01 กรกฎาคม 2567, 16:16:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 395 396 [397] 398 399 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3338980 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9900 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2556, 10:25:57 »

พี่สิงห์

ฝนในช่วงนี้ลดลง เพราะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดจากทะเลอันดามันและอ่าวไทยไปภาคกลางอ่อนตัวลง
แต่จะเริ่มแรงขึ้นในวันพรุ่งนี้และวันจันทร์ ที่มีผลให้ฝนตกเพิ่มขึ้น

พยากรณ์อากาศ ประจำวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง
สำหรับในช่วงวันที่ 18-20 ส.ค. 2556 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้นทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น

 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร และพิษณุโลก

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
หนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณทางตอนบนของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 40 ส่วนมากในช่วงบ่ายและค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9901 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2556, 12:38:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 สิงหาคม 2556, 08:45:24


สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                       เช้านี้มาสวัสดีกับท่านสายไปหน่อย มีสาเหตุมาจาก มารมารบกวนมากและเราก็หลงอยู่ในความฝันนานไปจนเกือบเพลี่ยงพล้ำ แต่ก็ไม่เพลี้ยงพล้ำ คือ ไม่คิดกระทำตามที่มารมันอยากให้กระทำ(จิตตนเอง) เกี่ยวกับความโลภ  ความโกรธ และความหลง

                       ดังนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาในอมฤติกาล ก็นั่งภาวนาไปนาน ๆ จนจิตมันตื่น คือสว่าง สงบ เบา ใส แจ่มจ้าในจิต ไม่ตรึก ไม่ตรอง มีปีติ ละปีติ ไม่ทุกข์ ไม่สุขได้ มีอารมณหนึ่งเดียวมีแต่สติ-สัมปชัญญะ  จนเลยเวลาที่จะเขียน  คือการเขียนธรรมะ ของพี่สิงห์ นั้นต้องให้จิตมันพิจารณา และเอาที่พิจารณานั้นมาเขียน  จึงต้องเขียนจากนั่งภาวนา หรือเดินจงกรม

                       พอหลุดออกมาจากการนั่งภาวนาก็หมดเวลา ได้แต่นั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า พิจารณาสังขาร และแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ที่กระทำเป็นกิจวัตรประจำวัน  ก็ได้เวลาไปเดินจงกรมออกกำลังกายต่อทันที คือหกโมงเช้า และต่อด้วยชิกง-โยคะ

                      เช้าวันนี้อากาศที่นครศรีธนรรมราช ดีมาก คือเห็นแสงเงินแสงทองยามเช้า เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าไร้เมฆมาบดบัง มีลมเย็นพัดผ่าน เหมาะกับการเดินจงกรมออกกำลังกาย และขณะฝึกชิกง-โยคะ ก็มีแสดงแดดยามเช้าเที่เต็มไปด้วยวิตามีนดี ทำให้กระดูกแข็งแรง

                      ได้พิจารณาถึงมารที่มารังควานในรูปของความฝัน (จิตมันคิด) เมื่อก่อนเรารู้ตัวเร็วกว่านี้มากมายนัก แต่ตอนนี้เราปล่อยให้มารมันรังความนนานเกินไป  แต่ก็ไม่ได้หลงอยู่กับมัน  รู้สึกตัวถอดถอนออกมาได้ไม่เพลี่ยงพล้ำตามที่มันอยากจะให้เป็น คือ โลภ  โกรธ  หลง ไปกับมัน ที่ประสบมากับความฝัน

                      เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา นอนหลับด้วยสติที่สงบไม่ฝันเลย  โดยเฉพาะช่วงห้าทุ่มถึง ตีหนึ่งหลับสนิท ชนิดที่ว่าขโมยขึ้นบ้านก็ไม่รู้สึกตัว ไม่มีมารมารบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น  ดีต่อตัวเรา  แต่ต้องระวังขโมย

                      สิ่งที่เป็นอุปสรรคระยะแรกในการภาวนาคือ ความคิดปรุงแต่งหรือนิวรณ์ ๕ คือ ยังชื่นชอบในตา หู จมูก ลิ้น กาย และคิด  ยังคิดพยาบาท ปองร้ายผู้ที่มาทำให้เราโกรธ ยังมีอารมณ์พรุ่งพร่านเดือดดารใจ  ยังหดหู่ ง่วงเงาหาวนอน และยังมีความลังเลสงสัย  แต่เมื่อผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ที่เราใช้วิริยะ เราจะเอาชนะความตรึก ความตรอง ได้ คือไม่คิด มีสติ-สัมปชัญญะ และจะตามมาด้วยปีติ เกิดแสงสว่างวูขเข้ามาในจิต ปรอดโปร่ง เบา หวิว แช่มชื่นจิต อยู่นาน จนเราสามารถละปีติได้  ดำรงค์อยู่ได้ด้วยสติ-สัมปชัญญะ ละทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิตจากการนั่งภาวนานาน ๆ ได้ ไม่ยินดียินร้ายอะไร มีสติสมบูรณ์ เป็นอารมณ์เดียว  นี่ละความสุขที่ปราณีต ที่เราต้องการ

                      ต้องเตรียมตัวเดินทางออกจากโรงแรมแล้วครับ

                      สวัสดี


สวัสดีครับ คุณเหยง

                       นครศรีธรรมราช เหมือนน่าแล้ง  ฝนไม่ตก  ก็ดีผลไม้ เช่น เงาะ มังคุด ลองกอง ทุเรียน จะได้เก็บขายได้ราคา ไม่เสียหาย และ

                       เมื่อฤดูฝนในฝั่งอ่าวไทยมาอีกในสองเดือนข้างหน้า เมื่อฝนตกหนัก ดินจะได้ซับน้ำได้บางส่วนตามธรรมชาติ

                       ปีนี้สังหรณ์ใจว่า อาจจะมีพายุพัดผ่านภาคใต้ เพราะมันคงจะถึงเวลาแล้ว ตามกฏธรรมชาติ

                       แต่ปัญหา มันไม่ได้อยู่ที่ฝนตก เพราะมันก็ตกของมันอย่างนี้ทุกปี ประจำ

                       ปัญหามันอยู่ที่มนุษย์ไปก่อสร้าง ไปปิดกั้น ไม่ให้น้ำมันไหลได้อย่างธรรมชาติ สมัยโบราณ

                       ดังนั้น  น้ำจึงท้วมทำลาย ในทุกจังหวัด ตามที่เราทราบ ๆ กันทางสื่อ TV นั่น เป็นเรื่องธรรมดา

                       มนุษย์ไปทำลายมัน  ธรรมชาติก็ต้องปรับตัว มันจึงทำลายมนุษย์ กลับมา

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9902 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2556, 15:29:55 »

สวัสดีตอนบ่ายครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                         พี่สิงห์ อยู่สนามบินนครศรีธรรมราชกำลังจะขึ้นเครื่อง Nok Air กลับ กทม. Boarding 15:55 น.

                         อากาศที่นครศรีฯ แสงแดดจ้า ร้อน  ไม่มีวี่แววฝนจะตก

                         แต่พอเดินทางไปถึง อากาศ ก็จะเป็นแบบร้อนเพาะแอร์บ้าน และฝนที่ตก ก็ต้องปรับร่างกายให้ทัน

                         นครศรีธรรมราช เครื่องบินจะมีผู้โดยสารเกือบเต็ม หรือเต็ม ทุกเที่ยวบิน บินไป-กลับ วันละ 14 เที่ยว

                         คนนครศรีธรรมราชเดินทาง กทม. -นครศรีฯ เป็นว่าเล่น

                         ตอนนี้ อาคารพาณิชย์  บ้านจัดสรรค์ ที่นครศรีธรรมราช  ขายไม่ออก  ไม่มีคนซื้อ เพราะ คนไม่นิยมมาอยู่นครศรีธรรมราช  สู่สุราษฎร์ธานี ไม่ได้ บ้านจัดสรรค์ขายดี  ตอนนี้ขึ้นคอนโดมิเนี่ยม กันยกใหญ่เลย

                         สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9903 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2556, 20:00:42 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                         พี่สิงห์ อยู่บ้าน กลับมา กทม. ก็เจอฝนตกตามคาดหมาย

                         ดูTV ดร.ประสาน   ผู้ว่าการธนาการแห่งประเทศไทย บอกว่า ช่วง ๕ ปี ที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนของประเทศไทย เพิ่มขึ้นจาก 50% ของ GDP เป็น 80% ของ GDP ได้ขอร้องให้ประชาชนช่วยกันออมเงินบ้าง  อย่าเป็นหนี้เลย อย่าใช้จ่ายเกินตัว  ธนาคารชาติจะยังไม่ออกมาตรการมาบังคับเรื่องให้ลดการใช้จ่ายของประชาชน เพราะกลัวผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ที่กำลังขาลงอยู่ขณะนี้  ได้แต่วิงวอนให้เก็บออมเงิน อย่าเป็นหนี้เพิ่มมากกว่านี้

                           ดร.ประสาน  ก็แสดงความเห็นได้เท่านี้ เพราะกลัวกระทบกับนโยบายของรัฐบาล ที่ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เป็นหนี้ เช่นกรณีรถคันแรก  กำลังมีผลทางลบอยู่ในขณะนี้

                           ก็รายงานให้ทุกท่านทราบ  ส่วนพี่สิงห์ ไม่มีความรู้ทางเศรษฐกิจ ไม่พยายามเป็นหนี้ เพราะตนเองไม่มีรายได้มาก แก่แล้ว หมดวาระที่จะทำงาน อย่างเดิมแล้ว  ต้องยอมรับความจริง ต้องอยู่แบบพึ่งพาตนเอง  มีรายจ่ายน้อย ๆ ชีวิตจะได้อยู่นาน ๆ ไม่ทุกข์ เพราะกำหนดวันตายไม่ได้ และก็พร้อมเสมอ เมื่อวันนั้นมาถึง

                           พรุ่งนี้ ขออนุญาติไปตีกอล์ฟ เป็นการออกกำลังกาย เพราะวันจันทร์มีการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ One Day Tour ของ โปร. Senior ที่สนามกอล์ฟ วินเทจ  สมุทรปราการ และเลือกตั้งนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพผู้อาวุโสไทย  คนใหม่  ทดแทนคนเก่าที่ขอลาออก  พี่สิงห์ ต้องไปเลือกตั้งแสดงสิทธิ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เหมาะสมกลับมาเป็นนายกสมาคม อีกครั้ง เพราะไม่สุจริตในการทำงาน

