28 มิถุนายน 2567, 07:29:10
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 565 566 [567] 568 569 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3329839 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14150 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 06:07:06 »



อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ

วันนี้เป็นวันที่สิบสาม หลังการผ่าตัด ปกติดี ไม่เจ็บอะไรมากนัก มีกระตุก ๆ ฝห้รู้สึกบ้างเป็นครั้งคราว คงเป็นเรื่องปกติของมัน

การลุก การนั่ง เกือบเป็นปกติ คืออยู่ในท่านอนสามารถลุกนั่งได้ปกติ

แต่ก็ยังระวังอยู่  คือให้มีสติในการเลื่อนไหวร่างกายทุกขณะ  ให้จิตมันจำว่าเราเป็นผู้ป่วย  ไม่ให้เผลคิด แล้วเคลื่อนไหวร่างกาย มันไม่ดี นั่นละหลงในความคิด ลืมกาย เวทนา จิต ธรรม ละ

เมื่อคืนหลับยาก  เพราะฟุ้งมาก จากการดูหนังศึกษาประวัติของพระเจ้าอโศกมหาราช  ผู้ส่งสมณฑูตออกเผยแผ่พุทธศาสนาถึง ๙ สาย จนฝังรากลึกได้

พระเจ้าอโศก เป็นนักรบ ฆ่าคนมามากโดยเฉพาะการรบครั้งสุดท้ายที่ปราบแคว้นกลิงคะ คนตายเป็นแสน ๆ  จนทุกคนประนามว่าเป็นนักฆ่า เมื่อทำที่สุดได้แล้ว จิตมันก็สลดที่สุดในผลที่ตนเองกระทำเหมือนกัน ไปในทางตรงกันข้าม คือเมตตาธรรม  ไม่ฆ่าอีกยุติการฆ่า นำพุทธศาสนามาใช้ปกครองประเทศ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  จนได้รับการสรรเสริญจากประชาชน เมื่อพระองค์ตายไป ประชาชนผู้ศรัทธา  จึงสร้างสถูปย์ที่งดงาม เล่าเรื่องพุทธศาสนา ไม่มีใครกล้าทำลาย แม้กระทั่งพวกมุสลิมที่ปกครองอินเดียต่อมา สถูปย์นั้นอยู่ที่รัฐโอริสา  และยังมีอีกมากทั่วอินเดียโดยเฉพาะเสาอโศก  ตามพุทธสถาน และสถูปย์ของพระเจ้าอโศก  ประมาณกันว่า ๔๗ ต้น

เป็นเพราะตื่นเต้น  คิด  จึงหลับยาก เป็นการต่อสู้ของสติ กับ คิด  แต่สุดท้ายความคิดก็แพ้  หลับสนิท แบบไม่ฝัน ถึงจะหลับน้อยแต่ก็เพียงพอ เพราะหลับลึก

สติ เป็นใหญ่กว่า ความคิด ขอให้มีวิริยะ  จิตมันจะยอมแพ้เอง

ยาแก้อักเสบ กินครบแล้วตามที่คุณหมอ สั่ง หวังว่าระบบขับถ่ายจะเป็นปกติ ท้องไม่ผูก  เหลือเพียงยารักษาต่อมลูกหมาโต กินก่อนนอน

สวัสดี

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #14151 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 06:41:56 »

ชอบตอนนี้ครับ

"พระเจ้าอโศก เป็นนักรบ ฆ่าคนมามากโดยเฉพาะการรบครั้งสุดท้ายที่ปราบแคว้นกลิงคะ คนตายเป็นแสน ๆ  จนทุกคนประนามว่าเป็นนักฆ่า เมื่อทำที่สุดได้แล้ว จิตมันก็สลดที่สุดในผลที่ตนเองกระทำเหมือนกัน ไปในทางตรงกันข้าม คือเมตตาธรรม  ไม่ฆ่าอีกยุติการฆ่า นำพุทธศาสนามาใช้ปกครองประเทศ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  จนได้รับการสรรเสริญจากประชาชน เมื่อพระองค์ตายไป ประชาชนผู้ศรัทธา  จึงสร้างสถูปย์ที่งดงาม เล่าเรื่องพุทธศาสนา ไม่มีใครกล้าทำลาย แม้กระทั่งพวกมุสลิมที่ปกครองอินเดียต่อมา สถูปย์นั้นอยู่ที่รัฐโอริสา  และยังมีอีกมากทั่วอินเดียโดยเฉพาะเสาอโศก  ตามพุทธสถาน และสถูปย์ของพระเจ้าอโศก  ประมาณกันวา ๔๗ ต้น"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14152 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 06:45:53 »



