คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย

[เหยง 16]

น้องอ้อย17

อาหารใช้หลักง่ายๆ ก็ได้ครับ
มื้อเช้า-ทานแบบราชา, มื้อบ่าย-ทานแบบคนธรรมดา, มื้อเย็น-ทานแบบคนอนาถา
ปกติในมื้อเช้าไม่ค่อยมีใครคอมเมเ้นต์เรื่องอาหาร เพราะหลังทานอาหารแล้วทุกคนมีภาระกิจตลอดเวลาถึงเที่ยง
มื้อเที่ยงทานน้อยกว่ามื้อเช้า เพราะสภาวะอากาศเป็นองค์ประกอบด้วย จะง่วง การใช้พลังงานน้อยลง
มื้อเย็นทางผักเข้าไว้ เพราะอีก 2-3ชั่วโมงก็ถึงเวลาหลับยาว ร่างกายไม่ใช้พลังงานแล้ว
    แต่ในความเป็นจริง พวกเรากลับทานหนักในมื้อเย็นกัน จึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ดังที่ทราบกันดีในขณะนี้

[too_ploenpit]

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 เมษายน 2554, 15:56:14
	สวัสดีค่ะ คุณน้อง ตู่ที่รัก                        การหายใจเข้า-ออกรูจมูกเดียว ให้นั่งขัดสมาธิเพชร มือซ้ายหงายฝ่ามือเอานิ้วก้อยทับด้วยนิ้วโป้งแบบวันทยาหัสในวิชาลูกเสือ และเอามือวางไว้บนหัวเข่าซ้าย มือขวาเอานิ้วชี้และนิ้วกลางวางไว้ตรงจุดกึ่งกลางหน้าผาก นิ้วโป้งอุดรูจมูกขวา นิ้วนางอุดรูจมูกซ้าย เริ่มต้นอุดรูจมูกซ้ายเปิดรูจมูกขวาหายใจเข้าลึกๆ ให้เติมปอด ให้ท้องป่อง ปิดรูจมูกขวา เปิดรูจมูกซ้ายหายใจออกยาวๆทางรูจมูกซ้าย หายใจเข้าทางรูจมูกซ้าย ปิดรูจมูกซ้าย เปิดรูจมูกขวา หายใจออก ทำซ้ำแบบนี้จนครบสิบครั้งต่อหนึ่งวัน จะช่วยให้อวัยวะภายในสมดุลย์เป็นการปรับลมปราณให้ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ สมดุลย์ ครับ  ลองทำดู ทำทุกวันติดต่อกัน จะรู้สึกสบาย                         สวัสดี

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ลองทำดูแล้วค่ะ...ก็ไม่ยากค่ะ...จะพยายามฝึกต่อไปค่ะ...

...ขอบพระคุณพี่สิงห์มากนะคะ...

[อ้อย17]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 เมษายน 2554, 08:15:34
	น้องอ้อย17 อาหารใช้หลักง่ายๆ ก็ได้ครับ มื้อเช้า-ทานแบบราชา, มื้อบ่าย-ทานแบบคนธรรมดา, มื้อเย็น-ทานแบบคนอนาถา ปกติในมื้อเช้าไม่ค่อยมีใครคอมเมเ้นต์เรื่องอาหาร เพราะหลังทานอาหารแล้วทุกคนมีภาระกิจตลอดเวลาถึงเที่ยง มื้อเที่ยงทานน้อยกว่ามื้อเช้า เพราะสภาวะอากาศเป็นองค์ประกอบด้วย จะง่วง การใช้พลังงานน้อยลง มื้อเย็นทางผักเข้าไว้ เพราะอีก 2-3ชั่วโมงก็ถึงเวลาหลับยาว ร่างกายไม่ใช้พลังงานแล้ว     แต่ในความเป็นจริง พวกเรากลับทานหนักในมื้อเย็นกัน จึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ดังที่ทราบกันดีในขณะนี้

     จริงด้วยค่ะ พี่เหยง....