                          

                            ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9904 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2556, 21:02:24 »


แด่เธอ...ผู้รู้สึกตัว



            เปิดของที่คว่ำอยู่
            ให้หงายขึ้น


            เพราะว่าทุกคนมีความสงสัยในการเสาะหาวิธีปฏิบัติให้พ้นจากความสับสนวุ่นวาย  วันนี้ข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงวิธีการและกล่าวถึงการปฏิบัติที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำมาก่อน
 
            แต่ก่อนนี้ข้าพเจ้าได้ศึกษากรรมฐาน  (ที่ตั้งของการกระทำ)  หลายอย่างหลายชนิดด้วยกัน  เช่น  หายใจเข้าว่า “พุท”  หายใจออกว่า “โธ”  นั่งขัดสมาธิหลับตา  รวมทั้งวิธีการทำอย่างนั้นทั้งหมด  ข้าพเจ้าได้ศึกษาการบริกรรมคำว่า “สัมมาอรหัง”  และข้าพเจ้าได้ปฏิบัติวิธียุบหนอ  พองหนอ  นี้ก็เป็นวิธีการดูลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเช่นเดียวกัน  และแล้วข้าพเจ้าก็ได้หันมาทดลองวิธีนับลมหายใจซึ่งเป็นการปฏิบัติอีกวิธีหนึ่งของการดูลมหายใจเข้าและลมหายใจออก  แล้วข้าพเจ้าได้มาปฏิบัติอานาปานสติ  รู้ลมหายใจเข้าสั้นและลมหายใจออกสั้น  รู้ลมหายใจเข้ายาวและลมหายใจออกยาว  วิธีการทั้งหมดเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติมา  ข้าพเจ้ามิได้มีปัญญาญาณใดๆ เกิดขึ้นเลย  วิธีการทั้งหมดเหล่านี้ล้วนนำไปสู่ความสงบ  แต่ก็เป็นความสงบคนละชนิดกับที่ข้าพเจ้าเสาะแสวงหา
 
            คนส่วนใหญ่แสวงหาความสงบ  แต่การนั่งนิ่งๆ นั้นเป็นความสงบที่ไม่สงบ  ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงยังคงเสาะแสวงหาต่อไปเพื่อค้นหาความจริง  ความจริงเป็นสัจจะที่มีอยู่แล้วในคนทุกคนโดยไม่เกี่ยวข้องกับชาติ  ภาษา  หรือเครื่องแบบใดๆ  สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวคนทุกๆ คน  นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าพเจ้าเสาะหา  กระทั่งข้าพเจ้าได้ค้นพบมัน  เห็นมันโดยชัดเจน  และเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง  นั่นคือความสงบที่แท้จริง
 
            ความสงบมีสองชนิดด้วยกัน  ความสงบที่เป็นการไม่รู้จำเป็นต้องไปนั่งเงียบๆ  และนั่งอยู่คนเดียว  นั่นมิใช่ความสงบที่แท้จริง  ความสงบที่ข้าพเจ้าจะกล่าวแก่พวกเธอทั้งหลายในวันนี้นั้น  คือความสงบที่เราไม่ต้องออกแสวงหา  ทำไมเราจึงไม่ต้องออกแสวงหา  เพราะว่าเรารู้ที่สุดของทุกข์นี้เรียกว่าความสงบ  และเราไม่จำต้องไปศึกษาจากใครที่ไหนอีก  บัดนี้พวกเธอทุกคนโปรดตั้งใจฟังด้วยความระมัดระวัง
 
            แรกสุดนั้น  วิธีอันนำข้าพเจ้าไปพบกับความสงบที่แท้จริงโดยมิต้องจดจ่ออยู่กับจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ  ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำการเคลื่อนไหวและเพียงมีสติรู้สึกอิริยาบถและการเคลื่อนไหวทั้งหมด  เป็นต้นว่า  การยืน  การเดิน  การนั่ง  การนอน  การคู้  การเหยียด  และการเคลื่อนไหวทั้งหมด  เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติด้วยวิธีนี้  และรู้สึกตัวถึงการเคลื่อนไหวของข้าพเจ้าทั้งหมด  ปัญญาได้เกิดขึ้นภายในจิตใจของข้าพเจ้า  ด้วยการรู้สึกที่ตัวของตัวเองมิใช่ที่ใครอื่น  ข้าพเจ้าได้รู้รูป  ข้าพเจ้าได้รู้นาม  ข้าพเจ้าได้รู้การกระทำของรูป  ข้าพเจ้าได้รู้การกระทำของนาม  ข้าพเจ้าได้รู้โรคของรูป  ข้าพเจ้าได้รู้โรคของนาม
 
            รูปโรค-นามโรค  มี ๒ ชนิด  โรคในทางร่างกาย  เช่น  ปวดหัวหรือปวดท้อง  โรคชนิดนี้เราจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์  แพทย์จะตรวจร่างกาย  และค้นหาสาเหตุของโรค  เมื่อรู้ถึงชนิดของโรคแล้วก็สามารถให้ยารักษาโรคนั้นได้  เราก็กลับเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง  โรคอีกชนิดหนึ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อจิตใจคิดนึก  และเรารู้สึกพอใจหรือไม่พอใจ  ดีใจหรือเสียใจ  โรคชนิดนี้ไม่สามารถเยียวยาได้โดยแพทย์ในโรงพยาบาล  แต่เราจำต้องมาศึกษาที่ตัวของเราเอง  กระทั่งเรารู้ถึงแหล่งที่มาของความคิด  ในการรักษาโรคชนิดนี้เราจะต้องศึกษาที่ตัวของเราเอง  จนกระทั่งเรารู้อย่างแท้จริง  เมื่อข้าพเจ้ารู้ที่มาของความคิด  ข้าพเจ้าได้ค้นพบความสงบ  แต่เป็นความสงบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ความสงบที่แท้จริงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราหยุดการแสวงหา  ต่อเมื่อเราไม่ต้องวิ่งหาบุคคลอื่น  นั่นเรียกว่าความสงบ
 
            ข้าพเจ้ายังคงกระทำความรู้สึกตัวที่ตัวเองมากขึ้น  ปัญญาได้เกิดขึ้น  และข้าพเจ้าได้รู้ทุกขัง  อนิจจัง  อนัตตา  (“ความทุกข์,  ความไม่เที่ยง,  ความไม่ใช่ตัวตน”)  และข้าพเจ้าได้รู้สมมติ  สิ่งสมมติไม่ว่าอะไรก็ตามที่ดำรงอยู่ในโลกนี้  รู้ให้หมด  รู้ให้จบ  รู้ให้ทั่ว  รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกนี้  สิ่งที่เป็นสมมตินี้เรียกว่า  สมมติบัญญัติ  (การกำหนดขึ้นแห่งสมมติ)  ปรมัตถบัญญัติ   (การกำหนดขึ้นแห่งสิ่งที่สัมผัสอยู่)  อรรถบัญญัติ  (การกำหนดความหมายอันลึกซึ้งแห่งธรรมะ)  และอริยบัญญัติ   (การกำหนดร่วมกันแห่งผู้ที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมะ)  เราจะต้องรู้ถึงแบบแผนทั้ง ๔ นี้อย่างแท้จริงและอย่างสมบูรณ์  รู้มันให้จบจริงๆ  และรู้มันให้ทั่วจริงๆ
 
            ภายหลังจากที่ข้าพเจ้ารู้สมมติโดยสมบูรณ์แล้ว  ข้าพเจ้าได้รู้ศาสนา  ข้าพเจ้าได้รู้บาป  ข้าพเจ้าได้รู้บุญ  ข้าพเจ้าได้รู้สิ่งเหล่านี้ได้แท้จริง  ธรรมดาแล้วนั้นเรามันจะยึดติดในสมมติ  เช่น  การยึดติดความเป็นศาสนาฮินดู  ความเป็นพุทธศาสนา  ความเป็นศาสนาคริสต์  หรือความเป็นศาสนาอิสลาม  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสมมติ  ศาสนาที่แท้จริงคือตัวคนทุกคน  พุทธศาสนาคือสติปัญญา  ซึ่งมีอยู่ในคนทุกคน  ข้าพเจ้าสามารถรับรองสิ่งนี้แก่เธอได้  เมื่อข้าพเจ้ารู้จักตัวเองนั้นข้าพเจ้าได้รู้ว่า  คนทุกคนก็เป็นเหมือนข้าพเจ้า  เพราะว่าทุกคนก็สามารถรู้ได้
 
            บัดนี้ข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงบาป  บาปคือบุคคลที่ไม่รู้จักตัวเอง  บาปที่หนักที่สุดในโลกก็คือบุคคลที่ไม่รู้จักตัวเองนั้นเอง  บุญคือบุคคลที่รู้จักตัวเอง  ใครก็ตามที่รู้จักตัวเองคือบุคคลผู้มีบุญ  และเป็นผู้ที่มีความสามารถกระทำตนเองให้เป็นบุคคลที่ประเสริฐ (อริยบุคคล) ได้อย่างแท้จริง  นี้เรียกว่า  ความสงบ  การรู้จักตัวเองมิได้หมายความว่า  เรารู้ว่าเราเป็นชายหรือหญิง  เราคือนาย ก. หรือ นาย ข.  แต่การรู้จักตัวเองคือการมีสติในทุกๆ ขณะ  ไม่ว่าร่างกายจะเคลื่อนไหวอย่างไร  เรารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวนั้น  ไม่ว่าจิตใจคิดนึกอย่างไร  เราก็รู้สึกถึงความนึกคิดนั้น

            บุญคือบุคคลที่รู้จักตัวเอง
            ใครก็ตามที่รู้จักตัวเองคือบุคคลผู้มีบุญ
            และเป็นผู้ที่มีความสามารถกระทำตนเอง
            ให้เป็นบุคคลที่ประเสริฐ (อริยบุคคล)
            ได้อย่างแท้จริง

