suriya2513
|
|
« ตอบ #500 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 19:50:35 » |
|
ตู่ พี่ป๋องไม่ค่อยได้ดู เพราะที่นครสวรรค์สมัยนั้น ต้องตั้งเสาทีวีสูงมาก เพิ่งรู้ว่ามี โรเจอร์ มัวร์ สุดหล่อเล่นด้วย
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #501 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 19:59:11 » |
|
ตอบคุณพิเชษฐ์ โยธาเองก็แบ่งเป็นหลายเมเจอร์นะครับ อย่างพี่ป๋องนี่หนักไปทางสร้างอาคารให้ประหยัด และปลอดภัยเป็นเกณฑ์ อย่างอื่นไม่ค่อยมีความคิดความอ่านกับเขาหรอกครับ
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #502 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 20:25:57 » |
|
สวัสดีครับพี่เหยง ... จำได้รางๆ ว่าสมัยที่เคย ทำสัมปทานงานระบบสาธารณูปโภคของการนิคมฯ ... ถนนภายในนิคมจะต้องมีท่อลอดระบายน้ำเพื่อการป้องกันน้ำท่วม ... ตามที่พี่เหยง กล่าวไว้ มีอยู่คราวหนึ่งต้องระบายน้ำลงทะเล แต่ติดถนนขวางอยู่ และไม่มีทางระบายน้ำ เราจะใช้วิธีที่เรียกว่า Pipe Jacking ดันท่อลอดข้ามถนน ครับ ดังนั้น ... ในกรณีที่น้ำท่วมในระยะหลังๆ ในหลวงเคยตรัสถึงการสร้างทางน้ำลอดใต้ถนน ซึ่งสมควรมีทุกระยะ 3-5 กม. เพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่การก่อสร้างถนนไปแล้ว แต่ไม่มีทางน้ำลอดใต้ถนนดังกล่าวนั้น ... หากจำเป็นต้องทำก็น่าจะสามารถใช้วิธี Pipe Jacking ได้เช่นกัน รอผู้รู้ มา คอนเฟิร์ม นะครับ
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #503 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 20:50:20 » |
|
พูดถึงเรื่อง ...ทรัพยากรน้ำ ... ในสมัยนั้นเราจะพบปัญหาน้ำประปาสูญเสียจากการรั่วซึม ของท่อส่งน้ำซึ่งคิดเป็น เปอร์เซนต์ที่สูงพอสมควร ทาง บ. Thame Water ซึ่งเป็น พาร์ทเนอร์ กับ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ... ร่วมทุนกันรับสัมปทานงานของ การประปาภูมิภาค ให้บริการน้ำประปาใน จ.ปทุมธานี (จนถึงปัจจุบัน นี้) ได้นำ เทคโนโลยี SCADA (อ่านรายละเอียดได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/SCADA ) เข้ามาใช้ และแพร่หลายในประเทศไทยในเวลาต่อมา ...
แต่ผมไม่แน่ใจว่าปัจจุบันการจัดการทรัพยากรน้ำประปาในระดับท้องถิ่น เช่น เทศบาลนครนครสวรรค์ บ้านเรา หรือ ประปาหมู่บ้าน มี SCADA ใช้หรือเปล่า นะครับ ? ... หากไม่มี SCADA ใช้น่าจะขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เช่น กปภ. เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ ครับพี่
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #504 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 21:27:49 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องหะยี อำเภออินทร์บุรี บ้านพี่สิงห์ระดับน้ำที่บ้านพี่สาว ครึ่งเอวแล้วครับ บ้านน้องสาวที่แม่อยู่รอดูผลคืนนี้ว่าจะท้วมหรือไม่มีแนวโน้มท้วมแน่นอนครับ แม่พี่สิงห์คงลำบาก
