30 มิถุนายน 2567, 15:36:05
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 369 370 [371] 372 373 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3335057 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9250 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 06:04:59 »



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแจกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        ทุศีลอีกแล้วหนอเรา  

                        เช้านี้เดิมทีตั้งใจจะไปตีกอล์ฟ เพราะไม่ได้ตีมาหลายวัน  แต่เนื่องจาก รับปากพรรคพวกมาหลายเรื่อง  ทำให้เกิดการปรุงแต่ง  ปริวิตก  กังวล  สับสนมาก  พาลนอนไม่หลับ  จนต้องภาวนาอย่างมากเมื่อคืน  จึงสามารถนอนหลับได้เป็นปกติ

                        จิตคนมันก็เป็นอย่างนี้  บังคับไม่ได้  ไม่มีอำนาจเหนือมัน  แต่การภาวนาอย่างมาก  ต่อเนื่อง  สามารถหยุดการปรุงแต่ง(ไม่คิด)ได้ จิตก็จะกลับมาเป็นปกติ  แต่เหตุปัจจัย  ยังอยู่ย่อมปรุงแต่งต่อ

                        ดังนั้น  เช้านี้ยอมทุศีล  ขออยู่บ้าน  หุงข้าวใส่บาตรให้จิตร่าเริง และนั่งทำงาน(เขียนหนังสือเพื่อลงวาระสาร) ให้เสร็จสิ้น เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ  ความวิตกกังวล  จะได้สิ้นไป

                         ขออยู่บ้านเพื่อเขียนหนังสือ และติดตามเพื่อนฝูง เรื่องงานแต่งงานของลูกชายพรรคพวกในวันที่ ๘ มิถุนายน  เพื่อตอกย้ำไม่ให้ลืมกันอีกครั้งหนึ่ง  ตามที่ได้รับปากเอาไว้  ความกังวลมันก็จะหมดไป เพราะเราได้กระทำแล้ว  เสร็จสิ้นแล้ว

                         เวลามีไม่มาก  แต่มีหลายเรื่องต้องกระทำ และต้องเดินทาง  ความสับสน  สมาธิ  ย่อมห่างไกล  ทำงานหย่อนประสิทธิภาพจึงเกิดขึ้น  ต้องปรับปรุงตนเองให้มากกลับมาอยู่แนวทาง มรรค ๘ เป็นดีที่สุด  กระทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ที่วิญญูชนม์พึงกระทำ

                         เช้านี้ทำจิตให้ผ่องใส  ด้วยการกระทำความดี ใส่บาตรพระ มีสติ-สัมปชัญญะ ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9251 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 09:28:58 »


                     เช้านี้ดีใจมาก ที่คุณบวร  ได้โทรศัพท์กลับมา เพราะเพิ่งกลับจากเมืองนอก เป็นอันว่าผมสะบายใจที่ได้ทำหน้าที่บอกกล่าว ดร.ปิ้ง  ดร.สุริยา  ดร.กุศล  คุณสุภาณี  คุณบวร และคุณวัฒนา ครบแล้ว ครับ

                     และเขียนบทความลงวาระสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

                     บ่ายไปโรงงานหลานอุ๋ย  ที่คลองหลวง

                     ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ววันนี้

                     ทำ Detox ลำไส้ใหญ่ดีกว่า เพราะเมื่อวานรับประทานอาหารอิสาน  ที่โคราชมา

                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9252 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 11:50:48 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                             ลองพิจารณาดู  ด้วยปัญญา ครับ

                             สวัสดี



สาระน่ารู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โครงสร้างคอนกรีตอัดแรง

โดย

มานพ  กลับดี



เครื่องลากลวด  ตัดลวด PC wire



เครื่องเขย่า  แต่งหน้าคอนกรีต
 
ตอนที่ ๒

ตอบคำถาม เกี่ยวกับการผลิต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงหล่อสำเร็จ

   วาระสารฉบับนี้  ผมขอตอบคำถามแทน  เพราะเป็นคำถามที่น่าสนใจทั้ง ๔ คำถาม ประกอบกับผมบริหารเวลาของตนเองผิดพลาด คือมีเวลาไม่เพียงพอทั้ง ๆ ที่คุณบัว ได้บอกล่วงหน้าแล้ว แต่เนื่องด้วยต้องทำงานติดพันทำให้เวลาหายไปหมด  เขียนไม่ทันตามที่ตั้งใจเอาไว้

   ผมเองเวลาของตนเองมีน้อย  กีฬากอล์ฟที่ชอบก็ห่างเหิรไม่ได้เล่น เพราะปัจจัย ๔ เป็นเหตุ จึงต้องยังทำงานอยู่ มีเวลาว่างวันจันทร์ – อังคาร ในหนึ่งอาทิตย์ ก็ไม่ว่างจริงสักวัน  มีทั้งงานราษฎร์และงานหลวง  อย่างอาทิตย์ที่ผ่านมาช่วงเทศกาลวิสาขะบูชา วันพฤหัสบดี ถึง วันเสาร์ ก็ไปปฏิบัติธรรม และช่วยหลวงพ่อ ดร.พระมหาสุเทพ  อากิญจโณ หรือพระปลัดสุวัฒน   โพธิคุณ  เจ้าอาวาสวัดสมานราษฎร์ ตำบลหนองรี อำเภอเมือง  จังหวัดชลบุรี  เจ้าอาวาสวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา และเจ้าอาวาสวัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา ประเทศอินเดีย ไปช่วยท่านสอน ชิกง – โยคะ ให้กับผู้ปฏิบัติธรรม ทั้งเช้า-เย็น ที่วัดสมานราษฎร์ เป็นต้น

   สำหรับคำถาม ที่มีท่านลูกค้าสนใจ สอบถามเข้ามา มีดังนี้
               1. วิธีการลดต้นทุนในการผลิต Prestressed Concrete
               2. นวัตกรรมในการผลิต  Prestressed Concrete แบบใหม่
               3. สาเหตุที่ทำให้ระยะยืดที่ดึงได้ไม่ตรงกับที่คำนวณ  ทั้งๆ ที่มีการcalibrate เครื่องดึงตรงตามกำหนด
               4. เทคนิคการตัดลวดหลังจากชิ้นงานแข็งตัว

คำถามแรก “วิธีลดต้นทุนในการผลิต Prestressed Concrete :

   วิธีลดต้นทุนการผลิตนั้น มีด้วยกันมากมาย หลายวิธี  แต่วิธีที่จะแนะนำนั้น  ผมจะไม่ลดต้นทุนการผลิตด้วยการลด PC. Wire หรือ ลดปริมาณปูนซิเมนต์ที่จะต้องใช้ลง เพราะถ้าท่านลดลง  ปัญหาด้านคุณภาพจะตามมาทันที ผลคือ กลับเป็นการเสียหายมากกว่าการลดต้นทุนเสียอีก สู้การลดต้นทุนด้วยการไม่ทำให้คุณภาพเสียไป  แต่ลดการสูญเสียของวัสดุ และแรงงาน เป็นหนทางที่ประเสริฐกว่า และยั่งยืน

               การใส่จำนวนลวด PC.wire และ ปูนซิเมนต์ที่จะต้องใช้นั้น ขอให้เป็นเรื่องของวิศวกร ที่จะไม่ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง  อย่าไปลดแบบคิดเอาเอง  มันจะมีแต่ผลเสีย

   การควบคุมปริมาณการใช้ PC. Wire ที่ดี คือการลดการสูญเสียปลายลวดที่แท่น ต่างหาก เป็นวิธีหนึ่งที่ท่านจะสามารถลดต้นทุนได้มาก คือ ความยาวที่ใช้ในแต่ละวัน แต่ละเส้น ลวด PC. Wire ที่ใช้จะมีความยาวคงที่ แต่คนงานไม่สามารถลากลวดและตัดลวดให้คงที่พอดีกับการใช้งานจริงได้ กล่าวคือ ด้านที่ไม่ได้ดึงต้องการให้ปลายลวดโผล่เพียง 50-100 mm. และด้านดึงลวดให้ปลายลวดโผล่จากแท่นเพียง 150-200 mm. เท่านั้น  แต่เอาเข้าจริงแต่ละโรงงานสูญเสียตรงจุดนี้มากมายนัก

   การที่จะตัดลวดให้เท่ากันนั้น ทำด้วยคนไม่มีทางทำได้ แต่โชคดีผมได้รับความกรุณาจากท่านหนึ่งให้ไปชมโรงงานของเขา ได้แสดงเครื่องมือให้ผมได้ชม สามารถลากลวด และตัดลวด ได้ความยาวตามที่ต้องการ เช่นความยาว 102 เมตร สามารถลากลวด ตัดลวด โดยใช้เวลาเพียงไม่เกิน 20 วินาทีและไม่ใช้คนเลย เป็นเครื่องมือง่ายๆ แบบคาดไม่ถึง สามารถใช้งานได้จริง เพราะเขาใช้มาแล้วสามปี  ยิ่งผลิตแผ่นพื้นท้องเรียบด้วยแล้ว สบายจริง ๆ ถ้าเราเอาเครื่องมือชุดนี้มาใช้ในการตัดลวด PC wire ได้ความยาวตามต้องการ ก็จะเป็นการลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน ประหยัด PC wire อย่างแท้จริง  ซึ่งตอนนี้ผมกำลังให้พรรคพวกทำขึ้นมาใช้สำหรับตัดลวด PC strands,  PC wire ได้ตามความยาวที่ต้องการในการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตอัดแรง การลากลวดที่ตัดเอาไว้แล้ว  มันง่ายกว่าการลากลวดออกจากขด  ท่านว่าจริงไหม ?  