องค์ไหน หลงอยู่ในความคิด ก็นั่งสัปปะหงก

องค์ไหน มีความรู้สึกตัวที่กาย ก็ไม่นั่งหลับ

แต่ถ้าหลับตานาน ๆ สติมันก็แพ้ความคิด หลับได้ง่ายมาก เพราะจิต มันชอบคิด

ดังนั้น ๆ ต้องค่อย ๆ ฝึก และเอาชนะความคิด เอาชนะความง่วง  เอาชนะเวทนา ที่เกิดขึ้นให้ได้สักครั้งนั่งให้นานจนไม่มีเวทนา ไม่ง่วง  จิตมันจะได้จำได้ ในอารมณ์ปีติ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14153 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 06:49:13 »



สวัสดีครับ คุณน้องเริง๒๐

ขอบคุณมาก ที่แวะมาทักทาย

รักษาสุขภาพครับ ป่วยขึ้นมามันทุกข์

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14154 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 07:31:12 »



อาหารเช้า วันนี้

น้องสาว เป็นผู้จัดหามาให้

ดังนั้น  ต้องอยู่อย่างง่าย  ไม่เรื่องมาก  ไม่ขออะไรเลย  กินได้ทั้งนั้น

และต้องขอบคุณ ที่เขามีเมตตา  และต้องสาธุ

ปกติเราหาของเราเอง และเพื่อคนอื่น คือพระ  หลาน  เพื่อนบ้าน(ของแปลก ๆ)

เคล็ดลับในการกินข้าวให้อร่อย คือผสมกับข้าวหลาย ๆ อย่างรวมกัน แล้วตักกิน เคี้ยวนาน ๆ พอความหวานของข้าวออกมา มันก็อร่อยไปเอง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14155 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 10:06:54 »



อุปสรรค ในการเจริญสติปัฏฐาน ๔ !

อุปสรรค ในการเจริญจิตภาวนา นอกเหนือจากปัจจัย ๔ และสิ่งสัปปายะทั้งหลาย อันได้แก่ สถานที่   ครู อาจารย์ ผู้สอนแล้ว สิ่งนั่นก็คืิอ

จิต หรือ ใจ ของเรานี่เอง ที่เป็นอุปสรรคยิ่งในการตั้งสติปัฏฐาน ๔

สิ่งที่ปิดกั้นความดี ไม่ให้จิตของเรากระทำความดี ที่จิตมันไม่ชอบ สิ่งนั้นเขาเรียกว่า "นิวรณ์ ๕"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14156 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 11:59:06 »



นิวรณ์ ๕ ประกอบด้วย
- กามฉันท์
- พยาบาท
- ถึนมิทธะ
- อุทธัจจกุกกุจจะ
- วิจิกิฉา

นิวรณ์ ๕ นี้ เป็นธรรม ที่ตรงกันข้ามกับ สมาธิ ณาน และญาณ

เมื่อใด มีนิวรณ์ เกิดขึ้น เมื่อนั้น ไม่มีสามาธิ
เมื่อใด มีสมาธิิ เกิดขึ้น เมื่อนั้น ไม่มีีนิวรณ์

ดังนั้น นิวรณ์จึงเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติ ที่ต้องเกิดขึ้นทั้งในการตั้งสติปัฏฐาน ๔ และการดำรงชีวิตของเรา

แต่อย่างที่พระพุทธองค์ ทรงสอนว่า จิตมนุษย์นั้นฝึกได้  เราในฐานะ นักเจริญสติภาวนา อย่างน้อยสักครั้ง ต้องเจริญสตินานจนสามรถละนิวรณ์ ๕ ได้ สักครั่ง เพื่อให้จิตมันได้เรัยนรู้อารมณ์ ที่เกิดจากนิวรณ์ ๕  เมื่อจิตมันรู้แล้วเวลาเกิดนิวรณ์ ๕ ขึ้น จะได้รู้ว่านี้คือนิวรณ์ ๕ เป็นกิเลสที่จะไม่ให้เราตั้งสติปัญฐาน ๔ จนเป็นสมาธิ เมื่อเรารู้ เรากำเอานิวรณ์ ๕ นั้นมากำหนดรู้จน เอาชนะมันได้ คือสามารถละนิวรณ์ ๕ ได้ จิตตั้งมั่น อยู่ใน ญาณ ที่ ๑ ได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14157 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 13:38:15 »



