07 กรกฎาคม 2567, 21:30:02
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 209 210 [211] 212 213 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3358428 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 11 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5250 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 19:03:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2555, 13:36:07
สวัสดีครับ  ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       เห็ยแผ่นป้ายในห้องน้ำ แสดงหลักการง่าย ๆ เกี่ยวกับ "โรคต่อมลุกหมากโต" ที่สุภาพบุรุษทุกท่าน จะต้องเป็น  ชอบใจเลยขอเอามานำเสมอให้ทุกท่านได้รู้เอาไว้ครับ

                       สวัสดี



ต่อมลูกหมากโต Benigh prostatic hypertrophy

ต่อมลูกหมากโตคืออะไร



                       เมื่อผู้ชายเริ่มย่างเข้าอายุ 40 ปีต่อมลูกหมากจะโตเมื่ออายุมากขึ้นก็จะพบผู้ป่วยที่ต่อมลูกหมากโต จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ80จะมีต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมาก จะเริ่มโตจากด้านในดังนั้นก็จะกดท่อปัสสาวะทำให้ปัสสาวะลำบาก เมื่อปัสสาวะลำบาก ทำให้ปัสสาวะออกไม่หมดเหลือปัสสาวะบางส่วนในกระเพาะปัสสาวะ เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้การที่ทางเดินปัสสาวะถูกกดอาจจะทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดีและอาจจะเกิดไตวายได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

ต่อมลูกหมากโตเป็นโรคเดียวกับมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่

                       ต่อมลูกหมากโตเป็นเพียงมีเซลล์เพิ่มขึ้นไม่ใช่มะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ป่วยส่วนมากแม้จะมีต่อมลูกหมากโตแต่ก็ไม่มีอาการ

ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตจะมีอาการอะไรบ้าง

                       อาการของต่อมลูกหมากโตเกิดจากต่อมลูกหมากโตกดท่อปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะแคบ ระยะแรกของโรคกระเพาะปัสสาวะยังแข็งแรงสามารถบีบตัวไล่ปัสสาวะออกได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรงไม่สามารถบีบตัวไล่ปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะสะดุด ผู้ป่วยบางคนอาจจะไม่มีอาการจนได้รับประทานยาแก้หวัด ผลข้างเคียงของยาแก้หวัดทำให้เกิดอาการปัสสาวะไม่ออก อาการที่พบได้บ่อยคือ

                       •   ปัสสาวะไม่สุดเหมือนคนที่ยังไม่ได้ปัสสาวะ

                       •   ปัสสาวะบ่อย

                       •   ปัสสาวะสะดุดขณะปัสสาวะ

                       •   อั้นปัสสาวะไม่อยู่

                       •   ปัสสาวะไม่พุ่ง

                       •   ปัสสาวะต้องเบ่งเมื่อเริ่มปัสสาวะ

                       •   ต้องตื่นกลางคืนเนื่องจากปวดปัสสาวะ

                       ถ้าหากผู้ป่วยยังไม่รักษาก็อาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้แก่ กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไม่ดีเกิดการคั่งของปัสสาวะและเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ไตเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะเล็ด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ


การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต

                        •   เมื่อผู้ป่วยที่สงสัยว่าต่อมลูกหมากโตไปพบแพทย์  แพทย์จะถามประวัติเพื่อประเมินความรุนแรงของต่อมลูกหมาก

                        •   ซักประวัติเกี่ยวกับโรคทั่วไป

                        •   ตรวจร่างกายทั่วไป

                        •   ตรวจต่อมลูกหมากโดยการตรวจทางทวารหนัก

                        •   ตรวจปัสสาวะเพื่อหาว่ามีเลือดหรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

                        •   ตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของไตและตรวจ Prostate-specific antigen (PSA) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตจากต่อมลูกหมากค่านี้จะสูงในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

                        •   การตรวจส่องกล้อง cystoscope เพื่อดูต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะเป็นการตรวจที่ได้ข้อมูลมาก

                        •   การตรวจ x-ray เรียก urogram หรือ IVP [ intravenous pyelography] โดยการฉีดสีเข้าหลอดเลือดดำและเมื่อสีขับเข้ากระเพาะปัสสาวะแพทย์จะสามารถเห็นตำแหน่งและความรุนแรงของการอุดกลั้นปัสสาวะ

                        •   การตรวจ ultrasound สามารถเห็นต่อมลูกหมาก ไต และกระเพาะปัสสาวะโดยทำผ่านทางทวารหนัก

                        •   การตรวจ Uroflowmetry เพื่อดูว่าทางเดินปัสสาวะถูกอุดมากน้อยแค่ไหน

เมื่อไรจะรักษาต่อมลูกหมากโต

                      ต่อมลูกหมากโตหากไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องรักษาจะรักษาเมื่อมีอาการมากหรือไตเริ่มทำงานไม่ดี

การรักษาต่อมลูกหมากโตมีได้กี่วิธี

                      1.   Watchful waiting ถ้าต่อมลูกหมากที่โตไม่เกิดอาการท่านและแพทย์ที่ดูแลท่านอาจจะตกลงว่ายังไม่จำเป็นต้องให้ยา หรือการรักษาอย่างอื่นแต่ท่านต้องตรวจตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะประเมินว่าต่อมลูกหมากที่โตเกิดปัญหาต่อสุขภาพหรือยัง ผู้ป่วยที่ต่อมลูกหมากโตไม่มากประมาณ1/3อาการจะดีขึ้นเองแพทย์จะแนะนำมิให้รับประทานยาลดน้ำมูกเพราะจะทำให้อาการแย่ลง ผู้ป่วยที่ใช้วิธีเฝ้าคอย บางท่านอาการดีขึ้น บางท่านอาการคงที่บางท่านอาการแย่ลง

                       2.   Alfa blocker drug treatment เป็นยาที่ทำให้กล้ามเนื้อในต่อมลูกหมากคลายตัว ยานี้ไม่ได้โรคแทรกซ้อนหรือทำให้ต่อมลูกหมากลดลงยาที่มีอยู่คือ doxazosin , prazosin

                                    •   terazosin ยาจะขยายกล้ามเนื้อของหลอดเลือดและของต่อมลูกหมากทำให้ความดันโลหิตลดลงและทำให้ปัสสาวะคล่องขึ้น

                                    •   Finasteride ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ต่อฮอร์โมนเพศชาย testosterone รับประทานวันละครั้ง ยาตัวนี้จะทำให้ขนาดของต่อมลูกหมากเล็กลงอาการผู้ป่วยจะดีหลังจากรับประทานไป 6 เดือนผลข้างเคียงของยาคือลดความต้องการทางเพศ

                       3.   การรักษาต่อมลูกหมากโตโดยไม่ใช้วิธีผ่าตัดได้แก่

                                    •   Transurethral Microwave Procedures โดยการใช้ความร้อนจาก Microwave ทำลายเนื้อต่อมลูกหมากผ่านทางท่อปัสสาวะเรียกการรักษานี้ว่า transurethral microwave thermotherapy (TUMT) การรักษานี้จะทำให้ปัสสาวะไหลดีขึ้นการรักษาวิธีนี้ไม่ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดหรือความรู้สึกทางเพศลดลง

                                    •   Transurethral Needle Ablation (TUNA) โดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุทำลายต่อมลูกหมากการรักษาวิธีนี้ไม่ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดหรือความรู้สึกทางเพศลดลง

                       5.   Ballon dilatation โดยการสวนสายเข้าในท่อปัสสาวะและปลายสายมี ballon เพื่อขยายท่อปัสสาวะส่วนที่ต่อมลูกหมากอยู่ผลคือปัสสาวะจะไหลออกดีขึ้น ข้อเสียอาจจะมีเลือดออกและเกิดการติดเชื้อ

