขื่อนทันที  ปล่อยน้ำไปทางสุพรรณบุรี และทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ทันที

                       ขอให้ทุกท่านเขียนแปีะข้างฝาเอาไว้ จำไว้ให้มั่น คนที่ทำให้นิคมอุตสาหกรรมจมน้ำ อยุุธยาเมืองเก่าจมน้ำ และ กทม. กำลังจะจมน้ำ คือ คุณบรรหาร  สิลปอาชา  ที่สั่งการ ควบคุมกรมชลประทาน และท่านอธิบดีกรมชลประทาน ที่สมคบกัน เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประเทศชาติ

                       ราตรีสวัสด์ทุกท่านครับ ขอให้หลับอย่างมีสติโดยการสร้างความรู้สึกตัวที่ลมหายใจเข้าออก หยุดคิด และหลับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3539 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 06:50:31 »

อรุณสวัสดิ์ครับ ชาวซีมะโด่งและผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                        กทม. ยังปกติดีครับ ณ ตอนนี้ ข่าวต่างๆ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ข้าราชการยังไม่มาทำงาน ผู้ที่เข้าเวรกลางคืน คงนอนพักผ่อน ข่าวต่าง ๆ นั้น ต้องได้รับอนุมัติ จากผู้บริหารสูงสุดขององค์กร จึงจะประกาศออกมาได้ครับ ดังนั้นผมจึงยังไม่มีข่าวสำคัญที่จะรายงาน ถือว่า เหตุการณ์ปกติเหมือนเมื่อวานตอนค่ำ ครับ

                       วันนี้จะเป็นวัน D-Day วันแรกที่มวลน้ำก้อนใหญ่ ที่เคยอาระวาดอยุธยา นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จนราบพนาสูญนั้น ได้เดินทางมาถึงกรุงเทพมหานครเป็นวันแรก และจะมีกำลังสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมิได้ขาดตอนเลย เพราะข้าศึก(กรมชลประทาน)ไม่ได้ส่งกำลังกองโจรไปตัดตอนแต่ประการใด ที่จะระบายน้ำไปทางสุพรรณบุรีออกทะเลที่แม่น้ำท่าจีน หรือตัดกำลังน้ำเอาไปไว้แก้มลิงทุ่งนาข้าวที่เกี่ยวเรียบร้อยแล้วฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา

                       กรมชลประทานปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรุงเทพมหานครที่จะต้องรับมือให้ได้  

                       นอกจากนี้กรมชลประทานยังซ้ำเติม คือยังคงระบายน้ำออกจากเขื่อนตลอดเวลาถึงแม่จะลดปริมาณลงมาบ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังไปซ้ำเติมประชาชนที่ถูกน้ำท้วมมาเกือบสองเดือนแล้วอยู่ดี  ทั้งที่ไม่มีพายุ  ฝนตกไม่มาก ควรจะเปิดเพียง 10% ของที่เคยใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น

                       เพราะกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในจังหวัดน้ำท้วม เขตอุตสาหกรรมตัดขาดหมดแล้ว ยอดใช้ไฟฟ้าลดลงมาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไม่ควรซ้ำเติมประชาชน เหมือนกรมชลประทาน อย่าคิดทำกำไรด้วยการใช้น้ำผลิตกระแสไฟฟ้าแทนน้ำมันเตาหรือแก๊ส ตอนนี้เลยครับ ช่วยประชาชนที่ถูกน้ำท้วมเอาไว้ดีกว่า คือหยุดการระบายน้ำทั้งหมดจากเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตทันที เถอะครับ คุณสุทัศน์  ผู้ว่าการ กฟผ. น้องชายสุดที่รักของพี่ ดร.ป๋อง  ยังจะได้บุญจากผู้ถูกน้ำท้วม ครับ

                        ประชาชนที่อยู่ในเขตแนวน้ำท้วม อย่าตกใจ น้ำย่อมไหลซึมผ่านคันกั้นน้ำนั้นเป็นเรื่องธรรมดา หรือบางจุดอาจจะล้น มันจะเป็นช่วงสั้นๆ ขอเพียงคันกั้นน้ำอย่าพังเท่านั้น  กทม. สามารถสูบทิ้งกลับคืนได้ทัน

                       ทำจิตของท่านให้อยู่เหนือ ในสิ่งที่เห็น ได้ยิน ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และอย่างส่งจิตออกนอก คือปรุงแต่งหรือคิดตามสิ่งที่ประสพนั้น  

                       ท่านต้องมีจิตอยู่ที่การรู้สึกตัวจากการเคลื่อนไหวของอิริยาบถหลักและอิริยาบถย่อยของร่างกาย ที่ท่านกำลังกระทำอยู่นั้น หรืออยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก ของท่าน แล้วท่านจะไม่ทุกข์ ไม่ตกอยู่ในโมหะ คือไม่หลงติดอยู่ในความคิดของตัวเองที่สั่งให้ รูป-นาม กระทำตามครับ

                       ยังไม่มีข่าวใดๆ จาก กทม. กรมชลประทาน ครับ

                        ดังนั้น ผมก็ไม่มีอะไรทำ มีแต่ข่าวของเมื่อวาน ขอนั่งเจริญสติ ปฏิบัติธรรม ดีกว่าเช้านี้ ครับ

                       สวัสดี
                      
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3540 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 08:20:00 »






ทุกท่านอย่าลืมเข้าไปชมภาพที่ห้องซีมะโด่งสัมพันธ์ นะครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3541 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 09:04:44 »

นั่งเจริญสติ พอจิตเป็นสมาธิ มันก็มีความคิดขึ้นมาอีกจนได้ เรื่อง

"หนทางยุติความเดือดร้อนของคนจากภัยน้ำท้วม"

จึงต้องออกจากการเจริญสติ มาหุงข้าวกลางวัน และเข้าเวบ !!!

!!!!

ผมขออาราธนา คุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

จงช่วยเปิดปัญญาที่ปิดอยู่ ให้หงายขึ้น ม่านที่ปิดความคิด ให้เปิดขึ้น กับ

ท่านนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.โกวิทย์ คุณปลอดประสพ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์

ต้นเหตุแห่งการเกิดน้ำท้วมขณะนี้ คือ การเปิดน้ำออกจากเขื่อนต่าง ๆโดยมีข้ออ้างต่างๆ

ท่านต้องสั่งหยุดการระบายน้ำทั้งหมดเดี๋ยวนี้ ทันที รับรองเขื่อนไม่พังหรอกครับ

ฝนไม่ตก  พายุไม่มี  จะระบายน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า รักษาเขื่อนทำไม ?

ประชาชนในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง กำลังจะตาย อยู่แล้ว อย่าซ้ำเติมเลย

กรุงเทพฯ กำลังจะจมน้ำ เหมือนกับนิคมอุตสาหกรรม ต่างๆ อยู่ตรงหน้าแล้วครับ

ท่านต้อนแก้ที่ต้นเหตุ ตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้

"ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุเป็นปัจจัยทั้งสิ้น เมื่อเหตุดับ ผลจึงดับ"

ดังนั้นท่านควรสั่งการทันที



หยุดติการปล่อยน้ำออกจากทุกเขื่อนทั้งหมด แม้กระทั่งผลิตกระแสไฟฟ้าก็ตาม

ปล่อยน้ำไปทางสุพรรณบุรีให้มากกว่านี้สองเท่า สุพรรณบุรีไม่จมน้ำหรอก น้ำนครสวรรค์จะลดลงทันที

ระบายน้ำเข้าทุ่งนาฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติ ข้าวส่วนใหญ่เกี่ยวหมดแล้ว

พื้นที่แก้มลิงธรรมชาติที่ใหญ่มากที่กรมชลประทานใช้แก้ปัญหาน้ำท้วมเสมอ แต่ไม่มีน้ำ

ถ้าท่านปล่อยน้ำเข้านา ชาวนาจะได้ปุ๋ยจากน้ำโคลน ซังข้าวที่ย่อยสลาย และน้ำจะฆ่าแมง-แมลง




