15 พฤศจิกายน 2567, 05:18:37
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 90 91 [92] 93 94 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3534901 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #2275 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 12:23:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 06:15:44

                      เช่น ตัวอย่าง อาจารย์ถาวร   โชติชื่น  เข้ามาอ่านข้อความที่คุณเหยง  ดร.สุริยา  และพี่สิงห์ ปรามาดเอาไว้  จิตใจของอาจารย์ถาวร พอประสพข้อความเท่านั้นก็พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ เกิดความทุกข์ คือคิดปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ  คิดอยากจะมาตอบโต้ ทันทีทันใด แต่ก็รู้ตัวดี ว่าตัวเองเก่งแต่พูด เขียนไม่เป็น  ในสิ่งที่พูดก็ซ้ำๆ ซากๆ เรื่องเดิมทั้งนั้น(ถ้าผู้ฟังเคยฟังอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  พูดมากกว่าหนึ่งครั้งจะสามารถพบได้ด้วยตัวเอง)เพียงแต่เปลี่ยนคนฟังใหม่เท่านั้นเอง เป็นเช่นนั้นจริง  อาจารย์ถาวร  ทุกข์เพราะ ไปแทงใจดำของตัวเองเข้า  อาจารย์ถาวร  พยายามใช้ความอดทน  อุเบกขา  เพื่อข่มใจตนเอง ไม่ให้ออกมาตอบโต้ เพราะบางครั้งเราก็รู้ว่าการอยู่นิ่งๆ เฉยๆ นั้น เป็นวิธีที่ถูกใช้ได้เสมอในทุกเหตุการ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร ทั้งๆที่เราคิด เราทุกข์แทบตาย  จะเห็นว่าอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ไม่ออกมาตอบโต้เลย  ซึ่งเราก็คาดเดาเอาไว้แล้วตามที่คุณเหยง บอกเอาไว้
                   

ป้อมว่า เขารู้ทันว่ามันเป็น กลยุทธ ก็เลยไม่ออกมาค่ะ อิๆ
ความจริงเขาเก่งทั้งพูดและเขียนแหละค่ะ ป้อมว่า
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #2276 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 12:46:42 »



        สวัสดีค่ะ พี่สิงห์....

               ตามอ่านอยู่เสมอค่ะ...ขอบคุณที่ตัดข่าวศรีไสล มาฝาก (ทั้งๆที่ยังงงอยู่ว่า ..พี่สิงห์จะสื่ออะไร?...)
               แต่..อย่างน้อย ก็ ขอบคุณในความคิดถึงค่ะ....

                    อ้อยไม่ค่อยออกกำลังกาย  แต่ระวังเรื่องกิน มีเว้นอาหารเย็นบ้าง
                    ไม่ชอบอาหารมันๆ ไม่ชอบของหวาน ก็ลดความเสี่ยงไปได้อีกหน่อย
                    แต่ก็ยังติดในรสอาหารที่อร่อย ดังนั้นจึงลดน้ำหนักไม่ได้มากนัก
                   
                         จะบอกพี่ด้วยว่า เขียนไปเถิดค่ะ มีหลายคนตามอ่านที่พี่เขียน
                    แต่มีไม่กี่คนที่ตอบ...อ้อยก็เป็นหนึ่งในจำนวนที่ไม่ค่อยตอบนั้นค่ะ...
                     
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2277 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 12:56:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:23:24
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 06:15:44

                      เช่น ตัวอย่าง อาจารย์ถาวร   โชติชื่น  เข้ามาอ่านข้อความที่คุณเหยง  ดร.สุริยา  และพี่สิงห์ ปรามาดเอาไว้  จิตใจของอาจารย์ถาวร พอประสพข้อความเท่านั้นก็พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ เกิดความทุกข์ คือคิดปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ  คิดอยากจะมาตอบโต้ ทันทีทันใด แต่ก็รู้ตัวดี ว่าตัวเองเก่งแต่พูด เขียนไม่เป็น  ในสิ่งที่พูดก็ซ้ำๆ ซากๆ เรื่องเดิมทั้งนั้น(ถ้าผู้ฟังเคยฟังอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  พูดมากกว่าหนึ่งครั้งจะสามารถพบได้ด้วยตัวเอง)เพียงแต่เปลี่ยนคนฟังใหม่เท่านั้นเอง เป็นเช่นนั้นจริง  อาจารย์ถาวร  ทุกข์เพราะ ไปแทงใจดำของตัวเองเข้า  อาจารย์ถาวร  พยายามใช้ความอดทน  อุเบกขา  เพื่อข่มใจตนเอง ไม่ให้ออกมาตอบโต้ เพราะบางครั้งเราก็รู้ว่าการอยู่นิ่งๆ เฉยๆ นั้น เป็นวิธีที่ถูกใช้ได้เสมอในทุกเหตุการ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร ทั้งๆที่เราคิด เราทุกข์แทบตาย  จะเห็นว่าอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ไม่ออกมาตอบโต้เลย  ซึ่งเราก็คาดเดาเอาไว้แล้วตามที่คุณเหยง บอกเอาไว้
                   

ป้อมว่า เขารู้ทันว่ามันเป็น กลยุทธ ก็เลยไม่ออกมาค่ะ อิๆ
ความจริงเขาเก่งทั้งพูดและเขียนแหละค่ะ ป้อมว่า


ผมว่า เขาไม่เก่งเรื่องเขียนหรอก เขาเคยบอกว่าจะให้หนังสือกับผม 1 เล่ม
รอจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับ กลัวผมอ่านแล้วจะวิจารณ์เขามั้ง ??!!
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2278 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 16:57:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:56:29
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:23:24
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 06:15:44

                      เช่น ตัวอย่าง อาจารย์ถาวร   โชติชื่น  เข้ามาอ่านข้อความที่คุณเหยง  ดร.สุริยา  และพี่สิงห์ ปรามาดเอาไว้  จิตใจของอาจารย์ถาวร พอประสพข้อความเท่านั้นก็พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ เกิดความทุกข์ คือคิดปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ  คิดอยากจะมาตอบโต้ ทันทีทันใด แต่ก็รู้ตัวดี ว่าตัวเองเก่งแต่พูด เขียนไม่เป็น  ในสิ่งที่พูดก็ซ้ำๆ ซากๆ เรื่องเดิมทั้งนั้น(ถ้าผู้ฟังเคยฟังอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  พูดมากกว่าหนึ่งครั้งจะสามารถพบได้ด้วยตัวเอง)เพียงแต่เปลี่ยนคนฟังใหม่เท่านั้นเอง เป็นเช่นนั้นจริง  อาจารย์ถาวร  ทุกข์เพราะ ไปแทงใจดำของตัวเองเข้า  อาจารย์ถาวร  พยายามใช้ความอดทน  อุเบกขา  เพื่อข่มใจตนเอง ไม่ให้ออกมาตอบโต้ เพราะบางครั้งเราก็รู้ว่าการอยู่นิ่งๆ เฉยๆ นั้น เป็นวิธีที่ถูกใช้ได้เสมอในทุกเหตุการ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร ทั้งๆที่เราคิด เราทุกข์แทบตาย  จะเห็นว่าอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ไม่ออกมาตอบโต้เลย  ซึ่งเราก็คาดเดาเอาไว้แล้วตามที่คุณเหยง บอกเอาไว้
                   

ป้อมว่า เขารู้ทันว่ามันเป็น กลยุทธ ก็เลยไม่ออกมาค่ะ อิๆ
ความจริงเขาเก่งทั้งพูดและเขียนแหละค่ะ ป้อมว่า


ผมว่า เขาไม่เก่งเรื่องเขียนหรอก เขาเคยบอกว่าจะให้หนังสือกับผม 1 เล่ม
รอจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับ กลัวผมอ่านแล้วจะวิจารณ์เขามั้ง ??!!

หนังสือเล่มนั้นมันออกมานานแล้ว  เล่มใหม่ยังไม่ปรากฎ
เขียนยั่วกิเลสอย่างนี้ละ ดูซิจะอุเบกขาได้นานเพียงใด
ใจคิดแต่ไม่กล้า
สงสัยผมต้องได้รับกรรมแน่ๆ ทำบาปกับอาจารยืถาวร  โชติชื่น
แต่ผมว่าส่งเสริมมากกว่า ทำให้จิตอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  แข็งแกร่งขึ้นไม่หวั่้นไหวตาม ครับ
สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2279 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 17:07:28 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                       วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน  พี่สิงห์ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง 15:35 น. โดยสายการบิน 1-2 -go เดินทางต่อไปดูงานที่แม่จันทร์  พักที่โรงแรม LUNA ใกล้สนามบินเก่า  พี่สิงห์ชอบเงียบดี ห้องก็ดีมาก บรรยากาศเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเช้ามืด และมีพื้นที่ให้เดินจงกรมออกกำลังกาย และมีข้าวต้มกล้อง  ผักสดดีมากเป็นอาหารเช้าดีกว่าโรงแรมทวินโลตัสที่ใต้มาก
                       วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน มีนัดตีกอล์ฟกับคุณมงคลชัย RCU 24 และลูกชาย Tee off 07:30 น. เที่ยงคุณพัชรีมาสมทบ เป็นวันเกิดคุณพัชรี  ทาง SIW เป็นเจ้าภาพครับมื้อนี้
                       บ่ายโมงเดินทางออกจากสนามกอล์ฟ คาดว่าจะไปถึงเชียงใหม่ 16:00 น. พักที่โรงแรม The Park ตอนเย็นมีนัดกับเธอ จุ๋ม และอ้อม  จะไปกินร้านไหน  เวลาไหนได้ทั้งนั้น บอกมาก็แล้วกัน ทาง SIW เป็นเจ้าภาพ
                       วันอังคารเช้ามีนัดที่ PPS จอมทอง บ่ายแวะไปเยี่ยมคุณหมออุดม ที่โรงพยาบาลจอมทอง เย็นมีนัดที่สนามบินเชียงใหม่เวลา 16:00 น. และเดินทางกลับกรุงเทพฯ 17:35 น. โดยนกแอร์
                       เธออย่าลืมบอกคุณอ้อมทิพย์ และคุณจุ๋ม  ด้วยนะครับ
                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2280 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 12:19:45 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                        วันนี้เช้า พี่สิงห์มีธุระ เลยไม่ได้มาทำหน้าที่หาธรรมะดีๆ ดีๆ มาฝากครับ  พี่สิงห์จะมีธรรมะดีดีได้นั้น มันอยู่ที่จิตมันอยากจะคิดว่า ทุกวันที่เดินจงกรม หรือ เจริญสติ ๑๔ จังหวะด้วยมือว่าจิตมันอยากคิดเรื่องอะไร ก็จะเขียนเรื่องนั้น โดยปกติ จิตมันจะว่างระลึกได้อยู่กับการเคลื่อนจังหวะมือ หรือเดินทีละก้าว ไม่ได้คิดอะไร หรือถ้าคิด พี่สิงห์ก็จะตัดมันไปทันทีเพราะไม่ใช่เรื่องภายในตัวเรา ครับ
                        พี่สิงห์มีเรื่องค้างไว้ อยู่สองเรื่องคือ

รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส
ตอนที่ ๑๒
นิมิต และการสะสมอารมณ์ของจิต

                      
นิมิต

                        พี่สิงห์เองไม่ได้ฝันมานาน ในเรื่องเกี่ยวกับกาย-ใจ หรืออารมณ์ของเรา ที่มาร ,kในรูปความโกรธ ความโลภ  ความหลง จะมาผจญทำให้เราติดกับมัน เพราะก่อนนอนก็เจริญสติจนกระทั่งหลับไป ตื่นขึ้นกลางดึกก็จะระลึกได้ว่าต้องมีสติ จะคอยเตือนให้รู้ตัวตลอดเวลาว่า ต้องสร้างความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่กับปัจจุบันเพราะจะทำไม่ให้คิดนอกตัว จิตมันก็จะว่าง มีอยู่วันหนึ่งขณะเคลิ้มๆ ภายหลังจากตื่นขึ้นมากลางดึก พี่สิงห์ก็ฝัน หรือจะเรียกว่านิมิตก็ได้ ฝันว่าได้ขึ้นลิฟไปกับสตรีชรา ท่านหนึ่ง   ขึ้นไปตึกสูงมาก ลิฟ นั้นไม่มีกำแพงรั้วกั้นทั้งสิ้นโล่งๆ เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยปกติจะรู้สึกกลัวความสูงมาก แต่ปรากฎว่า ความกลัวไม่เกิดขึ้นเลย พอถึงสตรีชราท่านนั้นก็บอกให้พี่สิงห์ลง ตัวเธอลงลิฟกลับไปข้างล่าง ปล่อยให้พี่สิงห์อยู่บนตึกสูงพร้อมด้วยถุงกอล์ฟหนึ่งใบที่แบกอยู่ มองดูมันสูงเราจะลงอย่างไรดีหนอ แต่ลิฟก็กลับขึ้นมา แต่ระยะห่างจากพี่สิงห์พอสมควรอยู่อย่างนั้น      ลิฟก็ไม่มีรั้วกั้น สูงก็สูง แต่ไม่กลัว พี่สิงห์ยืนพิจารณาอยู่นานว่าจะลงอย่างไรดี  ได้แต่เตือนตัวเองว่าต้องมีสติ บังเอญจิตมันก็คิด ปัญญาก็เกิด ว่านีละการปฏิบัติธรรม การที่จะปลดทุกข์ ซึ่งก็คือถุงกอล์ฟที่เราแบบอยู่บนไหล่ นั้น มันหนัก เราต้องใช้ความอดทน  ความเพียร และปัญญาเท่านั้น  จึงจะปลดทุกข์ได้  มันไม่ได้มาแบบง่ายๆ ต้องอดทนอย่างมากและปัญญาเท่านั้น เช่นเดียวกันการที่เราจะลงจากตึกสูง ต้องแบกถุงกลอ์ฟ กับความกลัวต่างๆ นั้น มันก็ต้องใช้ปัญญาแก้ไข และความอดทน มีสติ จึงจะลงไปข้างล่างได้ คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ปัญญา เป็นจริงเสมอครับ  ไม่ใช่ซื้อด้วยเงิน  มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบันดาลให้  ต้องหาด้วยตัวเองเท่านั้น  ใครช่วยไม่ได้

                         เมื่อพี่สิงห์ตื่น ได้พยายามมาทบทวนสิ่งที่ฝันเห็นนั้น  โดยคิดเข้าข้างตัวเอง คือ เหมือนนิมิตที่จะมาเตือนเราว่า ให้เร่งทำความเพียรให้มากในการดูกาย-ดูใจ ต้องทำด้วยความอดทน และปัญญาด้วยตัวของเราเองเท่านั้น หนังสือ หลวงพ่อ สิ่งศักดฺสิทธิ์ต่างๆ ไม่สามารถช่วยให้พ้นทุกข์ได้ ต้องทำด้วยตัวเอง ด้วยความอดทนและปัญญาของเราเท่านั้น เพราะก่อนหน้านั้นก็มีสิ่งบอกเหตุเกิดขึ้นกับตัวเองบ่อย ว่าต้องเร่งความเพียร เช่นประมาณตีสามกว่าๆ มักจะตื่นขึ้นมาเสมอทุกคืนบ่อยขึ้น และจิตมันก็บอกว่าให้เจริญสติ แต่พี่สิงห์ไม่ได้กระทำ นอนต่อขยับมือมีสติจนหลับต่อ แต่ระยะหลังเปลี่ยนใจเมื่อตื่นขึ้นแบบนี้นาฬิกาไม่ดู นั่งเจริญสติทันที จนกว่าจะแจ้ง ถ้าวันนั้นไม่ได้ไปตีกอล์ฟเช้า สุดท้ายเลยต้องจัดเวลานอนให้เร็วขึ้นและตีสี่ตื่นมานั่งเจริญสต่อจนแจ้ง ครับ

การสะสมอารมณ์ของจิต

                         เรื่องนี้จิตมันคิดขึ้นมาขณะเดินจรงกรมออกกำลังกายหน้าบ้านเวลาเย็น

                         มนุษย์เรานั้นตอนแรกเกิดเป็นทารก เมื่ออกจากท้องมารดาแล้ว จะโดยวิธีธรรมชาติหรือผ่าตัด ทารกนั้นจะยังไม่ไหวติงทั้งสิ้น ยังไม่รู้สึกตัว  ยังหายใจไม่เป็น ยังอาสัยสายสะดือจากแม่  จิตเป็นประภัสสร คือจิตว่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่ง  นี่คือจิตเดิมแท้ของเราทุกคนเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรเลย แต่พอผู้ที่ทำคลอดนั้นตัดสายสะดือออก ทำความสะอาด อุ้มเด็กพาดบ่าและตีก้นให้เด็กร้องนั้น จิตที่เป็นประภัสสรก็จะตื่นขึ้นมาทันทีเริ่มที่จะสะสมอารมณ์ ปรุ่งแต่งอารมณ์ทันที ที่เกิดจากทุกข์คือความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ตามที่ได้รับ เช่น ไม่สบายกายก็ร้อง ดิ้น แม่ก็จะรู้และอุ้ม เอาใจ ทารกก็หยุดร้อง ก็จะสะสมอารมณ์เอาไว้ว่า ถ้าไม่สบายกายต้องทำแบบนี้ แม่จะมาเอาใจ มาอุ้ม มาขยับตัวให้เพราะตัวเองช่วยตัวเองไม่ได้ สะสมไปเรื่อยๆ เวลาหิวก็ร้อง ดิ้น แม่ก็มาเอานมยัดปากให้ก็เงียบ หรือเวลาโกรธก็ร้อง แม่ก็มาเอาใจ จะเห็นว่ามนุษย์เรานั้นสะสมอารมร์ความโกรธ ความโลภ  ความทุกข์คือไม่สบายกาย ไม่สบายใจ มาตั้งแต่เริ่มร้อง สะสมอารมณ์โดยไม่รู้ตัว และหลงอยู่ในความคิดตัวเอง จนคิดว่าตัวเรานี้(รูป) กับจิตหรือความคิด(นาม) เป็นคนเดียวกัน มีตัวมีตน(อัตตา) จนแยกไม่ออก มันก็สะสมอารมณ์(ประสพการณ์)มาตั้งแต่ร้องคำแรกมาจนถึงปัจจุบัน แบบอยู่ในความหลงตลอดเวลาจนเป็นความเคยชินไป  มันเป็นอย่างนี้ เมื่อเราเอาสติมาดูจิตเรา เราจึงรู้ว่า เราหลงอยู่ในความคิดตัวเอง กระทำตามที่จิตมันคิด  จิตมันย่อมคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ดังนั้น เราจึงมีความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  อยู่ในจิตของเราตลอดเวลา เมื่อมันสะสมอารมณ์มานาน  การที่เราจะออกจากอารมณ์(ความหลง)นั้น มันก็ต้องใช้เวลา  ต้องใช้ความอดทน และถ้าจะให้รวดเร็วก็ต้องใช้ปัญญา หาทางเอาเอง ด้วยการมีสติ นี่ละถึงจะแก้ความหลงนั้นได้ คือมีความรู้สึกตัว ตื่นตัวตลอดเวลา และต้องดูจิตเราไว้ เราถึงจะหนีห่างจากความคิดเราได้  เพื่อกลับไปสู่จิตที่เป็นประภัสสร เหมือนอย่างทารกแรกเกิด

                       พิจารณาดูครับ ว่าจริงไหม?

