15 พฤศจิกายน 2567, 13:33:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 216 217 [218] 219 220 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3535607 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5425 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 11:12:44 »

จาริกแสวงบุญ - ปฏิบัติธรรม

ตอนที่ ๕

ไวสาลี วัดป่ามหาวัน ปาวาฬเจดีย์ สถานที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร



วัดป่ามหาวัน








วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

                       วันนี้คณะต้องเดินทางจากมคธไปไวสาลี ระยะทาง ๒๔๐ กิโลเมตร

                        ผมตื่น ๐๓: ๕๐ น. อาบน้ำ ๐๔:๐๐ น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า -ปฏิบัติธรรม ๐๕:๐๐ น.รับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวสวย ๐๖:๐๐ น.ออกเดินทาง สำหรับคนที่ไม่ได้สวดมนต์ทพวัตรเช้า หลวงพ่อจะนำสวดมนต์ทำวัตรเช้า ต่อด้วย บทถวายพรพระ บารมี ๑๐ ทัศ สรรเสริญพระพุทธสิหงค์ และพระอรหันต์ ๘ ทิศ แผ่เมตตา เพื่อให้การเดินทางราบรื่น เสร็จแล้วหลวงพ่อก็จะบรรยายไปเรื่อง ๆ ทางพุทธศาสนา หรือเมืองข้างทาง ที่น่าสนใจ ไปตลอดทาง ไม่เหงานทั้งสิ้น บางครั้งท่านก็บรรยายออกวิทยุกลับมาเมืองไทย และให้เราทราบด้วย บนรถจะแจกน้ำ ถั่งมุงดาน และส้ม  สำหรับเข้าห้องน้ำนั้น จะจอดให้เป็นระยะตามความจำเป็น  วันนี้คระต้องรับประทานยอาหารบนรถ โดยทางหลวงพ่อจะจอดรถในที่ปลอดภัยให้รับประทานอาหารกัน ประมาณบ่ายสองโมงถึงวัดไทยไวสาลีพอดี คณะนำกระเป๋าลงจากรถ เข้าห้องน้ำเสร็จก็เดินทางไปวัดป่ามหาวันทันที (ตามภาพ) เมื่อได่สถานที่นั่งเรียนบร้อยแล้ว หลวงพ่อก้เริ่มบรรยาย วัดป่ามหาวันเป็นวัดที่พระน้านางประชาบดีพร้อมด้วยนางกีสา ๕๐๐ ปลงผมมายืนอยู่หน้าวัดเพื่อที่จะขอบวงชเป็นภิกษุณี  แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาติ แต่พระอานนท์ใช้ไหวพริบถามพระพุทธองค์ว่า สตรีสามารถที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้หรือไม่ พระพุทธองค์ทรงตอบว่า สตรีสามารถบรรลุธรรมได้เช่นเดียวกับบุรุษ พระอานนท์จึงทูลว่า ถ้าเช่นนั้นสตรีก็สามารถบวชได้ พระพุทธองค์ทรงตอบว่า สตรีสามารถบวชได้ทรงอนุญาติ แต่ต้องรับทราบกระทำครุธาวาส ๑๐ ประการก่อน จึงจะบวชได้ และเมื่อสตรีบวชได้แล้วพุทธศาสนาจะมีอายุลดลงครึ่งหนึ่งเพียง ๕๐๐๐ ปีเท่านั้นก็สิ้นสลายลง เพราะถ้าสตรีมาบวชกันหมด สังคมจะดำรงอยู่ไม่ได้

                         ภายหลังภิกษุณีได้สิ้นไปจากอินเดียและศรีลังกา นานแล้ว ตามพระวินัย ภิกษุณีจะต้องบวชจากภิกษุณีก่อนแล้วจะต้องมาบวชกับภิกษุอีกรอบหนึ่ง เมื่อภิกษุณีสิ้นไปแล้ว ณ ปัจจุบันจึงไม่สามารถบวชได้อีกตามพุทธบัญญัติ  แต่ที่เราเห็นกันนั้น ผิดพุทธวินัยทั้งสิ้น คือไม่มีภิกษุณีบวชให้  ก็ว่ากันไป ก็คนมันอยากบวช ไม่สนพระวินัยทั้งสิ้น นี่ละจุดเสื่อมของพุทธศาสนาช่วงขาลง

                         หลังหลวงพ่อบรรยายเสร็จก็สวดมนต์ และปฏิบัติธรรมครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับผมพอหาที่ได้พอเหมาะก็นั่งปฏิบัติธรรมเจริญสติทันที หลังจากปฏิบัติธรรมเสร็จ ก็มาเดินสวดมนต์เวียนเทียนรอบสถูปสามรอบ เป็นเสร็จกิจ

                         เสร็จจากวัดป่ามหาวันก็มาที่ ปาวาฬเจดีย์ สถานที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร เมื่อมาถึงมีคณะเราคณะเดียวเพราะเย็นมากแล้ว หลวงพ่อก็บรรยาย พอบรรยายเสร็จก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น ปฏิบัติธรรม และเวียนเทียนรอบสถูปที่เคยบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสามรอบ (รัฐบาลเมืองไวสาลี ชนะคดีที่ฟ้องเพื่อขอนำพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่นี่ยังอยู่ในพะอบสภาพสมบูรณ์ ที่อยู่ในเมืองปัตตานะ เอากลับมาไว่ยังเมืองไวสาลีตามเดิม)
         
