21 กันยายน 2567, 17:35:23
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 127 128 [129] 130 131 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3461624 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3200 เมื่อ: 27 กันยายน 2554, 21:57:57 »

ข่าวล่ามาดึก(พิเศษ) ระวังน้ำท้วมกรุงเทพฯ รอบนอกท้วมแน่ๆ ๑๐๐% หนีไม่พ้น

                      - ทางจังหวัดสุพรรณบุรี ยอมรับความจริง ยกธงขาว ยอมให้ทางกรมชลประทานระบายน้ำได้แล้ว  จริงๆ ถึงไม่อนุญาติให้ระบาย ไม่ช้าไม่นานประตูระบายน้ำทศพล  อาจพังก็ได้ เพราะน้ำล้นประตูระบายเช่นเดียวกับประตูน้ำบางโฉมศรี บ้านผมที่พังมาสามอาทิตย์แล้ว ผลจากการเปิดประตูระบายน้ำทสพล น้ำจะท้วมตั้งแต่ต้นทางคือ อำเภอวัดสิงห์ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท และเข้าสู่สุพรรณบุรี ครับ

                        - แต่ข่าวร้ายคือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขณะนี้รับน้ำอยู่ที่ระดับ 130% ต้องเร่งระบายน้ำออกอย่างด่วนจี้ มิฉนั้นเขื่อนจะพัง ผลจากการปล่อยน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พื้นที่บริเวณแม่น้ำป่าสักน้ำท้วมแน่นอน และน้ำจากแม่น้ำป่าสักจะมารวมตัวกับแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งตอนนี้ปริมาณน้ำอยู่ที่ 3,060 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่าลืมถ้าเป็น 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีน้ำท้วมกรุงเทพฯแน่ๆ และผมก็เชื่อว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปล่อยน้ำเกิน 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแน่ๆ ซึ่งกรมชลประทานไม่ได้บอกเอาไว้ ดังนั้นโอกาสที่น้ำจะท้วมกรุงเทพฯชั้นใน(น้ำล้นคันกั้นน้ำ กทม.)  จึงมีสูงมากครับ และเรากำลังเผชิญกับพายุถึงสองลูกพัดผ่านและอิทธิพลของมันฝนตกหนักภาคเหนือ ภาคกลางแน่ๆ ทำอย่างไรกันดีครับ ดร.สุริยา

                        - ผมเห็นหน้าบรรดานายช่วงควบคุมเขื่อน ประตูระบายน้ำแล้ว สงสารมากครับ  น้ำมันมากจริงๆ  ไม่เปิดประตูระบายน้ำ  หรือเขื่อน  มันก็จะพังเพราะรับไม่ไหว  เปิดไปน้ำท้วมชาวบ้านก็ด่า  เพราะเดือดร้อน  ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง นี่ละธรรมชาติลงโทษมนุษย์แล้ว


                        - ผลจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรีพังตอนนี้ลพบุรี ท่าวุ้ง  บ้านหมี ระดับน้ำเท่าเจ้าพระยาแล้ว ท้วมระเนระนาด หมอหลานชายบอกว่าถ้าน้ำขึ้นอย่างนี้และเร็วมากพรุ่งนี้ต้องปิดโรงพยาบาลท่าวุ้ง และย้ายคนไข้หนักไปโรงพยาบาลอื่นแน่นอน  แต่ทางโรงพยาบาลจะตั้งเต้นบนถนนเพื่อรักษาผู้ป่วยต่อไป เพราะประชาชนจำนวนมากยังเจ็บป่วย  ยังต้องการรักษาอยู่ เดือดร้อนไปทั่ว น้ำมากจริงๆ หมอหลานชายบอก

                         - ตอนนี้ทุกจังหวัดรอบๆ กทม. คงไม่มีข้ออ้างแล้ว ต้องช่วยเปิดประตูระบายน้ำช่วย กทม.  ถึงไม่เปิดไม่ช้าไม่นานก็ต้องเปิดเพราะไม่เปิดประตูระบายน้ำพังแน่ๆ เพราะระดับมันต่างกันมาก ซึ่งเราก็เห็นกันทางทีวีแล้ว ประชาชนต้องยอมรับความจริง  ปีนี้น้ำมันมากจริงๆ ไม่ล้อเล่นแล้ว ต้องช่วยกัน ครับ

                            ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3201 เมื่อ: 27 กันยายน 2554, 22:43:29 »

เอ ! ถ้าประตูน้ำพังนี่โทษพวกวิศวกรรมชลศาสตร์ไม่ได้แล้วนะครับ
กรณีอย่างนี้ พวกที่เชี่ยวชาญทางด้าน structural engineering อย่างสิงห์ มานพ โดนเข้าไปเต็มๆ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3202 เมื่อ: 27 กันยายน 2554, 22:51:20 »

ข้อมูลน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ในวันนี้ครับ

คลิ๊กเลย.....  http://nsm.go.th/b/ch1b.html


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3203 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 07:52:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 27 กันยายน 2554, 22:43:29
เอ ! ถ้าประตูน้ำพังนี่โทษพวกวิศวกรรมชลศาสตร์ไม่ได้แล้วนะครับ
กรณีอย่างนี้ พวกที่เชี่ยวชาญทางด้าน structural engineering อย่างสิงห์ มานพ โดนเข้าไปเต็มๆ


              มันก็คงไม่ใช่ครับ เพราะเวลาเราออกแบบประตูระบายน้ำนั้นระดับความสูง(head) ที่ใช้ในการออกแบบมันต่ำกว่าน้ำท้วม ณ ปัจจุบัน คนออกแบบไม่ได้คิดว่าน้ำมันจะสูงมากกว่านี้ เพราะสมัยโบราณน้ำท้วมจะกินบริเวรกว้างมากๆ แต่ระดับน้ำต่ำ ไม่เกินเอว ดังนั้นประตูระบายน้ำ คันกั้นน้ำเดิม จึงออกแบบไว้ที่ระดับต่ำ แต่ก็เพื่อไว้แล้วพอสมควรและมีสัดส่วนความปลอดภัยอีกต่างหาก  แต่สถานการณ์ ปัจจุบัน มันต่างออกไป กรมชลประทานกักน้ำอยู่แต่ในลำแม่น้ำ ระดับน้ำจึ้งสูงมากกว่า 2-3 เท่าที่ออกแบบไว้ รวมทั้งคันกั้นน้ำด้วย ขนาดคันกั้นน้ำยังถมดินสูงอีกสองเมตร  ประกอบกับประตูระบายน้ำใช้มามากกว่าสี่สิบปีแล้ว มันจึงต้านแรงดันน้ำไม่ได้  จึงต้องพังลง ในทำนองเดียวกันพวกเขื่อนต่างๆ นั้นก็จะเป็นแบบนี้ มีโอกาสพังได้เหมือนกัน