                       สวัสดี(27463)
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2281 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 12:49:59 »

ข่าวสุขภาพ
ตอน
ไวรัสตับอักเสพ บี และ ซี

                       เมื่อเช้าขณะพี่สิงห์ขับรถไปตีกอล์ฟ ได้ฟังรายการ พลังชีวิต ของคุณอำมร  บรรจง เรื่องไวรัสตับอักเสบ บีและซี โรคนี้ถ้าใครเป็นแล้วไม่หาย  ถ้าจะให้หายขาดต้องรักษาด้วยยาที่แพง และไม่แพ้ยา การแพ้ยาพอๆกับการทำคีโม โรคมะเร็งเลย และผู้ที่เป็นนั้นมีโอกาสที่ตับจะแข็ง และกลายเป็นมะเร็งได้ คนไทยมีหกสิบล้านคน เป็นโรคนี้เสียสี่ล้านคน และหมอก็เลือกรักษาเแพาะคนเสียด้วย เพราะค่ารักษาแพงมาก ไม่คุ้ม น่าเศร้าใจนะครับ

                        พี่สิงห์ฟังแล้วได้แต่คิดว่า แล้วเราจะป้องกันมันอย่างไร? สาเหตุเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ  อดหลับอดนอน  กินไม่เป็นเวลา จึงทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง ไวรัสก็เข้ามาจัดการเลย มันเป็นอย่างนี้

                        ดังนั้น ทุกท่านที่มีบุตรหลานกำลังศึกษา อยู่ หรือตัวเท่านเอง คนรอบกายท่านก็ดี  อย่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ บีและซี เลยครับ มาป้องกันด้วยการ
                        - กินแบบ 2:1:1 คือผักสองส่วน ต่อ ข้าวหนึ่งส่วน ต่อ โปรตีนหนึ่งส่วน กินแบบเป็นยา งดของทอด ของมัน อาหารรสจัด
                        - นอนแต่หัวค่ำ พักผ่อนให้เพียงพอ
                        - ออกกำลังกายอาทิตย์ละอย่างน้อยสามวัน และทุกครั้งนานเกินหนึ่งชั่วโมง
                        - ทำจิตให้ผ่องใส อยู่กับปัจจุบัน ไม่ส่งจิตออกนอกตัว

                        เพียงแค่นี้ท่านก็จะห่างไกลโรค ไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ซึงเป็นแล้วหายอยาก โอกาสเป็นมะเร็งตับสูงมากๆ

                        สำหรับผู้ที่เป็นแล้ว ขอให้รำ ชิกง  ควบคู่กับกินกินอาหารตามที่คุณหมอแนะนำ กินยา ตรวจเลือดทุกเดือน ควบคู่ไป มีโอกาสหายขาดได้ด้วย โยคะ ชิกง ครับ พี่สิงห์ได้แนะนำเชิงบังคับให้พรรคพวกทำมาแล้ว และโชคดีหายครับ
                        สวัสดี

ดร.สุริยา  ระวังมีโอกาสเป็นสูง เพราะนอนดึก  จิตไม่ผ่องใส  วิตกกังวล เครียดตลอดเวลา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2282 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 13:19:07 »

เรียน กรรมการชมรมฯ ทุกท่าน
                        วันพุธที่ ๑๕  มิถุนายน นี้ พี่สิงห์คงไปประชุมด้วยไม่ทัน เพราะว่าต้องไปโรงงาน PSTC สระบุรี ตั้งแต่เช้า เพราะทางเจ้าหน้าที่ สมอ. มาทำการเก็บตัวอย่างทดสอบ และตรวจสอบหลายเรื่องด้วยกัน ตามที่ขอ มอก. คอนกรีตผสมเสร็จ เอาไว้ พี่สิงห์ในฐานะผู้ออกแบบส่วนผสม ต้องคอยตอบคำถาม และดูการเก็บตัวอย่างให้เป็นไปตามมาตรฐาน ๑๓ ตัวอย่าง(concrete mixed design) ใช้เวลาสามวันในการเก็บตัวอย่าง พี่สิงห์มีเวลาไปดูเพียงวันเดียวเท่านั้น เพราะพฤหัสบดี ศุกร์ ต้องไปนครศรีธรรมราช จึงต้องไปวันพุธทั้งวันแทน ครับ
                        จึงเรียนมาให้ทราบทั่วกัน
                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #2283 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 15:14:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 14 มิถุนายน 2554, 12:19:45

                        พี่สิงห์เองไม่ได้ฝันมานาน ในเรื่องเกี่ยวกับกาย-ใจ หรืออารมณ์ของเรา ที่มาร ,kในรูปความโกรธ ความโลภ  ความหลง จะมาผจญทำให้เราติดกับมัน เพราะก่อนนอนก็เจริญสติจนกระทั่งหลับไป ตื่นขึ้นกลางดึกก็จะระลึกได้ว่าต้องมีสติ จะคอยเตือนให้รู้ตัวตลอดเวลาว่า ต้องสร้างความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่กับปัจจุบันเพราะจะทำไม่ให้คิดนอกตัว จิตมันก็จะว่าง มีอยู่วันหนึ่งขณะเคลิ้มๆ ภายหลังจากตื่นขึ้นมากลางดึก พี่สิงห์ก็ฝัน หรือจะเรียกว่านิมิตก็ได้ ฝันว่าได้ขึ้นลิฟไปกับสตรีชรา ท่านหนึ่ง   ขึ้นไปตึกสูงมาก ลิฟ นั้นไม่มีกำแพงรั้วกั้นทั้งสิ้นโล่งๆ เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยปกติจะรู้สึกกลัวความสูงมาก แต่ปรากฎว่า ความกลัวไม่เกิดขึ้นเลย พอถึงสตรีชราท่านนั้นก็บอกให้พี่สิงห์ลง ตัวเธอลงลิฟกลับไปข้างล่าง ปล่อยให้พี่สิงห์อยู่บนตึกสูงพร้อมด้วยถุงกอล์ฟหนึ่งใบที่แบกอยู่ มองดูมันสูงเราจะลงอย่างไรดีหนอ แต่ลิฟก็กลับขึ้นมา แต่ระยะห่างจากพี่สิงห์พอสมควรอยู่อย่างนั้น      ลิฟก็ไม่มีรั้วกั้น สูงก็สูง แต่ไม่กลัว พี่สิงห์ยืนพิจารณาอยู่นานว่าจะลงอย่างไรดี  ได้แต่เตือนตัวเองว่าต้องมีสติ บังเอญจิตมันก็คิด ปัญญาก็เกิด ว่านีละการปฏิบัติธรรม การที่จะปลดทุกข์ ซึ่งก็คือถุงกอล์ฟที่เราแบบอยู่บนไหล่ นั้น มันหนัก เราต้องใช้ความอดทน  ความเพียร และปัญญาเท่านั้น  จึงจะปลดทุกข์ได้  มันไม่ได้มาแบบง่ายๆ ต้องอดทนอย่างมากและปัญญาเท่านั้น เช่นเดียวกันการที่เราจะลงจากตึกสูง ต้องแบกถุงกลอ์ฟ กับความกลัวต่างๆ นั้น มันก็ต้องใช้ปัญญาแก้ไข และความอดทน มีสติ จึงจะลงไปข้างล่างได้ คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ปัญญา เป็นจริงเสมอครับ  ไม่ใช่ซื้อด้วยเงิน  มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบันดาลให้  ต้องหาด้วยตัวเองเท่านั้น  ใครช่วยไม่ได้

                         

พี่อย่าถือหนูนา หนูไม่ค่อยรู้อะไรหรอก แต่คิดสงสัยเองว่า เขาจะบอกว่าต้องละกอล์ฟหรือเปล่า ในฝันถึงต้องเอาถุงกอล์ฟไปด้วย
คุณเหยง ห้ามหัวเราะเยาะผู้ไม่ค่อยรู้นาเหยงนา ว่าไปตามประสาคนห่างวัดหน่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #2284 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 20:09:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:56:29
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:23:24
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 06:15:44

                      เช่น ตัวอย่าง อาจารย์ถาวร   โชติชื่น  เข้ามาอ่านข้อความที่คุณเหยง  ดร.สุริยา  และพี่สิงห์ ปรามาดเอาไว้  จิตใจของอาจารย์ถาวร พอประสพข้อความเท่านั้นก็พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ เกิดความทุกข์ คือคิดปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ  คิดอยากจะมาตอบโต้ ทันทีทันใด แต่ก็รู้ตัวดี ว่าตัวเองเก่งแต่พูด เขียนไม่เป็น  ในสิ่งที่พูดก็ซ้ำๆ ซากๆ เรื่องเดิมทั้งนั้น(ถ้าผู้ฟังเคยฟังอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  พูดมากกว่าหนึ่งครั้งจะสามารถพบได้ด้วยตัวเอง)เพียงแต่เปลี่ยนคนฟังใหม่เท่านั้นเอง เป็นเช่นนั้นจริง  อาจารย์ถาวร  ทุกข์เพราะ ไปแทงใจดำของตัวเองเข้า  อาจารย์ถาวร  พยายามใช้ความอดทน  อุเบกขา  เพื่อข่มใจตนเอง ไม่ให้ออกมาตอบโต้ เพราะบางครั้งเราก็รู้ว่าการอยู่นิ่งๆ เฉยๆ นั้น เป็นวิธีที่ถูกใช้ได้เสมอในทุกเหตุการ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร ทั้งๆที่เราคิด เราทุกข์แทบตาย  จะเห็นว่าอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ไม่ออกมาตอบโต้เลย  ซึ่งเราก็คาดเดาเอาไว้แล้วตามที่คุณเหยง บอกเอาไว้
                   

ป้อมว่า เขารู้ทันว่ามันเป็น กลยุทธ ก็เลยไม่ออกมาค่ะ อิๆ
ความจริงเขาเก่งทั้งพูดและเขียนแหละค่ะ ป้อมว่า


ผมว่า เขาไม่เก่งเรื่องเขียนหรอก เขาเคยบอกว่าจะให้หนังสือกับผม 1 เล่ม
รอจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับ กลัวผมอ่านแล้วจะวิจารณ์เขามั้ง ??!!