 
            การเฝ้าดูความคิด
            โดยไม่พยายามไปทำ
            หรือจัดการอะไรกับมัน
            เพียงแต่ดูมันเฉยๆ
            และปล่อยมันไป
            นี้คือหนทางของอิสรภาพจากทุกข์
 
 
            ความรู้สึกตัวนี้เกิดขึ้นจากกฎของธรรมชาติโดยแท้  เมื่อความคิดเกิดขึ้น  เราเห็นมัน  รู้มัน  และเข้าใจมัน  เมื่อเราเห็นความคิดก็จะหยุดด้วยตัวของมันเอง   เมื่อความคิดหยุดลง  ปัญญาก็เกิดขึ้น  และเรารู้ถึงที่มาของ  โทสะ  โมหะ  โลภะ  เรารู้ว่า  โทสะ  โมหะ  โลภะ  มิใช่เป็นตัวของเรา  ขณะใดที่เราไม่ได้เห็นชีวิตของเราเอง  ไม่เห็นจิตใจของเราเอง  ขณะนั้นเราขาดความรู้สึกตัว  เราลืมตัวของเราไป  เมื่อเราขาดความรู้สึกตัว  โทสะ  โมหะ  โลภะ  ก็เกิดขึ้น  เมื่อมันเกิดขึ้น  เราจึงเป็นทุกข์  คนทุกคนเกลียดทุกข์  แต่เราไม่รู้จักทุกข์  เราจึงแสวงหาความสงบ
 
            ดังนั้นเราจึงไม่อาจหาความสงบได้โดยการนั่งเพียงอย่างเดียว  นั้นมิใช่หนทางไปสู่ความสงบ  ความสงบที่ข้าพเจ้าหมายถึงนั้นเป็นความสงบที่เป็นอิสระจากโทสะ  อิสระจากโมหะ  อิสระจากโลภะ  และความสงบชนิดนี้อยู่ในคนทุกคนโดยไม่ยกเว้น  เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว  ข้าพเจ้าจึงสามารถรับรองได้ว่า  ทุกๆ คนก็อาจเข้าถึงความสงบนี้ได้ไม่ว่าชาติใด  ภาษาใด  หรือศาสนาใด  ไม่ว่าเธอจะเป็นชาวฮินดู  ชาวพุทธ  ชาวคริสต์  ชาวมุสลิม  หรือศาสนาใดๆ ก็ตาม  เธอสามารถเรียนรู้ตัวเองได้  เพราะว่าทุกๆ คนต่างก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน  พวกเธอทั้งหมดที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้  และกำลังฟังข้าพเจ้าพูดอยู่นี้  จิตใจของพวกเธอทุกๆ คนก็เป็นเช่นนี้  ชีวิตจิตใจของเรามีความสะอาด  สว่าง  และสงบอยู่แล้ว  แต่เมื่อเราพูดว่าจิตใจสะอาด  สว่างและสงบนั้น  เราเพียงจำคำพูดมาจากคนอื่น  เราไม่ได้เห็นมันจริงๆ  เมื่อเราเห็นมันอย่างแท้จริงนั้น  เราจะสามารถยืนยันรับรองได้ว่าสิ่งนี้มีอยู่แล้วในคนทุกคนและทุกคนถ้าปฏิบัติอย่างจริงจัง  เขาจะต้องรู้  เขาจะต้องเห็น  และเขาจะต้องมีมัน
 
            เมื่อเรารู้และเห็น  เราก็จะรับรองได้ว่า  คำสอนนี้สามารถใช้ได้กับทุกๆ คน  ในทุกชนชั้น  และในทุกวัย  เศรษฐีก็สามารถปฏิบัติได้  คนที่ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวหรือสตางค์แดงเดียวก็สามารถปฏิบัติได้  คนที่มีการศึกษา  ที่มีปริญญาก็สามารถปฏิบัติได้  คนที่ไม่รู้หนังสือก็สามารถปฏิบัติได้เช่นเดียวกัน  ข้าพเจ้าสามารถยืนยันจุดนี้ได้จริงๆ  แต่เราจะต้องรู้วิธีที่ถูกต้อง  และเข้าไปในจิตใจของเรา
 
            พวกเธอทั้งหมดที่ฟังข้าพเจ้าพูดในบัดนี้  โปรดดูเข้าไปในจิตใจของเธอ  และเธอจะรู้ถึงลักษณะอาการของจิตใจ  อุปมาดั่งเมล็ดของผลไม้ใดๆ  ถ้าเราเพาะลงในดินที่ชุ่มชื้น  ภายใต้เงื่อนไขที่ดีมันก็จะผลิต้นอ่อนขึ้นมา  เมล็ดข้าวเจ้าหรือเมล็ดข้าวเหนียวหรือเมล็ดข้าวใดๆก็ตาม  ที่เราปลูกไว้อย่างดีแล้ว  มันก็จะแตกช่อเติบโตขึ้นมา  บุคคลก็เช่นเดียวกัน  ถ้าเขาฟังและเข้าใจและนำไปปฏิบัติเขาก็จะรู้  เมื่อเราไม่รู้และไม่เข้าใจ  ก็เปรียบเหมือนกับเมล็ดข้าวที่ลีบ  หรือเปรียบเหมือนกับเมล็ดข้าวเปลือกที่ไม่มีเนื้อใน  เมื่อเรานำไปปลูกตามท้องนา  มันจะไม่งอก  มันจะไม่ขึ้น  เช่นเดียวกับกรณีของคนที่ไม่รู้จักตัวเองอย่างแท้จริงและมาสอนบุคคลอื่น  บุคคลอื่นก็ย่อมไม่รู้ตามด้วย
 
            ข้าพเจ้าจะอุปมาให้ฟังอีกอย่างหนึ่ง  สมมติว่าในตอนกลางวันแสงแดดส่องสว่าง  เมื่อใดก็ตามที่เมฆมาบดบังดวงอาทิตย์  แสงอาทิตย์ก็จะมืดมัวลง  แต่ที่จริงแล้วดวงอาทิตย์ก็ยังคงสว่างไสวอยู่เช่นนั้นตลอดเวลา  จิตใจของเราเปรียบเหมือนดวงอาทิตย์  มันสะอาด  สว่าง  และสงบ  ดุจดังดวงอาทิตย์ตลอดเวลา  แต่เมื่อใดก็ตามที่เราพลัดออกจากต้นกำเนิดของชีวิตจิตใจของเรา  เราก็จะไม่เห็นพระพุทธเจ้า  เราก็จะไม่รู้จักพุทธศาสนา  เราก็จะค้นหาความสงบไม่พบ  เมื่อเราไม่รู้เราก็ออกเสาะหาครูอาจารย์  แต่นั้นก็เป็นเรื่องสำหรับบุคคลผู้ไม่รู้
 
            ถ้าเธอต้องการความสงบ  หรือพุทธะ  เธอไม่จำต้องทำอะไรมาก  เพียงแต่กลับมาดูต้นตอของชีวิตเธอเอง  เมื่อความคิดเกิดขึ้นอย่าเข้าไปในความคิดนั้น  แต่ให้ตัดความคิดทิ้ง  และให้ออกจากความคิดในทันที  ทำให้เหมือนแมวกับหนู  เมื่อหนูมาแมวกระโดดตะครุบหนูทันที  ความคิดก็เช่นเดียวกัน  เมื่อมันคิด  สติหรือปัญญาจะรู้ทันที  ความคิดก็หยุด  ทำเช่นนี้อยู่บ่อยๆ  หรือเปรียบเหมือนกับนักมวย  เมื่อเราเผชิญหน้าคู่ต่อสู้เราจะต้องชก  เราชกที่ตาของคู่ต่อสู้  คู่ต่อสู้ก็จะแพ้เรา  โทสะ  โมหะ  โลภะ  ก็เป็นเช่นเดียวกัน  เมื่อเรามาถึงจุดนี้  พระพุทธเจ้าก็จะเกิดขึ้นในตัวของเรา
 
            พุทธะ  คือจิตที่สะอาด  จิตที่สว่าง  จิตที่สงบ  เราทุกคนไม่มีใครที่จะโกรธตลอด ๒๔ ชั่วโมง  ไม่มีใครที่จะโลภตลอด ๒๔ ชั่วโมง  เพียงเพราะโมหะเท่านั้น  ที่ทำให้เราไม่รู้  เมื่อเรามารู้ที่จุดนี้  เราก็จะรู้ยิ่งขึ้นๆ  ปัญญาก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ  เหมือนกับการเทน้ำลงไปในขวด  น้ำในขวดจะเต็มขึ้นมา  เมื่อน้ำเต็มถึงขอบแล้ว  เราก็ไม่สามารถจะใส่อะไรลงไปได้อีก  สติ  สมาธิ  ปัญญา  ก็เป็นเช่นเดียวกัน  นี้เรียกว่าความสงบในพุทธศาสนา  หรือจะเรียกว่าความสงบในศาสนาคริสต์  หรือจะเรียกว่าอะไรๆ ก็ได้ตามแต่เราจะเรียก  จะเรียกว่ากัป  ว่ากัลป์  ก็ได้
 
            ความจริงมีอยู่ในคนทุกคน  เมื่อบุคคลรู้ถึงความจริงนี้  เขาก็จะอยู่ในโลกนี้ได้โดยไม่มีทุกข์  เขาก็จะทำงานต่างๆ ได้โดยไม่มีทุกข์  ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นครู  หรือพ่อค้า  หรือพ่อ  แม่  หรือคนงานก็ตาม  เพียงแต่เขามารู้วิธีปฎิบัติ  และมาถึงที่สุด  ความทุกข์ก็จะหดหายไปเอง  เปรียบเหมือนกับปลิงที่เกาะบนผิวหนังของเรา  เราไม่จำเป็นต้องดึงมันหรือแกะมัน  เพียงแต่นำปูนกินหมากกับใบยามาผสมเข้าด้วยกันกับน้ำ  แล้วบีบลงบนตัวปลิง  ปลิงก็จะหลุดไปด้วยตัวของมันเอง  เมื่อเรามารู้จุดนี้  เราจะหมดความสงสัย  และเราไม่ต้องเสาะหาครูอาจารย์ที่ไหนอีก  เราจะรู้ว่าที่สุดของทุกข์อยู่ที่นี่แล้ว
 