                       6.   การผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาต่อมลูกหมากโตแต่ก็มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย

ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดต่อมลูกหมากโต

                                     •   ปัสสาวะไม่ออก

                                     •   ปัสสาวะล้นไปที่ไตทำให้ไตเสื่อม

                                     •   มีการติดเชื้อปัสสาวะบ่อย

                                     •   มีเลือดออกทางเดินปัสสาวะ

                                     •   มีนิ่วทางเดินปัสสาวะ

วิธีการผ่าตัดมีกี่วิธี

                      1.   Transurethral resection of the prostate (TURP) โดยการใส่เครื่องมือเข้าทางท่อปัสสาวะและใช้เครื่องมือตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก หลังจากผ่าตัดผู้ป่วยยังคงต้องคาสายสวนปัสสาวะอีก 2-3 วัน

                      2.   Transurethral incision of the prostate (TUIP) ใช้ในกรณีที่ต่อมลูกหมากไม่โตมากโดยใช้เครื่องมือใส่เข้าท่อปัสสาวะแล้วกรีดต่อมลูกหมาก 2-3 รอยไม่มีการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากซึ่งจะลดความดันในต่อมลูกหมากทำให้ปัสสาวะออกง่ายขึ้น

                      3.   Open prostatectomy ใช้กรณีที่ต่อมลูกหมากโตมากโดยผ่าตัดผ่านทางหน้าท้องแล้วเอาต่อมลูกหมากออก

                      4.   Laser Surgery โดยการใส่เครื่องมือเข้าทางท่อปัสสาวะและปล่อยรังสีที่ต่อมลูกหมากความร้อนจากรังสีจะทำลายเนื้อต่อมลูกหมาก

หลังการผ่าตัดจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
 
                     หลังการผ่าตัดจะต้องนอนโรงพยาบาล 3-10 วันโดยมีการคาสายสวนปัสสาวะไว้เพื่อล้างกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากหลังการผ่าตัดจะมีเลือดออกได้หลายวัน หลังการผ่าตัดแผลยังอาจจะหายไม่ดีจึงมีข้อควรปฏิบัติดังนี้

                     •   ดื่มน้ำมากกว่าวันละ 8 แก้ว

                     •   เวลาถ่ายอุจาระอย่าเบ่งมาก

                     •   รับประทานผักและผลไม้ให้มากเพื่อป้องกันท้องผูก

                     •   อย่ายกของหนัก

                     •   หลีกเลี่ยงการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร

โรคแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

                     1. หลังจากเอาสายสวนท่อปัสสาวะออกจะรู้สึกปัสสาวะแรงขึ้นและอาจจะมีอาการปวดขัดในช่วงแรก

                     2. กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ซึ่งเป็นช่วงแรกของการผ่าตัด

                     3. อาจจะมีเลือดออกได้ หากปัสสาวะมีเลือดออกไม่หยุดให้ปรึกษาแพทย์

                     4. โรคแทรกซ้อนเกี่ยวกับความรู้สึกทางเพศ

                                    • การแข็งตัวของอวัยวะเพศ ถ้าหากก่อนผ่าตัดอวัยวะเพศสามารถแข็งตัวได้หลังผ่าตัดก็แข็งตัวได้เนื่องจากการผ่าตัดไม่ทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง

                                    • การหลั่งน้ำเชื้อ ผู้ป่วยเมื่อร่วมเพศและถึงจุดสุดยอดแต่จะไม่มีการหลั่งน้ำออกเนื่องจากน้ำเชื้อจะไหลกลับเข้ากระเพาะปัสสาวะซึ่งไม่อันตราย

                                    • การถึงจุดสุดยอด ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทำการบ้านได้ดีเหมือนก่อนผ่าตัด


พี่สิงห์

ผมไปตรวจสุขภาพประจำปีนี้มาแล้ว เมื่อวันที่ 25 มกราคม 55 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสารบ่งชี้มะเร็ง 3 ตัว

สารบ่งชี้มะเร็ง                                                 ผลตรวจ                            ค่าปกติ
-สารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ (CEA)                             2.1   ng/ml                       0 - 5.0 ng/ml
-สารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)                                 3.97 ng/ml                       0 - 15  ng/ml
-สารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (PSA)                   0.7   ng/ml                       0 - 4    ng/ml

แปรผล: ผลการตรวจสารบ่งชี้มะเร็งอยู่ในเกณฑ์ปกติ
คำแนะนำของแพทย์:             -
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #5251 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 19:39:31 »

หยีก็ยังอยู่นะคะ  พี่สิงห์ ..
แต่ช่วงนี้งานมากหน่อย หลายเรื่อง
จึงไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน

ดีใจที่เห็นคุณแม่หน้าตาสดใส และรู้สึกสบายตัวขึ้น
พี่สิงห์ดูแลคุณแม่และครอบครัวได้อย่างเยี่ยมยอดเลยค่ะ .. ขอแสดงความนับถืออย่างที่สุด
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5252 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 20:30:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2555, 16:37:51
นำมาฝากพี่สิงห์ครับ



ขอบคุณมากครับ ท่าน Khun28
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5253 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 20:40:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2555, 19:39:31
หยีก็ยังอยู่นะคะ  พี่สิงห์ ..
แต่ช่วงนี้งานมากหน่อย หลายเรื่อง
จึงไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน

ดีใจที่เห็นคุณแม่หน้าตาสดใส และรู้สึกสบายตัวขึ้น
พี่สิงห์ดูแลคุณแม่และครอบครัวได้อย่างเยี่ยมยอดเลยค่ะ .. ขอแสดงความนับถืออย่างที่สุด


สวัสดีค่ะ คุณน้องยาหยี ที่รัก

                    ตอนนี้จิตน้องสาวก็ดีขึ้น  ผมให้เลิกกินยาควบคุมระบบปราสาท ให้รักษาแพทย์ทางเลือกแทน มันอยู่ที่จิตเราเอง  อย่าไปคิดว่าต้องกินยาควบคุมเท่านั้น  อย่าปรุงแต่ง และให้ฝึกจิตให้มากขึ้น คือมีสติจากการเคลื่อนไหว ในกิจกรรม SKT ที่เขาไปอบรมมา และวันนี้ก็บอกเขาว่าให้รู้จักปล่อยวาง ตอนนี้มีครบทุกอย่าง  ไม่เดือดร้อนอะไรเลย ทุกอย่างที่เห็นที่มีเป็นของนอกกายทั้งนั้น  ตายก็เอาไปไม่ได้  สู้รักษาตัวเราให้รู้สึกตัวตลอดเวลาดีกว่า  เขาก็รับฟัง  ต้องใช้เวลา ครับ

                     วันนี้แม่แจ่มใส มีสติคุยรู้เรื่อง  แม่สัญญากับผมว่า จะรอผมกลับจากอินเดียแน่นอน ผมจะเอาบุญมาฝากท่าน  แม่คงอยู่ได้อีกนานครับ  ตอนนี้พยายามรักษาแผลที่หัวนิ้วโป้งที่เท้า และสะโพก ให้หายครับ

                     ขอบคุณเธอมาก

                     สวัสดีค่ะ 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5254 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 20:45:48 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                       กลับจากอินเดียแล้ว  ผมคงจะตรวจร่างกายประจำปีเหมือนกัน ครับ  แต่ช่วงนี้ ออกกำลังกายน้อยไป เพราะมัวอยู่กับแม่  แต่เวลาอยู่ที่นครศรีธรรมราช  ออกกำลังกายมากหน่อย

                      พรุ่งนี้ ผมต้องไปทำงานที่นครศรีธรรมราชครับ กลับวันเสาร์เย็น

                      สำหรับแม่อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ คงให้อยู่ที่โรงพยาบาลตลอดไป ครับเพื่อความสบายของแม่

