23 พฤศจิกายน 2567, 15:28:02
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 116 117 [118] 119 120 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3559741 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 43 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2925 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2554, 21:21:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 สิงหาคม 2554, 21:08:06

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

รูปนี้ เหมือนตอนพี่เป็น freshyปี 1คณะวิศวกรรม.
ขอแฮพคะ.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2926 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2554, 21:27:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 สิงหาคม 2554, 11:19:08
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                                               หลานไก่ฟ้าซ้อมเทนนิสไปถึงไหนแล้ว  ระวังกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มันจะไม่สวย  ต้องให้ว่ายน้ำมากๆ 

                        ถ้าทาง SIW พาพี่สิงห์ไปอิตาลี เราไปเจอกันไหม?  ราวๆ กลางเดือนพฤศจิกายน ต้นหน้าหนาวของยุโรป ครับ

                        สวัสดีค่ะ


พี่สิงห์,
ไก่ฟ้าตีเทนนิสกับพ่อ
ตีโด่งขึ้นฟ้า...
และไม่ยอมสวมหมวกกันแดด
เห็นงึมงำว่าดูตลกและไม่สวย
(แกอาย 2 เด็กหนุ่มวัย13-14ที่
มานั่งดูคะ!)
ส่วนว่ายน้ำ หนิงยังไม่มีโอกาส
fixเวลา เพราะอังคารที่มีเทนนิส
เป็นวันเดียวที่โรบินเลิกเที่ยง
จึงlock programmeไปว่ายน้ำไว้เลย
แต่แกชอบไปกะเพื่อนสาว2-3คนคะ
ยินว่าสนุกกว่า...ไปกะแม่.

ไปอิตาลีเหรอคะ?
โห,ไกลขนาดนั้น!
พี่สิงห์จะไปย่านไหนคะ?
Tuscany? or Rome?
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2927 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2554, 21:40:19 »

ฟิล์มสั้นนี้ถ่ายมาให้พี่ชมโดยเฉพาะ
ถ่ายเมื่อศุกร์ที่แล้ว ที่สระว่ายน้ำLeogang-Austria
เค้ามีสนามเทนนิสให้เช่า ชม.ละ 9 €
ความที่ไม่มีคนมาก เล่นกันชม.ครึ่งได้คะ
Bademeisterไม่เห็นว่า



<a href="http://img689.imageshack.us/flvplayer.swf?f=Pfv9c" target="_blank">http://img689.imageshack.us/flvplayer.swf?f=Pfv9c</a>
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2928 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 07:48:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 25 สิงหาคม 2554, 21:17:56
พี่สิงห์,
หนิงเชื่อว่าคุณJohnเพื่อนพี่รับรู้ได้แน่ๆ
ว่าการจากไปของเค้าไม่ได้จากถาวร
เค้ายังอยู่ในทุกกิจกรรมที่พี่และกลุ่มกระทำร่วมกัน.

การสูญเสียเพื่อนร่วมอุดมการณ์เป็นความเศร้าเหงา
ที่หนิงเชื่อว่าพี่จะผ่านข้ามความรู้สึกคิดถึงอาลัยหา
ไปได้เมื่อได้ปฏิบัติกิจกรรมต่อไปอย่างต่อเนื่อง..
เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณ Johnเพื่อนพี่คาดหวังจะให้เป็นแน่ๆ
หนิงแน่ใจ.



สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                      ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบเป็นทุกข์ กรณีของคุณ John พี่สิงห์กำหนดรู้ไม่ได้ทุกข์อะไรเลย เพราะคุณ John ก่อนเข้าห้องผ่าตัดนั้น ได้บอกลาทุกคนเอาไว้แล้วรวมทั้งญาติๆ โดยเฉพาะหลานสาวสองคนคือ แคตทารีนาและซูซาน่า และพินัยกรรม รวมทั้งการจัดงานศพกรณีตายจาก เพราะแกรู้ว่าต้องตาย ไม่ผ่าก็ตายภายในสามเดือน ผ่ามีโอกาสรอด 70% แกจึงขอเสี่ยงในเมื่อพอมีโอกาส  แต่แล้วโอกาสนั้นก้ไม่มีสำหรับคุณ John Skinner นี่แหละชีวิตคน มีเกิด  แก่  เจ็บ  ตาย จะต้องเกิดขึ้นหนีไม่พ้น จะเหลือเพียงความดีที่เคยกระทำ แต่ถึงกระนั้นผู้คนก็กล่าวถึงเพียงระยะสั้นๆในช่วงจากไป  แต่หลังจากนั้น ทุกคนจะลืมเลือนไป และหายไปในที่สุด นี่คือธรรมชาติ

                      ดังนั้น เมื่อมีชีวิตอยู่ จงทำหน้าที่ของเราทางครอบครัวให้ถึงพร้อมในทุกด้านที่ควรจะกระทำในฐานะผู้นำครอบครัวอันดับสอง (กรณีของเธอ) และถ้ามีเวลาควรหันมากระทำความเพียรทางจิต เพื่อแสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์อย่างถาวร ก่อนที่เราจะตายจากโลกนี้ไป

                      ขอบคุณและสวัสดีค่ะ

หมายเหตุ

                    เวลาถ่ายภาพการเล่นเทนนิส  ควรถ่ายด้านหลัง ครับ เห็นรีบ ต้องให้ ดร.สุริยาไปสอน จะได้ท่าที่สวยงามเวลาตีครับ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2929 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 08:15:43 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                 วันนี้ผมขอเสนอพุทธสาวก อรหันต์ที่เป็นเอตทัคคะในทางผู้สำรวมอินทรีย์ คือพระนันทเถระ มีเรื่องที่ควรทราบและนำไปปฏิบัติคือ เมื่อใดที่เราปล่อยใจให้ไปหลงอยู่กับอินทรีย์ทั้งหก คือตา-เห็นรูป หู-ได้ยินเสียง จมูก-ดมกลิ่น ลิ้น-ลิ้มรส กาย-สัมผัส ใจ-สัมผัส ย่อมนำทุกข์มาให้ แต่ถ้าผู้ใดมีจิตที่อยู่เหนืออินทรีย์ทั้งหกได้ จะนำสุขมาให้ครับ ขอให้ทุกท่านพิจารณาด้วยปัญญาครับ
              
                 พระสูตรที่กล่าวไว้คือ “ภิกษุทั้งหลายเมื่อก่อนนี้ อัตภาพของพระนันทะเปรียบเสมือนเรือนที่มุงหลังคาไม่ดี ฝนตกลงมาย่อมรั่วรดได้ แต่บัดนี้ เธอได้สำเร็จกิจแห่งบรรพชิตแล้ว จึงเปรียบเสมือนเรือนที่มุงหลังคาดีแล้ว ฝนตกลงมาย่อมไม่อาจรั่วรดได้ฉันใด จิตที่บุคคลเจริญสมาธิภาวนาดีแล้ว กิเลสราคะทั้งหลายย่อมย่ำยีไม่ได้ ฉันนั้น”

                 สวัสดี


รู้พุทธสาวก อรหันต์เอตทัคคะลำดับที่ ๗

พระนันทเถระ

เอตทัคคะในทางผู้สำรวมอินทรีย์

                  พระนันทศากยะ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กับ พระนางมหาปชาบดีโคตรมี พระน้านาง เป็นพุทธอนุชาร่วมพระบิดาเดียวกัน เมื่ออยู่ในครรภ์พระมารดา บรรดาพระประยูรณาติปรารถนาจะได้เห็น ต่างก็มีความปีติยินดีร่างเริงบันเทิงใจ เมื่อประสูติออกมาจึงขนานนามว่า “นันทกุมาร”
                  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกบรรพชา บำเพ็ญเพียร ได้ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณแล้วเสด็จโปรดพระประยูรญาติ ณ พระนครกบิลพัสดุ์ และในวันที่ ๔ แห่งการเสด็จโปรดพระประยูรณาตินั้น พระบรมศาสดาทรงรับอาราธนาเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตในนิวาสสถานแห่งนันทกุมาร เนื่องในการอาวาหมงคลอภิเษกสมรส ระหว่างนันกุมารกับนางชนปทกัลยาณี


