Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8950 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 11:29:25 » |
|
เช้าวันนี้ขอบฟ้ามีเมฆ จึงไม่เห็นพระอาทิตย์ เป็นวงกลมสีแดง สถานที่เดินจงกรมออกกำลังกาย ยามเช้าของพี่สิงห์ ที่โรงแรมทวินโลตัส
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8951 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 11:31:06 » |
|
ภาพนี้ถ่ายเมื่อเดินไปครบยี่สิบรอบ รอบละหนึ่งร้อยกว่าเมตร พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8952 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 11:33:02 » |
|
ต้นคูณโผล่ มาให้เห็นสบายตา และเสียงนกร้องเป็นเพื่อน ยามเช้า ครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8953 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 11:34:05 » |
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8954 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 11:59:38 » |
|
เดินจงกรม รำชิกง - โยคะ ครบหนึ่งชั่วโมง แสงแดดจ้าพอดี ครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8955 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 12:00:33 » |
|
ดอกคูณ อยู่บนต้นก็สวย อยู่นานเป็นอาทิตย์ ๆ เวลาร่วงหล่นอยู่บนพื้นก็งาม ครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8956 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 12:01:32 » |
|
ต้นอะไรเอ่ย ? ใครรู้ช่วยตอบที ปกติผมจะซื้อเอาไปรับประทาน ภายหลังจากการออกกำลังกาย ผมให้เขาทดลองปลูก อยู่หน้าบ้าน สวยงาม มีร่มเงา ถ้าไม่กลายพันธ์ จะปลูกขาย
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8957 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 12:03:11 » |
|
ทดลองปลูกเป็นไม้ประดับ ออกผลแล้ว ปลูกง่าย สามารถขึ้นได้งอกงามดีในภาคใต้ รอเพียงรสชาดเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าไม่เปลี่ยน จะปลูกให้มากเอาไว้ระหว่างต้นมังคุด อย่างน้อยขายได้กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่าสี่สิบบาท ในห้างขายแพงกว่านี้ คุณมิ้ง ทราบดีว่าต้นอะไร อาจจะทำรายได้ตัวใหม่แทนมังคุด ถ้าได้ผลดี ปลูกเอาไว้ดูเล่นเพียงสองต้นเท่านั้น อย่าลืมต้นอะไรเอ่ย ?
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #8958 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 13:19:35 » |
|
สวัสดีวันเสาร์ค่ะ พี่สิงห์ วันนี้ มีคอมฯใช้ ได้เข้ามาอ่านยาวค่ะ อ่านจากมือถือ เนื้อหาของพี่ไม่เหมาะค่ะ ระลึกถึงเสมอค่ะ ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านเสมอค่ะ
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #8959 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 13:21:14 » |
|
รูปบนแพสชั่นฟรุต หรือเปล่าคะพี่สิงห์
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8960 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 15:32:30 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
คิดถึงเธอเสมอ หวังว่าคงสบายดีนะคะ พี่สิงห์ สบายดี
ถูกต้องแล้วครับ ปกติพี่สิงห์ จะซื้อจากร้านโครงการหลวง ที่สนามบินดอนเมืองเอาไปรับประทานและเป็นของฝาก แต่ระยะหลังเขาไม่เอามาขายเพราะว่า มีคนไปรับซื้อจากชาวเขาเอาไปทำน้ำเสวรส จึงไม่มีมาขาย
พี่สิงห์ เลยให้ลูกน้อง ทดลองปลูกที่ท่าศาลา มันได้ผล เจริญเติบโตดีมาก กำลังรอว่ารสชาดจะเปลี่ยนหรือไม่ ถ้าไม่เปลี่ยน จะให้เขาปลูกขาย ระหว่างต้นมังคุด เพราะรายได้น่าจะดีกว่ามังคุดและที่สำคัญไม่ต้องใส่ปุ๋ย และดูแลมาก ราคาขายก็ดี มีความต้องการทางตลาดมาก อาจจะเป็นพืชเกษตรที่ทำรายได้ให้กับชาวสวนมังคุดภาคใต้ก็ได้ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8961 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 15:39:09 » |
|
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๑๐. อินทริยภาวนาสูตร (๑๕๒) [๘๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าไผ่ ในนิคมชื่อกัชชังคลา ครั้ง นั้นแล อุตตรมาณพ ศิษย์พราหมณ์ปาราสิริยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ ประทับ แล้วทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทักทายปราศรัยพอให้ ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ [๘๕๔] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า ดูกร อุตตระ ปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯ อุ. แสดง พระโคดมผู้เจริญ ฯ พ. ดูกรอุตตระ แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการ เจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียง ด้วยโสต ฯ พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของ ปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอด ไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัส แล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ [๘๕๕] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า