                      สวัสดี และราตรีสวัสดิ์ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5255 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 20:50:52 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                       พี่สิงห์ จะฝากหนังสือหลวงปู้ดูลย์  ที่จะเอาไปให้คุณน้องจันทร์ฉาย ไว้กับ ดร.สุริยา  และถ้าหนังสือสวดมนต์พร้อมคำแปลเสร็จทัน   จะฝากคุณอดิศร  เอาไปให้ด้วยครับ

                       สวัสดี
 
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #5256 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555, 22:57:37 »

  สวัสดีค่ะพี่สิงห์   น้ำอ้อยตามอ่านธรรมะ เรื่อยๆค่ะดีมากๆค่ะบางเรื่องได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ
แต่ไม่ค่อยได้ตอบค่ะเพราะพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ...ขอให้คุณแม่พี่สิงห์มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ...เดินทางไปอินเดียโดยสวัสดิภาพค่ะ...
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5257 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 08:28:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 01 กุมภาพันธ์ 2555, 22:57:37
  สวัสดีค่ะพี่สิงห์   น้ำอ้อยตามอ่านธรรมะ เรื่อยๆค่ะดีมากๆค่ะบางเรื่องได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ
แต่ไม่ค่อยได้ตอบค่ะเพราะพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ...ขอให้คุณแม่พี่สิงห์มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ...เดินทางไปอินเดียโดยสวัสดิภาพค่ะ...

สวัสดีค่ะ คุณน้องน้ำอ้อย ที่รัก

                   ขอบคุณมากค่ะ

                   จริง ๆ พี่สิงห์ ก็คุยไม่เก่งหรอก  ใจมันอยากเขียนอะไร ก็เขียนไปตามนั้น  ดีไม่ดีว่ากันอีกที  บ่อยๆ เข้ามันก็ดีเอง  การเขียนก็สามารถทำให้เรามีสติ สมาธิ  เอาไว้เตือนตัวเองก่อนใคร เพราะเราเป็นผู้เขียน  ต้องรู้  ต้องเข้าใจ  จึงจะเขียนได้  ส่วนที่ลอกเขามา  เราก็ได้อ่าน ได้พิจารณาแล้วว่ามันดี  มีประโยชน์ ก็เขียนขึ้นมาเอาไว้ให้เจริญปัญญา กัน

                   สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5258 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 09:04:27 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       วันนี้พี่สิงห์ อยู่บ้าน ได้ตื่นขึ้นมาในช่วงอมฤตกาล ปฏิบัติธรรมยามเช้าตรู่ และหุงข้าวเอาไว้ใส่บาตรพระยามเช้า  วันนี้หลวงพ่อวัดลาดพร้าว ท่านมาสาย คือ 07:30 น.  ท่านคงเสียเวลาไปกับญาติโยม รับบริจาคเงินเพื่อจะส่งพระไปปฏิบัติธรรมที่วัดไทยในเยอรมันนี ผมก็ร่วมบริจาคไปด้วยนิดหน่อยครับ

                        ทุกครั้งที่ผมก่อนจะใส่บาตรพระ ผมจะถวยทานก่อนคือ "อิมานิ มะยังภันเต ภัตตานิ  สะปะริวารานิ  ภิกขูสังฆัสสะ  สามเณรสะ  โอโนชะยามะ  สาธุโณภันเต  ภิกขุสังโข  สามเณโร  อิมานิ ภัตตานิ  สะปะริวารานิ   ปะฏิคันหาตุ  อัมห่ากัง  ฑีฆาราตัง หิตายะ  สุขายะ  ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์และสามเณรผู้เจริญ  ข้าพเจ้าทั้งหลาย  ขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหาร พร้อมทั้งเครื่องบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ขอพระภิกษุสงฆ์และสามเณร จงรับซึ่งภัตตาหารและเครื่องบริวารทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข  ของข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ"

                        ดังนั้นวันนี้ ผมจึงต้องเดินจงกรมหน้าบ้านนาน จนเหงื่อออกเลยทีเดียว ทำให้ได้ทั้งบุญและสุขภาพครับ

                        และเช่นเคย  ดร.สุริยา  ของที่แบกอยู่บนไหล่ขณะนี้มันหนัก  อายุปูนนี้แล้ว  จะยังคงแบกมันไว้อยู่ทำไม  ทำงานนั้นมันเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อรายได้ แต่อย่าไปแบกเอาไว้บนบ่าให้มันหนักเลย  ทุกข์ก็เช่นเดียวกัน เอาทิ้งเสียบ้าง ด้วยการเข้าไปรับรู้ แต่อย่าเป็นทุกข์ คืออย่าปรุงแต่ง หรือยาก ในเมื่อวิญญาณ(ความรับรู้)มันสัมผัสได้จากอายตนะ ๖ คืออย่ายินดียินร้ายในสิ่งที่ ตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้ลิ้มรส  กายได้สัมผัส และอย่าปล่อยใจนึกคิด เพียงสำรวมเอาไว้ให้อยู่ด้วยการวางอุเบกขาเพียงแค่อึดใจเดียว เพราะสิ่งที่จิตมันปรุงแต่งนั้น มันเกิดขึ้น มันก็ดับไปเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น เพราะมันไม่มีตัวตน มันคงอยู่ไม่ได้ เพียงขอให้เราสำรวมใจด้วยอุเบกขา เท่านั้น  พูดง่าย แต่ไม่เหลือวิสัยที่จะทำได้ ครับ

                        เช้านั้ ผมขอนำ "แก่นพระพุทธศาสนา" ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต) มาให้ทุกท่านได้เจริญปัญญาต่อครับ
                        
                        สวัสดี




-๒-

แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

โดย

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต)

ตอน ๕

บนฐานแห่งธรรมชาติ  มนุษย์ผู้เป็นสัตว์ต้องศึกษา

พระพุทธเจ้าทรงตั้งหลัก พระรัตนตรัย ขึ้นมา


      หลักพระพุทธศาสนาตรงนี้สำคัญที่สุด  เพราะมนุษย์ฝึกได้  ฝึกตนเองได้  และเมื่อฝึกแล้วประเสริฐสุด  การที่ยก “พระรัตนตรัย” ขึ้นมาตั้งเป็นหลักก็เพราะความจริงข้อนี้ คือ

      ก). พระพุทธเจ้าทรงเป็นต้นแบบ  โดยเป็นสรณะ  คือเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกว่า  อันตัวเรานี้ก็เป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง  พระพุทธเจ้าเมื่อก่อนที่จะทรงฝึก  พระองค์ก็เป็นมนุษย์อย่างพวกเรานี้  เราจึงมีศักยภาพที่จะฝึกให้ประเสริฐอย่างพระพุทธเจ้าได้

      พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ประเสริฐสูงสุด  ได้ตรัสรู้สัจธรรม มีพระคุณสมบัติสมบูรณ์ทุกประการ  การที่ทรงมีพระคุณสูงเลิศอย่างนั้นได้ก็เพราะได้ทรงฝึกพระองค์  ดังที่เรียกว่า ทรงบำเพ็ญบารมีมากมายจนเต็มบริบูรณ์

      เราจึงตั้ง “พุทธะ”  ขึ้นมาเป็นแม่แบบว่า  ดูสิ  มนุษย์ผู้ฝึกดีถึงที่สุดแล้ว  พัฒนาดีแล้ว  จะมีปัญญารู้สัจธรรม  บริสุทธิ์หลุดพ้น เป็นอิสสระ  อยู่เหนือโลกธรรม  มีความสุข  มีชีวิตที่ดีงาม  มีคุณธรรม  ความดีงามที่สมบูรณ์  เป็นที่พึ่งของชาวโลก  เลิศประเสริฐขนาดนี้