ถ้ากระทำสามอย่างนี้ทันทีเดี๋ยวนี้ ความทุกข์อยากของประชาชนผู้ประสพภัยจะลดลงทันที

น้ำจะแห้งเห็นฝั่งภายในเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น ไม่ต้องรอถึงกลางเดือนธันวาคม ตามที่กรมชลประทานบอก

นิคมอุตสาหกรรมสามารถจะกู้กลับมาได้ภายในไม่เกิน ๑๕ วันเพราะน้ำจะลดลงโดยรวดเร็ว

จังหวัดต่างๆ ในเขตเศรษฐกิจ จะกู้กลับมาได้ไม่เกิน ๑๕ วัน เช่นกัน

กรุงเทพมหานครทั้งหมด จะรอดพ้นจากภัยพิบัติ ครั้งนี้

อย่ามัวแต่ปัญญาอ่อน ไปหาทางระบายน้ำลงทะเลเลย  มันช้า ไม่ทันการ เพราะน้ำ มันมากมาอย่างต่อเนื่อง

อย่ามัวแต่ปัญญาอ่อนไปเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นเลย มันจะพัง เพราะฐานไม่มั่งคง ดังที่เห็นพังเป็นหน้ากลอง

อย่าปัญญาอ่อนไปใช้เรือดันน้ำเลยได้ผลนิดหน่อยเพียงผิวน้ำ แต่เรือก็ไปต้านการไหลของน้ำ เอาค่าน้ำมันมาช่วยคนดีกว่า

อย่าปัญญาอ่อน คิดไปช่วยคนเอาบุญเพื่อคะแนนเสียง มันจะเป็นดาบสองคน เพราะกระสุนท่านหมด ความต้องการมันมาก

จงเปิดปัญญา หงายสิ่งที่คว่ำอยู่ให้เปิดออก  เปิดสิ่งที่ปิดตาเอาไว้ให้เปิดออก คำสั่งที่เห็นแก่ตัวต้องโยนมันทิ้ง

ทำตามที่ผมเสนอทั้งสามประเด็นทันที ประชาชนจะสรรเสริญ  ประชาชนจะคลายทุกข์

มันเป็นที่ต้นเหตุ  ต้องแก้ที่เหตุ  แก้ปลายเหตุ มันแก้ไม่ได้หรอกครับ อย่าปัญญาอ่อนเกินไปเลยครับ

ผมขอร้อง

มานพ  กลับดี

ประชาชน ผู้ที่ไม่อยากเห็นคนประสพทุกข์จากภัยน้ำท้วมอยู่ในขณะนี้



เมื่อวานผมเห็นภาพที่ถ่ายจากเครื่องบินของ อสมท. ผมเศร้าใจมาก

แต่ทำไม? คุณวรรหาร  อธิบดีกรมชลประทาน  ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านเห็นแก่ตัวอย่างนี้

อย่าลืมนรกมีจริง 

ท่านลบภาพหลอนออกจากจิตท่านไม่ได้

เพราะท่านเป็นคนสั่งการ  รู้เห็นเป็นใจ และตั้งใจกระทำ แต่ประเมินผลที่จะตามมาผิดเท่านั้น

ท่านต้องได้รับกรรมที่ก่อ คอยดูกันในอนาคต
   
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #3542 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 09:31:55 »

พี่สิงห์คะ
จากมุมมองของคนที่ไม่มีความรู้
ด้านอุทกศาสตร์ เคยแอบคิดว่า
เอาเรือดันน้ำไม่น่าจะคุ้มทุน
มาอ่านข้อมูลของพี่สิงห์
ชักมั่นใจในความคิดตัวเอง
ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง (ที่ชอบต่อต้าน
ความคิดของบุคคลสาธารณะ)
ว่างานนี้ไม่เห็นด้วยอ่ะ
ขอบคุณพี่สิงห์ที่ทำให้กระจ่างค่ะ
ทราย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3543 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 10:13:08 »