                    ด้วยข้ออ้างที่เขื่อน  ประตูระบายน้ำ รับไม่ไหวแล้ว  ถ้าไม่ปล่อยน้ำออกไปพังแน่ๆ ผู้ว่าราชการจังหวัด นักการเมืองท้องถิ่น  สส. และรัฐมนตรี  จึงยอมอนุญาติให้กรมชลประทานระบายน้ำออกได้ เพราะเขื่อน  ประตูระบายน้ำ พัง มันฉิบหายหมด ยิ่งกว่าน้ำท้วมนาข้าว ครับ  ดังนั้นจะเห็นว่าทุกเขื่อนเร่งระบายน้ำเป็นการด่วนโดยเแพาะเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทั้งๆที่รู้ว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนเพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งน้ำต้องท้วมกรุงเทพฯ ก็จำเป็นต้องปล่อยน้ำออกมาไม่งั้นเขื่อนพังครับ

                     เช้านี้ทำจิตให้ผ่องใส  อย่าไปคิดตามหรือปรุงแต่งในสิ่งที่สัมผัสได้จากอายตนะ ๖ เช่น หูได้รับข่าวสาร ตาได้เห็นน้ำท้วมที่ไม่ดี  ถ้าไม่คิดก็ไม่กลุ้ม ปล่อยให้รับทราบแล้วผ่านไป ท่านก็จะไม่ทุกข์ แต่ก็ขอให้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าด้วย  คิดเสียว่าอะไร จะเกิดมันก็ต้องเกิด สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมีเหตุ ปัจจัยทั้งสิ้น มันเกิดเองไม่ได้  เมื่อมนุษย์ละเลยธรรมชาติ  ธรรมชาติไม่มีที่ไปมันก็ย่อมลงโทษ เป็นธรรมดา  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไม่ได้หรอกครับ

                     สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3204 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 08:08:29 »

สวัสดี ชาวซีมะโด่ง และผู้รักสวย ที่รักทุกท่าน

                       วันนี้ผมนำวิธีทำให้ผิวเต่งตึง  สวยงาม อยู่เสมอ มาฝากทุกท่านครับ ลองพิจารณาด้วยปัญญา ครับ

                       สวัสดี



อาหารคอลลาเจนสูง



                      คอลลาเจน  มีคุณสมบัติช่วยในการเติมเต็มริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดกับผิวของเรา  ซึ่งเรามักจะเคยได้ยินโฆษณาผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวต่างๆ ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน  แต่รู้หรือไม่ เราไม่จำเป็นต้องหาซื้อครีมราคาแพงเหล่านี้มาใช้ก็ได้  แต่อาหารบ้านเราหลายๆ อย่างก็มีส่วนผสมของคอลลาเจนอยู่แยะเหมือนกัน  เพียงแค่เราทานอาหารพวกนี้บ่อยๆ ก็เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกายได้  มีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

                       อาหารที่มีคอลลาเจนสูง ก็จะมี ปลาทู  ปลาทูน่า  ปลากระเบน  ปลาแซลม่อน  ปลาแมคเคอเรล  กระดูกปลา  กระดูกอ่อนไก่ และกระดูกหมู เป็นต้น

                       ผลไม้ที่มีคอลลาเจนสูง ก็จะมี มะกอก  ส้มโอ  แก้วมังกร  แอปเปิ้ล  เห็ดเข็มทอง  เห็ดหูหนู  หัวบุก  ถั่วเหลือง  แตงกวา  คึ้นฉ่าย  และสาหร่ายทะเล

                       รู้อย่างนี้แล้ว  ไม่ควรพลาด  รีบหาอาหารและผลไม้เหล่านี้มาติดตู้เย็นไว้รับประทานทุกวันก็ดีนะครับ ! เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกาย  ช่วยให้ใบหน้าเต่งตึง  สวยใสได้  โดยไม่ต้องพึ่งครีมคอลลาเจนราคาแพงเลยละครับ !

                       อิ่มด้วย สวยด้วย แบบนี้คุ้มค่ามากเลยครับ  ไม่เชื่อท่านต้องลองดูครับ !
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3205 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 08:20:29 »

รู้ประวัติ พุทธ สาวก อรพันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๒๔

พระมหากัปปินเถระ

เอตทัคคะในทางผู้ให้โอวาทภิกษุ


                       พระมหากัปปินะ เป็นพระโอรสของพระมหากษัตริย์ผู้ครองนครภุกฎวดี ในปัจจันตชนบท มีพระนามเดิมวา “กัปปินะ” เมื่อพระราชบิดาทิวงคตแล้วได้ครอบครองราชย์สมบัติสืบต่อมา ได้พระนามใหม่ว่า “พระเจ้ามหากัปปินะ” มีพระอัครมเหสีพระนามว่า “อโนชาเทวี” ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระราชาผู้ครองนครสาคละแห่งแคว้นมัททรัฐพระเจ้ามหากัปปินะ มีพระราชหฤทัยใฝ่ต่อการศึกษาแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะทรงฝักใฝ่ในการออกบวชเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานอันเป็นคุณธรรมเบื้องสูง ทุก ๆ วันพระองค์จะส่งอำมาตย์ออกไปสืบข่าวจากทิศทั้ง ๔ ว่ามีข่าวอะไรบ้าง โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับพระรัตนตรัย อำมาตย์เหล่านั้นออกจากพระนครไปไกล ๒-๓ โยชน์ทุกวัน ค่ำแล้วก็กลับมารายงานข่าวให้ทรงทราบพระเจ้ามหากัปปินะ มีม้าอันเป็นพระราชพาหนะ ๕ ม้า คือ ม้าชื่อพละ ม้าชื่อพลวาหนะม้าชื่อปุปผะ ม้าชื่อปุปผวาหนะ และ ม้าชื่อสุปัตตะ โดยปกติพระองค์จะทรงม้าชื่อสุปัตตะ เป็นประจำ ส่วนม้าที่เหลือจะพระราชทานให้อำมาตย์หรือทหารใช้เป็นพาหนะไปสืบข่าวต่าง ๆ