อุตตรมาณพศิษย์ ปาราสิริยพราหมณ์ นิ่ง คอตก ก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ จึงรับสั่งกะ ท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ปาราสิริยพราหมณ์ ย่อมแสดงการเจริญอินทรีย์ แก่สาวกทั้งหลายอย่างหนึ่ง ส่วนการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของ พระอริยะ ย่อมเป็นอีกอย่างหนึ่ง ฯ ท่านพระอานนท์ทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้สุคต เป็นการสมควรแล้ว ที่พระผู้มีพระภาคจะทรงแสดงการเจริญอินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่า ในวินัยของพระ อริยะ ภิกษุทั้งหลายฟังต่อพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้ ฯ พ. ดูกรอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ต่อไป ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ [๘๕๖] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ ก็การเจริญ อินทรีย์อันไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ เป็นอย่างไร ดูกรอานนท์ ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้ เกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ ขึ้น เพราะเห็นรูปด้วยจักษุ เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบ ใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบ อาศัยกันเกิดขึ้น ยังมีสิ่งที่ละเอียด ประณีต นั่นคือ อุเบกขา เธอจึงดับความ ชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกรอานนท์ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบ ใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ได้เร็วพลันทันที โดย ไม่ลำบากเหมือนอย่างบุรุษมีตาดีกระพริบตา ฉะนั้น อุเบกขาย่อมดำรงมั่น ดูกร อานนท์ นี้เราเรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่า ในวินัยของพระอริยะ ฯ [๘๕๗] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเกิดความชอบใจ ความ ไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจขึ้น เพราะได้ยินเสียงด้วยโสต เธอรู้ ชัดอย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ ขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบ อาศัยการเกิดขึ้น ยังมีสิ่งที่ ละเอียด ประณีต นั่นคืออุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้ง ความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกร อานนท์ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและ ไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ได้เร็วพลันทันที โดยไม่ลำบาก เหมือนอย่าง บุรุษมีกำลัง ดีดนิ้วมือโดยไม่ลำบาก ฉะนั้น ดูกรอานนท์ นี้เราเรียกว่า การ เจริญอินทรีย์ในเสียงที่รู้ได้ด้วยโสต อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ ฯ [๘๕๘] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเกิดความชอบใจ ความ ไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ เพราะดมกลิ่นด้วยฆานะ เธอรู้ชัด อย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ ขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบ อาศัยกันเกิดขึ้น ยังมีสิ่งที่ละเอียด ประณีต นั่นคืออุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบ ใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกรอานนท์ ภิกษุ รูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ได้เร็วพลันทันที โดยไม่ลำบาก เหมือนอย่างหยาดน้ำกลิ้ง ไปบนใบบัว ย่อมไม่ติดในที่ที่กลิ้งไปสักน้อยหนึ่ง ฉะนั้น ดูกรอานนท์ นี้เรา เรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในกลิ่นที่รู้ได้ด้วยฆานะ อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัย ของพระอริยะ ฯ [๘๕๙] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเกิดความชอบใจ ความ ไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ เพราะลิ้มรสด้วยชิวหา เธอรู้ชัดอย่าง นี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจขึ้น แล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบ อาศัยกันเกิดขึ้น ยังมีสิ่งที่ละเอียด ประณีต นั่นคืออุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบ ใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกรอานนท์ ภิกษุ รูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ได้เร็วพลันทันที โดยไม่ลำบาก เหมือนอย่างบุรุษมีกำลัง ตะล่อมก้อนเขฬะไว้ตรงปลายลิ้น แล้วถ่มไปโดยไม่ลำบาก ฉะนั้น ดูกรอานนท์ นี้เราเรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในรสที่รู้ได้ด้วยชิวหา อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัย ของพระอริยะ ฯ [๘๖๐] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเกิดความชอบใจ ความ ไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ เพราะถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและ ไม่ชอบใจขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบ อาศัยกันเกิดขึ้น ยัง มีสิ่งที่ละเอียด ประณีต