ทวงไปเหอะ ไม่เข้ามาอ่านร๊อก
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #2285 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 20:11:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 17:07:28
สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                       วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน  พี่สิงห์ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง 15:35 น. โดยสายการบิน 1-2 -go เดินทางต่อไปดูงานที่แม่จันทร์  พักที่โรงแรม LUNA ใกล้สนามบินเก่า  พี่สิงห์ชอบเงียบดี ห้องก็ดีมาก บรรยากาศเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเช้ามืด และมีพื้นที่ให้เดินจงกรมออกกำลังกาย และมีข้าวต้มกล้อง  ผักสดดีมากเป็นอาหารเช้าดีกว่าโรงแรมทวินโลตัสที่ใต้มาก
                       วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน มีนัดตีกอล์ฟกับคุณมงคลชัย RCU 24 และลูกชาย Tee off 07:30 น. เที่ยงคุณพัชรีมาสมทบ เป็นวันเกิดคุณพัชรี  ทาง SIW เป็นเจ้าภาพครับมื้อนี้
                       บ่ายโมงเดินทางออกจากสนามกอล์ฟ คาดว่าจะไปถึงเชียงใหม่ 16:00 น. พักที่โรงแรม The Park ตอนเย็นมีนัดกับเธอ จุ๋ม และอ้อม  จะไปกินร้านไหน  เวลาไหนได้ทั้งนั้น บอกมาก็แล้วกัน ทาง SIW เป็นเจ้าภาพ
                       วันอังคารเช้ามีนัดที่ PPS จอมทอง บ่ายแวะไปเยี่ยมคุณหมออุดม ที่โรงพยาบาลจอมทอง เย็นมีนัดที่สนามบินเชียงใหม่เวลา 16:00 น. และเดินทางกลับกรุงเทพฯ 17:35 น. โดยนกแอร์
                       เธออย่าลืมบอกคุณอ้อมทิพย์ และคุณจุ๋ม  ด้วยนะครับ
                       สวัสดี

วันที่ 20 พอดีมีงานที่สำนักงานฯค่ะ  แล้วจะบอกอ้อมกับจุ๋มให้นะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2286 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 20:31:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 14 มิถุนายน 2554, 20:09:26
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:56:29
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 12:23:24
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 มิถุนายน 2554, 06:15:44

                      เช่น ตัวอย่าง อาจารย์ถาวร   โชติชื่น  เข้ามาอ่านข้อความที่คุณเหยง  ดร.สุริยา  และพี่สิงห์ ปรามาดเอาไว้  จิตใจของอาจารย์ถาวร พอประสพข้อความเท่านั้นก็พรุ่งพล่านเดือดดาลใจ เกิดความทุกข์ คือคิดปรุงแต่งไปต่างๆนาๆ  คิดอยากจะมาตอบโต้ ทันทีทันใด แต่ก็รู้ตัวดี ว่าตัวเองเก่งแต่พูด เขียนไม่เป็น  ในสิ่งที่พูดก็ซ้ำๆ ซากๆ เรื่องเดิมทั้งนั้น(ถ้าผู้ฟังเคยฟังอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  พูดมากกว่าหนึ่งครั้งจะสามารถพบได้ด้วยตัวเอง)เพียงแต่เปลี่ยนคนฟังใหม่เท่านั้นเอง เป็นเช่นนั้นจริง  อาจารย์ถาวร  ทุกข์เพราะ ไปแทงใจดำของตัวเองเข้า  อาจารย์ถาวร  พยายามใช้ความอดทน  อุเบกขา  เพื่อข่มใจตนเอง ไม่ให้ออกมาตอบโต้ เพราะบางครั้งเราก็รู้ว่าการอยู่นิ่งๆ เฉยๆ นั้น เป็นวิธีที่ถูกใช้ได้เสมอในทุกเหตุการ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร ทั้งๆที่เราคิด เราทุกข์แทบตาย  จะเห็นว่าอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ไม่ออกมาตอบโต้เลย  ซึ่งเราก็คาดเดาเอาไว้แล้วตามที่คุณเหยง บอกเอาไว้
                   

ป้อมว่า เขารู้ทันว่ามันเป็น กลยุทธ ก็เลยไม่ออกมาค่ะ อิๆ
ความจริงเขาเก่งทั้งพูดและเขียนแหละค่ะ ป้อมว่า


ผมว่า เขาไม่เก่งเรื่องเขียนหรอก เขาเคยบอกว่าจะให้หนังสือกับผม 1 เล่ม
รอจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับ กลัวผมอ่านแล้วจะวิจารณ์เขามั้ง ??!!


ทวงไปเหอะ ไม่เข้ามาอ่านร๊อก

ชัวร์ ยังไงหนังสือเล่มนี้ก็คงไม่ได้แน่นอน !! ??
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2287 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 20:43:04 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                       การปฏิบัติธรรมอย่าไปมองว่าต้องไปอยู่วัด อยู่สำนักปฏิบัติธรรม เท่านั้น มันไม่ถูกต้องทั้งหมด  ถ้าทุกคนทิ้งงานทิ้งการไปหมดแบบนั้น สังคมอยู่ไม่ได้  คนที่จะไปอย่างนั้นหมายความว่า เขาพร้อมแล้วคือมีเงินทอง หมดภาระ จึงปลีกวิเวกได้
                       การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้น คือการอยู่กับอารมณ์ ณ ปัจจุบัน ให้มีสติ รู้ตัวทั่วพร้อม ไม่คิดนอกกาย-ใจ ไม่ส่งจิตออกนอก อยู่ในอิริยาบถที่เรากำลังกระทำ รวมถึงผู้ที่จะต้องทำงานก็ขอให้มีสติรู้ตัวตลอดเวลา  มันเป็นอย่างนี้ครับ แม้จะตีกอล์ฟ ก็ขอให้มีสติ และต้องเอาสติมาดูกาย-ใจ ของเรา ครับ ทำอยู่อย่างนี้ ปัญญามันจะเกิดเอง สามารถรู้ได้เอง
                       พี่สิงห์ยังเป็นปุถุชนธรรมดาอยู่ครับ  ยังไม่บรรลุใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ "รู้"จากการปฏิบัติธรรมดูกาย-ดูใจ เห็นการคิด เห็นการโกรธ เห็นรูป-นาม มากขึ้น ๆ แทงตลอดในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน  กำลังหาทางหลุดพ้นอยู่  ขอเพียงแค่ลดความอยากลงให้มาก ๆ  มีสติตลอดเวลา ให้สติเร็วเท่าความคิดที่จะโกรธ โลภ และหลง เท่านั้นก็พอใจ แล้วครับ
                        ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2288 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 21:03:54 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์
เพิ่งสามทุ่มเองนะคะ จะราตรีสวัสดิ์เลยหรือคะ
ยังไม่ได้คุยให้ฟังเท่าไหร่เลย
ตามอ่านแต่ไม่ค่อยเขียนเหมือนน้องอ้อยค่ะ
 พี่สิงห์คุยมาเถิดค่ะ จะตามอ่าน
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #2289 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2554, 21:22:21 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 มิถุนายน 2554, 20:14:04


[b
สวัสดีค่ะพี่สิงห์
                       นกเพิ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวWebชาวซีมะโด่งได้ไม่นาน  กำลังไล่อ่านตามกระทู้ต่างๆอยู่ 
           แต่พออ่านกระทู้ที่พี่เขียน  รู้สึกว่ามีความสงบและมีสาระชวนติดตามมาก   กำลังปฏิบัติตามที่พี่แนะนำ 
          โดยเฉพาะเรื่องอาหารในมื้อเย็น
                       ได้ทราบว่าพี่สิงห์พี่ปัญหาเรื่องComputer excel อยู่  ไม่ทราบว่าเป็นปัญหาในเรื่องการใช้โปรแกรม
          Word excel ใช่หรือไม่คะ ( เพราะนกเคยมีปัญหาเรื่องนี้อย่างและเคยถามอาจารย์ที่สอนคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน)
           ถ้าใช่ปัญหาเดียวกัน    พี่สิงห์ลองทำดูนะคะ
                      พี่สิงห์กดไปที่หน้าที่มีคำว่าhome อยู่ในบรรทัด  แล้วคลิกขวาที่คำว่าhome พี่สิงห์จะพบตัวภาษาอังกฤษอยู่3แถว
          และมีเครืองหมาย   ถูก ปรากฏอยู่ข้างหน้าแถวใดแถวหนึง พี่สิงห์คลิกไปที่เครื่องหมายถูก  เพื่อทำให้เครื่องหมายนั้นหายไป
          ก็จะเป็นหน้าhome  ที่มีเครื่องมือต่างๆที่พี่จะใช้ตามปกติไม่ต้องคลิกไปคลิกมา
                      ถ้าไม่ใช่ปัญหาเดียวกัน หรือพี่แก้ปัญหาได้แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะ   ที่อาจจะโพสต์มารบกวนเวลาในการเพ่งพียรเผากิเลสของพี่
                                                          nok15
                                         น้องใหม่ในวงการwebของชาวหอ
         

                                                         
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2290 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2554, 05:42:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 14 มิถุนายน 2554, 21:22:21
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 มิถุนายน 2554, 20:14:04