                       • ทรงทราบข่าวพระรัตนตรัยเกิดขึ้นในโลก

                       วันหนึ่ง พระองค์เสด็จประพาสราชอุทยานพร้อมด้วยอำมาตย์ และข้าราชบริพาร ๑,๐๐๐ คน ได้พบพ่อค้าที่เดินทางมาจากเมืองสาวัตถี รับสั่งให้เข้าเฝ้าถามข่าวสารจากเมืองสาวัตถุนั้น ครั้นเมื่อพ่อค้าได้กราบทูลว่า:- “ขอเดชะ ข่าวอื่นไม่มี แต่ในเมืองสาวัตถีนั้น บัดนี้ มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรม และมีพระสงฆ์ เกิดขึ้นแล้วในโลก พระเจ้าข้า” พระเจ้ามหากัปปินะ พอได้สดับคำว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เท่านั้น ทั่วทั้งพระวรกายถูกปีติโสมนัสเข้าครอบงำอย่างท่วมท้น จนหลงลืมพระสติไปชั่วขณะ พอสติสัมปปชัญญะ กลับคืนมาแล้ว พระองค์ได้ตรัสถามซ้ำอีกถึง ๓ ครั้ง บรรดาพ่อค้ากราบทูลยืนยันเช่นเดิม จึงรับสั่งให้อำมาตย์เขียนพระราชสาสน์ ถึงพระชายา รับสั่งให้พระราชทานรางวัลแก่พ่อค้า จำนวน ๓ แสนกหาปณะ และขอสละราชสมบัติให้พระชายารับครอบครองสืบต่อไป ส่วนพระองค์เองพร้อมด้วยอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดเหล่านี้ จะขอออกบวชอุทิศเฉพาะแต่ พระผู้มีพระภาค ดังนี้แล้ว มอบพระราชสาสน์นั้นให้พ่อค้านำไปถวายแด่พระชายา แม้อำมาตย์เหล่านั้นก็เขียนจดหมายถึงภรรยาของตน ๆ ดุจเดียวกัน จากนั้นได้ติดตามพระมหากัปปินะ ออกจากพระราชอุทยานมุ่งสู่พระนครสาวัตถี

                        • เสด็จออกผนวชพร้อมด้วยอำมาตย์

                         เส้นทางเสด็จของพระเจ้ามหากัปปินะนั้น เต็มไปด้วยความยากลำบากทุรกันดารผ่านทั้งป่าและภูเขา โดยเฉพาะมีแม่น้ำใหญ่ ๓ สาย คือ แม่น้ำอารวปัจฉา แม่น้ำนีลวาหนา และแม่น้ำจันทภคา ขวางหน้าอยู่ ซึ่งแต่ละสายนั้น ทั้งกว้างและลึกมาก จะข้ามได้ก็ต้องอาศัยเรือหรือแพขนาดใหญ่ ซึ่งก็หาได้ยาก พระเจ้ามหากัปปินะ ทรงมีพระดำริว่า “ถ้าจะรอเวลาหาเรือหรือแพก็จะทำให้ล่าช้า เพราะความเกิดนำไปสู่ความแก่ ความแก่นำไปสู่ความเจ็บและความเจ็บนำไปสู่ความตาย ทุกลมหายใจเข้าออกย่อมนำไปสู่ความแก่และความตายทั้งนั้น เราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ดังนั้นเราออกบวชเพื่ออุทิศต่อพระรัตนตรัย ด้วยอานุภาพแห่งรัตนตรัยนั้น ขอให้น้ำนี้จงอย่าได้เป็นเหมือนน้ำเลย” ครั้นทรงมีพระดำริดังนี้แล้ว ทรงระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย มีพุทธานุสติเป็นต้นแล้ว เสด็จลงสู่แม่น้ำพร้อมทั้ง บริวาร ๑,๐๐๐ คน ม้าทั้งหลายวิ่งไปบนผิวน้ำเหมือนกับวิ่งบนแผ่นดิน แม้แต่ปลายกีบม้าก็ไม่เปียกเลยสักนิดเดียว

                        • พระพุทธองค์ทรงรับเสด็จ

                         เวลาใกล้รุ่งของราตรีนั้น พระบรมศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ได้ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้ามหากัปปินะ พร้อมทั้งบริวาร ผู้ทรงสละราชสมบัติ ออกผนวชอุทิศเฉพาะพระรัตนตรัย ท้าวเธอพร้อมทั้งบริวารจักบรรลุพระอรหัตผลพร้อมทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลาย สมควรที่ที่เราตถาคตจักกระทำการต้อนรับเสด็จครั้นแล้ว พระพุทธองค์ทรงบาตรและจีวร เสด็จออกต้อนรับสิ้นระยะทาง ๑๒๐ โยชน์ ประหนึ่งว่าพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงต้อนรับกำนันนายบ้าน ฉะนั้น ได้ประทับเปล่งพระรัศมีภายใต้ร่มต้นนิโครธ ณ ริมฝั่งแม่น้ำจันทภาคาพระเจ้ามหากัปปินะ ได้ทอดพระเนตรเห็นพระรัศมีนั้นแล้ว ทรงพระดำริว่า “แสงสว่างนี้ไม่ใช่แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ หรือแสงสว่างจากเทวดาตนใดตนหนึ่ง จักต้องเป็นแสงสว่างแห่งพระบรมศาสดาอย่างแน่นอน” เมื่อทรงพระดำริดังนี้แล้ว เสด็จลงจากหลังม้าพร้อมทั้งบริวารเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าตามสายแห่งพระรัศมีนั้น ถวายบังคมแล้วประทับนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถาให้สดับจบลงแล้ว พระราชาพร้อมทั้งบริวารได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วกราบทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ได้ประทานด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา

                        • พระราชเทวีและภรรยาอำมาตย์ออกบวช

                        พระนางอโนชาเทวี ได้รับข่าวสารจากพ่อค้าเหล่านั้น ตรัสซักถาม ได้ทราบความแน่ชัดทุกประการแล้ว เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าเช่นกัน ให้รางวัลแก่พ่อค้าเหล่านั้นแล้ว ชักชวนภรรยาอำมาตย์ทุกคนเสด็จออกบวช โดยทำนองเดียวกันกับพระราชสามี พระพุทธองค์ทรงรับเสด็จดุจเดียวกันกับพระเจ้ามหากัปปินะ และทรงบันดาลฤทธิ์มิให้สามีภรรยาเหล่านั้นเห็นกัน เพื่อมิให้เป็นอันตรายต่อการฟังธรรม เมื่อพระนางเสด็จมาถึงแล้วได้กราบทูลถามถึงพระราชสามีและหมู่อำมาตย์ พระบรมศาสดารับสั่งให้ประทับนั่งลงก่อนแล้วจะได้พบกัน ณ ที่นี้ เมื่อพระราชเทวีและหญิงเหล่านั้นประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถาให้สดับ เมื่อจบธรรมกถา พระราชเทวีและหญิงเหล่านั้นได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ส่วนพระเจ้ามหากัปปินะ และภิกษุบริวารเหล่านั้น ซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยได้บรรลุพระอรหัตผลด้วยกันทั้งหมด พระพุทธองค์จึงทรงคลายฤทธิ์ให้พระราชเทวีเห็นพระราชสามี และหญิงเหล่านั้นเห็นสามีของตน ๆ แล้วกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธองค์รับสั่งให้ไปอุปสมบทในสำนักของนางภิกษุณีที่เมืองสาวัตถี และพระพุทธองค์ก็ทรงพาภิกษุเหล่านั้นเสด็จสู่กรุงสาวัตถี

                        • พระเจ้ามหากัปปินะเปล่งอุทาน

                        พระเจ้ามหากัปปินะนั้น ไม่ว่าท่านจะอยู่ในที่พักหรือที่ใดก็ตามท่านมักจะเปล่งอุทานว่า “สุขหนอ สุขหนอ” อยู่เสมอ ภิกษุทั้งหลายคิดว่าท่านยังรำลึกถึงความสุขในราชสมบัติอยู่ จึงพากันไปกราบทูลพระบรมศาสดา พระพุทธองค์แม้ทรงทราบแล้ว แต่ก็รับสั่งให้พระเจ้ามหากัปปินะเข้าเฝ้าแล้วตรัสถามเหตุแห่งการเปล่งอุทานให้ได้ยินกันทั่ว ณ ที่นั้น เพื่อคลายความสงสัยแล้วตรัสว่า:- “ภิกษุทั้งหลาย พระมหากัปปินะบุตรของเรานี้ เปล่งอุทานอย่างนั้นเพราะปรารภอมต มหานิพพาน เป็นการเปล่งเพราะความเอิบอิ่มในธรรม”

                        • ได้รับยกย่องในตำแหน่งเอตทัคคะ

                        ท่านได้รับมอบหมายจากพระบรมศาสดา ให้เป็นผู้ให้โอวาทแก่ภิกษุทั้งหลาย ซึ่งท่านก็ได้สนองพระบัญชาด้วยดี พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทางผู้ให้โอวาทภิกษุ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3206 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 10:15:47 »

ทั่วประเทศมีฝนตกหนาแน่น จากอิทธิพลของ "พายุไห่ถาง" ซึ่งคาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องไปอีกรวม 3 วัน
จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและสาขา อาทิ นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
คงได้รับน้ำฝนมาเติมให้ท่วมท้น สร้างภาวะให้ชาวบ้านต่อไปอย่างยาวนาน ?? !!~



ประกาศเตือนภัยฉบับที่ 7
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. เวลา 22.30 น. เรื่อง พายุไห่ถาง โดยระบุว่าเมื่อเวลา 19.00 น.


เมื่อวาน (27 ก.ย. ) พายุดีเปรสชัน“ไห่ถาง” (Haitang) บริเวณประเทศลาวได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้วและจะเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยเมื่อคืน (27ก.ย) ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่กับมีลมแรง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่มและใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

วันที่ 27 กันยายน 2554 ในบริเวณจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

วันที่ 28 กันยายน 2554 ในบริเวณจังหวัดลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 27- 29 กันยายน 2554

                         พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลกอุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีลมแรงส่วนมากบริเวณ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
[/size]
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3207 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 11:03:06 »

เมื่อประมาณเวลา 10.01 น. มีข่าวสั้นๆ ดังนี้.............

ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) สรุปสถานการณ์น้ำในประเทศว่า ขณะนี้ยังมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 23 จังหวัด ประชาชนเดือดร้อนกว่า 2 ล้านคน เสียชีวิตเพิ่มสูงเป็น 166 คน และคาดว่า พื้นที่การเกษตรจะเสียหายกว่า 6.1 ล้านไร่

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3208 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 11:47:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 กันยายน 2554, 11:03:06
เมื่อประมาณเวลา 10.01 น. มีข่าวสั้นๆ ดังนี้.............

ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) สรุปสถานการณ์น้ำในประเทศว่า ขณะนี้ยังมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 23 จังหวัด ประชาชนเดือดร้อนกว่า 2 ล้านคน เสียชีวิตเพิ่มสูงเป็น 166 คน และคาดว่า พื้นที่การเกษตรจะเสียหายกว่า 6.1 ล้านไร่



สวัสดีครับ คุณเหยง

                   จริงๆ ผมเชื่อว่าประชาชนไม่ต้องการทราบตามที่แถลงเลย เพราะนั่นคือผล เป็นอดีตที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้  ประชาชนแม้กระทั่งผมอยากจะทราบสาเหตุมากกว่า "ช่วยบอกความจริงเกี่ยวกับ ปริมาณน้ำ สถานการณ์ของเขื่อน แม่น้ำต่างๆ ในการระบายน้ำ ตามเป็นจริง ทั้งน้ำไหลเข้า และไหลออก สถานการณ์น้ำไหลผ่านในแม่น้ำแต่ละจุด ประชาชนมจะได้ทราบว่า บ้านตัวเองน้ำจะท้วมไหม? ท้วมสูงแค่ไหน? และท้วมนานแค่ไหน? โดยเฉพาะอยากทราบน้ำจะท้วมกรุงเทพฯหรือไม่ ให้ยืนยันจริงๆ  ท้วมก็ท้วมไม่เป็นไร  จะได้ตัดสินใจเตรียมการ ของครอบครัวตัวเองได้  ไม่ใช่มารู้เมื่อน้ำมาถึงบ้านแล้วครับ"

                    ขอบคุณและสวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3209 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 11:59:01 »