นั่นคืออุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกร อานนท์ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและ ไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ได้โดยเร็วพลันทันที โดยไม่ลำบาก เหมือน อย่างบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียดโดยไม่ลำบาก ฉะนั้น ดูกร อานนท์ นี้เราเรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในโผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย อย่างไม่มีวิธี อื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ ฯ [๘๖๑] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเกิดความชอบใจ ความ ไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ เพราะรู้ธรรมารมณ์ด้วยมโน เธอรู้ชัด อย่างนี้ว่า เราเกิดความชอบใจ เกิดความไม่ชอบใจ เกิดทั้งความชอบใจและไม่ ชอบใจขึ้นแล้วเช่นนี้ ก็สิ่งนั้นแล เป็นสังขตะ หยาบ อาศัยกันเกิดขึ้น ยังมี สิ่งละเอียด ประณีต นั่นคืออุเบกขา เธอจึงดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้นเสีย อุเบกขาจึงดำรงมั่น ดูกร อานนท์ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งดับความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและ ไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วได้เร็วพลันทันที โดยไม่ลำบากอย่างนี้ เหมือนบุรุษมี กำลัง หยดหยาดน้ำสองหรือสามหยาดลงในกระทะเหล็กที่ร้อนจัดตลอดวัน ความ หยดลงแห่งหยาดน้ำยังช้า ทันทีนั้น หยาดน้ำนั้นจะถึงความสิ้นไป แห้งไปเร็ว ทีเดียว ฉะนั้น ดูกรอานนท์ นี้เราเรียกว่า การเจริญอินทรีย์ในธรรมารมณ์ที่รู้ได้ ด้วยมโนอย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของพระอริยะ ฯ ดูกรอานนท์ อย่างนี้แลเป็นการเจริญอินทรีย์อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัย ของพระอริยะ ฯ [๘๖๒] ดูกรอานนท์ ก็พระเสขะผู้ยังปฏิบัติอยู่เป็นอย่างไร ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ ชอบใจ เพราะเห็นรูปด้วยจักษุ เธอย่อมอึดอัด เบื่อหน่าย เกลียดชังความชอบ ใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิดขึ้นแล้วนั้น เกิด ความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ เพราะได้ยินเสียง ด้วยโสต ... เพราะดมกลิ่นด้วยฆานะ ... เพราะลิ้มรสด้วยชิวหา ... เพราะถูกต้อง โผฏฐัพพะด้วยกาย ... เพราะรู้ธรรมารมณ์ด้วยมโน ... เธอย่อมอึดอัด เบื่อหน่าย เกลียดชังความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ อันเกิด ขึ้นแล้วนั้น ดูกรอานนท์ อย่างนี้แล ชื่อว่าพระเสขะผู้ยังปฏิบัติอยู่ ฯ [๘๖๓] ดูกรอานนท์ ก็พระอริยะผู้เจริญอินทรีย์แล้ว เป็นอย่างไร ดูกร อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดความชอบใจ ความไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจ และไม่ชอบใจขึ้น เพราะเห็นรูปด้วยจักษุ เธอถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่ง ปฏิกูลว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของ ไม่ปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูลว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ ก็ ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะมีความ สำคัญในสิ่งทั้งปฏิกูลและไม่ปฏิกูลว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้มีความ สำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งทั้ง ไม่ปฏิกูลและปฏิกูลว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่า เป็นของปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะวางเฉยเว้นเสียซึ่งสิ่งปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสอง นั้น อยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ ก็ย่อมเป็นผู้วางเฉยในสิ่งนั้นๆ อยู่อย่างมีสติ สัมปชัญญะได้ ฯ [๘๖๔] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเกิดความชอบใจ ความ ไม่ชอบใจ ทั้งความชอบใจและไม่ชอบใจ เพราะได้ยินเสียงด้วยโสต ... เพราะ ดมกลิ่นด้วยฆานะ ... เพราะลิ้มรสด้วยชิวหา ... เพราะถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย ... เพราะรู้ธรรมารมณ์ด้วยมโน เธอ ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งปฏิกูลว่าเป็นของ ไม่ปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูลว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้มีความ สำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งทั้ง ปฏิกูลและไม่ปฏิกูลว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งทั้งไม่ปฏิกูลและปฏิกูล ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ ก็ย่อมมีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ได้ ถ้าหวังว่าจะวางเฉยเว้นเสียซึ่งสิ่งปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองนั้น อยู่อย่างมีสติ สัมปชัญญะ ก็ย่อมเป็นผู้วางเฉยในสิ่งนั้นๆ อยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะได้ ดูกร อานนท์ อย่างนี้แล ชื่อว่าพระอริยะผู้เจริญอินทรีย์แล้ว ฯ [๘๖๕] ดูกรอานนท์ เราแสดงการเจริญอินทรีย์อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่า ในวินัยของพระอริยะ แสดงพระเสขะผู้ยังปฏิบัติอยู่ แสดงพระอริยะผู้เจริญอินทรีย์ แล้ว ด้วยประการฉะนี้แล ดูกรอานนท์ กิจใดอันศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์ เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์ อาศัยความอนุเคราะห์พึงทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวกเธอ ดูกรอานนท์ นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลาย จงเพ่งฌาน อย่าได้ประมาท อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง นี้เป็นคำ พร่ำสอนของเราแก่พวกเธอ ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระอานนท์จึงชื่นชมยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคฉะนี้แล ฯจบ อินทรียภาวนาสูตร ที่ ๑๐ จบ สฬายตนวรรค ที่ ๕ -----------------------------------------------------
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8962 เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 21:17:55 » |
|
วันนี้เขาไปงานพระราชทานเพลิงศพ รอง ผวจ. ที่เสียชีวิตจากการถูกวางระเบิดครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8963 เมื่อ: 28 เมษายน 2556, 05:54:15 » |
|
จากการสังเกตุ ที่ผ่านมา เลือกตั้งครั้งหน้า จะมี สส.ของพรรคเพื่อไทย ที่นครศรีธรรมมาราชแน่นอน เพราะ สส.พรรคประชาธิปัติย์ ไม่ทำงาน คนเบื่อ และก็กินเหมือนกัน กินไม่เป็น ติดร่างแหอยู่ใน ปปช. ขณะนี้ชนิดที่ยากที่จะพ้นผิด
คุณเหยงปรากฏว่าเป็น พณฯหัวเจ้าท่าน ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ คน ๆ นี้จะมีคนมาต้อนรับมาก ๆ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องผู้กำกับมาเอง จนวุ่นวายทุกครับ คือ คนอื่นอึดอัดเพราะแน่นสนามบิน สร้างความเดือดร้อนผู้ดดยสารอื่น
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8964 เมื่อ: 28 เมษายน 2556, 07:11:01 » |
|
สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน ได้เวลารับประทานอาหารเช้าแล้วครับ พี่สิงห์ เช้านี้ได้เดินสายพานแทนการเดินจงกรมเพราะลานชั้นสามพื้นยังเปียกฝน ได้ฝึกชิกง-โยคะ และมารับประทานอาหารเช้าตอนเจ็ดโมง ตามปกติ กลับ กทม. 16:00 น.โดย Air Asia เนื่องจาก Nok Air เต็มและราคาสูงมาก เพราะถือโอกาสขึ้นราคา จึงเปลี่ยน วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน มีนัดกับคุณพรชัย (โด่ง) ที่โรงงาน PSTC สระบุรีเพื่อไปชมโรงงานผลิตผนัง-คาน สำเร็จรูป วันอังคารไปอำเภอหนองบัวใหญ่ ชลบุรี ไปดูเพื่อออกแบบขยายแท่นผลิตแผ่นพื้นเพิ่ม ให้หนอองใหญ่คอนกรีต วันพุธ ไปทำงานทร่ Asia Group สมุทรสาคร สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #8965 เมื่อ: 28 เมษายน 2556, 08:35:40 » |
|
...สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน...
...วันนี้อากาศแจ่มใส...
...เหมาะที่จะวางแผนงานมงคลทุกชนิดค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8966 เมื่อ: 28 เมษายน 2556, 09:51:02 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
วันไหน เมื่อใดที่มีความสุจริตทางกาย(ความประพฤติ) มีความสุจริตทางวาจา และมีความสุจริตทางใจ(ใจปลอดโปร่งสะบาย) หรือพูดง่ายๆ ไม่มีทุกข์นั่นเอง วันนั้น เวลานั้น ย่อมเป็นฤกษ์ดีเสมอ เหมาะแก่งานมงคล ทุกเมื่อ
ได้รับข้อความแล้ว ตอบกลับแล้ว ยินดีด้วย บอกมาทางจดหมาย mail ก็ได้
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8967 เมื่อ: 28 เมษายน 2556, 21:02:32 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
พี่สิงห์ อยู่ กทม. เรียบร้อยแล้ว โดยสวัสดิภาพ
อยู่กรุงเทพฯ รู้เลยว่าอากาศยังไม่ร้อนเท่าที่นครศรีธรรมราช เพราะที่นครศรีธรรมราช แสงแดดจ้ากว่ามาก แต่ก็มีฝนตกมากขึ้น อย่างเมื่อวานที่เป็นวันพระราชทานเพลิงศพ ท่านรองผู้ว่าจังหวัดยะลา บ่ายฝนตก และลมแรงมาก แต่พอตอนเย็นฝนหยุดตก
อาทิตย์นี้ เป็นอีกหนึ่งอาทิตย์ ที่ผมต้องเดินทางมาก การนอนเร็วตื่นเช้าเท่านั้น ที่จะช่วยให้ผมสามารถขับรถทางไกลได้ ถึงกระนั้นก็ตาม ต้องหยุดพักทุกหนึ่งชั่วโมง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
ค่ำนี้ขอลาไปก่อนครับ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน
|
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #8968 เมื่อ: 28 เมษายน 2556, 23:16:55 » |
|
สวัสดีค่ะพี่สิงห์ ธรรมะ เรื่องขันธ์ 5 ที่พี่สิงห์นำมาเตือนน้องนั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ ติ๋มฟังมาก อ่านมาก แต่ยังปฏิบัติไปไม่ถึงไหน คลำไปเรื่อยๆอย่างคนยังไม่มีครู แต่ไม่กังวลค่ะ มีบุญมาแค่ไหนก็ขอรับแค่นั้น แต่ไปหมดความเพียร จะตั้งอยู่ในสติปฐาน 4 ไปเรื่อยๆค่ะ
เคารพรักพี่เสมอ
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8969 เมื่อ: 29 เมษายน 2556, 08:02:50 » |
|
พี่สิงห์
เดินทางปลอดภัยครับ
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #8970 เมื่อ: 29 เมษายน 2556, 10:32:51 » |
|
...ขอบพระคุณค่ะ...พี่สิงห์...