   การลดต้นทุนอีกวิธีหนึ่งคือ การลดปริมาณคอนกรีตที่หกเรี่ยลาด สูญเสีย ตั้งแต่ขนส่งจากเครื่องผสมคอนกรีต จนกระทั่งเทลงแบบ  รวมทั้งทำอย่างไรไม่ให้เครื่องเขย่าคอนกรีตเสีย แพล้นผสมคอนกรีตเสีย เครนยกเสีย และรถขนส่งคอนกรีตเสีย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการทำงานเลย  ด้วยการทำ 5ส. และกำหนดระเบียบวิธีใช้ วิธีบำรุงรักษาเครื่องมือให้คงสภาพการใช้งานตลอดเวลา ต่างหาก จะลดต้นทุนเป็นอย่างมาก

   และสุดท้ายที่อยากจะแนะนำคือ ท่านละเลย ทำให้ชิ้นส่วนของท่านไม่มีคุณภาพ  เสียหาย คือ การไม่ทดสอบกำลังรับแรงอัดของคอนกรีต การไม่บ่มน้ำให้ชิ้นส่วนคอนกรีต และการไม่ตรวจสอบแรงดึง  จนเป็นเหตุให้เกิดการเสียหายที่หน้างาน ต่างหาก ที่ทำให้สูญเสีย เป็นอย่างมาก ถ้าท่านกระทำตรงกันข้ามกับที่ปัญหามันเกิด จะเป็นการลดต้นทุนที่แท้จริงครับ

               ขอตอบเพียงแค่นี้ก่อนครับ เอาไว้ต่อในโอกาสหน้า สำหรับการลดต้นทุนการผลิต

คำถามที่ ๒ นวัตกรรมในการผลิต  Prestressed Concrete แบบใหม่

   ผมขอตอบเท่าที่รู้ และสามารถกระทำได้จริง โดยแบ่งออกเป็น ๒ กรณี คือ

   กรณีแรก ที่ท่านมีโรงงานอยู่เดิม และสามารถปรับปรุงแก้ไขได้  สิ่งแรก คือระบบการจ้างงานว่า ทำอย่างไร? ท่านจะมีคนงาน และทำอย่างไร? ราคาต้นทุนแรงงานจะถูกกว่าที่โรงงานอื่น ๆ มันเป็นความสามารถเฉพาะบุคคลจริง ๆ และผมก็พบมาแล้วว่าเขามีความสามารถ สามารถมีต้นทุนแรงงานที่ต่ำจริง ๆ กระทำได้จริง  คงไม่เหมาะที่จะตอบ  ขอให้ท่านไปพิจารณาเอาเอง  ถ้าท่านเป็นคนงาน  ท่านต้องการอะไร และทำงานอย่างไร ?  ท่านจะพบคำตอบเอง เพราะจิตมนุษย์นั้น มีพฤติกรรมการชอบเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความยึดมั่นถือมั่น  จึงมีความคิดต่างกัน

   ถ้าท่านมีโรงงานอยู่เดิม  ท่านต้องปรับปรุงโรงงานของท่าน โดยนำเครื่องจักรมาใช้ สอง ส่วน คือ การลากลวด ตัดลวด  ตามที่ผมบอกไปแล้วข้างต้น จะสามารถลดคนงานและรวดเร็วเป็นอย่างมาก  กับการนำเครื่องจักรมาใช้ในการสั่นเขย่า ทำบัว และแต่งหน้าปูน  สามารถลดคนงาน และคนงานไม่เหนื่อย ลดคนงานลงได้มากกว่า ๔ คน ในชุดเทคอนกรีต ผมกำลังให้พรรคพวกทำขึ้นมาใช้งานจริง เพราะไม่มีคนทำงาน  แต่ถ้าท่านทำโรงงานใหม่  ผมสามารถออกแบบโรงงานรองรับเครื่องจักรดังกล่าวได้ ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ได้ อย่างหนึ่ง ในการปฏิวัติกระบวนการผลิตเสาเข็มให้มีต้นทุนถูกลง  ใช้คนงานไม่มากนัก  ซึ่งโรงงานที่มีอยู่เดิม  ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ออกแบบรองรับระบบ

   ผมเชื่อว่าโรงงานเดิม ถ้านำเครื่องจักรทั้งสองอย่างนี้มาใช้งาน ก็จัดว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในการผลิตคอนกรีตอัดแรงได้ประการหนึ่ง แบบไม่ยากนัก  กระทำได้จริง ๆ

   กรณีที่สอง ที่เป็นนวัตกรรมใหม่จริง ๆ คือ ทำโรงงานใหม่แบบเมืองนอกที่เขากระทำกัน  ต้องใช้เงินลงทุนสูง ทำโรงงานใหม่ และให้เขาออกแบบเครื่องจักรมาให้ใหม่เลย  กรณีเสาเข็ม ผมได้ดูมาแล้วจาก VDO คือการผลิตเสาเข็มแบบรีดเป็นต้น ๆ ครั้งละหลายต้น และตัดตามความยาวที่ท่านต้องการแล้วนำไปตอกใช้งานได้จริงๆ สำหรับความยาวเสาเข็มนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนลวด PC wire ด้วย แต่ต้องเป็นเสาเข็มแบบใช้งานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คือดินอ่อนนั่นเอง  สามารถรีดเสาเข็มได้จริง ๆ ตอกได้จริง ๆ เพราะเดี๋ยวนี้อุปกรณ์ในการตอกมันไม่ต้องตอกแบบเดิมที่เสาเข็มต้องทนทานมาก  สามารถใช้ไฮดรอลิคกดได้  จะทำให้เสาเข็มไม่ต้องใส่เหล็กปลอกได้ เพราะการใส่เหล็กปลอกเป็นอุปสรรคในการรีดเสาเข็ม  ใครสนใจเอาไว้คุยนอกรอบกับผมได้ครับ แต่ทำได้จริงเพราะผมเห็นมาแล้ว

คำถามที่ ๓ สาเหตุที่ทำให้ระยะยืดที่ดึงได้ไม่ตรงกับที่คำนวณ  ทั้งๆ ที่มีการ calibrate เครื่องดึงตรงตามกำหนด

   คำถามนี้ ถ้าท่านมีปัญหาจริง ๆ มาพาผมไปดูโรงงานท่าน  จะตอบได้ถูกใจท่าน เพราะต้นเหตุ คือ ต้องถามตัวท่านว่า ท่านเข้าใจพฤติกรรมการดึงลวดแท้จริงหรือยัง และท่านเข้าใจพฤติกรรมเครื่องดึงลวดของท่านแท้จริง หรือยัง  เพราะต้นเหตุมันเกิดจากสองสิ่งนั้น ผลคือ ระยะยึดจึงไม่ได้ตามที่ท่านต้องการ ผมมีเนื้อที่ไม่มากในวาระสาร  ต้องตอบยืดยาว เอาไว้โอกาสหน้า  กรณีรีบร้อน มาพาผมไปโรงงานท่าน  ผมว่างวันจันทร์-อังคาร ในแต่ละอาทิตย์  จะขอตอบละเอียดฉบับหน้าครับ กรณีนี้

คำถามที่ ๔ เทคนิคการตัดลวดหลังจากชิ้นงานแข็งตัว
   คำถามนี้ก็เป็นอีกคำถามหนึ่ง ที่ผมเน้นและสอนเสมอ ในการสัมมนาที่ผ่านมาของทาง SIW เช่นเดียวกับการทดสอบระยะยึดของลวดในการดึงลวด  แต่เป็นเพราะผมสอนไม่ดี  อธิบายไม่เข้าใจ หรือท่านไม่สนใจเวลาบรรยาย ผลคือ ไม่รู้เรื่องกัน

