26 พฤศจิกายน 2567, 23:38:56
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 75 76 [77] 78 79 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3582749 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 20 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1900 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 12:18:07 »

สวัสดีครับ คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                 พี่สิงห์กำลังซื่อความหมายว่า ถ้าท่านอยากปฏิบัติธรรม ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน อย่างไร? พี่สิงห์ขอแนะนำ การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางหลวงพ่อเทียน  จิตตฺสุโภ แล้วท่านจะ "รู้" ได้ด้วยตัวของท่านเอง ครับ
                 ลองทำดูนะครับ  อาจช่วยท่านให้คลายทุกข์ได้ ครับ
                 สวัสดี                      

                 วัดป่าสุคะโต สถาบันสติปัฏฐาน ตั้งอยู่ที่ บ้านใหม่ไทยเจริญ ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมตามแนวคำสอนของหลวงพ่อ เทียน จิตฺตสุโภ ที่ใช้วิธีการสร้างจังหวะ ให้รู้สึกตัว มีสติกำหนดรู้ ดูกายเคลื่อนไหว ดูใจนึกคิด

                 วิธีการสร้างจังหวะนั้น นั่งพับเพียบก็ได้ นั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งเก้าอี้ก็ได้ นอนก็ได้ ยืนก็ได้ ทำตามความรู้สึกตัว แต่ไม่ต้องหลับตา

                                            เอามือวางไว้ที่ขาทั้งสองข้าง ….………………………….……………..คว่ำไว้
                                            พลิกมือขวาตะแคงขึ้น……….………..ทำช้าๆ ………………………….ให้รู้สึก
                                            ยกมือขวาขึ้นครึ่งตัว……….………..ให้รู้สึก………………….มันหยุดก็ให้รู้สึก
                                            เอามือขวามาไว้ที่สะดือ………………….…………………………...……ให้รู้สึก
                                            พลิกมือซ้ายตะแคงขึ้น ….……………….………….…………………..…ให้รู้สึก
                                            ยกมือซ้ายขึ้นครึ่งตัว …....………………………….……………..………ให้รู้สึก
                                            เอามือซ้ายมาที่สะดือ…....……………………………...…………………ให้รู้สึก
                                            เลื่อนมือขวาขึ้นหน้าอก ....……………………………..…………………ให้รู้สึก
                                            เอามือขวาออกตรงข้าง ....….……………………….………….…………ให้รู้สึก
                                            ลดมือขวาลงที่ขาขวา ตะแคงไว้ …..……………....……………………ให้รู้สึก
                                            คว่ำมือขวาลงที่ขาขวา ....….…………………...….…....………………ให้รู้สึก
                                            เลื่อนมือซ้ายมาที่หน้าอก ..………………….…….…...…………………ให้รู้สึก
                                            เอามือซ้ายออกมาตรงข้าง ..……...……………..…….…………………ให้รู้สึก
                                            ลดมือซ้ายลงที่ขาซ้าย ตะแคงไว้ ………......…..……..……………….ให้รู้สึก
                                            คว่ำมือซ้ายลงที่ขาซ้าย …….....………..……....……………………….ให้รู้สึก
                                            ทำต่อไปเรื่อยๆ ……………………....…………….....……….ให้มีความรู้สึกตัว









"ดูกายเห็นจิต  ดูคิดเห็นธรรม"

              ท่านทดลองทำดูแล้วจะรู้ว่า ท่านจะมีสติอยู่ที่การเคลื่อนไหวของมือ จิตท่านจะคิดอะไรก็ตาม เดี๋ยวก็กลับมาอยู่ที่ความรู้สึกการเคลื่อนไหวที่มือ ท่านจะไม่คิดนอกตัว เมื่อท่านไม่คิด มีสติอยู่ที่การเคลื่อนไหวที่มือ จนเกิดเป็นสมาธิ คือมีอารมณ์เดียวที่จิตนิ่ง นี่ละคือการปฏิบัติธรรม เมื่อมีสติ จิตนิ่ง ให้เอาสตินี้มาดูกายของตนเอง เอาสตินี้มาดูจิตของตัวเอง ท่านจะเห็นเลยว่าจิตของท่านมันคิดอย่างไร? แยกการคิดให้เป็น ด้วยการสังเกต เฝ้าดูจิตของท่าน แต่อย่าไปเพ่ง ให้ทำสบายๆ แล้วปัญญาจะเกิดกับท่าน คือท่านจะสามารถรู้ด้วยตัวของท่านเอง ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือธรรม หรือ รู้เรื่องธรรมมาก่อน ท่านก็สามารถจะรู้ได้จากกาปฏิบัติธรรม ดูกายเห็นจิต ดูความคิดจะเห็นธรรม จริงๆ ครับ ผมรับรองว่าท่านสามารถรู้ได้จริงๆ อย่างน้อยสุดคือ รู้ "รุป-นาม" แต่ท่านต้องฝ่าอุปสรรคการง่วงเหงานหาวนอน ท่านต้องเอาชนะให้ได้ด้วยความเพียรของท่าน คือชนะใจของท่าน ความโลภ  ความโกรธ  ความหลงเป็นทาษความคิดตัวเอง จะค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ จิตของท่านจะเปลี่ยนไปจากสภาพเดิมก่อนปฏิบัติธรรม ท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเองง่ายๆแบบนี้ละไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร และขอให้ทำคู่กับการเดินจงกรม คือนั่งเคลื่อนไหวด้วยมือเหมื่อยก็เปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนทำ หรือเดินจงกรม ไม่ต้องภาวนาทั้งสิ้น ยกเว้นจิตท่านว้าวุ่นมาก จิตไม่นิ่งก็ให้ภาวนา "พุทโธ" พอจิตนิ่ง ไม่ต้องภาวนาก็ได้ อยากทำ ทำเลยแบบง่ายๆนี่ละ คือการปฏิบัติธรรมแล้วละ ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกประการ ลองทำดูนะครับถ้าเกิดปัญหาอะไรกับตัวท่าน ถามผมมาเลยครับ ผมยินดีตอบ ครับ
                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1901 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 16:24:15 »