อจ. ทราย

มันเป็นกลยุทธอย่างหนึ่งว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัยหาน้ำท่วมแล้ว ซึ่งมันยังไม่ใช่เรื่องหลักที่จะช่วยแก้ปัญหาได้
ดังเช่นที่พระนครศรีอยุธยา หรือที่นครสวรรค์ น้ำล้นพนังกั้นน้ำเพราะเขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำเพิ่มออกมาซ้ำเติม
หากย้อนหลังไป 3-4 วันได้ โดยเราไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ด้วยการปล่อยน้ำออกจากเขื่อน ปัญหาจะไม่เป็นแบบนี้ครับ
ภาพที่ รมต.มายืนดูการแพ๊คกระสอบทรายเพื่อวางแนว และดูรถแมคโฮขุดดินวางคันกั้นน้ำเป็นแนวยาวรอบนิคม
แต่พอน้ำมาจริง มันทำลายทุกอย่างจนไม่เหลือ แล้วเข้าท่วมนิคม ชุมชน เมืองทั้งหมด ในชั่วไม่ถึงชั่วโมง

ต้นตอคืือน้ำ แต่ไม่มีใครคิดหยุดการเติมน้ำทั้งในรูปแบบของน้ำจากเขื่อน น้ำจากมวลน้ำที่ท่วมอยู่ในภาคเหนือ
คิดแต่จะป้องกันน้ำเท่านั้น
อุปมาดังการติดตั้งเหล็กดัดกันขโมย แต่ไม่คิดจับขโมยหรือแก้ปัญหสเพื่อไม่ให้มีขโมยนั่นแหละครับ
ขโมยจึงขึ้นบ้านได้ และตามไปขโมยในบ้านต่อไปเรื่อยๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3544 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 10:14:29 »

ข่าวในเช้านี้............
น้ำยังโจมตีทุกพื้นที่รอบๆ กทม. และยังมุ่งหน้าเข้า กทม.และปริมณฑล
ในขณะที่กรมชลประทาน ทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง กทม. เท่านั้น ??


น้ำคลองบางแก้วทะลักท่วมนครชัยศรี จ.นครปฐม สูงกว่า 50 ซม.
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 08:29:00 น.
 

วันที่ 16ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วม ที่บริเวณวัดท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังถูกใช้เป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย น้ำจากคลองบางแก้วได้เอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณวัดและบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมฝั่งคลองทั้ง 2 ด้าน สูงกว่า 50 ซม. แม้จะนำกระสอบทรายมากั้นแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถกั้นน้ำที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ที่กุฏิพระวินัยสังวร เจ้าอาวาสวัดท่าตำหนัก น้ำได้เอ่อท่วมจนไม่สามารถจำวัดได้ ก่อนจะช่วยกันขนย้ายสิ่งของออกมา เช่นเดียวกับชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์ ก็ได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318728897&grpid=03&catid=&subcatid=


กรมชลฯเร่งรักษาคันกั้นน้ำ รับมือมวลน้ำก้อนใหญ่เคลื่อนเข้า กทม.
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:03:48 น.


นายบุญสนอง สุชาติพงษ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ถึงภาพรวมมวลน้ำทั้งหมดทรงๆ กำลังเคลื่อนเข้ากทม. โดยวันนี้ต้องช่วยกันรักษาคันกั้นน้ำให้ดีสุด เนื่องจากน้ำก้อนใหญ่กำลังมาถึง รวมทั้งมีฝนตกลงมาด้วย จึงต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้มากสุด ทั้งนี้ต้องรักษาคันกั้นน้ำที่เสริมมาให้ดีสุด หากคันขาดจะมีผลกระทบกับกทม.ทันที
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318730640&grpid=03&catid=&subcatid=


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3545 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 10:56:48 »


สรุป สถานการณ์น้ำประจำวัน

      - เขื่อมภูมิพล ปริมาณน้ำในอ่าง 99% ไหลเข้า 58.01 ไหลเข้าลดลงจากเมื่อวาน 0.03 ระบายออก 50 ระบายออกลดลงจากเมื่อวาน 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ความจริงสามารถหยุดการระบายน้ำได้ทันที โดยไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น แต่ กฟผ.ต้องการใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า

      - เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำในอ่าง 99% ไหลเข้า 31.16 ไหลเข้าลดลงจากเมื่อวาน 2.55 ระบายออก 20.01 ระบายออกเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01 ล้านลูกบาศก์เมตร  จริงๆสามารถหยุดการระบายออกได้ทันที โดยไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น แต่ กฟผ.ต้องการใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า

      - เขื่อนแควน้อย ปริมาณน้ำในอ่าง 100% ไหลเข้า 10.08 ไหลเข้าลดลงจากเมือ่วาน 0.06 ระบายออก 10.08 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายออกลดลงจากเมื่อวาน 2.88 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  จริงๆสามารถหยุดระบายได้ทันที หรือลดลง 50%

      - เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำในอ่าง 135% ไหลเข้า 47.53 ไหลเข้าลดลงจากเมื่อวาน 0.57 ระบายออก 30.42 ระบายออกมากขึ้นจากเมื่อวาน 0.10 ล้านลูกบาศก์เมตร

      - เขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำหน้าเขื่อน 17.73 m. ระดับน้ำเหนือเขื่อนลดลงจากเมื่อวาน 0.02m. ปริมาณน้ำระบายออก 3,610 ลดลงจากเมื่อวาน 3.00 ล้านลูกบาศก์เมตร

      - เขื่อนพระรามหก ระดับน้ำหน้าเขื่อน 9.68 m. ลดลงจากเมื่อวาน 0.25 m. ปริมาณน้ำระบายออก 664 ลดลงจากเมื่อวาน 62.5 ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำไหลผ่าน จังหวัดต่างๆ หน่วยเป็น ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

        - นครสวรรค์    วันนี้  4,632   เมื่อวาน   4,668  ระดับน้ำลดลงจากเมื่อวาน

        - อุทัยธานี      วันนี้    713    เมื่อวาน     713   ระดับน้ำเท่ากับเมื่อวาน

        - สิงห์บุรี        วันนี้  2,870    เมื่อวาน   2,870  ระดับน้ำเท่ากับเมื่อวาน

        - อ่างทอง      วันนี้  2,643    เมื่อวาน   2,648  ระดับน้ำลดลงจากเมือ่วาน

        - อยุธยา        วันนี้  1,485    เมื่อวาน   1,479  ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน

        - บางไทร      วันนี้  3,833     เมื่อวาน   3,860  ระดับน้ำลดลงจากเมื่อวาน

        - ระดับน้ำ ที่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี ไม่มีการวัด แสดงว่าน้ำท้วมสูงเกินระดับที่สามารถวัดได้


            สรุปโดยภาพรวม
                    - ปริมาณน้ำใหลเข้าเขื่อนต่างๆ ลดลงจากเมื่อวาน เป็นสิ่งที่ดี  ข้อเสนอแนะให้ลดปริมาณการปล่อยน้ำออกทันที 50%

                    - การระบายน้ำออกจากเขือนต่างๆ ลดลงมาก จากเมื่อวานนี้ เป็นสิ่งที่สมควรกระทำอย่างยิ่ง ทำให้มีผลกระทบท้ายเขื่อนลดลง

                    - ปริมาณน้ำที่ผ่านนครสวรรค์ เริ่มลดลง เป็นสัญาณที่ดี ระดับน้ำจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ครับแต่ใช้เวลาสักหนึ่งเดือนครึ่ง

                    - ปริมาณน้ำที่ผ่านจากสิงห์บุรี  อ่างทอง  ทรงตัว เป็นสัญญาณที่ดี ไม่ต้องทำคันกั้นน้ำเพิ่ม  และอาจจะเป็นผลมาจาก คันกั้นน้ำบนถนน อ่างทอง - สิงห์บุรีพังทะลายลง น้ำไหลเข้าทุ่งตะวันตกตอนล้าง ซึ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติ รับน้ำได้มหาศาล ครับ

                    - ปริมาณน้ำที่ผ่านอยุธยา เพิ่มขึ้น จึงเป็นผลให้นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้น

                    - ปริมาณน้ำที่บางไทรลดลงนิดหน่อย หรือทรงตัว แสดงว่าการกระจายของน้ำในพื้นที่ปทุมธานี กรุงเทพฯมหานคร นั้น เริ่มกระจายเติมพื้นที่แล้ว เป็นสัญญาณที่ดี ครับ