   การปล่อยลวดที่ดึงไว้จากแท่นผลิตมาสู่ชิ้นส่วนที่หล่อที่เรียกว่า การตัดลวดนั้น ทำอย่างไรก็ได้ ที่จะไม่ทำให้ชิ้นส่วนเสียหาย แตกร้าว  แบบหล่อไม่พัง และไม่ก่อเกิดอันตรายตามมา  ถูกทั้งนั้น

   วิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยลวดออกมาทั้งยวงโดยใช้ไฮดรอลิค  ซึ่งวิธีนี้เขาไม่ทำกันในการผลิตเสาเข็ม แผ่นพื้น และเสาไฟฟ้า มันแพง และไม่มีความจำเป็น เขาทำกันเฉพาะงานที่ต้องการคุณภาพ เพราะต้องลงทุนสูงในการทำหัวแท่นสูง  จึงไม่ขอตอบในรายละเอียด ยกเว้นท่านต้องการทำจริง ให้มาหาผมเอง

   วิธีที่นิยม  ถูกต้องตามหลัก คือ

                        ๑.   ตัดลวด PC wire ครั้งละ 20% ของจำนวนลวด PC wire ที่จะต้องตัด และปรับให้เป็นเลขคู่ เพื่อให้สมมาตรตามแกน X และแกน Y
                         ๒.   ในแต่ละ 20% นั้น ท่านจะต้องตัดลวดเส้นนั้นตลอดแท่นผลิต ไม่ให้ลวดยึด รั้งกับหัวแท่น ให้ถ่ายแรงเข้าชิ้นส่วนคอนกรีตที่หล่อ ข้อควรระวังคือ ช่วงหัวแท่น กริปจับลวดจะกระเด็นหาย ท่านต้องหาทางป้องกัน เช่นทำกล่องเหล็กครอบไว้ที่ปลายลวด  หรือใช้ยางในรถยนต์มัดให้แน่น
                         ๓.   จะตัดเส้นไหนใน 20% นั้น ให้นึกถึงหลักสมมาตรแกน X แกน Y  และตัดเส้นตรงข้ามกัน
                         ๔.   ให้ตัดลวดเส้นที่อยู่รอบนอกก่อน
                         ๕.   ให้เริ่มตัดตรงจุดกลางแท่นก่อน แล้วมาตัดปลายแท่นเป็นลำดับที่สอง และตัดส่วนที่เหลือในลำดับที่สาม ทั้งหมดในเส้นเดิมนั้น
                         ๖.   การตัดให้ใช้กรรไกรตัดลวด หรือไฟจากหัวแก๊ส ไฟเชื่อมควรหลีกเลี่ยง
                         ๗.   ตัดจนหมด  จะพบว่า ไม่มีลวดเส้นใดขาดก่อน และชิ้นส่วนจะไม่วิ่ง เสียหาย

                         กรณีตัดลวดแผ่นพื้นหล่อสำเร็จ  ตัดอย่างใดก็ได้ เพราะมันมีแรงเสียดทานสูงมาก ระหว่างคอนกรีตกับแบบที่หล่อ การเคลื่อนตัวนิดหน่อยจะเป็นผลดี  ทำให้ยกออกจากแบบได้ง่าย แต่แนะนำให้แบ่งเป็นสี่ช่วงก่อน คือกลางสองช่วง และหัวท้ายอีกสองด้าน เป็นสี่ครั้งก่อน แล้วจึงตัดที่เหลือทั้งหมด

                          กรณีเสาเข็มคำนวณไม่เป็น  ทำไม่เป็น เอาแบบง่าย ๆ ตัดครั้งละ ๒ หรือ ๔ เส้น  ตัดเส้นเดิม ระหว่างต้น และปลายแท่น ก็แล้วกัน  ง่ายดี และใช้ได้ แต่เสียเวลานิดหน่อยในการตัด

                         กรณีเสาไฟฟ้า ก็ใช้แบบที่กล่าวมาแล้ว แต่ขอเป็นครั้งละ ๔ – ๘ เส้น เพราะเสาไฟฟ้าใส่ลวดแยะ

                         แต่กรณีของ คานสะพานใช้ลวดจำนวนมาก  ท่านต้องกระทำตามที่กล่าวมาข้างต้น ครับ

                         เป็นอันว่าผมเอาตัวรอดไปได้ สำหรับวาระสารฉบับนี้ ที่ใช้ตอบคำถามแทน  ผมยอมไม่ไปตีกอล์ฟเช้าวันนี้เพื่อเอาเวลามานั่งตอบคำถามที่ถามมา  หวังว่าการตอบของผมจะพอเป็นประโยชน์บ้าง
 
                         อย่าลืม อย่าเชื่อผม แต่จงเชื่อโดยให้ยึดหลัก “กาลามสูตร” สิบประการเอาไว้ให้มั่น ท่านจะประสบความสำเร็จ ครับ

                         ขอบุญจงรักษา  เทวดาจงคุ้มครอง ทุกท่านเทอญ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #9253 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 12:35:06 »



ยังไม่เคร่งครัดพอ ควรนำกระดานไม้กว้างแค่พอนอน ติดตัวไปด้วยเสมอ
โดยออกแบบให้พับได้ และเบา ใช้เป็นกระเป๋าเดินทางได้ด้วย
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9254 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 13:20:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 04 มิถุนายน 2556, 12:35:06


ยังไม่เคร่งครัดพอ ควรนำกระดานไม้กว้างแค่พอนอน ติดตัวไปด้วยเสมอ
โดยออกแบบให้พับได้ และเบา ใช้เป็นกระเป๋าเดินทางได้ด้วย


                            ช่วยออกแบบให้ด้วย  จักขอบพระคุณยิ่ง เพราะ

                            ที่โรงแรมทวินโลตัส นครศรีธรรมราช แม่บ้านจะปูที่พื้นให้เลย เป็นประจำ

                             ส่วนที่อื่น ๆ ต้องไปเจรจาขอผ้าเขามาปูเอง

                              ถ้ามีไม้กระดาน อย่างที่ ดร.สุริยา  บอกมาก็จะดีมาก

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9255 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 13:28:34 »



                             ดร.สุริยา  บ.ปัญญาดี มีทรัพย์ คอนกรีต จำกัด  ผลิตผนัง  คาน  บันได  สำเร็จรูปขาย

                             ลูกค้า คือพวกทำคอนโด  บ้านจัดสรรค์ขาย  ลูกค้ารายแรกคือ พฤกษา

                             ไม่ได้มีความรู้ทางช่างเลย  มีเพียงใจสู้  ต้องทำ และไม่มีทางถอย  เริ่มต้นจากติดลบ

                              ปัจจุบันผลิตประมาณ 100 - 150  ล้านบาท โดยซื้อคอนกรีต  CPAC  มาเทแพงมากและเวลาไม่ตรงตามที่ต้องการ

                               คนเราทำจริง  มีอุตสาห์  ก็ประสบความสำเร็จได้  ผมเองยังสู้ไม่ได้เลย เพราะจิตใจแบบพ่อค้าไม่มี แต่สอนพ่อค้าให้มีได้

                               ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี


                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9256 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 18:59:31 »

สวัสดียามเย็นครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                         นาน ๆ ได้อยู่บ้าน  มันก็สุข  วันนี้เย็นได้เดินจงกรมออกกำลังกายที่หน้าบ้าน และฝึกชิกง  มันเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ

                         ผมเคยบอกนักปฏิบัติธรรม ว่า การรักษารูปของเราไม่ให้ทุกข์เพราะความแก่ตัว และเป็นโรค นั้น เราต้องควบคุมการรับประทานอาหาร  ต้องออกกำลังกาย และต้องนอนแต่หัวค่ำ  ถ้ากระทำไม่ได้    การปฏิบัติธรรมนั้นยากกว่ามาก  ไม่มีทางบรรลุธรรมได้  เรายังพยามยามที่จะปฏิบัติ  เพราะมีความหวัง

                          การเอาชนะจิตของเราที่จะต้องมีวินัยการกิน  ต้องออกกำลังกาย  และต้องนอนหัวค่ำ  เรายังทำไม่ได เพราะแพ้ใจ  ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่   

                          การปฏิบัติธรรมยิ่งอยากกว่ามาก

                          ดังนั้นเรามาเอาชนะใจของเรา  ด้วยการ ต้องมีวินัยการกิน  กินแต่พออิ่ม   ออกกำลังกาย  และปฏิบัติตาม "นาฬิกาแห่งชีวิต"  กันดีกว่าครับ

                          สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9257 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 20:45:36 »


                       มีแฟนคลับท่านหนึ่ง ผลิตอิฐบล๊อคขายอยู่ที่สระบุรี

                       พี่สิงห์ ขอมอบภาพนี้ให้พิจารณา  ถ้าทำห้องบ่มอิฐบล๊อค ตามรูป ความเสียหายจะไม่เกิดขึ้นเลย