ศอส.ให้ระวังฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก  จัดจนท.ติดตามสถานการณ์น้ำ ช่วยเหลือประชาชน              

เมื่อวันที่ 27 ก.ย.  นายวิบูลย์  สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า   ในวันนี้พายุไห่ถางได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ 24 จังหวัด ได้แก่  มุกดาหาร  ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี  นครพนม  ขอนแก่น  ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล   พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำมากอยู่แล้ว ประกอบกับภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุไห่ถาง  อาจส่งผลให้สถานการณ์อุทกภัยขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น  โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดระนอง  (อำเภอสุขสำราญ เมือง กระบุรี  ละอุ่น กะเปอร์) และพังงา  (อำเภอคุระบุรี กะปง ตะกั่วป่า)  มีฝนตกหนักวัดได้มากกว่า 200 มม. และเริ่มมีน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่แล้ว  ขอให้จังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมพร้อมรับมือ โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และพร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที  รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่า ไหลหลาก  และดินโคลนถล่ม

ทั้งนี้ ศอส. ได้กำชับจังหวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำประสานและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ทั้งทิศทางการไหลของน้ำ ปริมาณน้ำแก่จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ปลายน้ำอย่างต่อเนื่อง  เพื่อเตรียมรับมือผลกระทบจากมวลน้ำที่ไหลเข้ามายังพื้นที่ อาจทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ให้หน่วยงานประสานการบูรณาการทรัพยากรและกำลังคนร่วมกัน เพื่อให้จัดการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า   ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 23 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ยโสธร ขอนแก่น อำนาจเจริญ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี  รวม 149 อำเภอ 1,130  ตำบล 8,680 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 615,497 ครัวเรือน 2,014,166 คน เสียชีวิต 166 ราย สูญหาย 3 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย  6,157,916 ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อปลา 90,242 ไร่ สัตว์ได้รับผลกระทบ 6,937,065 ตัว น้ำท่วมเส้นทางสัญจรไม่ได้  รวม 112  สาย แยกเป็น  ทางหลวง  30 สาย ใน  9 จังหวัด ทางหลวงชนบท 82 สาย ใน 17 จังหวัด

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและระดับน้ำล้นตลิ่ง     มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 4,272 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,685 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3,047ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ 9 จังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำ ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรีได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่งที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น.
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3210 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 12:36:07 »

                      สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและระดับน้ำล้นตลิ่ง     มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 4,272 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,685 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3,047ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ 9 จังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำ ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรีได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่งที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น.

                        ยังไม่ทราบปริมาณน้ำที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องปล่อยอยู่ในขณะนี้ ว่าตัวเลขจริงเท่าไร? เพราะน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะทำให้น้ำท้วม กทม. ครับ

                        วันนี้ พนักงาน PSTC ที่โรงงานตั้งอยู่ในลุ่มน้ำป่าสัก พนักงานสำนัก มาทำงานเพียงสองท่าน เพราที่เหลือต้องไปขนของหนีน้ำ และบางส่วนมาพักอาศัยที่โรงงาน เพราะน้ำท้วมรวดเร็วมากๆๆ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3211 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 12:49:04 »

ข่าวสุขภาพของท่าน ที่รับประทาน "อาหารเจ"


                       เทศกาลกินเจได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาครับ  ทุกท่านอย่างลืม นะครับว่า

                       - อาหารเจ ประกอบไปด้วย  แป้ง เป็นสาเหตุให้น้ำหนักเกิน คืออ้วนขึ้น
 
                       - ผัดด้วยน้ำมันปาล์ม (กรณีไปซื้อตามร้านอาหาร และตามโรงเจ) ก่อให้เกิดน้ำมันไปเกาะผนังลำไส้เล็ก ทำให้ลำไส้เล็กสูญเสียระบบการดูดซึมสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

                       - โปรตีนจากถั่วเหลือง คือเต้าหู่ ที่มาดัดแปลงเป็นเนื้อ หรืออยู่ในรูปเต้าหู้ เป็นตัวก่อให้เกิดมีปริมาณน้ำย่อยในกระเพาะอาหารออกมาน้อย  ทำให้การย่อยอาหารไปเป็นสารอาหารเลี้ยงร่างกายมีน้อย


                        วิธีแก้ไข

                       - ทางสายกลางครับ รับประทานในปริมาณที่พอดี ต่อร่างกายเท่านั้น

                       - หลีกเลี่ยงอาหารผัดน้ำมันให้มาก

                       - ล้างลำไส้เล็กด้วย ชามะละกอ หรือ โยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว

                       - กินโปรตีนจากถั่วเหลือง หรือเต้าหู้ ในปริมาณที่ไม่มากนัก ครับ

                       - ออกกำลังกายให้มากกว่าปกติ ครับ



                       ถ้าท่านปฏิบัติได้ตามนี้ ท่านจะได้ทั้งบุญ และสุขภาพ ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3212 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 12:49:39 »

พี่สิงห์ครับ

พี่น้องของผมอยู่ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรีด้วยเช่นกัน
ปีที่แล้ว เขายังตั้งคำถามเลยว่า
"ฝนไม่ตกในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี แต่น้ำท่วมขังทั้งสองจังหวัดนานนับเดือน เป็นเพราะอะไร ??"

ปีนี้ ฝนก็ไม่ค่อยตกลงในสองจังหวัดนี้เช่นกัน เขาเพาะปลูกข้าว ข้าวโพด ตามกำหนด เพราะไม่เชื่อว่า น้ำจะท่วมที่ดินของเขาอีก แต่ที่สุด น้ำก็ท่วม โดยรัฐชดเชยให้เขาเพียงน้อยนิด เขาขาดทุนไปมากกว่าที่ได้รับชดเชย จะช่วยเขาอย่างไร เมื่อให้เขารับเคราะห์ในเรื่องนี้ด้วย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3213 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 12:56:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 28 กันยายน 2554, 12:49:39
พี่สิงห์ครับ

พี่น้องของผมอยู่ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรีด้วยเช่นกัน
ปีที่แล้ว เขายังตั้งคำถามเลยว่า
"ฝนไม่ตกในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี แต่น้ำท่วมขังทั้งสองจังหวัดนานนับเดือน เป็นเพราะอะไร ??"