เรียน ดร.มนตรี Pipe Jacking มันเป็นภาษาอังกฤษธรรมดาเท่านั้นครับ ไม่ได้วิเศษอะไรเลย สมัยพี่สิงห์เรียนอยู่ชั้น ม.ศ. 1 พ่อต้องการน้ำจากลำคลองหลังบ้านมาใช้ในสวน พ่อก็ใช้ท่อนเหล็กนิ้วตีด้วยฆ้อนในแนวระดับเจาะผ่านถนนหลวง เมื่อเจาะทะลุแล้วก็เอาแป๊ปขนาดสองนิ้วใส่ สามารถนำน้ำจากคลองผ่านท่อใต้ถนนมาใช้ได้ครับ Pipe Jacking ก็แปลตรงๆ Pipe ก็ท่อ จะเป็นคอนกรีต หรือเหล็กก็ได้ Jacking ก็คือเอาแม่แรงดัน (พ่อผมใช้ฆ้อนเพราะมันเล็ก) พูดง่ายๆ คือ เอาแม่แรงดันท่อให้ลอดผ่านถนนโดยไม่ต้องขุดโดยใช้แม่แรงดันตามแนวราบ เป็นวิธีธรรมดาครับ ถ้าต้องการท่อที่ใหญ่ก็ต้องประดิษฐ์แม่แรงและตัวต้านสำหรับดันด้วยแรงดันที่สูงมากๆ ครับ สวัสดีนายเหยง ผมถึงบอกธรรมชาติลงโทษมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว แต่ปัญหาคือ คนไม่รู้เรื่องคือประชาชนทั่วไปรับเคราะห์จากผลของการกระทำของมนุษย์ ทุกจังหวัดสร้างถนน ถมที่ ปิดทางน้ำธรรมชาติหมด ไม่มีข้อยกเว้น มันจึงเป็นเช่นนี้ครับ ถ้าจะโทษ ต้องโทษข้าราชการผู้มีอำนาจต่าวๆ ที่เป็นผู้ดูแล ครับ เช่น กรมทาง(ตัวการที่ทำให้น้ำท้วม) สวัสดี
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #505 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 21:36:00 » |
|
ขอบคุณครับพี่สิงห์ อธิบายได้เห็นภาพเลยครับ ^_^
|
|
|
|
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์
รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369
|
|
« ตอบ #506 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 23:25:07 » |
|
พี่สิงห์คะ .. ขอส่งกำลังใจช่วยค่ะ
|
.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
|
|
|
Kaimook
|
|
« ตอบ #507 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 00:58:59 » |
|
ส่งกำลังใจช่วยด้วยคนค่ะ พี่สิงห์...
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #508 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 08:11:17 » |
|
สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน เช้านี้พี่สิงห์เดินทางถึงนครศรีธรรมราชเรียบร้อยแล้ว อากาศแจ่มใส มีแสงแดดครับ ขอบคุณคุณน้องหะยี คุณน้องน้ำอ้อย พี่สิงห์ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยครับ คนที่เดือดร้อนคือพี่สาว น้องสาว และแม่ครับ วันจันทร์พี่สิงห์คงได้กลับไปสิงห์บุรีไปหาแม่และพี่สาว สำหรับแม่นั้นไม่ต้องกังวลมากเพราะมีคนดูแล ส่วนพี่สาวนั้นอยู่บ้านคนเดียว ปกติพี่สิงห์จะไปเยี่ยมทุกเดือนเพื่อเอาเงินไปให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือนครับ
สวัสดีครับ ดร.มนตรี ปกติการทำ Pipe Jacking เขาไม่ค่อยทำกันครับ ยกเว้นมีเงินมากไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ก็ทำให้มันโก้(ส่วนใหญ่นิยมทำท่อร้อยอุปกรณ์สายไฟฟ้า ไม่นิยมให้น้ำไหลผ่าน เพราะปริมาณน้อย ไม่คุ้ม) ยังมีวิธีการอื่นๆ ที่ทำได้ดีกว่า ถูกว่า และรวดเร็วกว่าครับ ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เครื่องจักรทางการก่อสร้างพร้อม