สรุป
ผลการแข่งขันกอล์ฟอาชีพที่สนามโวยาสพานอรามาคันทรีคลับ
ของสมาคมกอล์ฟอาชีพผู้อาวุโสไทย ที่พี่สิงห์เข้าร่วมการแข่งขัน
Super Senior ได้อันดับที่ 28 จากโปร.จำนวน 66 ท่าน ได้เงินรางวัล 4,800 บาท
Senior ได้อันดับที่ 76 จากโปร.จำนวน 156 ท่าน ไม่ผ่านก่ารตัดตัวจึงไม่ได้เงินรางวัล
นับว่าเป็นผลงานที่ไม่เลวนัก อยู่กลาง ๆ ไม่ขาดทุนใช้ได้แล้วครับ

ขอขอบคุณ บริษัทย่าโมคอนกรีตอัดแรง จำกัด ที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด 10,000 บาท
ขอขอบคุณ บริษัท PST Concrete จำกัด ที่ออกค่าสมัครการแข่งขันจำนวน 3,500 บาท

วันที่ 26-27 พฤษภาคม ศกนี้
มีการแข่งขันกอล์ฟอาชีพระดับ Super Senior ของโปร.มานพ  ทัพวิบูลย์
โดยมีเบียร์สิงห์เป็นสปอนเซอร์ ชิงเงินรางวัล 500,000 บาท ที่สนามเขาชะโงก ของจปร. จังหวัดนครนายก
พี่สิงห์จะลงแข่งขันด้วยโดยมี PSTC และ SIW เป็นสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด(ค่าโฆษณา ที่หมวก เสื้อ และถุงกอล์ฟ)
สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1902 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 16:43:51 »

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ขอบคุณสำหรับหลักการทำสมาธิค่ะ...จะพยายามทำค่ะ...

...พี่สิงห์คะ...หัวเข็มขัดจ๊าบมากเลยค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1903 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 16:48:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 21 เมษายน 2554, 16:43:51
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ขอบคุณสำหรับหลักการทำสมาธิค่ะ...จะพยายามทำค่ะ...

...พี่สิงห์คะ...หัวเข็มขัดจ๊าบมากเลยค่ะ...

ขอบคุณมากค่ะ ที่ชม
พี่สิงห์ไม่ได้ซื้อหรอก เพื่อนเห็นพี่สิงห์ใส่กางเกงสีชมพู เลยถอดเข็มขัดให้ครับ วันที่แข่งกอล์ฟของ SIW
สวัสดี
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1904 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 19:26:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 เมษายน 2554, 06:19:05
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                      ไปเชียงใหม่คราวหน้านี่ พี่สิงห์ตั้งใจจะไปตีกอล์ฟกับเธอ สักครั้ง สนามไหนก็ได้ เป็นวันธรรมดา กำลังจัดเวลาอยู่ แล้วจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ถือยังออกกำลังกาย TAI CHI อยู่หรือเปล่า อย่าลืม ชีวิตเรา เราเป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น ถ้าไม่อยากให้ลุกๆ ต้องมาเสียเวลาดูแลเรายามเจ็บป่วย และช่วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องมั่นออกกำลังกายให้สมควรแก่วัยย์อย่างน้อย อาทิตย์ละสามวัน วันละหนึ่งชั่วโมงติดต่อกัน และลดความอยากเรื่องการกินลง อย่งไปยึดมั่นกับสิ่งที่เคยได้กินมาในอดีต เพราะนั่นเป็นความต้องการของจิต แต่ไม่ใช่ความต้องการของกาย ครับ
                      ลองทำดู ให้ฌะอนั่งทับฝ่าเท้าเอามือกำหมัดทั้งสองข้างกดที่ลิ้นปี่หรือประสานมือกดใต้ชายโครง หายใจเข้ายืดตัวขึ้นตรงให้ลึก หายใจออกพร้อมกับกดมือทั้งสองที่ลิ้นปี่หายใจออกยาวๆ ช้าๆก้มตัวลงเงยหน้า ทำแบบนี้ สิบครั้งทุกเช้า เป็นการแก้โรคเบาหวานของศาสตร์โยคะ อินเดีย วันหลังพี่สิงห์จะถ่ายรูปตัวเอง ลงให้ชมถึงวิธีการทำครับ
                      สวัสดี

อ้อมบอกว่า พี่สิงห์ไม่น่าลดหย่อนให้พี่ป้อมเลย พี่ป้อมเลยเลือกทำที่มันง่ายกว่า
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1905 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 19:33:21 »

มาดูสรุปผลการแข่งขันค่ะ พี่สิงห์
พี่ตู่ตาไว จ๊าบค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1906 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 20:59:28 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                      ถ้าสามารถบังคับตัวเองให้ทำ TAI CHI ผสมกับการฝึกโยคะ คือลมปราณจากการหายใจเข้าลึกๆให้ท้องป่องค้างไว้อึดใจหนึ่งที่ทนได้ และหายใจออกช้าๆยาวๆ สักสิบครั้งต่อวัน และหายใจเข้ารูจมูกไหนหายใจออกรูจมูกนั้น วันละสิบครั้ง ทุกวัน จะประเสริฐที่สุด หลีกหนีจากทุกโรค แม้กระทั้งโรคติดเชื้อ จะไม่เป็นภาระของลูกหลานเมื่อแก่เฒ่า เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง แต่เราทำเพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องเป็นภาระมาดูแลเรา เพราะลูกหลานเขาก็ต้องดูแลครอบครัวของเขา เราจะเป็นตัวถ่วงเขา ถ้าเรารักเขา เราต้องออกกำลังกาย กินเฉพาะที่ร่างการต้องการจริงๆ เท่านั้น พียงแค่นี้ ลุกหลานก็สบายแล้วครับ
                      ดังนั้น เธอต้องหมั่นทำเข้าไว้ เพื่อลุกสุดที่รักจะไม่ลำบากเพราะเธอ นี่คือความจริง
                      ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #1907 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 23:39:05 »