...จะส่งจดหมายไปทางไปรษณีย์ค่ะ...
...แล้วแต่พี่สิงห์จะสะดวกนะคะ...
...จริงๆแล้วไม่อยากรบกวนใครเลยค่ะ...
...ถือว่าเป็นการบอกกล่าวกันก็แล้วกันนะคะ...
...ตู่คงเชิญได้ไม่ทั่วถึงค่ะ...
...บอกเฉพาะคนเก่าๆที่เคยคุ้นเคยกันตั้งแต่ไปค่าย...และเป็นบางคนเท่านั้น...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #8971 เมื่อ: 29 เมษายน 2556, 19:59:24 » |
|
เอามาฝากพี่สิงห์ครับ ว่าสังคมมอง รฟท. กันอย่างไร ??รถไฟไทยถูกทุกข้อ 29 April 2556 - 00:00 เรียน คุณอัตถ์ อัตนัย ที่เคารพ ๑."ร.ฟ.ท." ย่อมาจาก "รถไฟไทย" คุณอัตถ์ทราบบ้างมั้ยว่ารถไฟไทยมันห่วยจังเลยยย์ย์ (เวลาอ่านกรุณาใส่ทำนอง "ต.ช.ด." ย่อมาจาก "ตำรวจตระเวนชายแดน" ด้วย มันจะได้อรรถรสและสุนทรีย์-ศิลป์ ดีกว่าอ่านเฉยๆ แล้วมันก็ช่วยคลายร้อนให้ด้วยนะ จะบอกให้...ฮา ฮา) ๒.ข่าวรถไฟฟรีสายพิษณุโลก-กทม.ตกรางแถวหลักสี่ มีคนบาดเจ็บเล็กน้อย (ข่าวนี้รู้กันทั่วแล้ว ไม่ขอลงในรายละเอียด) แต่ที่น่าสนใจคือ คำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่การรถไฟกล่าวว่า "จากการตรวจสอบพบว่า จานเหล็กรองราง และตะปูตอกรางไม้หมอนบางส่วนถูกขโมยไป ประกอบกับความร้อนจึงทำให้รางขยายและไม้หมอนเคลื่อน เมื่อรถไฟวิ่งผ่านมาจึงเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว (นสพ.บ้านเมือง ๖ เม.ย.๕๖) คำบอกกล่าวเช่นนี้ เชื่อได้หรือไม่? สมมุติว่า เชื่อได้ ควรมีความเห็นดังนี้ ๓.ข่าวสังคม นสพ.เดลินิวส์ ให้ความเห็นว่า กับแค่ตะปูตอกแผ่นเหล็กบังคับรางให้อยู่กับไม้หมอนในเขตเมืองหลวงแท้ๆ ยังไม่มีปัญญาดูแลรักษา แล้วจะไปทำโครงการรถไฟความเร็วสูง มูลค่า ๒.๒ ล้านล้านบาท....ให้สำเร็จได้อย่างไร? ยังดีที่รถไฟตกรางเป็นขบวนนั่งฟรีแบบหวานเย็น จึงบาดเจ็บแค่ ๓ คน หากเป็นรถไฟความเร็วสูงวิ่ง ๒๕๐ กม./ช.ม. แล้วถูกขโมยตะปู...ไม่รู้ว่าจะตายมากน้อยเท่าไร? (นสพ.เดลินิวส์ ๗ เม.ย.๕๖) ๔.แต่ถ้าสมมุติว่า ไม่เชื่อ (คำบอกกล่าวของเจ้าหน้าที่รถไฟ) มาดูคนที่เขาให้ความเห็นเข้าท่ากว่า คือ "นายประภัสร์ จงสงวน" (ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย) กล่าวไว้ว่า "สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ปัญหาเกิดจากรางหรือปัญหาขบวนรถไฟ เนื่องจากขบวนที่เกิดเหตุ หัวรถจักรไม่ได้ตกราง แต่ขบวนที่มีผู้โดยสารตกรางทั้งหมด (เดลินิวส์ ๖ เม.ย.๕๖) ๕.ครับ ในเมื่อคุณประภัสร์ (ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.) มีความละเอียดลออ รอบคอบ ไม่ด่วนสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น ผมในฐานะประชาชนคนใช้รถไฟประจำ (ทั้งฟรีและไม่ฟรี) ซึ่งปกติผมใช้บริการระหว่าง "บ้านโป่ง-ธนบุรี" เป็นประจำอยู่แล้ว ขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการบริการรถไฟไทยดังนี้ ๕.