สวัสดีคุณน้องไพรสนต์ เช้านี้พี่สิงห์รู้สึกว่าตัวเองแก่ จริงๆ เพราะไปแข่งกอล์ฟมาสองวัน เช้านี้ตื่นตีสี่เดินทางมาสนามบินดอนเมือง นั่งเครื่งภายใต้ความดัน มึนศรีษะ ไม่สดชื่น แสดงว่าร่างกายเอาอ่อนแอ พักผ่อนไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลง ต้องยอมรับว่าแก่จริงๆ แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ เต๊ะปีปก็ไม่ดังแล้วครับ สวัสดีครับ
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #509 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 09:19:01 » |
|
...พี่ป๋องคะ...โรเจอร์ มัวร์ เล่นเป็นน้องคนสุดท้องค่ะ...ถ้าจำไม่ผิดในเรื่องชื่อ...โบส มาเวอริค... ...คนที่ชอบมาเวอริคจริงๆไม่ใช่ตู่หรอกค่ะ...แต่เป็นคุณแม่... ...ติดมากๆต้องดูทุกตอนค่ะ...ชอบถึงขนาดมีรูปมาเวอริคไว้ด้วย... ...ตู่ก็เก็บเอาไว้จนบัดนี้นะคะ...แต่ตอนนี้หาไม่เจอว่าอยู่ในกล่องไหน... ...เคยได้ข่าวว่า...เจมส์ การ์เนอร์...เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีมานี้ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #510 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 10:21:56 » |
|
สวัสดียายตู่ พี่สิงห์ก็จำได้ว่า สมัยก่อนชอบดูหนังเมาเวอริคเป็นประจำครับ ทุกตอนต้องเล่นโป๊กเกอร์ และจบด้วยการยิงกัน ใครเร็วคนนั้นอยู่รอด เป็นเมาเวอริคทุกครั้งที่ชนะ แต่เดี๋ยวนี้หนังแบบนั้นไม่มีให้ดูแล้วครับ ตกยุค สวัสดี
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #511 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 10:23:14 » |
|
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #512 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 10:26:06 » |
|
สวัสดีครับพี่ตู่ ... สำหรับผมจะคุ้นกับ ชื่อ บิลลี่ เดอะ คิด ... ไม่แน่ใจว่า ไปคุ้นตอนไหน เหมือนๆ จากเรื่อง พล นิกร กิมหงวน หรือเปล่า นะครับพี่ ^_^
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #513 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 10:45:28 » |
|
สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน เมื่อเช้าไม่มีอะไรทำที่โรงแรม เปิดพระไตรปิฎก อ่านช่วงก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระองค์ท่านจะสอนเรือง ศิล สมาธิ ปัญญา และการเจริญสติปัฏฐานสี่บ่อยมากๆ เพื่อให้พุทธบริษัท ได้จดจำว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ "การเจริญสติ" ผลคือ ศิล สมาธิ ปัญญา จะบังเกิดขึ้น หมู่นี้จิตใจพี่สิงห์หายไปหมด คือ เดือดดาลง่ายในสิ่งที่ไม่ชอบใจ เพราะนั่ง "เจริญสติ" น้อยไปเลยทำให้กิเลสหนาขึ้น ประจวบกับสิ่งแวดล้อมรอบกายที่มากระทบแต่ละวันนั้น มันมีอิทธิพลมากต่อการดำรงค์ชีวิต ทำให้เกิดการปรุงแต่งอารมณ์เกิดขึ้นกับพี่สิงห์ หลงอยู่ในวังวน เป็นทาษของความคิด ผลคือ จิตใจฟุ้งซ่านไม่สงบ ไม่อยู่กับปัจจุบัน พี่สิงห์อาจจะฟังคำสอนของหลวงพ่อชามากไป ท่านบอกว่า ให้มีสติอยู่กับปัจจุบันให้มากๆ ส่วนการเจริญสตินั้น ทำเท่าที่หยากทำ ไม่จำเป็นต้องทำหามรุ่งหามค่ำ ให้มีสติกับการกระทำในทุกอิริยาบถให้ได้ พี่สิงห์ก็พยายามมีสติให้มากๆ คิดแต่ปัจจุบัน แต่ทำไมมันเผลอตัวแวบไปแวบมาทุกที ทั้งๆที่โดยรวมจะมีสติอยู่กับปัจจุบันมากกว่า 70% หรือเราเดินทางผิด ควรที่จะต้องไปหาสถานที่ปรีกวิเวก ไม่เกี่ยวข้องผู้คนมากนัก นี่ขนาดจะตัดเรื่องการไปเยี่ยมค่ายให้ออกจากจิตใจให้ได้ ยังทำไม่ได้เลย ผู้จัดก็ใจร้าย ไม่ยอมเลื่อน แต่ก็คิดใหม่ "ทำตรงข้าม" ในเมื่อเขาไม่เลื่อนก็ดีไปอย่าง ดูซิจิตใจเรา กับความปราถนาในส่วนลึกของจิตใจเรา(อาสวะกิเลสในด้านดี)ในการไปเยี่ยมค่าย อย่างไหนจะชนะกันแน่ ความปราถนาเป็นความหยาก(ตัณหา) ถ้าเราตัดมันได้ ความยึดมั่นถือมั่นก็ไม่เกิด จริงๆ ถ้าอาจารย์ถาวร ไม่มาบอกว่าจะไปด้วย ตัดได้แล้วคือไม่ไปไม่ไปคิดถึงมัน มันเป็นอดีตไปแล้ว หวลคืนมาก็ไม่ได้ ชาวค่ายโตแล้ว ไม่ได้จมปรัก(ความดี)แบบชาวค่ายอีกแล้ว ตามที่ ดร.กุศล โทรศัพท์ มาบอก ไม่ต้องสนใจ ปล่อยให้เขาจัดไป ไม่ต้องไปก็ได้ ผู้จัดเขาหยากจะจัดให้เสร็จสิ้นไป เพราะเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว เสียเครดิตเขาหมด และด้วยเหตุผล......... อีก พี่สิงห์ก็พยายามทำใจให้หมดความหยาก คือตัณหาที่จะไปเยี่ยมค่าย ตามที่ ดร.กุศล แนะนำทุกประการ สงสัยต้องนั่งเจริญสติอย่างเดียวแน่ๆ จึงจะเอาชนะ "ตัณหา" ในการไปเยี่ยมค่ายได้ พี่สิงห์จะพยายามทำดูครับ และด้วยเหตุผล ไม่ไปก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวนี้พี่สิงหืก็ไม่ได้ร้องเพลงมาสี่-ห้าเดือนแล้ว ยังไม่ได้ทำตามที่คุณรุ่งศักดิ์แนะนำคือ ตัดเรื่อง เวบทิ้ง จะทำให้เหลือกิเลสน้อย ไม่รับรู้อะไรมากนัก สงสัยต้องทำตาม ทดลองดูบ้างแล้วละ สวัสดี
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #514 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 10:57:15 » |
|
พี่สิงห์ลืมสิ่งที่พี่สิงห์มีอยู่อย่างมากมายมหาศาล ไปหรือเปล่าครับ ... "เมตตาธรรม" ... เท่านั้นเองครับพี่ ความสงบร่มเย็นก็บังเกิด ปล. เสี่ยงมากเลยผมเนี่ย บังอาจแบบนี้ พี่สิงห์จะเปลี่ยนจากอยากเตะปี๊บ มาเตะผมแทนไหมครับ ^_^ เพลง: ก้อนหินก้อนนั้น ศิลปิน: โรส ศิรินทิพย์
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #515 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 13:56:54 » |
|
...น้องมนตรีคะ...บิลลี่เดอะคิด...คุ้นหูมากๆค่ะ...แต่พี่ตู่ไม่เคยดู...ไม่รู้จักค่ะ...เชยมากๆ... ...แต่เรื่องพล นิกร กิมหงวน...คุ้นหูแน่ๆค่ะ...เพราะเรียนมา... ...พี่สิงห์คะ...ทำตามที่กุศลแนะนำดีที่สุดค่ะพี่... ...หรือไม่งั้นพี่ก็ไปกับอาจารย์ถาวร...ให้รู้แล้วรู้รอด...จะได้หายอยากไปค่ะ...(ทำตามกิเลส)...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #516 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:04:52 » |
|
ขอบคุณมากที่แนะนำ จะพยายามทำตามที่ ดร.กุศลแนะนำ แต่ต้องปรึกษาอาจารย์ถาวร ก่อนครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #517 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:06:11 » |
|
เรียน ดร.มนตรี พี่สิงห์มิบังอาจ ครับ คอยดูอายุหกสิบเมื่อไร แล้วจะรู้ว่า ทำไมเราเต๊ะปีปไม่ไหววะ!!!!!!!!