พี่สิงห์ที่เคารพรัก และป้อมที่รัก
คำสั่งสอนที่พี่สิงห์ให้พร้อมแนวทางปฏิบัตินี้ เป็นสิ่งประเสริฐควบธรรมะที่เราควรยึดปฏิบัติตามเป็นอย่างยิ่ง

ติ๋มมีธรรมะแนวทางนี้ปฏิบัติอยู่ท่ามกลางมรสุมด้านการงานเข้ามาประดัง จะรอดได้หรือไม่นั้นยังไม่มีใครรู้
ติ๋มก็ต้องอาศัยธรรมะนี้แหละช่วยให้มีความสงบเยือกเย็น มีสติในการประทังชีวิตต่อไปตามกาลและวาระที่สมควร

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 เมษายน 2554, 20:59:28
สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                      ถ้าสามารถบังคับตัวเองให้ทำ TAI CHI ผสมกับการฝึกโยคะ คือลมปราณจากการหายใจเข้าลึกๆให้ท้องป่องค้างไว้อึดใจหนึ่งที่ทนได้ และหายใจออกช้าๆยาวๆ สักสิบครั้งต่อวัน และหายใจเข้ารูจมูกไหนหายใจออกรูจมูกนั้น วันละสิบครั้ง ทุกวัน จะประเสริฐที่สุด หลีกหนีจากทุกโรค แม้กระทั้งโรคติดเชื้อ จะไม่เป็นภาระของลูกหลานเมื่อแก่เฒ่า เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง แต่เราทำเพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องเป็นภาระมาดูแลเรา เพราะลูกหลานเขาก็ต้องดูแลครอบครัวของเขา เราจะเป็นตัวถ่วงเขา ถ้าเรารักเขา เราต้องออกกำลังกาย กินเฉพาะที่ร่างการต้องการจริงๆ เท่านั้น พียงแค่นี้ ลุกหลานก็สบายแล้วครับ
                      ดังนั้น เธอต้องหมั่นทำเข้าไว้ เพื่อลุกสุดที่รักจะไม่ลำบากเพราะเธอ นี่คือความจริง
                      ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1908 เมื่อ: 21 เมษายน 2554, 23:59:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 เมษายน 2554, 20:59:28
สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                      ถ้าสามารถบังคับตัวเองให้ทำ TAI CHI ผสมกับการฝึกโยคะ คือลมปราณจากการหายใจเข้าลึกๆให้ท้องป่องค้างไว้อึดใจหนึ่งที่ทนได้ และหายใจออกช้าๆยาวๆ สักสิบครั้งต่อวัน และหายใจเข้ารูจมูกไหนหายใจออกรูจมูกนั้น วันละสิบครั้ง ทุกวัน จะประเสริฐที่สุด หลีกหนีจากทุกโรค แม้กระทั้งโรคติดเชื้อ จะไม่เป็นภาระของลูกหลานเมื่อแก่เฒ่า เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง แต่เราทำเพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องเป็นภาระมาดูแลเรา เพราะลูกหลานเขาก็ต้องดูแลครอบครัวของเขา เราจะเป็นตัวถ่วงเขา ถ้าเรารักเขา เราต้องออกกำลังกาย กินเฉพาะที่ร่างการต้องการจริงๆ เท่านั้น พียงแค่นี้ ลุกหลานก็สบายแล้วครับ
                      ดังนั้น เธอต้องหมั่นทำเข้าไว้ เพื่อลุกสุดที่รักจะไม่ลำบากเพราะเธอ นี่คือความจริง
                      ราตรีสวัสดิ์

...พี่สิงห์คะ...หายใจเข้ารูจมูกไหน...หายใจออกรูจมูกนั้น...เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยค่ะ...

...ก็ต้องเอานิ้วปิดจมูกอีกข้างใช่มั้ยคะ...มันจะหายจากโรคได้ยังไงคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1909 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 07:03:24 »

สวัสดีค่ะคุณน้องตู่ ที่รัก
                        ร่างกายคนเราพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าประกอบไปด้วยธาตุดิน(ส่วนที่แข็งคืกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น) ธาตุน้ำ(ของเหลว เลือด น้ำเหลือง) ธาตูไฟ(ความรู้ในร่างกาย) ธาตุลม(อากาศที่เราหายใจเข้าไป) มาประชุมพร้อมกัน โดยปกติธาตุเหล่านี้จะสมดุลย์อยู่แล้ว เราจะไม่เจ็บไม่ป่วย แต่เพราะเราไม่ได้ควบคุมการกิน ไม่ออกกำลังกายคือทำลายพลังงาน ผลคือทำให้อวัยวะภายในทั้งหมดทำงานหนักเกินไป เกิดสภาวะไม่สมดุลย์ในการทำงานผลคือ อวัยวะนั้นจะทำงานบกพร่อง ผลที่ตามมาคือ การเจ็บป่วยจากการทำงานของอวัยวะนั้นๆ การหายใจเข้าลูกๆ ให้เติมปอด หายใจออกช้าๆยาวยาว จะไปช่วยปรับสมดุลย์ภายในร่างกายให้ธาตุทั้งสี่คือลม น้ำ ดิน ไฟ สมดุลย์ อวัยวะภายในร่างกายจะทำงานปกติ ไม่เป็นโรค แต่ถ้าในทางวิทยาศาสตร์การหายใจเข้าล฿กๆจะทำให้ออกซิเจนไปฟอกเม้ดโลหิตได้ดี เมื่อเลือดดีอวัยยวะต้าง เซลทุกเซลในร่างกายก็จะได้สารอาหารจากเลือด ทำให้เซลไม่ตาย หรือเกิดเซลทดแทนได้ เราก็จะไม่เจ็บไม่ป่วย นี่คือความจริงที่เราจะเข้าใจได้ง่ายๆ ชาว๗ีนเวลารำมวยจีนจึงให้หายใจเข้าช้าๆยาวๆ หายใจออกช้าๆยาวๆ เพื่อปรับลมปราณให้อวัยวะหยิน-หยางทำงานสมดุลย์  โยคะก็เหมือนกันเพื่อปรับปราณพารายานะให้สมดุลย์แต่มีเทคนิคที่นิ้วมือเพิ่ม วันหลังพี่สิงห์จะทำให้ดู จุดประสงค์เพื่อให้อวัยยวะภายในทำงานสมดุลย์ก็จะห่างไกลโรค
                       หายใจเข้ารูจมูกเดียว จะทำให้หายใจได้เติมปอด ใช้นิ้วมืออุด แต่มีเทคนิคเพิ่ม วันหลังจะทำให้ดู เธอลองทำทุกวันแล้วเธอจะรู้ด้วยตัวเองว่าร่างกายจะสดชื่อนขึ้นภายในหนึ่งเดือน ลองดู นี่คือเรื่องจริงๆ แต่ขอแนะนำให้ควบคุมปริมาณอาหารที่กินอย่าให้ตามใจปากมากเกินไปและกินจุบจุบ น้ำอัดลมควรงดเด็ดขาด
                       สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1910 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 07:19:58 »