๑ รถไฟไทยเข้าสถานีไม่เคยตรงเวลาเป็นส่วนใหญ่ อย่างที่สถานีบ้านโป่งจะเขียนบอกไว้เลยว่าขบวนนั้น-ขบวนนี้จะช้าไป ๒๐ นาที, ๔๐ นาที, ๙๐ นาที, ๑๒๐ นาที ฯลฯ เป็นต้น (ซึ่งเป็นเรื่องดีที่บอกให้ประชาชนรู้) แต่มันไม่ดีตรงที่เป็น "ปัญหา" ที่การรถไฟแก้ไม่ตกซักที (ผมเคยไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ๒ ปีเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ก็ใช้บริการรถไฟเขาเป็นประจำ ปรากฏว่ารถไฟของเขาวิ่งเข้าสถานีตรงตามเวลาได้อย่างมหัศจรรย์ ถ้าจะคลาดเคลื่อนบ้างก็เพียง ๑-๒ นาทีเท่านั้น แล้วเขาจะรีบปรับแก้ทันทีให้ตรงเวลาในสถานีต่อไป) ๕.๒ ผมเคยคุยกับคนตรวจตั๋วรถไฟ (ของไทย) ถามเขาตรงๆ ว่า "ทำไม...รถไฟจึงช้าประจำ" เขาตอบว่า "รถไฟนี้อายุใช้งานมาหลายสิบปีแล้ว เป็นมือสองซื้อมาจากต่างประเทศ (แล้วก็ไม่รู้ว่ารถไฟนี้ เขาใช้ภายในประเทศของเขามากี่ปีแล้ว)...รถไฟพวกนี้จึงเสียบ่อย...ซ่อมประจำ...วิ่งเร็วมากก็ไม่ได้ นอกจากนี้ รางรถไฟก็วางมาหลายปีแล้ว วิ่งเร็วจะมีปัญหา ยกตัวอย่างจากอำเภอบ้านโป่ง (สถานีทรงพล) รถไฟวิ่งไปเมืองกาญจน์-น้ำตก รางชำรุดทรุดโทรมมาก ถ้าวิ่งเร็วรถจะตกราง" ผมถามต่อว่า "แล้วการรถไฟแก้ไขอย่างไร?....เปลี่ยนรางใหม่ให้ดีขึ้นแล้วซื้อรถไฟใหม่ที่มีคุณภาพมาวิ่ง" พนักงานรถไฟผู้ชรา นัยน์ตาเศร้าคนนั้น ส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ใช่...เขาใช้วิธีปักป้ายข้างทางบอกว่าอย่าวิ่งเกินเท่านั้น..เท่านี้..กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะถ้าเร็วกว่านั้นจะเกิดอันตราย" (O-WAN-MY GOD) ๖. ผมถึงเข้าใจว่าการรถไฟเขามีวิสัยทัศน์ (อันล้าสมัย) แก้ไขปัญหาเช่นนี้เอง ดังนั้นรถไฟวิ่งช้าประจำไม่ต้องพูดถึง รถเสีย รถไฟตกรางประจำ (เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น) เก้าอี้ม้านั่งตกหงายหลังบ่อยๆ ฝรั่งหน้าเหรอ แต่คนไทยหัวเราะคิกคัก น้ำดื่มและในส้วมไม่มี เพราะบริษัทที่จ้างเด็กมันอู้ไม่ค่อยทำงาน (แถมมีรายชื่อปลอมเบิกเงินจากการรถไฟเกินหลายสิบคน พนักงานรถไฟแอบกระซิบบอกผม) ส้วมตามสถานีต่างๆ สร้างใหม่แล้วให้คนนอกประมูลเก็บแพงมากๆ (เช่นที่สถานีนครปฐม เข้าห้องน้ำ ๕ บาท อาบน้ำ ๑๐ บาท) รถเครื่องจอดที่สถานีเก็บวันละ ๑๐ บาท ถ้าค้างคืนไม่โทร.บอกปรับเพิ่มอีก ๑๐ บาท คนใช้บริการควักกระเป๋าไป (การรถไฟคงจะรวย) อ้าว! ได้ข่าวว่ารถไฟไทยขาดทุนทุกปี สะสมหนี้บานตะไท ไชโย! (๓ ครั้ง) รถไฟไทยจงเจริญ.... วิสัยทัศน์อย่างนี้...แล้วรัฐบาลปูจ๋า...จะกู้เงินมาทำโครงการรถไฟ..แน่ใจหรือว่า ๕๐ ปีใช้หนี้หมด ๗.