                         เสร็จจากที่นี่ยังมีเวลาหลวงพ่อเลยพาไปไหว้พระญี่ปุ่นที่ใหญ่มาก และเวียนเทียนสามรอบจึงกลับไปรับประทานอาหารเย็นที่วัดไทยไวสาลี  หลังรับประทานอาหารแล้วสองทุ่มได้ทำพิธีทอดผ้าป่าได้เงิน ๘๐๐๐๐ รูปี ผมถวายเงิน ๕๐๐๐ บาทเพื่อสมทบทุนซื้อที่ดินสร้างวัดไทยที่เกษรียา และได้ทำบุญใส่บาตรพระเณร ๑๙ รูป องค์ละ ๓๐ รูปี และหลวงพ่อวัดไทยไวสาลี ได้นำสวด "องคุลิมานสูตร" ให้รับฟัง ด้วย

                         ที่ไวสาลีกลางคืนอุณหภูมิอยู่ที่ ๑๐ องศา หนาวมาก นอนห้องละ ๓-๔-๕ ท่าน สามารถหลับได้ดีเพราะความเหนื่อยจากการเดินทางไกล

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5426 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 11:18:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 10:33:08
พี่สิงห์

ชาวอินเดียใช้ฟืนไปกับการเผาศพที่ริมแม่น้ำคงคา ใช้ขี้วัวผสมกับฟางข้าวเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในบ้าน
เนื่องจากมีฟางข้าวเป็นทรัพยากรที่มีเหลือเฟือในนาข้าว
การไม่ต้องซื้อถ่านเป็นเชื้อเพลิง เป็นการประหยัดเงินที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
แต่ไทยเราเผาฟางข้าวทิ้ง สร้างมลภาวะอยู่ในภาคเหนืออยู่ในขณะนี้ รวมทั้งไม่เลี้ยงวัวเพื่อใช้ไถนาด้วย
ประเทศไทย จีน และในภูมิภาคนี้ก็เคยใช้ขี้วัวผสมฟาง ดินพรุ เศษถ่าน เป็นเชื้อเพลิงในเตา


นอกจากนี้ ควันที่พี่บอกว่ามีปริมาณที่มากนั้น มีประโยชน์ครับ ?? !!
คือช่วยกำจัดยุงและแมลง ซึ่งเป็นพาหะนำโรคของประเทศร้อนชื้นครับ












การามจาย (ชาอินเดีย : น้ำร้อน นมสด ชา ต้มรวมกันให้เดือด) อร่อยดีครับ



  



ภัตตาคารนี้ มีห้องน้ำไว้บริการ แต่ขอโทษ สู้ห้องน้ำดาวล้านดวงไม่ได้(ยังไม่อยากมองเลย)

นี่ละภัตตาคารชั้นหนึ่ง ริมถนน

ที่หลวงพ่อพาไปรับประทานจัมปาตี  การามจาย และข้าวห่อที่หลวงพ่อเตรียมเอาไปให้ด้วย


                  

                     ขอบคุณ คุณเหยงเป็นอย่างมาก  ที่กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์

                     มันก็เป็นจริงตามนั้น

                     นอกจากนี้ เชื้อเพลิงขี้วัวผสมซังข้าวตากแห้ง  ยังมีวางขายทำเป็นท่อนยาว ๆ ท่อนละ ๒ ศอก สำหรับคนที่ไม่มีขี้วัวทำ หรือมีไม่พอ มีกองให้เห็นเกลื่อนตา

                     ยกเว้นตามภัตตาคารที่ยังใช้ฟืน ตามภาพ

                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5427 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 11:46:54 »



โอชา คนขับรถทัวร์ ของหลวงพ่อ

ปกติเขาจะปิ้งจัมปาตี และทำกับข้าวกินเอง แต่มื้อนี้กินภัตตาคารริมทางหลวง

ที่เห็นคือ จัมปาตี ส่วนกับข้าวผมจำไม่ได้ ทำจากเครื่องแกงใส่มันฮารู และมะเขือเทศ

คนอินเดียทั่วไป กินอย่างนี้ทุกวัน ทุกมื้อ ไม่เบื่อ มันเป็นวิถีชีวิต - วัฒนธรรม ของคนอินเดีย ชนบท
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5428 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 12:32:09 »

อย่างไรจึงเรียกว่า ‘พระธรรมกถึก (ผู้กล่าวสอนธรรม)’:

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อีกทั้งพระธรรม อีกทั้งพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของสรรพสัตว์ทั้งหลาย


+ + + + + + + + + +


                             ในยุคสมัยแห่งความสับสนในเรื่องความดีความไม่ดี ทำอย่างไรแค่ไหนอยู่ในขอบเขตแห่งความดี ความพอดี เป็นบุญ ทำอย่างไรแค่ไหนเรียกว่าไม่ดี ไม่เหมาะ บาป ในยุคสมัยที่มีแต่ผู้คนสงสัย ลังเล ว่าจริยธรรมคืออะไร จรรยาบรรณคืออะไร มีขอบเขตแค่ไหน