          ยิ่งวันไหนมีนัดกันนะ...มื้อเย็นจะเป็นมื้อหนักเลย...และส่วนใหญ่จะหนักไปทางเนื้อซะด้วยสิคะ....
แล้วจะตัดใจอย่างพี่สิงห์ได้ไง?....เห็นอาหารน่าอร่อย ก็เป็นโรคใจอ่อนแล้ว.....555

[pusadee sitthiphong]

ตอนเย็นไม่ได้เป็นเวลาเร่งด่วน เลยทานเยอะและนั่งยาว
ยิ่งวันศุกร์ตื่นสายได้อีก ยิ่งนั่งนานกินนานใหญ่เลย

[Manop Klabdee]

สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย 17 ที่รัก
                       เธอมีไขมันในเลือดสูง พี่สิงห์ขอเดาเอานะ เธอรับประทานอาหารที่มีน้ำมันปาล์มอยู่เช่น ประเภทผัด... ต่างๆ แน่นอน ทางเดียวที่จะให้ลด คือแก้ที่ต้นเหตุ งดอาหารประเภทผัดด้วยน้ำมันปาล์ม เท่านั้นแหละ ลดลงแน่นอน เธอปฏิบัติธรรม เธอต้องทำได้ เธอสามารถเอาชนะใจตัวเองได้จาก "ความอยาก" ถ้าต้องการลดลงเร็วต้องออกกำลังกายขี่จักรยาน หรือเดินเร็วๆ ครับ
                       สวัสดี

[suriya2513]

มีแฟนประจำท่านหนึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ไหว้วานให้ผมโพสท์แทนเขาว่า
"หากใครปฏิบัติได้อย่างที่อุบาสกสิงห์อรรถาธิบายไว้ ได้สักเพียง 95 % แล้วละก้อ
อย่าว่าแต่จะไม่ต้องเป็นภาระ ที่สร้างความลำบากเดือดร้อนรำคาญให้ลูกหลานเลย
ตรงกันข้าม กลับจะยังสามารถ ช่วยเอาธุระยุ่งยากของลูกหลาน มาเป็นธุระของตัวเองได้อีกซ้ำ"

[อ้อย 14]

 emo43มิหนำซ้ำ  พวกเรามีสิทธิที่จะฝากผีฝากไข้ไว้กับพี่สิงห์ได้เอาเสียด้วยนา...พี่ป๋องงงงง

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
                       อย่าลืมวันพุธที่ 27 เมษายน ศกนี้ เรามีนัดกันที่สำนักงานหอพัก งานรดน้ำดำหัวพี่อาวุโส และท่านอาจารย์เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ เริ่มเวลา 17:30 น. ผมเลยนำภาพเก่าๆ ที่เคยจัดครั้งแรกมาให้ชมกันครับ
                        สวัสดี   

 

[Manop Klabdee]

ท่านกินอย่างไร? ท่านก็จะได้สุขภาพอย่างนั้น







อย่าลืมนะครับ วันพุธที่ ๒๗ เมษายน ศกนี้ พวกเรามีนัดที่หอพัก เวลา ๑๗:๓๐ น. ครับ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

[ติ๋ม จันทร์ฉาย]

ภาพงานดูสดชื่นจังเลย ดีใจที่อาจารย์สุพัดดา สุขภาพดีมาร่วมงานได้เหมือนเดิม เห็นรูปแล้วคิดถึงพี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุกๆท่านค่ะ
ขอบคุณพี่สิงห์มากค่ะ

[ติ๋ม จันทร์ฉาย]

พีสิงห์ให้ข้อปฏิบัติที่ทำให้ใจติ๋มสงบขึ้นมาก ไม่ต้องคิดอดีต ไม่กังวลกับอนาคต ทั้งสิ้น ทำใจนิ่งและตั้งสติสำหรับงานที่ทำอยู่ขณะนี้ ช่วยได้มากค่ะ
อ่านธรรมะที่พี่สิงห์แนะนำก็ทำให้ฝึกการเจริญสติไปในตัวเลยทีเดียวด้วยค่ะ