อย่างพี่สิงห์  ตั้งใจจะเขียนนิวรณ์ ๕ ให้จบ เป็นการทำดี

แต่มีนิวรณ์ เกิดขึ้นในจิต  บอกว่า อย่าเพิ่งเขียนให้จบเลย ไปทำอย่างอื่นก่อน
ผลคือ ไปทำอย่างอื่นก่อนก็เลยยังไม่ได้เขียนให้จบ

อย่างนี้เรียกว่า นิวรณ์ที่เกิดขึ้นในการดำรงชีวิต คือ ตั้งใจทำความดี  แต่จิตไพร่ไม่ทำตามนั้น อย่างนี้เป็นต้น

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14158 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 16:24:55 »



"จงขยันมีสติ-สัมปชัญญะ
ขอให้ถือเอาว่า เป็นมืออาชีพ
ถ้านักบวชไม่ได้ใส่ใจ ในการเจริญสติ
ก็ถือว่าพลาดโอกาส"

หลวงพ่อคำเขียน   สุวัณโณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14159 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 19:20:33 »



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #14160 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 20:18:44 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์

ห่างเว็ปไปนานา ด้วยภาระกิจรัดตัวครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14161 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 06:38:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 14 มีนาคม 2558, 20:18:44
สวัสดีครับ พี่สิงห์

ห่างเว็ปไปนานา ด้วยภาระกิจรัดตัวครับ

สวัสดีครับ คุณเหยง

ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยม

ภาระกิจ อาชีพ หน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่ต้องกระทำเป็นอันดับแรก มันก็ถูกต้องแล้ว สมควรกระทำ

แต่การแบ่งเวลา เข้ามาบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ดี เช่นกัน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14162 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 06:46:43 »



ถ้าอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ เราคงได้ใส่บาตร ตามที่เรามี  แต่เราไม่สามารถเดินไปไกล ๆ ใส่บาตรได้ ต้องพึ่งคนอื่น สู้อยู่เฉย ๆ ดีกว่า จะได้ไม่มีใครเดือดร้อน

วันนี้ ครบ ๑๔ วัน หลังการผ่าตัด พรุ่งนี้เอาพลาสติกปิดแผลออก ตามที่พยาบาลสั่งเอาไว้  แผลถูกน้ำได้ แผลคงจะหายทั้งภายใน และภายนอก
แต่ยังเกร็งกล้ามเนื้อท้องไม่ได้  ออกกำลังกาย ยกของหนักไม่ได้ ต้องระวังต่อไป ไม่ให้เกิดแรงดันในช่องท้อง จนกว่าจะครบ สามเดือน เพราะแผลภ่ยใน ประสาท ยังไม่ติดกันสนิท ยังมีความรู้สึกเจ็บเวลาเกร็งกบ้ามเนื้อท้อง ไอ จาม จึงต้องระวังตัวต่อไปด้วยสติ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14163 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 06:49:30 »



กรณีแบบนี้ พระท่านต้องสวด ปฏิสังขาโย พิจารณาอาหาร ก่อนฉัน เพื่อไม่ให้มัวเมาในรสชาดของอาหาร เพราะท่านไปหยิบเอง คนถวายไม่มี ไม่ผิดธรรมวินัย


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14164 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 06:51:22 »



พระเจ้าอโศกมหาราช

ทางยูเนสโก  ยกให้เป็นบุคคลที่มีความสำคัญ อันดับหกของโลก โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอันดับหนึ่ง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14165 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 06:52:10 »



จะต้องประเคนอาหาร  หรือไม่ประเคนอาหาร ได้ทั้งนั้น

แต่กรณีไม่ประเคน ต้องพิจารณาอาหารก่อนเสมอ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14166 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 06:57:23 »



พระ ท่านต้องฉันในบาตร จะใส่กับข้าวที่ละคำ หรือใส่กับข้าวไปคลุกข้าวแล้วฉันได้ทั้งนั้น ที่สำคัญคือ รู้ประมาณในการบริโภค ไม่หลงมัวเมาไปกับรสชาดของอาหาร

แต่ปัจจุบัน อาจจะตักข้้าวใส่จาน ใช้ช้อนซ่อม ได้  ก็ไม่ว่ากัน อยู่ที่ตัวท่านว่า บวชเพื่อใคร  ถ้าบวชเพื่อพระศาสนา ก็ต้องปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14167 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 07:02:46 »



