24 พฤศจิกายน 2567, 00:52:53
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 123 124 [125] 126 127 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3566109 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 39 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3100 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 06:17:24 »


ข่าวประชาสัมพันธ์ สำหรับทุกท่านที่สนใจจะไปชมงานเดือนสิบ ที่นครศรีธรรมราช ครับ
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #3101 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 07:36:28 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 06:12:58









พี่ป้อมไม่ยอมมองกล้องเลย สักภาพ ..
   ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3102 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 07:56:49 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง แลผู้สนใจดุแลสุขภาพผ่านมาอ่าน ที่รักทุกท่าน

                       วันนี้ผมนำเรื่องการทำ "น้ำกระชายปั่น" และประโยชน์ของน้ำกระชาย  มานำเสนอให้ทุกท่านได้รับทราบและนำกลับเอาไปลองทำที่บ้านครับ  ส่วนประโยชน์ของน้ำกระชายนั้นมหาศาล "กระชาย คือโสมเมืองไทย" จำไว้ให้มั่นนะครับ

                       เรียนเชิญคุณสมชาย  เสรีรัฐ  ผู้ซึ่งดื่มน้ำกระชาย มามากกว่าสามปีแล้ว มาบรรยายสรรพคุณที่ตัวเองค้นพบ และรสชาด มาบอกกล่าวกับพวกเราให้รับทราบ ด้วยครับ

                       สำหรับผมนั้น ยังไม่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้เลย  เพราะมันแพง  ต้องหาโอกาสไปซื้อแล้วครับ เพื่อเอามาทำน้ำกระชายปั่น บ้างครับ

                       สวัสดีครับ   อย่าลืมเช้านี้ทำจิตให้ผ่องใสนะครับ  อารมณ์จะดี



หลักในการดูแลสุขภาพ

คัดลอกจากหนังสือ อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ

นายเริ่ม   งามขำ

ตอนที่ ๒๑

กระชาย.....

(บทความนี้ จะกล่าวถึงกระชายเหลืองเพียงอย่างเดียว)

“เปรียบเทียบ กระชาย คือ โสมของไทย คือ ราชาแห่งสมุนไพร”


กระชายปั่นคั้นน้ำ...

           น้ำกระชายมีวิตามิน C, B1, B3, B6 และแคลเซี่ยม

 
                       •   ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง  กระดูกไม่เปราะบาง

                       •   ช่วยบำรุงตับ  ไตให้แข็งแรง  ดูแลระบบมดลูก  รังไข่  กระเพาะปัสสาวะ  ดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง

                       •   ช่วยบำรุงหัวใจ  เช่น  ต่อมไธรอยด์  ต่อมใต้สมอง  ต่อมหมวกไต และตับอ่อน  เมื่อต่อมไธรอยด์ปกติดี  จะไม่เป็นโรคคอพอก  และยังมีส่วนในการช่วยลดกรดยูริค

                       •   ช่วยปรับสมดุลย์ของฮอร์โมนเพศหญิง  คือเอสโตรเจน  และฮอร์โมนเพศชาย  คือเทสโทสเตอโรน  ซึ่งมีอยู่ในร่างกายของทุกๆ คน  ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง  ถ้าผู้หญิงมีฮอร์โมนเพศหญิงในตัวมากเกินไปก็อาจจะเป็นมะเร็งเต้านม  หรือมีน้อยเกินไปก็อาจเป็นมะเร็งปากมดลูก  ส่วนผู้ชายนั้น  น้ำกระชายจะช่วยคุมไม่ให้ต้อมลูกหมากโต

                       •   ช่วยบำรุงสมอง  ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนกลางดีขึ้น  ถ้ากินคู่กับใบบัวบก  จะบำรุงสมองได้โดยตรง  ต้องกินเป็นประจำเพื่อป้องกันความจำเสื่อม

                       •   ปรับความดันโลหิตให้พอดี  ไม่ให้สูงมากหรือต่ำมากเกินไป

                       •   กินน้ำกระชายเป็นประจำ  ช่วยให้เส้นผมไม่หงอกก่อนวัยย์  เล็บมือ  เล็บเท้าแข็งแรง

                       •   ช่วยขับน้ำคาวปลา  สตรีหลังคลอดบุตร

ในกระชายมีอาหารอยู่ ๒ กลุ่ม...

                       1.   กลุ่มละลายในน้ำ
                       2.   กลุ่มที่ละลายในไขมัน


                        เมื่อกินน้ำกระชายเข้าไปแล้ว  ในกระเพาะเรามีน้ำ  มีไขมัน  และจุลินทรีย์  สองกลุ่มจะแยกกันทำหน้าที่ของมันเอง  ตัวจุลินทรีย์ในกระเพาะจะทำให้เกิดแอลกอฮอลล์ขึ้นมา  เพื่อทำหน้าที่สกัดตัวยากลุ่มที่ละลายน้ำ  ออกมาจากน้ำกระชายได้เอง  ส่วนกลุ่มที่ละลายในไขมันก็ทำงานของมันเอง

                        คนปกติควรกินน้ำกระชายเพื่อบำรุงเอาไว้  จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคไต  ผู้ชายช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากโต

                       ในน้ำกระชาย ๑ แก้ว  มีคุณค่าสูงกว่านม ๑ แก้ว หลายเท่า  ถ้าให้เด็กกินเป็นประจำ  จะช่วยสร้างกระดูกให้มีโครงสร้างแข็งแรง  กินคู่กับมะม่วงสุกแล้วปั่นก็ดี  ต้องการให้หวานก็เติมน้ำผึ้งก็ได้  ปั่นกระชายแล้วเก็บน้ำกระชายใส่ขวดแช่เย็นไว้เป็นหัวเชื้อได้หลายวัน  เวลาจะทำเครื่องดื่ม  ก็นำหัวเชื้อน้ำกระชายมาเจือจางในน้ำ  แล้วจะเติมน้ำดอกอัญชัญก็ได้  หรือเติมน้ำผลไม้ปั่นอื่นๆ อีกหลายอย่างแล้วแต่จะดัดแปลง  ไม่มีอะไรตายตัว  ขอให้ทำให้อร่อยและกินได้

วิธีทำ...

                       •   นำกระชายมาล้างน้ำเกลือหลายๆ ครั้ง  ให้สะอาดประมาณ ๑ ขีด (ไม่ต้องปอกเปลือก)

                       •   หั่นกระชายเป็นแว่นเล็กๆ ใส่เครื่องปั่นแล้วเติมน้ำ ๓ แก้ว

                       •   ปั่นให้ละเอียดแล้วกรองเอาแต่น้ำ  ทิ้งกากไป (ห้ามกินกาก)

                       •   ใช้น้ำเป็นหัวเชื้อใส่ขวดเก็บในตู้เย็นได้หลายวัน

                       •   เวลาจะใช้ดื่มก็เทใส่แก้วแล้วเติมน้ำสะอาดให้เจือจาง

                       •   เติมน้ำผึ้ง  เกลือ  ปรับรสชาดตามใจชอบ


   
น้ำกระชายทำง่าย  ดีอย่างนี้  ต้องทดลองดื่มชงกับน้ำผึ้ง เป็นประจำแล้วครับ ที่รัก
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3103 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 07:59:16 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องลูกหยี ที่รัก

                       พี่สิงห์แอบถ่าย ไม่บอdล่วงหน้า ครับ

                        รูปเธอ แลดู น่ารักเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3104 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 08:02:39 »

วันนี้เวลา 10:30 น. พี่สิงห์มีนัดกับอาจารย์ผ่องผุด  เพื่ออุดฟัน ที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ อีกหนึ่งซี่ ครับ