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 เมษายน 2554, 07:19:58
	สวัสดียามเช้าค่ะคุณน้องติ๋ม(จันทร์ฉาย) ที่รัก                        ยิ่งเธอมีงานมาก ปัญหามาก เธอจะต้องมีจิตอยู่กับ ณ ปัจจุบัน กระทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความมีสติ ปัญญาจะเกิดขึ้นทำให้เราสามารถแก้ปัญญาทุกอย่างได้หมด ไม่ว่ามันจะมากขนาดไหน ยากขนาดไหน เพราะใจเรานิ่ง สงบด้วยการมีสติ คือ มีความรูตัวก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะทำ และก่อนที่จะพูด ด้วยปัญญา ไม่ต้องคิดอดีต ไม่กังวลกับอนาคต ทั้งสิ้น อุปสรรคมันจะผ่านพ้นไปด้วยสติ ความเพียร และปัญญา                        การมีสติรู้ตัวในการกระทำทุกขณะนี่ละ คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง เปรียบเหมือนการกดออด การกดคือสติ เสียงออดคือจิต ทำอย่างไร? จะให้ออดมันดังตลอดเวลายาวๆทั้งวันก็ต้องกดตลอดเวลา ถ้าเราจะไม่ทุกข์ ไม่ร้อนรุ่มใจ ไม่หดหู่ใจ ไม่กังวล ขอเพียงให้มีสติอยู่กับจิตที่คิด รวมเป็นหนึ่งเดียวตลอดเวลาก็จะเป็น "พุทธ" คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราจะพ้นทุกข์ ผ่านพ้นอุปสรรคได้ทุกชนิด เพราะจิตจะไม่ร้อนรน หดหู่ กังวล เดือดดาลใจ                        เราปฏิบัติธรรมก็เพื่อเอามาแก้ไขเหตุการณ์อย่างนี้ละ ทำอย่างไรเวลาเผชิญกับปัญหาที่ประดังเข้ามาทำใก้เราร้อมรุ่มใจ ตัวสติมันจะวิ่งเข้ามาเร็วเตือนเราให้ทันก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะทำ ก่อนที่จะพูด ด้วยปัญญา มันก็ต้องฝึกการเจริญสตินี่ละ ถ้าฝึกบ่อยๆ แล้วจิตมันจะจำได้เอง เวลาเจอปัญหาต่างๆ ใจมันคิด ตัวสติจะวิ่งมาเตือนเราทันที ทำให้เรากระทำ คิด ด้วยปัญญา ไม่ตกลงไปเป็นทาษหรือหลงอยู่ในความคิดได้                       สรุป การปฏิบัติธรรมเจริญสติ ก็เพื่อ แก้ปัญหาของจิต ให้ความเร็จของการมีสติเท่ากับความเร็วของความคิด จะทำให้เราไม่หลงอยู่ในความคิด ปัญญาจะเกิดขึ้นมาเองเป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาทุกชนิด ดังนั้น การมีสติตลอดเวลา จึงเป็นทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง เพราะคนที่มีสติ มันจะไม่กระทำในทางอกุศลกรรม เพราะมีปัญญามาเป็นตัวช่วย ครับ                       สวัสดิค่ะ

[suriya2513]

		อ้างถึง			ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 25 เมษายน 2554, 13:34:42
	มีแฟนประจำท่านหนึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ไหว้วานให้ผมโพสท์แทนเขาว่า "หากใครปฏิบัติได้อย่างที่อุบาสกสิงห์อรรถาธิบายไว้ ได้สักเพียง 95 % แล้วละก้อ อย่าว่าแต่จะไม่ต้องเป็นภาระ ที่สร้างความลำบากเดือดร้อนรำคาญให้ลูกหลานเลย ตรงกันข้าม กลับจะยังสามารถ ช่วยเอาธุระยุ่งยากของลูกหลาน มาเป็นธุระของตัวเองได้อีกซ้ำ"

		อ้างถึง			ข้อความของ อ้อย 14 เมื่อ 25 เมษายน 2554, 14:16:37
	emo43มิหนำซ้ำ  พวกเรามีสิทธิที่จะฝากผีฝากไข้ไว้กับพี่สิงห์ได้เอาเสียด้วยนา...พี่ป๋องงงงง

เดี๋ยวเหอะคุณน้องอ้อย จรว. เดียวผู้คนเขาจะคิดว่า จรว.คือผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
แต่ประสงค์ที่จะอยากแซวคนนั้น