                       อิฐบล๊อคจะแข็งแกร่งมากใน ๒๔ ชั่วโมง

                       ตัวอย่างในภาพ เป็นห้องบ่มอิฐบล๊อค พี่สิงห์  ออกแบบไว้ที่ ทุ่งสง นครศรีธรรมราช

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #9258 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2556, 21:33:29 »




แต่การต้องพบปะผู้คนด้วยเพื่อปัจจัย ๔ (แบบพอเพียงเพราะยังไม่ได้ออกบวช มีกิจที่ต้องกระทำ)  และบำเพ็ญความเพียรทางจิตไปด้วย  เป็นหนทางที่ประเสริฐกว่า เพราะมันอยากกว่าการไปหาสถานที่ลับเพื่อบำเพ็ญความเพียรทางจิต มาก

                        การฝึกเอาชนะจิตตนเอง  ในการดำรงค์ชีวิตแต่ละวัน  ก็ถือว่าเป็นการภาวนา  ขอให้รู้ตัวมาก ๆ เอาไว้  อย่าหลงไปในความคิดตนเองมากนัก  ให้รู้มากกว่าหลง ในแต่ละวัน  มันจะรู้มากขึ้นเอง ธรรมชาติของจิตมันเป็นอย่างนี้



ขอบคุณค่ะพี่สิงห์
นำมาปฏิบัติตามคำแนะนำค่ะ



อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 มิถุนายน 2556, 05:53:56
สวัสดียามเช้าครับ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

                        เพราะ ปัจจัย ๔ และความยึดมั่นถือมั่น(หลงอยู่ในความคิด) เป็นเหตุ-ปัจจัย มนุษย์จึงต้องออกไปพบปะผู้คน ทำงาน.....อีกมาก  จิตมนุษย์ย่อมหลงเพลินเพลิน  ยินดี พอใจ  อยากได้อีกเสมอ

                        การหลีกเล้น  หาสถานที่ลับเพื่อบำเพ็ญความเพียรทางจิต  เป็นหนทางอันประเสริฐ

                        แต่การต้องพบปะผู้คนด้วยเพื่อปัจจัย ๔ (แบบพอเพียงเพราะยังไม่ได้ออกบวช มีกิจที่ต้องกระทำ)  และบำเพ็ญความเพียรทางจิตไปด้วย  เป็นหนทางที่ประเสริฐกว่า เพราะมันอยากกว่าการไปหาสถานที่ลับเพื่อบำเพ็ญความเพียรทางจิต มาก

                        การฝึกเอาชนะจิตตนเอง  ในการดำรงค์ชีวิตแต่ละวัน  ก็ถือว่าเป็นการภาวนา  ขอให้รู้ตัวมาก ๆ เอาไว้  อย่าหลงไปในความคิดตนเองมากนัก  ให้รู้มากกว่าหลง ในแต่ละวัน  มันจะรู้มากขึ้นเอง ธรรมชาติของจิตมันเป็นอย่างนี้

                         อย่าลืมการภาวนา คือการเอาชนะจิตตนเอง  ไม่ให้หลงอยู่ในความคิด

                         เราจะกระทำต่อเมื่อ  วิญญูชนม์(ผู้รู้)พึงกระทำ ประกอบไปด้วยประโยชน์  ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร  รวมทั้งตนเองด้วย

                         สวัสดี

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9259 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2556, 05:42:45 »

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                      วิญญูชนม์ แปลว่า ผู้รู้

                      วิญญูชนม์พึงกระทำ หมายความว่า  ถ้าไปถามผู้รู้ทั้งหลายให้กระทำอะไรสักหนึ่งอย่าง  ผู้รู้เหล่านั้นจะบอกให้กระทำแบบนั้นทุกคน คือการกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และเป็นไปในทางสร้างกุศล หรือคือกระทำในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง  ไม่มีใครติเตียนในการกระทำนั้น  ใคร ๆ ก็ต้องกระทำแบบนั้น

                       ดังนั้น ในการทำงาน พบปะผู้คน เราพึงตัดสินใจกระทำ  ตามที่วิญญูชนม์พึงกระทำ  ไม่กระทำตามที่จิตมันคิด หรือสั่งให้กระทำ เพราะจะเป็นการกระทำภายใต้โมหะ เป็นทาสของความคิด เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นในตนเอง  กระทำตามความต้องการของตนเอง

                       ขอบุญจงรักษา  เทวดาจงคุ้มครอง ให้มีสติ-สัมปชัญญะ เทอญ

                       บุคคนที่มีบุญ นั้น คือคนที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ คือมีเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา   และ

                       บุคคลใดที่มีความเพียรอยู่ในสัมมัปทาน ๔ เทวดาย่อมคุ้มครอง  สัมมัปทาน ๔ คือเพียรสร้างกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้หมดไป และเพียรสร้างกุศลทีเกิดขึ้นแล้ว ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

                       วันนี้ต้องไปทำงานที่ บ.เอเซียกรุ๊ป (1999) จำกัด ทั้งวัน


                       สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #9260 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2556, 19:34:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 มิถุนายน 2556, 09:28:58

                     เช้านี้ดีใจมาก ที่คุณบวร  ได้โทรศัพท์กลับมา เพราะเพิ่งกลับจากเมืองนอก เป็นอันว่าผมสะบายใจที่ได้ทำหน้าที่บอกกล่าว ดร.ปิ้ง  ดร.สุริยา  ดร.กุศล  คุณสุภาณี  คุณบวร และคุณวัฒนา ครบแล้ว ครับ

                     และเขียนบทความลงวาระสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

                     บ่ายไปโรงงานหลานอุ๋ย  ที่คลองหลวง

                     ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ววันนี้

                     ทำ Detox ลำไส้ใหญ่ดีกว่า เพราะเมื่อวานรับประทานอาหารอิสาน  ที่โคราชมา

                     สวัสดี



...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

....ตามอ่านค่ะ...

..ขอบคุณพี่สิงห์มากๆค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #9261 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2556, 21:16:13 »

พี่สิงห์ที่เคารพรัก
น้อมรับคำพร่ำสอนของพี่สิงห์เสมอค่ะ ดีใจที่มีเวลามาอ่านสิ่งดีๆจากกัลยาณมิตรในซีมะโด่งนี่
ชอบคำจำกัดความของ"คนมีบุญ"อันนี้มากๆๆๆๆๆ.........


บุคคนที่มีบุญ นั้น คือคนที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ คือมี เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา



อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 มิถุนายน 2556, 05:42:45
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                      วิญญูชนม์ แปลว่า ผู้รู้

                      วิญญูชนม์พึงกระทำ หมายความว่า  ถ้าไปถามผู้รู้ทั้งหลายให้กระทำอะไรสักหนึ่งอย่าง  ผู้รู้เหล่านั้นจะบอกให้กระทำแบบนั้นทุกคน คือการกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และเป็นไปในทางสร้างกุศล หรือคือกระทำในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง  ไม่มีใครติเตียนในการกระทำนั้น  ใคร ๆ ก็ต้องกระทำแบบนั้น

                       ดังนั้น ในการทำงาน พบปะผู้คน เราพึงตัดสินใจกระทำ  ตามที่วิญญูชนม์พึงกระทำ  ไม่กระทำตามที่จิตมันคิด หรือสั่งให้กระทำ เพราะจะเป็นการกระทำภายใต้โมหะ เป็นทาสของความคิด เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นในตนเอง  กระทำตามความต้องการของตนเอง

                       ขอบุญจงรักษา  เทวดาจงคุ้มครอง ให้มีสติ-สัมปชัญญะ เทอญ

                       บุคคนที่มีบุญ นั้น คือคนที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ คือมีเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา   และ

                       บุคคลใดที่มีความเพียรอยู่ในสัมมัปทาน ๔ เทวดาย่อมคุ้มครอง  สัมมัปทาน ๔ คือเพียรสร้างกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้หมดไป และเพียรสร้างกุศลทีเกิดขึ้นแล้ว ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

                       วันนี้ต้องไปทำงานที่ บ.เอเซียกรุ๊ป (1999) จำกัด ทั้งวัน


                       สวัสดีค่ะ

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9262 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2556, 21:34:25 »


สวัสดียามค่ำ ครับชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                 วันพฤหสบดี - เสาร์ พี่สิงห์ ต้องเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช  วันเสาร์ เป็นวันประชุมกรรมการบริหารของ SICON เพราะว่า คุณเบิต กรรมการผู้จัดการ จะไปประชุมด้วย ซึ่งปกติจะทำงานอยู่ที่ กทม.

