เหยง 16
|
|
« ตอบ #11325 เมื่อ: 28 มีนาคม 2558, 14:07:53 » |
|
วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2558
สวัสดีทุกท่านครับ
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11327 เมื่อ: 29 มีนาคม 2558, 16:57:52 » |
|
สวัสดีครับ คุณป้อม
ไปอยู่เชียงใหม่ ที่ รร.เอมเปรส ถนนช้างคลาน เมื่อวันจันทร์และอังคารที่แล้ว ไม่มีเวลาโทรหา ติดประชุม และวันอังคารเย็น ฝนกระหน่ำ เลยรีบบึ่งรถกลับครับ ใช้เวลานานขึ้นกว่า 2 ชั่วโมงจึงถึงนครสวรรค์
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11328 เมื่อ: 29 มีนาคม 2558, 17:00:12 » |
|
วันนี้ กทม.อ่อมเมืองอีกรอบ ทั้งๆที่พยากรณ์ว่ามีฝนร้อยละ 20
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 29 มีนาคม 2558 ลักษณะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่คลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา เซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม
ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11329 เมื่อ: 29 มีนาคม 2558, 17:02:25 » |
|
ข่าวจากเดลี่นิวส์...
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณี พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้ เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน โดยเฉพาะบนพื้นผิวการจราจรบนถนนหลายสาย ซึ่งมีน้ำท่วมขังในระดับสูงการจราจรเคลื่อนตัวได้ช้าสลับหยุดนิ่ง โดยบางจุดมีอุบัติเหตุรถชนท้ายเนื่องจากเบรกไม่อยู่ และรถเสีย ทำให้การจราจรยิ่งติดขัดสะสมหนักขึ้น
ที่ชุมชนเคหะฟื้นนคร หมู่ที่ 5 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ประชาชนได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่พัดถล่มเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายไม่สามารถพักอาศัยได้ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ที่บ้านเลขที่ 2/75 หมู่ที่ 5 ซึ่งเป็นบ้านแบบ 2 ชั้น หลังคากระเบื้องพังเสียหายเป็นรูโหว่ ทำให้น้ำฝนไหลเข้าท่วมเสื้อผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าจนพังไม่สามารถใช้การได้ ด้าน นางจันทร ยศปัญญา อายุ 51 ปี เปิดเผยว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก มีลมกระโชกแรง และได้เกิดฟ้าผ่าลงมาที่หลังคากระเบื้องจนแตกเสียงดังสนั่น ทำให้น้ำฝนไหลนองท่วมชั้น 2 ของบ้าน ตนจึงต้องพาลูกและหลานชายวัย 4 ขวบที่นอนป่วยโรคสมองพิการลงไปพักอาศัยหลบฝนอยู่บนแคร่ไม้ที่บริเวณชั้นล่าง ทั้งนี้อยากวอนให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ตรวจสอบที่บริเวณช่องทางคู่ขนานขาออกหลัก กม.ที่ 44 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบว่าฝนที่ตกลงมาทำให้ปริมาณน้ำท่วมขังพื้นผิวการจราจรสูงกว่า 20 ซม. เป็นระยะทางประมาณ 1 กม. ทำให้ทั้งรถเล็กและรถใหญ่ที่สัญจรผ่านไปมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ร.ต.ท ศุภกิจ สุดาเดช พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีอุบัติเหตุเรือลากจูงเรือบรรทุกสินค้า ล่มภายในแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่หมู่ 11 ต.บางกระสั้น มีผู้จมน้ำสูญหาย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยมูลนิธิพุทไธสวรรย์ ที่เกิดเหตุบริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา พบคราบน้ำมันจำนวนมาก ลอยอยู่บริเวณกลางแม่น้ำและพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายปิยฉัตร แย้มบุญมี อายุ 43 ปี คนขับเรือ มีอาการสำลักน้ำเกาะแคมเรือสินค้าพยุงตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือขึ้นจากน้ำก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนส่วนผู้สูญหายคือ นางวราพร เจียมเจริญพรกุล อายุ 38 ปี ภรรยา นายปิยฉัตร ชาวบ้านพบถูกกระแสน้ำพัดพาร่างไปติดคาอยู่บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 6 ต.เกาะเกิด มีอาการสำลักน้ำและน้ำเข้าปอดจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พยายามปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทันการณณ์จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายปิยฉัตรและนางวราพร ขับเรือยนต์ลากจูงเรือบรรทุกสินค้าเปล่ามุ่งหน้ากลับจ.อ่างทอง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเกิดลมพายุพัดกระโชกอย่างรุนแรงพัดเรือจนโคลงเคลงไปมาก่อนจะพลิกคว่ำจมลงกลางแม่น้ำเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุลมพายุพัดเสาไฟฟ้า และต้นไม้ขนาดใหญ่ ล้มทับยานพาหนะ และบ้านเรือน ในพื้นที่ต.บางกระสั้น ได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน โดยจุดเกิดเหตุ บริเวณริมถนนเส้น ราชคราม – บางไทร พบเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่จำนวน 40 ต้น ล้มระเนระนาด กีดขวางถนน และทับศาลาที่พักผู้โดยสาร บ้านพักคนงาน และรถกระบะ 2 คัน ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.บางปะอิน จึงเร่งดำเนินเคลื่อนย้ายเสาไฟฟ้า ออกจากพื้นผิวการจราจร นางสมหมาย นราพันธ์ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านที่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 11 ต.บางกระสั้น เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังทำงานอยู่มีคนโทรไปบอกว่าลมพายุฝนพัดแรงหลังคาบ้านปลิวว่อน จึงรีบเดินทางกลับมาดูบ้านพบ หลังคากระเบื้องถูกลมพัดหอบหายไปทั้งแถบ นอกจากนั้นบ้านเรือนในละแวกเดียวกัน และยานพาหนะ ต่างก็ได้รับความเสียหายไปตามๆกัน เบื้องต้นทางอำเภอได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดแล้วเพื่อเตรียมให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ที่จ.แพร่ นายสำราญ พะโพขันซ้าย นายก อบต.ทุ่งแคล้ว อ.หนองม่วงไข่ และ นางอำพร ชมพูมิ่ง กำนันตำบลทุ่งแคล้ว ได้ออกสำรวจความเสียหายพื้นที่หมู่ 1 , 2 ,3,และ 4 อ.หนองม่วงไข่ ซึ่งถูกพายุลูกเห็บ ถล่มอย่างหนัก จนไฟฟ้าดับทั้งตำบล พร้อมทั้งเปิดศูนย์แจ้งความร้องทุกข์ จากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้ง 235 หลังคาเรือน รวมถึงพื้นที่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังพบว่า โรงเรียนบ้านทุ่งแคล้ว โดนพายุลูกเห็บพัดถล่ม จนหลังคาปลิวห้องคอมพิวเตอร์เสียหาย โดยชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเห็นพายุลูกเห็บมากขนาดนี้ซึ่งฝนตกนานประมาณ 1 ชั่วโมงจึงหยุด ขณะนี้เร่งสำรวจความเสียหายทั้งหมดแล้ว ซึ่งทางพ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ม.พัน 12 ทหารค่ายพระยาไชยบูรณ์ อ.เด่นชัย จ.แพร่ได้นำกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้นแล้ว และนายศักดิ์ สมบุญโตผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ทราบ เหตุพายุครั้งนี้จึงสั่งให้ตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์เบื้องต้นต่อไปซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11331 เมื่อ: 31 มีนาคม 2558, 10:55:00 » |
|
โอกาสหน้า คงได้ไปอีกเป็นแน่
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11332 เมื่อ: 31 มีนาคม 2558, 10:56:26 » |
|
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2558 ลักษณะอากาศทั่วไป ลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1-3 เมษายน 2558 คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา เซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11333 เมื่อ: 31 มีนาคม 2558, 10:57:15 » |