[อ้อย 14]

		อ้างถึง			ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 26 เมษายน 2554, 02:15:59
	อ้างถึง ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 25 เมษายน 2554, 13:34:42 มีแฟนประจำท่านหนึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ไหว้วานให้ผมโพสท์แทนเขาว่า "หากใครปฏิบัติได้อย่างที่อุบาสกสิงห์อรรถาธิบายไว้ ได้สักเพียง 95 % แล้วละก้อ อย่าว่าแต่จะไม่ต้องเป็นภาระ ที่สร้างความลำบากเดือดร้อนรำคาญให้ลูกหลานเลย ตรงกันข้าม กลับจะยังสามารถ ช่วยเอาธุระยุ่งยากของลูกหลาน มาเป็นธุระของตัวเองได้อีกซ้ำ" อ้างถึง ข้อความของ อ้อย 14 เมื่อ 25 เมษายน 2554, 14:16:37 emo43มิหนำซ้ำ  พวกเรามีสิทธิที่จะฝากผีฝากไข้ไว้กับพี่สิงห์ได้เอาเสียด้วยนา...พี่ป๋องงงงง เดี๋ยวเหอะคุณน้องอ้อย จรว. เดียวผู้คนเขาจะคิดว่า จรว.คือผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม แต่ประสงค์ที่จะอยากแซวคนนั้น

ยี่ห้อ จรว.นี่ ไม่เคยไม่ประสงค์จะออกนามอยู่แร้วส์ส์

[Manop Klabdee]

ปู่ - ย่า ของแพรวและคุณหมอพีร์



พี่สิงห์บอกแพรวเสมอ อานิสสงส์ของการดูแลย่า-ยาย นี่ละจะทำให้แพรวสามารถสอบเรียนต่อปฐมวัยย์ ที่จุฬาฯ ได้

สวัสดี ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                      เช้านี้พี่สิงห์ไปเยี่ยมแม่ที่สิงห์บุรีมาก่อนที่จะไปประชุมกับ PSTC ที่สระบุรี เพราะสองสามวันที่ผ่านมา คนแก่ทั้งแม่ ย่า ไม่สบายกันหมดเลย ย่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันทำให้มึนหัวอาเจียน ส่วนแม่ก็อาเจียน กินเข้าไปก็ออกหมด ส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ได้ดูแลร่างกายตอนเป็นหนุมเป็นสาว และตอนสูงอายุ เพราะความไม่รู้เรื่องอาหารการกิน ที่เป็นรากเง่าของโรคเรื้อรังต่างๆ คือ อ้วน เบาหวาน หลอดเลือด หัวใจ เข่า ทั้งๆที่โรคเหล่านี้ป้องกันได้ทั้งนั้น แต่เพราะความไม่รู้มาก่อน  แต่ปัจจุบันนี้โรคเรื้อรังเหล่านี้รู้สาเหตุของการเป็นโรค คืออาหารที่รับประทาน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และการไม่ออกกำลังกาย  แต่ทุกท่านไม่ตระหนักกัน เพราะพอมีเงินมีทองก็อยาก.....ไปเสียทุกสิ่ง เลยขาดการดูกาย ดูความต้องการของกายที่แท้จริงไป ผลคือ พออายุมากขึ้นๆ โรคเรื้อรังก็มาเยือนโดยไม่รุู้ตัว  จะรู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้ว คือเป็นโรคเสียแล้ว พอเป็นแล้วก็คิดแต่พึ่งหมอ-พึ่งยา ซึ่งคิดว่าช่วยได้ ทั้งๆที่หมอ ไม่สามารถช่วยได้เลย  หมอแต่ละคนก็เป็นโรคเหล่านี้กันส่วนใหญ่  สู้เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว เราก็ควรจะแก้ให้ได้ด้วยตัวเอง ด้วยการดูแลเรื่องอาหาร พักผ่อน การอยู่ในอิริยาบถที่ถูกต้อง ออกกำลังกาย และทำจิตให้ผ่องใส ก็จะช่วยได้มากกว่าพึ่งหมอและยา เสียอีก
                       ข้อสำคัญมันอยู่ที่ื่ท่านต้องมี "สติ" เป็นอันดับแรก พอมีสติ "ปัญญา" ก็เกิด ท่านจาสามารถเอาชนะ "จิตและความอยาก" ของท่านได้ ตามหลักเหตุ-ผล ที่เป็นธรรม หรือธรรมชาติ ได้ สามารถจะปล่อยวางได้ คือ "อดเปรี้ยว เอาไว้กินหวาน" และลูกหลานไม่ลำบากเพราะเราเป็นต้นเหตุที่เขาจะต้องแบกภาระ เมื่อเราช่วยตัวเองไม่ได้ "อยากตาย  มันก็ไม่ตาย" ต้องทนอยู่อย่างทรมาร  ยิ่งช่วยตัวเองไม่ได้ ทำใจไม่ได้ด้วย ยิ่งทุกข์หนักไปอีกมีแต่ด่าลูกหลานไม่ดูแล ผลคือลูกหลานจะปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียว ครับ
                       สวัสดีครับ

