21 กันยายน 2567, 13:27:40
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 128 129 [130] 131 132 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3461164 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #3225 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 10:19:38 »


อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 28 กันยายน 2554, 16:35:03

งานมุทิตาจิต พี่ทองอู่  จักรสิงห์


ผมขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่งทุกท่าน ร่วมงานแสดงมุทิตาจิต พี่ทองอู่  จักรสิงห์

เนื่องในวันเกิด ครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี ในวันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม เวลา ๑๘:๐๐ น.

ณ ภัตตาคารกุหลาบ  ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน  

โดยมีพวกเราชาวซีมะโด่งร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

ผมไม่ได้เจาะจงใครทั้งสิ้น เรียนเชิญทุกท่านครับ

 
                             ทางอาจารย์เผ่า   สุวรรณศักดิ์ศรี  ได้กรุณาโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพี่ทองอู่  จักรสิงห์  ว่าน้องๆ ชาวซีมะโด่งอยากจัดงานสังสรรค์เนื่องในวันเกิดครบ ๗ รอบ ให้พี่ทองอู่  ด้วยความเคารพ และคิดถึงยิ่ง  พี่ทองอู่  จึงยอม ครับ  ต้องจอจอบพระคุณทางอาจารย์เผ่า เป็นอย่างยิ่งครับ

                        ผมได้มอบหมายให้คุณทรงเกียรติ  หลิ่มศิริ  เป็นผู้ดำเนินการขอร้องพี่กาญจนา   ว่องชวณิชย์  ช่วยจองห้อง และอาหารที่ร้านสวนกุหลาบ ให้ด้วย ต้องขอขอบพระคุณทั้งพี่กาญจนา และคุณทรงเกียรติ

                        และผมได้เรียนให้คุณวัฒนา  ประธานชมรมฯ รับทราบในรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และได้ขอร้องคุณนันทิกา  ช่วยลงในเวบ ให้อีกแรงหนึ่ง แต่เนื่องจากต้องเตรียมการเรื่องอาหาร จึงอยากทราบจำนวนบุคคลที่จะไปด้วยครับ และทางคุณวัฒนา  จะจัดของที่ระลึกมอบให้กับพี่ทองอู่  ด้วยครับ  ผมต้องขอขอบคุณทั้งสองท่านด้วยครับ

                        อย่าลืมชักชวนกันไปให้กำลังใจพี่ทองอู่  จักรสิงห์  พี่อาวุโสที่แสนดีของพวดเราชาวซีมะโด่ง  ด้วยครับ

                        สงวัสดีครับ



          เจี๊ยบเปิดกระทู้ใหม่เพื่อให้พี่ๆ น้องๆ ชาวหอ ร่วมอวยพรวันเกิด และลงชื่อมาร่วมงานแสดงมุทิตาจิตแด่พี่ทองอู่ อยู่ในห้อง ' ซีมะโด่งสัมพันธ์ ' ให้พี่สิงห์แล้วนะคะ  โปรดคลิกที่นี่


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3226 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 12:52:41 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเจี๊ยบ ที่รัก

                       ขอบคุณมาก ครับ  วันนี้ได้โทรศัพท์ไปหาพี่กาญจนา เรียนเชิญมาร่วมงานพี่ทองอู่ และขอให้พี่กาญจนา ช่วยจองห้องอาหาร ในการจัดเลี้ยงไว้ให้ด้วย และได้เรียนเชิญอาจารย์พินิจ และพี่ติ๋วไว้เรียบร้อยแล้ว

                       รายชื่อผู้ที่ไปร่วมงาน ตอนนี้
                       ๑. อาจารย์เผ่า  สุวรรณศักดิ์ศรี
                       ๒. อาจารย์แจ่มใส   สุวรรณศักดิ์ศรี
                       ๓. พี่ตัน
                       ๔. รศ.พินิจ   เพิ่มพงษ์พันธ์
                       ๕. พี่ติ๋ว
                       ๖. พี่กาญจนา
                       ๗. มานพ  กลับดี
                       ๘. คุณทรงเกียรติ
                       ๙. คุณวัฒนา
                      ๑๐. พี่สมบุณ

                           ยังรอรายชื่อจากอาจาย์เผ่า คุณทรงเกียรติ และกรรมการชมรม จากคุณวัฒนา ครับ

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3227 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 12:57:36 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                      - ถ่ายรูปจุดที่น้ำซึมจากพื้น  จากรั้ว เอาไว้ด้วย
                      - เอาสีระบายจุดที่น้ำซึมจากพื้น จากรั้ว และระดับน้ำเอาไว้ด้วย

                        น้ำจะท้วมแบบนี้ทุกปีและรุนแรงคือระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี  ภายหลังสถานการปกติแล้ว ผมจะหาโอกาสขึ้นไปเยี่ยมบ้านและแนะนำการป้องกันน้ำ ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้น้ำท้วมบ้านและลานตากข้าวและพืชไร่ รวมทั้งโกดังเก็บด้วยครับ

                        สวัสดี

หมายเหตุ
                        ผมอยู่สนามบินดอนเมือง รอขึ้นเครื่องบินไปนครศรีธรรมราช ครับ


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3228 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 20:27:27 »

รู้ประวัติ พุทธสาวก อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๒๕

พระอุปเสนเถระ

เอตทัคคะในทางผู้นำซึ่งความเลื่อมใส


                       พระอุปเสนะ เป็นบุตรของพราหมณ์ชื่อวังคันตะ มารดาชื่อนางสารี ในหมู่บ้านตำบลนาลันทา ซึ่งบิดาของท่านเป็นนายบ้านหรือหัวหน้าหมู่บ้านนั้น อันตั้งอยู่ในแคว้นมคธ ท่านเป็นน้องชายอีกคนหนึ่งของพระสารีบุตรเถระ ในบรรดาพี่น้อง ๗ คน คือ ๑. พระสารีบุตร ๒. พระจุนทะ ๓. พระอุปเสนะ ๔. พระเรวัตะ ๕. นางจาลา ๖. นางอุปจาลา ๗. นางสีสุปจาลา (บางแห่งกล่าวว่าท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ ของตระกูล) เมื่อเจริญวัยขึ้นได้รับการศึกษา จบวิชาไตรเพทหรือพระเวททั้ง ๓ ตามลัทธินิยมของพราหมณ์ และถือว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนาพราหมณ์ คัมภีร์พระเวททั้ง ๓ นั้น ได้แก่:-