                      นี่คือ ภาพรวมวันนี้
 
                       อย่าลืมมวลน้ำมหาศาลอยู่ที่ปทุมธานี รอบๆนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และวันนี้เป็นวัน D-day  มวลน้ำเข้า กทม. ครับ


ต้องแก้ปัญหาที่เหตุ

                     - น้ำท้วมนครสวรรค์มาจาก การปล่อยน้ำจากเขื่อน ต้องยุติทันที และระบายออกทางสุพรรณบุรีด้วยประตูระบายน้ำทั้งสองแห่งอีกสอง สามเท่าตัวจากปัจจุบัน น้ำไม่ท้วมสุพรรณบุรี จนคนอยู่ไม่ได้หรอกครับ อย่างเก่งเพียงเอว ซึ่งผิดกับที่อื่น 3.5-4.00 ม. ไม่มีบ้านอยู่ ถนนหลวงก็ไม่มีที่อยู่  ทำตามนี้ผมรับรองน้ำนครสวรรค์ลดลงทันทีทันใดเห็นๆ

                     - เปิดน้ำเข้าทุ่งตะวันตก ซึ่งมีพื้นที่ 2-4 ล้านไร่ ซึ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติ ที่กรมชลประทานระบายไปเก็บไว้ชั่วคราวทุกปี กำลังรอน้ำจากกรมชลประทาน เพราะเกี่ยวข้าวหมดแล้ว น้ำโคลนจะเพิ่มปุ๋ยตามธรรมชาติ น้ำจะไหลลงอยุธยา ปทุมธานี กทม. ลดลงขาดกำหลังหนุน จะสามารถกู้เขตเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรม กลับมาได้  ถ้าท่านไม่ปล่อยน้ำลงไป ประชาชน อดทนมาสองเดือนจะทนไม่ไหว ที่เห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น จะใช้กฏหมู่ค่อยๆ พังคันกั้นน้ำบนถนน เขื่อนชัยนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง ลงไปเรื่อยๆ ไม่เชื่อคอยดูครับ
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #3546 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 11:01:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 ตุลาคม 2554, 10:13:08
อจ. ทราย

มันเป็นกลยุทธอย่างหนึ่งว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัยหาน้ำท่วมแล้ว ซึ่งมันยังไม่ใช่เรื่องหลักที่จะช่วยแก้ปัญหาได้
ดังเช่นที่พระนครศรีอยุธยา หรือที่นครสวรรค์ น้ำล้นพนังกั้นน้ำเพราะเขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำเพิ่มออกมาซ้ำเติม
หากย้อนหลังไป 3-4 วันได้ โดยเราไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ด้วยการปล่อยน้ำออกจากเขื่อน ปัญหาจะไม่เป็นแบบนี้ครับ
ภาพที่ รมต.มายืนดูการแพ๊คกระสอบทรายเพื่อวางแนว และดูรถแมคโฮขุดดินวางคันกั้นน้ำเป็นแนวยาวรอบนิคม
แต่พอน้ำมาจริง มันทำลายทุกอย่างจนไม่เหลือ แล้วเข้าท่วมนิคม ชุมชน เมืองทั้งหมด ในชั่วไม่ถึงชั่วโมง

ต้นตอคืือน้ำ แต่ไม่มีใครคิดหยุดการเติมน้ำทั้งในรูปแบบของน้ำจากเขื่อน น้ำจากมวลน้ำที่ท่วมอยู่ในภาคเหนือ
คิดแต่จะป้องกันน้ำเท่านั้น
อุปมาดังการติดตั้งเหล็กดัดกันขโมย แต่ไม่คิดจับขโมยหรือแก้ปัญหสเพื่อไม่ให้มีขโมยนั่นแหละครับ
ขโมยจึงขึ้นบ้านได้ และตามไปขโมยในบ้านต่อไปเรื่อยๆ


cmadong.com นี่
เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญา
ที่มีค่าต่อการเรียนรู้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3547 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 11:36:15 »