ปีนี้ ฝนก็ไม่ค่อยตกลงในสองจังหวัดนี้เช่นกัน เขาเพาะปลูกข้าว ข้าวโพด ตามกำหนด เพราะไม่เชื่อว่า น้ำจะท่วมที่ดินของเขาอีก แต่ที่สุด น้ำก็ท่วม โดยรัฐชดเชยให้เขาเพียงน้อยนิด เขาขาดทุนไปมากกว่าที่ได้รับชดเชย จะช่วยเขาอย่างไร เมื่อให้เขารับเคราะห์ในเรื่องนี้ด้วย


สวัสดีครับ คุณเหยง

              บังเอิญผมเป็นประชาชน คนเดินดินธรรมดา  ไม่สามารถกระทำอะไรได้เลย  ได้แต่หาวิธีการบริหารจัดการน้ำ การป้องกันน้ำท้วม ตามที่คิดว่า น่าจะกระทำ  ตามที่ได้เขียนมาเป็นเดือนแล้ว คอยย้ำเตือนเท่านั้น ทั้งสาเหตุ ผลที่จะเกิด และวิธีแก้ไข
              กระทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ และผมก็พูดให้กับคนที่ผมไปพบ  เพื่อนฝูง ถึงแนวการแก้ไขระยะยาว ตามที่ได้เขียนมาแล้ว อยู่เป็นนิจครับ

               สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3214 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 14:13:36 »

พี่สิงห์

ข้อมูลน้ำของวันนี้ที่นครสวรรค์ อัตราการไหล 4,308 ลบ.เมตร/นาที ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นที่นครสวรรค์ (หน้าเจ้าพระยาไฟแนนซ์) เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้อีก 3 ซ.ม. ทำให้ระดับน้ำสูงกว่าพนังกั้นน้ำ 45 ซ.ม. รวมระดับน้ำเหนือพนังกั้นน้ำของเทศบาล 1.50 + 0.45 = 1.95 ซ.ม. แล้ว


http://nsm.go.th/b/ch1b.html

 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3215 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 16:20:12 »

เขื่อนเจ้าพระยา


                        เขื่อนเจ้าพระยา เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บริเวณคุ้งบางกระเบียน หมู่ที่ 3 ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดเขื่อนเจ้าพระยาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500

                        เขื่อนเจ้าพระยามีลักษณะเป็นเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 237.50 เมตร สูง 16.5 เมตร ติดตั้งบานประตูเหล็กรูปโค้งสูง 7.50 เมตร มีช่องระบายให้น้ำไหลผ่านขนาดกว้าง 12.50 เมตร จำนวน 16 ช่อง ประตูน้ำสำหรับเรือสัญจรติดกับเขื่อนด้านขวากว้าง 14 เมตร ยาว 170.50 เมตร เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านเข้าออกได้ บนสันเขื่อนมีสะพานกว้าง 7 เมตร รับรถน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 20 ตัน และมีทางระบายน้ำล้นฉุกเฉินสร้างบนคันกั้นน้ำซ้ายมือเหนือเขื่อนเจ้าพระยา กว้าง 10 เมตร ยาว 1,000 เมตร เพื่อช่วยระบายน้ำเมื่อเกิดอุทกภัย อัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนสูงสุดประมาณ 3,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่การปล่อยน้ำจะควบคุมให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อมิให้กระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา

                         ทัศนียภาพรอบเขื่อนสวยงาม ช่วงเดือนมกราคมในบริเวณแม่น้ำเหนือเขื่อนจะมีฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นมาอาศัยหากิน เขื่อนนี้ใช้ประโยชน์ด้านการชลประทาน การทดน้ำเพื่อการเกษตร โดยระบายน้ำจากแม่น้ำในภาคเหนือสู่ภาคกลางและอ่าวไทย ส่งน้ำไปในพื้นที่เพาะปลูกภาคกลางเข้าคลองส่งน้ำสายใหญ่รวม 5 สาย คือ แม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง คลองชัยนาท-ป่าสัก และคลองชัยนาท-อยุธยา และยังใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับจ่ายในจังหวัด

ประวัติ

                       โครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ เป็นโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพื่อการเพาะปลูกสำหรับพื้นที่ราบภาคกลางสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เรื่อยลงมาตั้งแต่ชัยนาทถึงอ่าวไทย เดิมการเพาะปลูกในเขตพื้นที่ต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ปีที่ฝนแล้งเกษตรกรในอดีตจึงได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ

                       พ.ศ. 2445 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นายเย โฮมัน วันเดอร์ไฮเด ผู้เชี่ยวชาญการชลประทานชาวฮอลันดาเสนอให้สร้างโครงการเจ้าพระยาใหญ่ ที่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท แต่ประเทศไทยต้องใช้งบประมาณบำรุงประเทศในทางอื่นก่อน แผนการก่อสร้างโครงการเจ้าพระยาใหญ่จึงต้องระงับไว้ก่อน

                       ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดภาวะฝนแล้ง 2-3 ปีติดต่อกัน ครั้นถึงปี พ.ศ. 2456 เซอร์ ทอมมัส เวอร์ด ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ ได้เสนอให้ก่อสร้างโครงการเจ้าพระยาใหญ่ขึ้น แต่เวลานั้นอยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง การก่อสร้างโครงการเจ้าพระยาใหญ่จึงต้องระงับอีกเป็นครั้งที่สอง

                       ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ปี พ.ศ. 2491 ขณะที่หลายประเทศประสบภาวะขาดแคลนอาหาร องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จึงได้พิจารณาถึงความจำเป็นของโครงการเจ้าพระยาใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เดือนตุลาคมปีนั้นกรมชลประทานจึงได้เสนอโครงการต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบตามที่เสนอ ประกอบกับในปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลได้เข้าเป็นสมาชิกธนาคารโลก จึงขอกู้เงินเพื่อสร้างโครงการเจ้าพระยาใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493 เป็นเงินจำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

                       กรมชลประทานได้เริ่มเตรียมงานเบื้องต้นเมื่อปี พ.ศ. 2494 และเริ่มงานก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมกับระบบส่งน้ำในปี พ.ศ. 2495 จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2500 ช่วงระหว่างการก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2498 และได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 โดยมีพระราชดำรัสว่า