ดร.มนตรี เพลงมันเป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาว ไม่เกี่ยวกับ "ตัณหา" เลยครับ วันนี้พี่สิงห์ไม่มีอะไรทำจริงๆ นั่งอยู่เฉยๆ คนเดียว พนักงานที่ใต้เขาไม่มาคุยด้วยเลย จึงเขียนเสียยกใหญ่ใน ฝึกตันเถียนโยคะ ของท่านขุน ได้แต่หวังว่ามันคงมีปีะโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย วานเรียน ดร. มนตรี ไปอ่านให้จบแล้วมาบอกด้วย ครับ สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #518 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:07:50 » |
|
ขอเรียนเชิญทุกท่านแวะไปอ่าน "การฝึกตันเถียนโยคะ" รับรองท่านจะ...............? แน่นอนครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #519 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:17:08 » |
|
พี่สิงห์ครับ
ปัญหามันมีอยู่ว่า เจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวง ไม่เคยรู้มาเลยหรือว่า การสร้างถนนด้วยการถมคลองเพื่อสร้างถนน สร้างถนนขวางทางน้ำไหล สร้างถนนโดยไม่มีทางน้ำลอดเป็นระยะๆ หรืออุโมงค์ให้สัตว์จากป่าหรือไร่นารอด จะสร้างปัญหาไปอย่างยาวนานในอนาคต หรือไม่มีในหลักสูตรการเรียนการสอนมาก่อนเลย ถึงได้ละเลยมาอย่างยาวนานหลายสิบปี
และต่อนี้ไป หากมีการสร้างถนนเส้นใหม่ หรือซ่อมถนนเส้นเก่า จะพึงมีเรื่องนี้เข้ามาแล้ว ?? หรือจะยังไม่มีต่อไป !!
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #520 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:27:11 » |
|
เรียนคุณเหยง รับรองได้ไม่มีการเรียนการสอนแน่ เพราะผมไม่ได้เรียนมาครับ มันเป็นสามัญสำนึกของผู้ที่มีหน้าที่ออกแบบก่อสร้างที่ต้องคิดให้รอบครอบถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมา หรือพูดง่ายๆ คือ จรรยาบรรณ ครับ และอีกอย่างที่สังเกตพบคือ กรมชลประทาน และกรมทาง กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น เขานิยมที่จะสร้างถนนให้สูงเพื่อเป็นคันกั้นน้ำจากแม่น้ำ ครับ ผลคือ เราก็ไปกักน้ำให้อยู่ในแม่น้ำ ระดับน้ำจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี กรุงเทพฯสักวันก็จมน้ำแน่ แต่ที่แน่ๆ กรมการปกครอง กทม. ในแต่ละจังหวัด ได้งบมหาศาลทำเขื่อนกั้นน้ำ ถมเท่าไรไม่รู้จักเต็ม และไม่ก่อประโยชน์ต่อชาวบ้านและคนกทม. แต่ข้าราชการ-นักการเมืองได้หน้า ได้งบ งาบกันสบายเลยครับ ห้าปีที่ผ่านมา นายเหยงลองไปเปิดงบประมาณดูงบสร้างเขื่อนของแต่ละจังหวัด หมดไปเท่าไรแล้ว น้ำก็ยิ่งท้วม นี่คือสัจจะธรรม ครับ วันหลังอารมณ์ดีจะเขียนให้ใหม่ ครับ การงาบงบป้องกันน้ำท้วม สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #521 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:45:13 » |
|
ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป
แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป โดย พิษณุ นิลกลัด
สัปดาห์สุดท้ายของปี 2548 ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย 81 ปีที่ผมรู้จักเขามายาวนาน 30 ปี ไม่ใช่ญาติ แต่ สนิทกันรักใคร่เสมือนญาติ
ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่า สวดสามวันแล้วเผา ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ ทุกคนต้องมีวันนี้ เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน
แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง สวดสามวันเผา งานสวด 3 คืน มีคนฟังพระสวดคืนละ 14 คน คือเมีย ลูก หลาน เขย สะใภ้ และผม ซึ่งเป็นคนนอก
เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด
วันเผามีเพิ่มเป็น 17 คน สามคนที่เพิ่ม เป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น คนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่าย เลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงิน งวดละสองใบคนหนึ่ง และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่า เกือบมาไม่ทันเผา เคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน
หลังฌาปนกิจ พระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัด ว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรมแล้วหรือยัง พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก
จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย แต่ด้วยความที่รักและศรัทธาอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติ จึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน แม้กระทั่งวันตาย
ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม ที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตา และให้ความเมตตา การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด 30 ปี ทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต
วันหนึ่งเขารู้ว่า ขโมย ยกชุดกอล์ฟของผมไป สองชุดราคา 4 แสนกว่าบาท เขาปลอบใจผมว่า 'ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมีย ครอบครัวเขา คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์'
เขามีวิธีคิด 'เท่ๆ' แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่า สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร
คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข ช่วงปีสุดท้ายของชีวิต เขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และไตทำงานเพียง 5% โดยไม่ปริปากบ่น แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยที่ตัวเองต้อง หิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลา เนื่องจากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้ 6 เดือน สุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวัน นอนบ้านสี่วันสลับกันไป เวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที แต่ 10 นาที ที่พูด มีแต่เรื่องสนุกสนาน เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไป เยี่ยมไข้ ทุกคน พูดตรงกันว่า 'คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม'
พอแขกกลับ ลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า
'ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก'
เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่ บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้าน เพราะยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์!