แต่ตามธรรมเนียม ปฏิบัติ พระท่านฉันข้าวแล้ว ต้องให้พรพระ เสมอ คนใส่บาตรจะได้สุขใจ ได้รับอานิสสง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14168 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 09:19:51 »



มะขามเทศ  เป็นอาหารท้องถิ่น ตามฤดูกาล

หน้านี้ เป็นหน้ามะขามเทศ ออกฝัก เป็นอาหารของนก และมนุษย์

สมัยเป็นเด็ก ฤดูนี้ปิดเทอม อยู่บ้าน  กลางวันก็ต้องไปเก็บพุดทรา มะขามเทศ ตามท้องนา ตามคลอง รับประทาน ไม่มีใครว่า 

วันนี้กินมะขามเทศ เป็นอาหารว่าง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14169 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 09:28:19 »



พุทธศาสนา เจริญรุ่งเรือง อยู่ในอินเดียถึง 1700 ปี

พุทธศาสนา เจริญสูงสุดในอินเดีย สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ดูได้จากพุทธสถานที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของอินเดีย

พุทธศาสนา หายไปจากอินเดีย 700 ปี แบบสิ้นซากเลยทีเดียว

มันเกิดอะไรขึ้นกับ พุทธศาสนาที่อินเดีย

ภายหลังจากเสร็จสิ้นการสังคยานา ครั้งที่ ๓ ในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระ  ท่านทราบดีว่า ในอนาคตกาล พุทธศาสนาจะสิ้นไปจากชมพูทวีป  ท่านจึงแนะนำให้พระเจ้าอโศกมหาราช  ส่งพระธรรมฑูต ออกไปเผยแผ่คำสอนยังพื้นที่อื่นนอกชมพูทวีป ถึง ๙ สาย เพื่อให้พุทธศาสนายังคงอยู่ในโลกสืบไป

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14170 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 09:49:15 »



พระพุทธศาสนา สูญสิ้นไปจากอินเดีย เพราะ พระภิกษุ  พระภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา  ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเอาไว้

พระพุทธศาสนา ถูกแบ่งออกเป็น ๒ นิกาย ตั้งแต่สังคยนาครั้งที่ ๒ แล้ว คือ
- ฝ่ายเถระวาท  ที่ยังปฏิบัติตามดั้งเดิมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน
- ฝ่ายมหายาน  ที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพสังคมในสมัยนั้น ๆ

ฝ่ายเถระวาท  ยากต่อการปฏิบัติ และเข้าใจได้สำหรัับปุถุชนม์ทั่วไป

ฝ่ายมหายาน ปฏิบัติง่าย เพียงยึดหลัก กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ และมโนกรรม ๓ เป็นหลัก  แต่ภายหลังมหายานได้แตกออกเป็นลัทธิตันตระ หรือวชิรยาน นิกายหมวกเหลือง นิกายหมากแดงในธิเบต  สงฆ์แบบจีน  เกาหลี  ญี่ปุ่น

เพราะพระพุทธศาสนามหากิกายยึดหลักการตรันตระ คือนับถือไสยศาสน์ เวชมนต์ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มขึ้นมานี้เอง

ประกอบกับศาสนาพราหมณ์ ได้ผนวกเอาพระพุทธเจ้าเป็นพระนารายน์อวตาลลงมาเกิด เป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง ศาสนาพราหมณ์ผนวกเอาลัทธิตรันตนะ เข้าไปด้วย และเพิ่ม ห้ามฆ่าสัตว์ กินอาหารมังสะวิรัส มีเทพเจ้าคอยช่วยเหลือ หลายองค์ มีการตั้งวัดสอน จนกลายมาเป็นศาสนาฮินดู  ชนม์ส่วนใหญ่ชอบ  ง่ายในการปฏิบัติ และก็คล้าย ๆ กับฝ่ายมหายานตรันตระ พระพุทธเจ้าก็ยังมีให้กราบไหว้ในศาสนาฮินดู

ส่วนฝ่ายมหายาน มีแต่นักปฏิบัติเพื่อตนเอง  ไม่สอนชาวบ้าน จำนวนจึงค่อย ๆ ลดลง

เหตุเหล่านี้ คือเหตุปัจจัยที่คนอินเดียเลิกนับถือพุทธศาสนา หันไปนับถือศาสนาฮินดู ที่ปฏิบัติง่าย และคล้ายกัน  ประกอบกับพวกเติิร์กมุสลิมมาปกครองภาคตะวัันออก ทำลายพุทธศาสนาในแคว้นมคธ ทั้งหมด พุทธศาสนา จึงหายไปจากอินเดีย 700 ปี