คงต้องทนเจ็บเพราะ ต้องกรอวัสดุที่อุดอยู่เดิมทิ้ง และทำการอุดใหม่แทน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3105 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 08:17:55 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                        เมื่อวานพี่สิงห์ไปกินข้าวกลางวัน กับพนักงานฝ่ายขายของ SIW เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน Fuji ต้องรอเข้าคิวเหมือนเดิม  ทาง SIW  แจ้งว่า ตกลงปีนี้จะพาลูกค้าไป อิตาลี (มิลาน) และสวิสเซอร์แลนด์(เมืองที่อยู่ใกล้ๆ อิตาลี) ไป shopping ที่ร้าน Out let Brand Name ด้วย  ไประหว่างวันที่ ๒๗  พฤศจิกายน - ๒ ธันวาคม  ครับ เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด  และวันที่ต้อนรับอย่างเป็นทางการต้องแต่งตัวตามชาวเมืองมิลาน  พี่สิงห์ยังไม่เคยเห็นเลย ครับ ปีที่แล้วแต่งตัวตามชาวออสเตรีย  พี่สิงห์ได้ที่สาม  ปีนี้ตั้งใจให้ได้ที่หนึ่งครับ (ไม่ควรรับเพราะถึงแม้คะแนนเสียงจะดี เนื่องจากเป็นที่เคารพและเชื่อถือในกลุ่มลูกค้า พี่สิงห์ได้ไป ในฐานะแขกพิเศษของ SIW ที่ปรึกษาทางฝ่ายเทคนิคของ SIW  มิใช่ไปในฐานะลูกค้า ครับ)

                        เธอสบายดีหรือเปล่า

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
supanee
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 605

« ตอบ #3106 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 10:07:12 »

พี่สิงห์
มีเรื่องมะรุมไหมคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3107 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 11:57:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ supanee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 10:07:12
พี่สิงห์
มีเรื่องมะรุมไหมคะ


สวัสดีค่ะ คุณสุภาณี ที่รัก

                 มีค่ะ แต่ขอนำเสนอสาระดีๆ จากหนังสือเล่มนี้ให้จบบริบูรณ์ก่อน เหลืออีกนิดเดียวอดใจรอก่อนค่ะ

                 อยากทราบราคาเครื่องปั่นน้ำผลไม้ สำหรับผู้ชายโสดแบบผม ที่ถูกสตางค์หน่อยครับ จะเอามาปั่นน้ำกระชาย รับประทานค่ะ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3108 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 12:12:33 »

รู้ประวัติพุทธ สาวก อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๑๕

พระมหากัจจายนเถระ

(หรือพระสังกระจาย ที่มีรูปร่างปะหลาดพุงป่อง ใบหน้ายิ้ม)

เอตทัคคะในทางผู้อธิบายความย่อให้พิสดาร

 

                        พระมหากัจจายนะ เป็นบุตรของพราหมณ์ตระกูลกัจจายนะ ผู้เป็นปุโรหิต (ที่ปรึกษา)ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในกรุงอุชเชนี เดิมท่านชื่อว่า “กัญจนะ” เพราะมีรูปร่างลักษณะงามสง่า มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เมื่อเจริญวัยขึ้น ได้เรียนจบไตรเพท คือ คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์ เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้วได้ดำรงตำแหน่งปุโรหิตแทนบิดา เมื่อพระบรมศาสดาตรัสรู้แล้ว เสด็จเที่ยวจาริกประกาศหลักธรรมคำสอนตามคามนิคมชนบทอยู่นั้น พระเจ้าจัณฑปัชโชต มีพระราชประสงค์จะกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จสู่ กรุงอุชเชนีของพระองค์บ้าง จึงรับสั่งให้ปุโรหิจกัจจายนะไปกราบทูลอาราธนา กัจจายนะถือ โอกาสกราบทูลลาเพื่ออุปสมบทด้วย เมื่อทรงอนุญาตแล้วจึงพร้อมด้วยบริวารติดตามอีก ๗ คน เดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดา เมื่อเดินทางไปถึงก็รีบเข้าเฝ้า พระพุทธองค์ตรัสพระธรรมเทศนาให้ ฟังและท่านทั้ง ๘ คนนั้น ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วกราบทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปนา เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ได้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาเสด็จสู่กรุงอุชเชนี ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางมา แต่พระบรมศาสดารับสั่งให้ท่านไปเองพระเจ้าจัณฑปัชโชต และชาวเมืองก็จะเกิดศรัทธาเหมือนกันพระมหากัจจายนะ จึงกราบทูลลาพระบรมศาสดาพาภิกษุบริวารอีก ๗ องค์นั้น เดินทางกลับสู่กรุงอุชเชนี ประกาศหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนาให้พระเจ้าจัณฑปัชโชต และชาวเมืองได้สดับรับฟัง เกิดศรัทธาเลื่อมใส ทำให้พระพุทธศาสนาแพร่กระจายทั่วกรุงอุชเชนีแล้วท่านก็ได้เดินทางกลับมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคอีก
 
                       •   กราบทูลขอพระบรมพุทธนุญาตแก้ไขพุทธบัตติ

                       เสมือนหนึ่ง ท่านพระมหากัจจายนะ พักอาศัยอยู่ที่ภูเขาปวัตตะ แขวงเมืองกุรุรฆระในอวันตีทักขิณาปถชนบท ขณะนั้น มีอุบาสกคนหนึ่งชื่อว่า โสณกุฎิกัณณะ มีศรัทธาจะอุปสมบท แต่เนื่องจากในอวันตีชนบทนั้นมีพระภิกษุจำนวนน้อย ไม่ครบเป็นคณปูรกะจำนวน๑๐ รูป (ทสวรรค) ตามพระบรมพุทธานุญาต ท่านจึงให้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่นานถึง ๓ ปี กว่าจะได้อุปสมบท และเมื่อท่านโสณกุฏิกัณณะได้อุปสมบทแล้ว ปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา ได้กราบลาพระมหากัจจายนะ ก็อนุญาตพร้อมทั้งสั่งให้ไปกราบทูลขอพระบรมพุทธานุญาต ให้พระพุทธองค์ทรงแก้ไขพุทธบัญญัติ ๕ ข้อ ซึ่งไม่สะดวกแก่พระภิกษุผู้อยู่ในอวันตีชนบท คือ:-
                        ๑) ในอวันตีชนบท มีพระภิกษุจำนวนน้อย ขอให้พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตการอุปสมบทด้วยคณะพระภิกษุน้อยกว่า ๑๐ รูปได้
                         ข้อนี้ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตว่า “ดูก่อนภิกษุ เราอนุญาตการอุปสมบทในปัจจันตชนบท ด้วยคณะพระภิกษุ ๕ รูปได้”
                        ๒) ในอวันตีชนบท มีพื้นดินขรุขระไม่เรียบไม่สม่ำเสมอ ขอให้พระผู้มีอาภาคทรงอนุญาตให้พระภิกษุในอวันตีชนบทสวมรองเท้ามีพื้นหลายชั้นได้
                         ข้อนี้ ทรงอนุญาตว่า “ดูก่อนภิกษุ เราอนุญาตให้ภิกษุสวมรองเท้ามีพื้นหลายชั้น ใน ปัจจันตชนบทได้”
                        ๓) ในอวันตีชนบท อากาศร้อน บุคคลต้องอาบน้ำทุกวัน ขอพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุอาบน้ำเป็นนิตย์ได้
                         ข้อนี้ ทรงอนุญาตว่า “ดูก่อนภิกษุ เราอนุญาตการอาบน้ำได้เป็นนิตย์แก่ภิกษุผู้อยู่ใน ปัจจันตชนบท”
                        ๔) ในอวันตีชนบท มีเครื่องลาดที่ทำด้วยหนังมีหนังแพะ และหนังแกะ เป็นต้น สมบูรณ์ดี เหมือนในมัชฌิมชนบท ขอพระพุทธองค์ทรงอนุญาตเครื่องลาดทำด้วยหนังสัตว์ มีหนังแพะและหนังแกะ เป็นต้นเหล่านั้นเถิด
                         ข้อนี้ ทรงอนุญาตว่า “ดูก่อนภิกษุ เราอนุญาตเครื่องลาดที่ทำด้วยหนังสัตว์เหล่านั้น”
                        ๕) ทายกทั้งหลาย มักจะถวายจีวรแก่ภิกษุผู้ที่ออกจากวัดไปแล้ว ด้วยสั่งไว้ว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถวายจีวรผืนนี้แก่ภิกษุชื่อนี้” เมื่อเธอกลับมาแล้ว ทายกได้นำจีวรเข้าไปถวาย แต่เธอไม่ยอมรับด้วยเข้าใจว่า ผ้าผืนนี้เป็นนิสสัคคีย์
                         ข้อนี้ ทรงอนุญาตว่า “ดูก่อนภิกษุ เราอนุญาตให้ภิกษุรับจีวรที่ทายกถวายลับหลังได้ ด้วยว่า ผ้ายังไม่ถึงมือเธอตราบใด จะถือว่าเธอมีสิทธิ์ในผ้าผืนนั้นเต็มที่ไม่ได้ตราบนั้น”