      พอระลึกอย่างนี้ก็เกิดศรัทธาที่เรียกว่า ตถาคตโพธิสัทธา  คือเชื่อในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  ซึ่งมีความหมายต่อไปอีกว่า  เชื่อในปัญญาที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นพุทธะ  เพราะฉะนั้น  การที่ถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะนั้น  ความหมายอยู่ที่นี่  คือ

                              ๑.ทำให้เกิดศรัทธาที่โยงตัวเราเข้าไปหาพระพุทธเจ้าว่า  จากความเป็นมนุษย์อย่างเรานี้  พระองค์ได้บำเพ็ญบารมีฝึกฝนพระองค์จนเป็นพระพุทธเจ้า  เราก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน  ถ้าเราฝึกตนจริงจังให้ถึงที่สุด  เราก็จะเป็นอย่างพระองค์ได้  ทำให้เราเกิดความมั่นใจว่า เรามีศักยภาพที่จะฝึกให้เป็นอย่างพระพุทธเจ้าได้

                              ๒.เตือนใจให้ระลึกถึงหน้าที่ของตนเองว่า เราเป็นมนุษย์  ซึ่งจะดีเลิศประเสริฐได้ด้วยการฝึกฝนพัฒนาตน  การฝึกฝนพัฒนาตนเป็นหน้าที่แห่งชีวิตของเราหรือของชีวิตที่ดี  เราจะต้องฝึกศึกษาพัฒนาตนอยู่เสมอ

                              ๓.ให้เกิดกำลังใจว่า การฝึกฝนพัฒนาตนนี้  พระพุทธเจ้าได้ทรงทำมาจนสำเร็จผลสมบูรณ์แล้วเป็นตัวอย่าง  พระองค์ทำได้ แสดงว่า เราก็สามารถทำได้  แม้ว่าการฝึกศึกษานั้น  บางครั้งจะยากมาก  อาจทำให้เราชักจะย่อท้อ  แต่เมื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าว่า พระองค์เคยประสบความยากลำบากมากกว่าเรานักหนา  พระองค์ก็ก้าวฝ่าผ่านลุล่วงไปได้  เราก็จะเกิดกำลังใจที่จะฝึกตนต่อไป

                              ๔.ได้วิธีลัดจากประสบการณ์ของพระองค์  พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติมา  ลำบากยากเย็นอย่างยิ่ง  ต้องลองผิดลองถูก  บำเพ็ญบารมีกว่าจะเป็น พุทธะ ได้ เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้วก็ทรงประมวลประสบการณ์ของพระองค์มาวางเป็นหลักเป็นลำดับสอนเราให้เข้าใจง่ายขึ้น  เท่ากับบอกวิธีลัดให้เราสำเร็จรูป  จากประสบการณ์ของพระองค์  ซึ่งเราเอามาใช้ได้ทันที  ไม่ต้องยากลำบากอย่างพระองค์

                  การระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ได้ประโยชน์ถึง ๔ ประการ อย่างนี้ เราจึงตั้งพระพุทธเจ้าเป็นองค์แรกของพระรัตนตรัย  เป็นสรณะ ข้อที่ ๑

                  ข). เมื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นแม่แบบแล้วก็คิดจะฝึกศึกษา พัฒนาตน  ทีนี้การที่จะพัฒนาตัวเองได้ก็ต้องรู้หลักรู้ความจริงของกฏธรรมชาติ คือธรรมะ  และต้องปฏิบัติตามธรรมนั้น  เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงเป็นจุดเริ่มที่นำเราเข้าไปสู่ ธรรมะ  พูดง่าย ๆ ว่า  จาก พุทธะ โยงไปหา “ธรรมะ”  ซึ่งก็คือตัวความจริงของธรรมชาติที่มนุษย์จะต้องรู้และนำมาใช้ปฏิบัติ

                  ค). อย่างไรก็ตาม  การที่จะรู้ธรรมและปฏิบัติตามธรรมให้เป็นอย่างพระพุทธเจ้านั้น  มนุษย์โดยทั่วไปไม่ได้ฝึกตนมามากมายถึงขั้นที่จะรู้และทำได้เองอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  และก็ไม่จำเป็นต้องฝึกถึงขนาดนั้น  เพราะเรามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงรู้ธรรม รู้ทางและบอกวิธีให้แล้ว  เราก็ไปฟังคำสอนจากพระองค์และปฏิบัติตาม  โดยถือเอาพระองค์เป็นแบบอย่าง

                  แต่ถ้าเราอยู่ห่างไกลพระพุทธเจ้า หรือพระองค์ปรินิพพานแล้ว เราก็เล่าเรียนสดับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระสงฆ์ที่ได้รักษาสืบต่อคำสอนของพระองค์มาถึงพวกเรา

                  แม้จะได้สดับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระสงฆ์รักษา สืบทอดไว้ให้แล้ว  ตามปกติมนุษย์ทั่วไปจะปฏิบัติธรรม ฝึกตนให้ก้าวหน้าโดยลำพังตนเองได้ยาก  มนุษย์โดยทั่วไปนั้นต้องอาศัยบุคคลและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ช่วยเกื้อหนุน  โดยเฉพาะสิ่งที่เกื้อหนุนได้ดีที่สุดก็คือ ชุมชนที่จัดตั้งไว้อย่างดี  ที่เรียกว่า “สังฆะ”

                 ในชุมชนแห่งสังฆะ นั้น  นอกจากมีท่านที่ได้ฟังได้รู้ได้ฝึกปฏิบัติธรรมมาก่อน  เช่น  ครู  อาจารย์  ที่จะเป็นกัลยาณมิตรช่วยแนะนำฝึกสอนเราแล้ว  ระบบความเป็นอยู่  วิถีชีวิต  การสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชุมชน  การจัดสรรสิ่งแวดล้อม  และบรรยากาศของชุมชนนั้นเอง  ทุกอย่างจะเอื้อช่วยเกื้อหนุนให้เรา ฝึกตนก้าวไปในการรู้และปฏิบัติธรรมได้อย่างดีที่สุด

                 ชุมชนแห่งสังฆะนี้  นอกจากเราจะได้อาศัยช่วยให้ตัวเราก้าวหน้าไปในการรู้และทำตามธรรมโดยมีกัลยาณมิตรเกื้อหนุนแล้ว  เราเองเมื่อก้าวหน้าไปเป็นกัลยาณมิตรเกื้อหนุนผู้อื่นด้วย  และสังฆะก็เป็นแหล่งที่จะดำรงรักษาระบบและวิถีชีวิตที่ดีงามผาสุกไว้ให้แก่โลก

                 อนึ่งมนุษย์ถึงจะมีศักยภาพที่จะเป็นอย่างเดียวกับพระพุทธเจ้า แต่ระหว่างปฏิบัติ เราก็จะมีการพัฒนาการระดับต่าง ๆ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็เป็น พุทธะ ได้ทันที  มนุษย์ทั้งหลายที่ปฏิบัติตามธรรมโดยมีพัฒนาการในระดับต่าง ๆ นั้นก็รวมกันเป็นชุมชนที่ดีงาม  ประเสริฐ  คือสังฆะ นี้   ซึ่งถ้าเรียกตามภาษาปัจจุบันก็คือ “สังคมอุดมคติ”

                 มนุษย์เราทุกคนควรจะมีส่วนได้อาศัยและร่วมสร้างชุมชนนี้ขึ้นมาให้ได้  ด้วยการฝึกศึกษาพัฒนาตัวเองของแต่ละคนขึ้นไป

                 สุดยอดของมนุษย์คือ พุทธะ แก่นแท้ของธรรมชาติคือ  ธรรมะ จุดหมายของสังคมคือ สังฆะ

                 เพราะฉะนั้น  หลักพระรัตนตรัย ก็คือ หลักอุดมคติ ที่เป็นจุดหมาย  เป็นอุดมการณ์ เป็นหลักการสำหรับชาวพุทธ  ซึ่งจะต้องยึดถือว่า