            วันนี้ข้าพเจ้าได้พูดถึงเรื่องความจริงพอสมควรแก่เวลา  ข้าพเจ้าจะขอยุติการพูดในบัดนี้  ใครที่มีปัญหาสงสัย  ขอได้โปรดซักถามตามความสะดวก
 
            ผู้ฟัง : ทำไมคนเราถึงได้เป็นโรคประสาทกันครับ
 
            หลวงพ่อ : เพราะว่าเราคิดมาก  และเราไม่เคยเห็นความคิด  เราดูแต่สิ่งที่นอกตัวเรา  ว่าคนนี้รวย  คนนั้นจน  คนนี้สวย  คนนั้นไม่สวย  คนที่มีรถก็คอยดูรถของตัวเอง  คนที่มีเพชรก็ดูเครื่องเพชรของตัวเอง  คนที่มีนาฬิกาก็คอยดูนาฬิกาของตัวเอง  เขาเหล่านั้นไม่เคยเห็นชีวิตของตนเอง  จิตใจของตนเอง  นี้คือโมหะ  การดูจิตใจของเราเองอย่างแจ่มชัดโดยที่ไม่ติดข้องกับการเคลื่อนไหวของมัน  การเฝ้าดูความคิดโดยไม่พยายามไปทำหรือจัดการอะไรกับมัน  เพียงแต่ดูมันเฉยๆ และปล่อยมันไป  นี้คือหนทางของอิสรภาพจากทุกข์  อิสรภาพจากโรคประสาททั้งปวง
 
            ดังนั้นเราจึงควรเจริญสติ  “เจริญ”  แปลว่าทำให้มาก  เมื่อสติเพิ่มขึ้น  ความสามารถที่จะเจาะทะลวงเข้าไปในจิตใจ  และเปิดเผยจิตใจก็เพิ่มขึ้นด้วย  ถ้าเราเพียงแต่รักษาศีล  หรือภาวนาทำความสงบ  มันก็ยังคงไม่ปลอดภัย  เปรียบเหมือนกับการจุดเทียนไขในถ้ำที่มืด  ความมืดได้หายไปเพียงเล็กน้อย  แต่มันยังคงอยู่ที่นั่นกับเรา  เราก็ยังคงอยู่ในที่มืด  และเมื่อเทียนไขหมดลง  ความมืดก็เข้ามาปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้งหนึ่งในทันที  ดังนั้นเราจึงควรที่จะออกจากถ้ำด้วยการมีสติตลอดเวลาในทุกๆ อิริยาบถของการเคลื่อนไหว  นี้คือวิธีที่ง่าย  ทุกคนสามารถทำได้  และสามารถปฏิบัติได้ในที่ทุกหนทุกแห่ง
 
            ผู้ฟัง : เมื่อเราเห็นความคิดและที่มาของความคิด  ความทุกข์และความตึงเครียดนานาประการจะหมดสิ้นลงหรือไม่
 
            หลวงพ่อ : ยังไม่หมดสิ้น  เพราะว่าเราเพียงแต่รู้มันแต่เรายังไม่ทำอะไรกับมัน  เราเพียงแต่รู้และเห็นความคิด  เราเพียงแต่รู้ที่มาของความคิด  แต่บางครั้งเราก็หลงออกจากทาง  ตัวอย่างเช่น  แต่ละวันเราอาจจะรู้มัน ๑๐ ครั้ง  แต่การไม่รู้มีมากกว่า  ดังนั้นจึงยังไม่ใช่ที่สุด  แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายโมหะที่ต้นตอของความคิด
 
            ผู้ฟัง : กระผมอยากจะเรียนถามว่าในระหว่างการปฏิบัติของหลวงพ่อ  ก่อนที่จะมาถึงที่สุด  มีจุดไหนบ้างไหมที่ท่านเกิดความสงสัยขึ้นมา  และมีสัญญาณอะไรบ้างไหมที่ทำให้ท่านหายสงสัยว่ายังมีโมหะอยู่อีกหรือไม่
 
            หลวงพ่อ : มีสัญญาณ  แต่ไม่ใช่สัญญาณในทางวัตถุ  สัญญาณก็คือเราเห็นตัวเรา  และเราไม่มีโมหะ  เหมือนดังเปิดของที่คว่ำอยู่ให้หงายขึ้น  หรือเหมือนเปิดเผยบางสิ่งซึ่งถูกปิดบังและซ่อนเร้นไว้  มีเพียงบุคคลที่มาถึงจุดนี้เท่านั้นที่จะรู้  และที่จะหายสงสัยในทันที  เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงโทสะ  โมหะ  โลภะ  เพราะว่ามันเป็นสิ่งสามัญเป็นเรื่องที่ตื้น  เมื่อเราพูดถึงเรื่องการเห็นความคิด  คนส่วนใหญ่รู้ความคิด  แต่ไม่เห็นความคิด  เมื่อเรารู้ความคิด  ความคิดก็ยังคงดำเนินต่อไป  และเราหลงทางในการต่อเนื่องของความคิด  เรามีโมหะในความคิด  โทสะ  โมหะ  โลภะ  จึงมาที่จุดนี้  ด้วยเหตุนี้บุคคลที่รู้ความคิดจึงยังคงมีโทสะ  โมหะ  โลภะ
 
            ผู้ฟัง : ในการเห็นความคิดนั้น  จิตใจมันพูดอยู่ข้างในหรือไม่
 
            หลวงพ่อ : ไม่  จิตใจไม่ได้พูดอยู่ข้างใน  เมื่อเราเห็นมัน  มันก็หลุดออก  เหมือนดังปลิง  เมื่อเรารู้ความคิดก็เหมือนกับพยายามที่จะดึงปลิงออกจากผิวหนัง  แต่เมื่อเราเห็นมันอย่างแท้จริง  เราไม่จำเป็นต้องไปดึงปลิง  เพียงแต่นำใบยาและปูนกินหมากผสมกับน้ำ  บีบลงบนตัวปลิง  และปลิงจะหลุดของมันเอง  ดังนั้นถ้าเรารู้จริงแล้วเราก็ไม่ต้องไปฟังใครที่ไหนอีก  เหมือนดั่งที่พวกเราทั้งหลายนั่งกันอยู่ ณ ที่นี้  ในขณะนี้  เราไม่มีโทสะ  หรือโลภะ  จะมีก็เพียงโมหะ  เพราะเราไม่เห็นชีวิตของเรา  เมื่อเราเห็นและรู้ชีวิตของเราเองทุกเวลา  โทสะ  โมหะ  โลภะ  ก็ไม่สามารถจะเกิดได้  ดังนั้นจิตใจของเราจึงมีความสะอาด  ชีวิตของเรามิใช่สิ่งสกปรก  ไม่มีสัญญาณใดๆ  ในภายนอก  คนอื่นไม่สามารถที่จะเห็นได้  แต่เรารู้และเห็นตัวของเราเอง
 
            ผู้ฟัง : หลวงพ่อบอกว่าเมื่อเราเห็นความคิด  ความคิดจะหยุดในทันที  กระผมยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้  ถ้ามันเป็นจริง  กระผมใคร่จะเรียนถามว่า  เมื่อเราเห็นความคิดและความคิดหยุด  เราจะรู้ความคิดตัวต่อไปได้หรือไม่
 
            หลวงพ่อ : อย่าไปสนใจความคิดอันต่อไป  ให้เพียงเห็นความคิด  มันจะหยุดโดยตัวของมันเอง  อย่าไปสนใจว่าความคิดมาจากไหน  เมื่อเราเห็นมัน  โทสะ  โมหะ  โลภะ  ก็ไม่อาจเกิดได้
 
            ผู้ฟัง : หลวงพ่อสอนให้ดูความคิด  ถ้าเช่นนั้นใครกันที่เป็นผู้ดูความคิด
 
            หลวงพ่อ : อย่าไปหาตัวผู้ดู  และเราจะเห็นว่าตนเป็นที่พึ่งของตน  และนั่นคือที่พึ่งอันแท้จริง  เราอาจบอกว่าคนเป็นผู้ดู  หรือเราอาจบอกว่าปัญญาเป็นผู้ดู  แล้วแต่เราจะพูดเพราะว่าไม่มีตัวตนที่เราสามารถจับเอามาดูได้  การเห็นและการรู้เป็นสองสิ่งที่แตกต่าง  การรู้คือการเข้าไปในความคิด  และความคิดก็คงดำเนินต่อไป
 
            ผู้ฟัง : กระผมได้ฟังหลวงพ่อมาและมีความรู้สึกว่าความคิดและอารมณ์  เช่น  ดีใจหรือเสียใจ  เป็นบางสิ่งที่อยู่ภายนอก  เหมือนดังข้าวกับแกง  ซึ่งเราสามารถทำประโยชน์  เราสามารถเอามารับประทาน  เราสามารถเห็นมัน  แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในตัวเรา  เราไม่สามารถเห็นมันได้  ไม่ว่าความคิดหรืออารมณ์  ข้อนี้ไม่ใช่เป็นคำถาม  แต่กระผมใคร่จะให้หลวงพ่อช่วยทำให้กระจ่างขึ้น
           
            หลวงพ่อ : การเห็นความคิดเป็นสิ่งหนึ่ง  การรู้ความคิดเป็นอีกสิ่งหนึ่ง  เมื่อเราเห็นความคิด  เราสามารถหลุดออกมาจากความคิดนั้นได้  เมื่อเรารู้ความคิด  เราก็ยังคงติดอยู่กับความคิดนั้น  ดังนั้นการรู้ความคิดจึงเป็นความรู้ของอวิชชา  ความรู้ของบุคคลผู้ซึ่งไม่มีปัญญา  แต่ด้วยความรู้ของผู้มีปัญญา  การรู้และการเห็นสามารถแยกออกจากกันได้  นั้นคือ  วิชชา  (การรู้)  หรือปัญญา  ปัญญาและวิชชาจะแยกความคิดออกจากกัน  และนั่นคือที่สุดของทุกข์  ดังนั้นผู้มีปัญญาจะรู้อย่างนี้  แต่ข้าพเจ้าสามารถรับรองกับเธอได้ว่าพวกเธอทั้งหมดในที่นี้สามารถทำได้  โปรดได้ทดลองด้วยตัวของเธอเอง  เพียงฟังอย่างเดียว  เธอไม่สามารถจะรู้ได้  มันเป็นเพียงการจำเท่านั้น  ถ้าเราปฏิบัติเราก็จะเห็นแจ้งรู้จริง  นี้คือความรู้ของเราเอง  ดังนั้นจึงเรียกว่า  พุทโธ  ซึ่งแปลว่า  การเห็นหรือการหลุดออก
 