ความสามารถพิเศษของพระมหากัจจายนเถระ
                        พระมหากัจจายนเถระ เป็นพระพุทธสาวก ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถอธิบายธรรมที่ย่อให้พิสดาร ให้ผู้ฟังเกิดศรัทธาเลื่อมใสได้โดยไม่ยาก ทั้งนี้เพราะส่วนหนึ่งท่านเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในปฏิสัมภิทา ๔ คือ:-
                        ๑)    อัตถปฏิสัมภิทา ผู้มีปัญญาแตกฉานในอรรถสามารถอธิบายความย่อให้พิสดารได้
                        ๒)    ธัมาปฏิสัมภิทา ผู้มีปัญญาแตกฉานในธรรมสามารถถือเอาความโดยย่อจากธรรมที่พิสดารได้
                        ๓)    นิรุตติปฏสัมภิทา ผู้มีปัญญาแตกฉานในนิรุตติมีความเชี่ยวชาญในภาษา สามารถพูดให้คนอื่นเลื่อมใสได้
                        ๔)    ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ผู้มีปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ มีไหวพริบและปฏิภาณ สามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้

                        นอกจากนี้ยังมีพระธรรมเทศนาของท่านอีกหลายกัณฑ์ ที่พระธรรมสังคาหกาจารย์ ได้ยกขึ้นสู่สังคีติ คือการทำสังคายนา ได้แก่:-
                        ๑ ภัทเทกรัตตสูตร เป็นสูตรที่แสดงถึงเรื่องบุคคลผู้มีราตรีเดียวเจริญ คือคนที่เวลาวันคืนหนึ่ง ๆ มีแต่ความดีงาม ความเจริญก้าวหน้า ได้แก่ ผู้ที่ไม่มัวครุ่นคิดถึงอดีตไม่เพ้อฝันหวังอนาคต ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นแจ้งประจักษ์สิ่งที่เป็นปัจจุบัน ทำความดีเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยไป มีความเพียรพยายามทำกิจที่ควรทำตั้งแต่ในวันนี้
                        ๒ มธุรสูตร เป็นสูตรที่ท่านแสดงแก่พระเจ้ามธุรราชอวันตีบุตร ในขณะที่ท่านพักอยู่ที่คุณธาวัน มธุรราชธานี สูตรนี้มีใจความแสดงถึงความไม่แตกต่างกันของวรรณะ๔คือกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร วรรณะทั้ง ๔ นี้ แม้จะถือตัวอย่าง เหยียดหยามกันอย่างไรแต่ถ้าทำดีก็ไปสู่ที่ดีเหมือนกันทั้งหมด ถ้าทำชั่วก็ต้องรับโทษไปอบายเหมือนกันทั้งหมดทุกวรรณะเสมอกัน ในพระธรรมวินัย ออกบวชบำเพ็ญสมณธรรมแล้ว ไม่เรียกว่าวรรณะอะไร แต่เป็นสมณะเหมือนกันทั้งหมดที่พระเถระกล่าวสูตรนี้ ก็เพราะพระเจ้ามธุรราชอวันตีบุตรถามปัญหากับท่านเกี่ยวกับเรื่องพราหมณ์ถือตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และเกิดจากพรหม ท่านจึงแก้ว่าไม่เป็นความจริงแล้วยกตัวอย่างเป็นข้อ ๆ ดังนี้:-

                        ๑) ในวรรณะ ๔ เหล่านี้ วรรณะใดเป็นผู้ร่ำรวย มั่งมีเงินทอง วรรณะเดียวกันและวรรณะอื่นย่อมเข้าไปหา ยอมเป็นบริวารของวรรณะนั้น
                        ๒) วรรณะใดประพฤติอกุศลกรรมบถ เมื่อตายไป วรรณะนั้นย่อมเข้าสู่อบายเสมอ เหมือนกันทั้งหมด
                        ๓) วรรณะใดประพฤติกุศลกรรมบถ เมื่อตายไป วรรณะนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เหมือนกันทั้งหมด
                        ๔) วรรณะใดทำโจรกรรม ทำปรทาริกกรรม วรรณะนั้นต้องรับราชอาญาเหมือนกันทั้งหมดไม่มียกเว้น
                        ๕) วรรณะใดออกบวช ตั้งอยู่ในศีลในธรรม วรรณะนั้นย่อมได้รับความนับถือการบำรุง และการคุ้มครองรักษา เสมอเหมือนกันทั้งหมด
                        เมื่อพระเถระแสดงเทศนามธุรสูตรจบลงแล้ว พระเจ้ามธุรราช ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสประกาศประองค์เป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนา

                       •   พระเถระแปลงร่าง

                       ดังที่กล่าวมาในตอนต้นแล้วว่าพระมหากัจจายนเถระ เป็นผู้มีรูปร่างสง่างามผิวเหลืองดุจทองคำสะอาดผ่องใจ เป็นที่ต้องตาถูกใจแก่ผู้พบเห็นทั่วไป จนกระทั่งมีเหตุการณ์วิปริตเกิดขึ้นแก่บุตรเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองโสเรยยะ ชื่อว่า โสเรยยะ เหมือนชื่อเมือง ขณะที่เขานั่งบนยานพาหนะกับสหายเพื่อไปอาบน้ำพร้อมกับบริวารทั้งหลาย ได้เห็นพระเถระกำลังยืนห่มจีวร เพื่อเข้าไปบิณฑบาตในเมืองแล้วเกิดความพอใจ ในดวงจิตคิดอกุศลขึ้นว่า “งามจริงหนอ พระเถระรูปนี้ น่าจะเป็นภริยาของเรา หรือไม่ก็ขอให้ภริยาของเรามีสีผิวกายเหมือนพระเถระนี้”
                       ด้วยอกุศลจิตคิดเพียงเท่านี้ ทำให้เพศชายของเขาหายไป กลายเป็นเพศหญิงไปทั้งร่าง ทำให้เขาอับอายเป็นอย่างมาก และโดยที่ไม่มีใครรู้เขารีบลงจากยานนั้นแล้วเดินตามกองเกวียนพ่อค้าไปยังเมืองตักสิลา และได้เป็นภริยาของลูกชายเศรษฐีในเมืองนั้น อยู่ร่วมกันจนมีบุตร ๒ คน แต่เดิมทีที่เขาอยู่ในเมือง โสเรยยะนั้น เขาก็มีภริยาอยู่แล้วและมีบุตรด้วยกัน ๒ คน เช่นเดียวกัน จึงปรากฏว่าเขาเป็นทั้งพ่อและแม่ หรือเป็นทั้งผัวและเมียในชาติเดียวกันนี้ต่อมา พระมหากัจจายนเถระ จาริกมายังเมืองตักสิลา โสเรยยะทราบแล้วจึงเล่าเรื่องราวของตนที่ผ่านมาให้สามีฟัง แล้วพากันไปกราบขอขมาโทษต่อพระเถระ เมื่อท่านทราบเรื่องโดยตลอดแล้วก็ยกโทษให้ และเพศหญิงก็หายไปเพศชายปรากฏขึ้นมาเหมือนเดิม เขาเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระเถระเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเห็นว่าตนเองเป็นคนแปลกคือเป็นทั้งชายและหญิงในอัตภาพเดียวเท่านั้น และยังคิดว่าไม่ควรที่จะอยู่ครองเพศฆราวาสต่อไป จึงมอบบุตรทั้ง ๔ คนให้บิดามารดาเลี้ยงดูต่อไป ส่วนตนเองได้ขอบวชในสำนักพระเถระ และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในกาลต่อมา
                        พระมหากัจจายนะ นอกจากจะมีเรื่องของโสเรยยะแล้ว ยังมีเรื่องพระภิกษุเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เห็นพระเถระเดินมาแต่ไกลแล้วก็พากันกล่าวว่า “พระบรมศาสดาของพวกเราเสด็จมาแล้ว” แล้วพากันทำความเคารพกราบไหว้ ทั้งนี้ก็เพราะท่านมีรูปลักษณ์ละม้ายกับพระผู้มีพระภาคนั้นเอง พระเถระพิจารณาเห็นโทษเช่นนี้แล้ว จึงอธิษฐานจิตเนรมิตรร่างกายของท่านให้เปลี่ยนแปลงผิดแปลกไปจากเดิม ร่างกายที่เคยสง่างามก็ย่นย่อ ต่ำเตี้ย ท้องป่อง หมดความสวยงามดังที่พุทธศาสนิกชนนิยมสร้างรูปท่านไว้เป็นที่สักการบูชาในทุกวันนี้

                       •   ได้รับยกย่องในทางอธิบายความย่อให้พิศดาร

                       ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงแสดงภัทเทกรัตตสูตรแต่โดยย่อ แล้วเสด็จเข้าสู่พระวิหารที่ประทับ พระภิกษุทั้งหลายไม่ได้โอกาสเพื่อจะกราบทูลถามเนื้อความที่ตรัสไว้โดยย่อให้เข้าใจได้ จึงพากันเข้าไปหาพระมหากัจจายนะ กราบอาราธนาให้ท่านได้เมตตาอธิบายขยายความให้ฟัง พระเถระได้อธิบายขยายความย่อให้ฟังอย่างพิสดาร แล้วกล่าวแนะนำว่า “ท่านผู้มีอายุ ข้าพเจ้าเข้าใจความหมายแห่งพระสูตรนี้ตามที่อธิบายมานี้ แต่ถ้าท่านทั้งหลายมีความต้องการจะทราบให้แน่ชัดก็จงไปกราบทูลถามพระผู้มีพระภาค เมื่อพระองค์ทรงแก้อย่างไร ก็จงจำไว้อย่างนั้นเถิด” พระภิกษุเหล่านั้นพากันลาพระเถระแล้ว เข้าไปกราบทูลเนื้อความที่พระมหากัจจายนะ อธิบายไว้ให้พระพุทธองค์ทรงสดับ
                        พระผู้มีพระภาค ตรัสสรรเสริญพระเถระว่า “ภิกษุทั้งหลาย พระมหากัจจายนะ เป็นผู้มีปัญญา เนื้อความนั้นถ้าพวกเธอถามตถาคต แม้ตถาคตก็จะอธิบายอย่างนั้น เช่นกัน ขอพวกเธอจงจำเนื้อความนั้นไว้เถิด”
                        เมื่อครั้งพระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร ทรงตั้งพระมหากัจจายนะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในฝ่ายผู้อธิบายเนื้อความย่อให้พิสดารท่านพระมหากัจจายนเถระดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #3109 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 12:51:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 11:57:02
อ้างถึง
ข้อความของ supanee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 10:07:12
พี่สิงห์
มีเรื่องมะรุมไหมคะ


สวัสดีค่ะ คุณสุภาณี ที่รัก

                 มีค่ะ แต่ขอนำเสนอสาระดีๆ จากหนังสือเล่มนี้ให้จบบริบูรณ์ก่อน เหลืออีกนิดเดียวอดใจรอก่อนค่ะ

                 อยากทราบราคาเครื่องปั่นน้ำผลไม้ สำหรับผู้ชายโสดแบบผม ที่ถูกสตางค์หน่อยครับ จะเอามาปั่นน้ำกระชาย รับประทานค่ะ

                 สวัสดี


พี่สิงห์คะ
'แก่นตะวัน' ก็น่าสนใจน่ะคะ
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นประโยชน์
มากมายค่ะ เอามาปั่น-กรอง
ผสมน้ำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือนิดหน่อย
ดื่มแล้วพุงยุบได้ค่ะ
ทราย 16
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3110 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 18:08:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ supanee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 10:07:12
พี่สิงห์
มีเรื่องมะรุมไหมคะ


พี่อี๊ด

ต้นไม้มะรุม ในแง่มุมที่ผมเห็นมาคือ
พ่อค้าในหมู่บ้าน ตำบล จะปลูกเอาไว้ที่หน้าบ้านบ้าง หลังโกดังบ้าน
บอกเป็นเคล็ด ให้คนมาค้า-มาขาย จะร่ำรวย
ไม้มะรุมเป็นไม้เปลาะ-ไม่มีแก่น ห้ามป่ายปีน กิ่งหักง่ายมาก แม้กิ่งจะใหญ่ มีเด็กต้องระวัง
ส่วนสรรพคุณ คงต้องรอพี่สิงห์พรรณาในโอกาสต่อไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3111 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 20:13:36 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องทราย ที่รัก

                       เธอมีความรู้มากกว่าพี่สิงห์แยะ  มาปล่อยให้วิศวฯ อย่างพี่สิงห์นำสาระทางสุขภาพมาให้อ่านอยู่ได้ เธอควรที่จะนำเอามาเผยแพร่ครับ

 พี่สิงห์พุงไม่มีหรอกครับเดี๋ยวนี้ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ ๗๗ กิโลกรัม  สูง ๑๗๒ cm.  พี่ติ๋วบอกว่าผอมเกินไปแล้ว  แต่พี่สิงห์ตั้งใจว่าจะให้เหลือ ๗๕-๗๗ อยู่ช่วงนี้ละครับ

                        สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3112 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 20:32:04 »

ชาวนาสิงห์บุรีหมดตัวอีกแล้วเพราะนาล่ม?