                        ๑) ฤคเวท (อิรุพเพท) เป็นบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าทั้งปวง
                        ๒) ยชุรเวท (ยชุพเพท) ประกอบด้วยมนต์ อันเป็นบทสวดอ้อนวอนในพิธีบูชายัญต่าง ๆ
                        ๓) สามเวท ประมวลบทเพลงขับ สำหรับสวดหรือร้อง เป็นทำนองในพิธีบูชายัญ

                         ต่อมาภายหลังได้เพิ่มอถรรพเวท (อถัพเพท) หรือ อาถรรพเวท อันว่าด้วยคาถาอาคมต่าง ๆ ทางไสยศาสตร์ เป็นมนต์สำหรับใช้ในการปลุกเสกวัตถุมงคลต่าง ๆ เมื่อเพิ่มคัมภีร์นี้เข้ามาก็นับเป็นคัมภีร์ที่ ๔ ตามหลักลัทธิของศาสนาพราหมณ์ ถือกันว่า ผู้ใดจบพระเวทเหล่านี้แล้วก็จะเรียกผู้นั้นว่า (ถึงที่สุดแห่งเวท และวิชาพระเวทนี้ก็ถือกันอีกว่า “เป็นวิชาที่ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์” )

                         อุปเสนะ เมื่อพระสารีบุตรเถระผู้เป็นพี่ชายออกบวชแล้ว ตนเองก็มีจิตน้อมไปในการบวชอยู่ด้วย วันหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใสยิ่งขึ้น จึงกราบทูลขอบรรพชาอุอุปสมบท พระพุทธองค์ประทานให้ตามประสงค์ ท่านดำรงเพศภิกษุปฏิบัติศาสนกิจตามหน้าที่

                        • แค่ ๑ พรรษา ตั้งตนเป็นอุปัชฌาย์

                        เมื่อท่านบวชได้เพียง ๑ พรรษา และยังเป็นปุถุชนมิได้บรรลุมรรคผลใด ๆ ท่านเกิดมีความคิดขึ้นว่า “เราจะช่วยกระทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากไปด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์” ดังนี้แล้ว ก็ตั้งตนเป็นอุปัชฌาย์ บวชกุลบุตรผู้หนึ่งไว้ในสำนักของตน และจำพรรษาอยู่ด้วยกันเมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านได้พาสัทธิวิหาริกศิษย์ของท่านไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยหวังว่าจะได้รับคำยกย่องชมเชยจากพระองค์ แต่ครั้นพระพุทธองค์ตรัสถามก็ได้ทรงทราบว่า ท่านตั้งตนเป็นอุปัชฌาย์บวชให้กุลบุตร ทั้ง ๆ ที่ตนเพิ่งบวชได้เพียงพรรษาเดียว อีกทั้งยังเป็นปุถุชน จึงทรงประณามตำหนิท่านอย่างรุนแรงด้วยพระดำรัสว่า “ดูก่อนโมฆบุรุษ ทำไมเธอจึงเป็นคนมักมากอย่างนี้ ตัวเธอเองก็ยังต้องอาศัยผู้อื่นสั่งสอนอยู่ แต่นี่ทำไมเธอจึงทำตัวสั่งสอนผู้อื่นเสียเอง” และพระพุทธองค์ก็ทรงติเตียนเธออีกเป็นอันมาก

                        ท่านอุปเสนะ รู้สึกสลดใจที่ถูกพระบรมศาสดาตำหนิอย่างนั้น จึงคิดว่า “เราถูกพระพุทธองค์ทรงตำหนิ เพราะเรื่องสัทธิวิหาริก ดังนั้น เราจะอาศัยสัทธิวิหาริกนี่แหละยังพระบรมศาสดาให้ตรัสสรรเสริญเราให้ได้”จากนั้นท่านได้กราบทูลลาพระผู้มีพระภาคพาสัทธิวิหาริกกลับสู่ที่พัก ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตผล หมดกิเลสาสวะ เป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านได้สมาทานธุดงค์วัตรประพฤติปฏิบัติในธุดงค์คุณครบทั้ง ๑๓ ข้อดังนี้:-

                       “ธุดงควัตร” หมายถึง ข้อปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลส ๑๓ ข้อ ได้แก่:-
                          ๑.    ปังสุกุลิกธุดงค์ ถือการใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
                          ๒. เตจีวริกธุดงค์ ถือการใช้ผ้าไตรจีรเป็นวัตร
                          ๓. ปิณฑปาติกธุดงค์ ถือการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
                          ๔. สปทานจาริกธุดงค์ ถือการเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับตรอกเป็นวัตร
                          ๕. เอกสานิกธุดงค์ ถือการนั่งฉัน ณ อาสนะเดียวเป็นวัตร
                          ๖. ปัตตปิณฑปาติกธุดงค์ ถือการฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร
                          ๗. ขลุปัจฉาภัตติกธุดงค์ ถือห้ามภัตที่นำมาถวายในภายหลังเป็นวัตร
                          ๘. อรัญญิกธุดงค์ ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
                          ๙. รุกขมูลิกธุดงค์ ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
                         ๑๐. อัพโภกาสิกธุดงค์ ถือการอยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร
                         ๑๑. โสสานิกธุดงค์ ถือการอยู่ในป่าช้าเป็นวัตร
                         ๑๒. ยถาสันถติกธุดงค์ ถือการอยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดให้อย่างไรเป็นวัตร
                         ๑๓. เนสัชชิกธุดงค์ ถือการนั่งเป็นวัตร (ไม่นอน)

                         ธุดงควัตร เหล่านี้ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ก็ด้วยมีพุทธประสงค์ เพื่อเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสเครื่องเศร้าหมองที่หมักดองอยู่ในจิตเป็นเหตุให้คิดหมกมุ่นแต่ในเรื่องกามคุณ เป็นคนใจแคบมักมากเห็นแก่ตัว เมื่อปฏิบัติในธุดงควัตรแล้วกิเลสก็จะเบาบางลงเป็นคนมักน้อยสันโดษไม่มักมากด้วยลาภสักการะ ไม่เห็นแก่ความสุขอันเกิดจากกามคุณทั้งหลาย และธุดงควัตรเหล่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติทุกข้อ ผู้ใดมีความสามารถความพอใจที่จะปฏิบัติในข้อใด ก็สมาทานเฉพาะข้อนั้น หรือมากกว่าหนึ่งข้อก็สุดแต่ความสมัครใจ เพื่อเป็นการให้โอกาสแก่ผู้ปฏิบัติ