                              ในยุคสมัยที่ผู้มุ่งแสวงหาธรรมะของจริงของแท้ หวังพึ่งพระธรรมแท้ๆ มาช่วยแก้ปัญหาชีวิตหรือมาช่วยพัฒนาตน พัฒนาปัญญา พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ หรือพัฒนาแผ้วถางหนทางแห่งการพ้นออกไปเสียจากทุกข์ทั้งปวง

                               ในยุคสมัยที่ในทุกสังคม ไม่เว้นแม้ในแวดวงพระพุทธศาสนา ความเป็นวัตถุนิยม หรือภาษาธรรมก็คือ กิเลสในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่เลือกใครทั้งนั้น กิเลสในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จับใครก็ได้ มาเป็นเหยื่อได้หมด นอกจากกิ้เลสในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แล้ว ก็ยังมีการบัญญัติธรรมขึ้นใหม่ ไขว้เขวไปเสียจากทางตรง ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ดีแล้ว ตรงแล้ว

                                                                   . . . . . . . . . .

                            คำว่า พระธรรมกถึก ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โดยพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) แสดงไว้ว่า หมายถึง ผู้กล่าวสอนธรรม ผู้แสดงธรรม นักเทศน์

                                                                     + + + + +

                             พระพุทธองค์ทรงแสดงความหมายเกี่ยวกับ พระธรรมกถึก ไว้ว่า คือ ผู้แสดงธรรม เพื่อให้เกิดความเบื่อหน่ายและคลายกำหนัดในทุกขสัจจะ (ทุกขสัจจะ ก็คือ ตา – หู – จมูก – ลิ้น – กาย – ใจหรือ ก็คือ กายกับใจ นั่นเอง )

                             ผู้แสดงธรรมเพื่อให้ผู้ฟังสามารถดับตา หู จมูก ลิ้นกายและใจ (ก็คือ เพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดอีก เพื่อจะได้ไม่ต้องมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจอันเป็นเครื่องต่อภพต่อชาติ ต่อกิเลส ตัณหา อุปาทานอีก)

                                                                      + + + + +

                              เราจึงมักพบเห็นว่าพระธรรมกถึก มักแสดงธรรมที่เรียบง่ายไม่ก่อให้เกิดกิเลส ไม่กระตุ้นให้เกิดกิเลส พระธรรมกถึก มักแสดงธรรมที่ทำให้จิตใจสว่างไสว เกิดความสบายใจ เบาใจ เกิดปัญญา เป็นธรรมที่ล้างใจให้สะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้นได้ ตามกำลังของผู้รับ

                              พระธรรมกถึก มักแสดงเกี่ยวกับศีล สั่งสอนให้อยู่ในศีลอย่างต่ำก็ศีลห้า และแสดงธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเพื่อลด-ละ-กิเลส แสดงธรรมเกี่ยวกับการเจริญสติเจริญปัญญา ถ้าเป็นชาวโลก ก็แสดงโลกธรรมแปด ให้สรรพสัตว์ มีชีวิตอยู่อย่างเป็นคนดี มีศีลธรรม รู้จักการทำบุญทำทานที่ถูกต้องพอเหมาะพอดีแก่ตน รู้จักการรักษาศีลและเจริญภาวนาที่พอเหมาะกับตน เพื่อจะได้รู้จักการอยู่กับโลกธรรมแปด อย่างผู้มีสติและประกอบด้วยปัญญา รู้เท่าทันความไม่เที่ยง-เป็นทุกข์และไม่ใช่สิ่งที่ใครบังคับบัญชาได้ ของโลกธรรมทั้งแปด (ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์) ถ้าเป็นผู้มุ่งสู่การพ้นทุกข์อย่างจริงจัง แน่วแน่ มุ่งมั่นและเร่งรีบแล้ว ก็จะแสดงสติปัฏฐานสี่ และวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่ แสดงบัญญัติธรรมและปรมัตถธรรมเพื่อการปฏิบัติ และแนะนำการปฏิบัติตนอย่างพอเหมาะพอควรแก่แต่ละคนๆ เพื่อเร่งให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์ตามที่ปรารถนา

                               ดังนั้นผู้ใดแสดงธรรมไม่เป็นไปตามนี้ก็น่าจะเป็นข้อพึงสังเกตได้ว่าผู้นั้นเป็น ‘พระธรรมกถึก’ ตามความหมายที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ หรือไม่ แค่ไหน อย่างไร คำสอนของผู้นั้น พึงเชื่อถือ ปฏิบัติตาม หรือไม่ แค่ไหน อย่างไร

                               เพื่อเราแต่ละชีวิต จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหลงทางหรือเดินทางอ้อมไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ของแท้ ไม่เสียเวลาไปกับธรรมที่ปนเปื้อนหรือดัดแปลงเฉไฉ อันอาจทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นมิจฉาทิฏฐิหนักยิ่งขึ้นไปอีก เสียเวลาเวียนว่ายตายเกิดเสียเวลาทุกข์ต่อไปในสังสารวัฏยาวนานยิ่งขึ้นไปอีกกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่ พระธรรมกถึก ของแท้ยังมีอยู่มากมายในเมืองไทยนี้ให้สามารถพึ่งพิงชี้แนะทางได้จริง ตามหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ดีแล้วประเสริฐแล้ว
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #5429 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 14:41:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 06:19:32
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43
สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ

ปีหน้า ไปกันเลยครับ พี่หนุน

ต้องวางแผนกะเวลาให้เหมาะครับน้องขุน
ผมว่าน่าจะมีชาวหอหลายคนสนใจ
ไปกับพี่สิงห์ คงจะได้รู้ได้เห็น ได้ฟังสิ่งที่ดีๆมากมายครับ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5430 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 19:07:40 »

ไม่ต้องมาชวนพี่ป๋องนะครับเสี่ยหนุน
เมื่อยเปล่าๆ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5431 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 19:46:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 19:07:40
ไม่ต้องมาชวนพี่ป๋องนะครับเสี่ยหนุน
เมื่อยเปล่าๆ

                     ทิฏฐิมันฝังรากแก้ว เสียแล้วน่าเสียดาย ๆ ๆ ๆ จริง ๆ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5432 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 19:57:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 14:41:23
อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 06:19:32
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43
สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ

ปีหน้า ไปกันเลยครับ พี่หนุน

ต้องวางแผนกะเวลาให้เหมาะครับน้องขุน
ผมว่าน่าจะมีชาวหอหลายคนสนใจ
ไปกับพี่สิงห์ คงจะได้รู้ได้เห็น ได้ฟังสิ่งที่ดีๆมากมายครับ


                      พระมหา ดร.สุเทพ เป็นผู้บรรยาย ผมมิอาจทาบรัศมีหรอกครับขนาดพระครูปลัด ดร.ธีระศักดิ์ ท่านยังมิกล้า เลย ยกเว้นบนรถที่ท่านคุม(พระมหา ดร.สุเทพ ไม่ได้อยู่ด้วย)  ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไปในฐานะผู้ช่วยที่ควบคุมรถอีกคันหนึ่ง สนุกแบบคนใต้พูดเพราะท่านเป็นคนจังหวัดตรัง แต่มีความรู้อินเดียมากจริง ๆ

                      การเป็นไกด์บรรยายสังเวชนียสถาน ต้องผ่านการอบรมเป็นวิทยากรบรรยาย ด้วยครับ

                      พี่สิงห์มีหน้าที่แนะนำเพิ่มเติม ให้ปลอดภัยจากโรคท้องร่วง และเป็นผู้ช่วยพระมหา ดร.สุเทพ เท่านั้น

                      ครั้งที่ผ่านมาขากลับ พระมหา ดร.สุเทพ ท่านคงเหนื่อย ท่านจึงเชิญให้ผมเป็นไกด์แทนท่าน บรรยายเกี่ยวกับการรักษาดูแลสุขภาพ  ออกกำลังกายโยคะบนรถ และบรรยายธรรม โดยท่านนั่งฟัง  ท่านก็บอกว่า นาน ๆ ได้ฟังคนมาบรรยายธรรมให้ฟังก็ได้ความรู้ดีเหมือนกัน  ส่วน ดร.กุศล  ออกไปพูดสรรเสริญอินเดียโดยเฉพาะหนังอินเดีย

                       ถ้าท่านไม่สั่งให้ไปพูด ผมก็ไม่กล้าเหมือนกัน  นอกจากนี้ท่านก็ได้สั่งให้ส่งเสียงกลับมาเมืองไทยทางสถานีวิทยุยานเกราะ ทำหน้าที่แทนท่านชั่วคราว เวลาท่านติดธุระชั่วคราว ก็พูดเกี่ยวกับการไปกราบสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ไม่ลำบากอะไรมากมายนัก เชิญชวนให้มาระลึกถึงกัน

                        คุณหนุนรวบรวมผู้จาริกแสวงบุญมา พี่สิงห์จะเจรจากับ พระมหา ดร.สุเทพ ให้เองครับ

                        ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5433 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 22:50:32 »

"ศีล ๕ ข้อนั่นแหละเป็นมูลฐานให้เกิดคุณงามความดี
รักษาให้บริสุทธิ์สะอาด ทำใจให้มั่นคงต่อการที่จะละชั่วประพฤติดี
อย่าไปมองหาโทษคนอื่น ให้มองดูตรวจดูตัวเรา" หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

By: Dharma@Hand Lite ธรรมะใสใส ใกล้ตัวคุณ


กรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด

บางครั้งเราเชื่อกฎแห่งกรรม แต่มีอคติ มองโลกในแง่ร้าย เมื่อเจอปัญหา ประสบกับโลกธรรมฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนา เกิดทุกข์ เดือดร้อน แล้วก็โทษตัวเองว่าเป็นเพราะกรรมเก่า ชาติก่อนทำบาป ชาตินี้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม มีทุกข์เดือดร้อนเมื่อใดก็โทษกรรมเก่า เมื่อเกิดเช่นนี้แล้วก็ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีความคิดที่จะพัฒนาตนเองหรือแก้ไขปรับปรุงตัวเอง เป็นความคิดผิดว่า ทุกข์สุขในปัจจุบันเกิดจากกรรมในอดีต โดยไม่ให้ความสำคัญกับปัจจุบันขณะ

ส่วนบางคนก็เชื่อกฎแห่งกรรม แต่ใช้หลักธรรมไปในทางเบียดเบียน ทำลายจิตใจคนอื่น เมื่อเห็นผู้อื่นมีความทุกข์เดือดร้อน ก็กล่าว เป็นเพราะทำบาปมา ต้องชดใช้ เป็นต้น