                      เมื่อปีที่แล้วญาติๆ รอบวัดปากแรด มาขอร้องให้ไปช่วยทอดกฐิน เพราะชาวบ้านไม่อยู่ในฐานะที่จะทอดได้เนื่องจากนาข้าวล้ม

                       เมื่อบ่ายที่ผ่านมาหลานโทรศัพท์มาบอกว่าเมื่อคืนตอนตีสามน้ำมาอย่างแรง ท้วมครัว ถ้วย จาน ลอยน้ำเลย แสดงว่าน้ำท้วมสูงกว่าหัวผมไปอีกหนึ่งศอกคงจะประมาณ ๒ เมตร และน้ำยังขึ้นอยู่ และบอกว่าไม่ต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวแล้วเพราะถนนบางช่วงขาดรถเก๋งไม่สามารถไปได้ ต้องใช้รถเมย์ใหญ่ไป  ดีที่หมอวิทิตคาดการไว้แล้ว จึงจ่ายยาหัวใจ  หลอดเลือดให้ผมเอาไปให้พี่สาวสามารถกินได้สองเดือน และผมได้ให้เงินเอาไว้ใช้เพราะกลัวน้ำท้วมก็เป็นจริงดังคาด ถนนที่รถวิ่งได้คือสายเอเซียเท่านั้น แต่ก็ข้ามไปอีกฝั่งทางบ้านผมไม่ได้ ต้องใช้เรืออย่างเดียว
 
                       ขณะนี้ทางกรมชลระดมรถขุด ขุดดินข้างถนนมาถมบนถนนให้สูงขึ้นไปอีก ๑.๕ เมตรเพื่อกั้นน้ำไม่ให้ล้นข้ามถนนท้วมทุ่งนาที่นาข้าวกำลังท้องแก่ใกล้จะเกี่ยวได้แล้ว  ตอนนี้ชาวบ้านพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้น้ำข้ามถนน แต่ที่สรรพยาน้ำข้ามถนนเข้าทุ่งไปแล้วอ่างทองก็ข้ามถนนไปแล้ว เท่าที่ดูคงเอาไม่ไหว เพราะน้ำปีนี้มากจริงๆ ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้กรมชลประทานจะต้องปล่อยน้ำท้วมทุ่งนาข้าวแน่นอนทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา ไม่งั้นกรุงเทพฯจมน้ำแน่นอนปีนี้

                       ดังนั้นปีนี้ชาวนาสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากชัยนาท สิงห์บุรี  อ่างทอง อยุธยา สุพรรณบุรี  ลพบุรี  รับรองได้หมดตัวแน่นอนเพราะต้องเอาที่นารับน้ำแทนคนกรุงเทพฯ  นี่คือความคิดของกรมชลประทาน ที่บริหารจัดการน้ำไม่ดีพอ   ปีนี้อาจจะเป็นสถิติสูงสุดที่น้ำมาก  ถ้าไม่ปล่อยลงนาข้าวภาคกลาง  ถึงไม่ปล่อยถนนก็เอาไม่ไหว   น้ำข้ามถนนแน่ๆ ครับระวัง  เพราบางช่วงน้ำซึมผ่านไปแล้ว ครับ และชาวบ้านที่น้ำท้วมอยู่ก็อยากให้ถนนพัง ระดับน้ำจะได้ลดลง เพราไหลท้วมนา แต่ชาวนามีแต่น้ำตาเท่านั้นเพราะหมดตัว

                        ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #3113 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 20:34:30 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 20:13:36
สวัสดีค่ะ คุณน้องทราย ที่รัก

                       เธอมีความรู้มากกว่าพี่สิงห์แยะ  มาปล่อยให้วิศวฯ อย่างพี่สิงห์นำสาระทางสุขภาพมาให้อ่านอยู่ได้ เธอควรที่จะนำเอามาเผยแพร่ครับ

 พี่สิงห์พุงไม่มีหรอกครับเดี๋ยวนี้ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ ๗๗ กิโลกรัม  สูง ๑๗๒ cm.  พี่ติ๋วบอกว่าผอมเกินไปแล้ว  แต่พี่สิงห์ตั้งใจว่าจะให้เหลือ ๗๕-๗๗ อยู่ช่วงนี้ละครับ

                        สวัสดีค่ะ


เห็นด้วยกับ พี่สิงห์   ท่านพี่ ดร.ทราย มีความรู้ด้านนี้ดีมาก
ถ้ามีเวลา ช่วยเข้ามาแนะนำ พวกสมุนไพร ให้พวกเราชาวชีมะโด่ง ด้วยครับ

ผมเอง ดื่มน้ำกระชาย ผสมน้ำผึ้งและมะนาว เป็นประจำทุกเย็น เย็นละ 1 แก้ว
เพื่อช่วย เรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และทำให้ เส้นผมดำ เป็นผลพลอยได้

และ ขมิ้นชันแบบผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ  ดื่มทุกคืน  เพื่อช่วยบำรุงตับ และป้องกัน ไรฝุ่น

เดี๋ยวนี้ ผมไม่เป็นโรคแพ้อากาศหรือภูมิแพ้อีกเลย และเกื่อบเรียกได้ว่าไม่เป็นไข้หวัดอีกเลย
ในรอบ 2-3 ปี นี้ ผมเป็นไข้หวัด แค่ครั้งเดียวเองมั๊ง
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #3114 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 20:37:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 07:56:49
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง แลผู้สนใจดุแลสุขภาพผ่านมาอ่าน ที่รักทุกท่าน

                       วันนี้ผมนำเรื่องการทำ "น้ำกระชายปั่น" และประโยชน์ของน้ำกระชาย  มานำเสนอให้ทุกท่านได้รับทราบและนำกลับเอาไปลองทำที่บ้านครับ  ส่วนประโยชน์ของน้ำกระชายนั้นมหาศาล "กระชาย คือโสมเมืองไทย" จำไว้ให้มั่นนะครับ

                       เรียนเชิญคุณสมชาย  เสรีรัฐ  ผู้ซึ่งดื่มน้ำกระชาย มามากกว่าสามปีแล้ว มาบรรยายสรรพคุณที่ตัวเองค้นพบ และรสชาด มาบอกกล่าวกับพวกเราให้รับทราบ ด้วยครับ

                       สำหรับผมนั้น ยังไม่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้เลย  เพราะมันแพง  ต้องหาโอกาสไปซื้อแล้วครับ เพื่อเอามาทำน้ำกระชายปั่น บ้างครับ

                       สวัสดีครับ   อย่าลืมเช้านี้ทำจิตให้ผ่องใสนะครับ  อารมณ์จะดี



หลักในการดูแลสุขภาพ

คัดลอกจากหนังสือ อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ

นายเริ่ม   งามขำ

ตอนที่ ๒๑

กระชาย.....

(บทความนี้ จะกล่าวถึงกระชายเหลืองเพียงอย่างเดียว)

“เปรียบเทียบ กระชาย คือ โสมของไทย คือ ราชาแห่งสมุนไพร”


กระชายปั่นคั้นน้ำ...