                      "ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมในพิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยาในวันนี้ ประเทศของเราเป็นประเทศกสิกรรม ทั้งข้าวก็เป็นอาหารหลักของประชาชนพลเมือง การอยู่ดีกินดีของอาณาประชาราษฎร์และความสมบูรณ์มั่งคั่งของประเทศยังต้อง อาศัยอยู่กับการเพาะปลูกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกข้าวในภาคกลางนี้ รัฐบาลของเราทุกยุคทุกสมัย ดังที่นายกรัฐมนตรีแถลงมา ได้เล็งเห็นความสำคัญและสนใจในการทำนุบำรุงประเทศโดยการที่จะสร้างโครงการชลประทานเพื่อส่งเสริมช่วยการเพาะปลูกและการทำนาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่น่ายินดียิ่งนักที่เขื่อนเจ้าพระยา อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการชลประทานที่ได้ดำริกันมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เป็นอันก่อสร้างสำเร็จลงได้ในปัจจุบัน"

                      "ทั้งนี้เป็นหลักพยานอันหนึ่งถึงความเพียรพยายามที่จะดำเนินการอันจะก่อประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติอันดีของคนไทย ตามคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เห็นได้แล้วว่า ความสำเร็จของเขื่อนเจ้าพระยาได้ส่งผลให้แก่พื้นที่นาทั้งสองฝั่งในระยะ เริ่มแรกแล้วเพียงไร ข้าพเจ้าขออนุโมทนาด้วย และขอบรรดาท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการนี้จงได้รับคำชมเชยทั่วกัน"

                      "ได้เวลาแล้วข้าพเจ้าจะได้กระทำพิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยา ขอให้เขื่อนเจ้าพระยานี้จงสถิตอยู่ด้วยความมั่นคงถาวร ได้อำนวยบริการแก่ประเทศชาติและเพิ่มพูนประโยชน์แก่กสิกรต่อไปอย่างไพศาล สมตามปณิธานที่ได้ก่อสร้างขึ้นนั้นทุกประการ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุก ๆ คนทั่วกัน"

                        พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ก่อสร้างและทำหน้าที่ในการบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยามาครบ 50 ปี ทางกรมชลประทานจึงได้จัดงานขึ้นบริเวณเขื่อนเจ้าพระยาระหว่างวันที่ 5-9 กุมภาพันธ์ 2550 โดยใช้ชื่องานว่า "80 พรรษามหาราช ตามรอยพระบาทยาตรา เขื่อนเจ้าพระยา 50 ปี" เนื่องจากเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา โดยมีนายสวัสดิ์ วัฒนายากร องคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3216 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 16:35:03 »

งานมุทิตาจิต พี่ทองอู่  จักรสิงห์


ผมขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่งทุกท่าน ร่วมงานแสดงมุทิตาจิต พี่ทองอู่  จักรสิงห์

เนื่องในวันเกิด ครบ ๗ รอบ ๘๔ ปี ในวันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม เวลา ๑๘:๐๐ น.

ณ ภัตตาคารกุหลาบ  ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน  

โดยมีพวกเราชาวซีมะโด่งร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

ผมไม่ได้เจาะจงใครทั้งสิ้น เรียนเชิญทุกท่านครับ

 
                             ทางอาจารย์เผ่า   สุวรรณศักดิ์ศรี  ได้กรุณาโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพี่ทองอู่  จักรสิงห์  ว่าน้องๆ ชาวซีมะโด่งอยากจัดงานสังสรรค์เนื่องในวันเกิดครบ ๗ รอบ ให้พี่ทองอู่  ด้วยความเคารพ และคิดถึงยิ่ง  พี่ทองอู่  จึงยอม ครับ  ต้องจอจอบพระคุณทางอาจารย์เผ่า เป็นอย่างยิ่งครับ

                        ผมได้มอบหมายให้คุณทรงเกียรติ  หลิ่มศิริ  เป็นผู้ดำเนินการขอร้องพี่กาญจนา   ว่องชวณิชย์  ช่วยจองห้อง และอาหารที่ร้านสวนกุหลาบ ให้ด้วย ต้องขอขอบพระคุณทั้งพี่กาญจนา และคุณทรงเกียรติ

                        และผมได้เรียนให้คุณวัฒนา  ประธานชมรมฯ รับทราบในรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และได้ขอร้องคุณนันทิกา  ช่วยลงในเวบ ให้อีกแรงหนึ่ง แต่เนื่องจากต้องเตรียมการเรื่องอาหาร จึงอยากทราบจำนวนบุคคลที่จะไปด้วยครับ และทางคุณวัฒนา  จะจัดของที่ระลึกมอบให้กับพี่ทองอู่  ด้วยครับ  ผมต้องขอขอบคุณทั้งสองท่านด้วยครับ

                        อย่าลืมชักชวนกันไปให้กำลังใจพี่ทองอู่  จักรสิงห์  พี่อาวุโสที่แสนดีของพวดเราชาวซีมะโด่ง  ด้วยครับ

                        สงวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #3217 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 18:11:07 »


วันที่ 9 ตุลา ขอไปร่วมด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3218 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 20:57:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 28 กันยายน 2554, 18:11:07

วันที่ 9 ตุลา ขอไปร่วมด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ คุณสมชาย  ทีแรกกะว่าจะโทรศัพท์ไปชวนเหมือนกันครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3219 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 21:27:47 »

สวัสดี ครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                      ผมหวังว่าทุกท่านคงได้ติดตามดู TV และข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ จะเห็นว่าน้ำท้วมอย่างหนัก โดยไม่มีการเตือนภัยแบบชัดเจน หรือเตือนภัยแบบกลางๆ คือแทงกั๋ก เอาไว้ และบางส่วนถึงแม้จะเตือนภัย แต่ไม่มีใครสนใจ ผลคือ อย่างเชียงใหม่ น้ำท้วมเร็วมาก  หรืออย่างที่ลพบุรี  ทั้งๆที่รู้ว่าประตูระบายน้ำที่บางโฉมศรี พัง น้ำไหลเข้าทุ่งอำเภอท่าวุ้ง บ้านหมี่ และอำเภอเมืองแน่นอน  แต่ทุกคนก็เฝ้าแต่คอยดู และคิดว่าน้ำไม่มาก  แต่ทุกคนลืมคิดไปว่าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาแถวบ้านผมมันอยู่ที่ระดับ 3.00 - 4.00 m. บางแห่งถึง 5.00 m. ไม่งั้นประตูน้ำไม่พังหรอกครับ เมื่อนิ่งนอนใจ ผลคือน้ำมาเร็ว  แรง ระดับสูงมาก จนเทียบเท่าระดับของเจ้าพระยา ผลคืออย่างที่เห็น ชั้นสองก็ท้วม ครับ และไหลผ่านถนน ขณะนี้ถนนสายสิงห์บุรี - ลพบุรี  รถเล็กผ่านไม่ได้ แถบตัวเมืองลพบุรีปิดการจราจร และระดับน้ำสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะน้ำในภาคเหนือยังมาก