หากเชื่อในกฎแห่งกรรมโดยมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว จะต้องให้ความสำคัญกับกรรมในปัจจุบันมากที่สุด เเละเลือกที่จะสร้างแต่กุศลกรรมในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าประสบปัญหาหนักขนาดไหนก็ตาม ทำใจได้ดี รักษาให้มีกำลังใจดีตลอดกาลตลอดเวลา รักษาสุขภาพใจดี

เมื่อใจเราสงบจากทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จึงจะเห็นว่ากฎแห่งกรรมมีจริง และมีจิตปรารถนาที่จะละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

---

คัดจากหนังสือธรรมบรรยายเรื่อง "รู้เท่าทันกรรม" โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
By: พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5434 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2555, 07:35:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 22:50:32
"ศีล ๕ ข้อนั่นแหละเป็นมูลฐานให้เกิดคุณงามความดี
รักษาให้บริสุทธิ์สะอาด ทำใจให้มั่นคงต่อการที่จะละชั่วประพฤติดี
อย่าไปมองหาโทษคนอื่น ให้มองดูตรวจดูตัวเรา" หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

By: Dharma@Hand Lite ธรรมะใสใส ใกล้ตัวคุณ


กรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด

บางครั้งเราเชื่อกฎแห่งกรรม แต่มีอคติ มองโลกในแง่ร้าย เมื่อเจอปัญหา ประสบกับโลกธรรมฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนา เกิดทุกข์ เดือดร้อน แล้วก็โทษตัวเองว่าเป็นเพราะกรรมเก่า ชาติก่อนทำบาป ชาตินี้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม มีทุกข์เดือดร้อนเมื่อใดก็โทษกรรมเก่า เมื่อเกิดเช่นนี้แล้วก็ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีความคิดที่จะพัฒนาตนเองหรือแก้ไขปรับปรุงตัวเอง เป็นความคิดผิดว่า ทุกข์สุขในปัจจุบันเกิดจากกรรมในอดีต โดยไม่ให้ความสำคัญกับปัจจุบันขณะ

ส่วนบางคนก็เชื่อกฎแห่งกรรม แต่ใช้หลักธรรมไปในทางเบียดเบียน ทำลายจิตใจคนอื่น เมื่อเห็นผู้อื่นมีความทุกข์เดือดร้อน ก็กล่าว เป็นเพราะทำบาปมา ต้องชดใช้ เป็นต้น

หากเชื่อในกฎแห่งกรรมโดยมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว จะต้องให้ความสำคัญกับกรรมในปัจจุบันมากที่สุด เเละเลือกที่จะสร้างแต่กุศลกรรมในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าประสบปัญหาหนักขนาดไหนก็ตาม ทำใจได้ดี รักษาให้มีกำลังใจดีตลอดกาลตลอดเวลา รักษาสุขภาพใจดี

เมื่อใจเราสงบจากทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จึงจะเห็นว่ากฎแห่งกรรมมีจริง และมีจิตปรารถนาที่จะละความชั่ว ทำความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

---

คัดจากหนังสือธรรมบรรยายเรื่อง "รู้เท่าทันกรรม" โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
By: พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

                 
                   ขออนุโมทนา  ที่ ดร.สุริยา  นำสิ่งดี ๆ มาย้ำเตือนผม และชาวซีมะโด่งทุกท่าน ให้ตระหนัก เห็นความจริง และปฏิบัติหรือดำรงค์ชีพอยู่ด้วยกุศลกรรม ณ ปัจจุบันเป็นหลัก คือยึดถือปฏิบัติรักษาศีล ๕ อยู่เป็นนิจ ก็เท่ากับการรักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ อยู่เสมอ ถูกต้องตามที่พระพุทธองค์ให้ดำรงชีวิตอยู่ใน มรรค ๘ ทุกประการ

                    สาธุ ๆ ๆ อนุโมทนามิ

                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5435 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2555, 07:51:03 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              เช้านี้อากาศที่นครศรีธรรมราชเหมือนเมื่อวาน คือท้องฟ้าไม่มีเมฆ แสงแดดจากพระอาทิตย์ แรง จ้ามาก  อากาศจัดแน่นอน ไม่ควรอยู่กลางแดดทั้งสิ้น

                               หกโมงเช้าอากาศยังสบาย พระอาทิตย์ขึ้น 06:50 น. ผมสามารถเดินจงกรมออกกำลังกาย รำชิกง และโยคะ ได้ก่อนที่แดดจะแรง ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง

                               ผมรู้สาเหตุที่ผมไม่สามารถหาเที่ยวบิน บินกลับ กทม. เมื่อวันศุกร์ และเช้าวันเสาร์ได้แล้ว คือ นักศึกษา วปอ. มาทัศนะศึกษานครศรีธรรมราช จำนวน ๑๑ รถบัสทัวร์ บขส. ขากลับไม่กลับรถแต่กลับเครื่องบิน กลับเที่ยวเย็นวันศุกร์ สองเที่ยวเช้าวันเสาร์จองเต็มหมด ส่วนที่จองเครื่องบินไม่ได้ก็กลับไปกับรถ บขส.ทัวร์ ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก เพราะมีแต่คนมีสตางค์ รู้สึกที่จำหน้าได้ ก็ นามสกุล"สารสิน"ที่มีรายการ TV อยู่จำชื่อไม่ได้ ผมเห็นหน้าตอนรับประทานอาหารเช้าเพราะคุ้นๆ หน้า