[b
สวัสดีค่ะพี่สิงห์
                       นกเพิ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวWebชาวซีมะโด่งได้ไม่นาน  กำลังไล่อ่านตามกระทู้ต่างๆอยู่ 
           แต่พออ่านกระทู้ที่พี่เขียน  รู้สึกว่ามีความสงบและมีสาระชวนติดตามมาก   กำลังปฏิบัติตามที่พี่แนะนำ 
          โดยเฉพาะเรื่องอาหารในมื้อเย็น
                       ได้ทราบว่าพี่สิงห์พี่ปัญหาเรื่องComputer excel อยู่  ไม่ทราบว่าเป็นปัญหาในเรื่องการใช้โปรแกรม
          Word excel ใช่หรือไม่คะ ( เพราะนกเคยมีปัญหาเรื่องนี้อย่างและเคยถามอาจารย์ที่สอนคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน)
           ถ้าใช่ปัญหาเดียวกัน    พี่สิงห์ลองทำดูนะคะ
                      พี่สิงห์กดไปที่หน้าที่มีคำว่าhome อยู่ในบรรทัด  แล้วคลิกขวาที่คำว่าhome พี่สิงห์จะพบตัวภาษาอังกฤษอยู่3แถว
          และมีเครืองหมาย   ถูก ปรากฏอยู่ข้างหน้าแถวใดแถวหนึง พี่สิงห์คลิกไปที่เครื่องหมายถูก  เพื่อทำให้เครื่องหมายนั้นหายไป
          ก็จะเป็นหน้าhome  ที่มีเครื่องมือต่างๆที่พี่จะใช้ตามปกติไม่ต้องคลิกไปคลิกมา
                      ถ้าไม่ใช่ปัญหาเดียวกัน หรือพี่แก้ปัญหาได้แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะ   ที่อาจจะโพสต์มารบกวนเวลาในการเพ่งพียรเผากิเลสของพี่
                                                          nok15
                                         น้องใหม่ในวงการwebของชาวหอ
         

                                                         

สวัสดีค่ะ คุณน้องนก(กนกวรรณ) ที่รัก
                          ขอบคุณมากที่แนะนำครับ แต่อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนพี่สิงห์เห็นชื่อเธอปรากฏอยู่หน้าจอพร้อมคุณต้อย จิตมันคงจะรู้ว่ากำลังมี ผู้มีปัญญาจะมาบอกกับพี่สิงห์แล้วเรื่อง computer และพี่สิงห์กำลังจะออกแบบใช้งาน Excel จิตมันบอกว่า ให้กด Click ขวา มีเครื่องหมายถูกอยู่หน้า minimize ให้กด พอพี่สิงห์กดเท่านั้นแหละหน้าจอเป็น Home เลย จึงหมดทุกข์ทางด้าน Computer ไป  นี่ละจิตคน เพราะความกลัว ครับ
                          พี่สิงห์แก้ปัญหาได้ เมื่อเห็นชื่อเธอจริงๆ ดร.สุริยา  คุณรุ่งศักดิ์ ทราบ
                          อรุณสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2291 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2554, 05:57:24 »

รู้สุขภาพวันละนิด จิตหมดทุกข์

รับประทานสูตร 2:1:1 คือผัก : ข้าว : โปรตีน งดอาหารรสจัด งดกินจุบจุบ งดน้ำอัดลม สุขภาพดี
นอนแต่หัวค่ำ  ตื่นมาจะไม่หงุดหงิด จะไร้โรค
ออกกำลังกายทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมง จิตผ่องใส
ปฏิบัติธรรมวันละนิด หมดทุกข์ครับ

ตอน
สร้างนิสัยการกิน

                      การสร้างนิสัย ให้ทำอะไร ให้อยู่ในความมีระเบียบ ทำอย่างสม่ำเสมอ จนติดเป็นนิสัยโดยอัตโนมัตินั้น เป็นสิ่งที่ดี โดยเแพาะเรื่องการกิน เพราะเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ เพราะคนเราต้องกิน เพื่อความมีชีวิต พี่สิงห์จึงอยากให้ทุกท่าน ฝึกให้เป็นระเบียบ ตรงเวลา ถูกต้องครับ ยังไม่สายที่เราจะเริ่มต้น เพื่อเอาชนะจิตตัวเอง และได้ประโยชน์กับร่างกาย (รูป)
                     - ฝึกรับประทานอาหารให้ครบสามมื้อ ตรงเวลา ไม่ตั้งเงื่อนไขในรสชาด กินในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พอประมาณเท่านั้น
                     - ฝึกงดการกิน จุบจิบ น้ำอัดลม ผลไม้ พูดง่ายๆ คือ งดอาหารนอกมื้อทั้งสามนั่นเอง
                     - ฝึกประเพณีการกินข้าวภายในครอบครัว ตรงเวลา พร้อมหน้าทั้งครอบครัว และให้ทุกคนรู้หน้าที่ว่าเวลานี้ต้องพบกันที่โต๊ะอาหาร
                     ลองฝึกปฏิบัติง่ายๆ อย่างนี้ละ ไม่อยาก ถ้าทำได้ สิ่งดีๆเกิดขึ้นในครอบครัวท่านมหาสาร ครับ ไม่อยาก นี่คือสิ่งเริ่มต้นในการเอาชนะใจตนเอง ลองดุนะครับ
                     สวัสดี

เช้านี้พี่สิงห์มีเวลาน้อย ต้องเจริญสติ ซื้อผลไม้เพื่อออกจากบ้านก่อนเจ้ดโมง ไปหาแม่ที่สิงห์บุรี และถึง PSTC ก่อนห้าโมงเช้าครับ)
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #2292 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2554, 08:37:50 »

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...และสมาชิกทุกท่าน...

...มาตามอ่านต่อค่ะ...เรื่องการทานอาหารที่ต้องปรุงรสเช่น...ก๋วยเตี๋ยว...ขึ้นอยู่กับนิสัยของคนด้วยค่ะ...

...แต่ก่อนหมอประสิทธิ์จะทานก๋วยเตี๋ยวโดยไม่ปรุงค่ะ...อาจจะติดนิสัยจากครอบครัวคนจีนที่ชอบทานอะไรจืดๆ...

...และถ้าใครๆเห็นก็จะรู้สึกแปลกใจว่า...ก๋วยเตี๋ยวถ้าไม่ปรุงจะอะไรอย่างไร...

...บางคนก็เลยจัดการปรุงให้แกค่ะ...รวมทั้งตู่ด้วย...จนตอนหลังหมอเกิดความอร่อย...เค้าก็จะปรุงเองค่ะ...

...จนภายหลัง...ถึงได้รู้ความจริงว่าปรุงมากไปก็ไม่ดี...เลยต้องเพลาๆมือค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2293 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2554, 11:59:27 »

คั่นเวลา เชิญชวน : คืนนี้ช่วงตีสาม ถึง ตีสี่กว่า ดูจันทรคราสเต็มดวง


'จันทรุปราคา'กับ'ทางช้างเผือก' 15มิถุนาฯ-ค่ำคืนมองฟ้าสุดอัศจรรย์

ข้อมูล : สดร. , สมาคมดาราศาสตร์ไทย


โลกคั่นกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์

 
คืนวันที่ 15 ต่อเนื่องข้ามไปสู่วันใหม่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2554 นี้ คนไทยจะมีโอกาสตื่นตายลความอัศจรรย์ของปรากฏการณ์สำคัญจากห้วงอวกาศถึง 2 วาระไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ "จันทรุปราคาเต็มดวง" ครั้งแรกในรอบ 4 ปี รวมถึงปรากฏการณ์ "จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์"

นอกจากนั้น ถ้าท้องฟ้าในพื้นที่ใดมืดมิดเพียงพอ ไม่มีแสงไฟรบกวน ยังจะมีโอกาสมองเห็นความงดงามของ "ทางช้างเผือก" ด้วยตาเปล่าอีกด้วย ขณะที่ดวงจันทร์ถูก "เงาโลก" บดบังทั้งดวง!


ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เปิดเผยให้ข้อมูล พร้อมกับชักชวนคนไทยอย่าพลาดชมปรากฏการณ์จากห้วงอวกาศครั้งสำคัญนี้ ระหว่างร่วมงานแถลงข่าว 'จันทรุปราคาเต็มดวง/จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์' เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

คืนวันที่ 15 ถึงเช้ามืดของวันที่ 16 มิ.ย. 2554 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่คนไทยจะได้เห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในประเทศไทย

โดยดวงจันทร์จะ 'เริ่ม' เข้าสู่เงามืดของโลก เวลาประมาณ 01.22 น. วันที่ 16 มิ.ย.

จากนั้นจะเข้าสู่ช่วง 'คราสเต็มดวง' หรือ บังเต็มดวง ตั้งแต่ 02.22 น. ถึง 04.03 น. ซึ่งจะทำให้เราจะมองเห็นดวงจันทร์เป็น 'สีแดงอิฐ' ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สูงจาก 'เส้นขอบฟ้า' ราว 30 องศา

คนไทยสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ด้วยตาเปล่าในทุกภูมิภาคของประเทศ

นอกจากนี้ หากท้องฟ้าใส ไม่มีเมฆ และไม่มีแสงไฟรบกวนจะมีโอกาสเห็น 'ทางช้างเผือก' ในคืนวันเพ็ญขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวงอีกด้วย

"ปรากฏการณ์ทางช้างเผือกที่เห็นอย่างชัดเจนครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก การเกิดจันทรุปราคา ในวันที่ 16 มิ.ย. คนไทยชมปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ด้วยตาเปล่าในทุกภูมิภาคของประเทศค่อนข้างชัดเจน โดยมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ควรเลือกสถานที่ค่อนข้างมืด ไร้แสงรบกวนจากเมือง? หากใช้กล้องสองตา? หรือกล้องโทรทรรศน์จะเห็นจันทรุปราคาชัดมากขึ้น ส่วนจันทรุปราคาครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในเดือนมหามงคล วันที่ 10 ธ.ค. 2554" รองผอ.สดร.กล่าว

ดร.ศรัณย์ แนะนำว่า สำหรับการตั้งจุดสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ ทางสถาบันวิจัยดารา ศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ร่วมกับเครือข่ายทางดาราศาสตร์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และสงขลา กำหนดตั้งจุดสังเกตปรากฏการณ์ดังกล่าว
1.ทางช้างเผือก เมื่อมองด้วยกล้องโทรทรรศน์

2.ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา

3.ทางช้างเผือก เมื่อมองจากพื้นโลก

 

โดยตั้งกล้องโทรทรรศน์ที่มีความยาว โฟกัสกว่า 800 มิลลิเมตร เพื่อสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคา และจะถ่ายทอดภาพปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงจากทั้งสามแห่ง ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของสถาบัน ที่เว็บไซต์ www. narit.or.th