            ผู้ฟัง : เมื่อเรารู้ความจริงและรู้มันอย่างแจ่มแจ้ง  จะมีหลักค้ำประกันได้ไหมว่า  หลังจากที่รู้แล้วความรู้นั้นจะไม่หายไปอีก  เมื่อเรารู้เรารู้มันตลอดไป  หรือว่ามันสามารถจะหายไปได้
 
            หลวงพ่อ : มันเป็นบางสิ่งที่อยู่ในตัวเรา  มันไม่หายไป  สมมติว่าเรารู้ตาของเรา  เรามีตาของเราตลอดเวลา  นี้เป็นสัญลักษณ์ที่ว่าทุกคนมีสิ่งนี้  และสามารถสอนสิ่งนี้แก่บุคคลอื่น  ข้าพเจ้าสามารถให้คำรับรองว่าพวกเธอทั้งหลายในที่นี้  ปฏิบัติวิธีนี้  จะรู้ภายในเวลาไม่เกิน ๓ ปี
 
            ผู้ฟัง : หลวงพ่อโปรดให้พรแก่พวกเราทั้งหมดในที่นี้ด้วย
 
            หลวงพ่อ : เมื่อพระภิกษุให้ศีลให้พรแก่คนทั้งหลาย  นั่นเป็นความดีอย่างหนึ่ง  แต่ศีลและพรที่แท้จริงคือความตื่นตัวและความรู้สึกตัว  พวกเธอแต่ละคนได้โปรดกระทำความรู้สึกตัว  ไม่ว่าเธอจะอยู่ ณ ที่ใด  ที่บ้านหรือที่ทำงาน  ในทุกอิริยาบถการเคลื่อนไหว  และนั่นจะเป็นศีลและพรที่แท้จริง  ศีลที่แท้จริง  พรที่แท้จริง  จะเกิดขึ้นเมื่อเรารู้  เราเห็น  และเราเข้าใจด้วยตัวของเราเอง  และเมื่อเราเคารพตัวเอง
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9905 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2556, 08:19:44 »

วันนี้ฝนลดลงต่อจากเมื่อวานนี้
พรุ่งนี้ฝนในภาคเหนือ ภาคอีสานจะเพิ่มขึ้นจากมรสุมที่ทวีความแรงขึ้น บวกกับหย่อมความกดอากาศในอ่าวตั่งเกี๋ย
อย่างไรก็ตาม อ่าวไทย ทะเลอันดามัน คลื่นสูงและมีลมแรงเช่นเดิม


พยากรณ์อากาศ ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง
สำหรับในช่วงวันที่ 19-22 สิงหาคม 2556 ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ยประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมี
กำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และกำแพงเพชร

อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น และนครราชสีมา

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดตรังและสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 40 ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9906 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2556, 13:36:22 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                         ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลอากาศ

                         กทม. ก็ยังคงมีฝนตก  ท้องฟ้ามีเมฆมาก  แต่วันนี้อากาศร้อน  แต่ที่นครศรีธรรมราช แดงแรง จ้ามากกว่านี้

                         วันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัว  อยู่บ้าน

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9907 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2556, 19:46:03 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้ไดีตีกอล์ฟกับพี่เกษม  

                               พี่เกษม  ถือเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำธุระกิจ ทาง Bio คือขจัดของเสียโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  โดยเฉพาะการกำจัดน้ำมันในน้ำ ได้จดสิทธิบัตรเอาไว้  เคยมีฝรั่งอเมริกามาขอซื้อ แต่พี่เกษม  ไม่ขายสิทธิบัตรนั้น  ปัจจุบันพี่เกษมได้ไปลงทุนกับญี่ปุ่น โดยทางญี่ปุ่นมาขอร่วมทุน ตั้งโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่น ณ ขณะนี้  แต่ที่เมืองไทยพี่เกษม มีโรงงานอยู่ที่ปากช่อง  พี่เกษม ได้รับเชิญจากกระทรวงอุตสากรรมไปบรรยายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมากมาย เกี่ยวกับการกำจัดสิ่งสกปรกในน้ำโดยเฉพาะคราบน้ำมันในน้ำ และตามโรงงาน เป็นดาวเด่นให้กับกระทรวงอุตสาหกรรม เลยทีเดียว

                          เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วลงทะเล ตามที่เป็นข่าว พี่เกษม ได้รับการขอร้องจากกระทรวงอุตสาหกรรม และกรรมาธิการัฐสภา และอดีตผู้บริหารของกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีต Vice President ของ ปตท. ให้ไปช่วย  พี่เกษม ก็ไปโดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมพา พร้อมด้วยพนักงานบริษัท ไปเกาะเสม็ด  แต่บังเอิญไปเจอเจ้าหน้าที่ของปตท. ไม่เอาไหน หาว่าพี่เกษม จะไปขายของ เนื่องจากมีคนไปขายของมากมายในเวลานั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มาจากสายไหน วุ่นวายไปหมด  ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี  พี่เกษม จึงขอตัวกลับทันทีไม่ทำให้  

                          วิธีของพี่เกษมเป็นวิธีสมัยใหม่ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม  ไม่ใช่ทำตามแบบที่เราเห็นทางทีวี  และ ทางปตท.เองที่รู้จักพี่เกษม และ micro nice ก็ยอมรับว่าถ้าจะกำจัดคราบน้ำมันต้องพี่เกษม คนนี้ละของจริง เพราะเคยทำงานให้ ปตท.มาก่อน จนเจ้าหน้าที่ ปตท.ให้ระดับ A+ เลยทีเดียว

                         แต่ครั้งนี้ไปเจอเจ้าหน้าที่ ปตท.แบบนั้น มันน่าเสียดาย  

                         วันนี้ผมเลยต่อสายให้พี่เกษม  ได้คุยกับคุณบวร  กจก.โดยตรง คุณบวร ได้รับทราบและขอโทษ เพราะกระแสต่อต้านมันแรงมาก ณขณะนั้น ไม่รู้ใครเป็นใคร  จึงทำอะไรไม่ทัน  และน่าเสียดายมาก  ว่ายังมีวิธีที่ดีกว่า มีเจตนาที่ดี แต่ไปเจอคนไม่ดีเท่านั้น

                         ผมได้ถามพีเกษม ว่า เวลาคนงาน หรือพนักงาน ที่ทำงานให้ผม เวลามีอะไรผิดพลาดในการทำงาน หรือเครื่องจักร ผมจะให้เขียนคู่มือการแก้ไข และสิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อให้เวลามีเหตุการเกิดขึ้น พนักงานสามารถทำงานได้เลย

                        แต่กรณีขอน้ำมันดิบรั่ว ไม่มีเลย แก้ไขเฉพาะหน้า  ตามแบบที่เราเห็นตามทีวีนั่นแหละ

                         ก็เรียนให้ทราบ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9908 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2556, 20:07:23 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                      วันนี้น้องสาว(คุณวีรยา) น้องเขย(คุณหมอวิทิต) และหลายชาย(คุณหมอพีร์) มาเยี่ยมที่บ้าน ผมเลยไม่ได้ไปไหน อยู่บ้าน

                       พรุ่งนี้เที่ยง ต้องไป แข่งขันกอล์ฟ โปร. Senior One Day Tour ที่สนามกอล์ฟ The Vintage Golf Club สมุทรปราการ และแข่งขันเสร็จมีการประชุมใหญ่ของสมาคมกอล์ฟอาชีพผู้อาวุโสไทย  เพื่อจัดการเลือกตั้งนายาสมาคม และกรรมการสมาคม คนใหม่

                       ได้ข่าวว่าทางกลุ่มเบียร์สิงห์ ส่งคุณ X มาลงสมัคร และมีคุณประจวบ  อดีตนายกก็มาลงสมัคร เช่นเดียวกัน

                        ผมในฐานะสมาชิกอันดับที่ ๑๔๔ จากทั้งหมดประมาณ ๖๐๐ กว่าท่าน ที่เป็นโปร. Senior อยู่ ก็ต้องไปรักษาสิทธิเลือกนายก ตามกติกา คงมีคนไปเลือกตั้งประมาณ หนึ่งร้อยกว่าท่าน เพราะโปร.เหล่านั้น กระจายอยู่ตามต่างจังหวัด  เจ็บป่วย  แก่มากแล้ว และตายไปก็มาก เหลือจริง ๆ ไม่รู้เหมือนกัน  สังขารมันไม่ไหวก็มีมาก  ส่วนที่ยังแข็งแรง ลงแข่งขันได้มีประมาณ ไม่เกินสองร้อยท่าน เท่านั้น  นอกนั้นปลดระวาง สอนกอล์ฟอย่างเดียว

                       วันนี้นั่งดู Volley Ball หญิงของไทยแข่งขันกับทีมรัสเซีย สนุกมาก แต่ไทยเราเสียเปรียบในด้านรูปร่างเป็นอย่างมาก  แต่ก็เล่นได้ดีมาก แพ้รัสเซียไป 3:2 เซต

                       คนที่จะเล่น Volley Ball มันต้องฝึกแต่เด็ก เอาคนที่มีรูปร่างสูงๆ มาฝึก แต่โดยระบบไม่มี มาเริ่มต้นกันที่โรงเรียนมัธยม มันเลยหาคนสูง ๆ มาเล่นไม่ได้มากมายนัก  นักกีฬามันต้องสร้างด้วยระบบการส่งเสริมการแข่งขัน ตั้งแต่ระดับประถม  แต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีเงินสนับสนุน และส่งเสริมจริง ๆ จัง ๆ ต้องปรับวิธีคิด และการทำงานใหม่ โดยเฉพาะต้องสร้าง Leaque อาชีพให้ได้ คนจึงจะมีความหวัง และอยากเล่น พูดง่าย ๆ คนเป็นนักกีฬา ต้องได้สตางค์พอสมควร นั่นเอง