                               ดังนั้น วันนี้ผมไม่สามารถไปร่วมงานคุณน้องเน็ะ และชุมนุมศิษย์เก่าโรงเรียนอินทร์บุรีได้ ผมไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ใครจะว่าอย่างไรก็เรื่องของเขา ผิดก็ยอมรับผิด  มันทำอะไรไม่ได้ ไปก็ดี  ไม่ไปก็ดี อยู่ก็ได้ทำงานประชุมบริษัทฯ ตามปกติ

                               ผมกลับ กทม.วันนี้ Boarding 16:50 น. ถึงบ้าน 19:30 น. ถ้า Nok Air on time


                                             สังขาร  ทั้งหลาย  เป็นอนิจจัง

                                             สังขาร  ทั้งหลาย  เป็นทุกข์

                                             ธรรม    ทั้งหลาย  เป็นอนัตตา

                                             [สังขาร คือ ความคิดปรุงแต่งที่เกิดขึ้นจากหเตุ-ปัจจัยทาง สัญญา เวทนา และวิญญาณ(รับรู้ทางอายตนะ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น กายได้สัมผัส ปล่อยใจนึกคิด)
                                               ธรรม คือสิ่งทั้งหลายที่เกิดจากสังขาร และอสังขาร]

                               เวลาปฏิบัติธรรม  ความจริงอันนี้มองให้ออก ทำปัญญาให้เกิด  จิตมันจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่นใน "ตัวกู" ลงได้

                               สวัสดีครับ
             
                 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5436 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2555, 18:03:57 »

บอลจบก่อนเคารพธงชาติพอดี TU : CU = 0 : 1
พบกันปีหน้า TU เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 69
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5437 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2555, 18:50:52 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์

การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างครับ
ถึงบ้านแล้วหรือยัง ??
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5438 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2555, 20:25:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2555, 18:03:57
บอลจบก่อนเคารพธงชาติพอดี TU : CU = 0 : 1
พบกันปีหน้า TU เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 69


สวัสดีครับคุณเหยง

                        ผมสามารถเดินทางกลับ กทม.ได้เย็นวันเสาร์ มาถึงบ้านสองทุ่ม เพราะจองตั๋วล้วงหน้าหนึ่งอาทิตยืเสมอ สำหรับเครื่องบินนั้นมีไปนครวันละ ๗ เที่ยวบิน วันศุกร์  เสา อาทิตย์ที่ผ่านมา เต็มทุกเที่ยวบิน เพราะพวก วปอ. ขามามารถทัวรืแต่ขากลับกลับเครื่องบิน  จึงทำให้คนนครศรีธรรมราช ที่เดินทางประจำเดือดร้อน

                        ผมตกข่าวจริง ๆ สำหรับฟุตบอลประเพณีไม่รู้เรื่องเลยทั้งสิ้น มาทราบว่าวันเสาร์ที่ผ่านมามีฟุตบอลประเพณีที่สนามบินนครศรีธรรมราชที่มีถ่ายทอด TV และมารู้ผลว่าจุฬาฯ ชนะ 1:0 ตามที่คุณเหยง บอกครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5439 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2555, 20:35:41 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                            พรุ่งนี้ผมภายหลังจากใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน ต้องเดินทางไปสิงห์บุรี และต่อด้วยการพาคนดูแลแม่ไปงานเผาศพป้า ที่ อำเภอ....ที่อยู่ใกล้ป่าตาดดึกดำบรรณ อุทัยธานี ต้องขับรถไกลมากทั้งวันเลย  ต้องจำยอมครับ งานนี้ กลัวหลับในเหมือนกัน  คงต้องตั้งสติอย่างมาก ไม่ส่งจิตออกนอก เพื่อไม่ให้เกิดความคิดปรุงแต่งเกิดเป็นภวังค์และหลับใน

                             วันนี้แดดร้อนจัดมากจริงๆ ทีแรกผมนึกว่า ผมคิดมาก แต่ที่ไหนได้ พอดู TV ตอนเย็น เห็นมีแต่ข่าวแดดร้อนมากเกือบทุกจังหวัดวันนี้ อากาศเมืองไทยมันก็เป็นเช่นนี้ครับ

                             ระวังสุขภาพกันด้วยครับ ต้องดื่มน้ำมาก ๆ ครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5440 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2555, 21:25:01 »



























แม่น้ำเนรัญชรา ที่เปลี่ยนแปลงตามกฏไตรลักษณ์

                     
                        คุณน้อง เจ้าหน้าที่ทัวร์ ส่งรูปมาให้ผม จึงนำบางส่วนมาให้ชมครับ ตอนไปกราบบ้านนางสุชาดา และสถานที่พระพุทธองค์ทรงปั่นข้าวมธุปายาส ๔๙ ก้อน และแม่น้ำเนรัญชราที่ทรงลอยถาดอธิษฐาน แล้วจึงข้ามแม่น้ไปฝั่งตรงข้ามที่ต้นพระศรมหาโพธิ์

                       เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5441 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 06:12:42 »

