23 พฤศจิกายน 2567, 08:43:20
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 66 67 [68] 69 70 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3554273 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 25 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #1675 เมื่อ: 22 มีนาคม 2554, 12:56:38 »

ไปอินเดียต้องรู้
การไปประเทศอินเดียต่างจากไปประเทศอื่นๆที่สำคัญสุดคือ
ท่านต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
หากจะไปเพื่อทัศนศึกษา อินเดียก็จะมีทัชมาฮาล เมืองบอมเบย์ และเมืองท่าที่เจริญไม่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ
ไปสัมผัสด้านศาสนา อินเดียก็จะมีแหล่งศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู และศาสนาอิสลามให้ชมกัน
แต่การไปศึกษาสังเวชนียสถานและปฎิบัติธรรมด้วยก็เป็นอีกจุดมุ่งหมายหนึ่ง
สำหรับราคาต่างกันตามวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการณ์
ดังนั้นการไปอินเดียท่านควรศึกษาจากตัวท่านเองเสียก่อน
แล้วท่านจะไปถึงอินเดียอย่างมีความสุขครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1676 เมื่อ: 22 มีนาคม 2554, 18:55:53 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                         พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราชครับ ฝนกำลังตกเย็นนี้
                         การไปอินเดียนั้น ถ้าจัดโดยพระ ส่วนใหญ่จะเป็นพระที่ท่านเคยศึกษา-เรียนอยู่ที่อินเดียในระดับ ดร. มาก่อนทั้งนั้น เพราะท่านพูดภาษาฮินดี่ได้ รู้จักทุกสถานที่ และติดต่อ Local tour ได้ ดังนั้นทัวร์ส่วนใหญ่จะจัดโดยพระ โดยมีเอกชนเป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ ให็
                         ปกติทัวร์ไปอินเดียทางศาสนาพุทธนั้น จะจัดไปสามกรณีด้วยกัน คือ
                          ๑. ช่วงเดือนพฤศจิกายนก่อนที่จะจัดทัวร์จาริกแสวงบุญ พระท่านจะจัดสาธยายพระไตรปิฎก คือ ไปสวดพระไตรปิฎกทั้งพระธรรม พระสูตร ให้ครบ ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ประมาณ ๑๒ วัน
                          ๒. เทศกาลจาริกแสวงบุญพุทธสถาน ๔ ตำบล จะจัดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน - สิ้นมีนาคม (เดือนมีนาคมอากาศเริ่มร้อน ส่วนเดือนเมษายน-พฤศภาคม นั้นอากาศร้อนจัดมาก คนไทยทนไม่ไหวอุณหภูมิ ๔๕ องศาเซียลเซียส) ใช้เวลา ๑๐ วัน
                          ๓. เทศกาลมาฆะบูชา - วิสาขะบูชา - อาสาฬหะบูชา (ช่วงวิสาขะบูชาอากาศจะร้อนมาก)
                          การไปนั้นส่วนมากจะไปโดยรถยนต์ ลงเครื่องบินที่ โกลกัตตา หรือ พุทธคยา ขึ้นอยู่กับเงินของท่าน แต่ส่วนใหญ่ญาติโยมมีเงินน้อย พระท่านนิยมลงเครื่องบินที่โกลกัตตา ใช้สายการบิน Jet Airway ของอินเดีย ครับ
                          ทัวร์เอื่องหลวงของการบินไทย สะดวกสบายดีพอสมควร แต่ท่านได้เที่ยวน้อย ไม่เห็นอินเดียในมุมกว้าง
                          อีกทางเฃลือกหนึ่งคือ เดินทางโดยรถไฟ และมีรถโค๊ชรับอีกต่อหนึ่ง จัดโดยการรถไฟอินเดีย-การท่องเที่ยวอินเดีย เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการอาหารดีๆ มีห้องน้ำ มีที่นอน ครับ แต่ท่านต้องลงเครื่องบินที่นิวเดลฮี ครับ
                          ปีหน้าผมกำลังตัดสินใจว่าจะไปสาธยายพระไตรปิฎก หรือไปแสวงบุญ ๔ ตำบลในช่วงเดือนมาฆะบูชา ครับ
                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1677 เมื่อ: 23 มีนาคม 2554, 05:57:34 »