                       ค่ำนี้ไม่มีอะไร ขอให้ทุกท่านนอนอย่างมีสติ  ถ้ามารมาผจญในฝันก็ขอให้เรารู้ตัว อย่าไปหลงกับฝัน ครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9909 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 06:03:03 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                           เช้านี้ได้นั่งภาวนาเจริญสติ  สวดมนต์ทำวัตรเช้า สวดพระสูตร รับ ทบทวนศีล ๘ และแผ่เมตตา

                           ได้หุงข้าวเอาไว้ใส่บาตรยามเช้าที่หน้าบ้าน และ

                            และทำ Detox ลำไส้ใหญ่ เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมากินโปรตีนมาก เพราะร่างกายมันต้องการ เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อรีบ

                            อีกสักครู่ก็จะได้เดินจงกรมไปซื้อกับข้าวที่ตลาดลุงเพิ่ม

                            เช้านี้ขอให้ทุกท่าน จะกระทำอะไร เวลายืน เดิน นั่ง นอน เคลื่อนตัว หยุดตัว ก็ให้มีสติ

                            เมื่อมีสติ  รู้สึกตัว  ไม่หลงอยู่ในความคิด  ปัญญา มันเกิดขึ้นเอง

                            สวัสดี
            
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9910 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 09:03:04 »

ภาคเหนือเริ่มมีฝนมากขึ้นจากหย่อมความกดอากาศในอ่าวตังเกี๋ย
"พายุโซนร้อน จ่ามี" ชื่อเดิมแต่ลูกใหม่เกิดใกล้เกาะใต้หวัน ผู้เดินทางไปจีนตอนใต้ ฮ่องกง ตรวจสอบอากาศก่อน

พยากรณ์อากาศ ประจำวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 19-22 สิงหาคม 2556
สำหรับ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนน้อยลงในระยะนี้
อนึ่ง พายุโซนร้อน “จ่ามี” (TRAMI) มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะไต้หวัน
ส่วนพายุดีเปรสชันได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนด้านตะวันออก ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไป
เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะไต้หวัน และประเทศจีนด้านตะวันออก ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง
ซึ่งพายุทั้งสองลูกไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และตาก

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 30 ส่วนมากในช่วงเย็นถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9911 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 11:15:01 »

เส้นทางเดินของพายุ"จ่ามี" Trami



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9912 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 11:37:02 »

โซนร้อน “จ่ามี” แผลงฤทธิ์ถล่มมะนิลา สัญจรเกือบอัมพาต-น้ำท่วมถึงเอว
19 สิงหาคม 2556 10:44 น.


       เอเอฟพี - เมืองหลวงฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาวะกึ่งอัมพาตวันนี้(19) หลังอิทธิพลของพายุโซนร้อน “จ่ามี” (Trami) ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งคืน จนบางพื้นที่น้ำท่วมสูงถึงระดับเอว
       
       โรงเรียน สถานที่ราชการ และตลาดหลักทรัพย์ในกรุงมะนิลา ประกาศปิดทำการชั่วคราวในวันนี้(19) ขณะที่รัฐบาลออกประกาศเตือนภัยระดับแดง เนื่องจากคาดว่าพื้นที่น้ำท่วมจะยังขยายวงกว้างออกไปอีก
       
       น้ำที่ไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรมทางตอนเหนือของเกาะลูซอนคร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้วอย่างน้อย 1 ราย
       
       “เราพยายามป้องกันทรัพย์สินเท่าที่จะทำได้ แต่น้ำเอ่อขึ้นมาเร็วมาก... คนข้างบ้านผมยังเอาออกรถไปไม่ทันด้วยซ้ำ” เจ.อาร์. ปาสกวล คุณพ่อลูกสี่ซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดคาวิเต (Cavite) ห่างจากใจกลางกรุงมะนิลาราวๆ 15 กิโลเมตร ระบุ
       
       ถนนจากคาวิเตเข้าไปในตัวเมืองไม่สามารถใช้สัญจรได้แล้ว ชาวบ้านบางคนที่ยังดึงดันจะเข้าไปในเมืองให้ได้ก็ต้องยอมทิ้งรถเอาไว้ข้างทาง
       
       ถนนบางสายในกรุงมะนิลามีน้ำท่วมขังจนไม่สามารถใช้การได้ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องทนเดินฝ่าน้ำครำสกปรกที่ท่วมสูงถึงระดับเอว
       
       สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์แถลงว่า พื้นที่เพาะปลูกในเขตภูเขาทางตอนเหนือของเกาะลูซอนถูกกระแสน้ำไหลเข้าท่วมจนเสียหายยับเยิน บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงถึง 1.2 เมตร หลังเผชิญฝนตกต่อเนื่องตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว 1 ราย สูญหายอีก 2 คน
       
       นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ตลอดทั้งวันนี้(19) จะยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องบนเกาะลูซอน เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนจ่ามีซึ่งทำให้ฤดูมรสุมปีนี้รุนแรงกว่าปกติ แม้ตัวพายุจะยังอยู่ห่างจากหมู่เกาะฟิลิปปินส์ไปกว่า 500 กิโลเมตรก็ตาม







 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000103023
 
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9913 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 16:38:20 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,
ภาวะเป็นหนี้ มองให้ดีว่าบางทีมีที่มา
จากความต้องการพื้นฐานหรือความฟุ้งเฟ้อเกินตัวหรือไม่
คนไม่มีบ้าน คนไม่มีรถ...บ้านและรถ
จึงอาจถือเป็นความต้องการพื้นฐาน?
แม้,บ้านเช่าได้ รถใช้ขนส่งมวลชนได้
แต่หากของสองสิ่งนี้คือKapital คือการออม/การสร้างฐานะ
หลายคนจึงยอมคะ ยอมที่จะเป็นหนี้ ด้วยความหวัง
ว่าในบั้นปลายชีวิต จะอยู่ในบ้านของตัวเอง,ช่วงผ่อนก็อยู่
รถก็ใช้...ที่ต้องระวังยิ่งไปกว่านั้นคือ ช่วงชีวิตที่เป็นหนี้
ยาวนาน ระยะเวลานั้นยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีกแทรก-ร่วมในชีวิต
มีลูก ท่องเที่ยว รึความเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งตัวเองหรือบุคคลรอบๆ
ส่วนใหญ่น่ะ มีเงินเดือนที่fixค่าใช้จ่ายแน่นอนว่าต้องใช้หนี้
อะไรบ้าง..หนี้บ้าน-หนี้รถ...เหลือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกอะไรเท่าไหร่
ตรงนี้คะที่ส่วนใหญ่ไม่อยากไปคิดถึง เพราะการต้องละ/เลิก
ไม่ได้ฝึกจริง ไม่ได้เคยมีวินัยมาก่อน...ผ่อนในอนาคตทั้งนั้นค่ะ!
ว่า...ค่อยคิด ค่อยว่ากันอีกที...วันนี้ขอสุข ขอสนุกกันก่อน
ความรื่นเริงบันเทิง หากมองเป็นยาบำรุงกำลังก็อาจสำคัญ
แม้ชั่วครู่ชั่วยาม แต่บ่อยและเป็นรายการแทรกมากๆ ค่าใช้จ่ายนอกทั้งนั้น
ใครจะมาพักผ่อนออกกำลังโดยการซ่อมบ้าน ทาสี ปลูกต้นไม้
ปูwallpaper จัดเก็บ??ในบ้านเค้าไม่หยิบ ไม่จับกันงานแบบนี้?
จ่าย"ช่าง"จ่าย"จ้างเค้า"ซึ่ง...สุดท้ายก็ผลัดก็ยกไปในอนาคตอีกคะ
สู้อะไรที่ง่ายๆไปกินไปดื่ม ไปซื้อของดีกว่ารื่นเริงกว่า?เจ้าตัวชื่นมื่น
ทันที
ไม่นับรายการเรี่ยไร ขอมาจากทุกหย่อม ทุกหญ้าแห่งความระทม
ความทุกข์ที่เราคนเห็น ยากแก่การละเฉย..นั่นต้องช่วย นี่ต้องให้?
นั่นต้องใช้คืน นี่ต้องทดแทน? รายการเหล่านี้ไม่มีใครมาละเอียด
คิดคำนวณลงในกระดาษ ลงเป็นตัวเลข...ว่านี่คือรายการค่าใช่จ่าย
ที่มาลด มาเทากำลังรายเดือนรายได้..
ถึงคนค้าคนขายก็เถอะพี่ เค้ารับมา เค้าจ่ายออก
อาจดูหรูหราว่าเงินสะพัดอู้ฟู้ จริงๆแล้วเค้ามีค่าใช้จ่ายค่ะ!
จ่ายดอก จ่ายเงินเดือน จ่ายค่าของ ค่าสินค้า..

แปลกใจไปทำไมคะหากคนจะต้องอยู่ให้ได้กับการมองรอบๆ
เห็น การได้ การมีของคนอื่นแล้วอยากได้อยากมีอย่างเค้ามั่ง!
ใครอย่ามาพูดbla blaว่าอย่าตามเค้า อย่าเอาอย่างเค้า
ชีวิตเราเราต้องconcentrateกะสตุ้งสตังส์ในกระเป๋าเราสิ
ในความเป็นจริง ความริษยาตรงนี้บั่นทอนปวดร้าวในจิตในใจคะ
ถึงจะปากว่าชื่นชมยินดี แต่ลึกๆเฮอะ...ยังไงก็ขอให้ได้เถอะน่า!
การคอรัปชั่น รับใต้โต๊ะ แต๊ะเอีย ล้วนเป็นรายได้นอกง่ายๆทั้งนั้น
อยู่เฉยๆเค้าก็นำมาให้ ไม่รับก็โง่ล่ะ??ผู้ร่วมงานคนอื่นเค้าก็รับกัน?
คิดถึงหน้าลูก หน้าเมีย..เฮ้อ,ตีซะให้เมียให้ลูก??

จริงๆนะคะพี่สิงห์ ชีวิตไม่ง่ายคะ!
ถึงจะหนีก็หนีไม่พ้น..ไม่ต้องหนีคะ
ฉู้ ฉู้ (คนพูดฟันหรอ!!)อยู่ให้ได้
อยู่ให้ดี อยู่อย่างมีศักดิ์ มีศรี ไม่ขอ
ไม่ง้อใคร ถึงเป็นหนี้...ใช้หนี้ครบ
ตามเวลา ตามสัญญา
ไม่ให้ใครต้องมาเดือดร้อนคะ...