                  ๑.เตือนใจเราให้ระลึกถึงศักยภาพของตัวเอง  และให้ปฏิบัตรหน้าที่ในการพัฒนาตนเอง ให้เป็นอย่าง พุทธะ

                 ๒. เตือนใจให้ระลึกว่า  การที่จะพัฒนาตนให้สำเร็จนั้น ต้องรู้เข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักความจริงของกฏธรรมชาติ  คือธรรมะ

                 ๓. เตือนใจให้ระลึกว่า  เราแต่ละคนจะร่วมอาศัยและร่วมสร้างสังคมอุดมคติ ด้วยการมี / เป็นกัลยาณมิตร และเจริญงอกงามขึ้นในชุมชนแห่งอารยชนหรืออริยบุคคลที่เรียกว่า สังฆะ

                  นี่คือ หลักพระรัตนตรัย  จะเห็นว่าทั้งสามหลักโยงถึงกันหมด
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5259 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 09:18:40 »
















สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                      หนังสือสวดมนต์ ที่พี่สิงห์ ได้จัดทำขึ้น  โดยคุณอดิศร(เล็ก) ได้ช่วยเป็นธุระให้ในทุกเรื่อง ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ  ผมต้องขอขอบคุณ  คุณอดิศร และท่านขุน๒๘ เป็นอย่างยิ่ง  ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้สำเร็จลงได้ ตามที่ได้ตั้งใจไว้

                      คุณอดิศร  แจ้งว่าคงเสร็จภายในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ครับ ใครที่จองไว้ ผมจะฝาก ดร.สุริยา เอาไปให้ ในวันคืนสู่เหย้า ครับ

                      สวัสดีครับ

                
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5260 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:04:36 »

                     
                       วันนี้อากาศที่ กทม. ไม่ดีเลย ฝนตก  คลื้มฝน  ไม่มีแดด

                       อากาศแบบนี้ ต้องระวังสุขภาพครับ โดยเฉพาะโรคหวัด

                       ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  วันนี้นั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิ้ง ครับก็ดีเหมือนกัน ประหยัดเงิน

                       สนามบินสุวรรณภูมิแออัดไปด้วยผู้โดยสาร จำนวนมาก 

                       เมื่อไร? สนามบินดอนเมืองจะเปิดบริการเสียที  คิดถึง

                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5261 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:11:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:04:36
                     
                       วันนี้อากาศที่ กทม. ไม่ดีเลย ฝนตก  คลื้มฝน  ไม่มีแดด

                       อากาศแบบนี้ ต้องระวังสุขภาพครับ โดยเฉพาะโรคหวัด

                       ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  วันนี้นั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิ้ง ครับก็ดีเหมือนกัน ประหยัดเงิน

                       สนามบินสุวรรณภูมิแออัดไปด้วยผู้โดยสาร จำนวนมาก 

                       เมื่อไร? สนามบินดอนเมืองจะเปิดบริการเสียที  คิดถึง

                       สวัสดีครับ

แล้วกัน ยังไม่ได้งบซ่อมรันเวย์เลยครับ จะกลับมาใช้งานได้ไง
เดี๋ยวอีกครึ่งปีก็น้ำท่วมอีกแล้ว
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5262 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:18:11 »

ประกาศ


                             วันที่ ๑๑-๑๒ กุมภาพันธ์นี้ ศกนี้  คุณน้องเน๊ะ  เภสัชกรคนสวยแห่งโรงพยาบาลบางระจัน  สิงห์บุรี  จะแต่งงานที่บ้าน ใกล้ๆ วัดแหลมคาง หรืออุทยานแม่ลา แหล่งปลาช่อนอร่อย  และจะมีงานฉลองในวันที่ ๒๕  กุมภาพันธ์ เวลา 18:00 น. ที่โรงแรมดรากอน  สิงห์บุรี ใกล้ปั้มน้ำมัน ปตท. ทางไปบางระจัน

                             ชาวซีมะโด่งท่านใด  ที่จะไปร่วมเป็นเกียรติ กับคุณน้องเนีะ เรียนเชิญครับ

                             โล่งอกไปที  ทีแรกนึกว่าจะอยู่แบบพี่ป๋องเสียอีก

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5263 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:22:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:11:11
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:04:36
                     
                       วันนี้อากาศที่ กทม. ไม่ดีเลย ฝนตก  คลื้มฝน  ไม่มีแดด

                       อากาศแบบนี้ ต้องระวังสุขภาพครับ โดยเฉพาะโรคหวัด

                       ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  วันนี้นั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิ้ง ครับก็ดีเหมือนกัน ประหยัดเงิน

                       สนามบินสุวรรณภูมิแออัดไปด้วยผู้โดยสาร จำนวนมาก 

                       เมื่อไร? สนามบินดอนเมืองจะเปิดบริการเสียที  คิดถึง

                       สวัสดีครับ

แล้วกัน ยังไม่ได้งบซ่อมรันเวย์เลยครับ จะกลับมาใช้งานได้ไง
เดี๋ยวอีกครึ่งปีก็น้ำท่วมอีกแล้ว


                     
                      นักบิน Nok Air บอกว่ารันเวย์ไม่เสียหาย

                      เสียหายเฉพาะระบบไฟฟ้า เท่านั้น

                      ปีหน้าน้ำไม่ท้วมแน่นอน แต่จะไม่มีน้ำใช้ในการเกษตร เหตุผล กรมชลประทานเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนอย่างต่อเนื่องทุกเขื่อน เพื่อรองรับพายุ ได้ ๔ ลูก พูดง่าย ๆ น้ำมีเพียงครึ่งอ่างเท่านั้น เอวังด้วยประการฉะนี้
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5264 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:32:05 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์ ...  ติดตามอ่านครับ


ช่วงนี้ ผมรับงานหลาย Job ครับ... เข้ามาแล้ว ก็เลยหมดแรงพิมพ์
  เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5265 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 20:35:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 02 กุมภาพันธ์ 2555, 14:32:05
สวัสดีครับ พี่สิงห์ ...  ติดตามอ่านครับ


ช่วงนี้ ผมรับงานหลาย Job ครับ... เข้ามาแล้ว ก็เลยหมดแรงพิมพ์
  เหนื่อย

สวัสดีครับ ดร.มนตรี

                        มีงานทำ และเราสนุกกับงาน ทำไปเถอะ ดีทั้งนั้น ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5266 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 20:45:06 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       ผมอยู่นครศรีธรรมราช ครับ เดี๋ยวนี้ Nok Air พัฒนาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง คือตรงเวลามากขึ้น

                       อากาศที่นครศรีธรรมราชสามวันที่ผ่านมาฝนตกทั้งวันทั้งคืนเลย(คนขับรถโรงแรมเล่าให้ฟัง) ผมมองจากบนเครื่องบินลงมา เห็นแต่น้ำท้วม ตามที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติ รอบ ๆ สนามบิน เต็มไปหมดครับ

                       วันนี้เช้าฝนตก แต่บ่ายอากาศแจ่มใส มีแสงแดดจ้า ดังนั้น เมื่อเย็นที่ผ่านมาอากาศดีมากเหมาะกับการออกกำลังกาย ผมจึงเดินจงกรม ๓๐ รอบ หนึ่งชั่วโมง แถมด้วย ชีกง และโยคะ แต่วันนี้เครื่องทำความร้อนสำหรับซาวน่าเสีย  จึงไม่ได้ใช้บริการซาวน่า ต้องมาแช่น้ำอุ่นในห้องพักแทน

                        ที่โรงแรมไม่คึกคัก แขกไม่มาก  สัมนามีไม่มากเนื่องจากโดนตัดงบไปช่วยน้ำท้วมหมด จึงดูเหงาๆ ครับ