                         เช้านี้พี่สิงห์ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวคุณทรงเกียรติ  หลิ่มสิริ ที่ลูกชายคนโต คือนายวิน จะบวชทดแทนบุญคุณให้กับคุณพ่อ-คุณแม่ ตามธรรมเนียมปฏิบัติในพุทธศาสนาของชาวไทยแต่ก่อน ซึ่งเดี๋ยวนี้หาอยากมาก เป็นสิ่งที่ดี ที่ควรกระทำอย่างยิ่ง ขอสรรเสริญ และขออนุโมทนา ด้วยครับ
                         จริงๆ แล้วนายวิน เขาไม่ได้บวชให้คุณพ่อ-คุณแม่  หรอก มันเป็นผลพลอยได้  นายวิน  บวชเพื่อตัวเอง   จะได้มีเวลาปฏิบัติธรรม ดูกาย ดูใจตนเอง  ได้ศึกษาธรรม จะได้ประโยชน์ต่อตนเองตรงๆ ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล นายวิน บวชเพื่อต้องการ "พ้นทุกข์" หรือหาหนทางไปสู่ "นิพพาน" ดังนั้นการบวชครั้งนี้ ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรม ไปด้วย อานิสสงจะได้กับนายวินเอง  ถ้าไปถูกทาง  จะไม่เสียเวลาเปล่า และถ้าปฏิบัติธรรม บางทีอาจจะพ้นทุกข์ก็ได้ ดูอย่าง ยสกุลบุตร  ฟังธรรม จากพระพุทธเจ้าเรื่องเดียวกันสองครั้ง ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ก่อนที่จะบวชเสียอีก
                         วันที่ ๒ เมษายน คุณทรงเกียรติจะบวชลูกชายคนโต ที่วัดบวรนิเวศน์ ก่อนเพล  ชาวซีมะโด่ง ใครว่างเรียนเชิญครับ เป็นการอุปสมบทหมู่ของวัดบวรนิเวศน์ภาคฤดูร้อน คนอาจจะมากหน่อย คุณทรงเกียรติ บอกว่าไม่ซีเลียสในการไปร่วมงาน ครับ
                          พี่สิงห์เองติดทำงาน เพราะวันที่ ๓๑ จัดกอล์ฟวิศวฯรุ่น ๕๔ วันที่ ๑-๒ เมษายน เลยต้องไปทำงานที่นครศรีธรรมราช จองตั๋วเครื่องบินไป-กลับหมดแล้ว ไม่รู้จะแบ่งภาคอย่างไร? เลยขอนัดนายวินวันพุธที่ ๓๐ มีนาคม เพื่อจะสอนให้รู้ "แก่นพระพุทธศาสนา" และ "การปฏิบัติธรรม" ให้นายวิน ได้นำไปปฏิบัติในช่วงที่บวชหนึ่งเดือนจะได้ไปถูกทาง ได้อานิสงค์ในการบวชเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าทางวัดคงไม่ได้สอนอะไรมาก เพราะจำนวนคนที่บวชมาก ที่พักก็ไม่มี หรือสอนก็ไม่แน่ว่าจะดีมาก เพราะพระวัดบวรนิเวศน์ ไม่ใช่พระปฏิบัติ ส่วนมากเป็นพระเรียนหนังสือ รู้ทุกอย่างในพระไตรปิฎก-พุทธศาสนา แต่อาจจะไม่รู้ "แก่นพระพุทธศาสนา" อย่างแท้จริงก็ได้ว่ามันอยู่ตรงไหนของพระไตรปิฎก ไม่แน่เหมือนกัน เพราะของอย่างนี้มันรู้ได้ด้วยตัวเอง เรียกว่า "ดวงตาเห็นธรรม" ที่แท้จริง คือเข้าใจ เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกประการ ว่าเป็นทางพ้นทุข์ ที่แท้จริง คือ "นิพพาน" ด้วยกาย วาจา ใจ และการปฏิบัติ
                           อรุณสวัสด์ ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1678 เมื่อ: 23 มีนาคม 2554, 08:08:10 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
                         วันเสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม ศกนี้ เป็นวันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ของพวกเรา
                         เช้าเวลา ๐๖ : ๐๐ - ๐๗:๐๐ น ที่บริเวณเสาธงจุฬาฯ เชิญทุกท่านรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จมาทรงใส่บาตร และเชิญพวกเราใส่บาตรพระร่วมกัน
                         เวลา ๐๙:๐๐ น. เชิญทุกท่านชมดนตรีไทยดึกดำบรรค์ ที่หอประชุมจุฬาฯ สมเด็จพระเทพฯ ทรงดนตรีไทย ร่วมด้วย
                         วางศิลาฤกษ์ตึกหนึ่งร้อยปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
                         เวลา หกโมงเย็นเป็นต้นไป เชิญทุกท่านสังสรรค์ที่สนามหน้าหอประชุมจุฬาฯ
                         ปีนี้ พี่สิงห์ อยู่กรุงเทพฯ พอดีเลยขอไปใส่บาตรพระตอนเช้า ฟังดนตรีไทยที่หอประชุมจุฬาฯ และร่วมงานตอนเย็นด้วยครับ นานแล้วที่ไม่มีโอกาสไปร่วมงาน ปีนี้มีโอกาสแล้ว จึงต้องไปร่วมงาน
                         พวกเราชาวซีมะโด่งพบกันที่เดิม ครับ
                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #1679 เมื่อ: 23 มีนาคม 2554, 15:14:09 »

ขออนุโมทนาที่ลูกชายคุณทรงเกียรติจะบวชในวันที่2 เมย.54นี้
ช่วงเวลาดังกล่าว พวกเราหลายคนที่เคยอยู่ตรังกำลังไปพักผ่อนที่นั่นพอดี
ดังนั้นการบวชแบบเงียบๆของน้องวินเป็นสิ่งที่ดี เจ้าตัวมีสมาธิในการเตรียมตัว
หลังจากนั้น กลุ่มลุง ป้า น้า อา ค่อยแวะไปเยี่ยมเยียนที่วัดภายหลังตอนอยู่ในผ้าเหลือง เยี่ยมๆๆ