คุณอัตถ์ที่เคารพยังมีอีก และผมเห็นว่าสำคัญมากต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาติ คือ ผมสังเกตเห็นสองข้างทางรถไฟ (สายใต้) "ระหว่างสถานีคลองบางตาลกับสถานีหนองปลาดุก" มีการขุดดินเพื่อเอาทราย ๒ ข้างทางรถไฟ ยาวหลายกิโลเมตร ขุดเป็นหลุมลึกถึงลึกมาก กว้างขนาดทะเลสาบเห็นจะได้ มองไปที่ก้นหลุมเห็นรถสิบล้อบรรทุกดินและรถแบ็กโฮขุดดิน มองเห็นเหมือนรถจี๊ปเล็กๆ ผมเคยคิดเล่นๆ ว่า สักวันถ้าดินใต้รางรถไฟทรุดตัวลง รถไฟคงถล่มลงมา แล้วเมื่อนั้นรถไฟสายใต้คงต้องหยุดยาวเป็นอัมพาตไปทั้งภาคทีเดียว ตอนแรกผมคิดว่าผมคิดพิเรนทร์คนเดียว พอผ่านมาเป็นปีผู้โดยสารคนอื่นเริ่มพูดแบบที่ผมคิด ข้อสำคัญเขาขุดมาหลายปีแล้วครับ และทุกวันนี้ก็ยังขุดอยู่...และในอนาคตคงจะขุดอีกต่อไป...จนเกิดโศกนาฏกรรมนั่นแหละ จึงเป็นข่าวแล้วก็จะมี ข้อแก้ตัวจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประดุจว่าคนไทยทั่วไปไม่รู้จัก คติธรรมที่ว่า "คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว" ยังงั้นแหละ ๘.ที่ผมแปลกใจคือ พนักงานรถไฟทั้งที่ขับไป-ขับมา และเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องอยู่บนรถไฟ วันหนึ่งๆ คงวิ่งเป็นร้อยขบวน พวกเขาไม่เคยสังเกตเห็นบ้างเลยหรือ? ถ้าสังเกตเห็น เขาไม่รายงานให้บอร์ดรถไฟทราบเลยหรือ? หรือเขาอาจรายงาน แต่บอร์ดรถไฟไม่สนใจ ต้องรอให้เกิด "โศกนาฏกรรมหมู่"? มันยังไงกันแน่...คุณอัตถ์อย่าเพิ่งเชื่อผมนะ...ให้นักข่าวไปถ่ายภาพมาโชว์...แล้วค่อยเชื่อ ๙.ผมแปลกใจผู้ให้อนุญาตสัมปทานขุดดิน-ขุดทราย ผมเข้าใจว่าเป็นรอยต่อจังหวัดนครปฐมต่อกับ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ท่านผู้ว่าฯ นครปฐมหรือผู้ว่าฯ ราชบุรีผู้อนุญาต ทุกท่านสบายดีอยู่หรือ? เวลาท่านจะอนุญาต ไม่เคยไปดูพื้นที่เลยหรือว่ามันจะเกิดอันตรายหรือไม่? ผมอยากให้ รัฐมนตรีมหาดไทยย้ายผู้ว่าฯ ทั้ง ๒ จังหวัดไปอยู่ที่สามจังหวัดภาคใต้จังเลย จะได้ฉลาดหูตาแววไวขึ้น? หรือไม่ก็ผู้ว่าฯ ประเภท "หูหนวก-ตาบอด" จะได้จุด จุดจุดไปซะที ๑๐.สุดท้ายขอขอบคุณคุณอัตถ์ อัตนัย ที่กรุณาให้ผมได้ระบายอะไรๆ เกี่ยวกับ "รถไฟไทย" บ้าง...... แรงเกื้อ ชาวหินฟ้า นั่นนะซิ ถ้าหมุดรางรถไฟความเร็วสูงถูกขโมย ไม่ตายยกขบวนหรือครับ อย่าไปเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นเขาเลยครับ แค่เสียเวลา ๕ นาที เขาโค้งคำนับขอโทษแล้วขอโทษอีกจนน่ารำคาญ ฮ่าๆๆ คำว่ารถไฟหวานเย็นมันเหมาะกับรถไฟไทยแล้วหละครับ มันเป็นมานานจนชินชากับคำว่าหวานเย็น และไม่มีรัฐบาลไหนลุกขึ้นมาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ปัญหามันมีหลายระดับ ตั้งแต่รัฐบาลยันเจ้าหน้าที่ระดับล่างสุดของการรถไฟแห่งประเทศไทย เข้าทำนองรัฐบาลไม่สนใจ คนการรถไฟฯ ไม่กระตือรือร้น ถ้าใครเคยใช้บริการรถไฟไทยจะรู้ดี แค่ไปถามว่าทำไมรถไฟถึงเสียเวลา คุณก็ถูกมองแบบแปลกๆ ด้วยสายตาตั้งคำถาม ไอ้หมอนี่หลุดมาจากไหน ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงปัญหาอื่นๆ เลยครับ ผมรอดูอยู่ว่ารัฐบาลไหนจะมีแนวทางปฏิรูปการรถไฟฯ อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่จะสร้างโน่นสร้างนี่ แต่การบริหารภายในองค์กรยังเป็นเต่าล้านปี ถ้าไม่แก้ไขอะไร ต่อให้มีรางคู่มันก็ตกรางได้ครับ. http://www.thaipost.net/news/290413/72813