                        ช่วงนี้ต้องปฏิบัติธรรมให้มากหน่อยครับ

                        สวัสดีและราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับค่ำนี้ นอนหลับอย่างมีสติ ครับ
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #5267 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2555, 21:38:55 »

หนังสือสวยมากครับพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5268 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 07:38:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 02 กุมภาพันธ์ 2555, 21:38:55
หนังสือสวยมากครับพี่สิงห์

สวัสดีครับ ท่านขุน๒๘

                       ขอบคุณมากที่ชม  ต้องชมอดิศร ครับ เพราะเป็นผู้ออกแบบ จัดทำ ทั้งหมดครับ

                       พี่สิงห์ ไปอินเดียครั้งนี้ (ระหว่าง วันที่ ๘-๑๗ กุมภาพันธ์ ศกนี้) ตั้งใจไปปฏิบัติธรรม ครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5269 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 08:00:45 »

สวัสดียามเช้า ครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                         เช้านี้ผมยังตื่นมาปฏิบัติธรรมตั้งแต่ช่วง อมฤตกาล (เวลา ที่พราหมณ์อินเดียโบราณ ที่ใฝ่หาความหลุดพ้น ตื่นขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการทางจิต คือตั้งแต่ตีสี่) และลงไปเดินจงกรมออกกำลังกาย ชีกง และโยคะ อากาศแจ่มใส่ ไม่มีเมฆ แต่ลมไม่มี ดังนั้น วันนี้เหงื่อท้วมตัวเลยทีเดียว

                         เช้านี้ผมนำ "แก่นแท้ ๆ ของพระพุทธศาสนา" ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต) มานำเสนอ เพื่อเจริญปัญญา  ต่อจากเมื่อวานนี้ครับ

                         อย่าลืมเช้านี้ "งดทำชั่ว  ทำดี  และทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส" จะเป็นมงคลต่อชีวิต ครับ

                         สวัสดี



-๒-

แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

โดย

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต)

ตอน ๖

ความจริงแห่งธรรมดาของโลกและชีวิต

ที่ต้องรู้ให้ทันและวางท่าทีให้ถูก


            ขอย้อนกลับมาที่ธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ที่ฝึกได้  พัฒนาได้  จะเป็นนิวตันก็ได้  เป็นไอน์สไตน์ก็ได้  หรือจะเป็นกวีที่เก่งกาจ  เป็นนักการศึกษา  ฯลฯ  เป็นได้หมด  จนกระทั่งประเสริฐสุด เป็น “พุทธะ” ก็ได้

            เมื่อมนุษย์ประเสริฐด้วยการเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาตนอย่างนี้  ก็เป็นอันว่าโยงกันแล้ว  คือธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่าฝึกฝน พัฒนาได้นั้นก็สอดคล้องกับความเป็นจริงของกฏธรรมชาติ  ย้อนกลับมาหาความจริงข้อแรกของธรรมชาติอีก  คือการที่มนุษย์ผู้ฝึกตนได้จะพัฒนาตนสำเร็จ  จะต้องรู้เข้าใจความจริงของกฏธรรมชาติและปฏิบัติให้ถูกตามกฏนั้น  เช่น  ปฏิบัติตามกฏแห่งเหตุปัจจัย  เป็นต้น

            ในบรรดากฏธรรมชาติทั้งหลาย  กฏใหญ่ก็คือความเป็นไปตาม “เหตุปัจจัย”  ซึ่งเป็นอย่างหนึ่งในหลักใหญ่ที่สุดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ๒ หลัก  คือ

            ๑. หลัก “ไตรลักษณ์” คือ  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา

            ๒. เบื้องหลังความเป็น อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ก็คือกฏธรรมชาติแห่งความเป็นไปตามเหตุปัจจัย  อันได้แก่ “อิทัปปัจจยตา”

            ฉะนั้นต่อจาก “ไตรลักษณ์”  พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนเรื่อง “ปฏิจจสมุปบาท”  หรือที่เรียกเต็มว่า “อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท”  คือความเป็นไปตามเหตุปัจจัยของสิ่งทั้งหลาย

            ถ้าเราเข้าถึงกระบวนการของเหตุปัจจัย  หลักการต่าง ๆ ก็โยงถึงกันแจ่มแจ้งหมด  และเข้าสู่การปฏิบัติในการที่จะฝึกตนได้  แต่ถ้ารู้แค่ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  เรายังทำอะไรไม่ได้  ได้แค่รู้ทันว่า สิ่งทั้งหลายเกิดดับ  เปลี่ยนแปลง  ไม่เที่ยง  ไม่คงที่  คงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้  เป็นไปตามเหตุปัจจัย  ก็ได้ แค่รู้และวางใจ  แต่ยังทำไม่ได้

            แต่พอรู้ว่า  อ้อ...กฏแห่งเหตุปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ก็คือ อิทัปปัจจยตา  ซึ่งเป็นอย่างนี้ ๆ  ตอนนี้ก็เอามาใช้ลงมือทำได้  คือเอามาใช้ในการฝึกฝนพัฒนาตนของมนุษย์  ซึ่งเป็นการเชื่อมระหว่าง “ธรรมชาติพิเศษของมนุษย์กับธรรมชาติสามัญ” ของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
            หันมาดูการนำกฏธรรมชาติมาใช้ในชีวิตมนุษย์

            พระพุทธศาสนามองชีวิตของมนุษย์ ว่าเกิดจากองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกัน  โดยสัมพันธ์กันเป็นระบบและเป็นกระบวนการ  เราจะเข้าใจมันก็ต้องแยกดูองค์ประกอบ  ฉะนั้น ตอนแรกเราก็แยกชีวิตออกก่อน  วิธีแยกง่าย ๆ ขั้นต้นที่สุดก็คือ  แยกองค์ประกอบ  เหมือนอย่างเราเอารถมาคันหนึ่ง  ก็แยกว่ารถคันนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง  สำหรับมนุษย์การแยกอย่างง่ายที่สุด คือแยกเป็น ๒ ได้แก่ “รูปธรรม” กับ “นามธรรม”

            เมื่อแยกละเอียดลงไปอีก  ด้านรูปธรรม หรือร่างกายประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ มาประชุมกันเข้า  มีมหาภูตรูป ๔ อุปาทานรูป ๒๔  และในแต่ละอย่างก็แยกย่อยออกไปอีก

            ส่วนในทางนามธรรม หรือทางใจ ก็แยกออกไปอีกเป็น เวทนา  สัญญา  สังขาร  วิญญาณ  จากนั้น เวทนา ก็แยกย่อยออกไปเป็น เวทนา ๓ หรือเวทนา ๕ หรือเวทนา ๖  สัญญา ก็แยกย่อยออกไปเป็นสัญญา ๖  สังขาร ก็แยกย่อยออกไปต่าง ๆ  เช่นเป็นสัญเจตนา ๖ เป็นเจตสิก ๕๐  และวิญญาณก็แยกออกไปเป็น ๖ เป็น ๘๙ หรือเป็น ๑๒๑ เป็นต้น  แยกออกไป ๆ  ซึ่งเป็นการจำแนกแยกแยะในระบบ “ขันธ์ ๕”

            อย่างนี้เป็นระบบแยกซอย  เป็นการศึกษาธรรมชาติของชีวิตมนุษย์  เหมือนนักวิทยาศาสตร์แยกแยะองค์ประกอบด้านรูปธรรม  แต่ในที่นี้เอาง่าย ๆ  แยกแค่ ๒ เป็น “กายกับใจ” เพราะถ้าแยกมากจะยากยุ่ง  เอาไว้ไปศึกษารายละเอียดทีหลัง