นี่สิ ใช้ได้.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9914 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 17:21:43 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,
เมื่อเย็นวันเสาร์หนิงได้รับเชิญไปงานขึ้นบ้านใหม่
ของผู้ชายในกลุ่มฟุตบอล ที่แฟนหนิงไปเตะทุกจันทร์
เมื่อตุลา ปีที่แล้วเค้าย้ายบ้าน หนุ่มๆผู้ชาย4-5คนไปช่วย
วันเสาร์เค้าเลยเลี้ยงขอบคุณ.
ผู้ชายคนนี้อายุ 48เองคะ วัยทำงานกำลังทำเงิน
กำลังก้าวหน้า...เมื่อ15ปีก่อนเค้าสร้างบ้านในเขตWohngebiet
เดียวกะที่หนิงอยู่ บ้านเดี่ยว สวย มีภรรยาผมทอง
มีลูกชาย2คน อยู่ดี มีสุข จนเมื่อ2-3ปีก่อนข้างบ้านเค้า
ที่เคยเป็นที่เปล่าๆมีคนมาสร้างบ้านติดๆกัน..
ภรรยาเค้าว่าบังสายตา บังทิวทัศน์ จะไม่อยู่ล่ะ จะขาย
จะย้ายออกจากที่นั่น...เค้าก็หาที่ปลูกใหม่ในWohngebietใหม่
คราวนี้ปลูกริมเขตคะติดทุ่งติดนา...เริ่มขอเครดิตใหม่!
เค้าเล่ากะแฟนหนิงว่าใจจริงเค้าไม่อยากขาย ไม่อยากย้าย
เค้ารักบ้านหลังโน้นที่ทำมากะมือ...หลังนี้เค้าจ้างมากกว่า
แน่นอนคะ แพงกว่าหลังเก่ามากๆ ทันสมัย สวยงาม หรู
แต่ในเมื่อภรรยาเค้าไม่สุข เค้าจะสุขได้อย่างไร?ก็เลยตามเลย
เค้าบอกว่าเค้าตั้งเวลาจ่ายหนี้ไว้ 10 ปี (48-->58)
จ่ายแบบอัตราสูงสุดเพื่อให้ระยะเวลาสั้นลงได้
ตามปกติผ่อนบ้านในเยอรมันนี 15-25ปีค่ะพี่

ไปบ้านเค้า,หนิงได้ย้อนมองตัวเองอย่างพินิจ
ว่าความริษยาอยากได้อยากมีมั่งนี่...หนักหน่วง
แต่หากเราดึงตัวเองออกมาให้ได้จากการมองนี้:
เราเป็นใคร ชีวิตเราเป็นยังไง มายังไง ถึงไหน
เราพึงพอใจมั้ย เราเป็นสุขมั้ย ....

จริงๆนะคะ,แฟนหนิงบอกว่า ข้างนอก ในโลกรอบๆ
มีการแข่งขัน มีการเปรียบเทียบ มีการอวดการโชว์
ทุกที่ทุกเวลา...เลี่ยงไม่ได้ หลีกไม่พ้น...คนทุกคน
ก็ต้องพยายามทำชีวิตเค้าให้ดีที่สุด...ของใครของมัน
การมองชีวิตคนอื่น เป็นการมองเห็นได้จากด้านเดียว!
ไม่สามารถนำมาเปรียบ นำมาเทียบกะชีวิตคนอื่นๆได้.

เค้าตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าของบ้านผู้ชายคนนี้ กล้า+เสี่ยง
ชีวิตที่เหลือในการทำงานอีกกี่ปีนะคะ?10-13ปี
จ่ายหนี้บ้านด้วยrateจ่ายคืนสูงสุดนี้..เสี่ยงอะไรมั่ง?
1.youห้ามป่วย, 2.youห้ามหย่าร้างเลิกรา,3.youห้ามตกงาน!!
หรือมีอะไรเข้ามาในระหว่างเวลานี้...ม่ายงั้น??
bankยึดทันทีคะ!! บ้านสวยก็ขายทอดไปเป็นของคนอื่น
จุ๊ๆๆความเสี่ยงนี้ เค้าเองยังไม่กล้า เค้าบอกตอน 48
กะตอน58 สายตาการมองชีวิตต่างกันมาก...แล้วอะไรๆ
ก็เกิดขึ้นมากมายด้วยสิคะในช่วงนี้...กำลังลดลง,มีคู่แข่งที่ทำงาน
เด็กจบใหม่วัยละอ่อนจ่ายถูกกว่าคนวัย58-60ที่แพงขึ้นเรื่อยๆ
หรือหย่าร้างเลิกลา...midlife crisis เหอะๆวัยไหนเล่า...ที่ได้
เที่ยวmad & crazyไปรอบๆน่ะพี่...วัยนี้แหละ!! แล้วตอนนั้น
โรคภัยไข้เจ็บสาระพันมี ล้วนดาหน้าเข้ามาฟ้องร้องเจ้าตัว
ใครดูแลตัวเองดีไม่ดี กินอยู่ยังไง...ร่างกายฟ้องกันช่วงนั้น?

พี่สิงห์คะ,จริงด้วยค่ะว่าชีวิตที่ดีนี่ ต้องระมัดระวังยังไง
เพื่อสุขให้ได้ยาวนานที่สุด...ไปบ้านเค้าแล้ว เห็นคะ
ว่าบ้านเรานี่...ที่สุดของแหล่งพักกายพักใจ ผู้อยู่กิ๊วก๊าวร่าเริง
รกไปนิด โทรมไปหน่อย แต่...ปลอดหนี้ ไม่มีเครดิตต้องส่ง
ยิ้ปปี้.
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9915 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 20:42:29 »


พี่สิงห์ที่เคารพ
น้องหนิงจาไปเลี้ยงวัวคะ!
อย่าห้าม.


<a href="http://www.youtube.com/v/Oyz_gYTMsYU?hl=de_DE&amp;amp;version=3" target="_blank">http://www.youtube.com/v/Oyz_gYTMsYU?hl=de_DE&amp;amp;version=3</a>
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9916 เมื่อ: 19 สิงหาคม 2556, 20:45:18 »



รูปนี้พี่ล่าสุดเหรอคะพี่สิงห์?
ดูดีจริงๆค่ะ ขอชม.
      บันทึกการเข้า


เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9917 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 07:19:36 »

ฝนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมากกว่าภาคอื่นจากร่องมรสุม และหย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวตั่งเกี๋ย

พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นในระยะ 2-3 วันนี้
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามัน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย
อนึ่ง พายุโซนร้อน “จ่ามี” (TRAMI) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีศูนย์กลางอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ และมีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไต้หวัน และด้านตะวันออกของประเทศจีน ในช่วงวันที่ 22-23 สิงหาคม 2556 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และตาก

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย
หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สระบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 40 ส่วนมากในช่วงเย็นถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 


19400  win
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9918 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 20:40:32 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                   ขอบคุณมากที่เขียนสาธยายมาให้ฟัง ได้ประโยชน์กับทุกท่านที่อ่าน

                   บางครั้งเธอเป็นคนสองจิต มองเห็นความจริงจิตหนึ่ง และยังหลงอยู่ในตนเองอีกจิตหนึ่ง

                   มันก็จริงตามที่เธอได้บอกมานั้นทุกประการ ความต้องการของคนมันเป็นอย่างนั้น พระพุทธองค์ถึงสอนเกี่ยวกับทางโลกเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ให้คนพิจารณา ด้วยปัญญาให้เห็นความจริง เพื่อให้จิตปล่อยวาง  อยู่อย่างสงบ สุขได้   ไม่ต้องการอะไรมากมายนัก อันนี้คือ

                  โลกธรรม ๘ ประกอบด้วย

                   ๑. ได้ลาภ

                   ๒. เสื่อมลาภ

                   ๓.ได้ยศ

                   ๔. เสื่อมยศ

                   ๕. ได้รับการสรรเสริญ

                   ๖. ได้รับคำนินทา

                   ๗. ได้รับความสุข

                   ๘. ได้รับความทุกข์

                    คนทุกชาติ ทุกภาษา ทุกวัยย์  ย่อมประสบแบบนี้ทั้งนั้น ใครรู้ด้วยปัญญา มองเห็นสัจจธรรมนี้ ย่อมสามารถวางจิตของตนเองถูก  ไม่ยึดมั่นถือมั่น เพราะทุกสิ่งไม่จิรังยั่งยืนทั้งนั้น เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา ทั้งนั้น ไม่ช้าก็เร็ว

                    ถ้าใครไม่เห็นความจริงอันนี้ จิตจะประกอบไปด้วย ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง และมีทุกข์ตามมา เพราะยังยินดีในรูป  เสียง  กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และปล่อยใจคิดนึกตามยถากรรม

                    สู้อยู่แบบพอเพียง  ช่วยเหลือตนเอง  ไม่ก่อหนี้  มีเงินเก็บให้ลูก และตนเอง  ตามอัตภาพ สุขกว่าแยะ

                    อย่าลืมความสุขที่ปราณีต คือการเอาชนะจิตตนเอง ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น และไม่คิดต่างหาก

                    รูปนั้น ถ่ายเมื่อก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ น้ำหนักอยู่ที่ ๖๘-๖๙ กิโลกรัม  แต่ตอนนี้น้ำหนักพี่สิงห์ อยู่ที่ ๖๖-๖๗ กิโลกรัม  ไม่เจ็บ  ไม่ป่วย  ยังยึดหลัก กินตรงเวลาสองมื้อ เช้า-เพล  กินอาหารให้เป็นยา  นอนหัวค่ำ  ถ่ายตรงเวลาเกือบทุกวัน ออกกำลังกายด้วยการเดินจงกรม ฝึกชิกง-โยคะ อย่างน้อยในหนึ่งอาทิตย์ต้องมีเกิน ๕ วันสำหรับการออกกำลังกาย และเจริญสติ เพื่อเอาชนะจิตตนเอง

                    สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9919 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 20:43:03 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                         ขอบคุณมาก สำหรับข่าวสารอากาศ

                         วันนี้ กทม.บางพื้นที่ฝนตก และเมฆคลึ้มทั้งวัน  ตอนเย็นตอนสี่-ห้าโมง-หกโมง  ฝนตก รถติดมาก ในหลายพื้นที่

                         สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9920 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 20:53:42 »

พี่สิงห์ที่เคารพ,
ก็เป็นธรรมดาของคนธรรมดาปุตุชนนี่ล่ะคะพี่
คนที่ยังรู้สึกต่อรอบข้างได้ เค้าแสดงอารมณ์ได้
โกรธได้ โมโหได้ ดีใจได้ ยิ้มได้ หัวเราะได้
มี"ชีวิต" มี"ชีวา"ในการ...ได้ใช้ชีวิตคะพี่ท่าน!
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถอดเพื่อให้"ความรู้สึก"
ตาย สลายไปจากคนผู้นั้น..ไม่รับ ไม่รู้ ไม่ยิน ไม่ยล
ไม่แสดงอะไรใดๆทั้งสิ้น

พี่สิงห์ทำได้...หนิงว่าคงดีต่อพี่นะคะ
หนิงทำไม่ได้คะ และไม่เคยคิดจะทำ
เพราะไม่รู้จะหน้าเฉยหน้าตายไปทำไม
เค้าให้แสดงอารมณ์ได้...ไม่แสดง
พอในภาวะถอดวางสีหน้าให้ได้อย่างงานศพ
พวกเกิดไประรื่นหัวระริกกัน...หนิงว่า,มันก็ยังไงอยู่คะ.