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                       วันพุธที่ ๒๗ เมษายน ศกนี้ พี่สิงห์ได้รับเชิญจากคุณวัฒนา  โอภานนท์อมตะ ประธานชมรมฯให้ไปพูดเสวนา ภายหลังการประชุมของชมรมฯประจำเดือน เรื่อง "สาระดีดี จาก พี่สิงห์" ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะพูดเรื่องอะไร? นั้น ผมจะพูดในสิ่งที่ผม"รู้" และปฏิบัติกับตัวเองมาแล้ว ได้ฝึกจิตตัวเองมาแล้ว ส่วนท่านจะชอบหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน จะพูดด้านวิชาการท่านก้ไม่ชอบ จะพูดเรื่องการทำงาน การบริหารงานท่านก็แก่แล้ว ส่วนใหญ่เลิกทำงานกันแล้ว ครับ พูดกเรื่องารเมืองพี่สิงห์ไม่รู้เรื่องเลยเพราะไม่รับข่าวสารมานานมากๆ พูดเรื่องเก่าๆ ก็ลืมหมดแล้วเพราะไม่คิดเรื่องอดีต
                       สิ่งที่พี่สิงห์จะพูด คือ
                        ๑.แก่นของศาสนาพุทธ
                               - ปฏิจจสมุปบาท
                               - กฏไตรลักษณ์
                               - อริยสัจจ์ ๔
                               - มหาสติปัฏฐาน ๔
                        ๒.การแก้ทุกข์ทางกาย
                               - การใช้สติมาดูกาย เพื่ออยู่อย่างไรให้ไร้โรค
                               - วิธีปฏิบัติให้ไร้โรค ไม่เป็นภาระของลูกหลาน
                        ๓.การแก้ทุกข์ทางใจ
                               - การเจริญสติ ดูใจ เพื่อทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
                        ๔. ถ้ามีเวลาจะพูดเรื่องการใช "ธรรมะ" มาทำงาน
                        ทั้งหมดนั้นพูดตามสิ่งที่รู้ ด้วยตัวเอง เข้าใจได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปท่องหนังสือธรรมะ มาพูด พูดแบบ "ดวงตาเห็นธรรม" เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เป็นอารมณ์ ซึ่งมันไม่เคยลืมจากจิตตัวเองเลย ที่เคยได้ประสพมาด้วยตัวเอง เป็นการฝึกจิตตัวเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านบ้างไม่มากก็น้อย เพราะสิ่งที่ประสพมานั้น ช่วยให้เราสามารถทำงานดีขึ้น คือทำด้วยการมี "สติ-ปัญญา" ความทุกข์ ความโกรธ ความโลภ ความหลงในความคิดตัวเอง หายไปแยะ แต่ยังมีอยู่ แต่สามารถควบคุมได้จากการมีสติรู้ตัว เพราะรู้ต้นเหตุแห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อรู้แล้ว เราทราบว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เรามีสติ สติจะเป็นตัวไปทำให้มันได้คิดด้วยปัญญา เมื่อได้คิดแล้ว รู้สาเหตุแล้ว ซึ่งสาเหตุนั้นมันก็เป็นอดีตไปแล้ว จิตมันจึงปล่อยวาง ไม่รู้จะไปโกรธ ไปโลภ ไปหลง อยู่ทำไม? ให้มันกังวลใจ วุ่นวายใจ เดือดดาลใจ คือเป็นทุกข์ใจ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับตัวเราเอง ณ ปัจจุบันเลย
                        ส่วนการดูกายนั้น เพื่อให้ทราบความต้องการของกาย แก้ทุกข์ทางกายทีีเกิดขึ้นแล้วและจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เราก็จะพบความจริงว่า "เราสามารถอยู่อย่างไร้โรคได้" เพราะเรารู้สาเหตุแห่งการเจ็บป่วย เรารู้วิธีแก้ที่สาเหตุ เรารู้วิธีปฏิบัติ
                        ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เคยมา "ดูกาย-ดูใจ" เราเลย ปล่อยให้ตัวเองเป็นทาษของความคิด หรือหลงอยู่กับความคิดตัวเอง จนติดเป็นนิสัยไปแล้ว จึงแยกจิตตัวเองไม่ออก หลงยึดติดอยู่กับความคิดตัวเอง ให้ความคิดคอยดูดเลือดตัวเองอยู่ทุกวัน ซึ่งคิดว่าดี ว่างาม แล้ว แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่                        
                        ขอเรียนเชิญทุกท่านครับ ส่วนเอกสารที่จะแจกนั้น ขึ้นอยู่กับคุณนันทิกา(คุณเจี๊ยบ) เพราะได้ให้ต้นฉบับบไปแล้ว
                        ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