           น้ำกระชายมีวิตามิน C, B1, B3, B6 และแคลเซี่ยม

 
                       •   ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง  กระดูกไม่เปราะบาง

                       •   ช่วยบำรุงตับ  ไตให้แข็งแรง  ดูแลระบบมดลูก  รังไข่  กระเพาะปัสสาวะ  ดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง

                       •   ช่วยบำรุงหัวใจ  เช่น  ต่อมไธรอยด์  ต่อมใต้สมอง  ต่อมหมวกไต และตับอ่อน  เมื่อต่อมไธรอยด์ปกติดี  จะไม่เป็นโรคคอพอก  และยังมีส่วนในการช่วยลดกรดยูริค

                       •   ช่วยปรับสมดุลย์ของฮอร์โมนเพศหญิง  คือเอสโตรเจน  และฮอร์โมนเพศชาย  คือเทสโทสเตอโรน  ซึ่งมีอยู่ในร่างกายของทุกๆ คน  ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง  ถ้าผู้หญิงมีฮอร์โมนเพศหญิงในตัวมากเกินไปก็อาจจะเป็นมะเร็งเต้านม  หรือมีน้อยเกินไปก็อาจเป็นมะเร็งปากมดลูก  ส่วนผู้ชายนั้น  น้ำกระชายจะช่วยคุมไม่ให้ต้อมลูกหมากโต

                       •   ช่วยบำรุงสมอง  ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนกลางดีขึ้น  ถ้ากินคู่กับใบบัวบก  จะบำรุงสมองได้โดยตรง  ต้องกินเป็นประจำเพื่อป้องกันความจำเสื่อม

                       •   ปรับความดันโลหิตให้พอดี  ไม่ให้สูงมากหรือต่ำมากเกินไป

                       •   กินน้ำกระชายเป็นประจำ  ช่วยให้เส้นผมไม่หงอกก่อนวัยย์  เล็บมือ  เล็บเท้าแข็งแรง

                       •   ช่วยขับน้ำคาวปลา  สตรีหลังคลอดบุตร

ในกระชายมีอาหารอยู่ ๒ กลุ่ม...

                       1.   กลุ่มละลายในน้ำ
                       2.   กลุ่มที่ละลายในไขมัน


                        เมื่อกินน้ำกระชายเข้าไปแล้ว  ในกระเพาะเรามีน้ำ  มีไขมัน  และจุลินทรีย์  สองกลุ่มจะแยกกันทำหน้าที่ของมันเอง  ตัวจุลินทรีย์ในกระเพาะจะทำให้เกิดแอลกอฮอลล์ขึ้นมา  เพื่อทำหน้าที่สกัดตัวยากลุ่มที่ละลายน้ำ  ออกมาจากน้ำกระชายได้เอง  ส่วนกลุ่มที่ละลายในไขมันก็ทำงานของมันเอง

                        คนปกติควรกินน้ำกระชายเพื่อบำรุงเอาไว้  จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคไต  ผู้ชายช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากโต

                        ในน้ำกระชาย ๑ แก้ว  มีคุณค่าสูงกว่านม ๑ แก้ว หลายเท่า  ถ้าให้เด็กกินเป็นประจำ  จะช่วยสร้างกระดูกให้มีโครงสร้างแข็งแรง  กินคู่กับมะม่วงสุกแล้วปั่นก็ดี  ต้องการให้หวานก็เติมน้ำผึ้งก็ได้  ปั่นกระชายแล้วเก็บน้ำกระชายใส่ขวดแช่เย็นไว้เป็นหัวเชื้อได้หลายวัน  เวลาจะทำเครื่องดื่ม  ก็นำหัวเชื้อน้ำกระชายมาเจือจางในน้ำ  แล้วจะเติมน้ำดอกอัญชัญก็ได้  หรือเติมน้ำผลไม้ปั่นอื่นๆ อีกหลายอย่างแล้วแต่จะดัดแปลง  ไม่มีอะไรตายตัว  ขอให้ทำให้อร่อยและกินได้

วิธีทำ...

                       •   นำกระชายมาล้างน้ำเกลือหลายๆ ครั้ง  ให้สะอาดประมาณ ๑ ขีด (ไม่ต้องปอกเปลือก)

                       •   หั่นกระชายเป็นแว่นเล็กๆ ใส่เครื่องปั่นแล้วเติมน้ำ ๓ แก้ว

                       •   ปั่นให้ละเอียดแล้วกรองเอาแต่น้ำ  ทิ้งกากไป (ห้ามกินกาก)

                       •   ใช้น้ำเป็นหัวเชื้อใส่ขวดเก็บในตู้เย็นได้หลายวัน

                       •   เวลาจะใช้ดื่มก็เทใส่แก้วแล้วเติมน้ำสะอาดให้เจือจาง

                       •   เติมน้ำผึ้ง  เกลือ  ปรับรสชาดตามใจชอบ


   
น้ำกระชายทำง่าย  ดีอย่างนี้  ต้องทดลองดื่มชงกับน้ำผึ้ง เป็นประจำแล้วครับ ที่รัก


แต่ก่อนแม่ยายผมจะปั่นน้ำกระชายให้ทานประจำ
โดยผสมน้ำผึ้งและมะนาวด้วยครับ

น้าสาวแฟนผมอายุประมาณ 70 ปีแล้ว ทำทานประจำ ผมยังดกดำเหมือนสาวๆ เลยครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3115 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 20:53:38 »

สวัสดีครับ ท่านขุน

                       สบายดีนะครับ  และขอบคุณมากที่มีข้อมูลมาสนับสนุนเรื่องสรรพคุณน้ำกระชายปั่นครับ  พี่สิงห์กำลังหาอุปกรณ์มาปั่นครับ

                       ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3116 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 23:30:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 20:32:04
ชาวนาสิงห์บุรีหมดตัวอีกแล้วเพราะนาล่ม?

                      เมื่อปีที่แล้วญาติๆ รอบวัดปากแรด มาขอร้องให้ไปช่วยทอดกฐิน เพราะชาวบ้านไม่อยู่ในฐานะที่จะทอดได้เนื่องจากนาข้าวล้ม

                       เมื่อบ่ายที่ผ่านมาหลานโทรศัพท์มาบอกว่าเมื่อคืนตอนตีสามน้ำมาอย่างแรง ท้วมครัว ถ้วย จาน ลอยน้ำเลย แสดงว่าน้ำท้วมสูงกว่าหัวผมไปอีกหนึ่งศอกคงจะประมาณ ๒ เมตร และน้ำยังขึ้นอยู่ และบอกว่าไม่ต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวแล้วเพราะถนนบางช่วงขาดรถเก๋งไม่สามารถไปได้ ต้องใช้รถเมย์ใหญ่ไป  ดีที่หมอวิทิตคาดการไว้แล้ว จึงจ่ายยาหัวใจ  หลอดเลือดให้ผมเอาไปให้พี่สาวสามารถกินได้สองเดือน และผมได้ให้เงินเอาไว้ใช้เพราะกลัวน้ำท้วมก็เป็นจริงดังคาด ถนนที่รถวิ่งได้คือสายเอเซียเท่านั้น แต่ก็ข้ามไปอีกฝั่งทางบ้านผมไม่ได้ ต้องใช้เรืออย่างเดียว
 
                       ขณะนี้ทางกรมชลระดมรถขุด ขุดดินข้างถนนมาถมบนถนนให้สูงขึ้นไปอีก ๑.๕ เมตรเพื่อกั้นน้ำไม่ให้ล้นข้ามถนนท้วมทุ่งนาที่นาข้าวกำลังท้องแก่ใกล้จะเกี่ยวได้แล้ว  ตอนนี้ชาวบ้านพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้น้ำข้ามถนน แต่ที่สรรพยาน้ำข้ามถนนเข้าทุ่งไปแล้วอ่างทองก็ข้ามถนนไปแล้ว เท่าที่ดูคงเอาไม่ไหว เพราะน้ำปีนี้มากจริงๆ ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้กรมชลประทานจะต้องปล่อยน้ำท้วมทุ่งนาข้าวแน่นอนทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา ไม่งั้นกรุงเทพฯจมน้ำแน่นอนปีนี้