                 เมื่อเช้าขณะขับรถไปทำงานที่สมุทรสาคร  ได้ฟังรายการของ รศ.นายแพทย์ปัญญา  ไข่มุก แห่ง FM 99 อสมท. ไปด้วย มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ ๒ ประการในการดูแลสุขภาพ คือ

                 ประการแรกสำหรับผู้ที่เป็นโรคท้องผูก หรือถ่ายไม่เป็นเวลา คุณหมอแนะนำว่า ให้รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์มาก ๆ คือ อาหารที่มีเส้นใยกากอาหารได้แก่พวกผัก ต่าง ๆ ให้มาก และต้องหัด และฝึกให้เป็นนิสัยในการถ่ายอุจจาระให้ตรงเวลา  เวลาที่เหมาะแก่การฝึกการถ่าย คือ ในหนึ่งวันจะมี ห้าเวลา ที่ลำไส้ของเราจะเคลื่อนตัวขับอุจจาระ คือสามเวลาภายหลังจากรับประทานอาหารเช้า  กลางวัน เย็น ยี่สิบนาที ลำไส้จะเคลื่อนตัว  ดังนั้น ท่านสังเกตดู  ภายหลังจากรับประทานอาหารไปแล้ว ยี่สิบนาที  ลำไส้จะเคลื่อนตัวขับเศษอาหารให้เคลื่อนตัวในลำไส้  แต่เป็นแรงดันไม่มากนัก  แต่เราก็สามารถถ่ายอุจจาระได้  หลายท่านพอรับประทานอาหารเสร็จสักครู่ จึงต้องไปถ่ายอุจจาระ

                  และอีกสองช่วงที่มีแรงดันในการเคลื่อนตัวเป็นอย่างมากในการขับเศษอาหาร คือ เช้าตรู่ และหัวค่ำ ลำไส้จะเคลื่อนตัวมีแรงดันมาก  ขอให้ใช้เวลานั้นในการฝึกถ่ายอุจจาระให้ตรงเวลา โดยเฉพาะเวลา ตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการฝึกถ่ายอุจจาระ ประจำวัน

                  คุณหมอไม่แนะนำให้เอาหนังสือไปอ่านในห้องน้ำ เพราะจะเป็นการเบนความสนใจ  ไม่ตั้งใจถ่ายอุจจาระ

                  ลองไปกระทำดูนะครับ  

                   ประการที่สอง  เวลาเราปวดหัว หรือปวด......ต่าง ๆ ไม่แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวด เพราะมันเป็นเพียงระงับชั่วคราว ไม่ใช้ไประงับที่สาเหตุ  การกินยาแก้ปวด  สาเหตุแห่งการปวดก็ยังคงอยู่  วิธีแก้ปวดถาวรคือ แก้ที่ต้นเหตุแห่งการที่ทำให้เราปวดนั้น  จึงเป็นวิธีที่ถูกต้อง  แต่น่าเสียดาย  คนโดยมากเวลาปวดจะกินยาแก้ปวดทันที  ไม่ได้แก้ที่สาเหตุแห่งการปวด

                   เมื่อคืนสมุทรสาคร  ฝนตกหนักน้ำท้วมถนนมาก ตาม U - turn ใต้สะพานลอย ผมต้องขับรถด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะถนนลื่น  รถขับเร็ว  จี้ตูด และรถแยะ แต่ก็ต้องขับรถไปทำงาน เพราะมันเป็นหน้าที่

                   ที่ทำงานวันนี้เจอวิศวกร รุ่นน้องที่ทำงานมานาน พูดจายะโส อวดดี  ทำเป็นรู้ทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไรเลย แถมนินทานายจ้างตัวเอง  ผมก็ได้แต่วางอุเบกขา  ไม่โต้เถียง  ปล่อยไป  ผมไม่ได้มาแย้งงานเขาทำ  ผมเป็นเพียงที่ปรึกษา  คอยให้คำแนะนำกับลูกชาย ที่มารับงานต่อจากพ่อ และวิศวกร และผู้จัดการคนใหม่ เท่านั้น  กระทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  อดีตไม่ขอข้องเกี่ยว  ยึดหลักความเป็นจริง เท่านั้น อะไรดีก็คงเอาไว้  อะไรไม่ดีก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขให้มันดี ตามเหตุ-ปัจจัย  ยึดความถูกต้อง ระวังตนเองไม่ให้ทุศีล ด้วย

                   จิตมนุษย์เรามันก็เป็นเช่นนี้ละ  พระพุทธองค์ถึงสอนให้รู้เท่าทันจิต  ทั้งจิตตนเอง  และจิตของคนที่เราประสบ

                   ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

                
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9263 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2556, 13:40:44 »

อาลัย รัก พี่สวัสดิ์  โสภะ  พี่ที่แสนดีของชาวซีมะโด่งจุฬาฯ














                      เมื่อเช้าตอนประมาณ เจ็ดโมงเช้าขณะตีกอล์ฟ อยู่หลุม ๑๐  คุณน้องกนกวรรณ  สิกขะโกศล  ได้โทรศัพท์  มาบอกให้ทราบว่า พี่สวัสดิ์   โสภะ  ได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ  ตั้งศพสวดพระอภิธรรม ที่วัดเทพศิรินทร์  ทางสมาคมจะเป็นเจ้าภาพ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่ (เมื่อสักครู่คุณทรงเกียรติ  ได้โทรศัพท์มาปรึกษา  ทางสมาคมจะเป็นเจ้าภาพวันอาทิตย์  รอยืนยันอีกครั้งจากทางอาจารย์พินิจ และอาจารย์เผ่า)

                       เวลาประมาณ ห้าโมงเช้า รศ.ประกายแก้ว   โอภานนท์อมตะ  ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่า พี่สวัสดิ์  โสภะ  ได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ  เดิมทีเรานัดกันว่า  จะไปหาพี่สวัสดิ์   สุดท้ายก็ไม่ได้พบพี่สวัสดิ์ในที่สุด  ต้องพบกับร่างที่ไร้วิญญาณ

                       เวลาประมาณเที่ยง  คุณอดิสร  ได้โทรศัพท์ มาแจ้งให้ทราบว่า ว่า พี่สวัสดิ์  โสภะ  ได้จากไปแล้ว  โดยอ่านจากข่าวทางหนังสือพิมพ์  ตั้งศพอยู่ที่วัเทพศิรินทร์

                      และเมื่อสักครู่ คุณทรงเกียรติ   หลิ่มศิริ  ได้โทรศัพท์  มาปรึกษา ว่าทางสมาคมฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วมในการสวดพระอภิธรรมหน้าศพ  พี่สวัสดิ์  โสภะ  ในวันไหนดี  คุณทรงเกียรติ  เสนอวันอาทิตย์  แต่ขอปรึกษาอาจารย์พินิจ  และอาจารย์เผ่า  ก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบ

                      ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่แจ้งให้ทราบ  เพราะถ้าไม่แจ้ง ผมก็ไม่ทราบอะไรเลย  เพราะไม่อ่านหนังสือพิมพ์

                       ผมเองรู้จักพี่สวัสดิ์   โสภะ  ครั้งแรก  ก็ตอนที่ท่านอาจารย์ประยูร   ร่มโพธิ์  ให้เอาจดหมายไปเรียนเชิญ พี่สวัสดิ์  โสภะ  มาร่วมประชุม  ในการเตรียมการจัดงานคืนสู่เหย้าชาวซีมะโด่ง  ครั้งแรก

                      หลังจากนั้น  ก็ได้ร่วมทำงาน  ร่วมประชุม กับพี่สวัสดิ์   โสภะ   ในการจัดงานของพวกเราชาวซีมะโด่งเสมอมา  จัดได้ว่าสามารถเข้า-ออก ห้องทำงานของพี่สวัสดิ์   โสภะ  ได้ตลอด และได้พบทุกครั้งที่ไปหาพี่สวัสดิ์  ที่สำนักงาน

                      ตอนผมเป็นประธานชมรมฯ  ก็ได้อาศัย พี่สวัสดิ์   โสภะ  เป็นสปอนเซอร์ในการจัดงานกอล์ฟหารายได้  และการจัดงานคืนสู่เหย้าทุกครั้ง

                      หรือท่านอื่น ๆ ที่เป็นประธาน ต่อจากผม เวลาจัดจัดงานกอล์ฟ และคืนสู่เหย้า  ก็ผมอีกนั่นแหละ ได้ไปขอความช่วยเหลือจากพี่สวัสดิ์   โสภะ   อีกเช่นเคย

                      พี่สวัสดิ์  โสภะ  จบคณะวิทยาศาสตร์    รุ่นเดียวกับพี่ละออ  บุญสา   พีสมบุญ  ศีลสร

                      พี่สวัสดิ์   โสภะ   ทำงานให้กับคุณเจริญ   แห่งค่ายแสงโสม  คาล์เบอร์ก  และช้าง  มาตลอด  จนกระทั่งจากไป

                      การจากไปของพี่สวัสดิ์   โสภะ  ทำให้สมาคมซีมะโด่ง   สมคมนิสิตเก่าจุฬาฯ  ขาดที่พึ่งในการจัดงาน  ผู้มีพระคุณยิ่งเลยทีเดียว

                      ขอให้วิญญาณของพี่สวัสดิ์  โสภะ   ไปจุติในภูมิสวรรค์ เทอญ

                      ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง  รอขึ้นเครื่องบินไปนครศรีธรรมราช ครับ

                      เมื่อสักครู่ได้โทรศัพท์  ไปขอความช่วยเหลือ จากคุณอดิสร  เพื่อขอรูปพี่สวัสดิ์   โสภะ  มาลงให้รู้จักกันครับ


                      สวัสดี
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9264 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2556, 16:45:47 »



พี่สวัสดิ์   โสภะ



                 ทางสมาคมฯ จะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ พี่สวัสดิ์   โสภะ

                 วันจันทร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ศกนี้ เวลา 18:30 น.