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14171 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 10:03:15 »



พระเจ้าอโศก มีคุณูปการสูงสุด ต่อพุทธศาสนา ได้บวชเพื่อกระทำความเพียรเพื่อตนเอง มีศรัทธายิ่งในพุทธศาสนา แต่ทำไมพระเจ้าอโศก เป็นเพียงอุบาสกที่ดียิ่ง ไม่ได้เป็นพระอริยะบุคคล ชั้นโสดาบัน

เช่นเดียวกัน พระเจ้าอชาติศรัตรู  ได้ฟังธรรมโดยตรงจากพระพุทธองค์  แต่ก็ไม่ได้บรรลุพระโสดาบัน เป็นเพราะพระเจ้าอชาติศรัตรู ทรงทำปิตุฆาตุ นั่นเอง

ทำนองเดียวกัน พระเจ้าอโศกฆ่าคนจำนวนมาก พี่-น้อง และครั้งหลังสุด ฆ่าคนตายที่รบชนะแคว้นกลิงคะ เป็นแสน ๆ พระองค์เห็นซากคนตาย จนสลดในการกระทำของพระองค์ ทรงทิ้งดาบ หันมาพึ่งธรรม แต่เพราะทำกรรมมามาก จึงไม่ได้บันลุพระโสดาบันแต่อย่างใด

กรรมดี  ก็ส่วนกรรมดี
กรรมชั่ว ก็ส่วนกรรมชั่ว
ชดเชยกันไม่ได้ ในสิ่งที่ผิดไปแล้ว
มีแต่ทำกรรมดีีให้มากไว้ พอจะชำระจิตใจได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14172 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 12:05:08 »


พระนพ  ธีรวโร  ท่านอุ้มเด็กอินเดีย

พุทธศาสนา ในประเทศไทย !

ต้องยอมรับความจริงว่า พุทธศาสนาในประเทศไทย แปรเปลี่ยนไปมาก

- พระท่าน(บางรูป)ต้องการลาภ  สักการะ  ยศ  สรรเสริญ จึงทำทุกวิธี ให้มีชื่อเสียง แม้จะตู่คำสอนของพระพุทธองค์บ้างก็ตาม เพราะ ปัจจุบันเงินเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต  ถ้าญาติโยมติดแล้ว เงินเป็นเรื่องง่ายมาก หาได้ง่าย  

- พระท่านชอบสร้างถาวรวัตถุ  โดยมีคำอ้างว่าเพื่อพุทธบูชา  แต่พระพุทธองค์ท่าน ทรงสอนให้เอาพระธรรม พระวินัยไปปฏิบัติให้พ้นทุกข์  เหตุ พระท่านต้องสร้างถาวร วัตถุ เพราะเพื่อยศ ตำแหน่งทางสงฆ์  และเพื่อแสดงว่าตนเองมีบารมีมาก มีคนเอาเงินมาให้มาก  จนลืมไปว่า ผู้ให้เขาก็แย่เหมือนกัน แต่บ่นไม่ได้เพื่อหลวงพ่อ ท่านพิจารณาเอาเองเถิด ไม่กล้าล่วงเกินสงฆ์
 
- เราต้องยอมรับความจริงว่า การปฏิบัติตั้งสติปัฏฐาน ๔  ยุคปัจจุบันมันยาก  คนใจร้อน  จึงขอเลือก การทำบุญด้วยเงิน มันง่ายดี ไม่ลำบากอะไรเลย ใครหรอกว่าทำบุญได้บุญมาก  ยิ่งบริจาคใหญ่เลย เพื่อชื่อเสียง เพื่อความสุขที่มีคนสรรเสริญ  จึงยิ่งบริจาค

- พระท่านรับเงินมา ท่านกลัวชาวบ้านว่า ท่านก็เอาเงินไปสร้าง  แทนที่จะเอาพระธรรมไปสอน  จนวัดมากกว่าพระแล้ว  วัดล้างก็มาก

- พุทธศาสนาปัจจุบัน มีแต่พืธีการ  สวดมนต์ขอพร  อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธ์โดย อ้างพุทธคุณ  ธรรมคุณ  สงฆคุณ มาช่วย มันตรงข้ามกับคำสอน  ตามที่ฝรั่งเขาว่าไว้  มันจะคล้าย ๆ มหายานยันตระ หรือวชิรยาน ก่อนที่พุทธศาสนาจะสิ้นไปจากอินเดีย