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8972 เมื่อ: 29 เมษายน 2556, 21:05:31 » |
|
สวัสดีครับ คุณเหยง
ผมเชื่อว่าไม่หมอนรถไฟ บริเวณรอบ ๆ กรุงเทพฯ เขาเปลี่ยนไปเป็นไม้หมอนคอนกรีตหมดแล้ว ขนาดไม้หมอนคอนกรีตแบบเก่า เขายังรื้อทิ้งขายทอดตลาดเลย ดังนั้น ไม้หมอนที่เป็นหมอนไม้เนื้อแข็ง รอบ กทม. ไม่มีแน่นอนครับ
เป็นการให้ข่าวแบบสูตรสำเร็จเพื่อเป็นข้ออ้างในการจัดงบประมาณมากกว่า คือโทษไม้หมอน
สำหรับไม่หมอนคอนกรีตนั้น ถ้าจะถอดน๊อตเอาไปขาย ค่อนข้างยาก เพราะงัดไม่ได้ มันมีสปริงในตัวเอาออกยาก ไม่เหมือนหมอนไม้ที่ใช้ตอกปะกับรางรถไฟ
ผมว่าเป็นที่ตัวถนนหรือหินรองใต้หมอนมันทรุดตัว และไม่มีการซ่อมแซมให้มันดี รถไฟวิ่งไปก็ทรุดไป มันก็ดี หมอนคอนกรีตจะได้แตกหัว เสียหาย ทางเจ้าหน้าที่รถไฟจะได้งบมาซ่อมแซม เพราะประมูลไม้หมอน เปลี่ยนรางต้องใช้ผู้รับเหมา แต่ถ้าซ่อมเองสามารถจัดซื้อไม้หมอนแบบไม่ต้องประมูลได้ ซื้อเพื่อมาซ่อม การรถไฟทำเอง นี่เป็นช่องทางทำมาหากินอย่างหนึ่ง
วัฒนธรรมของพนักการรถไฟ มันไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ผลประโยชน์มันจึงเป็นเรื่องสำคัญ ครับ
ผิดศีลหรือเปล่าไม่รู้ ที่บังอาจวิจารย์ตามจริงที่ประสบมาแบบนี้
วันนี้เหนื่อยมาก
สวัสดีครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8973 เมื่อ: 29 เมษายน 2556, 21:07:25 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
ขอความกรุณา อย่าลงทะเบียน เพราะว่าจะไม่มีใครรับ จดหมายจะตีกลับ
จะพยายามหาเวลาไปร่วมงานมงคล ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #8974 เมื่อ: 29 เมษายน 2556, 21:13:03 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก
หาให้พบด้วยตัวเอง เพียงตามจิตตนเองให้ทันในแต่ละวินาที นาที ชั่วโมง และวันเท่านั้น อย่าเผลอตัวไปตกอยู่ในความคิด ให้รู้สึกตัวให้มาก เธอจะรู้ได้เองว่าเมื่อไรเรารู้สึกตัว เมื่อนั้นมันไม่คิด เมื่อไม่คิดก็ไม่ทุกข์ เพียงแค่นี้ ทุกอย่างเป็นปัจจัตตัง คือ ผู้รู้จะรู้ได้เฉพาะตน มันเป็นเรื่องจริง
ส่วนการศึกษาพระไตรปิฎก นั้นเพื่อเอาไว้พักจิต ให้มันคิดเอาหัวข้อธรรมของพระพุทธองค์มาคิด แทนการปล่อยจิตให้มันคิด เพราะข้อธรรมของพระพุทธองค์มันเป็นจริงเสมอ สามารถคิดและปฏิบัติได้ตามนั้น ดีกว่าปล่อยให้จิตมันคิด จะมีแต่ทุกข์ครับ
ตามหาจิตตนเองให้พบ มันจะอยู่กับการรู้สึกตัว คือมีสติที่กาย เวทนา จิต ธรรม นั่นเอง
เวลามีเวทนาเกิดขึ้นก็รู้ตัว
เวลาจิตมันอยู่ไหน คิดอะไรก็รู้ตัว
เวลาคิดในทางธรรมก็รู้ตัว
เวลาเคลื่อไหว หยุดร่างกายก็รู้ตัว
มีแต่สุขทั้งนั้น สุขเพราะมันไม่คิด ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
|