                        • เป็นต้นบัญญัติเรื่องตั้งพระอุปัชฌาย์

                         พระพุทธองค์ ทรงอาศัยกรณีของพระอุปเสนะที่ตั้งตนเป็นอุปัชฌาย์ ขณะที่บวชได้เพียงพรรษาเดียวเป็นเหตุ ทรงบัญญัติสิกขาบทเกี่ยวกับการที่ภิกษุจะเป็นอุปัชฌาย์ได้จะต้องมีพรรษาตั้งแต่ ๑๐ พรรษาขึ้นไปว่า:-“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตอนุญาตให้ภิกษุมีพรรษา ๑๐ หรือเกินกว่า ๑๐ ขึ้นไป ให้อุปสมบทแก่กุลบุตรได้ ภิกษุมีพรรษาหย่อนกว่า ๑๐ พรรษาไม่ควรให้อุปสมบทแก่กุลบุตร ภิกษุใดฝ่าฝืนต้องอาบัติทุกกฎ”

                        • ความปรารถนาบรรลุผล

                        ต่อมาเมื่อท่านมีพรรษาครบ ๑๐ พรรษา ตามพระบรมพุทธอนุญาตแล้วได้เป็นอุปัชฌาย์บวชให้กุลบุตรมากถึง ๕๐๐ รูป ทั้งนี้ก็เพราะท่านเป็นบุตรของตระกูลใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปอยู่แล้ว และเพราะท่านมีความสามารถแสดงธรรมเป็นที่นำมาซึ่งการปฏิบัติธุดงควัตร ๑๓ ข้อนั้น สุดแต่รูปใดจะมีศรัทธามีความสามารถ และมีความถนัดในข้อใด สมาทานได้มากน้อยเพียงใด ก็สุดแต่จะศรัทธา

                        สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระเชตะวันมหาวิหาร ท่านพระอุปเสนะได้พาสัทธิวิหาริกของท่าน ๕๐๐ รูป เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมแล้วพระพุทธองค์ตรัสปฏิสันถาร และตรัสถามสัทธิวิหาริกของท่านว่า:-“ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุใดพวกเธอจึงสมาทานธุดงค์กันทั่วทุกรูป ?”  “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลายสมาทานธุดงควัตร ก็ด้วยความเคารพและศรัทธาในพระอุปัชฌาย์ พระเจ้าข้า” พระพุทธองค์ ประทานอนุโมทนาว่า “สาธุ สาธุ อุปเสน แปลว่า ดูก่อนอุปเสนะ ดีละ ดีละ” ความหวังความตั้งใจของพระอุปเสนะ บรรลุวัตถุประสงค์ดังที่ตั้งใจไว้แต่ต้น

                         ท่านได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทางผู้นำมาซึ่งความเลื่อมใสของหมู่ชนทุกชั้น ท่านดำรงอายุสังขาร ช่วยกิจการพระศาสนาสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3229 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 20:33:38 »

เรียน ท่านที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลฯ

ผมควรเอารถพี่สาวผมไปจอดหนีน้ำไว้ที่ไหนดีครับ จึงจะไม่ถูกน้ำท่วม
จะเอากลับไปไว้ทัพทันซึ่งปลอดภัยสุด งานออกแบบอาคารก็รุมทำร้ายผมเหลือเกิน
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3230 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 20:41:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 กันยายน 2554, 20:33:38
เรียน ท่านที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลฯ

ผมควรเอารถพี่สาวผมไปจอดหนีน้ำไว้ที่ไหนดีครับ จึงจะไม่ถูกน้ำท่วม
จะเอากลับไปไว้ทัพทันซึ่งปลอดภัยสุด งานออกแบบอาคารก็รุมทำร้ายผมเหลือเกิน


                 กรณีที่มันจะท้วมจริงๆ  ก็นำไปจอดในที่ที่ท่านเคยจอดประจำ คือ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ลาดพร้าว ชั้นสองขึ้นไป หรือห้างเซ็ลทรัลลาดพร้าว หรือลาดพร้าวมอลล์ และผมก็เล็งเอาไว้แล้ว หรือไม่ผมจะเอาไปจอดที่ บ. SIW หรือไม่ทำใจได้ จอดหน้าบ้านแล้วแต่เวรแต่กรรม ครับ

                  ผมมิบังอาจ รับเป็นที่ปรึกษา อธิบดีกรมชลประทานหรอกครับ เพราะผมคิดตรงกันข้ามกับท่านหมดเลย

                  วันนี้ได้โทรศัพท์ ไปถามข่าวคราวน้ำท้วมบ้านคุณแม้ว  ที่เชียงใหม่ ปรากฏว่า บ้านแม่ น้ำท้วมหนัก ต้องปล่อยให้เปียนโนแช่น้ำ เพราะมันหนักย้ายไม่ไหว  คุณแม้ว บอกว่าน้ำมาเร็วมาก เมื่อวานยังไม่มีวี่แวว แต่วันนี้ท้วมระเนระนาดเลย ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย  คุณแม้วฝากความคิดถึงมาถึงผู้สื่อข่าวบันเทิงด้วยว่า คิดถึง

                   มีอีกเรื่องทางกรมสรรพากร ส่งจดหมายลงทะเบียนมาหา  ยังไม่ได้เปิดอ่าน แล้วจะเอาไปให้
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3231 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 20:42:49 »

ไปไม่ทันชาวบ้านเขาหร๊อก ผมตื่นสาย
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3232 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 20:51:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 กันยายน 2554, 20:42:49
ไปไม่ทันชาวบ้านเขาหร๊อก ผมตื่นสาย

              ถ้ามันท้วมจริง ๆ

               - บนทางด่วนโทรลเวย์

               - สนามบินดอนเมืองมีที่จอดมหาศาล ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3233 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 21:00:31 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รัก ทุกท่าน

                        ผมอยู่นครศรีธรรมราช  คงไม่สามารถติดตามรายงานน้ำท้วมได้ครับ ท่านต้องติดตามเอาเองแล้วละ ขอให้คอยติดตามข่าวน้ำท้วม  ถ้าปริมาณน้ำที่ผ่านบางไทร ถึง 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อไร ให้จำไว้น้ำท้วมกรุงเทพฯ แน่ๆ 100% ท่านต้องเตรียมการเก็บของ  ปลัีกไฟฟ้า และรถยนต์ ครับ รถจมน้ำมันเสียหายหนักครับ