ยังมีอีกมาก  ทุกท่านก็เห็นกันอยู่

ผมก็ยอมรับความจริง การปฏิบัติมันยาก  เพราะมันไม่มีอะไร  จะหาให้มันมี มันย่อมไม่มี  จึงต้องมีศรัทธายิ่ง  จึงจะเอาชนะใจตนเองได้ เพราะมารมันแยะ มารทางกามคุณ ๕ และนิวรณ์ ๕


สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14173 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 16:32:17 »


พระนพ  ธีรวโร  ท่านถ่ายภาพตามที่ท่านเห็นมาฝาก ขณะเดินธุดงค์ ๔ สังเวชนีย์

พุทธศาสนานั้น ไม่มีใครมาทำลายมันได้ ตราบใดที่ภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา ยังยึด ปฏิบัติธรรม ตามพระธรรม และพระวินัย อยู่

พุทธศาสนาที่อินเดีย สิ้นไป 700 ปี เพราะภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา  ไม่ปฏิบัต ตามพระธรรม และ พระวินัย ที่บัญญัติไว้  แต่กลับไปเชื่อพิธีกรรม  เชื่อเวทย์มนต์  กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ช่วย  พุทธศาสนา ลดตัวเองลงมาแบบนั้น มันจึงสิ้นไปจาก อินเดีย 700 ปี

ประเทศไทยพุทธศาสนากำลังอยู่ในยุคขาลง ที่พระภิกษุ ผู้มีอำนาจเงิน สอนผิดแนวทาง ไม่ยึดพระธรรม  พระวินัย  ของดั่งเดิม ตู่คำสอน ตามที่พระพุทธองค์ทรงทำนายเอาไว้ มันก็จะสิ้นไป กลับมีนิกายใหม่มาแทน เหมือนมหายานตันตระในอินเดีย พุทธศาสนา ก็จะสิ้นไป จากประเทศไทย ในกาลข้างหน้า แต่ไม่ยุคนี้ อาจจะอีกสอง - สามชั่วอายะคน

ดังคำทำนายของ อดีตรองสมเด็จพระสังฆราช(สมเด็จเกียว) ท่านได้ทำนายเอาไว้ สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านทำนายไว้เพียงชั่วอายุ คน คนเดียวเอง  แสดงว่าท่านก็รู้  แต่ท่านต้าน อำนาจเงิน ไม่ได้เพราะมันฝังรากลึกเสียแล้ว

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14174 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 16:47:58 »



สวัสดียามเย็น ทุกท่านครับ

วันนี้ ดร.สุริยา  ได้ขับรถมาเยี่ยม

ขอขอบคุณยิ่ง

จึงได้มีโอกาส ลองนั่งรถดู  และต้องเดินไกล เป็นการพิสูจน์ตัวเอง

ถ้าจะดื้อรั้น  ก็น่าจะเดิน ทางไกลกลับ กทม.ได้  แต่ยังขับรถไม่ได้ มันยังไม่พร้อม เพราะขาขวายังออกแรงมากไม่ได้  ขนาดนั่งรถ มันยังสะเทือนจับความรู้สึกเจ็บได้  แสดงว่าแผลมันยังไม่สนิท ประสาทยังไม่เชื่อมต่อกัน  คงต้องอดทน พักผ่อนต่อไป  จนกว่าจะหายดี จริง ๆ

อยู่นี่ก็ดี มีข้าว และได้เจริญสติ ในแต่ละวันอยู่ได้เพราะไม่คิดอะไร  ไม่ทำอะไร กิน กับ เจริญสติภาวนา เท่านั้น วันหนึ่ง ๆ เป็นการต่อสู้กับจิต ตนเอง

สวัสดี



ดีใจ ที่่ ดร.สุริยา  กินน้ำพริก กับ มะเขือต้ม

วันที่ ๒๔ มีนาาคม  คุณหมอสมเจตต์  นัดตรวจ ติดตามมผล และ
จะตรวจอัลตร้าซาวด์ ถุงน้ำดี อีกครั้ง ว่ามีก้อนเนื้อไหม? แต่ิย่างไร ตอนนนี้ของด เนื้อสัตว์ทั้งหมด มีเนื้อปลาบ้างนิดหน่อย คือไม่ให้อาหารแก่ก้อนเนื้อนั้น อาหารหลักของมันคือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 565 566 [567] 568 569 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><