                       อย่าลืมน้ำที่นครสวรรค์ตามที่คุณเหยงบอกเอาไว้ 4,308 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  เขื่อนเจ้าพระยาระบายได้ 3,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผลคือน้ำยังคงมีระดับสูงขึ้นที่นครสวรรค์  อุทัยธานี ชัยนาท อย่างต่อเนื่อง  เพราะถ้าเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยมากกว่านี้  สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา ชั้นสอง บนถนนหลวง ก็ไม่มีที่อาศัยนอนครับ และกรุงเทพฯ ปลายสายน้ำท้วมแน่นอน 

                       ดังนั้นทนเอาหน่อยนะครับ ไม่ต้องคิดปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เวลามันจะผ่านไปเองครับ คงประมาณอีกหนึ่งเดือนขึ้นไป  พี่สาวผมเป็นโรคหัวใจ  อยู่คนเดียว  ต้องหุงข้าวในน้ำชั้นสอง  ยังอยู่ได้ครับ ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ยังมียาเหลืออีกหนึ่งเดือน  ถ้าน้ำไม่ลดลงให้สัญจรไปได้ คงต้องใช้บริการส่งยาด่วนของกระทรวงสาธารณสุข ที่คุยไว้แล้วครับ

                       ตอนนี้ท้ายน้ำของแม่น้ำป่าสัก น้ำมาเร็วมาก จนเก็บข้าวของไม่ทันเลย  ผมถึงเป็นห่วง กทม. ของเราเป็นอย่างมาก ว่าจะรอดหรือไม่  ท่านผู้ว่า กทม. ก็ไปเมืองจีน  ท่านรองก็ยังนิ่ง  แล้วใครดูแลไม่ให้น้ำท้วม กทม. เล่าครับ คงเป็นข้าราชการประจำ คือสำนักการระบายน้ำ  จะทำได้ดีขนาดไหน เพราะบางเรื่องตัดสินใจ จำกัดนะครับอย่าลืม

                       สำหรับผมไม่กังวล ท้วมก็ท้วม  ไม่ท้วมก็ไม่ท้วม  รับได้ทั้งนั้น เพราะชินกับการน้ำท้วมมาตั้งแต่เกิดแล้วครับ ปีไหนน้ำไม่ท้วมบ้าน นั่นซิแปลก และจะอดอยากแน่ๆ เพราะภายหลังน้ำลด พื้นดินจะอุดมสมบูรณ์ปลูกผักได้ดี  แมลงก็ตาย สมัยก่อนชาวนาจึงอยากให้น้ำท้วมครับ และไม่ลำบาก ในน้ำมีปลา ในนาก็ยังมีข้าว เพราะข้าวโตหนีน้ำได้  ไม่มีใครแจกของ แจกน้ำเหมือนทุกวันนี้ ทุกคนเข้ากับธรรมชาติได้  แต่เดี๋ยวนี้พอเกิดความไม่สะดวกสบายหน่อย ร้องหาให้รัฐบาล สส. อบต. ช่วยสถานเดียวครับ  ผิดกันมาก นี่คือความจริง

                       ทำจิตให้ผ่องใสเอาไว้  อย่าไปคิด หรือกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงครับ  อดทนเข้าไว้ แล้วมันจะผ่านไปเอง

                       ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3220 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 22:05:25 »

พี่สิงห์

ด้วยผมเคารพในตัวพี่ทองอู่ เป็นอย่างยิ่ง และอยากไปร่วมงานอันเป็นมงคลยิ่งนี้
แต่สถานการณ์น้ำยังไม่แน่นอนและวางใจไม่ได้ คงได้แต่ฝากความระลึกถึงด้วยใจครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3221 เมื่อ: 28 กันยายน 2554, 22:11:18 »

อุตุนิยมแจ้งว่า ฝนในภาคเหนือ ภาคกลางจะลดน้อยลง และเริ่มมีฝนมากในภาคใต้ ทั้งสองฝั่ง

อุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  
หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทยได้เคลื่อนเข้าไปปกคลุมประเทศพม่าแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
อนึ่ง เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (28 ก.ย.54) พายุไต้ฝุ่น“เนสาด” (NESAT) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 17.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 115.7 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 22 กม./ชม.คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ อ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 30 ก.ย. 54 ขอให้ติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป

                                 พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย อุตรดิตถ์ ตาก และสุโขทัย อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ขอนแก่น และชัยภูมิ
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีลมแรงส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

 [/size]
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3222 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 09:01:10 »

กรมอุตุฯ ประกาศเตือนภัย”พายุเนสาด” คาดเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย 30 ก.ย.  แนะประชาชนติดตามใกล้ชิด ส่วนมรสุมตกวันตกเฉียงใต้ ทำหลายพื้นที่ฝนตกหนัก



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภัย"พายุเนสาด”" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 29  ก.ย. 554  ระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ) พายุไต้ฝุ่น“เนสาด” (NESAT) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 18 กม./ชม. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 30 ก.ย. 54 ขอให้ติดตามข่าวจาก กรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป

ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น สำหรับคลื่นลมในทะเล อันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง  โดยประกาศ ณ วันที่ 29  ก.ย.  พ.ศ. 2554 ออกประกาศ เวลา 05.30 น.

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3223 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 09:03:08 »

"เนสาด" จะขึ้นฝั่งเวียตนามที่กรุงฮานอยช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 54
โดยขณะนี้อยู่ที่เกาะไหหลำของจีน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3224 เมื่อ: 29 กันยายน 2554, 09:08:20 »

ลูกใหม่ "Nalgae" ครับ จะเข้าหมู่เกาะทางตอนเหนือฟิลิปปินส์ ประมาณเช้าวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม
ทิศทางตามที่คาดไว้คือ ผ่านเกาะไหหลำของจีน และขึ้นบกทางตอนใต้ของกรุงฮานอย ใกล้เคียงกับ"เนสาด"




      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 127 128 [129] 130 131 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><