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมชมจันทรุปราคาเต็มดวงกับสดร. ได้ตามสถานที่ต่อไปนี้

จ.เชียงใหม่ จุดถ่ายทอดสดและตั้งกล้องโทรทรรศน์สังเกตปรากฏการณ์ บริเวณดาดฟ้า ชั้น 3 อาคารสดร. ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ติดต่อขอรับบัตรเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ สำนักบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. ถนนห้วยแก้ว จนถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2554 หรือสอบถามโทร. 0-5322-5569 ต่อ 305 รับจำนวนจำกัด 100 คน

จ.ฉะเชิงเทรา และชลบุรี จะตั้งจุดถ่ายทอดสด ณ บริเวณหอดูดาวบัณฑิต อำเภอแปลงยาว ฉะเชิงเทรา และจัดกิจกรรมให้ผู้ที่สนใจร่วมสังเกตปรากฏการณ์จากกล้องโทรทรรศน์อีก 3 จุด ได้แก่ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ อำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา โรงเรียนไผ่แก้ววิทยา อำเภอแปลงยาว ฉะเชิงเทรา และโรงเรียนชลราษฎรอำรุง อำเภอเมือง ชลบุรี

ส่วนจ.สงขลา จะตั้งจุดถ่ายทอดสดและจัดกิจกรรมให้ผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสปรากฏการณ์จันทรุปราคาอย่างใกล้ชิดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

นอกจากนี้ ดร.ศรัณย์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า วันที่ 16 มิ.ย. 2554 นอกจากคนไทยจะได้ชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นคือ

ขณะที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปในเงาของโลกเกือบเต็มดวงนั้น ดวงจันทร์ยังเคลื่อนที่ไปบังดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า "51 Ophiuchi" (51 โอฟีอุชชี) หรือ "ดาว 51 คนแบกงู" อีกด้วย

เราจะมองเห็นดาวฤกษ์ 51 Ophiuchi เริ่มหายเข้าไปหลังดวงจันทร์สีแดงอิฐ ในเวลาประมาณ 02.08 น. และจะโผล่พ้นดวงจันทร์ออกมาในเวลาประมาณ 02.12 น.

"ดาวฤกษ์ 51 Ophiuchi เป็นดาวฤกษ์สีขาวที่อยู่นอกระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มาก แต่อยู่ไกลจากโลกมากถึง 446.35 ปีแสง ดังนั้น เราอาจมองเห็นดาวฤกษ์นี้ด้วยตาเปล่าได้ไม่เด่นชัดมากนัก สำหรับผู้ที่สนใจติดตามปรากฏการณ์บนฟากฟ้าอย่าพลาด เพราะถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางดารา ศาสตร์ที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก" ดร.ศรัณย์ เผย

สำหรับจันทรุปราคาครั้งนี้มีระยะเต็มดวงยาวนานถึง 1 ช.ม. 40 นาที 52 วินาที ทำลายสถิติจันทรุปราคาเต็มดวงในไทยในอดีต เมื่อ 16 ก.ค. 2543 หลังจากปี 2554 จันทรุปราคาเต็มดวงที่มีระยะเวลามืดเต็มดวงนานเกิน 100 นาที จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ซึ่งสามารถเห็นได้ในประเทศไทยอีกเช่นกัน

ด้าน วรเชษฐ์ บุญปลอด กรรมการวิชาการ สมาคมดาราศาสตร์ไทย ระบุว่า นานเกือบ 4 ปีมาแล้วที่ประเทศไทยไม่มีโอกาสได้เห็นจันทรุปราคาเต็มดวง

ปีนี้เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงขึ้น 2 ครั้ง ทั้งคู่สามารถเห็นได้ในประเทศไทย

โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเวลากลางดึกของคืนวันพุธที่ 15 มิ.ย. 2554 เข้าสู่เช้ามืดวันที่ 16 มิ.ย. และครั้งที่ 2 ในคืนวันที่ 10 ธ.ค.2554

จันทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ มาเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน จนทำให้ดวงจันทร์ผ่านเงาของโลกซึ่งทอดยาวออกไปในอวกาศ

เงานี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงามืด และ เงามัว เงามัวเป็นส่วนที่จางมาก เรามักสังเกตไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงกับดวงจันทร์ขณะที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามัว ยกเว้นกรณีที่ดวงจันทร์อยู่ในเงาลึกมากพอ

หากดวงจันทร์ทั้งดวงเคลื่อนผ่านเข้าไปในเงามืด เรียกว่า 'จันทรุปราคาเต็มดวง' เฉลี่ยเกิดขึ้นประมาณ 70 ครั้งต่อศตวรรษ

จันทรุปราคาหลายครั้งที่มีเพียงบางส่วนของดวงจันทร์เท่านั้นที่ผ่านเข้าไปในเงามืด เรียกว่า 'จันทรุปราคาบางส่วน' เฉลี่ยเกิดขึ้นประมาณ 84 ครั้งต่อศตวรรษ (สถิติในช่วง 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึงค.ศ.3000)

สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนพื้นโลกไม่สามารถสังเกตจันทรุปราคาได้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าขณะเกิดปรากฏการณ์เป็นเวลากลางคืนในท้องถิ่นนั้นๆ หรือไม่

เพราะเมื่อเกิดจันทรุปราคาแล้ว เฉพาะซีกโลกด้าน 'กลางคืน' เท่านั้นที่สังเกตปรากฏการณ์นี้ได้ แต่นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีโอกาสเห็นจันทรุปราคาได้บ่อยกว่าสุริยุปราคา

วรเชษฐ์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลำดับการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง 15-16 มิ.ย.นี้ ว่า

คนไทยเฝ้ารอสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่คืนวันพุธที่ 15 มิ.ย. โดยดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัวในเวลา 00.25 น. ของวันที่ 16 มิ.ย. แต่เราจะสังเกตไม่พบการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งดวงจันทร์เข้าไปในเงามัวลึกมากยิ่งขึ้น

คาดว่าจะเริ่มสังเกตว่าพื้นผิวดวงจันทร์โดยรวมดูหมองคล้ำลง ตั้งแต่เวลาประมาณตี 1 หรือหลังจากนั้นไม่นาน โดยเฉพาะ 'พื้นผิวด้านตะวันออก' ของดวงจันทร์

จันทรุปราคาบางส่วนเริ่มขึ้นเวลา 01.23 น. เป็นจังหวะที่เริ่มเห็นขอบดวงจันทร์แหว่ง เนื่องจากสัมผัสกับเงามืดของโลก ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงบนท้องฟ้าทิศใต้ เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเวลาผ่านไปดวงจันทร์จะเข้าไปในเงามืดลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาเกือบตี 2 จะเห็นดวงจันทร์ถูกบังครึ่งดวง

จากนั้นเริ่ม 'บังหมดทั้งดวง' ในเวลา 02.22 น.

"ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังหมดทั้งดวง แต่ดวงจันทร์ก็ไม่ได้มืดมิด เราสามารถมองเห็นดวงจันทร์มีสีน้ำตาล ส้ม หรือแดง และอาจมีสีฟ้าปะปนอยู่ได้เล็กน้อย

เวลา 03.13 น. ดวงจันทร์เข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด คาดหมายได้ว่าเป็นเวลาที่ดวงจันทร์มืดคล้ำที่สุด (หากท้องฟ้าเปิดตลอดปรากฏการณ์) จากนั้นเวลา 04.03 น. เป็นเวลาที่จันทรุปราคาเต็มดวงสิ้นสุดลง รวมแล้วเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงยาวนานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที ขณะสิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้"

"ช่วงที่เกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ตรงกลางระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับกลุ่มดาวคนยิงธนู หากอยู่ในที่มืด ห่างจากเมืองใหญ่ ไม่มีแสงไฟรบกวนมากนัก และไม่มีเมฆฝนบดบัง จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกอยู่เบื้องหลังดวงจันทร์ได้ชัดเจน

ผู้ที่มีกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ สามารถสังเกตได้ว่าขณะเริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง มีดาวฤกษ์ดวงหนึ่งอยู่ใกล้ขอบด้านทิศตะวันออกของดวงจันทร์ ดาวดวงนี้คือดาว 51 คนแบกงู โชติมาตร +4.8 ดวงจันทร์จะบังดาวฤกษ์ดวงนี้ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง เมื่อสิ้นสุดการบังแล้ว ดาว 51 คนแบกงูก็จะกลับมาปรากฏที่ขอบอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์" วรเชษฐ์ ระบุ

จันทรุปราคาเต็มดวง-จันทรุปราคาบังดาวฤกษ์-ทางช้างเผือก มหัศจรรย์งดงามจับใจแค่ไหน อย่าพลาด 15-16 มิ.ย.นี้ โปรดจับจ้องท้องฟ้ายามรัตติกาลโดยพร้อมเพรียงกัน!