                         ที่นครศรีธรรมราช ฝนตกนิดหน่อยครับ ผมต้องเดินบนสายพานแทนแต่ยังสามารถฝึกโยคะที่ลานอเนกประสงค์ชั้นสามของโรงแรมได้ครับ  ตกลงผมคงไม่มีโอกาสไปเที่ยวงานสารทเดือนสิบของนครศรีธรรมราชได้ เพราะไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมา และไม่มีรถไปด้วยครับ

                         วันนี้ผมเอากระชายที่ซื้อมาจากสิงห์บุรี มาปั่นทำน้ำกระชายดื่ม และแจกพรรคพวกให้ทดลองดื่มครับ  น้ำกระชายชงน้ำร้อนผสมน้ำผึ้ง อร่อยมากครับ  ลองทำดูแล้วท่านจะติดใจ

                         ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ขอให้หลับอย่างมีสติ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3234 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 21:04:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 กันยายน 2554, 20:33:38
เรียน ท่านที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลฯ

ผมควรเอารถพี่สาวผมไปจอดหนีน้ำไว้ที่ไหนดีครับ จึงจะไม่ถูกน้ำท่วม
จะเอากลับไปไว้ทัพทันซึ่งปลอดภัยสุด งานออกแบบอาคารก็รุมทำร้ายผมเหลือเกิน


พี่ป๋อง

ถ้าอยู่นครสวรรค์ ก็ไปจอดบนลานจอดรถที่ยอดเขากบ, เขาวัดคีรีวงศ์ หรือที่วัดเขา
ที่จอดรถเพียบเลย
ส่วนที่ กทม. - ไม่ทราบครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3235 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 21:56:10 »

น้ำวันนี้เพิ่มขึ้นอีก 3 ซ.ม. และมีน้ำไหลผ่านนครสวรรค์วันนี้ 4,344 ลบ.เมตร/วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ที่ไหลผ่าน 4,308 ลบ.เมตร/วินาที ทั้งระดับน้ำและปริมาณน้ำไหลผ่านยังเพิ่มขึ้นทุกวัน

      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3236 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 22:02:21 »

คุณพิเชษฐ์

ผมอยู่ที่หมู่บ้านตรงข้ามสนามบินดอนเมือง จะปลอดภัยแค่ไหนเพียงใดครับ
(ห่วงรถยนต์อยู่คันเดียวครับ กลัวไม่มีพาหะใช้ไปประชุมเรื่องงาน)
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3237 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 06:03:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 กันยายน 2554, 22:02:21
คุณพิเชษฐ์

ผมอยู่ที่หมู่บ้านตรงข้ามสนามบินดอนเมือง จะปลอดภัยแค่ไหนเพียงใดครับ
(ห่วงรถยนต์อยู่คันเดียวครับ กลัวไม่มีพาหะใช้ไปประชุมเรื่องงาน)


                 ผมยังมีความเชื่ออยู่อย่าง ถึงจุดสุดท้าย น้ำจะไม้ท้วมกรุงเทพฯ แต่รอบนอกท้วม เพราะถ้าสมมติผมเป็นอธิบดีกรมชลประทาน  ถ้าผมปล่อยให้น้ำท้วมกรุงเทพฯ  นั่นหมายความว่าผมเป็นจำเลยของคนกรุงเทพฯ แทนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ และแทน ม.ล. สุขุมพันธ์ และต้องโดนปลดจากอธิบดีกรมชลประทาน  สู้ปล่อยให้ชาวบ้านที่น้ำท้วมอยู่แล้ว และนาข้าวล่มดีกว่า ให้น้ำท้วม กทม. ครับ เพราะท่านอธิบดีกรมชลประทาน จะโดนสังคมลงโทษ นี่ก็บาปมากแล้วที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะน้ำท้วม ทุกข์สาหัด ครับ

                  ซึ่งจะเห็นว่ารัฐฐาลของคุณยิ่งลักษณ์ปล่อยให้ท่านอธิบดีกรมชลประทานแสดงเอง เล่นเอง ทั้งหมด คือให้สัมภาษณ์เอง กับผู้สื่อข่าวทั้งนั้น โดยที่รัฐบาลไม่ได้เข้าไปรับรอง อะไรมากนัก พูดง่ายๆ ตัวเองไม่รู้เรื่องแล้วก็ไม่ขอเกี่ยวข้อง  คอยดูสั่งการอยู่ห่างๆ ดีกว่า พลั้งพลาดอะไรขึ้นมา ใครก็ไม่โทษรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์  หรือแม้กระทั่ง ดร.ทักษิณ เอง ก็ไม่ลงมาเล่นเรื่องน้ำท้วม เพราะกลัวเจ็บ  ตนเองก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้  จึงอยู่เฉยๆ ดูท่านอธิบดีกรมชลประทานท่านแสดงดีกว่า นี่เป็นลักษณ์การบริหารงานอีกอย่างหนึ่ง ที่ตัวเองจะอยู่เหนือเหตุการณ์ ครับ

                     ที่ว่าไม่ท้วมเพราะ กรุงเทพฯเอง พื้นที่ไม่ได้ราบเรียบ มีถนนจำนวนมากที่จะรองรับกักน้ำแบบเป็นขั้นบันได  ยิ่ง บ้าน ดร.สุริยาแล้วปลอดภัยแน่ๆ ยกเว้น กทม. จังหวัดประทุมธานี กรมชลประทาน  จงใจเปิดคลองต่างๆ ที่ต่อเนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยา ให้น้ำเข้ามาเท่านั้น  แต่ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่เปิดคลอง ครับ

                      ยกเว้นอีกข้อเดียว กำแพงเขื่อน กทม. พังด้วยแรงดันน้ำจำนวนมาก น้ำจะทะลักอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำท้วมเชียงใหม่ คือ ตูมเดียวหมดเลย ถ้าเป็นแบบนั้น กทม.จมน้ำครับ แต่โอกาสแบบนั้นมีเพียง ๒๕% ครับ

                       อรุณสวัสดิ์ทุกท่านครับ ผมต้องไปออกกำลังกายยามเช้าตอนหกโมงแล้วครับ เพราะเจริญสติมาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ แล้วได้เวลาไปเดินจงกรมเปลี่ยนอิริยาบถ ครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3238 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 08:24:52 »