            อย่างไรก็ตาม  ชีวิตมนุษย์ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย  ไม่ใช่ของตาย  ชีวิตต้องเคลื่อนไหว  ดังที่เรียกว่าดำเนินชีวิต  แม้แต่รถยนต์ซึ่งไม่มีชีวิตก็มีการเคลื่อนไหว  เมื่อแยกองค์ประกอบของมันออกดูแล้ว  จากนั้นก็ศึกษาตอนมันวิ่งแล่นว่ามันทำงานอย่างไร  โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบย่อยขณะทำงาน

            ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน  เมื่อแยกส่วนออกดูองค์ประกอบตอนอยู่นิ่งเฉยแล้ว  ก็ต้องศึกษาขณะที่มันดำเนินไปหรือขณะทำงานด้วย  การแยก ๒ แบบนี้ไม่เหมือนกัน  แต่ก่อนจะถึงแบบที่ ๒  ก็ต้องศึกษาแบบที่ ๑ ก่อน

            เหมือนแพทย์ศึกษาชีวิตด้านกาย ต้องศึกษา anatomy คือกายวิภาค  แยกองค์ประกอบให้เห็นอวัยวะต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง  เป็นอย่างไร  แล้วศึกษา physiology คือสรีรวิทยา  ให้รู้ว่า อวัยวะต่าง ๆ  ทำงานอย่างไร  และสัมพันธ์กันอย่างไร  ทั้งเป็นกระบวนการและเป็นระบบ

            ในทางธรรมก็เริ่มด้วยแยกองค์ประกอบที่อยู่นิ่ง ๆ เป็นกายกับใจ  ต่อจากนั้นก็แยกให้เห็นการทำงานเป็นกระบวนการว่า องค์ประกอบทั้งหลายสัมพันธ์เป็นเหตุปัจจัยแก่กันอย่างไร  การแยกองค์ประกอบแบบนี้จะเห็นได้ในหลัก “ปฏิจจสมุปบาท”   ซึ่งมีองค์ประกอบ ๑๒ ส่วน เป็นปัจจัยแก่กันหมุนเวียนไปเป็นวงจร
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #5270 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 08:17:00 »


     พี่สิงห์คะ...

     พี่เปิดให้จองหนังสือตั้งกะเมื่อไหร่คะ?...
     อ้อยอยากได้มั่ง..จองตอนนี้ทันไหมคะ?...เล่มเดียวค่ะ...
     ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ..
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5271 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 09:56:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 08:17:00

     พี่สิงห์คะ...

     พี่เปิดให้จองหนังสือตั้งกะเมื่อไหร่คะ?...
     อ้อยอยากได้มั่ง..จองตอนนี้ทันไหมคะ?...เล่มเดียวค่ะ...
     ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ..

                          ไม่ได้เปิดจอง  แต่ใครอยากได้  จะให้ครับ

                          จะฝาก ดร.สุริยา  เอาไปให้ วันคืนสู่เหย้า

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5272 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 10:58:35 »

พี่สิงห์ ไปแสวงบุญ-ปฏิบัติธรรม ๑๐ วัน ที่ อินเดีย - เนปาล ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕



ตำแหน่งที่พี่สิงห์ยืน คือ ตำแหน่งที่พระพุทธเจ้าประทับยืนภายหลังทรงตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า พญามารมาอาราธนาให้ปรินิพพาน


วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์

                       16:30 น. ณ. สนามบินสุวรรณภูมิ  จุดนัดหมายสายการบิน Jet Airways
                       20:50 น. ออกเดินทางสู่สนามบินกัลกัตต้า
                       21:45 น. ถึงสนามบินเมืองกัลกัตต้า (เวลาที่อินเดีย)
                       22:45 น. คณะออกเดินทางไป วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา เมืองคยา รับพิหาร

วันพฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์

                       07:45 น. เดินทางถึงวะดไทยมคธพุทธวิปัสสนา
                       11:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน
                       14:00 น. นำคณะสู่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู็ เป็นพระพุทะเจ้า นมัสการพระมหาเจดีย์พุทธคยา สวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและเวียนเทียน
                       18:30 น. รับประทานอาหารเย็น

วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์

                       06:00 น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า
                       06:30 น. รับประทานอาหารเช้าที่ วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา
                       07:00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงราชคฤห์  ขึ้นเขาคิชกูฎ  นมัสการมูลพระคันธกุฎี  กุฏิพระอานนท์  ถ้ำสุกรขาตา  ถ้ำพระโมคคัลลานะ โรงพยาบาลพ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจน์ และวัดเวฬุวนาราม
                       11:00 น. รับประทานอาหารกล่อง หรือ ที่วัดไทยนาลันทา ชมมหาวิทยาลัยนาลันทา กราบนมัสการหลวงพ่อองค์ดำ
                       17:00 น. ถึงไวสาลี สักการะ "ปาวาฬเจดีย์"
                       18:00 น. เดินทางสู่ที่พัก Vaishali Hotel และรับประทานอาหารเย็น

วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์

                        05:30 น. รับประทานอาหารเช้า
                        06:30 น. ออกเดินทางสู่ นครกุสินารา
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารกล่อง บนรถ)
                        15:30 น. ถึงนครกุสินารา เข้าสู่สาลวโนทยาน สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สวดมนต์ ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ เวียนเทียน ที่ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
                        18:30 น. ออกเดินทางไปสู่ เมืองโครักปูร์ เข้าพักและรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม คล๊ากอิน

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์

                        05:00 น. รับประทานอาหารเช้า
                        06:00 น. ออกเดินทางสู่ ลุมพินี ประเทศเนปาล
                        09:00 น. ผ่านด่านโสเนาว์รี
                        09:30 น. เข้าสู่บริเวณลุมพินี  นมัสการสถานที่ประสูติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดมนต์  นั่งสมาธิ เวียนเทียน
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม พวา ประเทศเนปาล
                        13:30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย
                        19:30 น. เข้าพักที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา และรับประทานอาหารเย็น

วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
                        07:00 น. ออกเดินทางสู่วัดพระเชตวันมหาวิหาร สวดมนต์ทำวัตรเช้า  นั่งสมาธิ เวียนเทียนที่พระคันธกุฎี ที่พระพุทธองค์ประทับ  กุฏิพระอรหันต์ ๘ ทิศ นมัสการอานันโพธิ์ ชมคฤหาสน์อนาถบิณฑิกเศรษฐี และชมสถานที่พระพุทะองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์  ออกเดินทางสู่เมืองพรราณาสี
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน-ทอดผ้าป่า ที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
                        20:00 น. เดินทางถึงเมืองพาราณสี พักที่โรงแรมฮินดูสถาน

วันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์

                        05:00 น. ออกเดินสู่แม่น้ำคงคา  ชมพิธีการอาบน้ำเพื่องล้างบาป  ล่องเรือในแม่น้ำคงคา
                        07:00 น. กลับที่พัก รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
                        08:00 น. ออกเดินทางไปนมัสการสถานที่แสดงปฐมเทศนา สวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตร นั่งสมาธิ ทำประทักษิณรอบธัมเมกขสถูป ๓ รอบ  ชมมูลคันธกุฎีที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมาคมศรีมหาโพธิ์ ชมพิพิธภัณฑ์ นมัสการเจาวคานธีสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบเบญจวัคคีย์
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมฮินดูสถาน
                        12:00 น. ออกเดินทางสู่พุทธคยา
                        19:30 น. เดินทางถึงวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา รับประทานอาหารเย็นและค้างคืน
                                     พี่สิงห์จะปฏิบัติธรรม เนื่องในวันเกิดครบ ๖๑ ปี
    

วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่วัด
                        08:00 น. ออกเดินทางไปกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชมวัดนานาชาติ
                        11:30 น. รับประทานอาหารกลางวันที่วัด
                        15:30 น. ออกเดินทางไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น  นั่งสมาธิ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์
                        17:00 น. รับประทานอาหารเย็นที่วัด
                        19:00 น. สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม  ออกเดินทางไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทั้งคืน

วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. ฝึกโยคะ รับประทานอาหารเช้า
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน  ออกเดินทางไปเมืองกัลกัตต้า
                        22:00 น. ถึงสนามบินเมืองกัลกัตต้า
                        23:00 น. เช็คอิน

วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์

                        01:30 น. ออกเดินทางกลับประเทสไทย สายการบิน Jet Airways
                        05:40 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ


                         วิทนากรบรรยาย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (ดร. พระมหาสุเทพ  อกิญฺจโน)


                        
 
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #5273 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 11:08:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 09:56:00
อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 08:17:00

     พี่สิงห์คะ...