พี่สิงห์

ประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 5..........
มวลอากาศเย็นแผ่ปกคลุมพื้นที่ภาคอีสานหรือภาคตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว โอกาสเกิดพายุฤดูร้อนเริ่มขึ้นแล้ว
ฝนตก ฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ส่งผลต่อบ้านเรือนที่อาจเสียหาย หลังคาหลุดปลิวไปทำอันตรายมีสูง
รวมทั้ง เสาไฟฟ้า/สายไฟฟ้า หัก-ขาด กิ่งไม้-ต้นไม้หักล้มขวางการจราจร มีโอกาสเป็นไปได้ 
และภาคอื่นๆ ของประเทศ จะได้รับอิทธิพลถัดไปอีก 1-2 วัน


ประกาศเตือนภัย
"พายุฤดูร้อน"

ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555
 
     บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ในระยะ 1-2 วันนี้ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ออกประกาศ เวลา 05.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5442 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 12:12:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 19:46:06
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 19:07:40
ไม่ต้องมาชวนพี่ป๋องนะครับเสี่ยหนุน
เมื่อยเปล่าๆ

                     ทิฏฐิมันฝังรากแก้ว เสียแล้วน่าเสียดาย ๆ ๆ ๆ จริง ๆ
เพียงแค่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟังที่เขาเล่ากันมา
พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่าไปเชื่อครับพี่ๆ
และทรงสอนไม่ให้เชื่อแม้หลักธรรมมะจนกว่าได้พิสูจน์
กุศลเห็นใจพี่ป๋อง ท่านเคยถามกุศลว่าศาสนาพุทธสอนให้เชื่อภพหน้าด้วยหรือ(ถามมาหลายสิบปีแล้ว)
กุศลตอบว่าใช่ เพราะที่เรียนมาครูสอนเช่นนั้น เราจึงมีชาดกเรื่องต่างๆ
เห็นใจเพราะคนเรียนทางวิทยาศาสตร์เขาไม่ได้เรียนทางวรรณคดีมากเหมือนพวกที่เรียนสายศิลป์
แต่มีคนอีกไม่น้อยเขามาเรียนภายหลังแล้วลึกซึ้งกว่าพวกขี้คุยเสียอีก
ลองสัมผ้สอินเดียสักครั้ง
แล้วพี่ป๋องจะได้รู้ว่า
พระพุทธเจ้ามีจริง
ทุกสิ่งที่สัมผัส ล้วนเกิดขึ้นจริง มีที่มาที่ไป
ดีกว่าการไปอ้างคำพูดของผู้นั้นผู้นี้ร้อยเท่าพันเท่าครับพี่ป๋อง
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5443 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 12:24:31 »


เลยร้านขายผ้าไปน่อย ก็จะมีร้านขายของกระจุกกระจิกดังภาพ
วันนี้เส้นทางปกติที่เข้าวัดกำลังปรับปรุง
เราต้องใช้เส้นนี้แทน  ผ่านวัดต่างๆมากมายหลายชาติ
ทะลุออกท้องนาประมาณ5 กม.ก็จะถึงวัดของอาตมา
พวกโยมอดใจรอ อีกสักครูรถเราจะต้องวิ่งไปตามท้องนาก็จะออกไปถึงวัดเช่นกันกัน
ตลอดสองข้างทางเราจะมองเห็นที่เวิ้งว้าง
บางครั้งเราเห็นโรงแรมเล็กๆกำลังก่อสร้าง
อาตมาสร้างวัดเป็นแห่งแรก
ต่อมาชาวบ้านได้อาศัยเส้นทางสัญจรและสิ่งก่อสร้างจึงตามมาภายหลัง......  หลวงพ่อเล่าอย่างภูมิใจ
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5444 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 12:52:01 »


พอไปถึงวัดหลวงพ่อก็ให้พวกเราทานอาหาร
หลังจากเข้าที่พักในวันแรกที่วัดไทยมคตพุทธวิปัสนา
ท่านให้ทุกคนไปใส่ชุดขาว
เราจะไปบ้านนางสุชาดาและแวะชมสถานที่ป๔มเทศนา
แต่ก่อนอืนเราต้องแวะวัดทิเบตเป็นอันดับแรก
เอ้ามาถึงประตูวัดพอดี
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5445 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 12:59:14 »









สภาพภายนอกและภายในของวัดที่ได้ชม
ส่วนประวัติ ความเป็นมา และรายละเอียดอื่นๆในแนวธรรมมะพี่มานพเขาบรรยายไว้หมดแล้ว
กุศลขอเล่าเฉพาะสิ่งที่ได้เห็นพอสังเขป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5446 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 13:03:06 »



ทุกครั้งที่หลวงพ่อพาคณะเดินทางไปถึงตามสถานที่ต่าง ๆ

ผมจะหามุมสงบเจริญสติของผมไป คนเดียว ไม่สนใจใครทั้งสิ้น

คณะนี้นอกจากผมแล้ว ยังมีศิษย์หลวงพ่อเทียน จากบริษัทยาสูบ อีก ๑๒ ท่าน และ ผู้ร่วมคณะอีก ๒ ท่าน

ทำให้ผมไม่เป็นตัวตลกในคณะ  และหลวงพ่อ พระมหา ดร.สุเทพ  ท่านก็ทราบดี ไม่ได้รังเกียรติ

ครั้งเมื่อปีที่แล้ว ท่านยังถามผมเลยว่า โยมเข้าใจหาวิธี มันทำให้จิตอยู่กับปัจจุบันดี