                       ดังนั้นปีนี้ชาวนาสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากชัยนาท สิงห์บุรี  อ่างทอง อยุธยา สุพรรณบุรี  ลพบุรี  รับรองได้หมดตัวแน่นอนเพราะต้องเอาที่นารับน้ำแทนคนกรุงเทพฯ  นี่คือความคิดของกรมชลประทาน ที่บริหารจัดการน้ำไม่ดีพอ   ปีนี้อาจจะเป็นสถิติสูงสุดที่น้ำมาก  ถ้าไม่ปล่อยลงนาข้าวภาคกลาง  ถึงไม่ปล่อยถนนก็เอาไม่ไหว   น้ำข้ามถนนแน่ๆ ครับระวัง  เพราบางช่วงน้ำซึมผ่านไปแล้ว ครับ และชาวบ้านที่น้ำท้วมอยู่ก็อยากให้ถนนพัง ระดับน้ำจะได้ลดลง เพราไหลท้วมนา แต่ชาวนามีแต่น้ำตาเท่านั้นเพราะหมดตัว

                        ราตรีสวัสดิ์


กรมชลประทานหวงน้ำ กลัวถูกด่าเรื่องน้ำแล้ง จึงมักไม่ยอมระบายน้ำทิ้ง จนเกิดเหตุก็แอบระบายออกแม่น้ำสาขา เช่น แม่น้ำสุพรรณบุรี ส่งน้ำไปท่วมจังหวัดสุพรรณบุรี(ทั้งที่ไม่มีฝนตกและไม่มีวี่แววใดๆ) นครปฐม และสมุทรสาครเป็นจังหวัดสุดท้าย ดังเช่นปีที่ผ่านมา ก็ทำแบบนี้

น้ำก้อนใหญ่มาจากตาก และกำแพงเพชรแล้วครับ ต่อจากนั้น จังหวัดปลายน้ำก็ต้องรับเคราะห์กันเป็นลูกระนาด


นครสวรรค์เตือน ปชช.ริมฝั่งน้ำปิงรับมือมวลน้ำใหญ่
13 กันยายน 2554 17:24 น.

       นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการ จ.นครสวรรค์ ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ 2 ริมฝั่งแม่น้ำปิง ประกอบด้วย อ.บรรพตพิสัย อ.เก้าเลี้ยว และ อ.เมืองนครสวรรค์ ให้เตรียมขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง เนื่องจากมวลน้ำขนาดใหญ่จากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ จ.ตาก และกำแพงเพชร จะไหลถึงจังหวัดช่วงเที่ยงคืนวันนี้ ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงเอ่อท่วมบ้านเรือน 2 ฝั่งได้ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือเพื่อความปลอดภัย


จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000116492
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3117 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 23:34:22 »

ชลประทานได้ประกาศมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วครับว่า ให้ชาวนาฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา เร่งเก็บเกี่ยวข้าวให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ เพราะเชื่อว่า อั้นไม่อยู่แล้ว และวันนี้คือวันที่ 13 ต่อ 14 กันยายน เชื่อว่า ชลประทานจะปล่อยน้ำลงทุ่งฝั่งขวา ส่งผลให้ระดับน้ำที่ท่วมมีระดับลดลงเล็กน้อย เพราะน้ำจะบ่าไปท่วมทุ่งฝั่งขวาจนเต็ม จากนั้นน้ำเหนือทั้งจากกำแพงเพชร และตาก จากสายแม่น้ำปิงและวัง จะบวกกับน้ำยมที่ถล่มอำเภอน้ำปาด อุตรดิตถ์ จะตามมาซ้ำเติมชาวบ้านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอีกละลอก
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3118 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 23:35:33 »

ตามมาด้วยข่าวไม่ดีที่มารอแล้ว ?? !!

อุตุฯเตือนภาคเหนือรับมือพายุหมุนเขตร้อนอีกลูก ปลายเดือนนี้
วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 20:00 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร

13 ก.ย. )นางศันทนีย์ ไชยเชียงพิณ ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้คาดว่าภาคเหนือตอนบน จะได้รับผกระทบจากพายุหมุนเขตร้อนอีก 1 ลูก จากนั้นจะส่งผลกระทบไปยังภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน โดยฝนทางภาคเหนือจะหมดประมาณกลางเดือนตุลาคม 2554  ส่วนสภาพอากาศในภาคเหนือระยะนี้ถึงวันที่ 17 กันยายน 2554 ร่องมรสุมกำลังแรงยังพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้มีฝนตกชุกหนาแน่น ขอให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ลาดเชิงเขา ที่ลุ่มริมน้ำ ระมัดระวังอันตรายจากภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
"ปริมาณน้ำฝนในภาคเหนือและเชียงใหม่ช่วงนี้คิดเป็นร้อยละ 93 ของทั้งปี เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในระยะเดียวกันร้อยละ 70-80 ของทั้งปี ทั้งนี้เนื่องจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานินญ่า ทำให้มีฝนตกจำนวนมาก  และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงปีหน้า"

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=83571:2011-09-13-13-06-16&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3119 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 23:38:46 »

เวียตนามก็อ่วมไม่แพ้ประเทศไทยหรอกครับ ??

น้ำท่วมหลายพื้นที่ในเวียตนาม
วันอังคารที่ 13 กันยายน 2011 เวลา 20:25 น. กอง บก.ออนไลน์

      เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติเวียดนามแจ้งว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คนในจังหวัดเหง่อัน และจังหวัดบินห์ถ่วน ขณะที่บ้านเรือนได้รับเสียหายเกือบ 1,700 หลัง และนาข้าวถูกน้ำท่วมราว 432,500 ไร่ ทั้งนี้เวียดนามเป็นประเทศที่มักเกิดพายุและน้ำท่วมทุกปี โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน.

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=83516:2011-09-13-07-27-10&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3120 เมื่อ: 14 กันยายน 2554, 08:27:01 »

ภาคเหนือ ภาคอิสาน ภาคกลางและภาคตะวันออก ยังมีฝนตกหนักกว่าภาคที่เหลือและกรุงเทพมหานคร เนื่องจากร่องมรสุมปกคลุมผ่านภาคเหนือ

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 14 กันยายน 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. 
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางพื้นที่

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ
 
                    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม สกลนคร และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง มีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 


      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #3121 เมื่อ: 14 กันยายน 2554, 08:45:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 20:13:36
สวัสดีค่ะ คุณน้องทราย ที่รัก

                       เธอมีความรู้มากกว่าพี่สิงห์แยะ  มาปล่อยให้วิศวฯ อย่างพี่สิงห์นำสาระทางสุขภาพมาให้อ่านอยู่ได้ เธอควรที่จะนำเอามาเผยแพร่ครับ

 พี่สิงห์พุงไม่มีหรอกครับเดี๋ยวนี้ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ ๗๗ กิโลกรัม  สูง ๑๗๒ cm.  พี่ติ๋วบอกว่าผอมเกินไปแล้ว  แต่พี่สิงห์ตั้งใจว่าจะให้เหลือ ๗๕-๗๗ อยู่ช่วงนี้ละครับ

                        สวัสดีค่ะ


พี่สิงห์คะ
ใช้ดัชนีมวลกายในการกำกับ
น้ำหนักตัวค่ะ คำนวนจาก ...
ดัชนีมวลกาย คำนวนจาก น้ำหนักตัว (กก)
หารด้วย ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
ค่าปกติ 18.5-23.0 กก/ตร.ม.