สวัสดียามเช้าค่ะคุณน้องติ๋ม(จันทร์ฉาย) ที่รัก
                       ยิ่งเธอมีงานมาก ปัญหามาก เธอจะต้องมีจิตอยู่กับ ณ ปัจจุบัน กระทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความมีสติ ปัญญาจะเกิดขึ้นทำให้เราสามารถแก้ปัญญาทุกอย่างได้หมด ไม่ว่ามันจะมากขนาดไหน ยากขนาดไหน เพราะใจเรานิ่ง สงบด้วยการมีสติ คือ มีความรูตัวก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะทำ และก่อนที่จะพูด ด้วยปัญญา ไม่ต้องคิดอดีต ไม่กังวลกับอนาคต ทั้งสิ้น อุปสรรคมันจะผ่านพ้นไปด้วยสติ ความเพียร และปัญญา
                       การมีสติรู้ตัวในการกระทำทุกขณะนี่ละ คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง เปรียบเหมือนการกดออด การกดคือสติ เสียงออดคือจิต ทำอย่างไร? จะให้ออดมันดังตลอดเวลายาวๆทั้งวันก็ต้องกดตลอดเวลา ถ้าเราจะไม่ทุกข์ ไม่ร้อนรุ่มใจ ไม่หดหู่ใจ ไม่กังวล ขอเพียงให้มีสติอยู่กับจิตที่คิด รวมเป็นหนึ่งเดียวตลอดเวลาก็จะเป็น "พุทธ" คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราจะพ้นทุกข์ ผ่านพ้นอุปสรรคได้ทุกชนิด เพราะจิตจะไม่ร้อนรน หดหู่ กังวล เดือดดาลใจ
                       เราปฏิบัติธรรมก็เพื่อเอามาแก้ไขเหตุการณ์อย่างนี้ละ ทำอย่างไรเวลาเผชิญกับปัญหาที่ประดังเข้ามาทำใก้เราร้อมรุ่มใจ ตัวสติมันจะวิ่งเข้ามาเร็วเตือนเราให้ทันก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะทำ ก่อนที่จะพูด ด้วยปัญญา มันก็ต้องฝึกการเจริญสตินี่ละ ถ้าฝึกบ่อยๆ แล้วจิตมันจะจำได้เอง เวลาเจอปัญหาต่างๆ ใจมันคิด ตัวสติจะวิ่งมาเตือนเราทันที ทำให้เรากระทำ คิด ด้วยปัญญา ไม่ตกลงไปเป็นทาษหรือหลงอยู่ในความคิดได้
                      สรุป การปฏิบัติธรรมเจริญสติ ก็เพื่อ แก้ปัญหาของจิต ให้ความเร็จของการมีสติเท่ากับความเร็วของความคิด จะทำให้เราไม่หลงอยู่ในความคิด ปัญญาจะเกิดขึ้นมาเองเป็นตัวช่วยในการแก้ปัญหาทุกชนิด ดังนั้น การมีสติตลอดเวลา จึงเป็นทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง เพราะคนที่มีสติ มันจะไม่กระทำในทางอกุศลกรรม เพราะมีปัญญามาเป็นตัวช่วย ครับ
                      สวัสดิค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1911 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 07:21:56 »

พี่สิงห์อยู่สนามบินดอนเมือง นั่งรอขึ้นเครื่องบิน ไปทำงานที่จังหวัดนครศรีธรรมราช Boarding 08:00 น. ครับ
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #1912 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 07:40:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 เมษายน 2554, 20:59:28
สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
                      ถ้าสามารถบังคับตัวเองให้ทำ TAI CHI ผสมกับการฝึกโยคะ คือลมปราณจากการหายใจเข้าลึกๆให้ท้องป่องค้างไว้อึดใจหนึ่งที่ทนได้ และหายใจออกช้าๆยาวๆ สักสิบครั้งต่อวัน และหายใจเข้ารูจมูกไหนหายใจออกรูจมูกนั้น วันละสิบครั้ง ทุกวัน จะประเสริฐที่สุด หลีกหนีจากทุกโรค แม้กระทั้งโรคติดเชื้อ จะไม่เป็นภาระของลูกหลานเมื่อแก่เฒ่า เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง แต่เราทำเพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องเป็นภาระมาดูแลเรา เพราะลูกหลานเขาก็ต้องดูแลครอบครัวของเขา เราจะเป็นตัวถ่วงเขา ถ้าเรารักเขา เราต้องออกกำลังกาย กินเฉพาะที่ร่างการต้องการจริงๆ เท่านั้น พียงแค่นี้ ลุกหลานก็สบายแล้วครับ
                      ดังนั้น เธอต้องหมั่นทำเข้าไว้ เพื่อลุกสุดที่รักจะไม่ลำบากเพราะเธอ นี่คือความจริง
                      ราตรีสวัสดิ์