มาคราวนี้ ท่านคงไปค้นคว้าวิธีการของหลวงพ่อเทียน มา ท่านจึงนำเอามาพูดได้

ส่วนวิธีที่ท่านสอนนั้น คือกำหนดลมหายใจเข้าออกและภาวนา "พุทธ โธ"

แต่ที่สังเกตุคือ ผ่านไปห้านาที ท่านนั่งหลับเสมอ ถ้าเกินกว่านี้ กรณีนั่งครึ่งชั่วโมง ท่านอาศัยวิธีเดินจงกรม

ส่วนพระปลัด ดร.ธีระศักดิ์  อาศัย นับจากลูกประคำแทน

ส่วนคณะทัวร์ชุดนี้ ศิษย์วัดพระธรรมกาย


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               ผมนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่ที่ร้านแตน อำเภอลานสัก จังหวัดอุทับธานี  ร้านแตนอยู่เลยหุบป่าตาดมาประมาณ ไม่เกิน ๑๐ กิโลเมตร ร้านนี้อาหารแนะนำคือ ยำตระไคร้ ไก่ทอดเกลือ ปลาแรดสามรส  ปลาแรดทอดกระเทียม

                               ผมนั่งรับประทานคนเดียว เลยสั่งต้มยำไก่บ้าน และปลาแรดสามรส  รับประทาน เหลือก็ต้องจำยอม เพราะไม่สามารถรับประทานได้หมด มันเกินของความต้องการในการดำรงชีวิต

                               รู้สึกว่าคนมารับประทานที่ร้านนี้แยะ เพราะมีโต๊ะของสำนักงานปลัดฯมาด้วย มีลูกค้าห้า-หกโต๊ะ มีทั้งคนต่างถิ่นแบบผมและคนท้องถิ่น ครับ คงเป็นร้านที่มีชื่อ ร้านนี้ผมเคยมากินครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

                               ผมขับรถจากอำเภอเมืองอุทันธานีมาทางอำเภอบ้านฉางผ่าน หนองขาย่าง ท่าโพธิ์ จากบ้านฉางก็ไปทางอำเภอลานสักอีกสามสิบกิโลเมตร  อากาศยามเที่ยงร้อนมากอากาศแห้ง ไม่มีลมพัดเลย ใบไม้ไม่กระดิก มองไกล ๆ จะเห็นเปลวแดด  ต้นสักที่ปลูกตามข้างถนน ใบล่วงหมดและเริ่มมีใบอ่อนขึ้นมาแซม  อุทัยธานี เป็นจังหวัดหนึ่งที่จะร้อนมากครับ

                               อีกสักพักผมกะว่าจะลองไปเดินดูตลาดสดที่อำเภอลานสัก  ดูว่าจะมีมะม่วงอกร่องขายหรือเปล่าถ้ามีก็จะซื้อ แต่ตามข้างทางที่ผ่านมาเห็นมีแต่มะม่วงน้ำดอกไม้วางขายจำนวนมาก และมีร้านข้าวหลามขายข้างทางหลายร้าน จะลองหาไปรับประทานเพื่อทดสอบฝีมือกับทางบ้านผม

                                ผมต้องรอจนถึงบ่ายสองโมงครึ่ง จึงจะไปรับคนที่ดูแลแม่กลับสิงห์บุรี  มองหาร้านหมอนวด จะได้พักสายตา ถ้าไม่มีคงต้องพึ่งวัดเพื่อหาโอกาสปฏิบัติธรรม เป็นการฆ่าเวลา เห็นมีป้ายบอกมาหนึ่งวัดเป็นวัดป่า  น่าสนใจเหมือนกัน

                                จะแวะไปหุบป่าตาด  คงจะร้อนมาก เพราะไม่มีลม  ทางเลือกอีกทางคือ ปั้มบางจาก ครับ

                                อากาศร้อนอบอ้าวจริงๆ ลมไม่พัดเลย ใบต้นสักริมทางไม่กระดิกเลย

                                สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5447 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 13:10:53 »



to.jpg[/img]



พระพุทธรูปภายในวัดและผู้เยี่ยมชมครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5448 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 13:12:36 »

ผมสงสัย !



นี่คือพระพุทธเมตตา ที่ผมถ่าย โดยไม่ใช้แฟลต



นี่คือพระพุทธเมตตา ที่คุณเดี่ยว (เจ้าหน้าที่ทับทิมเทศทัวร์) ถ่ายแล้วส่งมาให้ โดยใช้แฟลต



                            ข้อที่หน้าสังเกต คือ ทำไมผมถ่าย จีวรของท่านจึงเป็นสีกรัก !

                            แต่ทำไม คุณเดี่ยวถ่าย จีวรของท่านจึงเป็นสีเหลือง !

                            ถ้า ดร.กุศล ถ่ายภาพเอาไว้ ขอให้เอามาลงเปรียบเทียบดูด้วยครับ จักขอบพระคุณมาก

                            และต้องขอให้คุณ อดิศร  ช่วยชี้แจงให้ทราบด้วยครับ

                            ผมยังนั่งอยู่ที่ร้านแตน เป็นการฆ่าเวลา ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5449 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2555, 13:21:38 »





2รูปนี้ กุศลถ่าย
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 216 217 [218] 219 220 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><