สำหรับวันอังคารที่29เดือนนี้
ผู้ที่จะไปบ้านกุศลนั้น
ถ้ามาจากถนนพหลโยธิน พอถึงวัดพระศรีมหาธาตูบางเขนให้เลี้ยวซ้ายถนนแจ้งวัฒนะที่จะออกไปปากเกร็ด
ก่อนจะถึงสพานลอยที่2 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าประตู1(ทางเข้ามหาวิทยาลัย)
พอพ้นประตู1รีบเลี้ยวขวาขับตรงไปขนานกับถนนแจ้งวัฒนะประมาณ300เมตรจะเห็นประตู2(ประตูทางออก)
พอถึงประตู2ให้เลี้ยวซ้ายขับตรงไปจนถึงทางแยกที่3ด้านขวามือ(ห่างจากประตู2ราว300เมตร)
พอเห็นตึกเทคโนโลยีเซลามิกส์ให้เลี้ยวขวาหาที่จอดรถ
ขวามือของตึกเซลามิกส์มีถนนเลี้ยวขวาไปบ้านผมครับ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1680 เมื่อ: 23 มีนาคม 2554, 17:03:20 »

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1681 เมื่อ: 23 มีนาคม 2554, 20:35:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 มีนาคม 2554, 17:03:20
หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

ไม่เข้าใจความหมายครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1682 เมื่อ: 23 มีนาคม 2554, 21:03:58 »

                          การที่เราไม่ได้คบหาสมาคมกับใคร  พูดน้อย  ได้แต่ดูใจตัวเองอย่างเดียว  เวลาจิตไม่สงบก็ภาวนาคำว่า "พุทโธ" จนจิตมันสงบแล้วก็คอยดูจิต  ตัวเองต่อ  ไม่ให้หลงหรือเป็นทาษ จิตตัวเอง  พยายามมีสติรู้ตัวตลอดเวลา  ผลที่ตามมาคือ เราเข้าใจจิตเรามากขึ้น  สามารถที่จะค่อนข้างควบคุมได้  ไม่ทำอะไรตามที่จิตปราถนาจะกระทำ  ทำให้ตัวเราเองมีเหตุ-มีผล  ใช้ปัญญาในการตัดสินใจมากขึ้น  ไม่เป็นแบบคิดปุ๊ปทำปั๊ป(ทำตามความคิดทันที)  ผลเสียที่เห็นคือ เวลาจะพูดคุยกับใคร  ชักพูดไม่ทันตามความคิด  ไม่ปะติดปะต่อ  ต้องพูดไปสักอึดใจหนึ่ง  จึงจะสามารถพูดได้ต่อเนื่องเหมือนเดิม  หรือจะเป็นเราคนเดียว  ก็ได้แต่คอยสังเกตุตัวเราทั้งกาย-ทั้งใจ ดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
                           ตอนนี้ก็พยายามต่อสู้กับจิตตัวเองอยู่  พญามารก็พาบริวารใหม่ ๆ เข้ามาโจมตีอยู่เรื่อย อันไหนเราพ่ายแพ้ก็จะโจมตีหนัก บางครั้งเกือบเสียท่า เกือบจะกระทำตามที่มันมาคิดหรอกล่อเสียแล้ว ได้แต่เตือนตัวเอง เราล่วงเลยภาวะนั้นมาไกลแล้ว อย่ากลับไปมักมากเหมือนเดิมเลย ปล่อยวางให้มากเข้าไว้  อย่าไปยึดติดกับมันในสิ่งที่เคยได้รับมาก่อน  อย่าไปสนใจอะไรทั้งสิ้น  เราอยู่ของเราแบบจิตว่างๆ นี่ละ อย่าอยากในสิ่งเดิม ๆ ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วน อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ทั้งนั้น  อะไรที่มำให้เราไขว้เขวนั้น คือมาร  ที่จะทำให้เราขาดศรัทธา  ขาดความเชื่อมั่น  ขาดความเพียร  ยอมแพ้ใจตัวเอง  ต้องใช้ปัญญาไตร่ตรองให้มาก  มีสติอยู่กับปัจจุบันในทุกอิริยาบถเข้าไว้ ต่อสู้กับปัจจุบัน ตรงหน้า  ไม่เผลอใจเป็นอันขาด ทำจิตให้สบายๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่กังวลใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งกระทู้นี้ ใครจะเข้ามาคุย ไม่เข้ามาคุย เราก็ทำของเราอย่างนี้  หักห้ามใจตนเองไม่ต้องคิด  ไม่ต้องกังวล  อยากเขียนก็เข้ามาเขียน  ไม่อยากเขียนก็ไม่ต้องเข้ามาเขียน  ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ก็ดีเหมือนกัน  ไม่ต้องคิดและกังวล
                             ราตรีสวัสดิ์ครับ
                           
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1683 เมื่อ: 24 มีนาคม 2554, 06:02:44 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
                           เช้านี้ฝนตกที่นครศรีธรรมราช ความจริงตกมาทั้งคืน ลมแรง เพราะพี่สิงห์นอนอยู่ชั้น ๑๑ รู้สึกได้ว่าตัวอาคารสั่นไหวนิดหน่อยครับ เสียงลมที่กระทบแรงมาก กรุงเทพฯ คงอากาศเย็นมาก ๆ แน่นอน
                           เช้านี้คงต้องออกกำลังกาย เดิน รำมวยจีน โยคะ ที่ห้องออกกำลังกายแทน  ลานเทอเรสโรงแรมคงไม่ได้เปียกฝน
                           ต้องไปแล้ว ครับ
                           สุข สดชื่น ยามเช้า ทุกท่านครับ
                           อรุณสวัสด์
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1684 เมื่อ: 24 มีนาคม 2554, 08:17:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 มีนาคม 2554, 20:35:05
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 23 มีนาคม 2554, 17:03:20
หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