ทำไม?น้ำไม่ท้วมกรุงเทพฯ

ตอนที่ ๑

กรรมมีจริง


                       เมื่อเช้าผมเดินจงกรม จิตมันคิดเรื่องน้ำท้วม ผมจึงยอมใช้ "ธัมวิจยะ" ในข้อนี้กำหนดจิตในการเดินจงกรม

                       สมมติท่านยืนอยู่กลางลำแม่น้ำเจ้าพระยา หันหน้าไปทางต้นน้ำ คือทิศเหนือ ขวามือของท่าน คือทุ่งนาข้าวมหาสาน ผมจะเรียกว่านาข้าวทุ่งตะวันออก ประกอบไปด้วย ทุ่งสรรพยาตะวันออกของชัยนาท โพธิ์ฉ้ายของสิงห์บุรี บ้านหมี่ ท่าวุ้ง ของลพบุรี อ่างทอง ท่าเรือ รังสิต อยู่ในจังหวัดสระบุรี อยุธยา ปทุมธานี ทั้งหมด ในทางตรงกันข้าม ฝั่งซ้ายมือ คือ ตั้งแต่สรรพยา โพนางดำ อินทร์บุรี บางระจัน หันคา คือกินจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี อยุธยา ปทุมธานี ผมจะเรียกว่าฝั่งตะวันตก พื้นนี้เหล่านี้กรมชลประทานเรียกว่า "ทุ่งมหาราช" หลังจากทำเขื่อนเจ้าพระยา เป็นแหล่งผลิตข้าวใหญ่ของประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งพักน้ำ ในหน้าน้ำ คือน้ำท้วมหมดทั้งสองฝั่ง แต่ระดับไม่สูงมากยกเว้นที่ลุ่ม ชาวนายังอยู่ได้  ข้าวสามารถโตได้ อยู่อย่างธรรมชาติ เรื่องน้ำท้วมประจำปีหน้าน้ำหลาก เป็นเรื่องปกติที่ประชาชนรับทราบมาตั้งแต่เกิดว่าจะต้องประสพแน่ๆ

                        ภายหลังสร้างเขื่อนเจ้าพระยาเสร็จ กรมชลประทานได้ทำคันกั้นน้ำตั้งแต่เขื่อนชัยนาท ถึงอยุธยา เป็นถนนขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา และมีคลองส่งน้ำคู่ขนานทั้งสองฝั่ง  ในขณะเดียวกันก็ทำประตูระบายน้ำขนาดใหญ่ ขุดคลอง เพื่อระบายน้ำ กั้นน้ำ เข้าทุ่งใหญ่ๆ ตามที่ผมกล่าวมาแล้วทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการควบคุมน้ำในลุ่มเจ้าพระยาหน้าน้ำหลากและหน้าแล้ง

                        ต่อมาบ้านเมืองเจริญขึ้น มีถนนซ้อนขึ้นมากจำนวนมาก โดยเฉพาะสายเอเซีย ถนนสูงมาก สามารถกั้นน้ำได้อย่างดี กลายเป็นเขื่อนกั้นน้ำทุ่งตะวันออก แห่งที่สองไปโดยปริยาย  ส่วนทุ่งตะวันตกนั้นไม่มี แต่ก็เสริมถนนที่เป็นคันกั้นน้ำเดิมให้สูงขึ้นกว่าเดิมประมาณหนึ่งเมตรโดยเฉลี่ย

                        เมื่อเป็นดังนี้จะเห็นว่าในแต่ละปีพอน้ำมากมีโอกาสท้วมกรุงเทพฯ แน่ๆ กรมชลประทานจึงปล่อยน้ำเข้าทุ่งตะวันตกเพียงอย่างเดียว คือให้นาข้าวเสียหายทางทุ่งตะวันตก แต่นาข้าวทุ่งตะวันออกไม่เสียหายเพราะมีถนนสายเอเซียกั้นเอาไว้ และปิดประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออกทั้งหมด เป็นอย่างนี้มาตลอดในระยะสิบปีย้อนหลัง  ยิ่งเมื่อห้าปีย้อนหลัง พอถึงหน้าน้ำท้วม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีจะนำกำลังทหารจากจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยปืน M16 มารักษาประตูระบายน้ำกรมชลประทาน บังคับไม่ให้เปิดประตูน้ำฝั่งตะวันออกทั้งหมด น้ำเลยไม่ท้วมทุ่งฝั่งตะวันออกเลย มานานจนชาวบินรู้สึกชอบใจ เลยติดใจ

                         แต่ปีนี้เวรกรรมมีจริง ท่านผู้ว่าลืมสั่งทหาร หรือไงไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำมันสูงรวดเร็วมาก จึงทำให้ประตูน้ำบางโฉมศรีรับไม่ไหว พังทะลายลง และทำลายคันกั้นน้ำกว้าง น้ำเลยไหลเข้าทุ่งตะวันออก ผลคืออย่างที่ท่านเห็นทาง TV ทุ่งโพธฺฉ้าย บ้านหมี  ลพบุรี  ท่าวุ่ง และตอนล่างฝั่งตะวันออกท้วมหมด นี่ละกรรม

                          ถ้าผมเป็นอธิบดีกรมชลประทาน ก็จะปล่อยให้ประตูบางโฉมศรีพังอย่างนี้ เพราะนี่ละน้ำจะไม่ท้วมกรุงเทพฯ มีพื้นที่รับน้ำจำนวนมหาศาล เพียงพอ ถ้าฝนไม่ซ้ำเติม และมีถนนแยะกั้นน้ำเป็นรูปบันได คือล้นทีละขั้น ทำให้น้ำกว่าจะมาถึงกรุงเทพฯก็เป็นเดือน  กรมชลประทานก็จะรักษาปริมาณน้ำที่ไหลผ่านบางไทร ไม่ให้เกิน 3,500 ลูกบาศก์เมตรเอาไว้ได้ น้ำจะไม่ท้วมกรุงเทพฯ นอกจากนี้กรมชลประทานยังรักษาพื้นที่นาข้าวทุ่งตะวันตก คือฝั่งบ้านผมเอาไว้ได้ จะมีน้ำท้วมบ้างเฉพาะจุดที่น้ำล้นถนนเท่านั้น  ขณะนี้นาข้าวยังคงอยู่ในทุ่งตะวันตก ชาวนาเริ่มเกี่ยวข้าวกันแล้ว เพราะกลัวกรมชลประทานเปิดน้ำเข้าทุ่ง อีกถ้าควบคุมน้ไที่ไหลผ่านบางไทรไม่อยู่