                 ศาลา ๑  วัดเทพศิรินทราวาส

                 ขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่านที่พอจะปลีกเวลาได้  ไปร่วมงานกันให้มาก ๆ

                 เท่ากับน้ำใจที่พี่สวัสดิ์  โสภะ  มีต่อหอพัก ชมรม และสมาคม  เสมอมาครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9265 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2556, 20:33:16 »

ล้างพิษตับ


                          ดร.มานะ  มหาสุวีระชัย  จัดโปรแกรมล้างพิษตับใหม่ เป็น

                          วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มิถุนายน เวลา 08:00 น.เริ่มโครงการ

                          วันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน เวลา 12:00 น. สิ้นสุดโปรแกรม

                           ค่าใช้จ่าย ๓๕๐๐ บาท จัดที่โรงแรมพรหมพิมาน ศรีษะเกษ

                          ใครสนใจขอเรียนเชิญ แจ้งไว้ที่กระทู้นี้ได้เลยครับ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #9266 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2556, 22:12:06 »


ขอแสดงความเสียใจแก่การจากไปของท่านผู้มีพระคุณต่อซีมะโด่งของเราค่ะ

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 มิถุนายน 2556, 16:45:47


พี่สวัสดิ์   โสภะ



                 ทางสมาคมฯ จะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ พี่สวัสดิ์   โสภะ

                 วันจันทร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ศกนี้ เวลา 18:30 น.

                 ศาลา ๑  วัดเทพศิรินทราวาส

                 ขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่ง ทุกท่านที่พอจะปลีกเวลาได้  ไปร่วมงานกันให้มาก ๆ

                 เท่ากับน้ำใจที่พี่สวัสดิ์  โสภะ  มีต่อหอพัก ชมรม และสมาคม  เสมอมาครับ

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9267 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2556, 05:43:49 »

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

                     ขอบคุณมาก

                     จิตคนนั้น พระพุทธองค์ท่านเปรียบเหมือนลิง  เพราะในแต่ละวันลิงไม่เคยอยู่กับที ตอนเช้า  กลางวัน  เย็น  ค่ำ ลิงจะไม่อยู่ที่เดียวเลย ท่องเที่ยวหาอาหารไปตามกิ่งไม้ ตลอดเวลา

                     จิตคนก็เหมือนกันไม่เคยหยุดนิ่งจะปรุงแต่ง  จะคิด  ท่องเที่ยวอยู่ในร่างกายตน(เมื่อเราระลึกขึ้นได้ที่กาย)ท่องเที่ยวไปนอกกายเมื่อตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้สัมผัส  ได้สัมผัสทางกาย และได้คิด  เมื่อสัมผัสทางอายตนะทั้งหกแล้ว ก็สุข ทุกข์ ไม่สุข  ไม่ทุกข์ ชอบ  โกรธ หลง โลภ อยากได้อีก ....... ไม่จบสิ้น  มันจึงมีแต่ทุกข์ตามมา

                      ดังนั้น เมื่อคิด ก็มีแต่ทุกข์  

                      ทุกข์ทางใจนั้น มหาศาลนัก

                      แต่ถ้าเราภาวนา  ตามจิตเราให้ทัน  เมื่อรู้ตัว ความคิดมันจะยุติลง  ทำบ่อย ๆ เป็นการฝึกจิต  การคิดจะน้อยลง ๆ สติจะมากขึ้น ๆ ๆ และจิตมันจะเกิดวิปัสสนาปัญญา จากภายใน เห็นความเป็นไปของจิต(พฤติกรรม  ความคิด  ต้นตอแห่งทุกข์  ความหมดไปแห่งทุกข์ และธรรมชาติที่ต้องมีที่ต้องเป็นตามเหตุ-ปัจจัย) จนจิตสามารถปล่อยวาง มีความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง ๆ ๆ ๆ  จนสิ้นไปได้  ชีวิตจะมีแต่ความสงบ  สุข  พอเพียง  ปล่อยวาง  ไมยึดติดกับอะไรเลย  คลายความยึดมั่นในตัวตนลง ไม่หลงอยู่ในความคิด  อยู่กับความเป็ยจริงตาม "ธรรม"

                      ความสุขที่ยั่งยืน  ถาวร  คือ ความสุขที่เกิดจากการไม่ปรุงแต่ง  มีสติ-สัมปชัญญะ

                      สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9268 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2556, 08:23:30 »

กระเป๋าที่ให้สุขแท้จริง !

                        มีเศรษฐีคนหนึ่งร่ำรวยมหาศาล มีเงินทอง  ที่นา  สมบัติจำนวนมากเมื่อแก่ตัวลง ทุกวันลูกจะเฝ้าแต่ถามว่า เมื่อไรจะแบ่งสมบัติให้เสียที  ถามจนเศรษฐีรำคาญ มีแต่ทุกข์  วิตกกังวล  ถึงกับกลัวว่าลูกจะฆ่าเพื่อเอาสมบัติ ในขณะเดียวกันตัวเอง  ก็ยังหวงสมบัติไม่อยากแบ่งให้ลูก  กลัวว่าลูกจะเอาไปปู้ยี่ปู่ยำหมด  จึงมีแต่ทุกข์  ทุกข์ เพราะวิตกกังวลในสมบัตินั้น

                       จะไปไหน  พบใคร แม้กระทั่งที่ทำงาน ในบ้านนอกบ้าน  จะมีแต่คนมาขอเงิน  ขอให้บริจาค เต็มไปหมด ในแต่ละวัน  หาความสุขไม่ได้เลย แม้ยามเจ็บป่วยเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล  ก่อนทำการรักษา ก็ขอให้ท่านเศรษฐีช่วยบริจากซื้อเครื่องมือแพทย์  สร้างตึก จนท่านรำคาญหาความสุขไม่ได้เลย  จะไปเที่ยว  ไปพักผ่อนก็เจอแต่คนขอเงิน  ให้บริจาค จะไปเที่วหาความสุข  แต่กับได้ทุกข์  ทุกข์เพราะเจ้าสมบัติของตัวเองนีละที่เป็นเหตุ-ปัจจัย  นำมาซึ่งความทุกข์  แล้วความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหนกันล่า

                        เข้าวัดจะไปฟังธรรม ถือศีล  ปฏิบัติธรรม  หลวงท่านก็ยืนซองผ้าป่าให้  ขอให้ช่วยทำบุญ  บริจาค  

                        มีแต่ทุกข์  ทุกข์เพราะคิดมากเกี่ยวกับ สมลัติที่มีอยู่  จึงได้คิดว่า เป็นเพราะสมบัติที่เรามีอยู่นี่ละ  จึงทำให้เราหาสุขไม่ได้เลย  จึงขายสมบัติทั้งหมดแล้วเอาเงินไปฝากธนาคาร  จะได้ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล  ไม่มีสมบัติ มีแต่เงินในธนาคาร  ที่ไม่ต้องเฝ้า ทุกข์มันคงจะหายไปได้

                        แต่มันก็เหมือนเดิม  ลูกยังขอแบ่งสมบัติ  ไปไหน  จะทำอะไร แม้แต่ไปวัด  ก็ยังมีแต่คนขอเงิน ทั้งนั้น  ทุกข์ไม่ได้หมดไปเลย