อุ้มบาตรตามเสด็จ

                    ครั้งเสร็จภัตกิจแล้ว พระพุทธองค์ประทานบาตรส่งให้นันทกุมารถือไว้ตรัสมงคลกถาแก่พระประยูรญาติในสมาคมนั้นโดยสมควรแล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ เสด็จลงจากอาสสนะโดยมิได้รับบาตรคืนจากนันทกุมาร ส่วนนันทะเองก็ไม่กล้ากราบทูลเตือนให้ทรงรับบาตรคืน ด้วยความเคารพในพระเชษฐาเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่ถือบาตรตามเสด็จลงมาโดยมิได้ตรัสอะไร ได้แต่นึกอยู่ในใจว่าพระองค์คงจะรับบาตรคืนเมื่อถึงพื้นล่าง เมื่อพระองค์ไม่ทรงรับบาตร จึงดำริต่อไปว่าเมื่อเสร็จถึงประตูพระราชวังก็คงจะทรงรับ ครั้นเห็นว่าไม่ทรงรับก็ถือบาตรตามเสด็จไปเรื่อย แล้วก็ดำริอยู่ในใจว่า ถึงตรงนั้นก็คงจะทรงรับ ถึงตรงนี้ก็คงจะทรงรับ แต่พระพุทธองค์ก็มิทรงรับบาตรคืนเลย
                    ส่วนนางชนปทกัลยาณี เมื่อได้ทราบจากนางสนมว่า พระผู้มีพระภาค ทรงพานัทกุมารไปด้วยก็ตกพระทัย รีบเสด็จตามไปโดยเร็วแล้วร้องทูลสั่งว่า:- “ข้าแต่พระลูกเจ้า ขอพระองค์รีบเสด็จกลับโดยด่วน”

จำใจบวช

                     นันทราชกุมาร ได้สดับเสียงของนางแล้วประหนึ่งว่า เสียงนั้นเข้าไปขวางอยู่ในหฤทัย ให้รู้สึกปั่นป่วนอยากจะหวนกลับ แต่ก็กลับไม่ได้ ด้วยมีความเคารพในพระบรมศาสดาเป็นอย่างมาก ต้องทนฝืนพระทัยถือบาตรตามเสด็จจนถึงนิโครธาราม เมื่อเสด็จถึงพระคันธกุฏี พระผู้มีพระภาค ทรงรับบาตรคืนแล้วตรัสแก่นันทกุมารว่า “นันทะ เธอจงบรรพชาเถิด”
                     สำหรับนันทกุมารนั้น เรื่องการบวชไม่มีอยู่ในความคิดเลยแม้สักนิดหนึ่ง ภายในดวงจิตคิดคำนึงถึงแต่ถ้อยคำและพระพักตร์ของนางชนปทกัลยาณีที่มาร้องสั่งเตือนให้รีบเสด็จกลับ แต่เพราะความเคารพยำเกรงในพระเชษฐาเป็นยิ่งนักไม่สามารถจะขัดพระบัญชาได้ จึงจำใจรับพระพุทธฏีกา บวชในวันนั้น
                     พระนันทะ นับตั้งแต่บวชแล้ว ในดวงจิตคิดคำนึงถึงแต่นางชนปทกัลยาณีเจ้าสาวของตนที่เพิ่งจะแต่งงานกัน แล้วก็ต้องจำพรากจากกันด้วยความเคารพในพระศาสดา ไม่มีแก่ใจที่จะประพฤติพรตพรหมจรรย์ มีแต่ความกระสันที่จะลาสิกขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรก็ได้แต่เล่าความในใจนั้นให้เพื่อสหธรรมมิด้วยกันฟัง

เปรียบอดีตเจ้าสาวเหมือนลิงแก่

                       พระบรมศาสดา ทรงทราบความจึงทรงพาพระนันทะเที่ยวจาริกไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้พระนันทะได้เห็นสตรีที่มีรูปร่างต่าง ๆ กัน ตั้งต้นแต่ให้เห็นสิ่งที่อัปลักษณ์ที่สุด โดยให้ได้เห็นนางลิงแก่ที่หูแหว่ง จมูกโหว่ และหางขาด นั่งอยู่บนตอไม้ที่ไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก จนกระทั่งให้ได้เห็นนางเทพอัปสรบนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ที่สวยโสภายิ่งนักจนหาที่สุดมิได้ ทำให้เกิดความกระสันอยากได้นางเทพอัปสรหล่านั้นมาเป็นคู่ครอง พระบรมศาสดาทรงทราบวาระจิตของท่าน จึงตรัสถามว่า “นันทะ เธอมีความเห็นอย่างไรระหว่างนางเทพอัปสร เหล่านี้ กับนางชนปทกัลยาณี เจ้าสาวของเธอ ?” “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นว่า นางชนปทกัลยาณีนั้นเปรียบเสมือนนางลิงแก่ที่นั่งอยู่บนตอไม้ จะนำมาเปรียบเทียบกับนางเทพอัปสรเหล่านี้มิได้เลย พระเจ้าข้า”
                       พระบรมศาสดา ทรงรับรองว่า ถ้าเธอตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์แล้ว เธอก็จะได้นางเทพอัปสรเหล่านั้นตามต้องการ ตั้งแต่นั้นมาพระนันทะได้ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อหวังจะได้นางเทพอัปสรตามที่พระบรมศาสดา ทรงรับรองไว้ เพื่อนภิกษุทั้งหลายทราบความแล้ว ต่างก็พากันพูดจาเยาะเย้ยว่า “พระนันทะ บวชเพราะรับจ้างบ้าง พระนันทะ ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อหวังจะได้นางเทพอัปสรบ้าง” จนทำให้พระนันทะเกิดความละอายใจไม่กล้าเข้าสมาคมกับเพื่อนพระภิกษุด้วยกันและเกิดความคิดขึ้นว่า
                     :-“ความรักไม่มีที่สิ้นสุด ความรักทำให้เกิดความทุกข์ และความเศร้าโศกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุด” “อนึ่ง สตรีที่มีความงามก็ไม่มีที่สิ้นสุด คนใหม่ย่อมดูงามกว่าคนเก่า คนนั้นก็ดูสวยดีแต่คนนี้ก็งามกว่า จึงเป็นสิ่งที่หาที่สุดมิได้”
                     ท่านจึงตัดสินใจปลีกตัวออกจากหมู่ภิกษุตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์อุตสาหะเจริญสมาธิกรรมฐาน ตั้งจิตไว้โดยไม่ประมาท ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรอัตผล เป็นพระขีณาสพในพระพุทธศาสนา
                     จากนั้นท่านได้กลับมากราบทูลพระบรมศาสดาให้ทรงทราบว่า:- “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กิจอันใดที่พระองค์ทรงพระมหากรุณาจะช่วยสงเคราะห์ให้ได้นางฟ้านั้น กิจอันนั้นข้าพระองค์เปลื้องปลดจนหมดสิ้นสมประสงค์แล้ว พระเจ้าข้า”
                     พระบรมศาสดา ตรัสอนุโมทนาและตรัสธรรมกถาว่า:- “อันเปือกตมคือกามคุณ และเสี้ยนหนามคือกองกิเลส อันบุคคลใดกำจัดทำลายได้แล้ว บุคคลนั้นชื่อว่ามีใจไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ทั้งปวง
                     อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนภิกษุถามท่านว่า “เมื่อก่อนนี้ท่านพูดว่ามีจิตปรารถนาจะสึก มาบัดนี้ ท่านยังปรารถนาอย่างนั้นอยู่หรือไม่ ?" ท่านตอบว่า “ไม่มีความปรารถนาอย่านั้นอยู่อีกแล้ว” ภิกษุทั้งหลายพากันติเตียนแล้ว ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า “พระนันทะพูดไม่เป็นความจริง พระเจ้าข้า”
                     พระบรมศาสดา ตรัสแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า:- “ภิกษุทั้งหลายเมื่อก่อนนี้ อัตภาพของพระนันทะเปรียบเสมือนเรือนที่มุงหลังคาไม่ดี ฝนตกลงมาย่อมรั่วรดได้ แต่บัดนี้ เธอได้สำเร็จกิจแห่งบรรพชิตแล้ว จึงเปรียบเสมือนเรือนที่มุงหลังคาดีแล้ว ฝนตกลงมาย่อมไม่อาจรั่วรดได้ฉันใด จิตที่บุคคลเจริญสมาธิภาวนาดีแล้ว กิเลสราคะทั้งหลายย่อมย่ำยีไม่ได้ ฉันนั้น”