หน้า 21 [/size]

จาก นสพ. ข่าวสดออนไลน์
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEUwTURZMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdOaTB4TkE9PQ==

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2294 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2554, 20:20:52 »

เอ้า...มาดูกำหนดการของจันทรคราสของคืนนี้กันชัดๆ ครับ
 ๐๐.๒๕ น.จันทร์เริ่มแตะเงามัว
 ๐๑.๒๒ น.จันทร์สัมผัสเงามืดโลก ขอบเริ่มแหว่ง
 ๐๒.๐๐ น.จันทร์ถูกอมครึ่งดวง
 ๐๒.๒๒ น.จันทร์ถูกอมมิดทั้งดวง
 ๐๓.๑๓ น.จันทร์ใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด จนคล้ำดำมืดมากที่สุด
 ๐๔.๐๓ น.สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2295 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2554, 20:37:20 »

อ่านบทความของคุณ เปลว สีเงิน จากไทยโพสต์ครับ

คืน 'พระจันทร์สีเลือด' ก็มาถึง
เปลว สีเงิน  15 มิถุนายน 2554 - 00:00

     คืนนี้ ช่วงรอยต่อของวันที่ ๑๕ กับวันที่ ๑๖ มิ.ย. ตั้งแต่ตอนตี ๑ กว่าๆ เป็นต้นไป อย่าลืมตื่นขึ้นมาดู "พระจันทร์สีเลือด" นะครับ เหตุที่เป็นสีเลือดก็เพราะพระจันทร์ถูกเงาโลกบังมิดทั้งดวง แต่พระจันทร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็ยังคงส่องแสงแยงม่านฟ้าเหมือนเดิม จึงเห็นผ่านเงามืดเป็นสีเลือด หรือสีแดงอิฐ
     ครับ...ผมไม่มีความรู้ด้านศาสตร์จักรวาลและดวงดาวหรอกครับ อาศัยอ่านเอา นี่ก็อ่านจากสารคดีหนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่เขาไปรวบรวมมาจากการแถลงข่าวของ ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รอง ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และอาจารย์วรเชษฐ์ บุญปลอด จากสมาคมดาราศาสตร์ไทย
     เห็นคืนนี้จะเกิด "จันทรคราส" ในแบบอมมิดเต็มดวง แถมอมยาวนานเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง ๔๐ นาที เรียกว่าเกือบ ๒ ชั่วโมง ไม่อยากให้ท่านนอนหลับทับคราสน่ะ ก็เลยนำมาบอก เผื่อท่านจะได้ดับไฟใส่กลอนนอนแต่หัวค่ำ แล้วลุกตื่นขึ้นมากลางดึกตอน ๒ ยามกว่าๆ
     มาแหงนหน้าถ่างตาดูพระจันทร์สีเลือดน่ะครับ เพราะนานปีทีหนจะมีให้เห็น ครั้งนี้ให้เห็นเป็นครั้งแรกในรอบ ๔ ปี แถมเป็นราหูอมจันทร์ที่อมยาวนานทำลายสถิติตั้งแต่มีมาในเมืองไทย ถ้าเอาแต่นอนจนอดดู ท่านก็ต้องรอไปอีก ๕-๖ ปี
     โน่นแน่ะ รอไปจนถึงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖!
     ฉะนั้น คืนนี้ลืมได้แต่พลาดไม่ได้ ไม่ว่าท่านอยู่จังหวัดไหน ทิศไหนของประเทศ ตี ๑ ถึงตี ๔ ตื่นขึ้นมา รีบแหงนหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
 แล้วท่านจะพบกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ชวนพิศวงงงงวย โดยดวงจันทร์วันเพ็ญเข้าสู่เงามืดของโลกจนมิดดวง มองเห็นเป็น...พระจันทร์สีเลือด เป็นเวลายาวนานร่วม ๒ ชั่วโมง 
     ส่วนหมาจะหอนทั้งเมืองเหมือนที่เกิดคราสทุกครั้งหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ ถึงหอนก็คงหอนประเดี๋ยว-ประด๋าว ขืนหอนต่อเนื่องยาวนานร่วม ๒ ชั่วโมง
     หมาขากรรไกรค้างหมดประเทศแหงๆ!?
     นอกจากเห็นจันทร์สีเลือดจากจันทรคราสแล้ว ยังจะเห็น "ทางช้างเผือก" บนท้องฟ้าด้วย เรียกว่าปรากฏการณ์คืน ๑๕ ต่อ ๑๖ มิ.ย.นี้ ลด-แลก-แจก-แถม ครบเครื่อง ดร.ศรัณย์ท่านบอกว่า
     "ขณะที่ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปในเงาของโลกเกือบเต็มดวงนั้น ดวงจันทร์ยังเคลื่อนที่ไปบังดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า 51 Ophiuchi หรือดาว ๕๑ คนแบกงู โดยดาว ๕๑ คนแบกงูนี้ จะเริ่มหายเข้าไปหลังดวงจันทร์สีแดงอิฐในเวลาประมาณ ๐๒.๐๘ น. และจะโผล่พ้นดวงจันทร์ออกมาในเวลาประมาณ ๐๒.๑๒ น. ดาวฤกษ์ Ophiuchi นี้ เป็นดาวฤกษ์สีขาว อยู่นอกระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มาก แต่อยู่ไกลจากโลกมากถึง ๔๔๖.๓๕ ปีแสง ดังนั้น เราอาจมองเห็นดาวฤกษ์นี้ด้วยตาเปล่าได้ไม่เด่นชัดมากนัก"
     เอ้า...ก็มาดูกำหนดการของจันทรคราสกันชัดๆ ซักนิด
 ๐๐.๒๕ น.จันทร์เริ่มแตะเงามัว
 ๐๑.๒๒ น.จันทร์สัมผัสเงามืดโลก ขอบเริ่มแหว่ง
 ๐๒.๐๐ น.จันทร์ถูกอมครึ่งดวง
 ๐๒.๒๒ น.จันทร์ถูกอมมิดทั้งดวง
 ๐๓.๑๓ น.จันทร์ใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด จนคล้ำดำมืดมากที่สุด
 ๐๔.๐๓ น.สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง
     ย้ำเพื่อเข้าใจตรงนี้นะครับ ขณะที่คราส ตัวดวงจันทร์ยังคงมีแสงสว่างตลอด แต่เมื่อ ดวงอาทิตย์-โลก-ดวงจันทร์ มาเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้ "เงามืด" โลกทอดยาวออกไปในอวกาศ ดวงจันทร์ก็เข้ามาอยู่ส่วนของเงามืดโลกตรงนี้พอดี จึงเรียก "จันทรุปราคาเต็มดวง"
     "ราหู" ในทางดาราศาสตร์ไม่มีตัวตน ก็แค่เงาโลก แต่ทางคติและความเชื่อบางคน บางกลุ่ม บางลัทธิ บางศาสนา ยึดว่ามีตัวตน หนังสืออาจารย์พลูหลวงบอกว่า ในคัมภีร์โหราศาสตร์กล่าว พระอิศวรเอาผีโขมด ๑๒ ตัวเท่ากำลังพระราหูมาร่ายพระเวทให้ป่นละเอียดแล้วประพรมด้วยน้ำอมฤตชุบราหูขึ้น
     ในขณะที่ตำนานดาวพระเคราะห์บอกว่า ราหูคือด้วงและแมลง ย่อมกัดกินต้นไม้หมดทั้งต้น และบ้างก็ว่าราหูคือดวงดาว เป็นเจ้าแห่งลูกอุกกาบาต เป็นผู้คุ้มครองอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ คือทางทิศที่เราจะเห็นพระจันทร์โผล่หลังถูกคราสในคืนนี้นั่นแหละ
     ในเทพนิยายบอกว่า ราหูเป็นยักษ์พวกหนึ่ง คอยจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กลืนกิน และแต่ละครั้งทำให้เกิดคราสขึ้น!
     แต่ในทางวิทยาศาสตร์บอกว่า คราสเกิดจากเงาโลกบังจันทร์ และดวงจันทร์บังอาทิตย์แค่นั้นเอง!!
     ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาก็มี เรียกราหูว่า "อรินทรราหู" ถือเป็นราชาแห่งอสูร คือยักษ์ทั้งปวง จอมอสูรนี้ไม่เคยเกรงกลัวใครเลยในจักรวาลนี้ ยกเว้น "สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
     ครั้งหนึ่ง พระอาทิตย์ พระจันทร์ ถูกราหูจับ ไม่รู้ทำไงจะรอด จึงรำลึกถึงพระพุทธเจ้า ผมจะยกเรื่องพระจันทร์และพระอาทิตย์ในพระไตรปิฎกให้ท่านอ่าน ดังนี้
     เรื่อง "จันทิมสูตร"
     พระผู้มีพระภาคประทับเขตพระนครสาวัตถี ก็โดยสมัยนั้น จันทิมเทวบุตรถูกอสุรินทราหูเข้าจับแล้ว ครั้งนั้นจันทิมเทวบุตรระลึกถึงพระผู้มีพระภาค ได้ภาษิตคาถานี้ในเวลานั้นว่า
      "ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้แกล้วกล้า ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระองค์ พระองค์เป็นผู้หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง ข้าพระองค์ถึงเฉพาะแล้ว ซึ่งฐานะอันคับขัน ขอพระองค์จงเป็นที่พึ่งแห่งข้าพระองค์นั้น"
      ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงปรารภจันทิมเทวบุตร ได้ตรัสกะอสุรินทราหู ด้วยพระคาถาว่า
      "จันทิมเทวบุตร ถึงตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ว่าเป็นที่พึ่ง ดูกรราหู ท่านจงปล่อยจันทิมเทวบุตร พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้อนุเคราะห์แก่โลก"
     ลำดับนั้นอสุรินทราหู ปล่อยจันทิมเทวบุตรแล้ว มีรูปอันกระหืด-กระหอบ เข้าไปหาอสุรินทเวปจิตติถึงที่อยู่ ครั้นแล้วก็เป็นผู้เศร้าสลด เกิดขนพอง ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
     อสุรินทเวปจิตติ ได้กล่าวกะอสุรินทราหู ผู้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ด้วยคาถาว่า
     "ดูกรราหู ทำไมหนอ ท่านจึงกระหืดกระหอบปล่อยพระจันทร์เสีย ทำไมหนอ ท่านจึงมีรูปสลด มายืนกลัวอยู่"
     อสุรินทราหูกล่าวว่า ข้าพเจ้าถูกขับด้วยคาถาของพระพุทธเจ้า หากข้าพเจ้าไม่พึงปล่อยจันทิมเทวบุตร ศีรษะของข้าพเจ้าพึงแตกเจ็ดเสี่ยง มีชีวิตอยู่ ก็ไม่พึงได้รับความสุข"
     ครับ...ก็มาอ่าน "สุริยสูตร" คือเรื่องพระอาทิตย์บ้าง ดังนี้
     ก็โดยสมัยนั้น สุริยเทวบุตร ถูกอสุรินทราหูเข้าจับแล้ว ครั้งนั้น สุริยเทวบุตรระลึกถึงพระผู้มีพระภาค ได้กล่าวคาถานี้ในเวลานั้นว่า
     "ข้าแต่พระพุทธเจ้า ผู้แกล้วกล้า ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระองค์ พระองค์เป็นผู้หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง ข้า-พระองค์ถึงเฉพาะแล้วซึ่งฐานะอันคับขัน ขอพระองค์จงเป็นที่พึ่งแห่งข้าพระองค์นั้น"
     ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงปรารภสุริยเทวบุตร ได้ตรัสกะอสุรินทราหูด้วยพระคาถาว่า
     "สุริยเทวบุตร ถึงตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ว่าเป็นที่พึ่ง ดูกรราหู ท่านจงปล่อยสุริยะ พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้อนุเคราะห์แก่โลก สุริยะใดเป็นผู้ส่องแสง กระทำความสว่างในที่มืดมิด มีสัณฐานเป็นวงกลม มีเดชสูง ดูกรราหู ท่านอย่ากลืนกินสุริยะนั้น ผู้เที่ยวไปในอากาศ ดูกรราหู ท่านจงปล่อยสุริยะ ผู้เป็นบุตรของเรา"
     ลำดับนั้น อสุรินทราหูปล่อยสุริยเทวบุตรแล้ว มีรูปอันกระหืดกระหอบ เข้าไปหาอสุรินทเวปจิตติถึงที่อยู่ ครั้นแล้วก็เป็นผู้เศร้าสลด เกิดขนพอง ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
     อสุรินทเวปจิตติ ได้กล่าวกะอสุรินทราหู ผู้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ด้วยคาถาว่า
     "ดูกรราหู ทำไมหนอ ท่านจึงกระหืดกระหอบ ปล่อยพระสุริยะเสีย ทำไมหนอ ท่านจึงมีรูปเศร้าสลด มายืนกลัวอยู่" อสุรินทราหูกล่าวว่า
     "ข้าพเจ้าถูกขับด้วยคาถาของพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพเจ้าไม่พึงปล่อยพระสุริยะ ศีรษะของข้าพเจ้าพึงแตกเจ็ดเสี่ยง มีชีวิตอยู่ ก็ไม่พึงได้รับความสุข"
 ครับ..อสุรินทเวปจิตติ นั่นคือ "พ่อ" ของราหูนั่นเอง สรุปแล้ว คนมีศีล-มีธรรม และคนที่หมั่นสวดมนต์ ไหว้พระ ราหูทำอะไรไม่ได้ ขืนกำแหง
     "หัวแตก ๗ เสี่ยง" ไม่รู้ตัว!