    พี่สิงห์คะ...
           คำสอนบทนี้กินใจมากค่ะ...จะพยายามทำตามที่พี่สอน เพื่อจะไม่ได้เป็นภาระให้ใคร
           ขอบคุณค่ะ....
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1913 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 09:33:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 เมษายน 2554, 07:03:24
สวัสดีค่ะคุณน้องตู่ ที่รัก
                        ร่างกายคนเราพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าประกอบไปด้วยธาตุดิน(ส่วนที่แข็งคืกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น) ธาตุน้ำ(ของเหลว เลือด น้ำเหลือง) ธาตูไฟ(ความรู้ในร่างกาย) ธาตุลม(อากาศที่เราหายใจเข้าไป) มาประชุมพร้อมกัน โดยปกติธาตุเหล่านี้จะสมดุลย์อยู่แล้ว เราจะไม่เจ็บไม่ป่วย แต่เพราะเราไม่ได้ควบคุมการกิน ไม่ออกกำลังกายคือทำลายพลังงาน ผลคือทำให้อวัยวะภายในทั้งหมดทำงานหนักเกินไป เกิดสภาวะไม่สมดุลย์ในการทำงานผลคือ อวัยวะนั้นจะทำงานบกพร่อง ผลที่ตามมาคือ การเจ็บป่วยจากการทำงานของอวัยวะนั้นๆ การหายใจเข้าลูกๆ ให้เติมปอด หายใจออกช้าๆยาวยาว จะไปช่วยปรับสมดุลย์ภายในร่างกายให้ธาตุทั้งสี่คือลม น้ำ ดิน ไฟ สมดุลย์ อวัยวะภายในร่างกายจะทำงานปกติ ไม่เป็นโรค แต่ถ้าในทางวิทยาศาสตร์การหายใจเข้าล฿กๆจะทำให้ออกซิเจนไปฟอกเม้ดโลหิตได้ดี เมื่อเลือดดีอวัยยวะต้าง เซลทุกเซลในร่างกายก็จะได้สารอาหารจากเลือด ทำให้เซลไม่ตาย หรือเกิดเซลทดแทนได้ เราก็จะไม่เจ็บไม่ป่วย นี่คือความจริงที่เราจะเข้าใจได้ง่ายๆ ชาว๗ีนเวลารำมวยจีนจึงให้หายใจเข้าช้าๆยาวๆ หายใจออกช้าๆยาวๆ เพื่อปรับลมปราณให้อวัยวะหยิน-หยางทำงานสมดุลย์  โยคะก็เหมือนกันเพื่อปรับปราณพารายานะให้สมดุลย์แต่มีเทคนิคที่นิ้วมือเพิ่ม วันหลังพี่สิงห์จะทำให้ดู จุดประสงค์เพื่อให้อวัยยวะภายในทำงานสมดุลย์ก็จะห่างไกลโรค
                       หายใจเข้ารูจมูกเดียว จะทำให้หายใจได้เติมปอด ใช้นิ้วมืออุด แต่มีเทคนิคเพิ่ม วันหลังจะทำให้ดู เธอลองทำทุกวันแล้วเธอจะรู้ด้วยตัวเองว่าร่างกายจะสดชื่อนขึ้นภายในหนึ่งเดือน ลองดู นี่คือเรื่องจริงๆ แต่ขอแนะนำให้ควบคุมปริมาณอาหารที่กินอย่าให้ตามใจปากมากเกินไปและกินจุบจุบ น้ำอัดลมควรงดเด็ดขาด
                       สวัสดีค่ะ

...ขอบพระคุณมากๆค่ะ...พี่สิงห์..สำหรับคำแนะนำ...

...ตู่พอเข้าใจแล้วค่ะ...ทีแรกก็ลองหายใจดูค่ะแต่ไม่ได้ยกมือปิดอีกข้าง...ยังไงๆมันก็เข้าออกทั้งสองรูค่ะ...

...จะมีใครเหมือนหนูมั้ยคะเนี่ย...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1914 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 15:56:14 »