                          ตามที่ท่านเห็นข่าวว่า กรมชลประทานจะเอาหินมาปิดประตูบางโฉมศรีนั้น มันเป็นป่าหี่ที่จะลดกระแสความเดือดร้อนของประชาชนเท่านั้น ผมเป็นอธิบดีกรมชลประทานจะไม่ทำ หรือทำก็รู้ว่าทำไม่ได้ ทำได้ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือน ปัญหาน้ำก็คลายลงแล้ว ไหนๆชาวบ้านน้ำก็ท้วมแล้ว เลยตามเลย ถ้าไปปิดประตูบางโฉมศรี ก็ต้องเปิดน้ำให้ท้วมทุ่งตะวันตก นาข้าวเสียหายหมดเลย เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำในเมื่อยังมีทางเลือก อยู่ ในขณะเดียวกัน อาจจะทำเป็นพิธีไปหาหินมาลง แต่ทำแบบไม่ให้ทำโดยมีข้ออ้างทำอยาก ขาดเครื่องมือหนัก กระแสน้ำแรง เอาไม่ไหว ซึ่งก็เป็นความจริง ทำได้แต่ต้องใช้เวลามากกว่าเดือน (เช่นผู้ว่าชัยนาทเอาหิน เสาเข็มมาถมถนนวัดสิงห์ สุดท้ายต้องยอมแพ้ ทำไม่ได้ ชาวบ้านก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ จึงสงบไม่ตีกัน) เพราะน้ำระบายไปทางทุ่งตะวันออกแล้วนาข้าวเสียหายแล้ว  รักษานาข้างทุ่งตะวันตกเอาไว้ และน้ำจะไม่ท้วมกรุงเทพฯ อย่าปิดประตูน้ำบางโฉมศรีเป็นวิถีทางที่ถูกต้อง ผมเดาเอาว่าท่านอธิบดีกรมชลประทานก็คิดเหมือนผม แต่พูดไม่ได้ มิฉนั้นคนเดือดร้อนจะฆ่าเอา นี่ละกรรมของชาวนาทุ่งฝั่งตะวันออก ที่เคยรอดมาทุกครั้ง ปีนี้กรรมลงโทษบ้างแล้วครับ

                          สวัสดี
                     
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3239 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 12:25:49 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง แขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       อ่านข่าวน้ำท้วม มามากแล้ว ท่านอาจจะทุกข์ ลองมาอ่านข่าวสุขภาพกันบ้างครับ

                       สวัสดี



โรงพยาบาลธรรมชาติ

หัวจรดเท้ารักษาเองได้ก่อนไปหาหมอ

                        ๑.   ไขมันในเลือดสูง  แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพังก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ  ๑๐ กลีบกับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว

                        ๒.   ปวดหัว  ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม) กินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบได้) หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ

                        ๓.   เป็นหวัด ไอ จามบ่อย  ให้หมั่นแปรงลิ้นและกินกระเทียม, หอม, พริกให้มากเข้าไว้

                        ๔.    ภูมิแพ้  แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้นกับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี)

                        ๕.    แพ้ฝุ่นละออง  ไรฝุ่น   หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน

                        ๖.   โรคหืดหอบ ไอเรื้อรัง  กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่, หอมแดง, ต้นหอมและเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน

                        ๗.   นอนไม่หลับ  ตักน้ำผึ้งกินก่อนนอนสักวันละ  ๒ ช้อนโต๊ะ ถ้าหาน้ำผึ้งไม่ได้ใช้น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะแทน ถ้าอยากให้หลับสบายเพิ่มเติมขี้เหล็กและมะรุมเข้าไปหน่อย

                        ๘.   ไขข้ออักเสบ  หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย, ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง

                        ๙.   กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย  ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอรี่ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน (เปรี้ยวจัดมาก)

                       ๑๐.   ท้องอืด แก๊สมาก ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ

                       ๑๑. ท้องผูก  ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะและให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น

                       ๑๒. โรคกระเพาะอาหาร  หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือกินผักกระ หล่ำปลีให้มาก

                       ๑๓. เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย  ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง, ชาขิงหรือเต้าฮวย

                       ๑๔. วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน  ให้กินปลาทูน่าให้มากและกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้

                       ๑๕. หงุดหงิดง่าย ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและปลาทูน่า

                       ๑๖. กระดูกพรุน ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมเท่ากับเม็ดใหญ่) มะม่วงจิ้มกะปิและสับปะรดซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก ( แมงกานีส)

                       ๑๗. ความจำไม่ดี ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้

                       ๑๘. มะเร็งเต้านม ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด

                       ๑๙. มะเร็งปอด ทางเดินหายใจ ให้กินเสาวรส  ฝรั่ง  ส้ม  มะนาว  มะขามป้อม  มะละกอ  มะม่วง ให้มาก เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ยังสูบบุหรี่อยู่

                       ๒๐. ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑-๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย

                       ๒๑. เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ  กินปลาทะเล  น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน  ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก ถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย

                       ๒๒. ความดันสูง ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น

                       ๒๓. เบาหวนถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาลและกินผักเขียวจัดอย่างคะน้า  บร็อคโคลี  ผักโขมให้มาก  ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอและฝรั่งเพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3240 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 18:29:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 29 กันยายน 2554, 22:02:21
คุณพิเชษฐ์

ผมอยู่ที่หมู่บ้านตรงข้ามสนามบินดอนเมือง จะปลอดภัยแค่ไหนเพียงใดครับ
(ห่วงรถยนต์อยู่คันเดียวครับ กลัวไม่มีพาหะใช้ไปประชุมเรื่องงาน)


ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "ดอนเมือง" มันจะท่วมไปได้อย่างไร ??
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3241 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 19:13:26 »

ก่อนนี้มันอาจเป็นดอน แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแน่ใจการทรุดตัวของกรุงเทพฯ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3242 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 20:26:52 »



กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย พายุ “เนสาด” ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 30 กันยายน 2554
       เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (30 ก.ย. 54) พายุโซนร้อน “เนสาด” (NESAT) บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ได้เคลื่อนขั้นฝั่งบริเวณเมืองฮาลอง ของประเทศเวียดนาม แล้ว โดยมีศูนย์กลาง อยู่ห่างประมาณ 100 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงอีก พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 30 กันยายน -1 ตุลาคม นี้ไว้ด้วย
       ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554
       ออกประกาศ เวลา 16.30 น.
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3243 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 20:30:16 »