ได้รับยกย่องในทางสำรวมอินทรีย์

                     พระนันทเถระ เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าท่านเป็นผู้สำรวมระวังอินทรีย์ ทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ มิให้ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจระวังไม่ให้กิเลสครอบงำใจในเวลารับรู้อารมณ์ทางอินทรีย์ทั้ง ๖ มิให้ตกอยู่ในอำนาจโลกธรรม ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ผู้สำรวมอินทรีย์
                     ท่านพระนันทเถระ ดำรงอายุสังขาร ช่วยกิจการพระพุทธศาสนาอยู่ พอสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2930 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 10:24:26 »

อุตุนิยมฯ เตือนแทบทุกภาคมีฝนตกเพิ่มขึ้น ภาคใต้ทั้งสองฝั่งจะมีฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

              รายงานพยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 26 ส.ค. ลักษณะสภาพอากาศโดยทั่วไปตั้งแต่เวลา 04.00 น.
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน  และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยเฉพาะบริเวณที่มี ฝนฟ้าคะนอง ชาวเรือควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะ 1-3 วันนี้

                           สภาวะอากาศทั่วประเทศตั้งแต่06.00น.วันนี้ถึง06.00น.วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่ง  บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง กำแพงเพชร ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี นครราชสีมา และขอนแก่น อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดชลบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2931 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 11:06:07 »


                       ดร.สุริยา  สมมติ ถ้าผมตัดสินใจที่จะบวชแล้ว มีสิ่งที่ผมอยากกระทำ แต่คงไม่สามารถสั่งหรือกระทำได้ อยากช่วยสงเคราะห์ คนแก่ที่ไม่มีที่พักพิง เป็นโรคเรื้อรังช่วยตัวเองไม่ได้ เป็นภาระสังคม หรือคนแก่ที่ไม่มีผู้ดูแล ผมจะดูแลเองที่วัด สอนให้ปฏิบัติธรรม บิณบาตรหาอาหารมาดูแล หาหมอมาดูแล และหาคนดูแลให้ ขอเพียง ดร.สุริยา ช่วยสงเคราะห์สร้างที่อยู่อาศัย สถานที่ปฏิบัติธรรมและออกกำลังกาย ในวัดเป็นลานเอนกประสงค์ เพื่อให้คนในหมู่บ้านได้มากระทำกิจกรรม ปฏิบัติธรรม เรียนรู้เรื่องการกินให้ห่างไกลโรค และออกกำลังกาย ครับ

                        และถ้าผมบวช ผมได้บอกเพื่อนฝูงไว้แล้ว คือ คนที่ไม่มีลูกชาย ให้มาลงขันซื้อผ้าไตร บวชผมแทนก็ได้

                        ที่ต้องสั่งไว้เพราะถ้าเป็นพระแล้ว สั่งไม่ได้ ไม่สมควร ครับ

                       ดร.สุริยา วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม ผมไม่สามารถไปร่วมงานได้ทั้งงานตีกอล์ฟกับ ๕ ผู้ว่าการ และงานตอนเย็นครับ กลับถึงกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง 17:30 น. จึงไม่สะดวกครับ บอก ดร.นิพนธ์  และท่านผู้ว่าให้ด้วย

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2932 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 16:40:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 สิงหาคม 2554, 11:06:07

                       ดร.สุริยา  สมมติ ถ้าผมตัดสินใจที่จะบวชแล้ว มีสิ่งที่ผมอยากกระทำ แต่คงไม่สามารถสั่งหรือกระทำได้ อยากช่วยสงเคราะห์ คนแก่ที่ไม่มีที่พักพิง เป็นโรคเรื้อรังช่วยตัวเองไม่ได้ เป็นภาระสังคม หรือคนแก่ที่ไม่มีผู้ดูแล ผมจะดูแลเองที่วัด สอนให้ปฏิบัติธรรม บิณบาตรหาอาหารมาดูแล หาหมอมาดูแล และหาคนดูแลให้ ขอเพียง ดร.สุริยา ช่วยสงเคราะห์สร้างที่อยู่อาศัย สถานที่ปฏิบัติธรรมและออกกำลังกาย ในวัดเป็นลานเอนกประสงค์ เพื่อให้คนในหมู่บ้านได้มากระทำกิจกรรม ปฏิบัติธรรม เรียนรู้เรื่องการกินให้ห่างไกลโรค และออกกำลังกาย ครับ

                        และถ้าผมบวช ผมได้บอกเพื่อนฝูงไว้แล้ว คือ คนที่ไม่มีลูกชาย ให้มาลงขันซื้อผ้าไตร บวชผมแทนก็ได้

                        ที่ต้องสั่งไว้เพราะถ้าเป็นพระแล้ว สั่งไม่ได้ ไม่สมควร ครับ

                       ดร.สุริยา วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม ผมไม่สามารถไปร่วมงานได้ทั้งงานตีกอล์ฟกับ ๕ ผู้ว่าการ และงานตอนเย็นครับ กลับถึงกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง 17:30 น. จึงไม่สะดวกครับ บอก ดร.นิพนธ์  และท่านผู้ว่าให้ด้วย

                        สวัสดี

ถึงผมมีลูกชาย 2 คน ผมก้อขออนุโมทนาและลงขันด้วย เว้นแต่เวลาผมหมดก่อน
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2933 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 19:52:25 »

สวัสดีครับ ป๋าทู

                       อย่าไปคิดว่าเวลาหมด  ยังมีอีกมากหลาย  ต้องอยู่เพื่อดูความสำเร็จของลูกๆ นี่คือกำลังใจอย่างดี ที่จะเอาชนะใจตนเอง ที่จะต้องตัดความอยากบางอย่างที่ร่างกายเราไม่ต้องการ อนาคตของลูกคือสิ่งที่เราควรจะมีเวลารอคอยให้ถึงครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #2934 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 20:19:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 สิงหาคม 2554, 11:06:07

                        ดร.สุริยา  สมมติ ถ้าผมตัดสินใจที่จะบวชแล้ว มีสิ่งที่ผมอยากกระทำ แต่คงไม่สามารถสั่งหรือกระทำได้ อยากช่วยสงเคราะห์ คนแก่ที่ไม่มีที่พักพิง เป็นโรคเรื้อรังช่วยตัวเองไม่ได้ เป็นภาระสังคม หรือคนแก่ที่ไม่มีผู้ดูแล ผมจะดูแลเองที่วัด สอนให้ปฏิบัติธรรม บิณบาตรหาอาหารมาดูแล หาหมอมาดูแล และหาคนดูแลให้ ขอเพียง ดร.สุริยา ช่วยสงเคราะห์สร้างที่อยู่อาศัย สถานที่ปฏิบัติธรรมและออกกำลังกาย ในวัดเป็นลานเอนกประสงค์ เพื่อให้คนในหมู่บ้านได้มากระทำกิจกรรม ปฏิบัติธรรม เรียนรู้เรื่องการกินให้ห่างไกลโรค และออกกำลังกาย ครับ

                        และถ้าผมบวช ผมได้บอกเพื่อนฝูงไว้แล้ว คือ คนที่ไม่มีลูกชาย ให้มาลงขันซื้อผ้าไตร บวชผมแทนก็ได้

                        ที่ต้องสั่งไว้เพราะถ้าเป็นพระแล้ว สั่งไม่ได้ ไม่สมควร ครับ

                        ดร.สุริยา วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม ผมไม่สามารถไปร่วมงานได้ทั้งงานตีกอล์ฟกับ ๕ ผู้ว่าการ และงานตอนเย็นครับ กลับถึงกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง 17:30 น. จึงไม่สะดวกครับ บอก ดร.นิพนธ์  และท่านผู้ว่าให้ด้วย

                        สวัสดี

เรื่องกอล์ฟ โทร.บอก ดร.นิพนธ์ ไปแล้วครับ
ส่วนเรื่อง สถานปฏิบัติธรรม ไม่ยากเลยครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2935 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2554, 23:02:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 สิงหาคม 2554, 21:05:24
สวัสดีครับ คุณเหยง

              ขอบคุณมาก ๆ สำหรับข้อมูล

              บ้านพี่สาวที่อำเภออินทร์บุรีน้ำถึงบรรไดแล้ว ส่วนที่สิงห์บุรี ยังเหลือตลิ่งอีกหนึ่งเมตร ครับ

              ราตรีสวัสดิ์

พี่สิงห์

วันนี้ผมไปสำรวจระดับน้ำเมื่อเย็นที่ผ่านมา นครสวรรค์ยังปลอดภัย
เพราะระดับน้ำยังต่ำกว่าระดับที่เคยท่วมอีกเมตรเศษๆ
แต่ระดับน้ำสูงเท่าปีที่แล้ว ดังนั้นในเมืองสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ท่าจะแย่ครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2936 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 00:38:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 สิงหาคม 2554, 07:48:55
สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                    
                      ดังนั้น เมื่อมีชีวิตอยู่ จงทำหน้าที่ของเราทางครอบครัวให้ถึงพร้อมในทุกด้านที่ควรจะกระทำในฐานะผู้นำครอบครัวอันดับสอง (กรณีของเธอ) และถ้ามีเวลาควรหันมากระทำความเพียรทางจิต เพื่อแสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์อย่างถาวร ก่อนที่เราจะตายจากโลกนี้ไป

                      ขอบคุณและสวัสดีค่ะ



พี่สิงห์ขรา,
พี่ชวนอะไรหนิงน่ะ?
หนิงมีทุกข์ซะที่ไหนกัลลล?
แค่ปวดเหงือกนิดหน่อยเองคะ!