พุทธอุทานแรกตรัสรู้ที่ควงต้นโพธิ์

พุทธอุทานคาถาที่ ๑ เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งพิจารณาอยู่ เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไปเพราะ รู้ธรรมที่มีเหตุ

พุทธอุทานคาถาที่ ๒ เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งพิจารณาอยู่   เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะ ได้รู้ความสิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย

พุทธอุทานคาถาที่ ๓ เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งพิจารณาอยู่   เมื่อนั้น พราหมณ์ย่อมกำจัดมารและเสนามารได้ ดุจพระอาทิตย์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า ฉะนั้น


สรุป

เมื่อเหตุนี้มี     ผลนี้จึงมี
เพราะเหตุนี้เกิดขึ้น     ผลนี้จึงเกิดขึ้น
เมื่อเหตุนี้ไม่มี     ผลนี้จึงไม่มี
เพราะเหตุนี้ดับ     ผลนี้จึงดับ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น   ล้วนมีเหตุเป็นปัจจัยทั้งสิ้น
ถ้าเหตุดับ   ปัจจัยจึงดับ   ดังนั้น   ต้องดับที่ “ต้นเหตุ”


ต้องแก้ปัญหาที่เหตุ

                     - น้ำท้วมนครสวรรค์มาจาก การปล่อยน้ำจากเขื่อน ต้องยุติทันที และระบายออกทางสุพรรณบุรีด้วยประตูระบายน้ำทั้งสองแห่งอีกสอง สามเท่าตัวจากปัจจุบัน น้ำไม่ท้วมสุพรรณบุรี จนคนอยู่ไม่ได้หรอกครับ อย่างเก่งเพียงเอว ซึ่งผิดกับที่อื่น 3.5-4.00 ม. ไม่มีบ้านอยู่ ถนนหลวงก็ไม่มีที่อยู่  ทำตามนี้ผมรับรองน้ำนครสวรรค์ลดลงทันทีทันใดเห็นๆ

                     - เปิดน้ำเข้าทุ่งตะวันตก ซึ่งมีพื้นที่ 2-4 ล้านไร่ ซึ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติ ที่กรมชลประทานระบายไปเก็บไว้ชั่วคราวทุกปี กำลังรอน้ำจากกรมชลประทาน เพราะเกี่ยวข้าวหมดแล้ว น้ำโคลนจะเพิ่มปุ๋ยตามธรรมชาติ น้ำจะไหลลงอยุธยา ปทุมธานี กทม. ลดลงขาดกำหลังหนุน จะสามารถกู้เขตเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรม กลับมาได้  ถ้าท่านไม่ปล่อยน้ำลงไป ประชาชน อดทนมาสองเดือนจะทนไม่ไหว ที่เห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น จะใช้กฏหมู่ค่อยๆ พังคันกั้นน้ำบนถนน เขื่อนชัยนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง ลงไปเรื่อยๆ ไม่เชื่อคอยดูครับ


คุณเหยง ยังมีผมอยู่อีกคน

 แต่ไม่มีใครฟังผม  และผมไม่มีอำนาจสั่งการ กรมชลประทานได้ครับ

ได้แต่วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แทน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3548 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 12:05:31 »

                       คุณเหยง  ผมฟังแถลงการณ์จาก รัฐมนตรีเกษตรฯและกรมชลประทาน แล้วเคลิ้มไปเลย หลงเชื่อทั้งสิ้นว่าท่านรับมือได้ ท่านเก่ง ท่านโทษฝนตกมาก  ทั้งๆที่ทุกฝ่ายบอกตรงกัน ปริมาณน้ำฝนปีนี้น้อยกว่า ปี 2538  แต่ท่านบอกว่าน้ำมากกว่ามากๆๆๆ ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ท่านบอกว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นสามารถรับได้ แต่ทำไม? เขตอุตสาหกรรมต่างๆ ท้วมหมด ถนนต่างๆ ท้วมหมด ไม่มีแผ่นดินให้อยู่ คันกั้นน้ำค่อยๆ พังทะลายลงเป็นลำดับ  มันคืออะไรกัน ครับ