ไม่เข้าใจความหมายครับ

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...เข้ามาอ่านตามปกติค่ะ...แต่ไม่รู้จะคุยอะไรดี...
...ก็เลยทักพี่สิงห์แบบนี้ค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #1685 เมื่อ: 24 มีนาคม 2554, 08:36:53 »


emo48:)สาธุ   สาธุ    สาธุ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1686 เมื่อ: 24 มีนาคม 2554, 10:38:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย 14 เมื่อ 24 มีนาคม 2554, 08:36:53

emo48:)สาธุ   สาธุ    สาธุ บ่ฮู้บ่หัน
                       
ขอบคุณมาก เป็นภาพที่สวยดี
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #1687 เมื่อ: 24 มีนาคม 2554, 16:15:34 »

อยู่เมืองไทย สุขจริงหนอ
ผมฟังข่าวความลำบากของคนญี่ปุ่นที่โดนพิษซือนามิ
แล้วคิดว่าเราเป็นคนโชคดีสุดๆ

เคยได้ยินเรืองนางปฏาจรา ในสมัยพุทธการ
นางเป็นลูกเศรษฐี แต่หนีตามทาสชายไปอยู่กินฉันท์สามีภรรยาอีกเมืองหนึ่ง
ครั้นพอคลอดลูกคนที่สองนางทนความลำบากไม่ไหวจึงพาสามีหวังกลับไปพึ่งพาพ่อแม่
พอกลับมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ฝนตกหนัก สามีถูกงูกัดตาย
นางเดินข้ามแม่น้ำวางลูกที่แบเบาะไว้ฝั่งหนึ่ง แล้วลุยน้ำจะกลับไปรับลูกอีกคน
พลันเหยี่ยวเข้ามาโฉบลูกคนเล็กของนางทันที
นางปฎาจราตะโกนโหวกเหวกขับไล่เหยียวหวังปล่อยลูกของนาง
ลูกอีกคนยังเล็กคิดว่าแม่เรียกจึงลงน้ำเข้ามาหาและถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป
นางปฎาจราโศรกเศร้า รีบวิ่งไปหาพ่อ แม่ก็ทราบว่าที่บ้านภูกโจรปล้นและเผาบ้านพ่อแม่ตายหมด
นางเสียสติโดยทันที
แต่ด้วยโอวาทของพระพุทธองค์ เรียกสตินางคืนมาและได้สำเร็จมรรคผลในที่สุด

เหลียวไปมองญี่ปุ่น
 หมดสิ้นทั้งครอบครัวรวมทั้งทรัพย์สินเงินทองก็เช่นเดียวกัน
ซ้ำร้าย อาหารเป็นพิษ น้ำเป็นพิษ รวมทั้งอากาศที่หายใจเป็นพิษ
หนักกว่านางปฎาจราหลายเท่านัก

เหลียวมองเมืองไทย
เราเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกพืชได้ทั้งปี
เรามีกิน มีใช้ไม่อดอยาก เหมือนบ้านอื่นเมืองอื่น
เพื่อนบ้านพม่า ลาว เขมร รวมทั้งมาเลย์ก็ต้องเข้ามาพึ่งพาเมืองไทยทั้งนั้น
อยากกราบแผ่นดินร้อยครั้ง ล้านครั้ง แดนพุธ แดนธรรม สุขใจเหลือเกิน

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1688 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 07:06:18 »

เหลียวมองเมืองไทย
เราเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกพืชได้ทั้งปี
เรามีกิน มีใช้ไม่อดอยาก เหมือนบ้านอื่นเมืองอื่น
เพื่อนบ้านพม่า ลาว เขมร รวมทั้งมาเลย์ก็ต้องเข้ามาพึ่งพาเมืองไทยทั้งนั้น
อยากกราบแผ่นดินร้อยครั้ง ล้านครั้ง แดนพุธ แดนธรรม สุขใจเหลือเกิน                            