[เหยง 16]

ขณะนี้คงอยู่ระหว่างการจัดงานมั้งครับ

[Manop Klabdee]

ประเพณีรดน้ำดำหัวอาจารย์และพี่เก่าชาวซีมะโด่ง ๒๕๕๔

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
                       วันพุธที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ คณะกรรมการชมรมฯได้จัดงานมุทิตาจิตรดน้ำดำหัวอาจารย์และพี่เก่าผู้อาวุโสของชมรม ที่ห้องประชุมของหอพัก ผมเองไปถึงหอพักก่อนสี่โมงเย็น คนแรกที่ผมพบคือคุณน้องแดง(ฉันทนา)กำลังให้น้องๆนิสิต ป.โท ขนดอกไม้ ผมเลยไปทักและบอกว่ามีอะไรให้ช่วยขนของไหม?
                        ทุกครั้งที่คุณน้องแดงถ้าไม่เจ็บไม่ป่วย เธอจะเป็นแม่งานในการหาซื้อดดกไม้แปลกๆ จัดดอกไม้และเตรียมงานทุกอย่างในการจัดงานมุทิตาจิต รดน้ำดำหัว นี่เป็นสิ่งที่ควรจะขอบใจในน้ำใจของน้องแดง ที่ทำให้ชมรมฯมาตลอด คราวนี้ก็เหมือนกัน ทำเอง-จ่ายเงินเองทั้งหมดโดยไม่ขอเบิกชมรมฯ พี่สิงห์ในฐานะอดีตประธานชมรมฯเก่าขอขอบคุณน้องแดงด้วยใจจริง
                        สำหรับผมไม่มีอะไรจะทำเพราะไปถึงก่อน มีรศ.ประกายแก้ว ด้วย คุณน้องแดงเลยให้ช่วยเอาดดอกไม้ออกจากห่อ เด็ดใบ เด็ดหนาม ดอกกุหลาบออกให้หมด ได้เท่านั้นเหลือจากนั้นคุณน้องแดงเธอจัดเองทั้งหมด พี่สิงห์ได้แต่นั่ง-เดินดูไปรอบ จนพร้อมหมดแล้วครับ
                        เชิญชมภาพ

พี่สิงห์ต้องเดินทางไปนครศรีธรรมราชเช้านี้ ขอพักไว้ก่อน จะไปทำต่อที่สนามบินดอนเมือง
สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ

[pusadee sitthiphong]

ได้ดูรูปที่ห้องพี่สิงห์ก่อนเพื่อนเลย ขอดูบรรยากาศต่อๆไปด้วยนะคะ แล้วก็ถ้าพี่สิงห์อัดเทป,บันทึก CD ไว้การบรรยายไว้ ขอ COPY ให้ป้อมด้วยค่ะ