พ้นทุกข์ถาวร...เพื่อ?
เพื่อสุขไช่มั้ยคะ?
แล้วหนิงไม่ได้สุขอยู่แล้วเหรอคะเนี่ย?


ดูมัน!
ย้อนพี่เค้า.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2937 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 05:52:34 »

อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                  ความสุขที่แท้จริงนั้น "เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็แต่สักแต่ได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส กายสัมผัสก็สักแต่ว่าสัมผัส ใจนึกคิดก็แต่ว่านึกคิด มีจิตอยู่เหนือความสุข  ความทุกข์ ความไม่สุข และความไม่ทุกข์" นี่ซิจึงเป็นความสุขที่แท้จริง อยู่กับสูญญตา คือจิตที่ว่างเปล่าจากการปรุงแต่งหรือคิด

                  แต่ขณะนี้เธอบอกว่า เธอไม่ทุกข์ มีแต่ความสุข  แท้จริงตือสุขทางโลกุตร ไม่ใช้ความสุขทางธรรม ที่เป็นความสุขอย่างถาวร ครับ

                  แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีครับ ที่มีความสุขในครอบครัว

                  สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2938 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 08:15:14 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              เช้านี้อากาศที่นครศรีธรรมราช ท้องฟ้ามีเมฆมาก ไม่เห็นพระอาทิตย์ เมื่อคืนฝนตก ทำให้ชั้นสามดาดฟ้าเอนกประสงค์ที่ผมใช้ในการออกกำลังกายแฉะนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรค เพียงแต่ต้องมีสติมั่นในการก้าวทีละก้าว ระวังรื่นล้มครับ ลมเย็นสบายดีครับ

              เช้านี้ผมมีเรื่องบอกกล่าวสองเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมครับ

              เรื่องแรก เป็นเรื่องที่ผมพบประจำทุกครั้งที่ขึ้นลีฟที่นครศรีธรรมราช คือ ส่วนใหญ่คนไม่รู้ว่าลีฟจะลงหรือขึ้น ทั้งๆที่เขามีไฟฟ้าไว้ให้ดูที่หน้าลีฟ แต่นิสัยคนไทยขาดความสังเกตครับ ไฟเขียวอยู่ด้านบนแสดงว่าลีฟขึ้น ไฟแดงอยู่ล่างไฟเขียวแสดงว่าลีฟลง เพียงแค่นี้ เวลาผู้โดยสารลีฟถาม ผมก็จะอธิบายอย่างนี้ทุกครั้ง และเขาก็เขินครับเพราะอายขาดความสังเกตเพราะ "ไม่รู้ คือตัว อวิชชา"
              และเวลาเข้าไปอยู่ในลีฟแล้วก็จะกดสวิสปิดทุกครั้ง สำหรับผมเวลาเข้าลีฟแล้วผมจะอยู่เฉยๆ ให้ลีฟปิดเองเพราะลีฟเขาตั้งอัตโนมัติไว้เปิด-ปิดเอง ครับ ถ้ามีผู้โดยสารอยู่ด้วยเขาก็จะเอื้อมมือมาปิดแทนผม เพราะกลัวว่าผมลืม ไม่รู้วิธี ผมจะพูดทันทีว่าประตูปิดอัตโนมัติครับ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งแล้วเขาก็จะชะงักและเขินอาย  แต่น้อยคนนักที่จะพูดตอบ แต่วันนี้มีท่านหนึ่งพูดทันทีภายหลังที่ผมพุดจบ เขาบอกว่าผมใจร้อนครับ ผมก็บอกว่า คนไทยนิสัยเป็นอย่างนี้ใจร้อนทุกครั้งที่ขึ้นลีฟ ดังนั้นจึงต้องฝึกจิต ไม่กดสวิสปิดลีฟเมื่อขึ้นลีฟ ปล่อยให้ลีฟทำงานเองอัตโนมัติ ครับ

               เรื่องที่สอง เป็นเรื่องการเบื่อหน่าย ไม่อยากปฏิบัติธรรม เพราะจิตมันไม่อยากหลุดพ้น จึงทำให้เราขี้เกียจโดยยกเหตุผลต่างๆ นาๆ มาสนับสนุนไม่ให้เราปฏิบัติธรรม
               ผมก็คิดเรามีข้อธรรมะอะไรบ้างที่จะมาเอาชนะจิตตนเองที่ต้องปฏิบัติธรรม ลองพิจารณาดูนะครับ

               สวัสดี


รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส
ตอน
ข้อธรรมะสำหรับนักปฏิบัติธรรม

               ข้อธรรมะที่นักปฏิบัติธรรมต้องควรคำนึงถึง เพื่อเป็นตัวช่วยในการปฏิบัติธรรมนั้น ประกอบไปด้วย

                ๑. ต้องอย่างน้อยรักษาศีล ๕ ไว้ให้มั่น เพื่อเราจะสามารถอยู่ในสังคมได้ คือ ละเว้นจากการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์หรือขโมงของผู้อื่นที่เขาไม่ให้ ละเว้นจากการพูดเท็จ ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และละเว้นจากการดื่มน้ำเมา สุรา ยาเสพติด ของมึนเมา และสิ่งกดทับเส้นปราสาท(ชา กาแฟ) หรือถ้าถือศีลแปด ได้ยิ่งดีเป็นการฝึกเวทนาในเบื้องตันและไม่ยุ่งอยากในเรื่องอาหารและที่อยู่อาศัยหลับนอน
                ๒. ต้องมีหัวใจนักปราชญ์ คือ ฟัง  คิด  จดบันทึกความจำในสิ่งที่ได้ฟัง คิด และสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะปฏิบัติธรรมทั้งกาย-จิต
                ๓. ต้องมีหัวใจนักรบ คือเมื่อเข้าสนามรบแล้ว ต้องรบโดยสุดกำลังความสามารถที่มีอยู่ ไม่หวังผลชนะหรือแพ้ การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วต้องทำให้ได้ไปตามนั้น ไม่หวังผลใดๆทั้งสิ้น ให้เป็นไปโดยธรรมชาติ ซึ่งจะรู้ได้เองด้วยตัวของเราเพราะการปฏิบัติธรรมเป็น "ปัจจัตตัง" ครับ
                ๔. ต้องมีหัวใจนักบุญ หรือพรหมวิหาร ๔ ต้องมีจิตให้อภัย คือมีจิตเมตตา กรุณา  มุทิตา และอุเบกขา
                ๕. ต้องยึดหลัก "ธรรมแห่งการตรัสรู้" คือ ต้องมีศรัทธา (เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเรากระทำนั้น) มีความเพียร(มานะ-อดทน) และใช้ปัญญา
                ๖. ต้องยึดหลัก โพชฌงค์ ๗ คือ สติ ธัมวิจยะ วิริยา ปีติ  ปัตสัตธิ สมาธิ และอุเบกขา ขณะปฏิบัติธรรม

                 ผมเองต้องทบทวนอยู่เสมอเพราะ ปฏิบัติธรรมไป บางครั้งมันเบื่อ จริงๆ จึองต้องทบทวนตัวเองเพื่อเอาชนะจิตในแต่ละวัน เพราะจิตมันไม่อยากหลุดพ้น ยังอยากที่จะอยู่ในสุขทางโลกที่เคยได้รับ จิตมันยังอยากในกามสุขที่เกิดจากการเห็น การได้ยิน การได้ดมกลิ่น การได้ลิ้มรส การได้สัมผัสทางกาย และการคิดนึกทางใจ ที่เราเคยได้รับมาก่อนในอดีต เป็นตัวยั่วยวน ปฏิบัติธรรมไปทำไม? ไม่เห็นได้อะไรเลย เสียเวลาไปเปล่าๆ และสารพัดเหตุผลที่จิตมันยกมาเป็นข้ออ้าง เพื่อให้ละจากการปฏิบัติธรรม
                  ดังนั้นจึงต้องทบทวนข้อธรรมะเหล่านี้อยู่เสมอ จะสามารถเอาชนะความเบื่อหน่ายได้ เพราะข้อธรรมะเหล่านี้เมื่อปฏิบัติแล้วมีแต่ผลดีทั้งนั้น จิตมันยอมรับได้ด้วย "ปัญญา" เองครับ
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2939 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 12:29:34 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=PHcpg_uwR9I" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PHcpg_uwR9I</a>
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2940 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 14:50:28 »



สวัสดีครับ ป๋าทู

                     "ความรักของแม่ไม่มีที่สิ้นสุด"  จริงแท้แน่นอนครับ

                      ป๋าทู กำลังจะบอกอะไรกับผมครับ?