http://www.thaipost.net/news/150611/40223
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2296 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 07:08:29 »

สวัสดีครับ คุณเหยง
                       ต้องขอขอบพระคุณ คุณเหยงที่มาขัดตาทัพพี่สิงห์ เมื่อคืนเสร็จงานออกจากสระบุรีสองทุ่ม กลับถึงบ้านสามทุ่มครึ่ง จนลืมไปเลยว่ามีจัทรุปราคาเต็มดวง ลืมจริงๆ และไม่ได้ดูเลย  โดยเฉพาะอยากดูทางช้างเผือก
                       เมื่อคืน เป็นเพราะกินอาหารมื้อเย็นมาก เพราะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ร้านแพปลาต้อย ริมแม่น้ำป่าสักเสาไห้ ทำให้อึดอัด หมึนหัว นอนไม่เต็มตื่น คือไม่หลับสนิท อาจจะเป็นเพราะอาหาร ลืมดูดวงจันทร์ มึนหัวทั้งคืน ตื่นตีสี่มึนหัว และจะไม่ยอมนั่งเจริญสติเพราะนอนน้อย แต่อีกใจอยากลองดูว่า เรามึนหัวข้างเดียวอาจเป็นเพราะแพอากาศ โรคเก่าเป็นแน่ เลยตัดสินใจไม่ทำตามใจคิด คือขอนั่งเจริญสติ ให้จิตผ่องใส ปรากฎว่าอาการมึนหัวข้างเดียวลดหายลงไปเกือบปก เมื่อจิตนิ่ง หยุดคิด  ว่างเปล่า  จึงทำให้สามารถเป็นปกติ เดินทางออกจากบ้านหกโมงเช้ามาที่สนามบินดอนเมื่องเพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราชได้ครับ
                       คุณเหยง มีรูปทางช้างเผือก เอามาให้ดูด้วย จักขอบคุณมาก
                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2297 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 07:23:25 »

รู็สุขภาพวันละนิด จิตหมดทุกข์
รับประทานสูตร 2:1:1 คือผัก : ข้าว : โปรตีน งดอาหารรสจัด งดกินจุบจุบ งดน้ำอัดลม สุขภาพดี
นอนแต่หัวค่ำ  ตื่นมาจะไม่หงุดหงิด จะไร้โรค
ออกกำลังกายทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมง จิตผ่องใส
ปฏิบัติธรรมวันละนิด หมดทุกข์ครับ


ตอน
อุณหภูมิในร่างกาย

                    เมื่อเช้าขณะนั่ง Taxi มาสนามบินดอนเมือง ได้ให้พนักงานขับรถเปิดวิทยุฟัง รายการของ รศ.ปัญญา  ไข่มุก  ท่านพูดถึงความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ที่เราทุกคนควรจะรู้ไว้คือ โรคฮิสโตรค หรือลมแดด เพราะตายได้
                    คุณหมอบอกว่า คนเราไม่ควรสวมเสื้อผ้าหนาๆ เวลาอยู่กลางแดดจัด หรือไม่ควรอยู่กลางแดดจัดเลย ควรอยู่ใต้ร่มเงาไม้หรือร่ม ครับ เพราะอุณหภูมิ ภายในร่างกายจะเพิ่มขึ้นสูงมาก เมื่อใดที่อุณหภูมิภายในร่างกายสูงถึงหรือมากกว่า ๔๐ องศาเซียลเซียส ท่านต้องระวังคือ ท่านจะเดินไม่ตรงทางเป๋ไป เป๋มา  เข่าอ่อน  เดินไม่ไหว จะล้ม  ตัวท่านจะแดง ท่านต้องรู้ว่าท่านจะต้องหยุดพัก อยู่ในร่มโดยรวดเร็ว  ต้องหาน้ำมาลาดทำให้อุณหภูมิลดลงโดยด่วนที่สุด  ถ้าอุณหภูมิ  ไม่ลดลงโดยเร็ว ต่อไปตัวท่านจะเริ่มซีด ต่อไปหน้ามืด ท่านต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วนมิฉนั้นท่านจะหมดสติ ตาย เพราะอุณหภูมิในตัวท่านสูงมากเกิน ๔๐ องศา
                     ดังนั้น ท่านต้องหมั่นดูแลร่างกายอย่าใสเสื้อหนาๆ กลางแดด หรืออยู่กลางแดดนานๆ ให้สังเกตุอาการตัวเอง ถ้าผิดปกติ เข้าร่มทันที อย่าอวดเก่ง  นักกอล์ฟตายในสนามกอล์ฟมามากแล้ว เพราะความไม่รู้ ครับ
                     พี่สิงห์สังเกตุตัวเอง เวลาอยู่ในห้องซาวน่านานๆ ตัวแดง  อึดอัดเพิ่มขึ้น คือความไม่สยาบกาย ต้องรีบเลิกกระโดดลงน้ำเย็นทันทีเพิ่อทำให้อุณหภูมิในตัวลดลงโดยเร็ว มิฉนั้นจะเป็นลมแดด
                     ดังนั้นผู้ที่อยู่กลางแดดนานๆ ผู้ที่ชอบซาวน่านานๆ ควรทราบไว้ ต้องระวัง  อย่าอวดเก่งครับ
                     พี่สิงห์ต้องเตรียมขึ้นเครื่องแล้วครับ
                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2298 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 08:50:05 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์

ผมตื่นมาดูตั้งแต่ตี 1, ตี 2 และตี 3 แต่เมฆมาก มองอะไรไม่เห็นเลย รู้สึกแต่ว่าฟ้าสว่าง
ช่วงตีสามครึ่ง ฝนตกอีก เลยต้องกลับเข้าบ้าน
คงต้องรอไปดูในวันที่ 28 กรกฎาคม 2556  ซึ่งจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2299 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2554, 09:46:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 มิถุนายน 2554, 08:50:05
สวัสดีครับ พี่สิงห์

ผมตื่นมาดูตั้งแต่ตี 1, ตี 2 และตี 3 แต่เมฆมาก มองอะไรไม่เห็นเลย รู้สึกแต่ว่าฟ้าสว่าง
ช่วงตีสามครึ่ง ฝนตกอีก เลยต้องกลับเข้าบ้าน
คงต้องรอไปดูในวันที่ 28 กรกฎาคม 2556  ซึ่งจะเกิดขึ้นในครั้งต่อไป

                  ขอบคุณมากครับ  ตอนตีสี่ถึงหกโมงเช้า กรุงเทพฯก็มีฝนตกพรำ ๆ เหมือนกัน แต่พี่สิงห์ได้แต่นั่งเจริญสติ เอาชนะการปวดหัว มึนหัวข้างเดียว เพราะ อยู่กลางแจ้ง(ในร่มเงา)ทั้งวัน เพราะต้องคอยดูความเรียบร้อยในการเก็ัวอย่างคอนกรีต
                  พี่สิงห์ถึงนครศรีธรรมราชแล้ว อากาศครึ้มๆ ฝนคงตกบ่ายๆ หายมึนหัวแล้วครับเพราะนั่งเจริญสติบนเครื่องบินมาหนึ่งชั่วโมง จิตได้พัก อยู่ว่างๆ เลยผ่องใสได้
                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 90 91 [92] 93 94 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><