  
                         ดร.กุศล  ถามจริงๆ ถ้ามีที่ดินจริงๆ ดร.กุศล ปลุกข้าวเป็นไหม? คำตอบคือไม่เป็นเพราะไม่ใช่อาชีพเรา ครับ ต้องมองตามความถนัดของเรา ใครมีอาชีพอะไร? ก็ต้องทำมาหากินอย่างนั้น ดูอย่างเศรษฐีเมืองไทย มีเงินเหลือก็ไปซื้อที่เก็บไว้ ผลคือ ทำกินไม่เป็นปล่อยที่ดินว่างเปล่า รกอุจจาดตา แยะมาก ทำให้เสียโอกาส แต่ถ้ามีใจกรุณาจริง น่าจะให้คนจน ๆ ไปทำกิน แต่คนจนเขาก็ไม่ทำเพราะมันไม่คุ้มค่า สู้ไปหากินอย่างอื่นที่ไม่เหนื่อยดีกว่า มันเป็นอย่างนี้ นี่คือธรรมชาติของคน
                         ดังนั้น อย่าไปวิตก หรือคิดแทนเขา  คิดถึงตัวเราให้มาก ๆ ทำอย่างไร? จึงจะพ้นทุกข์
                         คำว่าเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ นั้น มันเปลี่ยนไปแล้ว ครับ ปัจจุบันเป็น.................. ไม่อยากเขียนครับ
                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1689 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 07:28:06 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวเวบที่รัก ทุกท่าน
                  วันนี้ผมอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ มีนัดกับทาง SIW จัดการแข่งขันกอล์ฟเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้าของ SIW ช่วงบ่ายถึงค่ำ ครับ
                  เช้านี้ผมตื่นตีห้ามานั่งเจริญสติได้ครึ่งชั่วโมง จิตกระสับกระส่ายเพราะโดนมารส่งลูกสาวมาผจญอย่างหนัก สองสามวันมาแล้ว ได้แต่เตือนตัวเอง เราก้าวมาไกลแล้ว อย่ากลับไปมักมากเหมือนเดิม ต้องตัดให้ขาด โดยใช้วิธีกำจัดมาร คือ ตัดที่ต้นเหตุ มันคิดปุ๊ป ตัดปั๊ป คือไม่ปรุงแต่งต่อ หรือให้มีสติไม่ตกเป็นทาษของมันหรือหลงอยู่ในความคิดตัวเอง ก็ได้ผล แต่มารมาบ่อยมากครับ เลยนึกถึง "ศีล ๕" เพื่อเตือนตัวเอง และอยากให้พวกเราปฏิบัติครับ อานิสสงส์ก็ตามที่หลวงปู่มั่น   ภูริทัตโต  ท่านสอนเอาไว้ ตามที่ผมได้คัดลอกมาลง ลองดูดูนะครับ
                  หรือตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไว่ในพระไตรปิฎก ครับ
                  สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฝึกจิต ก็ไปหาพระ อาราธนาศีล พระท่านก็จะให้รับศิล เป็นเพียงวิธีการ ที่จะทำให้เราเกรงกลัวต่อบาป และจะรักษาศีลเอาไว้ได้ แต่ถ้าท่านฝึกจิตมาพอสมควรแล้ว ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก ตั้งใจเท่านั้นเพียงพอต่อการที่จะรักษาศีล ๕ เอาไว้ให้ได้ครับ
                  ศิล ๕ นั้นข้อที่อยากมากคือ "มุสา" ถ้าใครรักษาได้ อานิสงส์จะเกิดกับตัวเราอย่างมาก ผมเองต้องพยายามอย่างหนัก จึงจะรักษาเอาไว้ได้ ส่วนข้ออื่นๆ นั้นรักษาได้สบายมากครับ ลองดูนะครับ การรักษาศีล ๕ ไม่เสียหายอะไรต่อเราเลย แถมเป็นมงคลต่อชีวิตเราด้วยครับ
                  สวัสดี

ผู้ตกนรก
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่าง ย่อมตกนรกเหมือนถูกนำตัวไปวางไว้        
ธรรม ๕ อย่าง คือ:-
๑.   เป็นผู้มักฆ่าสัตว์
๒.   เป็นผู้มักลักทรัพย์
๓.   เป็นผู้มักประพฤติผิดในกาม
๔.   เป็นผู้มักพูดปด
๕.   เป็นผู้มักตั้งอยู่ในความประมาท ด้วยการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างเหล่านี้แล ย่อมตกนรกเหมือนถูกนำตัวไปวางไว้”

ผู้ขึ้นสวรรค์
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่าง ย่อมขึ้นสวรรค์ เหมือนถูกนำตัวไปวางไว้      
ธรรม ๕ อย่าง คือ:-
๑.   ผู้เว้นจากการฆ่าสัตว์
๒.   ผู้เว้นจากการลักทรัพย์
๓.   ผู้เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔.   ผู้เว้นจากการพูดปด
๕.   ผู้เว้นจากการตั้งอยู่ในความประมาท ด้วยการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างเหล่านี้แล ย่อมขึ้นสวรรค์ เหมือนถูกนำตัวไปวางไว้”

หลวงปู่มั่น    ภูริทัตโต
อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕

คำว่า “ศีล” ได้แก่สภาพเช่นไร

ศีลอย่างแท้จริง เป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในขอบเขตของศีล ที่เป็นสภาพปกติ

ศีลที่เกิดจากการรักษามีสภาพปกติ ไม่คะนองทาง กาย วาจา ใจ ให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติงดงามทางกายวาจา ใจ ของผู้มีศีลว่า เป็นศีล เป็นธรรม

เราควรรักษาศีล
๑.   สิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียนข่มเหง และทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป
๒.   สิ่งของ ของใคร ใครก็รักและสงวน ไม่ควรทำลาย แกล้ง ลัก ปล้น จี้ เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติและทำลายจิตใจกัน
๓.   ลูก หลาน สามี ภรรยา ใครๆ ก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ปราถนาให้ใครมาอาจเอื่อมล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก และเป็นบาปไม่มีประมาณ
๔.   มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เขาก็ไม่พอใจคำหลอกลวง จึงไม่ควรโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย
๕.   สุรายาเสพติด เป็นของมึนเมาและให้โทษ ดื่มเข้าไปย่อมทำให้คนดีๆ กลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าโดยลำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดี มีสติปกครองตัว อย่างมนุษย์ จึงไม่ควรดื่มสุรา เครื่องทำลายสุขภาพทางร่างกายและใจอย่างยิ่ง เป็นการทำลายตัวเอง และผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน

อานิสสงส์ของศีล ๕ เมื่อรักษาได้
๑.   ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน  จิตผ่องใส
๒.   ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัย จากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย
๓.   ระหว่างลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำกล่ำกลาย ต่างครองกันอยู่ด้วยความเป็นสุข
๔.   พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสนีห์ เป็นที่จับใจไพเราะด้วยสัตย์ ด้วยศีล
๕.   เป็นผู้มีสติปัญญาดี และเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้า หลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าคนบอหามิติไม่ได้