                        อยู่มาวันหนึ่งท่านเศรษฐี จึงเอากระเป๋าหนัง บรรจุแซนวิส  มีน้ำหนึ่งขวด มีผ้าเย็นๆ ใส่กระเป็าตะพายหลัง ไปตามชนบท เดินแบบเพลินเพลิน  ไม่ทุกข์ไม่ร็อน  เพื่อไปหาความสุขที่แท้จริง  ท่านเศรษฐีเดินไปริมน้ำ เห็นชายคนหนึ่งกำลังตกปลาแบบมีความสุข  สงบ  ไม่ส่งเสียงเลย  จึงเดินเข้าไปคุยด้วย  คนตกปลาถามว่า  ท่านมาเพื่องต้องการอะไร  ท่านเศรษฐีตอบว่า เรามาเพื่อมาหาความสุข

                       คนตกปลาจึงบอกว่า  ถ้าอย่างนั้น เราจะสอนวิธีหาความสุขที่แท้จริงให้ โปรดเดินตามเรามา

                       คนตกปลาก็พาท่านเศณษฐีเดินเข้าไปในป่า เดินอยู่อย่างนั้น เป็นเวลานาน เพื่อให้สงบ  ชวนคุย  พอท่านเศรษฐีเผลอ ก็คว้ากระเป๋าที่ท่านเศรษฐสะพายอยู่วิ่งหนีทันที

                        ท่านเศรษฐีก็วิ่งตาม ทัน  แต่ไม่ทัน เป็นเวลานานมาก สุดท้ายก็ตามไม่ทัน คนตกปลาหนีหายไปจากป่า  ปล่อยให้ท่านเศรษฐีหอบ  เหนื่อง  หิว  หลงป่าอยู่อย่างนั้น

                        เมื่อเหนื่อย  หลงป่า  หิว  ไม่ได้กินน้ำ กินข้าว หมดแรงก็นั่งลง สุดท้ายด้วยความอ่อนเพลียก็หลับลงในที่สุด

                        นานเท่าไรไม่ทราบ พอท่านเศรษฐีตื่นขึ้นมา  เห็นกระเป๋าของตนเอง แขวนอยู่  ด้วยความดีใจ เมื่อเปิดออกก็พบแซนวิส  น้ำดื่ม  ผ้าเย็น อยู่ครบ  จึงรีบดื่มน้ำ  กินแซนวิส  เช้ดถูใบหน้า  มีแต่ความสุขเกิดขึ้นอย่างแท้จริง (เพราะปราศจากความคิด  ลืมทุกอย่างหมด  มีแต่สิ่งที่ต้องกระทำอยู่ตรงหน้า คือ ดื่มน้ำ  กินแซนวิส  เช็ดถูใบหน้า  มีแต่สุขเกิดขึ้นในจิต เพราะรอดตายแล้ว) เมื่อดื่น กิน เช็ดใบหน้าผ่านไปแล้ว หมอความหิว  ไม่เหนื่อย  สดชื่น เพราะได้นอนหลับมาด้วย  คนตกปลาก็มาปรากฏตัวให้เห็น ท่านเศรษฐีก็ต่อว่า ต่าง ๆ นาๆ

                        พอสมควรแล้วคนตกปลาก็บอกกับท่านเศรษฐีว่า เราสอนให้ท่านเศรษฐีรู้ถึงความสุขที่แท้จริง และถามท่านเศรษฐีว่า ตอนที่ท่านพบน้ำดื่ม พบแซนวิส  พบผ้าเย็น เมื่อได้ดื่ม  ได้กิน  ได้เช็ดใบหน้า มีแต่สุขที่แท้จริงใช่หรือไม่  ท่านเศรษฐีก็ตอบว่า จริงของท่าน เมื่อเราได้พบ ได้ดื่มกิน  เรามีความสุขมาก  คนตกปลาก็ตอบว่า นั่นละความสุขที่แท้จริง  ท่านพบแล้ว  ท่านสุขเพราะท่านไม่วิตกกังวล  ไม่ได้คิด  ลืมความคิด มีแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ท่านว่าจริงไหม ?

                       ท่านเศรษฐีก็ทราบได้ท่านทีว่า ความสุขที่แท้จริง  คือความสุขที่เกิดจากการไม่คิด  ไม่ปรุงแต่งนี่เอง  เราพบความจริงแล้ว ขอเพียงเรากระทำในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ในตัวของเราเองนี่ละ

                        ความสุขที่เกิดจากความพอใจในกาม คือเมื่อสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจสัมผัส มันเป็นความสุขจอมปลอมชั่วครู่ชั่วยาม แล้วมันก็หายไป  และมีความต้องการไม่สิ้นสุด สู้ความสุขที่เกิดจากการไม่คิด  ไม่ปรุงแต่งไม่ได้  มันเป็นความสุขที่แท้จริง

                        ท่านเศรษฐีพบแล้ว  ท่านล่ะ พบหรือยัง

                        นี่ละกระเป๋าแห่งความสุข

                        สวัสดียามเช้าครับ
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #9269 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2556, 10:32:39 »



สาธุ อย่างเคยคือกราบความหวังดีของพี่สิงห์กรุณาตักเตือนให้แนวทางน้องทุกวัน
กราบด้วยความเคารพและขอบคุณค่ะ


อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 07 มิถุนายน 2556, 05:43:49
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

                     ขอบคุณมาก

                     จิตคนนั้น พระพุทธองค์ท่านเปรียบเหมือนลิง  เพราะในแต่ละวันลิงไม่เคยอยู่กับที ตอนเช้า  กลางวัน  เย็น  ค่ำ ลิงจะไม่อยู่ที่เดียวเลย ท่องเที่ยวหาอาหารไปตามกิ่งไม้ ตลอดเวลา

                     จิตคนก็เหมือนกันไม่เคยหยุดนิ่งจะปรุงแต่ง  จะคิด  ท่องเที่ยวอยู่ในร่างกายตน(เมื่อเราระลึกขึ้นได้ที่กาย)ท่องเที่ยวไปนอกกายเมื่อตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้สัมผัส  ได้สัมผัสทางกาย และได้คิด  เมื่อสัมผัสทางอายตนะทั้งหกแล้ว ก็สุข ทุกข์ ไม่สุข  ไม่ทุกข์ ชอบ  โกรธ หลง โลภ อยากได้อีก ....... ไม่จบสิ้น  มันจึงมีแต่ทุกข์ตามมา

                      ดังนั้น เมื่อคิด ก็มีแต่ทุกข์ 

                      ทุกข์ทางใจนั้น มหาศาลนัก

                      แต่ถ้าเราภาวนา  ตามจิตเราให้ทัน  เมื่อรู้ตัว ความคิดมันจะยุติลง  ทำบ่อย ๆ เป็นการฝึกจิต  การคิดจะน้อยลง ๆ สติจะมากขึ้น ๆ ๆ และจิตมันจะเกิดวิปัสสนาปัญญา จากภายใน เห็นความเป็นไปของจิต(พฤติกรรม  ความคิด  ต้นตอแห่งทุกข์  ความหมดไปแห่งทุกข์ และธรรมชาติที่ต้องมีที่ต้องเป็นตามเหตุ-ปัจจัย) จนจิตสามารถปล่อยวาง มีความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง ๆ ๆ ๆ  จนสิ้นไปได้  ชีวิตจะมีแต่ความสงบ  สุข  พอเพียง  ปล่อยวาง  ไมยึดติดกับอะไรเลย  คลายความยึดมั่นในตัวตนลง ไม่หลงอยู่ในความคิด  อยู่กับความเป็ยจริงตาม "ธรรม"

                      ความสุขที่ยั่งยืน  ถาวร  คือ ความสุขที่เกิดจากการไม่ปรุงแต่ง  มีสติ-สัมปชัญญะ

                      สวัสดีค่ะ

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9270 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2556, 05:45:08 »

สวัสดียามเช้าครับ คุณน้องจันทร์ฉาย และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                        ยามเช้าที่โรงแรมทวินโลตัส  จะมีเสียงนกเอี้ยงฝูงใหญ่มาก ร้องเซงแซ่ และตรงเวลา คือประมาณ ตีสี่ครึ่งนกจะเริ่มปลุกกันเพื่อไปหาอาหาร  และจะตื่นหมดประมาณตีห้า  จะร้องไปเรื่อย ๆ จนฟ้าสาง เป็นปกติแบบนี้ทุกวัน

                        คนเรานั้น ความสม่ำเสมอ ไม่มี  ชอบทำอะไรตามใจชอบ หรือตามที่ตนเองคิดนั่นเอง

                        บังเอิญจิตมนุษย์นั้น  ไม่ชอบการทำอะไรที่สม่ำเสมอ เป็นประจำ โดยเฉพาะในสิ่งที่เป็นกุศล  หรือความดี ที่ควรกระทำนั่นเอง ขอให้ทุกท่านไปสังเกตให้ดีจะพบเอง