                        ไม่ได้กล่าวถึงการระบายน้ำเข้าแก้มลิงฝั่งตะวันตก บอกแต่เพียงระบายไปทางแม่น้ำท่าจีน 750 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ที่เห็นคือคงเดิมที่ 40+360 มาเป็นเดือนแล้ว ไม่เอ่ยถึงสุพรรณบุรีเลยทั้งสิ้น

                         กทม. ยังยืนยันว่า สามารถรับสถานการณ์น้ำได้ ในแนวคันกั้นน้ำ ปลอดภัย แต่มีจุดอ่อนที่ฝั่งเหนือ สายไหม ที่กำลังแก้ไขอยู่ขณะนี้ ยกเว้นรอบนอกคือ มันบุรี หนองจอก ลาดกระบัง สายไหม ครับ

                         ผมก็มีหน้าที่รายงานให้ทราบเท่านั้น


วันนี้เขตภพื้นที่  กทม.

              - ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุด แต่ยังต่ำกว่าคันกั้นน้ำ กทม. ประมาณ 70 cm. ยังอุ่นใจคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้

              - ระดับน้ำในคลองต่างๆ ของ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปกติ

              - จุดเสี่ยง คือ คันกั้นน้ำด้านทิศเหนือ ทางสายไหม ต้องทำกระสอบทรายเพิ่มด่วนจี้ และต้องเร่งระบายน้ำที่เข้าโจมตีไปทางตะวันออกให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้ ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น กำลังปะลองกำลังกันกับ ความแข็งแรงของกระสอบทราย กทม. อยู่ เราต้องคอยดูผล ครับ

              - กรุงเทพฯ ยังปลอดภัย ณ วันนี้ พรุ่งนี้น้ำทะเลจะขึ้นสูงจากวันนี้ 10 เซนติเมตร
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3549 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2554, 14:37:38 »

พี่สิงห์

นักการเมืองมันไม่รักษาสัจวาจาหรอกครับ
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า น้ำฝนปีนี้มันมากกว่าปี 2538 แน่นอน ปากบอกไปอย่างหนึ่ง ข้อมูลไปอย่างหนึ่ง
เป็นยุทธวิธีแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ เพราะคนไทยมักลืม และไม่นำมาเป็นบทเรียน

น้ำเริ่มท่วมจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พะเยา เชียงราย ในวันที่ 27 มิถุนายน 54 ครับและท่วมติดต่อกันถึง 5 ครั้ง
ที่ผมเริ่มติดตาม เพราะเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดหลักของประเทศ และมีลูกค้าอยู่ที่นั่น จึงทราบเรื่องมาโดยตลอด

นิคมอุตสาหกรรม 5 แห่งจมน้ำ มีใครลองหยิบกลับมาดูไหมครับว่า จมน้ำแบบเดียวกันทั้งหมดหรือไม่
วิธีกั้นน้ำของแต่ละนิคมเป็นรูปแบบไหน แบบเดียวกันหรือเปล่า ??
แล้วน้ำที่สามารถเข้าท่วมได้นั้น เข้าตีจุดไหนของพนังกั้นน้ำ ถึงแตกได้ทุกนิคมฯ ทั้งหมด

น้ำที่ทำให้นิคมทั้งหมดแตก มาจากไหน แล้วไหลไปไหนต่อ
นี่คือสิ่งที่ผู้บริหารนิคมฯ ควรจะรู้ และเก็บไว้ใช้ศึกษาเพื่อป้องกันภัยในปีต่อๆ ไป
และสมควรที่ทุกนิคมควรจะปรึกษาหารือกัน หารูปแบบใหม่ อาทิ การกั้นพนัง 2 ชั้น จากเดิมที่กั้นเพียงชั้นเดียว ฯลฯ

 

มีอีกประเด็นอยู่ตรงที่ว่า รมต.เกษตรฯ(อดีตอธิบดีกรมชลประทาน) บอกว่า กรุงเทพ(ชั้นใน) ไม่มีโอกาสท่วม
แล้วถ้ามันท่วม......ท่านรับผิดชอบคำพูดของท่านมั้ย !!!! ??
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><