ผู้มีศีล
เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย

ผู้ไม่มีศีล
เป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้ความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

ศีล
เป็นที่พึ่งเบื้องต้น
เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง
เพราะฉะนั้น.....ควรชำระศีลให้บริสุทธิ์

      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1690 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 08:20:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 มีนาคม 2554, 07:28:06
สวัสดียามเช้าครับ ชาวเวบที่รัก ทุกท่าน
                  วันนี้ผมอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ มีนัดกับทาง SIW จัดการแข่งขันกอล์ฟเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้าของ SIW ช่วงบ่ายถึงค่ำ ครับ
                  เช้านี้ผมตื่นตีห้ามานั่งเจริญสติได้ครึ่งชั่วโมง จิตกระสับกระส่ายเพราะโดนมารส่งลูกสาวมาผจญอย่างหนัก สองสามวันมาแล้ว ได้แต่เตือนตัวเอง เราก้าวมาไกลแล้ว อย่ากลับไปมักมากเหมือนเดิม ต้องตัดให้ขาด โดยใช้วิธีกำจัดมาร คือ ตัดที่ต้นเหตุ มันคิดปุ๊ป ตัดปั๊ป คือไม่ปรุงแต่งต่อ หรือให้มีสติไม่ตกเป็นทาษของมันหรือหลงอยู่ในความคิดตัวเอง ก็ได้ผล แต่มารมาบ่อยมากครับ เลยนึกถึง "ศีล ๕" เพื่อเตือนตัวเอง และอยากให้พวกเราปฏิบัติครับ อานิสสงส์ก็ตามที่หลวงปู่มั่น   ภูริทัตโต  ท่านสอนเอาไว้ ตามที่ผมได้คัดลอกมาลง ลองดูดูนะครับ
                  หรือตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไว่ในพระไตรปิฎก ครับ
                  สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฝึกจิต ก็ไปหาพระ อาราธนาศีล พระท่านก็จะให้รับศิล เป็นเพียงวิธีการ ที่จะทำให้เราเกรงกลัวต่อบาป และจะรักษาศีลเอาไว้ได้ แต่ถ้าท่านฝึกจิตมาพอสมควรแล้ว ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก ตั้งใจเท่านั้นเพียงพอต่อการที่จะรักษาศีล ๕ เอาไว้ให้ได้ครับ
                  ศิล ๕ นั้นข้อที่อยากมากคือ "มุสา" ถ้าใครรักษาได้ อานิสงส์จะเกิดกับตัวเราอย่างมาก ผมเองต้องพยายามอย่างหนัก จึงจะรักษาเอาไว้ได้ ส่วนข้ออื่นๆ นั้นรักษาได้สบายมากครับ ลองดูนะครับ การรักษาศีล ๕ ไม่เสียหายอะไรต่อเราเลย แถมเป็นมงคลต่อชีวิตเราด้วยครับ
                  สวัสดี

ผู้ตกนรก
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่าง ย่อมตกนรกเหมือนถูกนำตัวไปวางไว้       
ธรรม ๕ อย่าง คือ:-
๑.   เป็นผู้มักฆ่าสัตว์
๒.   เป็นผู้มักลักทรัพย์
๓.   เป็นผู้มักประพฤติผิดในกาม
๔.   เป็นผู้มักพูดปด
๕.   เป็นผู้มักตั้งอยู่ในความประมาท ด้วยการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างเหล่านี้แล ย่อมตกนรกเหมือนถูกนำตัวไปวางไว้”

ผู้ขึ้นสวรรค์
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่าง ย่อมขึ้นสวรรค์ เหมือนถูกนำตัวไปวางไว้     
ธรรม ๕ อย่าง คือ:-
๑.   ผู้เว้นจากการฆ่าสัตว์
๒.   ผู้เว้นจากการลักทรัพย์
๓.   ผู้เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔.   ผู้เว้นจากการพูดปด
๕.   ผู้เว้นจากการตั้งอยู่ในความประมาท ด้วยการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผุ้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างเหล่านี้แล ย่อมขึ้นสวรรค์ เหมือนถูกนำตัวไปวางไว้”

หลวงปู่มั่น    ภูริทัตโต
อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕

คำว่า “ศีล” ได้แก่สภาพเช่นไร

ศีลอย่างแท้จริง เป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในขอบเขตของศีล ที่เป็นสภาพปกติ

ศีลที่เกิดจากการรักษามีสภาพปกติ ไม่คะนองทาง กาย วาจา ใจ ให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติงดงามทางกายวาจา ใจ ของผู้มีศีลว่า เป็นศีล เป็นธรรม

เราควรรักษาศีล
๑.   สิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียนข่มเหง และทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป
๒.   สิ่งของ ของใคร ใครก็รักและสงวน ไม่ควรทำลาย แกล้ง ลัก ปล้น จี้ เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติและทำลายจิตใจกัน
๓.   ลูก หลาน สามี ภรรยา ใครๆ ก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ปราถนาให้ใครมาอาจเอื่อมล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก และเป็นบาปไม่มีประมาณ
๔.   มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เขาก็ไม่พอใจคำหลอกลวง จึงไม่ควรโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย
๕.   สุรายาเสพติด เป็นของมึนเมาและให้โทษ ดื่มเข้าไปย่อมทำให้คนดีๆ กลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าโดยลำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดี มีสติปกครองตัว อย่างมนุษย์ จึงไม่ควรดื่มสุรา เครื่องทำลายสุขภาพทางร่างกายและใจอย่างยิ่ง เป็นการทำลายตัวเอง และผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน

อานิสสงส์ของศีล ๕ เมื่อรักษาได้
๑.   ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน  จิตผ่องใส
๒.   ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัย จากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย
๓.   ระหว่างลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำกล่ำกลาย ต่างครองกันอยู่ด้วยความเป็นสุข
๔.   พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสนีห์ เป็นที่จับใจไพเราะด้วยสัตย์ ด้วยศีล
๕.   เป็นผู้มีสติปัญญาดี และเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้า หลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าคนบอหามิติไม่ได้


ผู้มีศีล
เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย

ผู้ไม่มีศีล
เป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้ความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

ศีล
เป็นที่พึ่งเบื้องต้น
เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง
เพราะฉะนั้น.....ควรชำระศีลให้บริสุทธิ์


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...อ่านมาถึงตรงนี้แล้วตกใจเลยค่ะ...
...คิดว่ามีผู้หญิงมาเคาะเรียกพี่สิงห์ถึงประตูบ้าน...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1691 เมื่อ: 25 มีนาคม 2554, 22:00:11 »

หมู่นี้คุณเปลว สีเงิน กำลังพูดถึงอินเดียค่ะ
http://www.thaipost.net/news/category/2
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1692 เมื่อ: 26 มีนาคม 2554, 10:41:25 »

เช้านี้ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สิชล พระพรหม ฯ จมน้ำก่อนรุ่งสางแล้วครับ

ต้องอพยพคนก่อนแจ้ง เนื่องจากระดับน้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1693 เมื่อ: 26 มีนาคม 2554, 10:47:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 มีนาคม 2554, 07:06:18
เหลียวมองเมืองไทย
เราเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกพืชได้ทั้งปี
เรามีกิน มีใช้ไม่อดอยาก เหมือนบ้านอื่นเมืองอื่น
เพื่อนบ้านพม่า ลาว เขมร รวมทั้งมาเลย์ก็ต้องเข้ามาพึ่งพาเมืองไทยทั้งนั้น
อยากกราบแผ่นดินร้อยครั้ง ล้านครั้ง แดนพุธ แดนธรรม สุขใจเหลือเกิน   
                       

   
                         ดร.กุศล  ถามจริงๆ ถ้ามีที่ดินจริงๆ ดร.กุศล ปลุกข้าวเป็นไหม? คำตอบคือไม่เป็นเพราะไม่ใช่อาชีพเรา ครับ ต้องมองตามความถนัดของเรา ใครมีอาชีพอะไร? ก็ต้องทำมาหากินอย่างนั้น ดูอย่างเศรษฐีเมืองไทย มีเงินเหลือก็ไปซื้อที่เก็บไว้ ผลคือ ทำกินไม่เป็นปล่อยที่ดินว่างเปล่า รกอุจจาดตา แยะมาก ทำให้เสียโอกาส แต่ถ้ามีใจกรุณาจริง น่าจะให้คนจน ๆ ไปทำกิน แต่คนจนเขาก็ไม่ทำเพราะมันไม่คุ้มค่า สู้ไปหากินอย่างอื่นที่ไม่เหนื่อยดีกว่า มันเป็นอย่างนี้ นี่คือธรรมชาติของคน
                         ดังนั้น อย่าไปวิตก หรือคิดแทนเขา  คิดถึงตัวเราให้มาก ๆ ทำอย่างไร? จึงจะพ้นทุกข์
                         คำว่าเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ นั้น มันเปลี่ยนไปแล้ว ครับ ปัจจุบันเป็น.................. ไม่อยากเขียนครับ
                         สวัสดี


พี่กุศล

เมืองไทยเป็นดงของโจรอยู่ครับ กินข้าวที่ชาวนาปลูก แล้วก็โกงชาวนาซึ่งเป็นคนปลูก ก็เอาที่ดินของเขาไปทำอย่างอื่น
ซื้อไว้มากๆ เกือบ 5000 ไร่ โดยไม่ทำประโยชน์ แต่ทำเรื่องขอให้กรมชลประทานขุดคลองส่งน้ำไปให้
ถาม ผวจ.อยุธยา รุ่นพี่จุฬาฯ ก็รู้ครับว่าเป็นใคร ??

สังคมพากันนบนอบ เรียก "เจ้าสัว"

เวรกรรมจริงๆ ที่เกิดมาเป็นคนไทย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1694 เมื่อ: 26 มีนาคม 2554, 10:50:39 »

ต่อครับ


พี่กุศลครับ

เมืองไทยแดนพุทธ แต่พระดีๆ อย่าง "หลวงตาบัว" มีอยู่กี่รุป จากพระที่มีถึงแสนรูปในขณะนี้
พระปล้ำสีกา ติดยา มอมเมาสาธุชนแบบวัดที่อยู่แถบบ้านพี่นั้น มีเยอะเหลือเกิน

เวรกรรมจริงๆ ที่เกิดมาเป็นคนไทย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1695 เมื่อ: 26 มีนาคม 2554, 10:59:51 »

ต่อครับ

พี่กุศลครับ

เพื่อนบ้านพม่า ลาว เขมร รวมทั้งมาเลย์ก็ต้องเข้ามาพึ่งพาเมืองไทยทั้งนั้น

เราเปิดช่องให้เขาไม่ใช่หรือ เพื่อให้ได้เศษเงินจากเขา พี่ทราบไหมว่า กรมแรงงานของไทยจะเปิดรับ
แรงงานต่างชาติจากบังคลาเทศอีก 1 แสนคนเข้ามาเป็นกรรมกรและแม่บ้าน หลังเปิดให้พม่า ลาว และเขมร มาก่อนแล้ว
ในขณะที่คนไทยต้องลักลอบไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างที่เกาหลี ญี่ปุ่น ลิเบียและตะวันออกกลาง รวมทั้งอิสราเอล
สาวๆ ไปหากินในญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศในตะวันตกและอเมริกา

น่าสงสัยจริงๆ ว่า กรมแรงงาน ทำหน้าที่อะไรให้คนไทย ??!!