4 เดือน สุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์น จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนก แนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรง แล้วค่อยกลับบ้าน
แต่ อยู่ได้ 4 วันเขาวิงวอนหมอว่า ขอกลับบ้าน หมอซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า
'ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง' คุณหมอไม่รู้หรอก ว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร เพราะพอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน' หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้าน แต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง
1 เดือน ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด เคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก เวลา ลูก เมียพูดคุยด้วย ต้องบอกว่า 'ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที'
เขา กะพริบตาสองทีทุกครั้ง! เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย
เขา ยังรับรู้ แต่ พูดไม่ได้ นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง
สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า ' พ่อสู้นะ ' เขา ไม่กะพริบตาซะแล้ว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า ' สู้ '
เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค สู้ ชนิดที่หมอออกปากว่า ' คุณลุงแกสู้จริงๆ '
ตอนที่วางดอกไม้จันทน์ ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า 'โรคภัย มันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย'
'แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป ' สอนให้เรารู้ว่า... เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์ และมันสมองมหัศจรรย์ ที่จะสามารถเรียนรู้ แยกแยะเรื่องดีๆ และสิ่งร้ายๆ ในชีวิต จงใช้โอกาสดีๆ ที่ร่างกายและจิตใจของเรา ยังทำอะไรๆ ได้อย่างที่สมองสั่ง
จงเรียนรู้ และสร้างประโยชน์สุข ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ
หากทุกๆ ครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม เราพลาด อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า
การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #522 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 15:03:08 » |
|
...ชอบประโยคทีเด็ด...ประโยคสุดท้ายจังเลยค่ะ...พี่สิงห์... ...ความดีก็เหมือนกางเกงใน...ต้องมีติดตัวไว้...แต่ไม่ต้องเอามาโชว์... ...ขืนเอามาโชว์...ก็ขายหน้าแย่เลยค่ะ... ...โดยเฉพาะผู้หญิง...จะต้องกลัวโดนล้อว่า...วันนี้ใส่กางเกงในสี...เหรอ... ...เปรียบเทียบได้ดีจริงๆค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #523 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 18:27:51 » |
|
ครับพี่ ... เดี๋ยววันหยุดยาว 2-3 นี้จะไปอ่านให้จบเลยครับ ^_^ ขอบคุณครับ ปล. เนื้อเพลงก้อนหิน ผมชอบความหมายครับพี่ิสิงห์ ... ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องของ อุเบกขาธรรม ใน พรหมวิหาร 4 หรือเปล่า นะครับ --- ... โดยเฉพาะท่อนนี้ ... ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง
----- พี่สิงห์ครับ ... การที่พนักงานที่ใต้ไม่มาคุยกับพี่ ไม่ใช่เรื่องแปลกครับพี่ ... ธรรมชาติแล้วเด็กๆ จะเกร็ง และค่อนข้างกลัวผู้ใหญ่ หน่ะครับ เขาเลยไม่กล้ามาคุยกับพี่ .... (ขนาดผมเอง คุยกับพี่ผมยังเกร็งนิดๆเลยครับ สไตล์ผมพูดจาอะไรยิ่งไม่ค่อยระมัดระวังอยู่ด้วย กลัวพี่ไม่พอใจหน่ะครับ << ขนาดเกร็งแล้วนะครับ นี่ ) ปกติแล้ว ... ถ้าผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ในที่ประชุมโดยเฉพาะกับน้องๆที่ไม่รู้จักเรามาก่อน แต่เราต้องการให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น จะใช้วิธีปล่อยมุขให้ผ่อนคลายกันก่อนหน่ะครับ ... คราวนี้แย่งกันพูดฟังไม่ทันเลย ^_^
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #524 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 18:30:52 » |
|
สงสัยซุปเปอร์แมน เธอ บินผ่านมาอ่าน เธอเลยเลิกโชว์กางเกงในไว้ข้างนอกแล้วครับ ^_^
|
|
|
|
|