                      สมัยที่ผมบวช ผมบวชธรรมยุธ เนื่องจากว่ายายได้สั่งแม่ไว้ว่าให้หลานชายคนโตคือพี่มรกต มาบวชที่วัดโบสถ์ เพราะบ้านยายอยู่เกาะข้างวัด และยายก็เผาที่วัดโบสถ์ แต่พี่มรกตไม่ได้บวช (ยายฝากแหวนไว้ให้) พี่หมอก็ไม่ได้บวช ผมจึงต้องมาบวชที่วัดโบสถ์แทน  ตอนผมบวชพ่อผมต้องเดินจากบ้าน ประมาณ ๑ กิโลเมตร มาใส่บาตรให้ผมทุกเช้าที่หน้าโรงพยาบาลอินทร์บุรีทุกวันครับ และก่อนสึก ผมก็ได้ไปโปรดแม่-พ่อ ที่บ้านด้วยครับ
                      ตอนผมบวชนั้น ทำแบบง่ายๆ คือท่านเจ้าคุณบอกว่าท่องขันนาคได้หมดก็บวชวันนั้น ผมขอเวลาสามวันก็ท่องได้หมด จำได้ว่าบวชตอนเย็น ไม่มีพิธีทำขวัญ เพราะท่านเจ้าคุณ-พ่อบอก มีความรู้แล้วไม่ต้องสอนกันอีก แม่บอกแต่ญาติๆ แต่ทุกคนทราบก็มาช่วยงาน เอาเครื่องไปมาช่วย มาช่วยกันทำกับข้าว บ่ายผมไปกราบหญ้ารอดที่ตาบอดมาตั้งแต่สาวเป็นน้องสาวปู่ กลับมาบ้านก็โกนหัวแห่ไปวัด ไม่มีกลองยาว บวชตอนสามโมงเย็น  รุ่งเช้าก็ไปฉลองทำบุญที่บ้านแทน สาเหตุเพราะท่านเจ้าคุณท่านเคร่ง และท่านก็สนิทกับทางบ้านผม ท่านจึงให้ทำแบบง่ายๆ ครับ
                      รูปนี้พี่มรกตไปถ่าย ตอนที่ก่อนจะสึกมาเรียนต่อปีสาม วิศวฯ คือพออายุครบ ๒๐ ปี ปิดเทอมพอดีจึงตัดสินใจบวชเลย เพราะถ้ารอเรียนจบอาจจะไม่ได้บวชแบบพวกพี่ๆ ที่มีเมียเสียก่อนครับ
                      
                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2941 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 17:12:11 »

พี่สิงห์คะ,
ในรูปพี่ไม่ได้สวมแว่นเหรอคะ
ตอนอยู่ในเพศบรรพชิต?



แล้วพี่สวมแว่นตอนไหน?









อ่านเรื่องข้างต้นแล้วซาบซึ้ง
กำลัง"in"ได้ที่ ก็ให้หลุดscene!
ก็พี่สิงห์สิ ไม่รู้เป็นแก๊ก(gag)ให้น้องนุ่ง
ช่างสังเกตรึปล่าว ...ไหนๆหนูก็เป็นน้องฝาหรั่ง
ไม่ร่วมในข้อสังเกตที่พี่พบคะ..ว่าคนไทยใจร้อน
หรือคนไทยไม่ช่างสังเกต...

สังเกตตรงไหน?
ตรงพี่สิงห์ไป"กราบหญ้ารอด"สิคะ
แอบขำเบาๆได้มั้ยพี่ ไม่ว่านะคะ?
เดี๋ยวหนิงจะออกไป"ตัดย่า"
พี่สิงห์อย่าห้าม!
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2942 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2554, 20:55:01 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                  สมัยเรียนหนังสือ พี่สิงห์ไม่ได้สวมแว่นครับ มาพบว่าตัวเองต้องใส่แว่นเมื่อทำงานผ่านไปแล้ว ประมาณ ๑๒ ปีครับ

                  ย่ารอด (บางทีก็เขียนผิด เพราะภาษาไทยไม่ได้เรื่องครับ และลืม) เป็นน้องปู่ที่อาภัพตั้งแต่เป็นสาว เป็นฝีดาษขึ้นที่ลูกตา จึงไม่ได้แต่งงาน แต่ได้รับความกรุณาจากท่านขุน...(จำชื่อไม่ได้แล้ว) ได้สอนวิชานวดแผนไทยโบราณ และการทำคลอดลูกให้ไว้ทำมาหากินไม่ต้องพึ่งใคร เนื่องจากตาบอดสนิท ภายหลังปราสาทมือดีมาก จึงมีอาชีพนวดและหมอตำแยประจำตำบล เพราะคนชอบออกลูกที่บ้านกัน ครอบครัวพี่สิงห์ทุกคน ย่ารอดเป็นคนทำคลอดอาจจะพูดได้ว่าทั้งตำบลครับ เท่าที่เคยรู้ย่ารอด ไม่เคยทำคลอดแล้วเด็กตายเลยครับ ถึงตาบอดแต่สามารถหาเลี้ยงหลานๆ และเหลนๆ ได้หลายคน และได้สอนวิชานวดนั้นต่อให้ เหลนๆ มาจนถึงทุกวันนี้  หน้าเสียดายตรงที่ย่ารอดตายไม่มีใครบอกผมเลยไม่ได้ไปเผา หลังจากเรียนจบเวลากลับบ้านผมต้องแวะไปสวัสดีย่ารอด ทุกครั้งครับ

                   จำได้ว่าหลังจบพี่สิงห์เคยเป็นโรคปากเบี้ยวครั้งหนึ่ง จึงกลับบ้านไปหาย่ารอดนวดให้ จึงหายมาจนทุกวันนี้ครับ สมัยนั้นจะมีคนจากกรุงเทพฯ หามไปให้ย่ารอดบีบนวด ประจำและอาการดีขึ้นหรือหายเกือบทุกคนครับ จนบ้านย่ารอดมีแต่คนมานวด ทำให้ญาติๆ ได้เรียนวิชานวดจากย่ารอด หลายคน ได้อานิสสงส์มีเงินเลี้ยงครอบครัวเพราะย่ารอด นอกจากนี้ย่ารอดจะนับถือศีลแปด ทุกวันพระและค้างที่วัด แต่เดี๋ยวนี้พอย่ารอดตายไปแล้ว  ไม่มีใครค้างบนศาลาวัดอีกเลย เพราะกลัวผี ย่ารอดไม่กลัวเพราะท่านมองไม่เห็น ส่วนคนอื่นๆนั้นเห็นย่ารอดนอนวัดได้ก็นอนเป็นเพื่อน ครับ  ใครต้องการนวด วันหลังไปบ้านพี่สิงห์ พี่สิงห์จะพาไปนวดเป็นระดับเหลน คือพี่สนม ที่รับถ่ายทอดมาจากย่ารอดเนื่องจากมีลูกมาก มีที่นาน้อย หากินไม่พอให้ลูกใช้ ย่ารอดจึงสอนวิชานวดให้เป็นอาชีพอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อเลี้ยงครอบครัวแทนการทำนา (ทางโรงพยาบาลเคยมาเชิญให้ไปเป็นครูสอนนวดแผนไทยให้กับโรงพยาบาลอินทร์บุรีมาแล้วครับ)