ตรวจจิตคือหลุบเข้าข้างในใช่มั้ยคะ?
แต่ไม่เกี่ยวอะไรกะการแสดงอารมณ์?
แสดงความรู้สึก?
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9921 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 20:59:12 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                      วันนี้คุณน้องกนกวรรณ  สิกขโกศล  ได้โทรศัพท์มาปรึกษา และขอความเห็น

                      เธอบอกว่า พี่มิ้งค์ได้เสนอให้พี่ปรีดา   รวมเมฆ  เป็นนายกสมาคมซีมะโด่ง คนต่อไป  และพี่ปรีดา  ก็ยินดีที่จะเป็น  พี่สิงห์  มีความเห็นอย่างไร?

                      พี่สิงห์  ก็ตอบว่า  เห็นดีด้วย เพราะนายกสมาคมซีมะโด่ง  กับ ประธานชมรมซีมะโด่ง มันต่างกัน

                      นายกซีมะโด่ง มันควรจะมาจากบุคคลที่มีชื่อเสียง  มีความเสียสละ มีเวลา  ที่จะทำประโยชน์ให้กับสมาคม และสังคม  ดังตัวอย่างสมาคมต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยดี 

                      ในเมื่อพี่ปรีดา  เสนอตัวเองมาอย่างนั้น  แสดงว่า พี่ปรีดา  มีวิสัยทัษน์  หรือมองเห็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น และสามารถจะแก้ปัญหา และกระทำได้   พี่ปรีดา  มีประสบการในฐานะ นายก สนจ.นครปฐม และประธานรุ่น ๐๖ ย่อมทำได้แน่นอน  พี่สิงห์  สนับสนุนไม่ขัดข้องทั้งสิ้น เพียงแต่ พวกเราต้องหาคนเป็นกรรมการคอยช่วยเหลือให้ ช่วยคัดเลือกบุคคลให้ดีด้วย  อะไรที่เป็นจุดบกพร่องที่ผ่านมา  ก็แก้ไขเสีย

                      แต่สำหรับพี่สิงห์  ไม่ขอรับตำแหน่งนายกสมาคมซีมะโด่ง  เพราะไม่มีบารมี  ปล่อยวางทุกสิ่งแล้ว

                      และได้แนะนำไปอีกสอง สามเรื่อง เพื่อเป็นไปในทางที่ก่อประโยชน์ ที่มีหลายท่านมาระบายให้ฟังก่อนหน้านี้

                      หรือใครที่รู้ว่าตนเอง  ยังมีไฟ  ทำประโยชน์ให้กับสมาคมได้  มีบารมีพอสมควร มีเวลา เสนอตัวมาเลยครับ  ไม่จำเป็นต้องไปบังคับ รุ่นนั้น  รุ่นนี้  เพราะบางทีบารมีมันยังไม่แก่กล้าเพียงพอ  สู้เอาคนที่เสนอตนเองมาแบบนี้  มาให้เราคัดเลือกนี่ละ ดีที่สุดครับ

                      อย่าลืม มันเป็นสมาคมซีมะโด่ง  ไม่ใช่ชมรมซีมะโด่งแล้ว

                      ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม

                      ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ค่ำนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9922 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 21:09:40 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                      วันนี้เช้าได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน และไปทำงานที่เอเซียคอนกรีต เพื่อจะไปสอน พนักงาน และฝ่ายซ่อมบำรุง ไม่ให้มีทิฏฐิ ยึดมั่นถือมั่น หรือเป็นกบในกะลา  หลงตนเอง แบบนั้น ทำงานแบบนั้น ปล่อยให้แพล้นผสมคอนกรีต เครน เสียทุกวัน มันเสียเกียรติช่างซ่อมบำรุงหมด  เสียความรู้สึก  ไม่ให้ความร่วมมือ และยังทำตัวเป็นจรเข้ขวางครอง  เลยต้องยกธรรมะของพระพุทธองค์ชุดใหญ่ ไปเทศนาให้ฟัง เพื่อให้ทำตัวไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว เหมือนทำตนให้เป็นกบในกะลา  ให้มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน เสียใหม่

                       ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผล หรือไม่  หวังว่าเขาคงจะคิดได้ปรับทัศนคติเสียใหม่  ก็สามารถทำงานกันได้

                       ก็เลยไม่ได้เข้ามาทักทายกันเลยในตอนเช้า

                       เนื่องจากมีสมาชิกฟิตเนสเซ็นเตอร์ของโรงแรมทวินโลตัส  นครศรีธรรมราช ต้องการเรียนโยคะ เพราะเบื่อการเต้นแอโรบิก จากสิบกว่าคน เหลือสองคนแล้ว  พี่สิงห์ เลยรับอาสาจะสอนโยะให้ ครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9923 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2556, 21:58:38 »

สกอ.เรียก “อุเทนถวาย-จุฬาฯ” ถกหาทางออกปัญหาที่ดินให้ 2 สถาบันร่างแผนเสนออีกรอบ
20 สิงหาคม 2556 18:45 น.
 
       สกอ.เชิญ “อุเทนถวาย-จุฬาฯ” ถกหาทางออกปัญหาที่ดิน เสนอให้ร่วมจัดการศึกษาร่วมกัน สร้างลุคใหม่ภายใต้ชื่อ “อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์” ด้าน “กำจร” เผยผลหารือเบื้องต้น 2 สถาบันเห็นด้วยแนวทางดังกล่าวแต่ขอไปหารือกันภายในก่อนให้คำตอบอีกครั้งจากนั้นเสนอ รมว.ศธ.และเข้า ครม.เพื่อเป็นหลักฐานไม่ให้ผิดสัญญาในอนาคต ฟากอุเทนถวายให้คำมั่นระหว่างนี้จะไม่สร้างความวุ่นวาย
 
       รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เชิญ นายสืบพงศ์ ม่วงชู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะศิษย์เก่าอุเทนถวาย และ ม.ร.ว.กัลยา ติงศภัทิย์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมหารือเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับกรณี จุฬาฯขอคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากอุเทนถวาย โดยให้อุเทนฯ ย้ายออกจากที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทั้งอุเทนฯ และ จุฬาฯ ได้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นตัวกลางหาข้อยุติเรื่องดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งที่ผ่านมา ไม่ควรมาจะมาพูดเรื่องให้อุเทนฯ ย้ายออกจากพื้นที่อีก แต่ควรจะหาวิธีการร่วมกัน โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้เสนอทางเลือกให้ทั้งจุฬาฯ และอุเทนฯ ใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวจัดการศึกษาร่วมกัน โดยอาจจะพัฒนาอุเทนถวายให้เป็นสถาบันใหม่ ที่มีชื่อว่า “อุเทนถวายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ซึ่งเน้นการเรียนการสอนทางด้านช่างฝีมือ ซึ่งเป็นสาขาที่ขาดแคลนและมีความต้องการสาขาหนึ่ง
       
       นพ.กำจร กล่าวต่อว่า จากการหารือดังกล่าวในส่วนของ อุเทนฯ โดย นายชาญชัย เห็นว่าแนวทางดังกล่าวมีความเป็นไปได้ แต่ได้ขอเวลาประมาณ 6 เดือนไปสอบถามความคิดเห็นจากทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันว่าเห็นด้วยหรือไม่ และระหว่างนี้ทางศิษย์เก่าฯ รับปากว่าระหว่างนี้จะไม่ก่อปัญหา ทั้งการเดินขบวนหรือสร้างข่าวต่างๆ ให้เกิดความวุ่นวาย ขณะที่ในส่วนของจุฬาฯ เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้ทั้งสองสถาบันสามารถอยู่ร่วมกันได้และเชื่อว่าประชาคมจุฬาฯ จะเห็นประโยชน์ทางวิชาการมากกว่า ปัญหาเรื่องความขัดแย้ง
       
      “ดังนั้นผมจึงขอให้ทั้งสองสถาบัน ไปร่างแผนการดำเนินงานการจัดการศึกษาร่วมกัน ว่าแต่ละฝ่าย ต้องการ จัดการศึกษาในรูปแบบใด เพื่อให้ตรงตามความต้องการของทั้งสองสถาบัน ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ลงตัวแล้ว สกอ.จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบ เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อยุติในปัญหาดังกล่าว และเพื่อเป็นหลักฐาน ไม่ให้มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญา ในอนาคต” รศ.นพ.กำจร กล่าว

ชมภาพเพิ่มจาก     
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000103927
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9924 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2556, 05:36:37 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                           ขอบคุณมาก สำหรับข่าวสารเรื่องที่ดินจุฬาฯ - อุเทนถวาย

                           นี่ละเป็นตัวอย่่างที่ดีของจิตมนุษย์ละ  คือคิดไม่่เหมือนกัน และเพราะความยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อยวาง

                           จึงมีแต่กาีวิวาท ไม่สิ้นสุด

                           สวัสดียามเช้าครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 395 396 [397] 398 399 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><