สถานปฏิบัติธรรมเสวตสมบูรณ์ วัดปลายนา ปทุมธานี พระอาจารย์โกศิล ปริปุณโณ
สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเอกที่จะไปสู่ "พระนิพพาน"
สติ คือการระลึกได้
กรรมฐาน คือการนำจิตไปผูกติดกับฐาน(ระลึกได้ที่ฐาน)
สติปัฏฐาน คือการเอาสติ มาผูกอยู่ที่ฐาน ที่เรียกว่า กรรมฐาน มีอยู่ ๔ ฐาน ด้วยกัน ที่เราต้องใช้ หรือรู้สึกได้ หรือระลึกได้ ตลอดเวลาในฐานทั้ง ๔ นั้น เมื่อใดระลึกได้(สติ ความรู้สึกตัว)ที่ฐานทั้ง ๔ นั้น เราจะไม่คิด - รู้สึกตัว เมื่อไม่คิด ก็ไม่ทุกข์
สติ การระลึกได้ หรือความรู้สึกตัว ที่กรรมฐานทั้ง ๔ นั้น เราระลึกรู้ได้ จากการผัสสะของอายตนะ ทางทวารทั้ง ๖ นั่นเอง
ฐานที่จิตไปเกาะ หรือกรรมฐานทั้ง ๔ นั้น ประกอบไปด้วย
- การพิจารณากายในกาย
- การพิจารณาเวทนาในเวทนา
- การพิจารณาจิตในจิต
- การพิจารณาธรรม
เมื่อพิจารณา(เอาจิตไปเกาะ จะไม่คิด มีแต่การระลึกได้) สิ่งที่ตามมาคือ เราจะไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ตัดความโสมนัส ความโทมนัสในโลกออกเสียได้ มีความระลึกได้เฉย ๆ ที่หลวงพ่อคำเขียน ท่านสอนว่า ให้ "รู้ซื่อ ๆ" ไม่ถามเหตุ ไม่หาผล คือไม่คิดต่อนั่นเอง ทั้งภายในตัวของเรา และบุคคลอื่น ด้วย
พิจารณากายในกาย
พิจารณากายในกาย คือเอาสติ(ความระลึกได้ในกาย)มาพิจารณากายของตน เมื่อมีสติ ความคิดจะดับลงทันที นี้คือธรรมชาติของจิต จะระลึกรู้ ได้อย่างเดียว ทำสองอย่างพร้อมกันไม่ได้
- ในแต่ละวัน เราต้องอยู่ในอิริยาบถ ทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน เมื่อยืนก็ให้รู้ว่ายืน เมื่ เดินก็ให้รู้ว่าเดิน เมื่อนั่งก็ให้รู้ว่านั่ง เมื่อนอนก็ให้รู้ว่านอน ดรรชนีตัวชี้วัด คือเมื่อใดระลึกได้ เมื่อนั้นก็ไม่คิด ฝึกอยู่อย่างนี้ ระลึกให้มาก กว่าคิด แล้วมันจะมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ในแต่ละวัน เราต้องมีการเคลื่อนไหวอวัยยวะของร่างกาย เช่นเหยียดแขน คู่แขน ยกแขน จับ หยุด รวมทั้งมีอวัยยวะใดเคลื่อนไหว เช่น การเต้นของหัวใจ เป็นต้น เมื่อนั้น ก็ให้ระลึกได้ ในสิ่งที่อวัยยวะนั้น เพียงระลึกได้ เฉย ๆ ไม่มีการคิดต่อ
- ในแต่ละวัน เราต้องกิน ต้องดื่ม ต้องถ่าย เมื่อกิน ดื่ม ถ่าย ก็ให้ระลึกได้ ณ ขณะนั้น เมื่อระลึกได้ มันก็ไม่คิด และไม่มีการคิดต่อ การจะไม่คิดต่อนั้น เราสั่งมันไม่ได้ เพราะรูป-นามเป็นอนัตตา แต่เราระลึกได้ คือสร้างความรู้สึกในผัสสะ นั้น
- ในแต่ละวัน เราต้องหายใจ เมื่อหายใจเข้าก็รู้ชัดว่าหายใจเข้า เมื่อหายใจออกก็รู้ชัดว่ากายใจออก เพียงระลึกรู้เฉย ๆ ไม่มีการคิดต่อ
- ในแต่ละวัน เมื่อ เราหายใจเข้าแล้วจะรู้สึกว่าท้องป่อง หน้าอกตึง ก็ให้ระลึกรู้เฉย ๆ และเมื่อเราหายใจออก ก็ระลึกได้ที่หน้าอก และท้องแฟบลง
กายถือเป็นกรรมฐานที่หยาบ คือระลึกได้ง่าย ดังนั้นทุกวันเราควรฝึก ให้จิตมาเกาะที่ฐานกาย ใก้ระลึกรู้ที่กาย มันง่าย เพราะเราต้องใช้กายในการดำรงชีวิต ตลอดเวลา กายจึงเป็นฐานยึดเกาะของจิต ในการระลึกรู้ได้ ดีที่สุด และง่ายต่อการปฏิบัติ
นอกจากนี้ เมื่อใดเราพบ เด็ก คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ซากศพในลักษณะต่าง ๆ ก็ให้ยกขึ้นมาพิจารณาว่า เด็ก คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ซากศพในลักษณะต่าง ๆ นั้น มันไม่เที่งลยง เป็นทุกข์ เป็น นัตตา สักวันมันก็ต้องเกิดขึ้นกับเรา ดังนั้น อย่างไปยึดถือร่างกายนี้ว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นัานเป็นของเรา ลงเสียได้
นอกจากนี้ ในกรณีที่ถูกกามราคะ เล่นงานอย่างหนัก ให้ระลึกได้ ในซากศพ ความน่าเกลียด ขยะ ขะแหยง เน่า เปื่อย เหม็น ของซากศพนั้น มาพิจารณา กามราคะ นั้น จะหายไปได้
สวัสดี