     พี่เปิดให้จองหนังสือตั้งกะเมื่อไหร่คะ?...
     อ้อยอยากได้มั่ง..จองตอนนี้ทันไหมคะ?...เล่มเดียวค่ะ...
     ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ..

                          ไม่ได้เปิดจอง  แต่ใครอยากได้  จะให้ครับ

                          จะฝาก ดร.สุริยา  เอาไปให้ วันคืนสู่เหย้า

                           สวัสดี


   ขอบคุณค่ะ...จะไปทวงที่พี่ป๋องวันงานนะคะ...

   
   

   
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5274 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2555, 11:15:31 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์ ...


ช่วงเดียวกันนี้ ผม และภรรยา ก็ไปตปท. เหมือนกันครับ ...

ภรรยา ไป ฮอกไกโด - ญี่ปุ่น  7-11 ก.พ.  และ ผมไป ลอนดอน 10-18 ก.พ.

แต่ไปปฏิบัติงาน ... รอชมรูปปฏิบัติธรรม ของพี่สิงห์ นะครับ ....


ขอบคุณล่วงหน้าครับ ...



อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2555, 10:58:35
พี่สิงห์ ไปแสวงบุญ-ปฏิบัติธรรม ๑๐ วัน ที่ อินเดีย - เนปาล ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕



ตำแหน่งที่พี่สิงห์ยืน คือ ตำแหน่งที่พระพุทธเจ้าประทับยืนภายหลังทรงตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า พญามารมาอาราธนาให้ปรินิพพาน


วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์

                       16:30 น. ณ. สนามบินสุวรรณภูมิ  จุดนัดหมายสายการบิน Jet Airways
                       20:50 น. ออกเดินทางสู่สนามบินกัลกัตต้า
                       21:45 น. ถึงสนามบินเมืองกัลกัตต้า (เวลาที่อินเดีย)
                       22:45 น. คณะออกเดินทางไป วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา เมืองคยา รับพิหาร

วันพฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์

                       07:45 น. เดินทางถึงวะดไทยมคธพุทธวิปัสสนา
                       11:30 น. รับประทานอาหารกลางวัน
                       14:00 น. นำคณะสู่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู็ เป็นพระพุทะเจ้า นมัสการพระมหาเจดีย์พุทธคยา สวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและเวียนเทียน
                       18:30 น. รับประทานอาหารเย็น

วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์

                       06:00 น. สวดมนต์ทำวัตรเช้า
                       06:30 น. รับประทานอาหารเช้าที่ วัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา
                       07:00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงราชคฤห์  ขึ้นเขาคิชกูฎ  นมัสการมูลพระคันธกุฎี  กุฏิพระอานนท์  ถ้ำสุกรขาตา  ถ้ำพระโมคคัลลานะ โรงพยาบาลพ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจน์ และวัดเวฬุวนาราม
                       11:00 น. รับประทานอาหารกล่อง หรือ ที่วัดไทยนาลันทา ชมมหาวิทยาลัยนาลันทา กราบนมัสการหลวงพ่อองค์ดำ
                       17:00 น. ถึงไวสาลี สักการะ "ปาวาฬเจดีย์"
                       18:00 น. เดินทางสู่ที่พัก Vaishali Hotel และรับประทานอาหารเย็น

วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์

                        05:30 น. รับประทานอาหารเช้า
                        06:30 น. ออกเดินทางสู่ นครกุสินารา
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารกล่อง บนรถ)
                        15:30 น. ถึงนครกุสินารา เข้าสู่สาลวโนทยาน สถานที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สวดมนต์ ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ เวียนเทียน ที่ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
                        18:30 น. ออกเดินทางไปสู่ เมืองโครักปูร์ เข้าพักและรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม คล๊ากอิน

วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์

                        05:00 น. รับประทานอาหารเช้า
                        06:00 น. ออกเดินทางสู่ ลุมพินี ประเทศเนปาล
                        09:00 น. ผ่านด่านโสเนาว์รี
                        09:30 น. เข้าสู่บริเวณลุมพินี  นมัสการสถานที่ประสูติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดมนต์  นั่งสมาธิ เวียนเทียน
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม พวา ประเทศเนปาล
                        13:30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย
                        19:30 น. เข้าพักที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา และรับประทานอาหารเย็น

วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
                        07:00 น. ออกเดินทางสู่วัดพระเชตวันมหาวิหาร สวดมนต์ทำวัตรเช้า  นั่งสมาธิ เวียนเทียนที่พระคันธกุฎี ที่พระพุทธองค์ประทับ  กุฏิพระอรหันต์ ๘ ทิศ นมัสการอานันโพธิ์ ชมคฤหาสน์อนาถบิณฑิกเศรษฐี และชมสถานที่พระพุทะองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์  ออกเดินทางสู่เมืองพรราณาสี
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน-ทอดผ้าป่า ที่วัดไทยสาวัตถีพุทธวิปัสสนา
                        20:00 น. เดินทางถึงเมืองพาราณสี พักที่โรงแรมฮินดูสถาน

วันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์

                        05:00 น. ออกเดินสู่แม่น้ำคงคา  ชมพิธีการอาบน้ำเพื่องล้างบาป  ล่องเรือในแม่น้ำคงคา
                        07:00 น. กลับที่พัก รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
                        08:00 น. ออกเดินทางไปนมัสการสถานที่แสดงปฐมเทศนา สวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตร นั่งสมาธิ ทำประทักษิณรอบธัมเมกขสถูป ๓ รอบ  ชมมูลคันธกุฎีที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมาคมศรีมหาโพธิ์ ชมพิพิธภัณฑ์ นมัสการเจาวคานธีสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบเบญจวัคคีย์
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมฮินดูสถาน
                        12:00 น. ออกเดินทางสู่พุทธคยา
                        19:30 น. เดินทางถึงวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา รับประทานอาหารเย็นและค้างคืน
                                     พี่สิงห์จะปฏิบัติธรรม เนื่องในวันเกิดครบ ๖๑ ปี
     

วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. รับประทานอาหารเช้าที่วัด
                        08:00 น. ออกเดินทางไปกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชมวัดนานาชาติ
                        11:30 น. รับประทานอาหารกลางวันที่วัด
                        15:30 น. ออกเดินทางไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น  นั่งสมาธิ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์
                        17:00 น. รับประทานอาหารเย็นที่วัด
                        19:00 น. สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม  ออกเดินทางไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทั้งคืน

วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์

                        06:00 น. ฝึกโยคะ รับประทานอาหารเช้า
                        11:00 น. รับประทานอาหารกลางวัน  ออกเดินทางไปเมืองกัลกัตต้า
                        22:00 น. ถึงสนามบินเมืองกัลกัตต้า
                        23:00 น. เช็คอิน

วันศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์

                        01:30 น. ออกเดินทางกลับประเทสไทย สายการบิน Jet Airways
                        05:40 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ


                         วิทนากรบรรยาย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (ดร. พระมหาสุเทพ  อกิญฺจโน)


                       
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 209 210 [211] 212 213 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><