                    ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่สิงห์อยู่กรุงเทพฯ แล้ว ฝนตก
                   
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2943 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2554, 21:07:50 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              วันหยุด วันอาทิตย์ทุกท่านคงพักผ่อนอยู่กับครอบครัว มีกิจกรรมที่ต้องกระทำร่วมกัน นับว่าเป็นสังคมที่ดีครับ
 
              ส่วนผมอยู่คนเดียวก็ต้องฆ่าเวลาด้วยการไปตีกอล์ฟ กับคุณวิชัย  คุณสุดสาคร คุณพอล  ขาดเพียงคุณ John Skinner ที่จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ปล่อยพวกเราให้ต้องทนทุกข์ต่อไป วันนี้หลังจากตีกอล์ฟเสร็จพวกเราไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคุณต้อย กม. ๖ หนองจอก ตามคำสัญญาที่นัดกับคุณ John ถ้ามีการเลือกตั้ง โดยไม่มีการปฏิวัติ คุณสุรศักดิ์ (เจ้าของสนามกอล์ฟ President เพื่อนคุณวิชัย เล่นกอล์ฟกับพวกเราด้วย) ต้องจ่ายพวกเรา ๕๐๐๐ บาท และได้จ่ายมาแล้ว อาหารร้านนี้ที่อร่อยคือ กุ้งพล่า ปลาสลิดฟู ลาบปลาช่อน ครับและบังเอิญวันนี้คุณสุดสาครเอาไวน์ขาวมาหนึ่งขวดพวกเราจึงเปิด เพื่อระลึกถึงคุณ John  ผู้จากไปผมเลยต้องผิดศีลข้อที่ ๕ ดื่มไปครึ่งแก้ว เพื่อเป็นเกียรติระลึกถึงคุณ John ครับ พวกเรานัดกันว่าต้องตีกอล์ฟกันต่อไป เพราะคุณ John คงรอตีกอล์ฟกับพวกเราอยู่เพียงแต่อยู่คนละภพ มองไม่เห็นกัน เท่านั้น

             เช่นเคยครับผมมีประวัติพุทธสาวก พระอรหันต์ ผู้เป็นเอตทัคคะทางผู้ใคร่การศึกษา คือพระราหุลมาฝาก การเรียนรู้นั้น ไม่มีที่สิ้นสุดครับ โดยเฉพาะการเรียนรู้กาย-ใจ ของเราเอง ลองเรียนรู้ตัวเราดูนะครับ แล้วท่านจะพบกับความมหัศจรรย์ของชีวิตครับ

             และวันจันทร์ ผมต้องกลับไปสิงห์บุรีไปหาแม่ และเลยไปอุทัยธานี ไปเผาศพ อาเริ่ม น้องชายคนเล็กของแม่ ดร.สุริยา ที่วัดทัพทันเวลา 16:00 น. ครับ คงกลับถึงกรุงเทพฯ สองทุ่มครับ

             ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ



รู้พุทธสาวก อรหันต์เอตทัคคะลำดับที่ ๘

พระราหุลเถระ

เอตทัคคะในทางผู้ใคร่ในการศึกษา


                   พระราหุล เป็นโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะ (พุทธโอรส) กับพระนางยโสธรา หรือพิมพา เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้ครองนครกบิลพัสดุ์ ประสูติวันเดียวกันกับที่พระบิดาเสด็จออกบวช ดังนั้น ท่านจึงเจริญพระชันษาเติบโตขึ้นมาโดยมิเคยเห็นพระพักตร์รู้จักพระบิดาเลย จวบจนครั้นเมื่อพระบรมศาสดาตรัสรู้แล้ว เสด็จมาโปรดพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ ประทับอยู่ที่นิโครธาราที่พระประยูรญาติสร้างถวาย ในวันรุ่งขึ้นเวลาเช้าทรงปฏิบัติพุทธกิจเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครกบิลพัสดุ์ ทรงแสดงธรรมโปรดพระเจ้าสุทโธทนะพระบิดาในระหว่างถนน ให้พระบิดาดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล
                   ในวันที่ ๒ เสด็จเข้าไปรับบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ ทรงแสดงธรรมโปรดพระบิดาและพระนางมหาปชาบดีโคตรมี เมื่อจบพระธรรมเทศนาพระบิดาดำรงอยู่ในพระสกทาคามี ส่วนพระนางมหาปชาบดีโคตรมี ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ว่าพระพุทธองค์จะเสด็จเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ถึง ๖ วันแล้วก็ตาม แต่พระนางพิมพาพระมารดาของราหุลกุมาร ก็มิได้มาเฝ้าพระพุทธองค์ ดุจบุคคลอื่น ๆ เลย

•   ราหุลกุมารทูลขอทรัพย์สมบัติ

                   ครั้นล่วงถึงวันที่ ๗ แห่งการเสด็จเยือนพระนครกบิลพัสดุ์ พระนางพิมพาราชเทวี ประดับตกแต่งองค์ราหุลกุมารราชโอรสด้วยอาภรณ์อันวิจิตรแล้ว ตรัสว่า:- “พ่อราหุลลูกรัก พ่อจงไปดูพระสมณะผู้มีผิวพรรณผ่องใส รูปงามดุจท่านท้าวมหาพรหม แวดล้อมด้วยพระสงฆ์สาวก เป็นจำนวนมาก พระสมณะองค์นั้นคือพระบิดาของเจ้า พระองค์มีขุมทรัพย์มหาศาลอันสุดจะคณนา นับแต่พระบิดาของเจ้าออกบวช เจ้าก็เหมือนหมดหวังในราชสมบัติ เจ้าจงไปกราบไหว้พระบิดาแล้วกราบทูลขอทรัพย์สมบัตินั้นในฐานะเป็นทายาทสืบสันติวงศ์ต่อพระองค์เถิด”
                   ราหุลกุมาร เสด็จเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตามพระดำรัสของพระมารดา กราบถวายบังคมแล้ว ทอดพระเนตรดูพระสัพพัญญู บังเกิดความรักในพระบิดา ทรงปราโมทย์โสมนัสตรัสชมว่า “ร่มเงาของพระองค์เย็นสดชื่นยิ่งนัก พระพักตร์ของพระองค์สดใสสุดประมาณ” ดังนี้แล้วก็ตรัสเรื่องอื่น ๆ ต่อไปโดยมิได้กราบทูลขอทรัพย์สมบัติ
                    พระพุทธองค์ ทรงกระทำภัตกิจเสร็จแล้ว ตรัสอนุโมทนา เสด็จกลับสู่นิโครธาราม ส่วนราหุลกุมารก็เสด็จติดตามไปจนถึงอาวาส มิมีผู้ใดจะสามารถกราบทูลทัดทานได้ เมื่อสบโอกาสจึงกราบทูลขอทรัพย์สมบัติอันเป็นสิ่งที่รัชทายาทผู้สืบราชสันติวงศ์สันติวงศ์จะพึงได้รับ

•   พระราชทานอริยทรัพย์
 
                    พระบรมศาสดา ได้ทรงสดับดังนั้นแล้วทรงดำริว่า “ราหุลกุมารปรารถนาทรัพย์สมบัติอันเป็นของพระบิดา ถ้าตถาคตจะให้ขุมทองแก่เธอแล้ว ก็จะเป็นสิ่งชักนำให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในฏสงสาร ด้วยเป็นสิ่งหาสาระแม้สักนิดหนึ่งก็หามีไม่ อย่ากระนั้นเลย เราจะมอบอริยทรัพย์อันเป็นสิ่งประเสริฐสุดในพระพุทธศาสนานี้แก่เธอ ซึ่งจะจำให้เธอเป็นโลกุตรทายาท สืบสกุลในพุทธวงศ์นี้สืบไป" ครั้นแล้วทรงมีพระดำรัสสั่งให้พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร จัดการบรรพชาให้แก่ราหุลกุมารในวันนั้น ด้วยวิธีให้รับไตรสรณคมน์ และสามเณรราหุล ได้ชื่อว่าเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา

•   พระเจ้าสุทโธทนะทูลขอพร
                     พระเจ้าสุทโธทนะ เมื่อทราบว่าราหุลกุมารบรรพชาแล้วทรงโทมนัสเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่งด้วยหวังไว้แต่เดิมว่า เมื่อพระราชโอรสสิทธัตถะออกบวชแล้วก็หวังจะได้นันทกุมารสืบราชสมบัติต่อ แต่พระบรมศาสนาก็ทรงพานันทะออกบวช ทำให้ผิดหวังเป็นคำรบสอง แต่ก็ยังมีหวังอยู่ว่าจะให้ราหุลกุมารหลานรัก เป็นทายาทสืบราชสมบัติต่อไป แต่แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงนำไปบวชเสียอีก จึงหมดสิ้นผู้สืบราชสมบัติต่อไป ทรงดำริต่อไปอีกว่า หากปล่อยไว้อย่างงี้อีกไม่นาน บรรดากุมารในศากยสกุลก็จะถูกนำไปบวชจนหมดสิ้น อนึ่ง ความทุกข์โทมนัสอย่างนี้ก็จะเกิดแก่บิดา มารดาในสกุลอื่น ๆ ด้วยเหตุสิ้นคนสืบสกุล จึงรีบเสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่นิโครธาราม กราบทูลขอประทานพระพุทธอนุญาตว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับต่อแต่นี้ไป ถ้ากุลบุตรผู้ใดแม้ประสงค์จะบวชในพระพุทธศาสนา หากมารดาบิดายังมิยอมพร้อมใจกันอนุญาตให้บวชแล้วขอได้โปรดงดเสีย อย่าได้ให้บรรพชาแก่กุลบุตรผู้นั้นเลย”
                  พระบรมศาสดา ได้ประทานพรตามที่พระพุทธบิดากราบทูลขอแล้วถวายพระพรลา พาพระนันทะ และสามเณรราหุล พร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จกลับสู่มหานครราชคฤห์
                  เมื่อราหุลกุมาร บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว ตามเสด็จพระบรมศาสดา และพระสารีบุตรเถระอุปัชฌาย์ของตน ไปยังสถานที่ต่าง ๆ เมื่ออายุครบก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ วันหนึ่ง ขณะที่พระราหุลพักอยู่ที่สวนมะม่วง ในกรุงราชคฤห์ พระบรมศาสดาเสด็จไปที่นั่น ทรงแสดงพระธรรมเทศนาราหุโลวาทสูตร ให้ท่านฟังหลังจากนั้นทรงสอนในทางวิปัสสนา ทรงยกอายตนะภายใน และภายนอกขึ้นแสดงพระราหุล ส่งจิตไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล

o   ได้รับยกย่องเป็นผู้ใคร่การศึกษา

                  พระราหุล เป็นผู้มีอัธยาศัยใคร่ต่อการศึกษาพระธรรมวินัย ทุกวันที่ท่านตื่นขึ้นมาเวลาเช้า ท่านจะกำทรายให้เต็มฝ่าพระหัตถ์แล้วตั้งความปรารถนาว่า “วันนี้ ข้าพเจ้าพึงได้รับคำสั่งสอนจากสำนักพระบรมศาสดา สำนักพระอุปัชฌาย์และสำนักพระอาจารย์ทั้งหลายให้ได้ประมาณเท่าเม็ดทรายในกำมือของข้าพเจ้านี้”
                  ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดา ให้ดำรงตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ผู้ใคร่ในการศึกษา

•   เป็นต้นบัญญัติ ห้ามภิกษุนอนร่วมกับอนุปสัมบัน

                   ในขณะเมื่อท่านยังเป็นสามเณรเล็ก ๆ อยู่นั้น ท่านเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่ายจนเป็นที่เลื่องลือในหมู่ภิกษุทั้งหลาย ด้วยว่า ครั้งนั้นพุทธบริษัททั้งหลาย ฟังธรรมกันยามค่ำคืน โดยมีพระเถระผลัดเปลี่ยนกันแสดงธรรม เมื่อสิ้นสุดการแสดงธรรมแล้ว พระเถระผู้ใหญ่ต่างก็กลับที่พักของตน ส่วนพระภิกษุผู้บวชใหม่ และสามเณรรวมทั้งอุบาสก ที่ไม่สามารถจะกลับที่พักได้เพราะค่ำมืดจึงอาศัยนอนกันในโรงธรรมนั้น เนื่องจากเป็นพระบวชใหม่ จึงไม่สำรวมในการนอน ทำให้เกิดภาพที่ไม่น่าดู รุ่งเช้า อุบาสกทั้งหลายพากันติเตียนและความทราบไปถึงพระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์จึงรับสั่งประชุมสงฆ์แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท “ห้ามภิกษุนอนร่วมในที่มุงที่บังเดียวกันกับอนุปสัมบัน (อนุปสัมบัน คือ ผู้มิใช่พระภิกษุ) ถ้านอนร่วมต้องอาบัติปาจิตตีย์”
                    ครั้นในคืนต่อมา สามเณรไม่สามารถจะนอนร่วมกับพระภิกษุได้ และเมื่อไม่มีที่จะนอน ท่านจึงเข้าไปนอนในเว็จกุฏี (ส้วม) ของพระบรมศาสดาเมื่อเวลาใกล้รุ่ง พระพุทธองค์เสด็จไปพบเธอนอนในที่นั้น และทรงทราบว่าเพราะเธอไม่มีที่นอนอันเนื่องมาจากพุทธบัญญัติทำให้พระองค์สลดพระทัยจึงดำริว่า “ต่อไปภายหน้า สามเณรน้อย ๆ จะได้รับความลำบาก เพราะขาดผู้ดูแลเอาใจใส่” จึงรับสั่งให้ประชุมสงฆ์แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทเพิ่มเติมว่า:- “ให้ภิกษุนอนร่วมกับอนุปสัมบันได้ ๓ คืน ถ้าเกิน ๓ คืน พระภิกษุต้องอาบัติปาจิตตีย์” ในพุทธบัญญัตินี้ หมายถึงให้ภิกษุนอนร่วมกับอนุปสัมบันได้ ๓ คืน ในคืนที่ ๔ ให้เว้น
เสีย ๑ คืน แล้วค่อยกลับมานอนรวมกันใหม่ได้ โดยเริ่มนับหนึ่งจนถึงคืนที่ ๓ ทำโดยทำนองนี้จนกว่าจะมีสถานที่นอนแยกกันเป็นการถาวร
                    ท่านพระราหุลเถระ ดำรงอายุสังขาร โดยสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ณ ดาวดึงส์เทวโลก ท่านมีอายุไม่มากนัก เพราะท่านนิพพานก่อนพระพุทธองค์ผู้เป็นพระบิดา ก่อนพระสารีบุตรผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ ก่อนพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นพระอาจารย์
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2944 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 09:09:54 »

วันนี้ อุตุนิยมวิทยาประกาศ ทุกภาคมีฝนถึงร้อยละ 70 - 90 ของพื้นที่ โดยเฉพาะในทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นจะสูง เรือเล็กควรระวัง โดยทุกภาคมีฝนตกหนักเป็นบางแห่ง พื้นที่เสี่ยงภัยคือ เชิงเขา และพื้นที่น้ำไหลผ่าน


         กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 29 ส.ค. 2554 ว่า

ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วประเทศยังมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจ.ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้ ประกาศ ณ วันที่ 29 ส.ค. ออกประกาศ เวลา 05.30 น.
 
ข้อควรระวัง ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ ส่วนชาวเรือขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง ในระยะนี้ขอผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ และเกาะไต้หวันตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เนื่องจากมีพายุไต้ฝุ่น “นันมาดอล”อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย 
 
                      พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดอำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2945 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 16:10:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 สิงหาคม 2554, 20:55:01
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                                    ย่ารอด (บางทีก็เขียนผิด เพราะภาษาไทยไม่ได้เรื่องครับ และลืม) เป็นน้องปู่ที่อาภัพตั้งแต่เป็นสาว เป็นฝีดาษขึ้นที่ลูกตา จึงไม่ได้แต่งงาน แต่ได้รับความกรุณาจากท่านขุน...(จำชื่อไม่ได้แล้ว) ได้สอนวิชานวดแผนไทยโบราณ และการทำคลอดลูกให้ไว้ทำมาหากินไม่ต้องพึ่งใคร เนื่องจากตาบอดสนิท ภายหลังปราสาทมือดีมาก จึงมีอาชีพนวดและหมอตำแยประจำตำบล เพราะคนชอบออกลูกที่บ้านกัน ครอบครัวพี่สิงห์ทุกคน ย่ารอดเป็นคนทำคลอดอาจจะพูดได้ว่าทั้งตำบลครับ เท่าที่เคยรู้ย่ารอด ไม่เคยทำคลอดแล้วเด็กตายเลยครับ ถึงตาบอดแต่สามารถหาเลี้ยงหลานๆ และเหลนๆ ได้หลายคน และได้สอนวิชานวดนั้นต่อให้ เหลนๆ มาจนถึงทุกวันนี้  หน้าเสียดายตรงที่ย่ารอดตายไม่มีใครบอกผมเลยไม่ได้ไปเผา หลังจากเรียนจบเวลากลับบ้านผมต้องแวะไปสวัสดีย่ารอด ทุกครั้งครับ