พี่สิงห์มีส่วนสูง 172 ซม. น้ำหนัก 77 กก.
ค่าดัชนีมวลกายของพี่สิงห์ = (77)/[(1.72)(1.72)]
= 26 กก/ตร.ม แปลว่า ท้วมแล้วค่ะ

ผู้สูงอายุตั้งเป้าเอาแค่ค่าระหว่าง
20-23 กก/ตร.ม. ก็พอ
น้ำหนักที่ควรจะเป็นคือ 60-68 กก.
จึงจะได้หุ่นดีค่ะ
ทราย 16
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3122 เมื่อ: 14 กันยายน 2554, 13:02:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 14 กันยายน 2554, 08:45:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 20:13:36
สวัสดีค่ะ คุณน้องทราย ที่รัก

                       เธอมีความรู้มากกว่าพี่สิงห์แยะ  มาปล่อยให้วิศวฯ อย่างพี่สิงห์นำสาระทางสุขภาพมาให้อ่านอยู่ได้ เธอควรที่จะนำเอามาเผยแพร่ครับ

 พี่สิงห์พุงไม่มีหรอกครับเดี๋ยวนี้ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ ๗๗ กิโลกรัม  สูง ๑๗๒ cm.  พี่ติ๋วบอกว่าผอมเกินไปแล้ว  แต่พี่สิงห์ตั้งใจว่าจะให้เหลือ ๗๕-๗๗ อยู่ช่วงนี้ละครับ

                        สวัสดีค่ะ


พี่สิงห์คะ
ใช้ดัชนีมวลกายในการกำกับ
น้ำหนักตัวค่ะ คำนวนจาก ...
ดัชนีมวลกาย คำนวนจาก น้ำหนักตัว (กก)
หารด้วย ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
ค่าปกติ 18.5-23.0 กก/ตร.ม.

พี่สิงห์มีส่วนสูง 172 ซม. น้ำหนัก 77 กก.
ค่าดัชนีมวลกายของพี่สิงห์ = (77)/[(1.72)(1.72)]
= 26 กก/ตร.ม แปลว่า ท้วมแล้วค่ะ

ผู้สูงอายุตั้งเป้าเอาแค่ค่าระหว่าง
20-23 กก/ตร.ม. ก็พอ
น้ำหนักที่ควรจะเป็นคือ 60-68 กก.
จึงจะได้หุ่นดีค่ะ
ทราย 16

                 พี่สิงห์หูตาไม่ดี  มองเลข 6 เป็น 7 ครับ [ น้ำหนักที่แท้จริงคือ 66 - 67  กิโลกรัมครับ ตั้งใจเหลือ 65 - 66 กิโลกรัม แต่ตอนนี้พี่ติ๋วบอกว่าผอมไปแล้วครับ
                  สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3123 เมื่อ: 14 กันยายน 2554, 13:18:36 »

                       วันนี้ฟังข่าววิทยุ ประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออกที่วัดโฉมศรี  ตรงข้ามบ้านผม ประตูระบายน้ำได้พังลงแล้ว ผลคือ น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท้วมทุ่งตะวันออก ไหลทะลักเข้าอำเภอบ้านหมี่  อำเภอท่าวุ้งเรียบร้อยแล้วครับ  เพราะกรมชลประทานผิด ตรงที่ไปกักน้ำจำนวนมหาศาลไว้ในลำแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ค่อยๆระบายลงทุ่งหรือแม่น้ำสายลอง ผลคือ ทุกอย่างพังพินาศหมดแทนที่จะพังเป็นพื้นที่ๆ ไป เพราะไปกักน้ำเอาไว้ เขื่อกันดิน  คอสะพาน  ถนน แนวป้องกันก็เอาไม่อยู่หรอกครับ เวลาน้ำมันกระหน่ำลงมาเมื่อไปกั้นมันไว้ ด้วยแรงดันของน้ำและปริมาณที่มาก มันจึงทำลายถนน คอสะพาน เขื่อนกันดิน ประตูระบายน้ำพังเสียหายหมดคราวนี้ละหมดทุกสิ่งทุกอย่างเลย  เพราะปล่อยให้กรมชลประทานตัดสินใจฝ่ายเดียว  รัฐบาลไม่ได้ดูแลเลย  มัวแต่จะไปเขมร  หาทางให้ทักาษิณกลับบ้าน  ระวังให้ดี กรุงเทพฯ น้ำท้วมแน่ๆ ปีนี้ ถึงแม้จะปล่อยลงทุ่งแล้วก็เถอะ  ผมเชื่อว่าข้อมูลทางน้ำไม่ชัดเจน  แล้วจะตกม้าตาย ครับ

                         ฝั่งตะวันตกถนนหลังบ้านผมก็พังไปแล้วน้ำไหลทะลักท้วมทุ่งตะวันตกแล้ว  อนิจจา ชาวนาภาคกลางเหลือแต่ตัวทุกปีๆ ครับ
                    
                         ใครมีเส้นดี  ปีหน้าผมขออาสาเป็นกรรมการภาคประชาชน ขอมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของกรมชลประทานในการเปิด-ปิดน้ำเขื่อนเจ้าพระยาครับ เพราไม่งั้นชาวนาบ้านผมหมดตัวทุกปี  ขอบคุณมาก

                          ผมอยู่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางไปนครศรีธรรมราช ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #3124 เมื่อ: 14 กันยายน 2554, 13:56:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 14 กันยายน 2554, 13:02:31
อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 14 กันยายน 2554, 08:45:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 กันยายน 2554, 20:13:36
สวัสดีค่ะ คุณน้องทราย ที่รัก

                       เธอมีความรู้มากกว่าพี่สิงห์แยะ  มาปล่อยให้วิศวฯ อย่างพี่สิงห์นำสาระทางสุขภาพมาให้อ่านอยู่ได้ เธอควรที่จะนำเอามาเผยแพร่ครับ

 พี่สิงห์พุงไม่มีหรอกครับเดี๋ยวนี้ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ ๗๗ กิโลกรัม  สูง ๑๗๒ cm.  พี่ติ๋วบอกว่าผอมเกินไปแล้ว  แต่พี่สิงห์ตั้งใจว่าจะให้เหลือ ๗๕-๗๗ อยู่ช่วงนี้ละครับ

                        สวัสดีค่ะ


พี่สิงห์คะ
ใช้ดัชนีมวลกายในการกำกับ
น้ำหนักตัวค่ะ คำนวนจาก ...
ดัชนีมวลกาย คำนวนจาก น้ำหนักตัว (กก)
หารด้วย ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
ค่าปกติ 18.5-23.0 กก/ตร.ม.

พี่สิงห์มีส่วนสูง 172 ซม. น้ำหนัก 77 กก.
ค่าดัชนีมวลกายของพี่สิงห์ = (77)/[(1.72)(1.72)]
= 26 กก/ตร.ม แปลว่า ท้วมแล้วค่ะ

ผู้สูงอายุตั้งเป้าเอาแค่ค่าระหว่าง
20-23 กก/ตร.ม. ก็พอ
น้ำหนักที่ควรจะเป็นคือ 60-68 กก.
จึงจะได้หุ่นดีค่ะ
ทราย 16

                  พี่สิงห์หูตาไม่ดี  มองเลข 6 เป็น 7 ครับ [ น้ำหนักที่แท้จริงคือ 66 - 67  กิโลกรัมครับ ตั้งใจเหลือ 65 - 66 กิโลกรัม แต่ตอนนี้พี่ติ๋วบอกว่าผอมไปแล้วครับ
                  สวัสดีค่ะ

พี่สิงห์ค่ะ
น้ำหนักตัวอยู่ในช่วงที่เหมาะสมแล้ว
เอาแค่ให้กาย-ใจเฟริมก็พอค่ะ
ทราย16
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 123 124 [125] 126 127 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><