สวัสดีค่ะ คุณน้อง ตู่ที่รัก
                       การหายใจเข้า-ออกรูจมูกเดียว ให้นั่งขัดสมาธิเพชร มือซ้ายหงายฝ่ามือเอานิ้วก้อยทับด้วยนิ้วโป้งแบบวันทยาหัสในวิชาลูกเสือ และเอามือวางไว้บนหัวเข่าซ้าย มือขวาเอานิ้วชี้และนิ้วกลางวางไว้ตรงจุดกึ่งกลางหน้าผาก นิ้วโป้งอุดรูจมูกขวา นิ้วนางอุดรูจมูกซ้าย เริ่มต้นอุดรูจมูกซ้ายเปิดรูจมูกขวาหายใจเข้าลึกๆ ให้เติมปอด ให้ท้องป่อง ปิดรูจมูกขวา เปิดรูจมูกซ้ายหายใจออกยาวๆทางรูจมูกซ้าย หายใจเข้าทางรูจมูกซ้าย ปิดรูจมูกซ้าย เปิดรูจมูกขวา หายใจออก ทำซ้ำแบบนี้จนครบสิบครั้งต่อหนึ่งวัน จะช่วยให้อวัยวะภายในสมดุลย์เป็นการปรับลมปราณให้ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ สมดุลย์ ครับ  ลองทำดู ทำทุกวันติดต่อกัน จะรู้สึกสบาย
                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1915 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 16:19:17 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก
                       การปฏิบัติธรรม พยายามดูจิตตัวเองให้ออก ให้สามารถแยกสติ กับจิตให้ออก เหมือนกับว่าตัวเรามีสองรูป-นาม คือตัวสติ และตัวจิต ตัวจิตนั้นมันสามารถที่จะรับรู้(วิญญาณ)ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จำได้(สัญญา) รู้สึกได้(เวทนา) และคิด(สังขาร) ส่วนสตินั้น มีเพียงแค่รูปรูสึกตัวเท่านั้น ปุถุชนม์ทั่วไปที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม เวลาจิตมันคิดขึ้นมาก็คิดว่าตัวเองคิดถูกทั้งหมด เลยสั่งให้รูป(ตัวเรา)เอาไปกระทำเลยทางกาย จึงก่อทุกข์ขึ้นใหม่ แต่ถ้าผู้ที่ปฏิบัติธรรม ที่สามารถแยกสติ จิตออก ตัวสติจะเป็นตัวถ่วงจิต ด้วยปัญญา ก่อนที่รูปจะกระทำก่อทุกข์ขึ้นใหม่ ถ้าเราปฏิบัติธรรมบ่อยๆ ตัวสติมันก็จะเร็วเท่ากับความคิดของจิต เวลาเราเจอสภาวะความโลภ สภาวะความโกรธขึ้นมาก่อนที่จะทำอะไรลงไป สติจะเป็นตัวถ่วงดุลย์ไม่ให้เรากระทำไปในทางอกุศลกรรม ด้วยปัญญา คือมีความยั้งคิดนั่นเอง
                       จริงๆแล้ว ถ้าจิตกับสติ มันก็คือตัวเดียวกัน นั่นเอง มันไม่มีตัวมีตน เป็นเพียงความคิดและความรู้สึกตัว เท่านั้นเอง แต่มันสามารถที่จะทำลายล้างโลกได้ ความคิดของคนนี่ละ ฌะอปฏิบัติธรรมให้มากๆ เข้าไว้สักวันหนึ่งจะรู้ "รูป-นาม" ได้จากตาปัญญาของเธอ ผ่านจุดนี้ได้จะช่วยให้เธอทำงานต่างๆ ได้มีสติดียิ่งขึ้น จิตใจจะเปลี่ยนไป  ตัวจะเบาขึ้น จะคลายความโลภ  ความโกรธ ความหลง ลงไปครึ่งหนึ่ง แต่จะทำงาน ทำกิจวัตรประจำวันได้ดีกว่าเดิม เพราะจะมีสติที่เร็วมาก สามารถที่จะควบคุมความโลภ  ความโกรธ ความหลง ได้ ด้วยปัญญา เพราะเธอจะรู้ต้นตอ หรือต้นเหตุของความคิดต่าง ที่เธอคิด ซึ่งเมื่อรู้ต้นเหตุแห่งความคิด เธอก็จะไม่กระทำตามที่จิตมันคิด เมื่อเธอไม่เป็นทาษ หรือหลงอยู่ในความคิด เธอก็จะไม่ทุกข์ อยู่เหนือเวทนา แต่เธอยังได้รับผลของเวทนาอยู่ดี เพราะมันเป็นธรรมชาติ ลองปฏิบัติดูนะครับ
                        สรุป ตัวสติ จะเป็นตัวถ่วงดุลย์ จิต แต่ถ้าสามารถทำให้ สติและจิตเป็นตัวเดียวกันได้ ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นตัวเดียวกัน นั่นคือ "พุทธ" ผู้รู้  ผู้ต่ืน  ผู้เบิกบาน พ้นทุกข์ คือ "นิพพาน"
                        สวัสดี
                 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1916 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 16:37:52 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย 17 ที่รัก
                       พี่สิงห์อยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นพี่สิงห์ต้องหมั่นดูกาย-ดูใจ ตลอดเวลา เพื่อว่าจะไม่ลำบากในตอนแก่เฒ่า เพราะไม่มีคนที่จะดูแล และไม่ขอเป็นลูกตุ้มถ่วงให้หลานๆต้องมาดูแล จนกระทั่งตาย ดังนั้น ทุกวันนี้ พี่สิงห์จึงต้องปฏิบัติธรรม ทางจิตเพื่อเอาชนะ "ความอยาก"(ตัณหา) ทั้งสามให้ได้ ยอมอด  ทำใจสบายๆ อะไรก็ได้ ไม่สนใจใคร สนใจแต่ตัวเอง บังคับตัวเองไม่ให้เบียดเบียนคนอื่น อยู่อย่างปล่อยวาง
                       พี่สิงห์ตื่นตีห้า มานั่งเจริญสติ ให้จิตสงบ ปล่อยวาง
                       ฟ้าสางออกกำลังกาย เดิน รำมวยจีน  โยคะ หรือตีกอล์ฟ(ขณะตีกอล์ฟระหว่างเดินจะเดินแบบจงกรม คือ มีสติอยู่ที่การก้าวย่างเท้า)
                       รับประทานอาหารสามเวลา ตรงเวลาในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย และยึดหลัก 2:1:1 คือ ผักสองส่วน ต่อข้างหนึ่งส่วน ต่อโปรตีนหนึ่งส่วน เป็นปลาส่วนใหญ่ งดอาหารรสจัด งดของทอด และมัน ไม่กินจุบจิบ
                       ไม่รับข่าวสารทางการเมือง หรือข่าวทั่วไปทั้งสิ้น เพราะไม่อยากคิดและว้าวุ่นใจ เดือดดาลใจ และห่างไกลผู้คน คือติดต่อให้น้อยๆ ไม่ไปยุ่งกับใครทั้งสิ้นเพราะไม่อยากหาทุกข์ใส่ตัว สนใจแต่ตัวเองเปนหลักดูความต้องการของกาย-จิต
                       เข้านอนสามทุ่ม
                       อยู่กับปัจจุบัน โดยพยายามให้มีสติ อยู่กับอิริยาบถย่อยตลอดเวลา ไม่ส่งจิตออกนอก คือเวลาทำอะไรไม่คิดออกนอกการกระทำ คือทำด้วยการมีสติ รู้ตัวตลอดเวลา จนจะกลายเป็นนิสัยแล้ว
                       การไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนจำนวนมาก ทำให้จิตไม่มีเรื่องที่จะคิด แต่จิตมันต้องคิด จะทำให้เราสามารถมีเวลาที่จิตมันจะคิดในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ในสิ่งที่เราอยากรู้ หรือถ้ามันไม่คิด มันก็มีแต่ความสงบ ว่างเปล่า
                       จากการทดลองตัวเองมาเกือบสองปีแล้ว เชื่อมั่นได้ว่าวิธีนี้จะทำให้พี่สิงห์ไม่เป็นโรคเรื้อรัง คือ อ้วน เบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือเจ็บป่วย เพราะก็ไม่เจ็บป่วยมานานมากแล้ว จึงคิดว่าเป็นแนวทางที่ควรจะกระทำต่อเพื่อตัวเราเองจะไม่ลำบากเมื่อแก่ หรือ หลานๆ จะไม่ลำบากเพราะต้องเสียเวลามาดูแลพี่สิงห์ จึงยอม "อดเปรี้ยว เอาไว้กินหวาน" ถามว่ากระทำแบบนี้ลำบากไหม? คำตอบคือไม่เลย เราก็อยู่อย่างพอเพียงได้ แม้จะขาดหายอะไรไปได้ ก็ไม่กระทบกระเทือนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ที่ยังต้องทำงานอยู่ แต่กลับทำให้เราสามารถทำงานได้ดีมากกว่าเดิมเสียอีก
                       นี่คือสิ่งที่พี่สิงห์ค้นพบจากการทดลองตัวเอง มาแล้วทั้งสิ้น ครับ
                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1917 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 19:34:16 »