[Manop Klabdee]

                       ภายหลังจากที่พวกเราทะยอยมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว ประมาณหกโมงเย็นก็รับประทานอาหารเย็นเป็นแลลบุปเฟ่มีแกงจึดผัดกาดลูกชิ้น กุ้งผัดเผ้ด แกงเขียวหวานลูกชิ้น ไข่เจียว ผัดผักบุ้ง
                       เวลาประมาณหกโมงครึ่ง โฆษกประจำชมรมฯ คุณสุรศักดิ์(หลิว) ได้ทำหน้าที่เรียนเชิญคุณวัฒนา ประทานชมรมฯกล่าวเปิดงาน และบอกจุดมุ่งหมายในการจัดงานแสดงมุทิตาจิตรดน้ำดำหัวอาจารย์และพี่ๆผู้อาวุโส
                       เชิญชมภาพ

[Manop Klabdee]

                       เป็นนี้พี่สิงห์โชคดี ที่ผู้จัดงานแสดงมุทิตาจิต จัดเก้าอี้ไว้จำนวน ๙ ท่านพี่สิงห์โชคดีเพราะรุ่น ๑๓ มาจำนวนสามท่าน ไม่มีเก้าอี้พอจึงไม่ต้องไปนั่งให้น้องๆ รดน้ำดำหัว เพราะมีพี่ที่อาวุโสกว่าพี่สิงห์ครบแล้ว ไม่เหมือนปีที่แล้วที่พี่ๆมาน้อย ครับ
                       พิธีการรดน้ำนั้น เริ่มต้นจากคุณอ้อย๑๓ เป็นท่านแรกและตามด้วยผมและดร.สุริยา เริ่มจากรุ่นอาวุโส ทุกท่านต้องไปสงพระพุทธรูปก่อนแล้วจึงไปรดน้ำอาจารย์พี่ๆ และให้พรท่าน สำหรับพี่สิงห์ก็ขอให้ท่านอาจารย์พี่ๆ แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย เป็นร่มโพธิของชมรม ครับ
                       เชิญชมภาพ

พี่สิงห์ ขอขอบคุณ คุณน้อง MAI25 ที่มีน้ำใจขับรถไปรับท่านอาจารย์สุพพัดดา ที่บ้าน
ซึ่งความจริงควรจะเป็นหน้าที่ของพี่สิงห์ หรือ ดร.สุริยา
สำหรับผมนั้น อาจารย์บอกว่ายังระลึกถึงอยู่เสมอ โอกาสหน้าผมจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์ที่บ้านครับ

[Manop Klabdee]

                       ลืมบอกไปก่อนรดน้ำ ทุกท่านจะมอบดอกกุหลาบให้กับท่านอาจารย์พี่เก่าด้วยครับ บรรยากาศชื่นมื่นและมีเสียงเพลงสงกรานต์จาก ผู้ช่วยผู้ว่าการ กฟผ. คุณจ๋าย ให้ฟังด้วยครับ
                       เชิญชมภาพ

เข้าใจว่ารุ่นนี้เอาะๆ ที่สุดครับ ลองดูใครน่ารักกว่าใคร

[Manop Klabdee]

                       ผู้ที่มาถึงเป็นท่านสุดท้ายที่ได้มีโอกาสรดน้ำดำหัว ท่านอาจารย์และพี่ๆผู้อาวุโสของชมรมฯ คือ คุณน้องปุ๊กกี้(ศิลาทรายของพี่สิงห์) ส่วนพี่จุก คุณน้องชิ้ง นั้นมาไม่ทันครับ
                       เชิญชมภาพ

[too_ploenpit]

...ขอบคุณพี่สิงห์ค่ะ...ที่นำภาพมาให้ชม...

...บรรยากาศชื่นมื่นจริงๆค่ะ...ท่านอาจารย์สุพพัดดาและพี่เก่าทุกท่านยังดูสดชื่นและแข็งแรงค่ะ...

...พี่สุจิตราและพี่จุ๊กก็มาด้วยนะคะ...ไม่ค่อยได้เห็นพี่เค้าค่ะ...