|
อากาศร้อนและแห้งแล้งขึ้น
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11334 เมื่อ: 01 เมษายน 2558, 20:30:36 » |
|
ภาพประทับใจ ที่มีผลต่อจิตใจครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11335 เมื่อ: 01 เมษายน 2558, 20:36:26 » |
|
เผยภาพสะเทือนอารมณ์ แชร์กระหน่ำโลก ทำไมเด็กน้อยซีเรีย ต้องยกมือ "ยอมแพ้"กล้องนักข่าว
วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:10:27 น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ภาพเด็กหญิงน้อยซีเรีย ที่ยกมือเป็นสัญญาณยอมแพ้ ต่อหน้ากล้องผู้สื่อข่าวต่างประเทศ กำลังเป็นที่ฮือฮา และสะเทือนอารมณ์ เนื่องจากภาพดังกล่าวสะท้อนถึงภาวะสงครามในซีเรียที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และ"การยกมือยอมแพ้"ได้กลายเป็นเรื่องปกติวิสัยสำหรับประเทศนี้แล้ว
รายงานระบุว่า ภาพนี้เป็นภาพเด็กหญิงซีเรียได้ยกมือเสมือนเป็นการยอมแพ้ ขณะถูกช่างภาพรายหนึ่งบันทึกภาพ โดยถูกโพสต์ในทวิตเตอร์ของนายนาเดีย อาบู ชาน ช่างภาพนักข่าวรายหนึ่ง ก่อนจะถูกถูกรีทวีตมากกว่า 15,000 ครั้ง ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยผู้มีคนแสดงความเห็นต่างๆ มากมาย โดยบางรายบอกว่า เป็นภาพที่น่าเศร้าอย่างไม่น่าเชื่อ,นี่เป็นความล้มเหลวด้านมนุษยธรรม รวมทั้งบางรายที่บอกว่า ผมร้องไห้ทันที่เห็นภาพนี้ และในขณะที่มีกระแสกล่าวหาว่าภาพนี้ถูกจัดฉากสร้างขึ้น ได้มีการตรวจสอบภาพดังกล่าวไปยังต้นแหล่ง ซึ่งพบว่า ผู้ถ่ายภาพนี้คือ นายออสมาน ซากีอาห์ ช่างภาพชาวตุรกี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวมากว่า 25 ปี และคอยรายงานข่าวสงครามและภัยพิบัติ โดยเจ้าตัวบอกว่า เด็กหญิงในภาพชื่อว่า"ฮูเดีย"ซึ่งอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย"อัตเมห์"ในซีเรีย เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
โดย นายออสมาน ได้เดินทางไปยังค่ายพักพิงแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนตุรกีราว 10 กิโลเมตร และได้ถ่ายภาพเด็กหญิงน้อยดังกล่าว ที่แสดงอาการยกมือยอมแพ้ต่อหน้าเขาจริง โดยเขากำลังใช้เลนส์กล้องซูมระยะไกลถ่ายเด็กหญิงผู้นี้ แต่เธอคิดว่ามันคืออาวุธ
"ผมจึงรู้ว่าเธอกลัวหลังจากผมหยิบเลนส์ขึ้นมา และถ่ายภาพ เพราะเธอได้กัดริมฝีปากและยกมือขึ้น ซึ่งอาการของเด็กหญิงคนนี้แตกต่างจากปกติวิสัย เพราะปกติแล้ว เด็กๆ จะวิ่งหนี ซ่อนใบหน้า หรือรอยยิ้ม เมื่อเด็กๆ เห็นกล้อง"นายออสมานกล่าว http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427864286
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11336 เมื่อ: 02 เมษายน 2558, 15:29:52 » |
|
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออก ให้ระวังภัยจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ขณะที่พายุไต้ฝุ่น“ไมสัก” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะสลายตัวบริเวณชายฝั่งของประเทศจีนตอนใต้
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไป ว่า ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมียังคงฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น สำหรับคลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนเข้าปกคลุมตอนบนสุดของภาคเหนือแล้ว ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น“ไมสัก”(MAYSAK) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ และคาดว่าพายุนี้จะสลายตัวบริเวณชายฝั่งของประเทศจีนตอนใต้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และ เพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 19-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วนกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11337 เมื่อ: 02 เมษายน 2558, 15:33:01 » |
|
ชมชัดๆ “ดวงตาพายุ” ไต้ฝุ่นไม้สักจากนอกโลก2 เมษายน 2558 11:37 น. วานนี้ (1 เม.ย.) เทอร์รี เวิร์ทส์ นักบินอวกาศของนาซ่าทวีตภาพของซูเปอร์ไต้ฝุ่นไม้สัก (Maysak) ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ @astro_terry โดยเขาถ่ายภาพดังกล่าวบน สถานีอวกาศนานาชาติ ก่อนที่จะทวิตภาพให้คนทั่วโลกได้เห็นจำนวน 4 ภาพ สำหรับไต้ฝุ่นไม้สัก (Maysak) เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ลูกแรกของฤดูร้อนปี 2558 กำลังเคลื่อนตัวจากมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลาง มุ่งหน้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก โดยก่อนหน้านี้พายุไต้ฝุ่นไม้สักได้พัดถล่มหมู่เกาะยัพ ด้วยความเร็วลม 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำให้เกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คนบนหมู่เกาะไมโครนีเซีย More unbelievable views of the eye of #supertyphoon #Maysak. This was about 12 hours ago at sunrise, local time. A photo posted by Terry Virts (@astro_terry) on Apr 1, 2015 at 5:43am PDT More unbelievable views of the eye of #supertyphoon #Maysak. This was about 12 hours ago at sunrise, local time. A photo posted by Terry Virts (@astro_terry) on Apr 1, 2015 at 5:38am PDT Looking down into the eye of #supertyphoon #Maysak. The widest I’ve seen. It looks like a black hole from a Sci-Fi movie. A photo posted by Terry Virts (@astro_terry) on Apr 1, 2015 at 5:33am PDT The eye of #supertyphoon #Maysak really stands out early in the morning with the shadow being cast deep into the vortex. A photo posted by Terry Virts (@astro_terry) on Apr 1, 2015 at 5:29am PDT จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000038058
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11338 เมื่อ: 02 เมษายน 2558, 16:14:58 » |
|
ปภ.เผยมีพื้นที่ประสบภัยแล้ง 30 จว.เตือนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง2 เมษายน 2558 14:51 น. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 30 จังหวัด 169 อําเภอ 938 ตําบล 8,469 หมู่บ้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 11.30 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมดทั่วประเทศ ปภ.จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยทหาร เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งการนำรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ ยังจัดกำลังพล และสนับสนุนเครื่องจักรกล ออกปฏิบัติภารกิจช่วยบรรเทาภัยแล้ง และ พ่นละอองน้ำ เพื่อลดปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ จากการติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ ทําให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น สําหรับคลื่นกระแสลมตะวันตก ได้เคลื่อนเข้าปกคลุม ตอนบนสุดของภาคเหนือแล้ว ทําให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ไมสัก" (MAYSAK) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่า พายุนี้จะสลายตัวบริเวณชายฝั่งของประเทศจีนตอนใต้ จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000038209
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11339 เมื่อ: 03 เมษายน 2558, 18:07:10 » |
