ดวงตาเห็นธรรม
"คำว่า "เห็นธรรม"
ต้องเป็นการ "เห็น" ไม่ใช่ไป "เอา"
คนที่มีดวงตาเห็นธรรม
เขาไม่ได้เห็นอะไร
เป็นการเห็นกายเห็นใจตนเองตามที่เป็นจริง
การเห็นสิ่งอื่น ไม่ว่าจะเป็น การเห็นแสงสี
เห็นตัวเลข เห็นเบอร์
เห็นเทวดา นรก สวรรค์ นั้น
ไม่ใช่เห็นธรรมะหรอก
เป็นความหลงทั้งหมด
ของจริงมันต้องเห็นทั้งลืมตาหลับตา
เพราะการเห็นธรรม
มันเห็นด้วย "ตาปัญญา"
จึงเห็นได้ทั้งในที่มืดที่สว่าง
การบรรลุธรรม หรือการเป็นพระอริยบุคคล
มันอยู่ที่การรู้จักความจริงของตัวเอง
ถ้ารู้จักความจริงของตัวเราเองว่าเราเป็นอย่างไร
ก็อาจเป็นอริยบุคคลได้
เนื้อหาหรือเป้าหมายของการบรรลุธรรม
ก็เพื่อมารู้จักตัวเองตามความเป็นจริง
อยากบรรลุธรรมไหม ?
รู้จักตัวเองให้มากๆ
ถ้าเรารู้จักตัวเองแล้ว
เราจะรู้จักคนอื่นทุกคนบนโลกนี้
เราจะรู้นิสัยของคนทั้งโลกได้นั้น
ต้องมารู้จักตัวเองก่อน
เพราะคนเราทุกคน
รักความสุข เกลียดความทุกข์
มันเหมือนกันทั้งนั้นแหละ
เรารู้ตัวเราแค่คนเดียว
เราจะรู้จักคนทั้งโลกเลย
เราต้องฝึกให้มีสติมากๆ
โดยเริ่มนับ ๑ จากตัวเราก่อน
ทำให้มากๆ เรื่องคนอื่นไม่เป็นไร
โดยมากเราจะรู้จักตัวเองจากกระจกทั้งนั้น
นั่นรู้จากข้างนอก
การปฏิบัติของเรามันเริ่มจากข้างในตัวเรา
แล้วจะไปเริ่มเห็นข้างนอก
ไหนใครเริ่มรู้จักตัวเองบ้าง?
เราเป็นคนมีนิสัยอย่างไร ?
นี่คือ การเริ่มต้นรู้จักตัวเอง
การปฏิบัติธรรม ให้ทำเล่นๆ
ทำด้วยความผ่อนคลาย แต่ต่อเนื่อง
การเดินจงกรม เหมือนเดิน ช็อปปิ้ง
การยกมือ สร้างจังหวะเหมือนการปัดยุง
ฟังธรรมเหมือน ฟังเพลง
คุยกับใครเหมือนคุยกับเพื่อน
แต่เราทำด้วยความรู้สึกตัว
ชีวิตเราจะผ่อนคลายมาก ไม่เครียด
ลองดูนะ อันนี้เชื่อเรา
ความจู้จี้ เป็นอริยบุคคลไม่ได้
เพราะเราตั้งใจเกินไป
ฉะนั้นทำเล่นๆ ให้ผ่อนคลาย
การบรรลุธรรม จิตใจต้องผ่อนคลาย
จิตใจที่ตึงเครียด ธรรมะไม่เกิด
จิตใจที่ฟุ้งซ่านหรือหย่อนไป ไม่เห็นธรรมะ
ให้ทำแบบสบายๆ สายกลาง
ทำอยู่เรื่อยๆ ต่อเนื่อง อันนี้ธรรมะจะเกิด"
อ.กำพล ทองบุญนุ่ม
เครดิตเพจ ชมรมเพื่อนคุณธรรม