เวรกรรมจริงๆ ที่เกิดมาเป็นคนไทย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1696 เมื่อ: 26 มีนาคม 2554, 11:31:20 »

พี่สิงห์ครับ

เจอ ติ๋ม-จันทร์ฉาย หรือเปล่า ??

เห็นว่าจะไปร่วมทำบุญตักบาตร ในช่วงเช้า
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1697 เมื่อ: 27 มีนาคม 2554, 20:44:14 »

พี่สิงห์


ไปบ้านที่สิงห์บุรี หรือติดอยู่ที่นครศรีธรรมราชครับ

เห็นว่านครศรีฯ น้ำท่วมเข้ามาถึงในตัวสนามบินและลานบินด้วย ต้องประกาศปิดสนามบินไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1698 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 10:37:35 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
                          วันที่ 26 มีนาคม พี่สิงห์ไม่ได้ไปร่วมงาน ที่จุฬาฯ ทั้งสิ้น ครับ ต้องโกหกตัวเอง ผิดศีล อีก ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วครับ
                          วันพูธฝนตกตลอดคือและวัน วันพฤหัสบดี ฝนตกทั้งวัน พี่สิงห์เกือบกลับกรุงเทพฯไม่ได้ เนื่องจากเครื่องบินขึ้นไม่ได้ฝนตกหนักต้องรอ และก่อนออกจากบริษัท พี่สิงห์ก็เห็นระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น ได้บอกให้ทุกคนเฝ้าระวัง
                          วันศุกร์ฝนตกหนักทั้งวันทั้งคืน ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นตกกลางคืนระดับน้ำสูงมากเกินกว่าที่จะเอาไหว ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากย้ายรถมาไว้บนถนนหน้า ม.วลัยลักษณ์ และเช้าวันเสาร์น้ำท้วมสูงจนไม่สามารถย้ายสิ่งของในสำนักงานได้ ต้องปล่อยให้จมน้ำ ทำได้แต่เพียงยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้บนโต๊ะเพราะไม่รู้จะขนเอาไปไว้ไหน น้ำท้วมสูงที่สุดในประวัติการที่พี่สิงห์เคยประสพมา ที่นครศรีธรรมราช รวดเร็วมาก คือน้ำมาจากภูเขาหลวงทางนบพิตำ และกรุงชิง เหมือนซึนามิ คือรวดเร็วมาก ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน
                           พี่สิงห์ได้แต่ให้กำลังใจลูกน้อง ทำเท่าที่สามารถจะทำได้ ตอนนี้ให้คนงานมาอาศัยบนรถเทเลอร์ รถโม่ชั่วคราวเพราะไม่มีแผ่นดินทั้งสิ้น ต้องหุงหาอาหารจากที่อื่นมาให้เพื่อประทังชีวิตไปก่อน ความเสียหายไม่ต้องพูดถึง มีมาก ๆๆๆ
                           ระดับน้ำเร่ิมลดลงแต่ก็ยังมีน้ำไหลจากเขาลงมาอีกมาก และฝนก็จะยังตกตลอดไป เพราะอากาศที่กรุงเทพฯเย็น
                           พี่สิงห์ได้แต่ทำใจ  ไม่ตื่นเต้นมากนัก เพราะฝึกจิตมาดี ทำไปเท่าที่จะทำได้ ต้องยอมรับความจริง ต่อผลที่ตามมา "มนุษย์ทำลายธรรมชาติ  ธรรมชาติก็ตอบสนองให้แบบนี้ เพราะมนุษย์ไปสร้างถนนปิดทางระบายน้ำเสียหมด" นี่คือความจริง
                           ต้องขออภัยทุกท่านด้วยที่ไม่ได้ไปงานจุฬาฯ พี่สิงห์ได้แต่ สั่งการลูกน้อง ตัดสินใจ เป็นกำลังใจ ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ สนามบินนครศรีธรรมราสปิดเพราะน้ำล้นถนนเข้าสนามบิน นี่ละกรรมที่มนุษย์กระทำเอาไว้ ย่อมสนองตอบ คู่กับความเจริญของบ้านเมืองที่ไร้ทิศทาง ครับ
                            สวัสดี



ทางเข้าหน้าบริษัท ระดับถนนของ ม.วลัยลักษณ์ และกรมทาง พูดง่ายๆ คือ น้ำล้นถนนทุกสาย สูงกว่าแผ่นดินมากกว่า 2.00 m.



โรงงานผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า คานสะพาน ถ่ายที่ถนนหน้าบริษัท







สำนักงานบริษัทฯ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1699 เมื่อ: 28 มีนาคม 2554, 11:23:19 »

ขอให้น้ำลดเร็วๆนะคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
  หน้า: 1 ... 66 67 [68] 69 70 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><