|
ฟิลิปปินส์เตือนภัยไต้ฝุ่น "ไมสัก" ขึ้นบกช่วงวันหยุดอีสเตอร์3 เมษายน 2558 17:07 น. เอเอฟพี - ไต้ฝุ่น "ไมสัก" ได้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าหาฟิลิปปินส์ในวันนี้ (3 เม.ย.) โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เตือนว่าอาจเกิดคลื่นพายุหมุนซัดเข้าหาฝั่ง น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม พร้อมทั้งขอให้ผู้ที่ใช้เวลาในช่วงอีสเตอร์บริเวณชายฝั่งระมัดระวังเป็นพิเศษ ไต้ฝุ่นไมสัก ถูกคาดหมายว่าจะอ่อนกำลังลงเมื่อถึงฝั่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความรุนแรงอยู่ โดยทางหน่วยงานอุตุนิยมฟิลิปปินส์ระบุว่า ไต้ฝุ่นลูกนี้มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุลูกนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะไปถึงจังหวัดอิซาเบลาและออโรราในช่วงเช้าวันอาทิตย์ โฆษกของสภาบริหารจัดการและลดความเสี่ยงถัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า ฝ่ายบริหารในท้องถิ่นได้เตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากทะเล โดยทางนายกเทศมนตรีในเมืองบาเลอร์ จังหวัดออโรรา ได้ดำเนินมาตรการป้องกันภัยเป็นพิเศษ "นายกเทศมนตรีของเมืองบาเลอร์ได้ไปเยี่ยมบรรดารีสอร์ตหลายแห่ง พร้อมทั้งขอว่า หากเป็นไปได้ก็อยากให้นักท่องเที่ยวกลับบ้านเลยตอนนี้ พวกเขาจะได้ไม่ต้องอพยพหนีภัยในภายหลัง" โฆษกฯ บอกกับเอเอฟพี ชาวฟิลิปปินส์หลายล้านคนได้ไปเที่ยวในวันหยุดหรือไม่ก็กลับถิ่นฐานบ้านเกิดในช่วงวันหยุดอีสเตอร์ ไต้ฝุ่นที่กำลังมุ่งเข้าหาฝั่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางของพวกเขา โดยเฉพาะผู้ที่โดยสารเรือเฟอร์รีข้ามไปมาระหว่างเกาะต่างๆ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมยังเตือนด้วยว่า อาจเกิดดินถล่มตามภูเขาที่ลาดชัน กับน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ต่ำหลายแห่ง นอกจากนี้ยังอาจมีคลื่นพายุหมุนซัดเข้าหาฝั่งความสูงประมาณ 3 เมตร มาร่วมสร้างความเสียหายด้วย ก่อนหน้านี้ ไต้ฝุ่นไมสักได้สร้างความเสียหายให้กับสหพันธรัฐไมโครนีเซียไปแล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย คนอีกหลายพันต้องไร้บ้าน แถมพืชพันธุ์ก็ถูกทำลายเสียหาย จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000038771
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11340 เมื่อ: 04 เมษายน 2558, 13:52:39 » |
|
ชาวฟิลิปปินส์อพยพ ปชช.กว่า 2 หมื่นคนหนีพายุไมสัก4 เมษายน 2558 13:06 น. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ วันนี้ (4 เม.ย.) ว่า สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนแห่งชาติของฟิลิปปินส์รายงานเรื่องการอพยพประชาชนราว 24,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจังหวัดออโรรา ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกของเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของประเทศ ไปอาศัยยังศูนย์พักพิงของรัฐเป็นการชั่วคราว ก่อนการมาเยือนของพายุไต้ฝุ่นไมสัก ที่นักอุตุนิยมวิทยาประเมินช่วงเวลาของการขึ้นฝั่งทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ในวันอาทิตย์นี้ หลังถล่มประเทศไมโครนีเซียมาแล้ว แม้การติดตามความเคลื่อนไหวของพายุอย่างใกล้ชิด ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า พายุเริ่มอ่อนกำลังลง โดยมีความเร็วลมศูนย์กลางอยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า อิทธิพลของพายุน่าจะยังคงรุนแรง โดยอาจก่อให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งสูงถึง 2 เมตร และพายุฝนฟ้าคะนอง รวมถึงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันเป็นวงกว้าง ซึ่งสำนักงานอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรียกเรือประมงขนาดเล็กให้กลับเข้าฝั่งทั้งหมด ทั้งนี้ ในแต่ละปีชาวฟิลิปปินส์เผชิญกับอิทธิพลรุนแรงของพายุเฉลี่ยปีละราว 20 ลูก โดยที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์คือซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ซึ่งพัดถล่มภาคกลางของประเทศเสียหายราบเป็นหน้ากลอง คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 7,350 ศพจาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000039000
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11341 เมื่อ: 04 เมษายน 2558, 17:12:55 » |
|
อุตุฯ เตือนประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน 7-10 เม.ย.นี้4 เมษายน 2558 15:41 น. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ เรื่อง "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 1 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 7-10 เมษายนนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วยจาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000039084
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11342 เมื่อ: 05 เมษายน 2558, 16:43:04 » |
|
วันนี้ อาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2558 ไปเช็งเม้ง "บรรพบุรุษของแฟน" มาครับ เช้านี้-อากาศร้อนมาก แดดแรง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11343 เมื่อ: 05 เมษายน 2558, 16:44:29 » |
|
กรมอุตุฯ เตือนรับมือพายุฤดูร้อนไทยตอนบน-ลูกเห็บตก
วันที่ 5 เม.ย. ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน" ฉบับที่ 2 ในช่วงวันที่ 7-10 เมษายน 2558 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น
โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11344 เมื่อ: 06 เมษายน 2558, 20:59:32 » |
|
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 6 เมษายน 2558 ณ เวลา 17.00 น. ลักษณะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้แล้ว และคาดว่าจะลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 7-10 เมษายน 2558 โดยในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน ตาก และสุโขทัย โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดชัยภูมิ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น นครพนม และอุบลราชธานี โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณนครสวรรค์ และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัด สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11345 เมื่อ: 06 เมษายน 2558, 21:07:43 » |
|
พายุลูกแรกของปีนี้ "ไม้สัก" พัดผ่านตอนเหนือของเกาะฟิลิปปินส์ ออกทะเลจีนเหนือไปสลายตัวแล้ว หลังต้องอพยพคนกว่า 20,000 คนทางเหนือหนีความรุนแรงของพายุ ในขณะที่พายุอีกลูกหนึ่ง "ไฮเซ็น" ก่อตัวทางตะวันออกไกลของฟิลิปปินส์และจะสลายตัวในเร็ววัน ไม่มีผลกระทบต่อฟิลิปปินสืแต่ประการใด
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11346 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 10:49:17 » |
|
ประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 07 เมษายน 2558 บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้และเวียดนามตอนบนแล้ว และคาดว่าจะลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 7-10 เมษายน 2558 โดยในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย ประกาศ ณ วันที่ 7 เมษายน 2558 เวลา 05.00 น.
กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไป ในวันที่ 7 เมษายน 2558 เวลา 11.00 น.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11347 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 10:52:27 » |
|
พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 7 เมษายน 2558
ลักษณะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้และเวียดนามตอนบนแล้ว และคาดว่าจะลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 7-10 เมษายน 2558 โดยในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย และตาก โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดชัยภูมิ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น นครพนม และอุบลราชธานี โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณนครสวรรค์ และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11348 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 15:57:44 » |
|
พายุร้อนซัดบ้านเรือนในเมืองเลยเสียหายหลายสิบหลัง 7 เมษายน 2558 09:46 น. (แก้ไขล่าสุด 7 เมษายน 2558 09:53 น.) เลย - พายุฝนฤดูร้อนกระหน่ำซัดพื้นที่จังหวัดเลยกลางดึก บ้านเรือนพังเสียหายหลายสิบหลังในหลายหมู่บ้าน เบื้องต้นเทศบาลตำบลนาอาน-นาดินดำรุดให้ความช่วยเหลือแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดเลยมีพายุฤดูร้อนพร้อมฝนตกกระหน่ำ ลมพัดกระโชกแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมืองเลย ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนที่บ้านไร่ทาม ม.5 ต.นาอาน อ.เมืองเลย จ.เลย ได้รับความเสียหาย 6 หลัง เสียหายบางส่วน 4 หลัง เสียหายหนักพังทั้งหลัง 2 หลัง และบ้านหนองหญ้าไซ ม.2, 9 และ 12 ต.นาดินดำ อ.เมืองเลย จ.เลย 36 หลัง เสียหายหนัก 5 หลัง เสียหายบางส่วน 31 หลัง รวมทั้งหมด 36 หลัง ล่าสุด เช้าวันนี้ (7 เม.ย.) ทางอำเภอเมืองเลยได้ร่วมกับเทศบาลตำบลนาอาน และเทศบาลตำบลนาดินดำออกสำรวจและให้ความช่วยเหลือ โดยใช้งบประมาณของ อปท. ทั้งนี้ หากเกินขีดอำนาจการอนุมัติงบระดับอำเภอก็จะเตรียมขอสนับสนุนเพิ่มเติมจากจังหวัดเลย นายพูลศักดิ์ อินทรักษ์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ 5 ต.นาอาน อ.เมืองเลย จ.เลย กล่าวว่า ช่วงเวลาที่มีลมพายุพัดอย่างรุนแรงพร้อมกับพายุฝนตกกระหน่ำนั้นใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นบ้านเรือนก็เสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนักสุดในรอบ 43 ปีที่ไม่เคยเห็นพายุอะไรที่แรงและหนักขนาดนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ถือว่าแรงที่สุดในชีวิต ชมภาพได้ที่.... http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000040003
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11349 เมื่อ: 07 เมษายน 2558, 17:35:55 » |
|
วิจัยจุฬาฯ.! ชี้สงฆ์รับเงินทองผิดพระธรรมวินัย กระทบมั่นคงเร่งปฏิรูปศาสนา3 เมษายน 2558 12:53 น. งานวิจัยจุฬาฯ เรื่อง “พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว” ระบุชัดเจนในพระวินัยปิฎกภิกษุสงฆ์ไม่สามารถรับ จับ หรือมีเงินทองเป็นของส่วนตัวได้ อีกทั้งการมีทรัพย์สินมาก เกิดจากการฉ้อโกงเงินวัด การฆาตกรรมเรื่องผลประโยชน์ การเรี่ยไรเงินบริจาคที่ไม่เหมาะสม การปลอมบวชเพื่อหวังสร้างรายได้ ที่สำคัญการรับเงินทองส่งผลต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา แนะการปฏิรูปพุทธศาสนาที่ถูกต้อง ควรยึดหลักพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก และกฎหมาย สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปศาสนาชุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน ข่าวฉาวๆ ของวงการสงฆ์ที่ปรากฏเป็นข่าวในโลกสังคมออนไลน์มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องผลประโยชน์วัดและของส่วนตัว การทุจริต ฉ้อโกงทรัพย์สินวัด การซื้อตำแหน่งในวงการสงฆ์ หรือการประพฤติตนไม่เหมาะสม มั่วสีกา เมาสุรา รวมไปถึงการเข้ามาข้องเกี่ยวทางการเมืองด้วยการออกมาเดินขบวน หรือขู่จะมีการเดินขบวนบ้าง ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญให้พุทธศาสนามัวหมอง และนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปศาสนาเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ที่มี “นายไพบูลย์ นิติตะวัน " เป็นประธาน ได้เสนอแนวทางและมาตรการปฏิรูป 4 ประเด็นหลักต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ประกอบด้วย 1. ให้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินของวัดและพระภิกษุ 2. เสนอให้แก้กฎหมายมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ หรือ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ในสาระสำคัญ คือ การกระจายอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์ แทนการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ 3. ต้องมีกลไกนำหลักปฏิบัติตามพุทธบัญญัติที่ทรงไว้ซึ่งความดี ถูกต้อง และบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนามาปฏิบัติ เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนหรือแอบอ้างพระธรรมวินัย 4. ปฏิรูปการศึกษาของคณะสงฆ์ให้ทันเหตุการณ์ โดยราชการต้องให้ความสำคัญด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ด้วย โดยเน้นเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของพระและวัด สำหรับแนวทางการปฏิรูปชุดนายไพบูลย์นั้นยังได้นำไปสู่เหตุการณ์ที่พระสงฆ์และเครือข่ายชาวพุทธกว่าหมื่นคนประกาศจะออกมาเคลื่อนไหวปกป้องพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ยุติไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่าจะให้มหาเถรสมาคมเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางในการปฏิรูปพุทธศาสนาด้วย สิ่งที่น่าสนใจสำหรับแนวทางการปฏิรูปศาสนาซึ่งทีม Special Scoop พบงานวิจัยเรื่อง “พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว” ของ “ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์” อาจารย์ภาควิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยไว้อย่างละเอียดสะท้อนถึงการปฏิรูปพุทธศาสนาที่ถูกต้อง ต้องยึดหลักการตามแนวทางพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก และกฎหมาย ซึ่งจะเป็นแนวทางในการทำนุบำรุงพุทธศาสนาและจะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพตามพระธรรมวินัยของพระภิกษุสงฆ์สืบต่อไป โดยงานวิจัย “พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว” เป็นส่วนหนึ่งในโครงการวิจัยพุทธศาสน์ศึกษาของ ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นรูปแบบงาน “วิจัยเอกสาร” ที่ได้จากเอกสารต่างๆ ตั้งแต่เอกสารปฐมภูมิเช่นคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถา เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เอกสารทุติยภูมิ เช่นงานวิจัยและหนังสือทางวิชาการต่างๆ รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้วิจัยได้วิเคราะห์เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ โดยเฉพาะเรื่องเงินและทองว่าขัดกับหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการ นับตั้งแต่การตีความหมาย “ทรัพย์ของสงฆ์” ที่มีความหมายหลากหลายในบริบทตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงความหมายของทรัพย์ เช่น “ทรัพย์สินทางโลก” ซึ่งเป็นวัตถุกามและทรัพย์สินทางธรรมที่เป็นคุณธรรม โดยสามารถเป็นทั้งคำนามและคำอุปมาได้ โดยทรัพย์สินของพระภิกษุสงฆ์นั้นแบ่งได้เป็นสองอย่างตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตคือ “ทรัพย์สินหลัก” กับ “ทรัพย์สินเสริม” ซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้และครอบครองโดยขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพย์สินนั้นๆ ว่าจะมีระยะเวลาและจำนวนที่เก็บได้เท่าใด เช่น เก็บได้ 1 วัน 7 วัน เหตุผลก็เพื่อมิให้พระภิกษุสงฆ์ทำการสะสมและยึดถือทรัพย์สินเหล่านั้นว่าเป็นของของตนนั่นเอง สิ่งที่ชี้ว่าเหตุใดพระสงฆ์จึงไม่สามารถสะสมทรัพย์สินเงินทองได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านพระวินัย ซึ่งการสะสมทรัพย์สินเงินทองนั้น ย่อมเป็นการขัดกับวิถีชีวิตของนักบวชที่มุ่งจะประพฤติปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น เพราะ “การบวช” ไม่ว่าจะเป็นสมัยพุทธกาลหรือสมัยปัจจุบันล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการ “ละความสุขทางโลก“ และเพื่อออกบำเพ็ญเพียรจนบรรลุถึงความ “หลุดพ้น” อันเป็นจุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลมีสมบัติเพียงไตรจีวรกับสิ่งของจำเป็นไม่มากนักตามพระวินัยบัญญัติ แต่สิ่งที่เห็นกันในปัจจุบันพระสงฆ์มีทรัพย์สินเงินทองเป็นสมบัติส่วนตัวกันมากจนเป็นที่รับรู้กันอยู่ในสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการศึกษาวิจัยว่าการสะสมทรัพย์สินเงินทองดังกล่าวของพระสงฆ์ในปัจจุบันนั้นขัดกับหลักพระธรรมวินัยหรือไม่ เรื่องดังกล่าวจึงสืบเนื่องกันต่อมาโดยไม่มีเสียงคัดค้านจากวงวิชาการหรือสังคมแต่อย่างใด การรับเงินทองของสงฆ์ขัดกับพระธรรมวินัย ขณะที่วิถีชีวิตของพระภิกษุสงฆ์เป็นอยู่ด้วยความเรียบง่ายโดยมีทรัพย์สินติดตัวเท่าที่จำเป็น ปัจจัยทั้งหลายที่จะได้ก็แล้วแต่จะมีผู้บริจาคและเป็นไปเพียงเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ตามอัตภาพแก่สมณภาวะเท่านั้น การถือนิสัยที่เรียบง่ายและเป็นไปตามธรรมชาตินี้ย่อมมีไว้เฉพาะพระภิกษุที่เป็นลัชชีเท่านั้น ดังนั้นการที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตทรัพย์สินต่างๆ ก็เพื่ออนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์ของพระภิกษุสงฆ์ให้เป็นไปได้ด้วยดีต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม ดังนั้นทรัพย์สินเหล่านี้จึงมีเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ ทรัพย์สินเหล่านั้นย่อมเป็นไปเพื่อการเข้าถึงพระนิพพานนั่นเอง บุคคลที่จะบวชเป็นบรรพชิตนั้นต้องสละทรัพย์สินทั้งปวง เช่น เงินและทอง เมื่อเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วก็จะต้องละเว้นเช่นเดียวกันและเป็นการไม่สมควรเลยที่บรรพชิตจะกลับมามีเงินทองอีก ในพระวินัยปิฎก พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้อย่างชัดเจนไม่ให้ภิกษุรับ ใช้ให้คนอื่นรับ หรือแม้กระทั่งยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้ให้ตน นอกจากนี้ยังรวมถึงอะไรก็ตามที่มีค่าในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ เช่น ธนบัตร เหรียญ เช็ค บัตรกดเงินสด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต บัตรเครดิต ฯลฯ การรับเงินทองจึงเป็นการผิดพระวินัยและเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์แก่ภิกษุที่รับไม่ว่าจะโดยเหตุผลใดๆ เช่น การรับเพื่อตัวหรือเพื่อสงฆ์ก็ตาม นอกจากนี้ การต้องอาบัตินั้นย่อมเป็นไปตามจำนวนของเงินทองนั้นอีกด้วย การที่พระภิกษุสงฆ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง เช่น การรับ การแลกเปลี่ยน และการซื้อขายก็ย่อมเป็นอาบัติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวนั้นมีระดับความสำคัญมากน้อยเท่าใด ความผิดที่เป็นอาบัตินั้นก็จะมากยิ่งขึ้นตามเท่านั้น ในคัมภีร์อรรถกถาได้อธิบายว่าเพราะเงินและทองเป็นสิ่งที่เรียกว่า “อนามาส” คือวัตถุอันภิกษุไม่ควรจับต้อง การที่พระภิกษุสงฆ์ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองที่มีค่ามากกว่า 5 มาสก ยังอาจทำให้ต้องอาบัติถึงขั้นปาราชิกได้อีกด้วย หากพระภิกษุสงฆ์รับเงินทองมาแล้วก็ต้องสละเงินทองนั้นในที่ประชุมสงฆ์ โดยให้ฆราวาสช่วยเปลี่ยนเป็นปัจจัย 4 โดยห้ามบอกว่าต้องการอะไรเป็นการเฉพาะ ส่วนภิกษุที่เป็นผู้รับเงินทองนั้นไม่มีสิทธิ์รับปัจจัย 4 ที่เกิดจากเงินทองนั้น หากไม่มีฆราวาสช่วยจัดการเงินทองดังกล่าว สงฆ์ต้องสมมติพระรูปหนึ่งเพื่อทิ้งเงินทองนั้น คัมภีร์อรรถกถาอุปมาเงินทองว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจดุจคูถและการบริโภคปัจจัย 4 