สวีสดีครับ คุณน้องลูกหยี และผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่รักยิ่ง

                       พี่สิงห์ไปพบว่าคุณน้องลูกหยี อยู่หน้าจอ computer นาน จนปวดแขน ไหล่ หลัง จึงนำท่าโยคะบริหารแขน ข้อมือ นิ้วมือ ไหล่ หลัง มาฝาก ขอให้ทำบ่อยๆ จะหายได้ครับ ให้ดูรูปเป็นหลักครับ เคล็ดลับในการฝึกโยคะ ทำพอตึงเจ็บนิดๆ ในแต่ละท่า แล้วหยุดค้างท่าไว้ แล้วนับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาว ๆ แล้วจึงเปลียนท่า นะครับ

                       สวัสดี



ท่าโยคบริหารนิ้วมือ ข้อมือ แขน ไหล่ หลัง สำหรับทุกท่านที่อยู่หน้าจอ Computer นานๆ แล้วรู้สึกปวดแขน ข้อมือ ไหล่ หลัง









ท่านที่ ๑ นั่งแบบผมหรือนั่งบนเก้าอี้ก้ได้ เหยียดมือซ้ายไปข้างหน้า เอามือขวารั้งนิ้วมือซ้ายเข้าหาตัว ตามรูป เป็นการยืดกล้ามเนื้อแขน และข้อมือ เมื่อตึงแล้วนับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาวๆ แล้วสลับเป็นมือขวาบ้างครับ





ท่าที่ ๒ เหยียดมือซ้าย พร้อมทั้งหงายฝ่ามือ เอามือขวาสอดใต้ฝ่ามือซ้ายไปจับนิ้วโป้ง ดึงเข้าหาตัว พอตึงเจ็บนิดๆ ที่โคนนิ้วโป้ง นับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาวๆ เสร็จแล้วสลับไปทำเหมือนกันที่มือขวาบ้างครับ ตามรูป เป็นการยืดเส้นเอ็น





ท่าที่ ๓ พนมมือเข้าหาตัวให้นิ้วทั้งห้าประกบกัน แล้วผลักออกจากตัว อย่าให้ฝ่ามือแยก นับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาวๆ





ท่าที่ ๔ เหยียดมือไปข้างหน้าขนานพื้น และคว่ำมือทั้งสองข้างเก็บนิ้วโป้งอยู่ในอุ้งมือ แล้วหักข้อมือตั้งฉากกับแขนตามรูป เสร็จแล้วนับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาวๆ







ท่าที่ ๕ เหยียดมือไปข้างหน้าขนานพื้นกำมือโดยให้นิ้วทั้งสี่ทับนิ้วโป้งให้กำมือเข้าหากัน แล้วหักข้อมือลงให้ตั้งฉากกับแขน ตามรูป แล้วนับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาวๆ







ท่าที่ ๖ บริหารหลังไหล่แก้ปวดหลัง ก้มศรีษะนิดหน่อย งอแขนซ้ายไปหลังศรษะ ใช้แขนขวาจับข้อศอกมือซ้ายดึงไปทางขวา ตึงแล้วนับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาวๆ แล้วสลับมาทำด้านตรงข้ามคือแขนขวาบ้างครับ ตามรูป





ท่าที่ ๗ บริหารไหล่เหยียดแขนซ้ายไปข้างหน้าเอาแขนขวาอยู่โคนศอกมาทางไหล่ ดึงแขนซ้ายมาทางขวาให้มากที่สุด ตึงแล้วหยุด นับ ๑ ถึง ๑๐ ช้าๆ ยาว ๆ แล้วสลับมาทำแขนขวา ตามรูป











      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3244 เมื่อ: 30 กันยายน 2554, 20:31:25 »

COMING SOON ?? !!! แทบจะใช้เส้นทางเดินเดียวกับ NESAT เลย
วันที่ 5 ตุลาคม ขึ้นฝั่งเวียตนาม

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3245 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2554, 08:08:24 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                        เป็นไงบ้างครับสถานการณ์น้ำท้วม ผมอยู่นครศรีธรรมราช ไม่ได้ดูข่าวเลยครับ เพราะ ทำงาน ออกกำลังกาย เจริญสติก็หมดเวลาแล้วครับ นครศรีธรรมราชฝนไม่ตกแต่ตกในเทือกเขาหลวงเพราะ ฤดูนี้เป็นลมมรสุมตะวันตก พัดฝนมาจากฝั่งอันดามัน พอเจอเขาหลวงก็ตก ในเมืองจึงปลอดฝนพอสมควร  คาดว่าดินตามภูเขาชุ่มน้ำหมดแล้ว แต่ถ้าลมเปลี่ยนมาจากอ่าวไทย คราวนี้ละนครศรีธรรมราช น้ำท้วมแน่นอน เพราะภูเขารับน้ำไว้เต็มแล้ว ท้วมแน่นอน ครับ

                        ช่วงนี้นครศรีธรรมราชเงียบเหงา เพราะเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว งบสัมมนาต่างๆ ที่เคยมี โดนตัดหมด โรงแรมมีแต่ผม กับพนักงาน เชพล่อน เท่านั้น นักท่องเที่ยวไม่มี งานสารทเดือนสิบจบไปแล้วแบบหงอยๆ

                        เมื่อวานผมได้รับโทรศัพท์จากผู้อำนวยการการท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช ที่ผมเคยทำหนึังสือแสดงความคิดเห็นไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดคนเดิม ท่านย้ายไปสองปีแล้ว ว่าให้พระสงฆ์บิณฑบาตร เป็นเวลาตายตัว เป็นแถว เช่นเดียวกับหลวงพระบาง ผมแสดงความคิดเห็น เสนอแนะวิธีดำเนินการไปประมาณ สี่หน้ากระดาษ  วันนี้ทาง ททท.นครศรีธรรมราช ที่รับเรื่องมาจากอดีตผู้ว่าคนก่อน ได้อ่านแล้ว จึงโทรศัพท์มาแจ้ง บางเรื่องได้ทำไปแล้ว แต่การบิณฑบาตรของพระทำไม่ได้ เพราะคณะสงฆ์ไม่ร่วมมือ เห็นว่า อยู่อย่างนี้ดีแล้ว ก็ไม่ว่ากันครับ