                   จำได้ว่าหลังจบพี่สิงห์เคยเป็นโรคปากเบี้ยวครั้งหนึ่ง จึงกลับบ้านไปหาย่ารอดนวดให้ จึงหายมาจนทุกวันนี้ครับ สมัยนั้นจะมีคนจากกรุงเทพฯ หามไปให้ย่ารอดบีบนวด ประจำและอาการดีขึ้นหรือหายเกือบทุกคนครับ จนบ้านย่ารอดมีแต่คนมานวด ทำให้ญาติๆ ได้เรียนวิชานวดจากย่ารอด หลายคน ได้อานิสสงส์มีเงินเลี้ยงครอบครัวเพราะย่ารอด นอกจากนี้ย่ารอดจะนับถือศีลแปด ทุกวันพระและค้างที่วัด แต่เดี๋ยวนี้พอย่ารอดตายไปแล้ว  ไม่มีใครค้างบนศาลาวัดอีกเลย เพราะกลัวผี ย่ารอดไม่กลัวเพราะท่านมองไม่เห็น ส่วนคนอื่นๆนั้นเห็นย่ารอดนอนวัดได้ก็นอนเป็นเพื่อน ครับ  ใครต้องการนวด วันหลังไปบ้านพี่สิงห์ พี่สิงห์จะพาไปนวดเป็นระดับเหลน คือพี่สนม ที่รับถ่ายทอดมาจากย่ารอดเนื่องจากมีลูกมาก มีที่นาน้อย หากินไม่พอให้ลูกใช้ ย่ารอดจึงสอนวิชานวดให้เป็นอาชีพอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อเลี้ยงครอบครัวแทนการทำนา (ทางโรงพยาบาลเคยมาเชิญให้ไปเป็นครูสอนนวดแผนไทยให้กับโรงพยาบาลอินทร์บุรีมาแล้วครับ)

                    ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่สิงห์อยู่กรุงเทพฯ แล้ว ฝนตก
                   

พี่สิงห์,
อ่านชีวิตสุภาพสตรีท่านนี้แล้ว
รู้สึกอบอุ่นใจในวิถีแห่งครอบครัวไทยคะ

ผู้หญิงที่ไม่ได้สมรส ไม่มีสามี-ทายาท
ก็มีวิชาหาเลี้ยงชีพตนเองได้
แต่ชีวิตของการทำงานมีช่วงเวลาจำกัด

ย่าของพี่ได้เกื้อหนุนจุนเจือเลี้ยงดู-อุ้มชู
บุตรหลานในเครือญาติ การกระทำของเธอ
เป็นเสมือนมารดาเลี้ยงดู-อุ้มชูบุตรที่ส่ง
ผลในบั้นปลายชีวิต ยามแก่เฒ่าเป็น
สภาวะที่ต้องพึ่งพาอาศัยคะ...

เธอโชคดี.
      บันทึกการเข้า


พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #2946 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 16:16:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 29 สิงหาคม 2554, 09:09:54
วันนี้ อุตุนิยมวิทยาประกาศ ทุกภาคมีฝนถึงร้อยละ 70 - 90 ของพื้นที่ โดยเฉพาะในทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นจะสูง เรือเล็กควรระวัง โดยทุกภาคมีฝนตกหนักเป็นบางแห่ง พื้นที่เสี่ยงภัยคือ เชิงเขา และพื้นที่น้ำไหลผ่าน


         กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 29 ส.ค. 2554 ว่า

ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วประเทศยังมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจ.ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้ ประกาศ ณ วันที่ 29 ส.ค. ออกประกาศ เวลา 05.30 น.
 
ข้อควรระวัง ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ ส่วนชาวเรือขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง ในระยะนี้ขอผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ และเกาะไต้หวันตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เนื่องจากมีพายุไต้ฝุ่น “นันมาดอล”อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย 
 
                      พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดอำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

จันท์กะตราด ทุกที ย้ายหนีไปไหนดี
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2947 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 16:21:44 »

เดี๋ยว เดี๋ยว
อย่าเพิ่งผ่าน!

พี่สิงห์ปากเบี้ยวเป็นอะไรคะ?
เส้นประสาทปากกระตุกจาก
สาเหตุอะไรเหรอคะ?
นวดแล้วหายเหรอพี่?
ไม่เกี่ยวกะเส้นประสาท?



ภรรยาเพื่อนแฟนหนิงเค้าก็เป็น
หนิงไม่กล้าถามเค้าคะแต่กล้าถามแฟนหนิง
เธอเป็นคล้ายอัมพาตเฉพาะบริเวณคะ!
บริเวณปาก...ทำให้ข้างนั้นหนัก
ยิ้มไม่ได้...
น่าเห็นใจคะ เพราะเธอจะดูเหมือน
ขมึงตึง ขึ้งโกรธ คนแปลกหน้าจะ
ไม่กล้าชวนพูดชวนคุย
ทราบว่าเกิดจากอะไรสักอย่างภายหลังค่ะ
ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2948 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 16:30:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 28 สิงหาคม 2554, 21:07:50
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              วันหยุด วันอาทิตย์ทุกท่านคงพักผ่อนอยู่กับครอบครัว มีกิจกรรมที่ต้องกระทำร่วมกัน นับว่าเป็นสังคมที่ดีครับ
 
              ส่วนผมอยู่คนเดียวก็ต้องฆ่าเวลาด้วยการไปตีกอล์ฟ กับคุณวิชัย  คุณสุดสาคร คุณพอล  ขาดเพียงคุณ John Skinner ที่จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ปล่อยพวกเราให้ต้องทนทุกข์ต่อไป วันนี้หลังจากตีกอล์ฟเสร็จพวกเราไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคุณต้อย กม. ๖ หนองจอก ตามคำสัญญาที่นัดกับคุณ John ถ้ามีการเลือกตั้ง โดยไม่มีการปฏิวัติ คุณสุรศักดิ์ (เจ้าของสนามกอล์ฟ President เพื่อนคุณวิชัย เล่นกอล์ฟกับพวกเราด้วย) ต้องจ่ายพวกเรา ๕๐๐๐ บาท และได้จ่ายมาแล้ว อาหารร้านนี้ที่อร่อยคือ กุ้งพล่า ปลาสลิดฟู ลาบปลาช่อน ครับและบังเอิญวันนี้คุณสุดสาครเอาไวน์ขาวมาหนึ่งขวดพวกเราจึงเปิด เพื่อระลึกถึงคุณ John  ผู้จากไปผมเลยต้องผิดศีลข้อที่ ๕ ดื่มไปครึ่งแก้ว เพื่อเป็นเกียรติระลึกถึงคุณ John ครับ พวกเรานัดกันว่าต้องตีกอล์ฟกันต่อไป เพราะคุณ John คงรอตีกอล์ฟกับพวกเราอยู่เพียงแต่อยู่คนละภพ มองไม่เห็นกัน เท่านั้น
    

ข้อพนันขันต่อด้วยค่า!
โห,probability 50 : 50แบบนี้ เสี่ยงสูงคะ
ตั้ง 5000....โอว,สาวสมถะที่โน่น
กลัวใจ!
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2949 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2554, 16:36:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 28 สิงหาคม 2554, 21:07:50
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                         และวันจันทร์ ผมต้องกลับไปสิงห์บุรีไปหาแม่ และเลยไปอุทัยธานี ไปเผาศพ อาเริ่ม น้องชายคนเล็กของแม่ ดร.สุริยา ที่วัดทัพทันเวลา 16:00 น. ครับ คงกลับถึงกรุงเทพฯ สองทุ่มครับ

             ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ


ขณะเขียนนี้เวลา 16.33 น.ที่เมืองไทย
พี่สิงห์คงกำลังอยู่ในพิธีประชุมเพลิง.


เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพนะคะ.
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 116 117 [118] 119 120 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><