สวัสดี่ค่ะ พี่สิงห์
 ตามอ่านคำแนะนำของพี่สิงห์ค่ะ
อ่านแล้วได้ประโยชน์มากค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1918 เมื่อ: 22 เมษายน 2554, 20:37:03 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                        วันพุธที่ 27 เมษายน เธอไปรดน้ำดำหัวพี่ๆ ชาวซีมะโด่งที่หอพักหรือเปล่า ?
                        พี่สิงห์ยังไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร? ดีเลย กลัวว่าจะไม่ถูกใจผู้ฟังเหมือนกัน ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบเลยว่าจะเอาแบบไหนดี
                        นครศรีธรรมราช อากาศร้อนมากๆ แสงแดดจ้ามากๆ จนคนงานทนไม่ไหวในการทำงานกลางแดด พี่สิงห์ยังไม่มีโต๊ะทำงานเลย กำลังจะหาช่างมาทำสำนักงานใหม่ ส่วนเอกสารเสียหายเกือบหมด จำเป็นต้องทิ้งทั้งหมด
                        วันเสาร์เย็นพี่สิงห์กลับกรุงเทพฯ ครับ
                        ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1919 เมื่อ: 23 เมษายน 2554, 08:52:55 »

พี่สิงห์

เช้าวันเสาร์ สภาพที่นครศรีฯเป็นอย่างไร
อุตุนิยมฯ บอกวันนี้ทั่วประเทศมีโอกาศที่ฝนจะตก ฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตากได้ในทุกภาค จนถึง 25 เมษายน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1920 เมื่อ: 23 เมษายน 2554, 10:17:41 »

สวัสดีครับ คุณเหยง
                        อากาศที่นครศรีธรรมราชเช้านี้ แดดแรงมาก ร้อนมากๆ ไม่มีเมฆเลย แต่ภูเขามีเมฆดำๆ เป็นกลุ่มๆ บ่ายอาจจะมีฝนครับ
                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1921 เมื่อ: 23 เมษายน 2554, 18:08:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 เมษายน 2554, 20:37:03
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                        วันพุธที่ 27 เมษายน เธอไปรดน้ำดำหัวพี่ๆ ชาวซีมะโด่งที่หอพักหรือเปล่า ?
                        พี่สิงห์ยังไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร? ดีเลย กลัวว่าจะไม่ถูกใจผู้ฟังเหมือนกัน ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบเลยว่าจะเอาแบบไหนดี
                        นครศรีธรรมราช อากาศร้อนมากๆ แสงแดดจ้ามากๆ จนคนงานทนไม่ไหวในการทำงานกลางแดด พี่สิงห์ยังไม่มีโต๊ะทำงานเลย กำลังจะหาช่างมาทำสำนักงานใหม่ ส่วนเอกสารเสียหายเกือบหมด จำเป็นต้องทิ้งทั้งหมด
                        วันเสาร์เย็นพี่สิงห์กลับกรุงเทพฯ ครับ
                        ราตรีสวัสดิ์

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
 คงไม่ได้ไปค่ะ เดินทางยังไม่สะดวก ยังต้องใช้ไม้เท้าเดินค่ะ
พี่สิงห์พูดเรื่องใดก็ล้วนมีสาระน่าสนใจค่ะ
วันนี้ฝนตกทั้งวันเลยนะคะ
พี่กลับมาโดนฝนแน่ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1922 เมื่อ: 23 เมษายน 2554, 21:15:20 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก
                       นครศรีธรรมราช สรุป แดดร้อนจัดมากทั้งวัน ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดแรงมากผิวแทบไหม้ ก่อนที่เครื่องบินจะบินขึ้น กัปตันบอกว่าที่สนามบินดอนเมืองฝนตกหนัก มีเครื่องบินกำลังรอบินขึ้นจำนวนหนึ่ง ดังนั้นเที่ยวบินนี้อาจะถึงล่าช้า แล้วจะรายงานให้ทราบ ปรากฎว่าพอพี่สิงห์มาถึงสนามบินดอนเมือง ฝนหายพอดี แต่ยังมีละอองโปรยลงมาอยู่ จนกระทั้งถึงบ้าน ครับ โชคดีไป
                       เวลาเดินเธอพยายามให้มี "สติ" ก้าวทีละเก้าให้รู้สึกตัว จะได้ไม่ล้ม หรือลื่น อย่าคิดนอกอิริยาบถที่เธอกำลังกระทำอยู่ ก็เป็นการปฏิบัติธรรม แล้วครับ เอาไว้ให้เดินได้ดีกว่านี้ พี่สิงห์จะไปสอนโยคะให้ครับ
                       ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1923 เมื่อ: 24 เมษายน 2554, 20:53:35 »

สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน
                       วันนี้หลานสาวแพรว โทรศัพท์มาบอกว่าสามารถสอบผ่านเข้าไปเรียนต่อระดับปริญญาโทหลักสูตรปฐมวัยย์ที่คณะครุศาสตร์ได้แล้ว (ก่อนหน้านี้ก็สามารถสอบเข้าไปเรียนต่อปริญญาโท หลักสูตรปฐมวัยย์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้) สมความตั้งใจเพราะแพรวต้องกลับบ้านไปดูแลโรงเรียนอินทโมลีประทาน ที่อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี แทนอาณีในอนาคตเพราะอีกสองปีอาณีก็ ๖๐ ปี แล้วทำให้ผมหมดห่วงไปอีกเปราะ ชาวซีมะโด่งท่านใดมีคำแนะนำดีๆ ในการเรียนต่อปฐมวัยย์ ขอความกรุณาด้วยครับ จะได้ไปบอกให้หลานเตรียมตัวเพราะพื้นฐานของแพรวจบมาจากภูมิสภาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ใช่ครุศาสตร์ จักขอบพระคุณมาก
                       ราตรีสวัสดิ์
                      
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #1924 เมื่อ: 25 เมษายน 2554, 08:03:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 เมษายน 2554, 16:37:52
สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย 17 ที่รัก
                       พี่สิงห์อยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นพี่สิงห์ต้องหมั่นดูกาย-ดูใจ ตลอดเวลา เพื่อว่าจะไม่ลำบากในตอนแก่เฒ่า เพราะไม่มีคนที่จะดูแล และไม่ขอเป็นลูกตุ้มถ่วงให้หลานๆต้องมาดูแล จนกระทั่งตาย ดังนั้น ทุกวันนี้ พี่สิงห์จึงต้องปฏิบัติธรรม ทางจิตเพื่อเอาชนะ "ความอยาก"(ตัณหา) ทั้งสามให้ได้ ยอมอด  ทำใจสบายๆ อะไรก็ได้ ไม่สนใจใคร สนใจแต่ตัวเอง บังคับตัวเองไม่ให้เบียดเบียนคนอื่น อยู่อย่างปล่อยวาง
                       พี่สิงห์ตื่นตีห้า มานั่งเจริญสติ ให้จิตสงบ ปล่อยวาง
                       ฟ้าสางออกกำลังกาย เดิน รำมวยจีน  โยคะ หรือตีกอล์ฟ(ขณะตีกอล์ฟระหว่างเดินจะเดินแบบจงกรม คือ มีสติอยู่ที่การก้าวย่างเท้า)
                       รับประทานอาหารสามเวลา ตรงเวลาในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย และยึดหลัก 2:1:1 คือ ผักสองส่วน ต่อข้างหนึ่งส่วน ต่อโปรตีนหนึ่งส่วน เป็นปลาส่วนใหญ่ งดอาหารรสจัด งดของทอด และมัน ไม่กินจุบจิบ
                       ไม่รับข่าวสารทางการเมือง หรือข่าวทั่วไปทั้งสิ้น เพราะไม่อยากคิดและว้าวุ่นใจ เดือดดาลใจ และห่างไกลผู้คน คือติดต่อให้น้อยๆ ไม่ไปยุ่งกับใครทั้งสิ้นเพราะไม่อยากหาทุกข์ใส่ตัว สนใจแต่ตัวเองเปนหลักดูความต้องการของกาย-จิต
                       เข้านอนสามทุ่ม
                       อยู่กับปัจจุบัน โดยพยายามให้มีสติ อยู่กับอิริยาบถย่อยตลอดเวลา ไม่ส่งจิตออกนอก คือเวลาทำอะไรไม่คิดออกนอกการกระทำ คือทำด้วยการมีสติ รู้ตัวตลอดเวลา จนจะกลายเป็นนิสัยแล้ว
                       การไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนจำนวนมาก ทำให้จิตไม่มีเรื่องที่จะคิด แต่จิตมันต้องคิด จะทำให้เราสามารถมีเวลาที่จิตมันจะคิดในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ในสิ่งที่เราอยากรู้ หรือถ้ามันไม่คิด มันก็มีแต่ความสงบ ว่างเปล่า
                       จากการทดลองตัวเองมาเกือบสองปีแล้ว เชื่อมั่นได้ว่าวิธีนี้จะทำให้พี่สิงห์ไม่เป็นโรคเรื้อรัง คือ อ้วน เบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือเจ็บป่วย เพราะก็ไม่เจ็บป่วยมานานมากแล้ว จึงคิดว่าเป็นแนวทางที่ควรจะกระทำต่อเพื่อตัวเราเองจะไม่ลำบากเมื่อแก่ หรือ หลานๆ จะไม่ลำบากเพราะต้องเสียเวลามาดูแลพี่สิงห์ จึงยอม "อดเปรี้ยว เอาไว้กินหวาน" ถามว่ากระทำแบบนี้ลำบากไหม? คำตอบคือไม่เลย เราก็อยู่อย่างพอเพียงได้ แม้จะขาดหายอะไรไปได้ ก็ไม่กระทบกระเทือนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ที่ยังต้องทำงานอยู่ แต่กลับทำให้เราสามารถทำงานได้ดีมากกว่าเดิมเสียอีก
                       นี่คือสิ่งที่พี่สิงห์ค้นพบจากการทดลองตัวเอง มาแล้วทั้งสิ้น ครับ
                       สวัสดี

   โอย......แล้วอย่างนี้อ้อยจะทำตามพี่ได้ไหมล่ะเนี่ย...เมื่อคืนก็นอนดึก..555.
    กินอาหารไม่ตรงเวลา กินไม่ได้สัดส่วน ไม่ออกกำลังกาย และ....อีกหลายอย่างที่ไม่ดี...
    ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีโรคภัยร้ายแรง มีปัญหาอยู่ตัวเดียวคือไขมันในเลือดสูงกว่ามาตรฐานนิดหน่อย...
    พยายามจะแก้ไข...แต่ยังไม่สำเร็จเลยค่ะ.....
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 75 76 [77] 78 79 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><