[Manop Klabdee]

                       ภายหลังถ่ายรูปหมู่เสร็จ คุณวัฒนาได้ประชุมกรรมการชมรมฯ ประจำเดือน พอสรุปได้คือ
                       - ร่วมแสดงความยินดีกับ รศ.ดร.สุจิตรา  อ่อนค้อม
                       - ชมรมฯจะจัดการแข่งขันโบลิ่งการกุศล หาเงินรายได้เข้าชมรม
                       - ฝ่ายการเงิน คุณจ๋าย รายงานรายรับ-รายจ่าย ของชมรมฯ ยังพอมีเงินเหลือ ไม่ติดลบ
                       - คุณโด่ง ฝ่ายกิจกรรมสังคม รายงานว่าได้จัดทุนค่าหอพักให้กับนิสิตหอพักจำนวน ๔๐ ทุนเป็นค่าหอและได้เชิญชวนพี่เก่าบริจาคทุนทางเวบ ได้มาแล้วประมาณยี่สิบทุน บังเอิญพี่สิงห์เพิ่งทราบเลยขอแสดงความจำนวน บริจาคทุนให้นิสิต ๑ ทุน เทอมละ ๔,๐๐๐ บาท
                       - คุณราเมศวร์  ศิลปพรหม ในฐานะประธานชมรมคนต่อไป ได้มากล่าวแสดงวิสับทัศน์การทำงานในโอกาสหน้า
                       - อาจารย์เผ่า  สุวรรณศักดิ์ศรี อนุสาสกหอชาย สิลปินแห่งชาติ รายงานเรื่องการไปจองศาลาพระเกี้ยว สำหรับจัดงานคืนสู่เหย้าประจำปีนี้ คุณวัฒนา ได้กำหนดเอาวันเสาร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เป็นวันจัดงาน "คืนสู่เหย้า" ของชาวซีมะโด่ง
                       - คุณน้องปุ๊กกี้ มารายงานการจัดทำสารซีมะโด่ง ให้ที่ประชุมฟังรับทราบ และจะดำเนินงานจัดพิมพ์ ส่งต่อให้กับชาวซีมะโด่งต่อไป
                       - คุณวัฒนาปิดประชุม
                         ความจำพี่สิงห์มีจำกัด จำมาได้เพียงแค่นี้ครับ ต้องขออภัยด้วย
                         คุณหลิว และ ศาสตราจารย์ พล.ต.ต. ดร.เกียรติพงศ์  มีเพียร ทำหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมรายการเสนา เรื่อง "สาระดีดี จาก พี่สิงห์" งานนี้คุณหลิวไม่กล้าแซวมาก เพราะ "ความไม่รู้" จึงไม่กล้า ครับ
                         จบการเสวนาเวลา สองทุ่มครึ่ง

                         เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญการปฏิบัติธรรมอยู่หลายท่าน เวลามีน้อย พี่สิงห์เลยเสวนาแบบสรุปๆ เกรงใจท่านผู้รู้ทุกท่าน เลยขอให้ไปอ่านทบทวนเอาเองในรายละเอียด เพราะนั่นคือสิ่งที่พี่สิงห์ "รู้" และตอบปัญหาข้อข้องใจ
                         เชิญชมภาพ

ท่านอาจารย์สุพพัดดา มอบของแสดงความยินดีกับ รศ.ดร.สุจิตรา  อ่อนค้อม ที่ได้รับรางวัลดีสตรีเด่นทางพุทธศาสนา ของยูเนสโก้







พี่่กาญจนา   ว่องชวณิชย์ กรรมการที่ปรึกษาชมรมฯ มอบของที่ระลึกให้กับพี่สิงห์ที่เป็นผู้เสวนาในครั้งนี้
ขอขอบคุณ ดร.สุริยา  ทัศนียานนท์ ที่อุตส่าห์ไปซื้อ MP3 สำหรับฟังในรถให้กับผมครับ ขอบคุณมาก

[Manop Klabdee]

ขอบคุณมากนะค่ะ คุณน้อง MAI25 ที่ไปรับท่านอาจารย์สุพพัดดา