                        ศีล ๕ คือข้อบังคับที่ถ้าเราสมาทานศ๊ล ๕ ไปแล้ว ปฏิบัติตามนั้น กิเลสอย่างหยาบที่เกิดจากการกระทำทางกาย  ทางวาจา  จะหายไปทันทีและจะมีพรหมวิหาร ๔ ตามมาเอง คือมีเมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา แต่ต้องมีความเพียรที่สม่ำเสมอที่จะรักษาศีล ๕ เอาไว้ ให้มั่น

                        อย่าลืมเช้านี้รักษาอย่างน้อยศีล ๕ เมื่อจากโลกนี้ไปแล้วไม่ไปตกอยู่ในนรกภูมิ ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9271 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2556, 07:54:30 »

การคิดมีแต่วิตกกังวล ก่อทุกข์

                      มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ไปเที่ยวที่สยามสะแควร์ แวะไปซื้อคุ๊กกี้ เมื่อซื้อแล้วก็เอาคุ๊กกี้ยัดใส่กระเป๋า รูดซิบเก็บเรียบร้อย ก็เดินไปที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ ในนั่งเก้าอี้ที่พอดีว่างอยู่หนึ่งตัว นอกนั้นเต็มหมด เมื่อนั่งเสร็จก็ลืมกินคุ๊กกี้ ได้แต่งัดเอา Iphone ขึ้นมาแช๊ดกับเพื่อน เป็นเวลานานด้วยสมาธิแน่วแน่ ลืมทุกอย่าง อย่างสนุกสนาน

                      มีชายคนหนึ่ง หิว ก็เดินไปซื้อคุ๊กกี้ แล้วก็ไปที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ มองหาเก้าอี้ว่าง ก็ไม่มี มีเพียงเก้าอี้ที่มีหญิงคนนั้นนั่งแช๊ต Iphone ง่วนอยู่ ชายคนนั้นเห็นว่ายังสามารถนั่งได้อีกคนหนึ่ง จึงไปนั่งข้าง ๆ หญิงคนนั้น ไม่ขออนุญาติ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น โดยเอาถุงคุ๊กกี้ที่ซื้อมานั้นวางขั้นกลาง แล้วก็เปิด Iphone เล่นอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สนใจใครเลยแม้แต่หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  ซึ่งแสดงอาการไม่พอใจ เพราะตนเองนั่งอยู่ก่อนแล้ว

                     หญิงสาวก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ ผู้ชายอะไร  ไม่มีมารยาท  ไม่ขออนุญาตินั่งด้วย  มาถึงก็นั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หยิบ Iphone ก็เปิดอ่านอย่างเดียว ไม่สนใจอะไรเลย  ผู้ชายแบบนี้ก็มีด้วยในโลก  เราก็หน้าตาดี แท้ ๆ ได้แต่คิด.........

                     ชายหนุ่มเมื่อเปิด Iphone อ่านไปสักพักก็นึกขึ้นได้ว่าท้องกำลังหิว ก็เอามือไปล้วงคุ๊กกี้ที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมายึดใส่ปากไป ก็อ่านไป ไม่สนใจหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลย

                     ส่วนหญิงสาวนั้น ก็คิด ผู้ชายอะไร หน้าตาก็ดี ดันมาเอาคุ๊กกี้ที่เราเพิ่งซื้อมาเมื่อตะกี้ กินหน้าตาเฉยเลย  หน้าด้านชะมัด  ผู้ชายอย่างนี้ก็มีในโลกด้วย  ได้แต่คิด........

                      ชายหนุ่มคนนั้น ก็ไม่สนใจยังอ่าน กินคุ๊กกี้เหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เพราะไม่ได้คิด)

                      หญิงสาวกลัวว่าคุ๊กกี้ที่ตนซื้อมาจะหมด และอดกิน จึงเอามือไปหยิบคุ๊กกี้ถุงนั้น มารับประทานบ้าง

                      ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ ยังคงอ่าน Iphone และหยิบคุ๊กกี้กินต่อไป ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

                      หญิงสาวก็หยิบคุ๊กกี้กิน แย่งกันคนละทีสองที สุดท้ายคุ๊กกี้ก็หมดถุงลง

                      หญิงสาวก็คิด  ผู้ชายอะไรหน้าด้าน ไม่มียางอาย ไม่มีความเสียสละ แย่งคุ๊กกี้ของเรากิน   กินจนหมด จะขอโทษก็ไม่มี  ไม่มองหน้าเรา  ไม่พูดกับเรา  เอาเปรียบเรา  ผู้ชายในโลกนี้คงเป็นอย่างนี้เหมือนกันหมด เห็นแก่ตัว  ว่าแล้วหญิงสาวก็ลุกคว้ากระเป็าของตนเองสะพายบ่าเดินจากไปด้วยคามโกรธ วิตกกังวล  หหงุดหงิด เพราะเสียดายคุ๊กกี้ของตนเอง

                      ส่วนชายหนุ่มก็คงยังนั่งเล่น Iphone อย่างมีความสุขต่อไป

                      ส่วนหญิงสาวเมื่อกลับมาถึงบ้าน เปิดกระเป๋าออกดู  ปรากฏว่า คุ๊กกี้ของตนเอง  ยังอยู่ในกระเป๋า ยังไม่ได้เปิดออกเลย

                      หญิงสาวได้คิด เรานี่เป็นผู้หญิงที่ใช้ไม่ได้เลย  ไปกินคุ๊กกี้ของคนอื่น แถมยังนินทาผู้ชายคนนั้นเสียหายยับเยิน  จนตนเองหน้าแดง  ขายขี้หน้า  หมดราศรี  จึงได้คิด เพราะเราคิดมาก ไม่มีสติ  ตกอยู่ในความคิด คิดเรื่อยเปื่อย คิดไปเองทั้งสิ้น  จึงมีแต่ความวิตกกังวล ปรุงแต่งไปต่าง ๆ นา ๆ มีแต่ทุกข์ ส่วนผู้ชายคนนั้นเขาไม่คิดอะไรเลย  เราไปกินของเขา เขาก็ไม่ว่าสักคำ จึงมีแต่สุข

                      ความคิด มันทำให้วิตกกังวล  ก่อทุกข์อย่างนี้นี่เอง !

                      สวัสดียามเช้าครับ    
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #9272 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2556, 14:12:17 »

      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #9273 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2556, 14:52:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 มิถุนายน 2556, 06:22:17


                     ได้เดินจงกรมออกกำลังกาย  รำชิกง โยคะ  และภาวนา

                      ได้พิจารณาเหตุ-ปัจจัยแห่งทุกข์

                       มนุษย์นั้น   ทุกข์กายจากการไม่สนใจเรื่องการกิน  -  ออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่

                       ทุกข์ใจ  เพราะมัวแต่ไปสนใจบุคคลอื่น  หรือภายนอกตน

                       ถ้ากลับมาดูใจตนเอง  จะพบความจริงในทุกสิ่ง

                         ความสงบสุข  จะบังเกิดขึ้น  แน่นอน

                         สวัสดียามเช้าครับ

ใช่บึงตาหลัวหรือเปล่าครับ
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #9274 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2556, 15:19:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 25 พฤษภาคม 2556, 10:19:03



                                                                      ดร.พระมหาบุญช่วย   แห่งวัดบางยี่ขัน เทศนา

                             


                                   การสดับฟังพระธรรม  บุคคลนั้นจะไม่เข้าไปสู่นรกภูมิเมื่อร่งดับไป

                          สมัยพระกัสสปะ พระพุทธเจ้า  พระสารีบุตรเป็นพระสาวกเบื้องขวา  ได้ไปสวดพระธรรมเจ็ดคำภีร์ในถ้ำ  ค้างคาว 500 ตัว ที่อาศัยอยู่ในถ้ำได้ฟังธรรมนั้น เมื่อตายได้ไปเกิดในภพที่ดีขึ้น และในสมัยพระโคดม เกิดเป็นมนุษย์ที่เมืองมคธ  วันหนึ่งพระสารีบุตรขณะเดินบิณฑบาตรในเมืองมคธ  เด็กทั้ง 500 คน ก็เดินตามท่านไป ด้วยจิตที่เคยเกื้อกูลในกรรมเก่า พระสารีบุตร  ชาวเด็ก 500 นั้นบวช และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะบุญเก่าที่เคยฟังพระสารีบุตรสวดพระธรรมเจ็ดตำนาน
เพิ่งได้เคยเห็นหน้าตาท่าน 
เพราะผมฟังเกือบทุกวันในวิทยุ ช่วงเช้าเวลาขับรถไปทำงาน
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 369 370 [371] 372 373 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><