ที่เกิดจากเงินทองนี้ว่าน่ารังเกียจเทียบเท่าการอวดอุตริมนุสธรรมและกุลทูสกกรรมคือการประทุษร้ายตระกูล แนวคิดดังกล่าวย่อมแสดงชัดเจนว่าการรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์เป็นเรื่องขัดกับพระธรรมวินัยเพียงใด ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าพระภิกษุสงฆ์จะรับเงินทองได้นั้นมีเพียงการให้กัปปิยการกหรือผู้ที่มีจิตศรัทธาเป็นผู้ถือเงินทองให้แล้วเปลี่ยนเป็นปัจจัย 4 ที่เหมาะสมกับความต้องการของพระภิกษุสงฆ์จึงจะไม่อาบัติ พระภิกษุสงฆ์ห้ามยุ่งเกี่ยวแม้กระทั่งสั่งว่าให้เงินทองนั้นไปวางไว้ที่ใด ในพระสุตตันตปิฎก พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเงินและทองเป็นปัจจัยต่อการผิดคุณธรรมอื่นๆ เช่น การพูดปด พระภิกษุสงฆ์จึงไม่พึงยินดี แสวงหาเงินทองโดยปริยายอะไรเลย เงินทองเป็นเรื่องของกามคุณที่เกี่ยวกับความเศร้าหมองของสมณะเพราะถูกกิเลสครอบงำเป็นทาสของตัณหา และหากยึดติดกับเงินทองก็ย่อมไม่เข้าใจในคุณธรรมชั้นสูงด้วย เงินทองไม่สามารถทำให้พ้นจากความแก่และความตายได้ เพราะความแก่ความตายเป็นของไม่เที่ยง เงินและทองก็เป็นเพียงปฐวีธาตุหามีสาระอันใดไม่ ที่สำคัญ การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์ยังเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่สอง การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์จึงมีผลต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาอีกด้วย ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันนี้ เช่น เรื่องรายรับ รายจ่าย การบริหารจัดการ รวมถึงทรรศนะต่างๆ ผู้วิจัยได้นำเสนอจากข้อมูลเอกสารและจากการสัมภาษณ์ซึ่งพบว่ารายได้และรายจ่ายของพระภิกษุสงฆ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพพื้นที่ กิจกรรมต่างๆ ศรัทธาของฆราวาส ซึ่งการบริหารจัดการนั้นก็มีหลายรูปแบบทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและกฎหมายของสงฆ์ ทรัพย์สินไม่ใช่ของสงฆ์แต่เป็นของศาสนา ในงานวิจัยพบข้อมูลจากการสัมภาษณ์ทำให้ทราบว่าพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันมีทรรศนะเรื่องเงินทองแตกต่างกันไป เช่น ทรรศนะว่าเงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติ ทรรศนะว่าเงินทองเป็นของส่วนตัว ทรรศนะเคร่งครัดตามพระธรรมวินัยและทรรศนะที่จะปรับเปลี่ยนพระธรรมวินัย แต่โดยรวมแล้วไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันล้วนมีเงินทองเป็นของส่วนตัวแทบทั้งสิ้น การมีเงินทองเป็นทรัพย์สินส่วนตัวยังทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น ปัญหาการฉ้อโกงทรัพย์สินวัด ปัญหาการเรี่ยไรเงินทอง ปัญหาการล่อลวงและขโมยทรัพย์สินพระภิกษุสงฆ์ ปัญหาด้านอาชญากรรม และปัญหาการปลอมบวช นับว่าปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคม โดยเฉพาะผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องศรัทธา คุณภาพของพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในสังคมไทยอีกด้วย หากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ไม่ทำให้ได้รับศรัทธาจากประชาชนอย่างมากมายโดยเฉพาะเรื่องเงินและทองเช่นนี้แล้ว ปัญหาต่างๆ เช่น การปลอมบวช การเรี่ยไร การฉ้อโกงคงเกิดขึ้นได้ยาก งานวิจัยนี้ได้วิเคราะห์เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์โดยเฉพาะเรื่องเงินและทองว่าขัดกับหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการ นอกจากในพระวินัยปิฎกที่แสดงไว้ชัดเจนแล้วว่าการรับเงินและทองเป็นความผิด การมีเงินทองและสิ่งของแทนเงิน เป็นของส่วนตัวนั้นยังขัดกับหลักมหาประเทศ 4 เพราะเงินทองเป็นสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร จึงเป็นสิ่งไม่ควร ทั้งนี้หากพระภิกษุสงฆ์มีการใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตที่ไม่มีบัญญัติในพระวินัย แต่สิ่งเหล่านี้ตรงกับหลักมหาประเทศที่ว่า แม้พระพุทธเจ้ามิได้ทรงห้ามเรื่องบัตรเครดิต ฯลฯ แต่ทรงห้ามการรับเงินและทอง บัตรเครดิต ฯลฯ เข้ากับเงินและทองที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ดังนั้นบัตรเครดิต ฯลฯ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรด้วย หากพิจารณาเรื่องของกามคุณแล้ว เงินทองเป็นกามคุณที่บรรพชิตต้องงดเว้นทั้งก่อนบวชและเมื่อบวชแล้ว เงินทองเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ประเสริฐเพราะเป็นกามคุณที่ไม่เที่ยงจึงมีโทษมากมาย และยังเป็นปัจจัยให้เกิดการประพฤติผิดคุณธรรมต่างๆ เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของตัณหาอีกด้วย เงินทองจึงเป็นสิ่งที่พระภิกษุสงฆ์ควรงดเว้น นอกจากนี้การมีเงินทองยังขัดกับหลักความไม่สะสมและยังเป็นปัจจัยแก่ความยึดมั่นถือมั่นอีกด้วย หากการบวชของพระภิกษุสงฆ์เป็นไปเพื่อการสะสมทรัพย์สินเงินทองย่อมไม่ใช่เป้าหมายของพระพุทธศาสนาเพราะมิได้เป็นไปเพื่อความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา เลี้ยงง่าย ปรารภความเพียร และยังต่ำทรามเมื่อเทียบกับสุนัข สิ่งเหล่านี้ล้วนขัดกับหลักการเรื่องการปล่อยวางและการไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนที่เป็นหัวใจประการหนึ่งของพระพุทธศาสนา หากพิจารณาด้วยเกณฑ์นี้ ทรัพย์สินเงินทองจึงขัดกับหลักธรรมดังกล่าวด้วย ดังนั้นการที่พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวย่อมผิดหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการดังที่ได้กล่าวแล้ว และหากพิจารณาในมุมของกฎหมาย การที่พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวก็ถือว่าไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน แม้ว่ากฎหมายบางมาตราอาจมีช่องที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวได้ แต่กฎหมายเหล่านั้นก็มิได้มีเจตนารมณ์ที่จะให้พระภิกษุสงฆ์มีทรัพย์สินเป็นของส่วนตัว เพราะถือว่าทรัพย์สินที่พระภิกษุสงฆ์ได้มานั้นล้วนเป็นทรัพย์สินของศาสนาทั้งสิ้นจึงไม่ควรที่จะยึดถือมาเป็นสมบัติส่วนตัว หากจะมีช่องทางให้พระภิกษุสงฆ์มีทรัพย์สินได้นั้นก็เพื่อจะได้ทำกุศลเพื่อช่วยมวลมนุษย์ด้วยการให้ทาน