                        วันนี้ผมกลับกรุงเทพฯ Boarding  15:55 น. ครับ

                        สวัสดีครับ  อย่าลืมเช้านี้ทำจิตให้ผ่องใสเข้าไว้ มีความรู้สึกตัว ท่านจะไม่ทุกข์เพราะท่านจะไม่คิด ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3246 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2554, 08:15:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 30 กันยายน 2554, 19:13:26
ก่อนนี้มันอาจเป็นดอน แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแน่ใจการทรุดตัวของกรุงเทพฯ
                 ดอนเมืองก็คือที่ดอน และยังมีทางรถไฟ เป็นคันกั้นน้ำอีกชั้น ยังไงน้ำก็มาไม่ถึง ยกเว้นน้ำฝนตกหนัก หรือกทม.ลืมปิดประตูระบายน้ำตามคลองที่ต่อเนื่องมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา หรือกำแพงผนังกั้นน้ำ กทม.พังเกิน 20% น้ำที่สูงอยู่ตอนนี้ประมาณสามเมตร จะทะลักเข้ามาแบบซึนามิทันที อะไรขวางก็เอาไม่อยู่ แต่มีโอกาสเกิดเพียง 25% เท่านั้นครับ หรือมีข้อยกเว้นกรณีที่ ดร.สุริยา เอาระเบิดไปวางที่ผนังกั้นน้ำ กทม. เพราะทนเห็นสภาพชาวบ้านถูกน้ำท้วมภาคกลางขณะนี้อยู่ไม่ไหว แต่คน กทม.สุขสบาย น้ำไม่ท้วม  จึงลืมสติเอาระเบิดไปทำลายผังกั้นน้ำ กทม. ระดับน้ำภาคกลางจะลดลงทันทีครับ

                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3247 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2554, 08:22:32 »

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยพายุ “เนสาด”" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 01 ตุลาคม 2554

ระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (1 ต.ค. 54) พายุโซนร้อน “เนสาด” (NESAT) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน แล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 106.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ อย่างช้าๆ คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนระวังอัตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-2 วันนี้

ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามัน และด้านตะวันออกของอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งระยะนี้ไว้ด้วย

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3248 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2554, 08:36:32 »

พี่สิงห์ครับ

เดือนตุลาคม 54 เป็นปีงบประมาณใหม่ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ยังไม่อนุมัติงบประมาณออกมา การจัดประชุมหรือสัมมนาจึงยังไม่เกิดขึ้น เพราะหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ คงไม่กล้าตัดสินใจจัดและต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ด้วยว่าจะปรับเปลี่ยนไปอย่างไร เพราะหากจัดไปแล้วอาจจะไม่ได้รับงบและต้องหาเงินไปจ่ายเอาเอง และที่เตรียมการไว้เพื่อจะจัดข้ามมาเดือนนี้ก็ไม่ได้เพราะข้ามปีงบประมาณ จะตกเบิกต้องมีมติ ครม.รองรับ ดังจะเห็นว่าเมื่อเดือนที่แล้ว บรรดาข้าราชการจะไปเที่ยวต่างประเทศ ไปประชุมหรือสัมมนากันยกใหญ่เพื่อปิดงบประมาณครับ ดังเช่นที่เมืองพิจิตร และ กทม. ตามที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์

เรื่องพระเข้าแถวบิณฑบาตรแบบหลวงพระบางนั้น เมืองไทยคงเกิดได้ยาก ทั้งที่ดูดี มีระเบียนและสวยงาม เพราะพระบางรูปมีเจ้าประจำอยู่-ไม่ต้องเดินไกล จึงไม่จำเป็นต้องไปเข้าแถวเพื่อบิณฑบาตร รวมทั้งร้านอาหารที่ขายชุดบิณฑบาตรก็ไม่ชอบ เนื่องจากมีธุระกิจรับซื้อคืนจากพระบางรูปมาหมุนเวียนขายใหม่(พระที่มีธุระกิจเช่นว่า จะเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ร้านขายอาหาร ไม่ไปไหนไกล มองดูแต่ญาติโยมว่าถ้าเข้าร้านก็จะเดินมารับบาตรทันทีเช่นกัน) รวมทั้งชาวบ้านเองก็มีอคติกับพระบางวัดครับ ไม่นิยมใส่บาตรให้- - -เล่าไปแล้วคงไม่ตกนรกน่ะครับ ??
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3249 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2554, 10:02:19 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                       ผมก็ตกนรก เพราะผมบอกว่า เรื่องนี้ผมเคยคุยกับหลวงพ่อ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านก็ตอบแบบคุณเหยงว่านั่นและ พระก็ไปยืนออที่ตลาดบ้านม้าให้แล้ว ญาติโยมก็ไปใส่บาตรเองก็แล้วกัน แต่โทษที หลวงพ่อไม่เคยบิณฑบาตรเลย เพราะร่ำรวยจากจตุคาม รับนิมนต์ รายได้ในวัด จึงไม่ต้องปฏิบัติกิจของสงฆ์ คือบิณฑบาตรทุกเช้า ที่เป็นกิจที่สงฆ์พึงกระทำ

                        อีกเรื่องที่ผมบอกทาง ททท.ไป คือ เดี๋ยวนี้เวลามีงานแห่ผ้าขึ้นธาตุ หรือวันพระใหญ่ที่ทางจังหวัดมีการประชาสัมพันธ์ให้ไปร่วมงาน นั้น ผมก็ไม่ไปเพราะไปแล้ว มีศรัทธา จะแห่ผ้าขึ้นธาตุ หรือขึ้นไปไหว้พระธาตุ ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นประชาชนคนธรรมดา เขาให้ขึ้น แต่นักการเมือง ข้าราชการ ขึ้นไปได้แต่ประชาชนขึ้นไม่ได้ แล้วผมจะไปร่วมงานทำไม ให้เสียเวลาและศรัทธาที่มีครับ

                        ดังนั้น เมืองนครก็เป็นเมืองต้องคำสาบเหมือนเดิมที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อย มีเฉพาะคนท้องถิ่นเท่านั้น ทั้งๆที่มีทุกอย่างที่เป็นสมบัติธรรมชาติเอื้อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวมาก แต่บูมไม่ได้  ด้ยประการละฉะนี้แล

                        สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 128 129 [130] 131 132 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><