ดังนั้นในมุมมองของกฎหมายทางโลกก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่พระภิกษุสงฆ์จะมีทรัพย์สินส่วนตัว การมีทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์จึงขัดกับพระธรรมวินัยและกฎหมายทางโลก พระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว จากการสัมภาษณ์ ข้อมูลรายได้ส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ เช่น เงินนิตยภัต เงินค่าสอน เงินจากกิจนิมนต์ทั่วไป เงินจากกิจกรรมพิเศษทางศาสนา หากจะวิเคราะห์ตามพระธรรมวินัย การมีรายได้ของพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นเงินทองไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ตามย่อมผิดพระวินัยบัญญัติ ทำให้ทราบว่าเมื่อพระภิกษุสงฆ์มีเงินทองแล้วก็สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆ ได้อย่างมากมาย ซึ่งอาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยก็เป็นได้ จึงผิดพระวินัยบัญญัติในข้อการนำเงินทองไปแลกเปลี่ยน ส่วนเรื่องรายจ่ายส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ เช่น รายจ่ายส่วนตัว รายจ่ายการกุศล รายจ่ายด้านการศึกษา หากการใช้เงินทองในเรื่องเหล่านี้ไม่มีไวยาวัจกรจัดการให้แล้วก็ย่อมเป็นอาบัติอยู่นั่นเอง ส่วนเรื่องการจัดการกับทรัพย์สินส่วนตัวนั้น เนื่องจากไม่มีกฎหมายประกาศไว้ชัดเจน วิธีการปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์จึงมีความแตกต่างกันไป เช่น การเปิดบัญชีรวมเงินส่วนตัวเข้ากับบัญชีวัด การเปิดบัญชีส่วนตัว ไม่เปิดบัญชีแต่เก็บไว้ในตู้บริจาค กุฏิเจ้าอาวาส ฯลฯ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน หากการเก็บรักษาเงินทองเหล่านี้ไม่มีไวยาวัจกรช่วยจัดการให้พระภิกษุสงฆ์แล้วก็ย่อมเป็นอาบัติอยู่นั่นเอง ส่วนการวิเคราะห์ทรรศนะจากการสัมภาษณ์นั้น ทรรศนะที่กล่าวว่าเงินทองเป็นเพียงแค่สิ่งสมมติเพราะเป็นเพียงกระดาษที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไม่มีค่าในตัวเอง ซึ่งต่างจากสมัยพุทธกาลที่เป็นเงินทองจริงๆ คำกล่าวนี้ย่อมขัดกับพระวินัยเพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้ามเงินทองเท่านั้น แม้ยางไม้ กระดูก หนัง เมล็ดผลไม้ที่สมมติเป็นเงินทองได้นั้นก็ย่อมผิดพระวินัย นอกจากนี้ หากเงินเป็นเพียงกระดาษจริงแล้ว ปัญหาการฉ้อโกงทรัพย์สินวัด ปัญหาการเรี่ยไรเงินทองโดยไม่สมควร และปัญหาการปลอมบวชเป็นพระเพื่อหวังทรัพย์สินเงินทองก็คงไม่เกิดขึ้นเพื่อแย่งชิงกระดาษซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมติอย่างแน่นอน การอ้างว่าเงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติแล้วสามารถใช้ได้นั้นยังขัดกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอภิธรรมปิฎกว่าเงินทองนั้นเป็นเพียงธาตุดิน จึงเป็นเพียงสิ่งสมมติและไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นและไม่ควรใช้แต่อย่างใด แต่พระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันกลับอ้างตรงกันข้ามกับพระพุทธเจ้าว่าเงินทองเป็นสิ่งสมมติที่ควรใช้ได้ ทรรศนะต่อมาที่ว่าเงินทองนั้นเป็นของส่วนตัวได้หากฆราวาสถวายเจาะจง คำกล่าวนี้ก็ผิดกับพระวินัยเพราะการรับเงินทองย่อมเป็นอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์และต้องสละเงินทองนั้นเสียก่อนเพราะเงินทองไม่ใช่บริขาร 8 และไม่ใช่ทั้งทรัพย์สินหลักและทรัพย์สินเสริมแต่ประการใด เพราะเงินทองนั้นเป็นอนามาสคือสิ่งที่ไม่ควรจับต้องเช่นเดียวกันกับร่างกายและเครื่องแต่งกายสตรี เงินทอง อาวุธ นอกจากนี้ พระภิกษุสงฆ์ที่กล่าวอ้างเรื่องนี้ยังบกพร่องต่อหน้าที่ในการให้ความรู้เรื่องพระธรรมวินัยแก่ฆราวาส แตกต่างจากท่านพระยสกากัณฑกบุตรที่ทำให้ชาวเมืองวัชชีเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่าพระภิกษุสงฆ์ไม่สามารถรับเงินและทองได้ พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นยังควรนำพระพุทธพจน์ที่ตรัสว่าควรถวายสงฆ์หรือส่วนรวมมากกว่ามาชี้แจง ทรรศนะอีกประการหนึ่งที่นำมาสนับสนุนการประพฤติย่อหย่อนในพระธรรมวินัยก็คือข้ออ้างที่ว่าสมัยปัจจุบันนี้มีความแตกต่างจากสมัยพุทธกาล ข้ออ้างดังกล่าวย่อมผิดกับหลักมหาประเทศ 4 เพราะหลักมหาประเทศสามารถใช้ได้ในทุกกรณีที่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงบัญญัติไว้และมีความทันสมัยและยืดหยุ่น อย่างไรก็ดี การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์นี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่ถูกต้องจึงไม่จำเป็นต้องนำหลักมหาประเทศ 4 มาอ้างอีก ในทางตรงกันข้ามการอ้างว่าต้องปรับพระธรรมวินัยนั่นเองที่เป็นการทำให้ขัดกับหลักการของพระธรรมวินัย การกล่าวอ้างว่าต้องปรับพระธรรมวินัยยังลดค่าพระธรรมวินัยอีกด้วย เพราะพระธรรมวินัยกลายเป็นของใช้ได้ชั่วคราวไม่ใช่สัจธรรมแต่อย่างใด วิธีคิดดังกล่าวยังขยายผลไปถึงความไม่เคารพในพระพุทธเจ้าได้ด้วย เพราะพระธรรมวินัยนั้นย่อมเกิดจากพระพุทธองค์และมีผลต่อความเสื่อมของพระพุทธศาสนาอีกด้วย พุทธศาสนาเถรวาทยอมรับมติในการสังคายนาที่พระมหากัสสปะเป็นประธานจึงไม่มีการลดทอนสิกขาบทแต่อย่างใด ดังนั้น คำกล่าวอ้างว่าพระภิกษุสงฆ์สามารถใช้เงินทองได้เพราะพระพุทธเจ้าทรงให้ลดทอนสิกขาบทเล็กน้อยได้นั้นจึงไม่ถูกต้อง ส่วนคำกล่าวอ้างที่ว่า พระภิกษุสงฆ์ในสมัยนี้ไม่สามารถประพฤติสิกขาบทตามพระธรรมวินัยได้เพราะเป็นเรื่องยาก คำกล่าวนี้ก็ย่อมแสดงว่าพระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ไม่น่าสรรเสริญตามพระธรรมวินัยเพราะประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์และยังล่วงสิกขาบท ทั้งๆ ที่ความยากลำบากนี้ยังไม่ได้ทำให้พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้น้ำตานองหน้าหรือถึงแก่ชีวิตแต่ประการใด เสนอทางแก้เพื่อรักษาพระธรรมวินัย จะเห็นได้ว่าทรรศนะต่างๆ ที่ขัดกับพระธรรมวินัยย่อมมีข้อโต้แย้งได้หลายประการ ทรรศนะการรักษาพระธรรมวินัยจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์นี้ ผู้วิจัยมีความเชื่อว่าหากใช้วิธีแก้ไขตามพระธรรมวินัยก็น่าจะเป็นทางออกที่สามารถทำได้และจะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวกับพระสงฆ์นี้อย่างถาวรอีกด้วย นอกจากการแก้ปัญหาโดยอาศัยพระธรรมวินัยแล้ว ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ ในฐานะผู้วิจัย คิดว่าทางออกของการแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินของพระสงฆ์นี้ยังต้องอาศัยวิธีส่งเสริมคุณภาพพระภิกษุสงฆ์ตามพระธรรมวินัย เช่น การปลูกฝังอุดมการณ์การบวช การศึกษาพระธรรมวินัย และการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดผสมผสานกับการแก้ไขเชิงระบบโดยอาศัยรัฐ เช่น การสร้างระบบกลั่นกรองพระภิกษุสงฆ์ให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยมีบทลงโทษที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการปลอมบวชต่อไป และควรทำฐานข้อมูลพระภิกษุสงฆ์เพื่อจะได้ทราบประวัติเพื่อป้องกันผู้เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสียบวชซ้ำและนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์ ทั้งยังเป็นการป้องกันการปลอมบวชได้อีกด้วย ส่วนการจัดการทรัพย์สินและการอุปถัมภ์ปัจจัย 4 โดยรัฐนั้นสามารถทำได้โดยตั้งกองทุนของวัดเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นกองกลางโดยบริหารจัดการภายในวัด ให้รัฐเป็นผู้สนับสนุนอุปถัมภ์งบประมาณทั้งหมด โดยอาศัยข้อกฎหมายในการดูแลจัดการทรัพย์สินแทนวัดและทรัพย์สินส่วนตัวหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคณะสงฆ์ให้มีการตรวจสอบระบบบัญชีได้อย่างโปร่งใสในทุกระดับ โดยมีการแบ่งแยกบัญชีส่วนตัวกับของวัดให้ชัดเจน นอกจากนี้ การจัดตั้งองค์กรของภาคสังคมและสภาชาวพุทธแห่งชาติที่ประกอบด้วย รัฐ คณะสงฆ์ และประชาชนเพื่อพัฒนาการพระศาสนาและอุปถัมภ์คณะสงฆ์ก็ดี การจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา เพื่อทำหน้าที่ดุจไวยาวัจกรในการจัดการด้านการเงินให้แก่คณะสงฆ์ก็ดี และการกลับเข้าไปหาพระธรรมวินัยดั้งเดิม เช่น อาศัยระบบไวยาวัจกรที่ซื่อสัตย์ ทำหน้าที่ดูแลการเงินประจำวัดก็อาจเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้ คัดเลือกไวยาวัจกรที่มีคุณภาพโปร่งใส งานวิจัยนี้ยังได้ชี้ทางออกของการแก้ปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์ว่า เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล วิธีแก้ไขก็คือการประพฤติพระธรรมวินัยให้ถูกต้องโดยมีไวยาวัจกรที่ซื่อสัตย์เป็นผู้สนับสนุน หากเป็นกิจการของวัดก็ใช้วิธีแก้ด้วยพระธรรมวินัย โดยมีไวยาวัจกรประจำวัดทำหน้าที่จัดการด้านการเงิน ทั้งนี้ต้องได้รับการสนับสนุนและตรวจสอบจากภายในวัดและชุมชนรอบวัดเพื่อความโปร่งใส และมีการตรวจสอบได้จากส่วนกลางซึ่งอาจเป็นมหาเถรสมาคมหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เป็นได้ ขณะที่ปัญหาการจัดการทรัพย์สินส่วนรวมหรือของคณะสงฆ์นั้นต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยให้มีงบประมาณเพียงพอแก่การใช้สอยผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือมหาเถรสมาคม ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณจากเงินที่ได้โดยการบริจาคหรือจากธนาคารพุทธศาสนาก็เป็นได้ โดยให้ธนาคารพุทธศาสนาทำหน้าที่ดุจไวยาวัจกรในการดูแลทรัพย์สินของพระสงฆ์ไม่ให้ผิดพระธรรมวินัยและต้องมีระบบตรวจสอบที่โปร่งใสชัดเจน ทั้งจากฝ่ายพระสงฆ์และจากรัฐ แนวความคิดดังกล่าวจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีระบบไวยาวัจกรที่มีคุณภาพ ทั้งนี้การรับไวยาวัจกรก็จำเป็นต้องมีระบบคัดเลือกและตรวจสอบจากส่วนกลางอย่างมีคุณภาพเพื่อป้องกันปัญหาการฉ้อโกงและทุจริต เช่นเดียวกับระบบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดที่จะต้องสามารถเปิดเผยข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งจากภาคประชาชน คณะสงฆ์ และรัฐ โดยรัฐต้องออกกฎหมายสนับสนุนให้กิจกรรมเหล่านี้ดำเนินไปได้ด้วยดี โดยทั้งหมดนี้ล้วนต้องอาศัยหลักการในพระธรรมวินัยทั้งสิ้น พระภิกษุสงฆ์จึงต้องศึกษาและประพฤติปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง จึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งต่อพระภิกษุสงฆ์ต่อพระธรรมวินัยและต่อสังคมไทยสืบไป ถ้าหากพระภิกษุสงฆ์ไม่ศึกษาและประพฤติตามพระธรรมวินัยอย่างถูกต้องแล้ว ระบบใดๆ ก็ตามก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์นี้ได้อย่างที่เคยเป็นมาตลอด อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่องทรัพย์สินเงินทองของพระสงฆ์นี้มีมานานในสังคมไทยแล้วอย่างน้อยก็กว่าสองร้อยปี นับตั้งแต่ปรากฏอยู่ในกฎหมายตราสามดวง หากสืบค้นไปแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ผู้วิจัยจึงมีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าบัณฑิตในกาลก่อนก็พยายามที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้มาตลอดประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา แต่ผลก็ยังคงเป็นดังเช่นที่ได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบันทั้งปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ใกล้เคียงกันเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไปบ้างตามบริบทของสังคมเท่านั้น คำตอบของปัญหาและวิธีการแก้ไขเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์นี้ก็อาจจะเป็นคำตอบเดียวกันตลอดมา ก็คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของพระธรรมวินัยที่ต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่ใจด้วยการดับกิเลส ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงอาจเป็นการย้อนรอยเดิมที่บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อนได้ย่อมาแล้ว และอาจเป็นการเปิดทางให้บัณฑิตในอนาคตได้เห็นร่องรอยของปัญหา รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในอนาคตที่น่าจะต้องมีอยู่ต่อไป ตราบที่มนุษย์ทั้งหลายยังไม่พ้นจากวงจรของกิเลสและความทุกข์
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9580000038620
|
|
|
|
|